Monday, 20 May 2024
ภาคกลางไทม์

ลพบุรี – ทหารรบพิเศษ ระดมช่วยบริจาคโลหิตให้กับสภากาชาดไทยในยามวิกฤติ

กรมรบพิเศษที่ 3 รักษาพระองค์ นำกำลังพลจิตอาสา ร่วมใจบริจาคโลหิต แก้วิกฤต COVID-19 เพื่อเป็นโลหิตสำรองในห้วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัส COVID-19 ระลอกใหม่

จากวิกฤติของการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัส COVID-19 ระลอกใหม่ เดือนเมษายนที่ผ่านมา พบผู้ติดเชื้อในประเทศไทยเพิ่มสูงขึ้น ทำให้ปริมาณโลหิตสำรองของสภากาชาดไทยลดลง อีกทั้งสถานการณ์ของการแพร่ระบาดของไวรัสทำให้ประชาชนไม่สะดวกในการไปบริจาคโลหิต ส่งผลกระทบทำให้ปริมาณโลหิตสำรองไม่เพียงพอต่อความต้องการของโรงพยาบาลทั่วประเทศ

ด้าน พ.อ.อินทนนท์  รัตนกาฬ ผู้บังคับการกรมรบพิเศษที่ 3 รักษาพระองค์ ค่ายเอราวัณ จังหวัดลพบุรี ได้จัดกำลังพลจิตอาสา เราทำความดีด้วยหัวใจ ของหน่วยที่มีสุขภาพแข็งแรง ไม่เข้าข่ายผู้มีความเสี่ยงติดเชื้อไวรัส “COVID-19” จำนวน 10 นาย สนับสนุนการดำเนินงานของสภากาชาดไทย ตามนโยบายของกองทัพบก ในโครงการ " กองทัพไทย ร่วมใจบริจาคโลหิต แก้วิกฤต COVID-19 ” ณ  สำนักงานภาคบริการโลหิตแห่งชาติ ที่ 2 จังหวัดลพบุรี เพื่อบรรเทาความเดือนร้อน ของระบบโลหิตสำรอง ในการรักษาผู้ป่วยในสถานการณ์ปัจจุบัน ให้มีเพียงพอในการรักษาผู้ป่วย ซึ่งความจำเป็นเร่งด่วนที่จะต้องระดมโลหิตเข้าสู่ระบบให้เร็วที่สุด อีกทั้งยังเป็นการปฏิบัติตามนโยบาย ของผู้บัญชาการทหารบก ที่ให้กำลังพลของกองทัพบกทุกนาย ต้องดูแลห่วงใยและให้ความช่วยเหลือประชาชนได้ในทุกโอกาส

โดยมีจำนวนโลหิตที่ได้รวม ทั้งสิ้น 4,500 ซีซี ซึ่งการบริจาคโลหิตในครั้งนี้ ถือเป็นไปตามมาตรการที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนดอย่างเคร่งครัด มีการคัดกรองและเฝ้าระวังการแพร่ระบาด ของเชื้อไวรัส COVID -19 ในสถานที่รับบริจาคโลหิต เพื่อป้องกันการถ่ายทอดโรคติดเชื้อ COVID-19 ทางโลหิต และเพื่อความปลอดภัยของผู้ป่วยที่ต้องรับโลหิตจากการรักษาพยาบาล

ซึ่งสำนักงานภาคบริการโลหิตแห่งชาติ ที่ 2 จังหวัดลพบุรี ได้เปิดรับบริจาคโลหิตทุกวัน โดยไม่เว้นวันหยุดราชการ สำหรับโลหิตที่ได้ จะถูกนำไปใช้เป็นโลหิตสำรอง เพื่อส่งต่อโลหิตที่ปลอดภัย สำหรับใช้ดูแลรักษาผู้ป่วย ในโรงพยาลต่างๆ ในพื้นที่จังหวัดลพบุรี และจังหวัดใกล้เคียง ในพื้นที่รับผิดชอบ รวม 8 จังหวัด ของสำนักงานภาคบริการโลหิตแห่งชาติ ที่ 2 ในโอกาสต่อไป


ภาพ/ข่าว  กฤษณ์  สนใจ

นนทบุรี – อดีตตำรวจจราจร ป่วยเป็นโรคเครียด ผันตัวเป็นพ่อค้าก๋วยเตี๋ยวกัญชา สร้างรายได้เลี้ยงครอบครัว

