Monday, 20 May 2024
ภาคกลางไทม์

สมุทรปราการ – ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ปรับเคาน์เตอร์เช็คอินในอาคารผู้โดยสาร จัดเป็นพื้นที่ฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19

เมื่อวันที่ 26 เม.ย. 2564 นายกิตติพงศ์ กิตติขจร รองผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (สายปฏิบัติการ 1) บริษัท ท่าอากาศยานไทย (ทอท.) พร้อมด้วย นพ.ณรงค์ อภิกุลวณิช ผู้ตรวจราชการเขตสุขภาพที่ 6 ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข ได้ติดตามความคืบหน้าการดำเนินการฉีดวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา2019(โควิด-19) แก่ผู้ปฏิบัติหน้าที่ด่านหน้า ทั้งพนักงาน ลูกจ้างของ ทอท. เจ้าหน้าที่ภาครัฐ ตลอดจนสายการบินซึ่งปฏิบัติหน้าที่ ณ ทสภ.

นายกิตติพงศ์ กล่าวว่า การดำเนินการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ครั้งนี้ เกิดขึ้นจากความร่วมมือของ ทสภ. กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) และศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคงประจำท่าอากาศยาน (ศปม.ทย.) ซึ่งการเพิ่มประสิทธิภาพการฉีดวัคซีนให้รวดเร็วและเป็นไปตามเป้าหมายการกระจายวัคซีนแก่ผู้ปฏิบัติหน้าที่ ณ ทสภ. และตามมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม (Social Distancing) ทสภ. จึงได้ขยายพื้นที่จุดให้บริการฉีดวัคซีนใหม่ เพื่อให้รองรับจำนวนผู้รับวัคซีนให้ได้มากขึ้น โดยใช้พื้นที่เคาน์เตอร์เช็คอิน แถว U และ แถว W ห้องโถงผู้โดยสารขาออก ชั้น 4 ของอาคารผู้โดยสาร รวมทั้งหมด 42 เคาน์เตอร์เพื่อใช้เป็นจุดบริการสำหรับผู้เข้ารับวัคซีน เช่น จุดลงทะเบียน วัดความดันและอุณหภูมิ ลงทะเบียนเข้าระบบ ซักถามประวัติความเสี่ยง บันทึกข้อมูลการให้บริการ ลงข้อมูลเขาระบบติดตามวัคซีน รับบัตรนัด เป็นต้น ทั้งนี้ จุดให้บริการฉีดวัคซีนจะมีพนักงานของ ทสภ. พร้อมด้วยบุคลากรทางการแพทย์โรงพยาบาลบางพลีและโรงพยาบาลสมิติเวชศรีนครินทร์ เจ้าหน้าที่ด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ ทสภ. และตัวแทนจากสายการบินต่าง ๆ ร่วมให้บริการ

นายกิตติพงศ์ กล่าวในตอนท้ายว่า การดำเนินการเร่งฉีดวัคซีนให้แก่ผู้ปฎิบัติงาน ณ ทสภ.ในครั้งนี้จะเป็นส่วนสำคัญในการสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้โดยสาร ผู้ใช้บริการ ทสภ. และเป็นการรักษามาตรฐานตามที่ ทสภ. ได้รับการรับรอง Airport Health Accreditation จากสภาสมาคมท่าอากาศยานระหว่างประเทศ (Airports Council International : ACI) มาตรการด้านความปลอดภัยสุขอนามัยจากการเข้าร่วมโครงการ Airport Health Accreditation (AHA) Programme ซึ่งได้ให้ความสำคัญกับมาตรการด้านสุขอนามัย และความปลอดภัยภายในท่าอากาศยานครอบคลุมทุกด้าน


ภาพ/ข่าว  ก๊วก สมุทรปราการ  

19 จังหวัด - 1 สัปดาห์แห่งการให้ “ครัวมาดาม” ส่งข้าวกล่องแทนใจ 19 รพ.สนามทั่วประเทศ

ครัวมาดาม มูลนิธิมาดามแป้ง ขอบคุณทีมอาสาส่งข้าวกล่อง รพ.สนาม, รพ.รัฐ 19 แห่ง ครบ 1 สัปดาห์ เตรียมขยายเวลาความช่วยเหลือต่ออีกเดือน และขยายพื้นที่ช่วยบุคลากรทางการแพทย์ พร้อมชวนคนไทยร่วมบริจาคส่งน้ำใจให้ไกลขึ้น

