Tuesday, 12 November 2024
ภาคกลางไทม์

นนทบุรี - สวนกระบองเพชร ดร.ฉลวย ขันจำนงค์ ตำบลไทรใหญ่ อำเภอไทรน้อย จังหวัดนนทบุรี มีแนวคิดที่น่าสนใจ กระบองเพชรมีมากกว่า 1,000 พันชนิด

ที่ "สวนกระบองเพชร ดร.ฉลวย ขันจำนงค์ ตำบลไทรใหญ่ อำเภอไทรน้อย จังหวัดนนทบุรี มีแนวคิดที่น่าสนใจ กระบองเพชรมีมากกว่า1,000 พันชนิด ตั้งแต่ราคาถูก 20 บาท ไปยันต้นละหลายพัน

คนที่เลี้ยงกระบองเพชรสามารถสร้างรายได้ไม่ยาก โดยมีความเสี่ยงน้อย แนะนำว่า ให้เลี้ยงไว้หลากหลายสายพันธุ์ เพราะ ในช่วงที่บางสายพันธุ์ราคาตก ก็เก็บไว้รอ ในขณะที่ตัวไหนราคาดี ก็ปล่อยขายไปก่อน จนวัฏจักรวนครบรอบ ตัวที่ราคาตกกลายเป็นราคาดีขึ้นมา ส่วนลงทุนเบื้องต้น ก็ลองซื้อเมล็ดพันธุ์มาเพาะ ราคาไม่แพงพอโตก็คัดต้นแปลก ๆ มาขายให้นักสะสม ในแฟนเพจกลุ่มผู้รักกระบองเพชร

แนวคิดที่น่าสนใจ กระบองเพชรมีความสวยงาม โดยเฉพาะยามออกดอกจะสร้างสีสันให้กับบ้านได้อย่างดี การเลี้ยงปลูกกระบองเพชรมีการพัฒนาสร้างพันธุ์ใหม่ขึ้นได้เองอีกหลายชนิด มากกว่า 1,000 สายพันธุ์ ซึ่งบางพันธุ์จำหน่ายได้ราคาสูงกว่า 5,000 บาท ทำให้มีรายได้เข้ามาเสริมเดือนละกว่า 1 หมื่นบาทโดยการเพาะขยายพันธุ์ด้วยการแยกหน่อเพาะเมล็ด พบว่า การขยายพันธุ์บางครั้งจะทำให้ได้กระบองเพชรชนิดใหม่ ๆ ที่มีลักษณะเฉพาะ ทำให้เกิดความท้าทายเพิ่มขึ้น จึงออกไปหาสายพันธุ์ใหม่มาเพิ่มเติม และเพาะเลี้ยงเพิ่มมากขึ้น กระบองเพชรที่เลี้ยงไว้ไม่กี่ต้นขยายเติบโตขึ้นเป็นสวนใหญ่  สามารถสร้างรายได้เสริมได้จำนวนหนึ่ง มีลูกค้าเข้ามาสั่งซื้อกันเป็นจำนวนมาก

ล่าสุด ปัจจุบันมีรายได้เสริมจากการจำหน่ายกระบองเพชร สำหรับการเลี้ยงดูกระบองเพชรนั้นก็ไม่ใช่เรื่องยาก เพราะกระบองเพชรเป็นพืชที่ต้องการน้ำต่ำ แต่ขาดแสงแดดไม่ได้ ใช้เวลาในการเลี้ยงดูตั้งแต่ 2 ปีขึ้นไปจึงสามารถจำหน่ายได้

 

อยุธยา - ผู้ว่าฯ ตรวจเยี่ยมเตรียมความพร้อมเปิดหอพักราชภัฎฯ เป็นศูนย์พักฟื้น และหอประชุม มทร.สุวรรณภูมิ ใช้เป็น รพ.สนาม หลังพบยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

วันที่ 14 เมษายน เวลา 13.30 น. ที่หอพักนักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฎพระนครศรีอยุธยา นายภานุ  แย้มศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา พร้อมด้วย นางสาวนุชนาถ ประทีปธีรานันต์  นายสมศักดิ์ เจริญไพฑูรย์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา นายประทีป การมิตรี ปลัดจังหวัด พันเอก(พิเศษ) เพิ่มศักดิ์ ขุนโขลน รอง ผอ.กอ.รมน.จว นายแพทย์พีระ อารีรัตน์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตรวจเยี่ยมการเตรียมความพร้อมศูนย์พักฟื้น Hospitel เพื่อรองรับผู้ป่วยที่เพิ่มขึ้นจากสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคโควิด-19

โดยเตรียมสถานที่พักฟื้นที่หอพักนักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฎพระนครศรีอยุธยา รองรับได้จำนวน 30 ห้อง/60 เตียง เป็นหออภิบาลพักฟื้น  โดยได้ดำเนินการปรับปรุงระบบรองรับและจะเปิดใช้ในวันที่ 16 เมษายน นี้ นอกจากนี้ยังได้เตรียมโรงพยาบาลสนาม ที่หอประชุมมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลงสุวรรณภูมิ (หันตรา) จำนวน 100 เตียง ซึ่งอยู่ในระหว่างปรับปรุงสถานที่และจัดระบบความปลอดภัยต่าง ๆ ทั้งนี้สาธารณสุขจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้จัดเตรียมอบรมบุคคลากรที่จะดูแลผู้ป่วยโควิด-19  ผู้ว่าราชการจังหวัดฯยังได้ฝากประชาสัมพันธ์ทำความเข้าใจกับประชาชน ชุมชนรอบบริเวณสถานที่เป็นโรงพยาบาลสนามและหออภิบาล ให้เห็นใจกัน อย่ารังเกียจกัน อยากให้เป็นกำลังใจให้กันและกันผ่านวิกฤตนี้ไปให้ได้