หลังจากสถานการณ์การแพร่เชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 หรือโควิด-19 หลากหลายอาชีพประสบปัญหาทางด้านเศรษฐกิจ ดต.ฐนกร สวนหอม อายุ 54 ปี อดีตตำรวจจราจร สน.พญาไท หลังจากขอเกษียญราชการก่อนอายุราชการ ผันตัวเองมาเป็นพ่อค้าขายก๋วยเตี๋ยวเนื้อ ย่านดุสิต ขื่อร้านเนื้อตุ๋นกัญ โอชา โดยคว้าโอกาสหลังรัฐบาลปลดล็อคพืชกัญชา ให้นำมาเป็นส่วนผสมในอาหารได้ จึงได้คิดค้นก๋วยเตี๊ยวเนื้อรสเด็ด ผสมใบกัญชา เรียกลูกค้าได้อย่างมากมาย ถือเป็นอีกหนึ่งช่องทางในการทำมาหากิน ในยุคที่เศรษฐกิจฝืดเคืองได้เป็นอย่างดี

ดต.ฐนกร สวนหอม เจ้าของร้าน เปิดเผยว่า เพิ่งเปิดร้านขายก๋วยเตี๋ยวมาได้ประมาณ 1 เดือน หลังมีการประกาศคลายล็อคพืชกัญชา จึงไดผันตัวเองมาเป็นพ่อค้าขายก๋วยเตี๋ยวเพื่อหาเลี้ยงครอบครัว โดยที่ร้านจะขายเฉพาะเมนูเนื้อวัวอย่างเดียว มีทั้งก๋วยเตี๋ยวเนื้อผสมกัญชา โดยใช้เนื้อวัวสด ตับ หัวใจ เอ็นตุ๋น เนื้อตุ๋น ขอบกระด้ง สไบนาง และลูกชิ้น นอกจากนี้ยังมีเนื้อโคขุนย่างไว้ทานเล่น คู่กับน้ำชากัญชา ราคาไม่แพงก๋วยเตี๋ยวชามละ 60 บาท พิเศษ 80 บาท เกาเหลา ชามละ 80 บาท ข้าวเปล่า 10 บาท เนื้อปิ้งไม้ละ 10 บาท และน้ำชากัญชาขวดละ 25 บาท เปิดขายทุกวันตั้งแต่เวลา 09.00 น.ถึง 21.00 น. ร้านเนื้อตุ๋นกัญ โอชา ตั้งอยู่เลขที่ 105 ถนนนครไชยศรี แขวงถนนนครไชยศรี เขตดุสิต กทม. ใกล้โรงหนังจันทิมาเก่า

ดต.ฐนกร กล่าวเพิ่มเติมว่า สาเหตุที่มาเปิดร้านก๋วยเตี๋ยวผสมกัญชา เริ่มจากตนเองป่วยเป็นโรคเครียด รักษาด้วยแพทย์แผนไทยใช้น้ำมันกัญชา หลังเออร์รี่ออกจากราชการจุงคิดประกอบอาชีพ และคิดว่าจะทำอาหารที่มีส่วนผสมกัญชาเพื่อช่วยให้คนได้คลายเครียดด้วย จึงได้ไปค้นหาในอินเตอร์เน็ตและได้ติดต่อขอซื้อใบกัญชาที่ถูกต้องจากแหล่งที่ได้รับอนุญาตมาเป็นส่วนผสมในก๋วยเตี๋ยว และทำน้ำชากัญชา ผลตอบรับจากลูกค้าดีมากให้ความสนใจเข้ามาลองชิมแน่นร้านทุกวัน ใครที่อยากทดลองชิมก๋วยเตี๋ยวกัญชาสามารถเดินทางมาที่ร้านได้ข้างซอยโรงหนังจันทิมาเก่า หรือโทร.จองโต๊ะได้ที่เบอร์ 0992863344 และ 0854946665 เปิดขายทุกวันไม่มีวันหยุด จากผลตอบรับของลูกค้าเป็นอย่างดี ดต.ฐนกร เล็งขยายสาขาเพิ่มอีกหนึ่งแห่งในพื้นที่ จ.นนทบุรี

สุโขทัย – สถานการณ์การแพร่ระบาดเชื้อโควิด-19 มีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นเป็น 65 รายต้องเปิดใช้โรงพยาบาลสนามขณะที่ผู้มีความเสี่ยงสูงทยอยออกมาตรวจเชื้อ ผู้ว่าฯสั่งใช้มาตรการเข้มพร้อมทำความสะอาดสถานที่เสี่ยง