การให้ความช่วยเหลือบุคลากรทางการแพทย์ถูกดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง “ครัวมาดาม” กับแนวคิด ส่งต่อน้ำใจคนไทยไม่ทิ้งกัน ภายใต้มูลนิธิมาดามแป้ง ที่ตั้งครัวชุมชนส่งข้าวกล่องแล้วเป็นเวลากว่า 1 สัปดาห์ ผ่านกลุ่มอาสากล้าใหม่ไปยัง 19 พื้นที่ทั่วประเทศ อาทิ อยุธยา, นครราชสีมา, ภูเก็ต,  เชียงใหม่, นราธิวาส ฯลฯ หลังเชื้อไวรัสโควิด-19 กลับมาระบาดระลอก 3 ซึ่งเดิมวางเป้าหมายตั้งครัวถึงสิ้นเดือนเมษายนนี้ แต่ด้วยสถานการณ์ที่แย่ลงทำให้มีโรงพยาบาลสนามเพิ่มขึ้นมาก และบุคลากรทางแพทย์ต้องทำงานหนักขึ้น มูลนิธิฯ จึงมีแผนขยายเวลาและปรับขยายพื้นที่เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนช่วงวิกฤตให้มากที่สุด

ด้าน มาดามแป้ง นวลพรรณ ล่ำซำ ประธานสโมสรการท่าเรือ เอฟ.ซี. ในฐานะประธานกรรมการ มูลนิธิมาดามแป้ง กล่าวว่า “ตลอด 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา ต้องขอขอบคุณน้ำใจของกลุ่มคนอาสาทุกคนทั้งจากทุกชุมชนในแต่ละพื้นที่ ที่แม้รู้ว่าสถานการณ์ไม่สู้ดี แต่ก็เสียสละส่งต่อน้ำใจของมูลนิธิฯ นี้ไปยังคุณหมอ พยาบาล และบุคลากรทุกคนอย่างไม่เหน็ดเหนื่อย เราเชื่อว่าน้ำใจแห่งความตั้งใจนี้จะเป็นพลังให้คุณหมอที่ทำหน้าที่อย่างหนักในทุก ๆ วัน ซึ่งภารกิจของเรายังไม่จบเพียงเท่านี้ เพราะยังต้องทำต่อไปตามเป้าหมายคือ 28,500 กล่อง ในสิ้นเดือนเมษายนนี้”

“จากการประเมินสถานการณ์และแนวโน้มที่ทวีความรุนแรงขึ้น คณะกรรมการมูลนิธิฯ จึงกำลังวางแผนการขยายระยะเวลาทำครัวมาดามออกไปอีก เพื่อแบ่งเบาภาระของคุณหมอ อีกทั้ง ยังมีความเห็นว่าควรปรับและขยายพื้นที่ความช่วยเหลือออกไปอีก โดยขอเชิญชวนคนไทยทุกคนมาช่วยกัน นอกจากการดูแลตัวเองเพื่อลดความเสี่ยง อันจะเป็นการช่วยป้องกันบุคลากรทางแพทย์ และหากคนเราแข็งแรงและมีกำลัง ก็สามารถเอากำลังกายและใจนั้นออกมาแบ่งปันช่วยเหลือกันต่อไป” มาดามแป้ง กล่าวเพิ่มเติม

ทั้งนี้ “มูลนิธิมาดามแป้ง” ขอเชิญชวนคนไทยร่วมเป็นกำลังใจให้บุคลากรทางแพทย์ ผ่านกิจกรรมครัวมาดาม ด้วยการส่งข้าวกล่องเติมพลังให้ด่านหน้าผู้เสียสละในทุกวัน ด้วยการร่วมบริจาคสมทบทุน กล่องละ 50 บาท เลขบัญชี 092-2-61340-0 ธ.กสิกรไทย ชื่อบัญชี มูลนิธิมาดามแป้ง เพื่อโครงการสร้างสังคมแห่งการให้

 

 

สมุทรปราการ - ชื่นมื่น ! รับนายกคนใหม่ ”อรัญญา สุวรรณบุตร” นั่งนายกเทศมนตรี ลั่น...งานแรกเร่งพัฒนาด้านการศึกษา

ที่อาคารเทศบาลตำบลแพรกษา อ.เมือง จ.สมุทรปราการ นางอรัญญา สุวรรณบุตร นายกเทศมนตรีตำบลแพรกษา เดินทางเข้ารับตำแหน่งนายกเทศมนตรีตำบลแพรกษาเป็นวันแรก พร้อมด้วยคณะสมาชิกสภาเทศบาลตำบลแพรกษา โดยในช่วงเช้าได้นำคณะสมาชิกสภาเทศบาลตำบลแพรกษา (สท.) เข้ากราบสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์เพื่อความเป็นสิริมงคล ก่อนจะเข้ารับตำแหน่งนายกเทศมนตรีเป็นวันแรก หลังจากที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ได้มีการประกาศรับรองผลการเลือกตั้งนายกเทศมนตรี และสมาชิกสภาเทศบาล ที่มีการเลือกตั้งไปเมื่อวันที่ 28 มี.ค.2564 ที่ผ่านมา โดยเห็นว่าการเลือกตั้งเป็นไปด้วยความสุจริต เที่ยงธรรม