นายภานุ  แย้มศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา กล่าวว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคไวรัสโควิด 19 ของจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ยังพบผู้ติดเชื้อเพิ่มอย่างต่อเนื่อง แบ่งเป็น กลุ่มสถานบันเทิง กลุ่มผู้บริหารโรงงานและกลุ่มพนักงาน ที่นำมาติดกับสมาชิกในครอบครัว และเพื่อเตรียมความพร้อมในการรับมือกับสถานการณ์ทางสาธารณสุขจะประเมินผู้ป่วยว่า ผู้ป่วยรายใดต้องเข้ารักษาในห้องความดันลบ  ผู้ป่วยรายใดที่มีอาการไม่หนักสามารถเข้าหอพักฟื้นได้  จะทำให้โรงพยาบาลต่าง ๆ ทั้ง 16 อำเภอสามารถรองรับผู้ป่วยได้อย่างต่อเนื่อง รวมถึงหากพบกว่าพื้นที่ใดมีผู้ป่วยติดเชื้อ ทางจังหวัดร่วมกับสาธารณสุขจะลงพื้นที่ตรวจคัดกรองเชิงรุกเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดไม่ให้รุกรามเป็นวงกว้าง  รวมถึงสั่งการให้ทุกหน่วยงาน พร้อมขอความร่วมมือภาคประชาชนดำเนินกิจการ กิจกรรมต่าง ๆ ตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคไวรัสโควิด-19 อย่างเข้มข้น ด้วยการปฏิบัติตามมาตรการ เว้นระยะห่าง สวมหน้ากากอนามัย ล้างมือบ่อย ๆ ใช้แอพฯ ไทยชนะทุกครั้ง


ภาพ/ข่าว  สุจินดา  อุ่นขาว  รายงานจากอยุธยา

สุโขทัย - รมว.ยุติธรรม มอบนโยบายปราบปรามยาเสพติด และยึดทรัพย์ผู้ค้า แก่ตำรวจในสังกัดภูธรภาค6

วันนี่ 12 เมย.64 เมื่อเวลา 09.00 น. ที่ห้องประชุมองค์การบริหารส่วนจังหวัดสุโขทัย ต.บ้านกล้วย อ.เมือง จ.สุโขทัย นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม  เป็นประธานการประชุมและมอบนโยบายด้านการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดให้แก่ข้าราชการตำรวจในพื้นที่ภาคเหนือตอนล่าง ภายใต้ยุทธการ"พาลีปราบยา"สืบสวน ขยายผล ยึดทรัพย์สิน เครือข่ายยาเสพติด โดยมีนายวิรุฬ พรรณเทวี ผวจ.สุโขทัย พล.ต.ท.อภิชาติ ศิริสิทธิ์ ผบช.ภาค6, พล.ต.ต.พยูห์ ธนะศรีสืบวงศ์ รองผบช.ภาค6, นายวิชัย ไชยมงคล  เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด, นายสุชาติ ทีคะสุข รองผจว.สุโขทัย ดร.พรรณสิริ กุลนาถศิริ สส.สุโขทัย เขต1, นายมนู พุกประเสริฐ นายกอบจ.สุโขทัย, พล.ต.ต.อมรศักดิ์ เกษมก์สิริ ผบก.ภ.จว.สุโขทัย,ผู้บังคับการในสังกัดตำรวจภูธรภาค 6 และภ.จว.สุโขทัย กำนันผู้ใหญ่บ้าน และข้าราชการตำรวจที่ปฎิบัติหน้าที่ด้านป้องกันและปราบปรามยาเสพติด จำนวน 220 นาย เข้าร่วมประชุม

นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวว่ารัฐบาลและกระทรวงยุติธรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มีความมุ่งมั่นที่จะแก้ไขปัญหายาเสพติด โดยเฉพาะการยึดทรัพย์สินที่ได้มาจากการกระทำผิด เพื่อตัดวงจรยาเสพติด ขณะนี้ได้ผลักดันร่างประมวลกฏหมายยาเสพติดฉบับใหม่ ซึ่งหากแล้วเสร็จและมีผลบังคับใช้ ก็จะทำให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการง่ายขึ้น นำไปสู่การแก้ปัญหายาเสพติดอย่างเป็นรูปธรรมและมั่นคง และเข้าถึงตัวผู้กระทำผิดทุกระดับถูกดำเนินคดี และยึดทรัพย์สินที่มิชอบทั้งขบวนการมาเป็นของแผ่นดิน ผู้ปฏิบัติงาน ผู้ให้ข้อมูลแก่เจ้าหน้าที่และภาครัฐ มีความปลอดภัย และมีกำลังใจในหน้าที่มากขึ้น

การประชุมในครั้งนี้ เพื่อพิจารณาการดำเนินงานของศูนย์ปฎิบัติการยึดทรัพย์เครือข่ายยาเสพติด โดยกำหนดเป็นมูลค่าการยึดทรัพย์สินกระจายลงสู่ระดับจังหวัด  ซึ่งจะพิจารณาจากขนาดปัญหาและงบประมาณที่จัดสรรแต่ละพื้นที่ แบ่งเป็น 3 ขนาด คือ 1.ขนาดใหญ่ จำนวน 27 จังหวัด กำหนดเป้าหมายในการยึดทรัพย์สินไว้จังหวัดละ 90 ล้านบาท  2.ขนาดกลาง จำนวน 31 จังหวัด กำหนดเป้าหมายในการยึดทรัพย์สินไว้จังหวัดละ 70 ล้านบาท 3.ขนาดเล็ก จำนวน 18 จังหวัด กำหนดเป้าหมายในการยึดทรัพย์สินไว้จังหวัดละ 50 ล้านบาท   ส่วน กรุงเทพมหานคร กำหนดเป้าหมายในการยึดทรัพย์สินเครือข่ายยาเสติดไว้ 500 ล้านบาท