วันนี้ (23 เม.ย.64) เวลา 13.30 น.นายวิรุฬ  พรรณเทวี ผู้ว่าราชการจังหวัดสุโขทัย พร้อมด้วยนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสุโขทัยและคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดสุโขทัยลงพื้นที่โรงพยาบาลสุโขทัยเพื่อตรวจเยี่ยมการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ของรถพระราชทานเก็บตัวอย่างชีวนิรภัยที่มีประชาชนที่มีความเสี่ยงสูงและสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยได้เดินทางมาขอตรวจหาเชื้อกันเป็นจำนวนมาก

สำหรับสถานการณ์การแพร่ระบาดเชื้อโควิด-19 ของสุโขทัยวันนี้พบมีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นรวมเป็น 65 รายมีการแพร่กระจายสู่กลุ่มเครือญาติ และครอบครัว โดยผู้ป่วยได้กระจายเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลต่างๆ จังหวัดสุโขทัยจึงได้เปิดใช้โรงพยาบาลสนามที่ใช้อาคารชวนชม มหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งชาติ วิทยาเขตสุโขทัยเป็นที่ตั้ง เพื่อดูแลผู้ป่วยโควิด-19 ที่มีอาการไม่มาก มีหมอและพยาบาลคอยสังเกตอาการอย่างใกล้ชิด

 ขณะที่ผู้ว่าราชการจังหวัดสุโขทัยสั่งการให้ใช้มาตรการป้องกันการแพร่ระบาดและควบคุมโรคโควิด 19 อย่างเคร่งครัด เน้นย้ำออกนอกบ้านต้องใส่หน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าตลอดเวลา พร้อมให้ทำความสะอาดใช้น้ำยาฆ่าเชื้อโรคในสถานที่มีความเสี่ยงเช่นสถานที่ราชการ ห้างสรรพสินค้า ร้านอาหาร ตลาดสด อีกด้วย


ภาพ/ข่าว  วิชัย  สิทธิพันธ์  / สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสุโขทัย  

สุโขทัย - ปตท.สผ. รวมพลังสู้ COVID-19 มอบผ้าห่ม และของใช้ที่จำเป็น เพื่อใช้ในโรงพยาบาลสนาม แก่จังหวัดสุโขทัย

วันที่ 23 เมษายน 2564 นายวีระวัฒน์ อ่วมสร้อย ผู้จัดการอาวุโส ฝ่ายปฏิบัติการผลิต โครงการเอส 1 พร้อมด้วย นางแววเดือน ปิงเมือง ผู้จัดการ องค์กรสัมพันธ์ โครงการผลิตบนฝั่ง (ประเทศไทย)  มอบผ้าห่ม จำนวน 50 ผืน หน้ากากอนามัย จำนวน 5,000 ชิ้น และน้ำดื่ม จำนวน 300 โหล เพื่อนำไปใช้สำหรับเจ้าหน้าที่และผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID19) ประจำโรงพยาบาลและโรงพยาบาลสนาม พื้นที่จังหวัดสุโขทัย และเพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการดูแลและสนับสนุนการต่อสู้กับวิกฤติการณ์การแพร่ระบาดของโรค COVID19 โดยได้รับเกียรติจาก ดร.นพ.ปองพล วรปาณิ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสุโขทัย เป็นผู้รับมอบ ณ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสุโขทัย

จากสถานการณ์การระบาดของโรค COVID19 ปตท.สผ.โครงการเอส 1 ในฐานะผู้ดำเนินการสำรวจ พัฒนา และผลิตปิโตรเลียมบนแปลงสัมปทานเอส 1 มีพื้นที่ปฏิบัติงานหลักอยู่ในจังหวัดกำแพงเพชร พิษณุโลก และสุโขทัย ขอร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนหน่วยงานต่าง ๆ เพื่อช่วยบรรเทาสถานการณ์ และขอเป็นกำลังใจให้กับบุคคลากรทางการแพทย์ ตลอดจนหน่วยงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง พลังความร่วมมือและร่วมใจของทุกคนจะสามารถยับยั้งการแพร่เชื้อของไวรัสร้ายนี้ให้จบลงได้โดยเร็วที่สุด