โดยในวันนี้เป็นการเข้ารับตำแหน่งวันแรกของนางอรัญญา สุวรรณบุตร นายกเทศมนตรีตำบลแพรกษา และสมาชิกสภาเทศบาลตำบลแพรกษา นับว่าเป็นนายกหญิงคนแรกที่ได้นั่งตำแหน่งนายกเทศมนตรี และเป็นนายกเทศมนตรีลำดับที่ 2 ต่อจาก ดร.ยงยุทธ สุวรรณบุตร อดีตนายกเทศมนตรีตำบลแพรกษาที่ได้ลาออกจากตำแหน่ง เพื่อลงสมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จ.สมุทรปราการ ในนามพรรคพลังประชารัฐ กระทั่งชนะการเลือกตั้งได้เข้าไปนั่งในตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จ.สมุทรปราการ เขต 2 พรรคพลังประชารัฐ นับว่าการทำงานที่ผ่านมาของ ดร.ยงยุทธ สุวรรณบุตร สส. สมุทรปราการ ในขณะที่เคยดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีตำบลแพรกษา นับว่ามีผลงานที่โดดเด่น กับวิสัยทัศน์ที่กว้างใกล พัฒนาท้องถิ่นในเขตแพรกษาให้มีความเจริญก้าวหน้า รวมถึงการพัฒนาในด้านการศึกษา จนเป็นที่ประจักษ์และได้รับการไว้วางใจของประชาชนโดยทั่ว

กระทั่งมีการวางตัวนางอรัญญา สุวรรณบุตร (ภรรยา)ลงสมัครชิงตำแหน่งนายกเทศมนตรีตำบลแพรกษา เพื่อขับเคลื่อนและสานต่องาน จนได้รับการไว้วางใจจากพี่น้องประชาชนในเขตแพรกษา กับวิสัยทัศน์ที่โดดเด่นจนได้รับตำแหน่งนายกเทศมนตรีตำบลแพรกษา กระทั่งล่าสุดได้รับการรับรองจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) โดยนางอรัญญา สุวรรณบุตร นายกเทศมนตรีตำบลแพรกษา กล่าวว่า ขอขอบคุณพี่น้องประชาชนที่ให้โอกาสเข้ามาทำหน้าที่นายกเทศมนตรี และพร้อมที่จะขับเคลื่อนแผนงาน และพัฒนาท้องถิ่นให้มีความเจริญก้าวหน้าต่อไป อีกทั้งยังมุ่งเน้นในการพัฒนาด้านการศึกษา เป็นอันดับแรก รวมถึงการสร้างอาชีพ สร้างรายได้ให้กับพี่น้องประชาชนในเขตพื้นที่แพรกษาเพื่อให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นต่อไป


ภาพ/ข่าว  คิว-ข่าวสมุทรปราการ รายงาน

อยุธยา - ผู้ว่าฯ ตรวจเยี่ยมการตรวจค้นหาผู้ติดเชื้อเชิงรุก เร่งตรวจหาผู้สัมผัสในตลาดวังน้อยเมืองใหม่ พร้อมขอความร่วมมือชาวอยุธยา ให้สวมหน้ากากผ้า/หน้ากากอนามัย ยืนยันจับปรับแล้ว 2 ราย ไม่สวมหน้ากากเข้าตลาดสดบางปะหัน

วันที่ 26 เมษายน ที่ตลาดวังน้อยเมืองใหม่ อ.สังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา นายภานุ แย้มศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา พร้อมด้วย นพ.พีระ อารีรัตน์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ผู้แทน สปสช และผู้เกี่ยวข้อง เดินทางไปตรวจเยี่ยมให้กำลังใจทีมแพทย์จากโรงพยาบาลศุภมิตร เสนา และทีมสาธารณสุขที่ออกตรวจ ค้นหาผู้ติดเชื้อเชิงรุก (Active Case Finding) ตลาดวังน้อยเมืองใหม่ หลังจากที่พบแม่ค้าในตลาดดังกล่าว เป็นผู้ป่วยยืนยันโรคโควิด-19 จึงปิดตลาดพร้อมจัดจุดค้นหาผู้ติดเชื้อเชิงรุก (Active Case Finding)ในครั้งนี้ เพื่อควบคุมและจำกัดการแพร่ระบาด โดยมีเป้าหมายผู้ค้าและลูกจ้าง จำนวน 600 ราย

ขณะเดียวกัน เมื่อวันที่ 25 เมษายน ว่าที่ร้อยตำรวจตรีหญิง สายสุนี ยมานันท์ นายอำเภอบางปะหัน จ.พระนครศรีอยุธยา ให้ข้อมูลว่า เมื่อเวลา 13.30 น.  ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 1 ต.บางนางร้า อ.บางปะหัน พร้อมผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ขณะปฏิบัติหน้าที่เจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อ พบเห็นชาย 2 คน ไม่สวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้า ที่บริเวณตลาดสดบางปะหัน ต.บางนางร้า อ.บางปะหัน จ.พระนครศรีอยุธยา จึงได้เข้าไปแสดงตัวจับกุม นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.บางปะหัน เปรียบเทียบปรับ  ตามความผิด ข้อหา ไม่สวมหน้ากากอนามัย อันเป็นความผิดตามคำสั่งจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ที่ 1779/2563 ลงวันที่ 6 มิถุนายน 2563 ประกอบมาตรา 51 แห่ง พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ. 2558  พนักงานสอบสวน สภ.บางปะหันได้ทำการเปรียบเทียบปรับไป คนละ 500 บาท