ภาพ/ข่าว  สุริยา ด้วงมา

นครสวรรค์ - ความคืบหน้า สร้างโรงพยาบาลหนองบัว ชาวบ้านสงสัย เงินบริจาค 48 ล้านบาท ได้แค่เสาเข็มผู้มีจิตศรัทธาที่ร่วมเงินบริจาคการทำบุญในครั้งนี้ มีข้อสงสัยถึงความล่าช้าในการก่อสร้างโรงพยาบาล

วันที่ 11 เม.ย.64 เวลา 09.00 น. ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่  โรงพยาบาลหนองบัว ตำบลหนองบัว อำเภอหนองบัว จังหวัดนครสวรรค์ ติดตามความคืบหน้าการสร้างโรงพยาบาลหนองบัว หลังจากที่ หลวงพ่อพัฒน์ ปุญญกาโม พร้อม ดร. เสมอ งิ้วงาม (ป๋อง สุพรรณ) และทีมงานป๋อง สุพรรณ การันตี นำเงินบริจาคกว่า 48 ล้านบาท มอบให้ทางโรงพยาบาลหนองบัวตั้งแต่ วันที่ 16 ต.ค.63 จนกระทั่งเวลาล่วงเลยมาจนถึงเดือน เม.ย.64 แต่ทำได้แค่เพียงลงเสาเข็มเท่านั้น ชาวบ้านผู้มีจิตศรัทธาที่ร่วมเงินบริจาคการทำบุญในครั้งนี้ มีข้อสงสัยถึงความล่าช้าในการก่อสร้างโรงพยาบาลในครั้งนี้  หลังจากที่ได้มีการมอบเงินร่วมทำบุญจำนวน 48 ล้านบาทให้กับทางโรงพยาบาลหนองบัว จังหวัด นครสวรรค์ เพื่อจัดสร้างอาคารพยาบาลตามความตั้งใจของหลวงพ่อพัฒน์ ปุญญกาโม

โดยแบ่งเป็น2อาคาร ในการก่อสร้างแบ่งเป็นพื่นที่ด้านหน้าและด้านหลังของโรงพยาบาลหนองบัว ในส่วนของด้านหน้าก่อสร้าง อาคารอุบติเหตุ ฉุกเฉิน (อาคาร ค.ส.ล. อาคาร 1ชั้น) เพื่อรองรับ อุบัติเหตุฉุกเฉินและเหตุเร่งด่วนต่าง ๆ และในส่วนของด้านหลังสร้างอาคารผู้ป่วยในมีเตียง รองรับทั้งหมด 60 เตียง(อาคาร ค.ส.ล. 2 ชั้น)  โดยมีผู้รับเหมารับผิดชอบการก่อสร้าง 2 รายด้วยกัน คือ 1.บริษัท ณัฐกานต์ โปรเจค1996 จำกัด เป็นผู้รับผิดชอบการก่อสร้างอาคาร อุบติเหตุ ฉุกเฉิน วันที่เริ่มทำสัญญา คือวันที่ 8 ก.พ.64. และสิ้นสุดสัญญาในวันที่ 5 ธ.ค.64 ราคาก่อสร้าง 9,000,000 บาท (เก้าล้านถ้วนบาท)  และในพื้นที่ด้านหลังก่อสร้างอาคารรองรับผู้ป่วยใน 60 เตียง เริ่มทำสัญญาวันที่ 8 ก.พ.64 และสิ้นสุดในวันที่ 3 ก.พ. 65  ราคาก่อสร้าง 19,720,000 บาท(สิบเก้าล้านเจ็ดแสนสองหมื่นบาทถ้วน) โดยมี หจก.นำแสงพาณิชณ์ก่อสร้าง เป็นผู้รับผิดชอบ

นาย พูลเกิด ชารี หรือ เกิด นครสวรรค์ กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า หลังจากที่ทีมงานได้มอบเงินบริจาคให้กับทางโรงพยาบาลในวันที่ 16 ต.ค. 63 แล้ว ทางโรงพยาบาลได้ดำเนินการติดต่อกับผู้รับเหมาดังกล่าวเพื่อทำการก่อสร้างอาคารอุบัติเหตุ ฉุกเฉิน และอาคารผู้ป่วยใน แต่การก่อสร้างค่อนข้างจะล่าช้ามาก ๆ และชาวบ้านที่ร่วมการบริจาคเงินทำบุญในครั้งนี้มีความสงสัยเกี่ยวกับความล่าช้าในการก่อสร้างดังกล่าว นาย พูลเกิด ชารี หรือ เกิด นครสวรรค์ กล่าวว่า จากการที่ได้มีการพูดคุยกับผู้รับเหมาก่อสร้างแล้วนั้น ได้ความว่าตอนนี้เป็นการลงเสาเข็มและตรวจเช็คการรับน้ำหนักของเสาเข็มก่อนว่าจะเกิดการทรุดตัวของดินไหม หากไม่มีปัญหาอะไรจะเริ่มดำเนินการก่อสร้างต่อในวันที่ 28 เม.ย.64