ประจวบคีรีขันธ์ - ศรชล.ประสานช่วยเหลือลูกเรือบาดเจ็บสาหัสขณะทำประมงในทะเล ส่ง รพ. อย่างปลอดภัย

เมื่อเวลา 07.00 น. ของวันนี้ 23 เม.ย.64 ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลภาค 1 (ศรชล.ภาค 1)  โดย น.อ.ไกรพิชญ์ กรวีร์ปภาวิทย์ หน.ศูนย์ควบคุมความมั่นคงท่าเรือจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ (ศคท.จว.ปข.) ได้รับแจ้ง จากศูนย์ควบคุมการแจ้งเข้า-ออกเรือประมง ประจวบคีรีขันธ์

(ศจร.ประจวบคีรีขันธ์) หรือศูนย์ Pi-Po ประจวบคีรีขันธ์ ว่า เรือประมง ส.โชคสงวนชัย 9 ขนาด 29.81 ตันกรอส ประเภทเรือประมงอวนลาก ที่ได้แจ้งออกจากท่าเรือเจริญลาภ เมื่อวันที่ 21 เม.ย.64 มีลูกเรือ 5 คน มีนายบุญมี สาเกตุ เป็นผู้ควบคุมเรือ มีลูกเรือชื่อนายวงเดือน โนนทิง สัญชาติไทย อายุ 51 ปี ช่างเครื่อง ประสบอุบัติเหตุบาดเจ็บสาหัส ขณะทำการประมงถูกเชือกรัดขาขวาจนหักผิดรูปมีบาดแผลฉีกขาด เหตุเกิดบริเวณพิกัด Lat 11 องศา 58 ลิปดา 00 ลิปดา เหนือ Long 99 องศา 58 ลิปดา 00 ลิปดา ตะวันออก แบริ่ง 049 ระยะประมาณ 10 ไมล์ จากท่าเรือเจริญลาภ อ.เมือง จ.ประจวบคิรีขันธ์ จึงขอแจ้งเข้าท่าเรือเพื่อส่งตัวผู้บาดเจ็บ ณ ท่าเรือเจริญลาภ หลังทราบเหตุได้ประสานรถกู้ชีพฯ เข้าให้การช่วยเหลือ นำตัวผู้บาดเจ็บ ส่งเข้ารักษาตัวที่ รพ.ประจวบคีรีขันธ์ อย่างเร่งด่วน

จากการสอบถาม นายสมัย มานะดี ลูกเรือชาวไทยผู้เห็นเหตุการณ์ทราบว่า นายวงเดือน โนนทิง ลูกเรือ ได้ประสบอุบัติเหตุขณะวางอวน แล้วถูกเชือกอวนพันขาจนได้รับบาดเจ็บสาหัส จึงแจ้งกับผู้ควบคุมเรือทราบ และช่วยกันปฐมพยาบาลในเบื้องต้น ก่อนแจ้งเจ้าของเรือรีบนำเรือเข้าฝั่ง เพื่อส่งตัวผู้ได้รับบาดเจ็บส่ง รพ.ประจวบคิรีขันธ์ โดยมีเจ้าหน้าที่จาก ศรชล.ภาค 1 โดย ศูนย์ควบคุมความมั่นคงท่าเรือจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ (ศคท.จว.ปข.) และ ศูนย์ควบคุมการแจ้งเข้า-ออกเรือประมง ประจวบคีรีขันธ์ หรือศูนย์ Pi-Po ประจวบคีรีขันธ์ ดูแลให้การช่วยเหลืออย่างใกล้ชิด


ภาพ/ข่าว ศรชล.ภาค 1 / นิราช / นันทพล ทิพย์ศรี รายงาน

สุโขทัย – โควิดพ่นพิษ โยมนำกระต่ายกว่า 300 ตัว ถวายวัด เพื่อให้คนอยากเลี้ยงนำไปดูแลต่อ

เมื่อเวลา11.30น.วันที่ 22เม.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ขณะนี้ได้แพร่ระบาดไปทุกจังหวัด เช่นเดียวกับจังหวัดสุโขทัยมีผู้ติดเชื้อและเข้ารับการรักษาตัวอย่างต่อเนื่องล่าสุดพบผู้ป่วยแล้ว 39 ราย ซึ่งส่งผลกระทบอย่างมากไม่ว่าทั้งประชาชนและสัตว์เลี้ยง ต้องได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด19 เช่นเดียวกับชาวบ้านที่เพาะเลี้ยงกระต่ายขายต้องประสบกับปัญหาเนื่องจากกระต่ายที่เพาะเลี้ยงขายไม่ได้และต้องแบกรับค่าอาหารจึงตัดสินใจนำมาถวายให้กับพระครูปลัดธนะโรจน์ ปัญญาวชิโร (พระอาจารย์หมู) เจ้าอาวาสวัดหนองทอง หมู่11 ต.บ้านสวน อ.เมือง จ.สุโขทัย นำมาเลี้ยงและแจกให้กับชาวบ้านที่สนใจอยากจะเลี้ยงกระต่าย