ทั้งนี้ นายภานุ แย้มศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้มีคำสั่งที่ 1496/2563 ลงวันที่ 5 พ.ค. 2563 สั่งให้ประชาชนทุกคนในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ต้องสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าทุกครั้งก่อนออกจากเคหสถาน หรือขณะอยู่นอกเคหะสถาน หรือต้องติดต่อกับบุคคลอื่นหรือเดินทางไปในสถานที่สาธารณะหรือสถานที่ใดๆ ที่ต้องติดต่อกับบุคคลอื่น ต้องสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าด้วยทุกครั้ง เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) หากผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งนี้ต้องระวางโทษปรับไม่เกินสองหมื่นบาท ตามมาตรา 51 แห่งพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2548


ภาพ/ข่าว  สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดพระนครศรีอยุธยา / สุจินดา  อุ่นขาว  รายงานจากอยุธยา

อยุธยา - ผู้ว่าฯ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นประธานพิธีทำบุญตักบาตร ถวายพระพรชัยมงคล เพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าทีปังกรรัศมีโชติมหาวชิโรตตมางกูร สิริวิบูลราชกุมาร เนื่องในวันคล้ายวันประสูติ 29 เมษายน

 

วันที่ 26 เมษายน 2564 เวลา 08:00 น. ที่วัดพนัญเชิงวรวิหาร ต.กระมัง อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา นายภานุ แย้มศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นประธานในพิธีทำบุญตักบาตร ถวายพระพรชัยมงคล เพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าทีปังกรรัศมีโชติ มหาวชิโรตตมางกูร สิริวิบูลราชกุมาร เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันประสูติ 29 เมษายน พร้อมด้วย นางสรัลพัชร ประโมทะกะ นายสมศักดิ์ เจริญไพฑูรย์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดฯ นายประทีป การมิตรี ปลัดจังหวัด ดร.จิระพันธุ์ พิมพ์พันธุ์ ประธานสภาวัฒนธรรมจังหวัด หัวหน้าส่วนราชการ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และประชาชน เข้าร่วมกิจกรรม โดยมี นางจุรีพร ขันตี วัฒนธรรมจังหวัดฯ เป็นผู้กล่าวรายงาน คณะสงฆ์ พระสงฆ์ 10 รูป นำโดย พระธรรมรัตนมงคล เจ้าคณะจังหวัดพระนครศรีอยุธยา/เจ้าอาวาสวัดพนัญเชิงวรวิหาร เจริญพระพุทธมนต์ อนุโมทนา ทั้งนี้ ภายในงานได้จัดจุดคัดกรองตามมาตรการควบคุมโรคโควิด-19

เนื่องด้วย วันที่ 29 เมษายน เป็นวันคล้ายวันประสูติสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าทีปังกรรัศมีโชติ มหาวชิโรตตมางกูร สิริวิบูลยราชกุมาร จึงนับเป็นโอกาสอันดียิ่งที่พสกนิกรชาวไทยทุกหมู่เหล่า จะได้แสดงออกถึงความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ และน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณด้วยการบำเพ็ญคุณงามความดี ถวายพระราชกุศลแด่สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าทีปังกรรัศมีโชติ มหาวชิโรตตมางกูรสิริวิบูลยราชกุมาร ที่ทรงสร้างคุณประโยชน์แก่ประเทศชาติอย่างเอนกอนันต์ ในการนี้ สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดพระนครศรีอยุธยา จึงได้ร่วมกับวัดพนัญเชิงวรวิหาร หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกซนและประชาชน จัดพิธีเจริญพระพุทธมนต์ พิธีตักบาตรพระสงฆ์ และการจัดกิจกรรมเข้าวัดปฏิบัติธรรมวันธรรมสวนะ เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าทีปังกรรัศมีโชติมหาวชิโรตตมางกูร สิริวิบูสยราชกุมาร เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันประสูติ 29 เมษายน 2564 ขึ้น เพื่อเป็นการส่งเสริมการจัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติในวาระโอกาสสำคัญดังกล่าว พร้อมทั้งส่งเสริมให้ประชาชนในจังหวัดพระนครศรีอยุธยาได้ร่วมกันทำความดีถวายพระราชกุศล แสดงออกถึงความรักชาติ ศาสนา สถาบันพระมหากษัตริย์ และธำรงรักษาไว้ให้มั่นคงสืบไป


 ภาพ/ข่าว  สุจินดา อุ่นขาว รายงานข่าวจากอยุธยา

พิจิตร - ส.ส.พรชัย พปชร.นำชุด PPE และอุปกรณ์มอบให้ รพ.พิจิตร ใช้ในการปฏิบัติหน้าที่สู้โควิด-19