ส่วนในเรื่องของตัวเงินนั้นตนไม่ขอพูดอะไร เพราะได้มอบให้ทางโรงพยาบาลเป็นผู้รับผิดชอบไปแล้ว รอให้ทางโรงพยาบาลชี้แจงเองดีกว่า เนื่องจากตอนที่มอบเงินบริจาคให้กับทางโรงพยาบาลได้มอบเป็นเงินสดให้ทั้งหมดและมีทีมงานที่มาร่วมเป็นสักขีพยานหลายคนและได้มีการไลฟ์สดผ่านเฟซบุ๊คด้วย หลังจากมอบเงินให้ทางโรงพยาบาลแล้วตนไม่ทราบว่าทางโรงพยาบาลหนองบัวได้นำเงินเข้าบัญชีหรือมีการจัดการยังไง ตอนนี้แค่รอทางโรงพยาบาลหนองบัวและผู้บริหารออกมาชี้แจงให้ตนและชาวบ้านได้หายสงสัย

ด้าน ดร.เสมอ งิ้วงาม หรือ ป๋อง สุพรรณ ได้ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวเกี่ยวกับกรณีนี้ว่า ตนทราบเรื่องการก่อสร้างล่าช้าแล้วและกล่าวชี้แจงว่าเงินที่ได้มอบให้ทางโรงพยาบาลไป เป็นเงินบัญชีเพื่อสร้างอาคารอุบัติเหตุ ฉุกเฉิน จำนวนเงิน 30,040,900 บาท(สามสิบล้านสี่หมื่นเก้าร้อยบาทถ้วน)  และบัญชีที่สอง เพื่อซื้ออุปกรณ์การแพทย์ จำนวนเงิน 18,236,000 บาท(สิบแปดล้านสองแสนสามหมื่นหกพันบาทถ้วน) และบัญชีที่สาม กองทุนหลวงปู่พัฒน์จำนวนเงิน  389,000 บาท(สามแสนแปดหมื่นเก้าพันบาทถ้วน) รวมทั้งหมด 48,665,900 บาท(สีสิบแปดล้านหกแสนหกหมื่นห้าพันเก้าร้อยบาทถ้วน) ในนามของทีมงานสะพานบุญป๋องสุพรรณการันตี ได้ดำเนินงานตามวัตถุประสงค์ในการสร้างโรงพยาบาลและโรงเรียนของหลวงปู่พัฒน์ วัดห้วยด้วยแล้ว และมีชาวหนองบัว และผู้บริจาคได้สอบถามถึงความคืบหน้าในการก่อสร้างอาคารอุบัติเหตุ ฉุกเฉิน ซึ่งทางคุณป๋อง สุพรรณ เองก็ไม่สามารถตอบได้เช่นกันว่าจะเสร็จเมื่อไร จึงอยากให้ผู้รับผิดชอบหรือผู้รับเหมาออกมาชี้แจงถึงความล่าช้าในการก่อสร้าง

เนื่องจากมีพี่น้องชาวนครสวรรค์ได้ส่งภาพการก่อสร้างอาคารดังกล่าวมาให้ดูว่ามีความคืบหน้าไปถึงไหน อีกทั้งพี่น้องประชาชนยังสงสัยถึงจำนวนเงินที่บริจาคไปอยากให้มีการตรวจสอบได้ จึงอยากให้ทางผู้ที่เกี่ยวข้องหรือทางโรงพยาบาลหนองบัวออกมาชี้แจงถึงกรณีดังกล่าว เพื่อความสบายใจของชาวหนองบัวและผู้ร่วมบริจาคในครั้งนี้

 

สุโขทัย - Sukhothai Crafts and Folk Art เรียนรู้ประวัติศาสตร์ "บ้านพระพิมพ์" มรดกการพิมพ์พระเครื่อง สืบทอดจากบรรพชนสู่คนรุ่นหลัง

ศูนย์เรียนรู้บ้านพระพิมพ์ หรือบ้านพระพิมพ์ลักษมณศิลป์ เป็นแหล่งเรียนรู้หนึ่งที่มีชื่อเสียงในเมืองเก่าสุโขทัย ตั้งอยู่ที่ ต.เมืองเก่า อ.เมือง จ.สุโขทัย ผู้ก่อตั้งได้รวบรวมพระพิมพ์ ของเมืองสุโขทัยทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น พระพิมพ์ที่ถูกค้นพบจากเมืองศรีสัชนาลัย และเมืองเก่าสุโขทัย พร้อมทั้งได้รวบรวมประวัติของวัด ผู้สร้างวัด รวมไปถึงชื่อของพิมพ์พระ ให้ถูกต้องตามความเป็นมา เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ทางด้านประวัติศาสตร์ และประวัติศาสตร์ศิลปะของเมืองสุโขทัย รวมไปถึงเมืองที่มีประวัติศาสตร์ร่วมสมัยเดียวกัน เป็นแหล่งเรียนรู้ภูมิปัญญาท้องถิ่น และมรดกของบรรพชนให้แก่เยาวชน นักท่องเที่ยว และผู้สนใจทั่วไปที่มาเยือน และมาเรียนรู้ อยากรู้ อยากทราบความเป็นมาที่แน่ชัด

คุณกบ ณรงค์ชัย โตอินทร์ ผู้ก่อตั้ง ศูนย์เรียนรู้บ้านพระพิมพ์ หรือบ้านพระพิมพ์ลักษมณศิลป์ เป็นคนรุ่นใหม่ที่ลงมือทำงานเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของสุโขทัย เป็นนักเล่าเรื่องทางประวัติศาสตร์ที่ศึกษาค้นคว้ามาอย่างลึกซึ้ง คุณกบสืบเชื้อสายตระกูลช่างแกะสลักไม้ทำพระพุทธรูป แต่เขามีความสนใจในเรื่องงานดินมากกว่า จึงเริ่มศึกษาการทำพระพิมพ์ดินเผาสุโขทัยจริงจังและเรียนรู้มามาอย่างมากกมาย ก่อนจะมาทำด้วยตนเอง เรียนผิด เรียนถูกมาตลอดตั้งแต่เป็นเด็ก มีความสนใจมากในเรื่องโบราณ เรื่องความเชื่อ เรื่องทำพระพิมพ์