พระครูปลัดธนะโรจน์ ปัญญาวชิโร (พระอาจารย์หมู) เล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังว่าก่อนหน้านี้ได้มีโยมโทรติดต่อมาว่าจะนำกระต่ายมาถวายให้กับพระอาจารย์จากนั้นได้มีรถหกล้อนำกระต่ายที่โยมนำมาถวายมาส่งให้กับพระอาจารย์ที่วัดถึง 300 ตัว ส่วนที่โยมนำกระต่ายมาถวายนั้นน่าจะเกิดจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด19 ในขณะนี้เนื่องจากค่าอาหารที่เลี้ยงกระต่ายมีราคาสูงกระสอบละ450บาทใช้ได้เพียง2วันทำให้ทางอาตมาต้องไปช่วยกันเก็บผักบุ้งและหญ้ามาให้กระต่ายกินด้วยเพื่อเป็นการลดค่าใช้จ่าย ส่วนญาติโยมท่านใดที่อยากจะเลี้ยงกระต่ายสามารถมารับได้ที่วัดซึ่งทางอาตมาจะมอบให้ท่านละ 10 ตัว และถ้าใครไม่สะดวกที่จะนำกระต่ายไปเลี้ยงแต่อยากจะช่วยดูแลกระต่ายเหล่านี้สามารถส่งอาหารเม็ดมาให้ทางวัดได้ 


ภาพ/ข่าว  พงศ์เทพ สาคร สุโขทัย

สมุทรปราการ - “สมเด็จพระมหาวีรวงศ์” ประธานเปิดอาคารเรียน หลังที่ 18 ณ โรงเรียนวัดบางพลีใหญ่กลาง

ที่บริเวณลานโรงเรียนวัดบางพลีใหญ่กลาง ต.บางพลีใหญ่ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดราชบพิตรสถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร เลขานุการสมเด็จพระสังฆราช เมตตาเดินทางมาเป็นประธานในพิธีเปิดป้ายอาคารเรียน”พระครูปลัดสุวัฒนศีลคุณ” โรงเรียนวัดบางพลีใหญ่กลาง เนื่องในโอกาสฉลองอายุวัฒนมงคล 59 ปี ของท่านพระครูปลัดสุวัฒนศีลคุณ เจ้าอาวาสวัดบางพลีใหญ่กลาง ประธานดำเนินการจัดสร้างอาคารเรียนหลังที่ 18 เพื่อมอบให้กับทางโรงเรียนวัดบางพลีใหญ่กลาง โดยอาคารหลังดังกล่าวมีชื่ออาคารว่า”พระครูปลัดสุวัฒนศีลคุณ”

โดยในพิธีเปิดป้ายอาคารเรียนครั้งนี้ ยังได้รับความเมตตาจากพระพรหมเสนาบดี กรรมการมหาเถรสมาคม เจ้าอาวาสวัดปทุมคงคา เดินทางมาร่วมในพิธี พร้อมคณะสงฆ์ผู้ทรงสมณศักดิ์จากวัดต่าง ๆ ตลอดจนพระราชาคณะเข้าร่วมในพิธี และร่วมเจริญพระพุทธมนต์ คณะสงฆ์วัดบางพลีใหญ่กลาง โดยพระครูปลัดสุวัฒนศีลคุณ เจ้าอาวาสวัดบางพลีใหญ่กลาง ให้การต้อนรับ มีนายชัยพจน์ จรูญพงศ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ นายอำเภอบางพลีข้าราชการตำรวจชั้นผู้ใหญ่ หัวหน้าส่วนราชการ ผอ.โรงเรียนวัดบางพลีใหญ่กลาง และแขกผู้มีเกียรติร่วมให้การต้อนรับและร่วมในพิธี