วันที่ 26 เม.ย. 64  นายพรชัย  อินทร์สุข  ส.ส.พปชร.พิจิตร เขต 1 ได้นำชุด PPE จำนวน 100 ชุด  ชุดกราวน์ 60 ชุด  เจลล้างมือ 1 ลัง  ไปมอบให้กับนายรังสรรค์  ตันเจริญ  ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร เพื่อมอบส่งต่อให้กับ นายสุรชัย แก้วหิรัญ  ผอ.รพ.พิจิตร โดยทำพิธีมอบที่โรงพยาบาลพิจิตร เพื่อให้นำอุปกรณ์เหล่านี้มอบให้บุคลากรทางการแพทย์ของโรงพยาบาลพิจิตร เพื่อใช้ในการปฏิบัติหน้าที่ ทั้งนี้สืบเนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด19 ในระลอก 3 เดือนเมษายน 64  พบว่าขณะนี้จังหวัดพิจิตร มีผู้ป่วย มีผู้ติดเชื้อโควิดแล้วรวมจำนวน 41 ราย นอกจากนี้ก็ยังมีผู้ที่เป็นกลุ่มเสี่ยงสูง เนื่องจากมีพฤติกรรมใกล้ชิดกับผู้ป่วยอีกจำนวนมากเกือบ 300 คน  ที่ต้องเข้าสู่ระบบการกักกันตัว 14 วันเพื่อเฝ้าดูอาการ

นายพรชัย  อินทร์สุข  ส.ส.พปชร.พิจิตร เขต 1 เปิดเผยว่า ในฐานะที่เป็นผู้แทนราษฎรมองเห็นปัญหาและการปฏิบัติงานของบุคลากรทางการแพทย์ของ รพ.พิจิตร แล้วรู้สึกชื่นชมในความเสียสละ รวมถึงห่วงใยบุคลากรทางการแพทย์จำนวนเกือบ 40 คน ที่ต้องถูกกักตัวเนื่องจากตกเป็นกลุ่มเสี่ยง เหตุเพราะให้บริการผู้ป่วยที่บอกไทม์ไลน์ของตนเองไม่ชัดเจนและต่อมาจึงรู้ว่าติดเชื้อโควิด 19 โดย ส.ส.พรชัย กล่าวทิ้งท้ายว่าขอให้เชื่อมั่นนโยบายของรัฐบาลที่พร้อมจะดูแลบุคลากรทางการแพทย์และประชาชนชาวพิจิตรได้อย่างทั่วถึงแน่นอน


ภาพ/ข่าว  สิทธิพจน์  พิจิตร

ปทุมธานี – ผู้ว่าฯ เปิดจวน ทำโรงครัวเลี้ยงแพทย์ พร้อมยกมาตรการป้องกันโควิดเทียบเท่า กทม.

เมื่อวันที่ 26 เมษายน 2564 เวลา 11:00 น. ที่จวนผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี ตำบลบางปรอก อำเภอเมือง จังหวัดปทุมธานี นายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม ผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี ได้เปิดจวนผู้ว่าฯให้เป็นครัวทำอาหารช่วยเหลือแพทย์และบุคลาการทางการแพทย์รวมถึงคนไข้โควิด-19 เพื่อแบ่งเบาภาระโรงพยาบาลในพื้นที่จังหวัดปทุมธานี พร้อมยกมาตราป้องกันโควิด-19 ในพื้นที่จังหวัดปทุมธานีให้เท่าเท่ากรงเทพมหานคร เนื่องจากจำนวนผู้ติดเชื้อในจังหวัดเพิ่มขึ้น โดยวันที่ 23 เมษายน 2564 มีจำนวนผู้ติดเชื้อ 41 ราย , วันที่ 24 เมษายน 2564 มีจำนวนผู้ติดเชื้อ 58 ราย และ วันที่ 25 เมษายน 2564 มีจำนวนผู้ติดเชื้อ 57 ราย ดังนั้น นายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม ผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี จึงประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อออกคำสั่งจังหวัดปทุมธานี 3927/2564 ให้ปิดสถานที่เป็นการชั่วคราว ที่เสี่ยงต่อการแพร่ระบาด มีคำสั่งให้กำหนดมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เพิ่มเติม ดังนี้