บ้านพระพิมพ์ลักษมณศิลป์ นอกจากจะเป็นที่เรียนรู้ของนักท่องเที่ยว ที่จะได้เรียนรู้รูปแบบของพุทธศิลป์สุโขทัยในแบบต่าง ๆ แล้ว นักท่องเที่ยวยังจะได้เรียนรู้การ “พิมพ์พระ” และ “การเผา” เพื่อให้ได้พระพิมพ์จากดินเผาเนื้อแกร่งเป็นพระเครื่องสักองค์ ที่มาที่ไปแบบไหน ถึงจะมาได้ชื่อว่า พระเครื่องที่เราบูชา และเก็บสะสมเป็นที่นิยมกันมายาวนานของคนไทยนักสะสมพระเครื่อง และชาวต่างชาติ คุณณรงค์ และคุณญาณภัทร์ โตอินทร์ (พี่กบและพี่แก้ม) ทั้ง 2 ท่านซึ่งสามารถให้ความรู้ทั้งในด้านประวัติของพระพิมพ์เมืองสุโขทัยและในด้านเทคนิคของการพิมพ์พระ และการร่วมทำกิจกรรม “พิมพ์พระ” ไม่ใช่เพียงการเข้าสู่กระบวนการเรียนรู้มรดกวัฒนธรรมของพื้นที่ผ่านการท่องเที่ยวเท่านั้น แต่นักท่องเที่ยวจะได้มีส่วนร่วมในการ “สืบต่อพระพุทธศาสนา” สืบต่อไปนั้นเอง

ที่เรียกกันว่าพระพิมพ์ หรือพระเครื่องจากดินและผงจากแร่ธาตุ จากพืช คือการสร้างรูปพระสัมมาสัมพุทธเจ้าโดยการนำวัสดุ เช่น ดินเหนียว โลหะ ผงว่านมงคล แร่ธาตุต่าง ๆ คลุกเคล้าจนได้ที่ของส่วนผสม นำไปกดลงไปในพิมพ์ โดยแม่พิมพ์หรือตัวพิมพ์มักจะสร้างด้วยหิน โลหะ ดินเผา ไม้ หรือกระดูกสัตว์ พระพิมพ์ในเมืองสุโขทัยถูกสร้างขึ้นตามอิริยาบถต่าง ๆ ของพระพุทธองค์ คือ นั่ง นอน ยืน และเดิน หรือสร้างตามเหตุการณ์สำคัญในพระพุทธประวัติ พระพิมพ์ถูกสร้างแพร่หลายในเมืองสุโขทัย โดยมีคติและความเชื่อที่ว่าเป็นการสั่งสมบุญบารมีให้กับผู้สร้าง และยังเป็นการสืบต่ออายุของพุทธศาสนา เพื่อให้คนเหล่านั้นสืบหาความหมายในพระธรรมของพระพุทธเจ้าจากพระพิมพ์ที่คนโบราณได้สร้างไว้ให้เรียนรู้แบบอย่าง และสืบทอดกันต่อ ๆ ไป


ภาพ/ข่าว  เสนิศชนันต์ สุขกสิกร

อยุธยา - จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ร่วมกับ ททท.พระนครศรีอยุธยา จัดกิจกรรม ริน รด พรม ใส่หน้ากาก ไม่สาดน้ำ เพื่อสืบสานวัฒนธรรมประเพณีสงกรานต์ 13-15 เมษายน นี้

วันที่ 10 เมษายน 64 ที่หน้าสำนักงานการท่องเที่ยวพระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา นางสรัลพัชร  ประโมทะกะ รองผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา นายพัฒน์พงษ์ พงษ์ทองเจริญ ผู้อำนวยการท่องเที่ยวพระนครศรีอยุธยา นางพิศมัย เลิศอิทธิบาท ประชาสัมพันธ์จังหวัด พร้อมด้วย ปลัดอำเภอฝ่ายปกครอง สาธารณสุขอำเภอพระนครศรีอยุธยา ร่วมตรวจสถานที่การจัดกิจกรรม พร้อมให้คำแนะนำการจัดงานให้เป็นไปตามมาตรการป้องกันและควบคุมโรคของกระทรวงสาธารณสุข

นางสรัลพัชร ประโมทะกะ รองผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา กล่าวว่า สงกรานต์กรุงเก่า ดูช้างเล่นน้ำ ประจำปี 2564 กำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 13-15 เมษายน 2564 ภายในงานจัดให้มีการแสดงส่งเสริมสืบสานประเพณีสงกรานต์ แบบ New Normal มีกิจกรรมสรงน้ำพระพุทธรูป ถ่ายรูปกับเจดีย์ทราย สรงน้ำรูปหล่อพระเกจิอาจารย์ชื่อดังจาก 9 วัด เช่น หลวงพ่อจง วัดหน้าต่าง หลวงพ่อรวย วัดตะโกภาชี หลวงพ่อเพิ่ม วัดป้อมแก้ว หลวงพ่อพูนวัดบ้านแพน เป็นต้น โดยจะเป็นการจัดกิจกรรมภายใต้มาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไรรัสโควิด-19 โดยจะจัดอุปกรณ์ที่จะสรงน้ำพระพุทธรูปไว้ให้ ผู้ที่เข้าร่วมงาน จะลดการสัมผัสอุปกรณ์ ที่จะใช้ร่วมกัน เว้นระยะห่าง การเล่นน้ำของช้างปกติ