สำหรับการจัดสร้างอาคารเรียนหลังใหม่นี้ เป็นอาคารเรียนหลังที่ 18 ที่ท่านพระครูปลัดสุวัฒนศีลคุณ เจ้าอาวาสวัดบางพลีใหญ่กลาง ที่ได้เมตตาจัดสร้างขึ้นเพื่อมอบให้กับทางโรงเรียนวัดบางพลีใหญ่กลาง อีกทั้งยังมีความเมตตาต่อนักเรียนโรงเรียนวัดบางพลีใหญ่กลาง จึงได้จัดสร้างอาคารหลังดังกล่าวขึ้น และท่านพระครูปลัดสุวัฒนศีลคุณ ยังได้ให้การอุปถัมภ์ทางโรงเรียนมาโดยตลอด

โดยวันที่ 12 สิงหาคม 2563 ที่ผ่านมา ท่านพระครูปลัดสุวัฒนศีลคุณ เจ้าอาวาสวัดบางพลีใหญ่กลาง ได้ทำพิธีตอกเสาเข็ม และในวันที่ 9 กันยายน 2563 ถือฤกษ์ดีวันที่ 9 เดือน 9 ประกอบพิธียกเสาเอก เสาโท และด้วยความอุตสาหะ ความมุ่งมั่นตั้งใจ ความเมตตาที่มีต่อนักเรียน กระทั่งดำเนินการแล้วเสร็จ เป็นอาคาร 3 ชั้น ประดับตกแต่งอย่างสวยงาม ชั้นที่ 1 ประกอบไปด้วยห้องประชุมขนาดใหญ่ ชื่อว่า”ห้องประชุมศีลคุณ” มีบันไดซ้าย ขวา ส่วนชั้นที่2 และชั้นที่ 3 มีห้องเรียนจำนวน 6 ห้อง พร้อมด้วยโต๊ะหนังสือและเก้าอี้ สำหรับนักเรียน ไว้สำหรับจัดการเรียนการสอน ซึ่งอาคารหลังใหม่นี้ที่มีการจัดสร้าง นับเป็นอาคารหลังที่ 18 ที่ท่านพระครูปลัดสุวัฒนศีลคุณ เมตตาจัดสร้างขึ้น พร้อมทั้งกำกับ ดูแล ควบคุมการก่อสร้างมาโดยตลอด ดั่งคำปณิธานของท่านคือ”ชีวิตนี้เพื่อการศึกษา”


ภาพ/ข่าว  คิว-ข่าวสมุทรปราการ

ปทุมธานี – ผู้ว่าฯปทุมธานี รับมอบเครื่องกระตุกหัวใจไฟฟ้า อัตโนมัติ (AED) จำนวน 11 เครื่อง

เมื่อวันที่ 21 เมษายน 2564 เวลา 10.00 น. ที่ สำนักงานเหล่ากาชาดจังหวัดปทุมธานี นายชัยวัฒน์  ชื่นโกสุม  ผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี ประธานพิธีรับมอบเครื่องกระตุกหัวใจไฟฟ้า อัตโนมัติ (AED)  โดยมี นางจินดา สิงหเดช รองนายกเหล่ากาชาดจังหวัดปทุมธานีนายสุรินทร์  สืบซึ้ง  นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดปทุมธานี  นายดรณ์ สมิตะเกษตริน ปลัดจังหวัดปทุมธานี นางพรอัปสร นิลจินดา ประชาสัมพันธ์จังหวัดปทุมธานี หัวหน้าส่วนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม สภากาชาดไทย กระทรวงมหาดไทยและกระทรวงสาธารณสุข ได้บันทึกข้อตกลงความร่วมมือ โครงการบริจาคเครื่องกระตุกหัวใจไฟฟ้าอัตโนมัติ (AED) ระหว่าง สภากาชาดไทย กระทรวงสาธารณสุขและกระทรวงมหาดไทย เมื่อวันที่ 14 กันยายน 2563  และได้พิจารณาเลือกสถานที่ติดตั้งเครื่องกระตุกหัวใจไฟฟ้าอัตโนมัติ(AED) ใน 76 จังหวัดเรียบร้อยแล้ว