ขอความร่วมมือประชาชนงดนอกออกนอกเคหสถานหรือที่พำนัก หลังเวลา 21.00 น.จนถึงเวลา 04.00 น.ของวันถัดไป เว้นแต่มีเหตุจำเป็นอันมิอาจหลีกเลี่ยงได้ , ให้งดการรวมกลุ่มดื่มสุราหรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในทุกสถานที่ เว้นแต่การดื่มของสมาชิกภายในครอบครัวภายในที่พักอาศัย ให้สวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าอย่างถูกวิธีทุกครั้งก่อนออกจากเคหสถานหรือสถานที่ทำงาน หรือเดินทางไปในสถานที่สาธารณะ หรือสถานที่ใด ๆ สำหรับบุคคลซึ่งอยู่ในร้านค้า ร้านอาหาร ตลาด สถานที่ทำงาน หรือสถานที่ใด ๆ ที่ต้องติดต่อกับบุคคลอื่น หรืออยู่รวมกันของคนหมู่มาก ต้องสวมหน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัยด้วยทุกครั้งตลอดเวลา ผู้ใดไม่ปฏิบัติตามมาตรการควบคุมโรคในข้อนี้ให้ถือเป็นการฝ่าฝืนคำสั่งเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อ มีระวางโทษปรับไม่เกิน 20,000 บาท ขอความร่วมมือให้มีการทำงานที่บ้าน (Work from Home) สลับวันทำงานให้เหมาะสม และให้งดการทานอาหารร่วมกันเป็นหมู่คณะ ทั้งนี้ให้ยังคงปิดสถานที่ต่าง ๆ เป็นการชั่วคราว ห้ามจัดกิจกรรม และมาตรการควบคุมที่จำเป็นตามที่มีคำสั่งไว้ก่อนหน้านี้ไว้เช่นเดิม

นายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม ผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี กล่าวว่า เนื่องจากแพทย์ บุคลากรทางการแพทย์และคนไข้ต้องได้รับการสนับสนุนอาหารการกินจึงมีความจำเป็นต้องเพิ่มอาหาร ซึ่งครัวของโรงพยาบาลไม่สามารถทำให้ทันเวลาได้ จึงได้เปิดครัวที่จวนโดยมีทางบริษัทซีพีแรม จำกัด มาช่วยทำอาหารเพื่อส่งมอบให้ทางโรงพยาบาลต่าง ๆ ในพื้นที่จังหวัดปทุมธานี โดยวันนี้ทำอาหารได้ 1,000 ชุด พร้อมขนม พี่น้องชาวปทุมธานีที่อยากทำบุญร่วมกันสามารถมาส่งกำลังใจกันที่จวนได้ เป็นเรื่องที่ทุกฝ่ายทุกคนมีส่วนช่วยเหลือแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ได้ เพื่อแบ่งเบาภาระให้ทางโรงยาบาลดูแลคนไข้มากขึ้น ในส่วนของสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 โดยช่วงเช้าได้ประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อ โดย 3 วันที่ผ่านมานี้มีจำนวนผู้เชื้อเชื้อที่ทรงตัว สามารถแบ่งผู้ติดเชื้ออกเป็น 3 ประเภทประกอบด้วย

1.เป็นคนปทุมธานี

2.เป็นคนที่เข้ามาทำงานในจังหวัดปทุมธานี

3. เป็นคนจากต่างจังหวัดแต่เดินทางมาขอตรวจที่จังหวัดปทุมธานี

ตัวเลขจำนวนผู้ติดเชื้อ 3 วันที่ผ่านมาจึงเพิ่มขึ้น ส่วนจำนวนเตียงรองรับผู้ป่วยภายในโรงพยาบาลถือว่ายังสามารถดำเนินการได้ไหว ทางจังหวัดปทุมธานีมีโรงพยาบาลสนามที่ธรรมศาสตร์ สบยช. มทร.ที่อนุเคราะห์สถานที่ทำโรงพยาบาลสนามรองรับผู้ป่วยที่ผ่านการรักษาที่โรงพยาบาลจนอาการดีขึ้นแล้วเพื่อพักฟื้นก่อนกลับบ้าน เรามั่นใจว่าสามารถควบคุมโรคได้เนื่องจาก 3 วันที่ผ่านมาไม่มีผู้ติดเชื้อมาจากแหล่งบันเทิงแล้ว แต่ผู้ติดเชื้อที่ปรากฏนั้นเป็นผู้ที่ติดมาจากผู้ที่ไปแหล่งบันเทิงที่ยังมีอยู่ ส่วนมาตรการที่เราได้ทำร่วมกันมี 4 ด้าน คือ

1.การป้องกัน ได้มีการยกระดับการป้องกัน

2.การค้นหา มีทางประกันสังคมได้จัดจุดสวอพที่วิทยาลัยอาชีวะ คนที่มีประกันสังคมในจังหวัดปทุมธานีจำนวน 600,000 คน สามารถเดินทางมาตรวจได้ฟรี จากนั้นมีโรงพยาบาลการุญเวช รับผู้ที่เป็นคนไข้ โดยทางจังหวัดได้ประสานโรงแรมทำเป็นโฮสพิเทลเพื่อให้การค้นหาได้เต็มความสามารถ

3.การรักษา เราได้คุยกับบุคลากรทางการแพทย์ ทราบว่ามีการแยกอาการผู้ป่วยชัดเจน โดยการแยกเป็นสีเขียว สีเหลืองสีแดง

4.การส่งกลับ มีการส่งผู้ป่วยที่รักษาหายแล้วกลับบ้านทุกวัน โดยผู้ที่ไม่มีรถก็อาศัยของรถของทางราชการ ชุมชนก็ให้การตอนรับดี โดยภาพรวมเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วนให้ความร่วมมือดีมาก เนื่องจากเราเป็นพื้นที่อยู่ติดกับกรุงเทพมหานครและอยู่ติดกับจังหวัดนนทบุรี จึงปรับมาตรการยกระดับให้เหมือนกันและมีมาตรการเดียวกันเพื่อให้การควบคุมโรคดียิ่งขึ้น