นักท่องเที่ยวจะเล่นสาดน้ำกับช้าง เปลี่ยนเป็นการแสดงโชว์เล่นน้ำของช้าง ช้างจะเล่นสาดน้ำกันเอง แล้วให้นักท่องเที่ยวได้ถ่ายภาพ ความน่ารักความแสนรู้ของช้าง กิจกรรมการแต่งชุดไทยเสื้อผ้าลายดอก ถ่ายภาพกับบรรยากาศแบบไทยย้อนยุคกับมุมตัวอาคารทรงไทยของสำนักงานการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย พระนครศรีอยุธยา

ด้าน นายพัฒน์พงษ์ พงษ์ทองเจริญ ผู้อำนวยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยพระนครศรีอยุธยา กล่าวว่ากิจกรรมทั้งหมด จะแบ่งเป็นรอบ แต่ละรอบจะจำกัดนักท่องเที่ยวไม่เกิน 300 คน โดยนักท่องเที่ยวต้องผ่านจุดคัดกรอง การลงทะเบียนเข้าร่วมงาน สืบเนื่องจากสถานการณ์การแพร่รับาดโรคโควิด-19 เพิ่มมากขึ้น จึงได้มีการปรับลดกิจกรรมที่ต้องมีการสัมผัส เพื่อลดความเสี่ยงของการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 คงไว้เฉพาะการสืบสานประเพณีสงกรานต์ เท่านั้น


ภาพ/ข่าว  เดชา  อุ่นขาว  รายงานจากอยุธยา

ปทุมธานี - บิ๊กแจ๊ส ลงพื้นที่เยี่ยมปปช.หลังพายุกระหน่ำซัดหลังคาบ้านเสียหายหลายสิบหลัง

เมื่อเวลา 18.00 น. วันที่ 9 เมษายน 2564 พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี ได้ลงพื้นที่หมู่บ้านพรธิสาร7 ต.ลำผักกูด  อ.ธัญบุรี  จ.ปทุมธานี  เนื่องด้วยประชาชนในพื้นที่ได้ประสบภัยจากพายุฤดูร้อนและลมกระโชกแรงจนทำให้บ้านที่พักอาศัยได้พังเสียหายหลายสิบหลัง

จาการสอบถาม  ดร.จักพรรดิ์  ทีฆนทัศน์ ประธานชุมชนพรธิสาร7 กล่าวว่า  เมื่อเย็นวันที่ 8 เมษายนที่ผ่านมาช่วงเวลาประมาณ 18.30 น. ได้มีพายุฝนลมแรงจนทำให้ประชาชนในพื้นที่ได้รับความเดือดร้อนหลายครัวเรือน มีหลังคาบ้านและเพดานฝ้าเสียหายหลายสิบหลังและช่วงเวลานี้ด้วยภาวะเศรษฐกิจและภัยจากโควิด-19 ก็ทำให้ประชาชนเดือดร้อนไม่มีรายได้ที่จะมาใช้จ่ายอยู่แล้ว ตนจึงประสานไปยัง  พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายก อบจ.ปทุมธานี ท่านได้ลงพื้นที่มาดูประชาชนในพื้นที่ทันทีและสั่งการไปยัง ผอ.กองช่าง เพื่อมาช่วยประชาชนผู้ประสบภัยโดยด่วน ต้องขอขอบคุณท่านนายก อบจ.ที่ลงพื้นที่มาดูผู้ประสบภัยด้วยตัวเอง

ทางด้าน พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง  กล่าวว่า ตนพึ่งได้ทราบข่าวจากประธานชุมชนแห่งนี้ จึงได้ลงพื้นที่ทันที เพื่อมาดูผู้ประสบภัยเบื้องต้นก่อน ซึ่งในวันพรุ่งนี้จะให้ทาง  ผอ.กองช่าง อบจ.ปทุมธานี ลงพื้นที่โดยด่วนว่าจะช่วยเหลือประชาชนได้อย่างไรบ้างและจะเร่งดำเนินการโดยทันที

อยุธยา - “บิ๊กโจ๊ก”ร่วมวันเด็กย้อนหลังที่กรุงเก่า พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ที่ปรึกษา สบ.9 ร่วมมอบจักรยาน ในงานวันเด็กย้อนหลังที่วัดศาลาปูนฯ ให้แนวคิดยึดความสามัคคี กตัญญ รักสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

วันที่ 9 เม.ย. ที่หอประชุมโรงเรียนเทศบาลพระนครศรีอยุธยา วัดศาลาปูนวรวิหาร ต.ท่าวาสุกรี อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา พระครูอนุกูลศาสนกิจ เจ้าคณะอำเภอพระนครศรีอยุธยา เจ้าอาวาสวัดศาลาปูนวรวิหาร เป็นประธานในการจัดกิจกรรมงานวันเด็กย้อนหลัง โดยมี พระครูสมุห์ สุทัสน์ คนุธสาโร และพล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ที่ปรึกษา สบ.9 มาร่วมงานและมอบจักรยาน 50 คันร่วมกับทางโรงเรียน ให้กับนักเรียน มีนางขวัญชนก คงพิบูลย์ รักษาการผู้อำนวยการ ให้การต้อนรับ

พระครูอนุกูลศาสนกิจกล่าวให้โอวาทกับเด็ก ๆ ทุกคนให้รักพ่อแม่และเป็นคนดีของสังคม ยึดคำสอนของพ่อแม่และคุณครู ที่สำคัญต้องมีคุณธรรม จะได้เติบโตมีอนาคต ภายในงานมีการเลี้ยงอาหารกลางวันให้กับนักเรียนที่มาร่วมงาน ซึ่งอาหารที่นำมาเลี้ยงในวันนี้ มีหลากหลายเช่นสเต๊ก ขนมจีนน้ำยา ขนม อาหารญี่ปุ่น ที่ส่วนใหญ่เป็นลูกศิษย์ของพระครูอนุกูลศาสนกิจ นำมาร่วมโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย ถือเป็นการทำบุญ ภายหลังจากการแจกของขวัญให้กับนักเรียนจำนวน 163 คนที่ส่วนใหญ่เป็นจักรยานและของขวัญมากมาย

พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ ได้ถือโอกาสนี้ให้แง่คิดกับเด็ก ๆ ยึดคำขวัญวันเด็กปีนี้ของนายกรัฐมนตรี “เด็กไทย วิถีใหม่ รวมไทย สร้างชาติ ด้วยภักดีมีคุณธรรม “นั่งคือการป้องกันตนเองจากโควิด การรักษาสุขภาพอนามัย แต่สิ่งที่สำคัญที่นายกรัฐมนตรีนายกรัฐมนตรีได้กล่าวไว้ คือ การรวมไทย สร้างชาติ ด้วยภักดี มีคุณธรรม คือการรักในสถาบันชาติ และพระมหากษัตริย์ ซึ่งถือเป็นสถาบันหลักของไทย และต้องมีความกตัญญู มุ่งมั่นหาความรู้ เพื่อที่วันหนึ่งจะได้เป็นอนาคตของประเทศชาติต่อไป


ภาพ/ข่าว  เดชา  อุ่นขาว  รายงานจากอยุธยา

ปมุทธานี - "บิ๊กแจ๊ส" ห่วงประชาชน ให้ อบจ.ปทุมฯ เปิดบริการตรวจโควิด ฟรี ไม่มีกำหนด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลอดทั้งวันของวันที่ 9 เมษายน 2564 ที่ศูนย์อำนวยการป้องกันและควบคุมโรค หน้าองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี ตำบลบ้านฉาง อำเภอเมือง จังหวัดปทุมธานี มีประชาชนจำนวนมาก เดินทางเข้าตรวจคัดกรองเจาะเลือดแรปบิทเทส เพื่อแสกนหาเชื้อโควิด-19 หลังจาก กระทรวงสาธารณสุข ประกาศว่าจังหวัดปทุมธานีเป็นพื้นที่โซนสีแดง โดย ร้านอาหาร และสถานบันเทิง ผับ บาร์ จะเปิดขายบริการได้ไม่เกิน 21.00 น.ตามที่มีข่าวเสนอไปแล้วนั้น

ซึ่งศูนย์ตรวจหาเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID -19) ที่หน้าสำนักงานองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี  มีการเปิดให้บริการตรวจคัดกรองฟรี เพื่อหาเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 โดยในวันนี้ พบว่ามีชาวปทุมธานี และประชาชนที่มีสถานที่พักในเขตพื้นที่จังหวัดปทุมธานี เดินทางเข้ามาใช้บริการตรวจเช็คเชื้อโควิด เป็นจำนวนมาก โดยเจ้าหน้าที่ ได้จัดสถานที่โดยมีแพทย์พยาบาลจาก รพ.ปทุมธานี มาทำการเจาะเลือด ซึ่งประชาชนทุกคนที่เดินทางมาจะต้องรับบัตรคิว ที่ทาง อบจ.ฯ มีการรับรองไว้จำนวน 1500 คน ต่อวัน ปรากฎว่าเพียงแค่เวลาผ่านไปไม่ถึง 16.00 น. บัตรคิวก็หมดแล้ว ทำให้ผู้ที่ยังไม่ได้รับการตรวจ ต้องเดินทางกลับและจะมารับบริการในวันรุ่งขึ้น

พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายก อบจ.ปทุมธานี กล่าวว่า หลังจากที่มีการประกาศออกมาจาก ส่วนกลางว่าจังหวัดปทุมธานี เป็นจังหวัดพื้นที่สีแดง ที่เสี่ยงกับการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 นั้น ตนรู้สึกมีความเป็นห่วงพี่น้องชาวปทุมธานี และประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ปทุมธานี ทุกคน ทั้งที่ในช่วงก่อนหน้านี้ที่ผ่านมา เราได้ดำเนินการป้องกันและคัดกรองเชิงรุกกันอย่างเต็มที่ แต่เมื่อมีการระบาดในรอบ3 ก็ทำให้ทุกคนมีความหนักใจ เพราะว่ามีการแพร่กระจายของโรคนี้เร็วมาก ดังนั้นสำหรับการให้บริการตรวจเช็คหาเชื้อโควิด-19 นั้น ทาง อบจ.ปทุมธานี ได้เปิดให้บริการในวันเวลาราชการ ตั้งแต่วันจันทร์-ศุกร์ เวลา 09.00 - 15.00 น. โดยขั้นตอนในการมารับบริการนั้น 1.ทุกคนต้องนำบัตรประชาชนมาแสดงเพื่อลงทะเบียน (รับบัตรคิว) 2.เจาะเลือด รอฟังผลภายใน 3 นาที 3.หลังทราบผลว่าเป็นบวกหรือลบ (ถ้าเป็นผลลบ ทาง อบจ.ฯ จะออกใบรับรองให้ แต่ถ้าเป็นผลบวก ผู้เข้ารับการตรวจจะตัองเดินทางไปที่โรงพยาบาล เพื่อทำการรักษา และทาง อบจ.ฯ จะ ให้บริการวันละประมาณ 1500 คนต่อวัน โดยจะเปิดให้บริการไปตลอดจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลายหรือดีขึ้น