ภาพ/ข่าว  ประภาพรรณ ขาวขำ/รายงาน

อยุธยา - ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา นำข้าราชการทุกหมู่เหล่า ร่วมพิธีวางพวงมาลาถวายราชสักการะ พิธีบวงสรวง และถวายราชสดุดี เนื่องในวันคล้ายวันสวรรคตของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ภายใต้มาตรการควบคุมโรคโควิด-19

วันที่ 25 เมษายน 2564 เวลา 07.30 น. ที่ พระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช นายภานุ แย้มศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นประธานในพิธีวางพวงมาลาถวายราชสักการะและประกอบพิธีบวงสรวง กล่าวคำถวายราชสดุดี เนื่องในวันคล้ายวันสวรรคตของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช โดยมี ตุลาการ ทหาร ตำรวจ อัยการ นางสมทรง พันธ์เจริญวรกุล นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด นางนวลจันทร์ สมาชิกเหล่ากาชาดจังหวัดพระนครศรีอยุธยา หัวหน้าส่วนราชการ มาร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ เพื่อร่วมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณแห่งองค์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ผู้ทรงกอบกู้อิสรภาพของไทย ภายใต้การจัดงานแบบจำกัดผู้เข้าร่วมงานเพียงหน่วยงานละ 1 คน เพื่อเป็นการปฏิบัติตามมาตรการของกรมควบคุมโรค

ด้วย วันที่ 25 เมษายน ของทุกปี เป็นวันคล้ายวันสวรรคตของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช มีพระนามเดิมว่าพระนเรศ หรือ "พระองค์ดำ" เป็นพระราชโอรสในสมเด็จพระมหาธรรมราชาธิราชและพระวิสุทธิกษัตรีย์ เสด็จขึ้นครองราชสมบัติ 15 ปี เสด็จสวรรคตเมื่อวันที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2148 สิริพระชนมพรรษา 49 พรรษา มีเหตุการณ์ที่ยิ่งใหญ่และสำคัญยิ่งของชาติไทย พระองค์ได้กอบกู้อิสรภาพของไทยจากการเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งแรก และได้ทรงแผ่อำนาจของราชอาณาจักรไทย อย่างกว้างใหญ่ไพศาล นับตั้งแต่ประเทศพม่าตอนใต้ทั้งหมด สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ทรงเป็นพระมหากษัตริย์นักรบผู้ยิ่งใหญ่และกล้าหาญ และทรงทำนุบำรุงบ้านเมืองให้เจริญรุ่งเรืองทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม ศิลปวัฒนธรรม ตลอดจนปกปักรักษาเอกราชของชาติ จนทำให้มีประเทศไทยเช่นทุกวันนี้


ภาพ/ข่าว  สุจินดา อุ่นขาว รายงานจากอยุธยา

สระบุรี – จัดพิธีวันคล้ายวันสวรรคต สมเด็จพระนเรศวรมหาราช 2564

วันนี้ 25 เมษายน 2564 เวลา 08.30 น. ที่หอประชุมศูนย์ราชการจังหวัดสระบุรี ตำบลตะกุด อำเภอเมือง จังหวัดสระบุรี  นายสมภพ สมิตะสิริ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรี เป็นประธานวางพวงมาลาถวายราชสักการะ และจุดธูป เทียนเครื่องทองน้อย อ่านประกาศถวายราชสดุดีเฉลิมพระเกียรติคุณ สมเด็จพระนเรศวรมหาราช เพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ ที่ทรงพระปรีชาสามารถ กล้าหาญ เด็ดเดี่ยว สร้างความเป็นเอกราชให้แก่ชาติไทย โดยในพิธีมีหัวหน้าส่วนราชการจังหวัด ทหาร ตำรวจ เข้าร่วมพิธี ซึ่งปฏิบัติตามมาตรการป้องกันปัญหาโควิด-19 จำกัดจำนวนผู้ร่วมงาน  ใส่หน้ากากอนามัย วัดอุณหภูมิ  เว้นระยะห่าง

สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ทรงพระราชสมภพ ณ พระราชวังจันท์ เมื่อปีพุทธศักราช 2098 ทรงเป็นกษัตริย์องค์ที่ 2 แห่งราชวงศ์สุโขทัย ทรงเป็นพระราชโอรสของสมเด็จพระมหาธรรมราชาเมื่อมีพระชนมายุได้ 9 พรรษา พระเจ้าบุเรงนอง กษัตริย์พม่า ทรงขอไปเลี้ยงเป็นพระราชบุตรบุญธรรมเพื่อเป็นตัวประกันที่หงสาวดี ซึ่งในขณะนั้น กรุงศรีอยุธยาตกอยู่ในความปกครองของพม่า จนพระชนมายุได้ 15 พรรษา จึงเสด็จกลับกรุงศรีอยุธยา เมื่อวันขึ้น 1 ค่ำ เดือน 6 ปีวอก พ.ศ.2127 ทรงหลั่งน้ำทักษิโณทก ณ เมืองแครง ประกาศอิสรภาพของชาติไทยโดยไม่ขึ้นกับพม่าอีกต่อไป และทรงขึ้นครองราชย์เป็นพระมหากษัตริย์ครองกรุงศรีอยุธยา เมื่อปี พ.ศ.2133 ในรัชสมัยของพระองค์ทรงกระทำสงครามขยายพระราชอาณาจักรไทย ให้แผ่ไพศาลไปในจตุรทิศ ทรงเป็นกษัตริย์นักรบผู้ยิ่งใหญ่และกล้าหาญ ทรงกระทำยุทธหัตถีมีชัยชนะต่อพระมหาอุปราชแห่งกรุงหงสาวดี เมื่อปี พ.ศ.2135 สมเด็จพระนเรศวรมหาราชเสด็จสวรรคต เมื่อปี พ.ศ.2148 ขณะพระชนมายุได้ 50 พรรษา รวมเวลาที่ทรงขึ้นครองราชย์นาน 15 ปี​


ภาพ/ข่าว  ดำรงค์​ ชื่นจินดารายงาน

อยุธยา – เทศบาลนครพระนครศรีอยุธยา ปล่อยขบวนรถพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อ ในพื้นที่เกาะเมือง เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับพี่น้องประชาชน

วันที่ 24 เมษายน ที่วัดศาลาปูนวรวิหาร นายศรัณย์ สุขเกษม ปลัดเทศบาลนครพระนครศรีอยุธยา รักษาการนายกเทศมนตรีเทศบาลนครพระนครศรีอยุธยา ว่าที่ร้อยตรีสมทรง สรรพโกศลกุล อดีตนายกเทศมนตรีเทศบาลนครพระนครศรีอยุธยา นายกฤษณ์ เถี่ยนมิตรภาพ อดีตรองนายกเทศมนตรีเทศบาลนครพระนครศรีอยุธยา ในนามตัวแทนจิตอาสาชาวจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ร่วมกัน ทำพิธีปล่อยขบวนรถ พ่นน้ำยาฆ่าเชื้อ ป้องกันโรคโควิด-19 โดยมีพระครูอนุกูลศาสนกิจ เจ้าคณะอำเภอพระนครศรีิยุธยา เจ้าอาวาสวัดศาลาปูนวรวิหาร มาเป็นองค์ประธานเทน้ำยาฆ่าเชื้อเพืื่อความเป็นศิริมงคลให้กับคณะทีมงานด้วย

นายศรัณย์ สุขเกษม ปลัดเทศบาลนครพระนครศรีอยุธยา รักษาการนายกเทศมนตรีเทศบาลนครพระนครศรีอยุธยา กล่าวว่า การดำเนินการครั้งนี้เพื่อเป็นสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนในการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดยทางเทศบาลนครพระนครศรีอยุธยาได้สั่งซื้อรถพ่นน้ำฆ่าเชื้อจำนวน 6 คัน พร้อมทั้งได้มีการดัดแปลงรถดับเพลิงเก่าขนาดความจุขนาด 12,000 ลิตร มาใช้งานพ่นน้ำยาเชื้อฆ่าในครั้งนี้ และได้ระดมเจ้าหน้าที่เทศกิจ เข้าพื้นที่พ่นฆ่าเชื้อโควิด-19 เพื่อป้องกันการแพร่ระบาด ขอให้พี่น้องประชาชนสบายใจกับแผนดำเนินของเทศบาลนครพระนครศรีอยุธยา โดยจะออกพ่นยาฆ่าเชื้อในวันจันทร์วันพุธและวันศุกร์จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย

ว่าที่ร้อยตรีสมทรง สรรพโกศลกุล อดีตนายกเทศมนตรีเทศบาลนคร กล่าวว่า ตนเองในฐานะตัวแทนจิตอาสาชาวจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เห็นความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนจึงได้ประสานงานกับเทศบาลนครพระนครศรีอยุธยาให้เร่งเข้ามาดูแลความเดือดร้อนของพี่น้องชาวจังหวัดพระนครศรีอยุธยาโดยเฉพาะในเกาะเมืองพระนครศรีอยุธยาที่เป็นพื้นที่เศรษฐกิจ ต้องดูแล ให้มีความปลอดภัยและห่างไกลจากโรคโควิดและ ได้ประสานกับทางวัดศาลาปูน โดยพระครูอนุกูลศาสนกิจ ในการอนุเคราะห์อาคารโรงเรียนเก่าของวัดศาลาปูนให้เป็นศูนย์พักฟื้น ผู้ป่วยโควิด-19 ที่เป็นพระสงฆ์หรือผู้สูงอายุ มาพักรักษาตัวด้วย


ภาพ/ข่าว  สุจินดา อุ่นขาว  รายงานจากอยุธยา


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top