ภาพ/ข่าว  สมเกียรติ ทรัพย์เฉลิม รายงาน

พิจิตร - พบผู้ติดเชื้อโควิดเป็นชายอายุ 31 ปี 1 ราย มีประวัติเที่ยวผับย่านทองหล่อ

วันที่ 9 เม.ย. 2564 นายรังสรรค์  ตันเจริญ  ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร และ นายกมล กัญญาประสิทธิ์. นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดพิจิตร ได้ร่วมกันเปิดแถลงข่าวว่าในเขตพื้นที่จังหวัดพิจิตร ซึ่งปลอดจากเชื้อไวรัสโควิด19  มาเป็นเวลาถึง 93 วัน แต่วันนี้ได้พบผู้ป่วยติดเชื้อโควิด 19  เป็นชายอายุ 31 ปี  1 ราย จากการสอบประวัติมีอาชีพเป็นพนักงานขายทำงานอยู่ในกรุงเทพฯ ซึ่งเปิดเผยไทม์ไลน์ 

ว่าเมื่อวันที่ 2 เม.ย 64 ไปหาเพื่อนที่คอนโด จากนั้นไปเที่ยวผับย่านทองหล่อกับเพื่อน  ออกจากผับก็ไปพักที่โรงแรมแห่งหนึ่งเพียงคนเดียว  

วันที่ 4 เม.ย. 64  เดินทางกลับมาบ้านที่พิจิตรโดยรถยนต์ส่วนตัว  ซึ่งบ้านอยู่ ต.ในเมือง อ.เมืองพิจิตร นอนที่บ้านกับภรรยาและลูกสาว   

วันที่ 5 เม.ย. 64 อยู่บ้านกับภรรยาและลูก   พบกับญาติพี่น้องและลูกจ้างที่ร้านเสริมสวยของแม่ จำนวน 3 คน  จากนั้นเวลา 15.00 น. ลูกสาวไม่สบายจึงขับรถส่วนตัวพาลูกไปหาหมอที่ รพ.ชัยอรุณ     ตนเองจึงนอนพักกับแม่และลูกที่โรงพยาบาล

วันที่ 6 เม.ย. 64    ก็ขับรถไปพบลูกค้าที่อำเภอเขาค้อ และ ที่ภูทับเบิก ร่วมกับเพื่อนพนักงานในเครือบริษัท 9 คน และได้มีการสังสรรค์ร่วมกัน      

วันที่ 7 เม.ย. 64 เวลา 08.00 น. รู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวแต่ก็ยังพอขับรถไหว   จึงไปติดต่องานกับลูกค้าซึ่งเป็นไร่กระหล่ำปลีที่ภูทับเบิก  และแวะกินขนมจีนที่อำเภอหล่มสัก 

จนกระทั่งเวลา 15.00 น. ก็ทราบข่าวว่าเพื่อนป่วยและไปตรวจหาเชื้อโควิด 19 ที่ รพ.เวชธานี  กทม.  ตนเองจึงเริ่มกังวลใจเมื่อกลับมาบ้านที่พิจิตรจึงจะไปตรวจที่ รพ.พิจิตร แต่ก็เปลี่ยนใจขอไปที่ รพ.ตะพานหิน   ซึ่งก่อนที่จะไป รพ.ตะพานหิน แวะรับประทานก๋วยจั๋บหน้า รพ.พิจิตร  ก็ได้รับทราบข่าวว่าเพื่อนที่ไปตรวจพบว่าผลเป็นบวก ติดเชื้อโควิด 19  ตนจึงรีบไปขอรับการตรวจที่ รพ.ตะพานหิน  พบบุคลากรทางการแพทย์ 3 คน และรู้ว่าผลตรวจพบเชื้อโควิด 19 เมื่อ เวลา 18.00 น. ของวันที่  8 เม.ย. 64 จึงรีบบอกกับแม่และคนในครอบครัว จำนวน 9 คน ทั้งหมดจึงได้ขอเข้ารับการตรวจหาเชื้อที่ รพ.พิจิตร  ก็ปรากฏว่า ทุกคนปลอดภัย ผลออกมาเป็นลบ นั่นหมายความถึงไม่มีเชื้อโควิด 19 ในร่างกายแต่อย่างใด ส่วนบุคคลอื่น ๆ ตามไทม์ไลน์ที่ปรากฏรวมแล้ว 36 คน ก็ต้องรอลุ้นผลตรวจว่าจะออกมาเป็นเช่นไร

สำหรับกรณีที่เกิดขึ้นดังกล่าว นายรังสรรค์  ตันเจริญ  ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร และ นายกมล กัญญาประสิทธิ์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดพิจิตร กล่าวว่า ขอให้ชาวพิจิตรอย่าได้ตื่นตระหนกตกใจ  ขอให้ใช้ชีวิตและทำมาค้าขายตามปกติ แต่ขอให้การ์ดอย่าตก  สวมหน้ากากอนามัยทุกครั้งที่ต้องพบกับผู้คนแปลกหน้าหรือไปในที่  ที่มีผู้คนเยอะ ๆ รวมถึงขอให้ปฏิบัติตามที่แพทย์และ อสม. แนะนำ ล่าสุดข้อมูลผู้ที่มาจากต่างจังหวัดลงทะเบียนแนแอพพลิเคชั่น “ปกป้องพิจิตร” มาจากพื้นที่ควบคุม  9 จังหวัด 1,553 คน พื้นที่เฝ้าระวังสูง 14 จังหวัด 226 คน พื้นที่เฝ้าระวังจาก 53 จังหวัด 180 คน รวม 1,999 คน  ซึ่งบุคคลทั้งหมดนี้อยู่ในการเฝ้าระวังของ อสม. ด้วยแล้ว


ภาพ/ข่าว  สิทธิพจน์  พิจิตร

 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top