ซึ่งจังหวัดปทุมธานี พิจารณาจัดสถานที่ติดตั้งเครื่องกระตุกหัวใจไฟฟ้าอัตโนมัติ(AED) จำนวน 11 เครื่อง ครอบคลุม ทั้ง 7 อำเภอ  สถานที่ที่คัดเลือกพิจารณาจากพื้นที่ที่มีประชาชนมาใช้บริการสาธารณะเป็นจำนวนมาก เป็นสถานที่ที่ติดตั้งหยิบใช้ได้สะดวก และมีโรงพยาบาลในพื้นที่เป็นผู้รับผิดชอบบำรุงรักษา โดยสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดปทุมธานี จัดกิจกรรมเตรียมการรับมอบเครื่อง AED รับมอบอุปกรณ์การสอน Basic Life Support พร้อมกับทบทวนกระบวนการจัดการฝึกอบรมการช่วยชีวิตขั้นพื้นฐาน สำหรับประชาชนในโครงการจิตอาสา CPR เฉลิมพระเกียรติเนื่องในโอกาสมหามงคล พระราชพิธีบรมราชาภิเษก

ทั้งนี้ นายดรณ์ สมิตะเกษตริน ปลัดจังหวัดปทุมธานี นายสุรินทร์  สืบซึ้ง นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดปทุมธานี นางสมลักษณ์  ลาภเจริญ กรรมการเหล่ากาชาดจังหวัดปทุมธานี  ได้ร่วมลงนามเป็นพยานในเอกสารเครื่องกระตุกหัวใจไฟฟ้าอัตโนมัติ (AED) กับ บริษัท อินโนเวชั่นส์ จำกัด โดยกิจกรรมในวันนี้ ประกอบด้วย การให้ความรู้ในเรื่องกระบวนการช่วยฟื้นคืนชีพ และความรู้ในการใช้เครื่อง กระตุกหัวใจไฟฟ้าอัตโนมัติ(AED) พร้อมการสอนสาธิต และแบ่งกลุ่มฝึกปฏิบัติ การช่วยฟื้นคืนชีพ เพื่อเป็นประโยชน์และนำกลับไปใช้ได้ในชีวิตจริงสำหรับทุกคน  หากเกิดเหตุการณ์สามารถทราบจุดที่เครื่องกระตุกหัวใจไฟฟ้าอัตโนมัติ(AED)ติดตั้งและช่วยผู้เกิดเหตุได้ทันเวลา


ภาพ/ข่าว ประภาพรรณ ขาวขำ/รายงาน

ลพบุรี – หนุ่มผู้โชคดีเล่านาทีระทึก พายุหมุนกระหน่ำพังพินาศ ต้นไม้ใหญ่หักโค่นทับทุกเส้นทางเข้าพื้นที่เกิดเหตุ

เวลา 16.55  น. วันที่ 20 เม.ย.2564 มูลนิธิสว่างอริโยธรรมสถาน รุดเดินทางไปยังโกดังเก็บน้ำมันเพื่อการเกษตร  ของบริษัทอิทธิพระพรเทรดดิ้ง หมู่ที่ 5 ต.หนองเต่า หลังจากพายุฤดูร้อนพัดกระหน่ำอย่างรุนแรง หลังคาบริษัทปลิวไปตามลมไกกว่า 400 เมตร และมีผู้ที่ถูกหลังคาทับภายในรถยังไม่สามารถนำตัวออกมาได้ จึงได้รุดเดินทางไปยังจุดเกิดเหตุ แต่ต้องพบกับอุปสรรค ที่ต้นไม้ใหญ่หักโค่นทับทุกเส้นทางเข้าพื้นที่เกิดเหตุ ต้องระดมพลช่วยกันตัดต้นไม้ออกนอกเส้นทางก่อนเดินทางเข้าพื้นที่เกิดเหตุได้

ที่เกิดเหตุพบมีโครงหลังคาหลุดหาย พื้นที่เกิดเหตุพบถังน้ำมันเครื่อง ที่ตกกระจายเกลื่อน สอบถามนางมณีรัตน์ ปัญญา อาย 56 ปี ผู้ดูแลเล่าว่า ก่อนที่ฝนจะตกพายุหมุนได้พัดมาอย่างรุนแรง อย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ต่างวิ่งหนีเข้าไปภายในบ้านเพื่อเอาชีวิตรอด แต่ก็ยังมีผู้ติดอยู่ใต้ซากโครงหลังคาอีก 2 คน เจ้าหน้าที่ได้ช่วยกันรื้อซาก เร่งเข้าช่วยเหลือพบนอนหลบอยู่ภายในรถกระบะ ออกมาได้อย่างปลอดภัย

นายคุณากร แจ่มโพกุล อายุ 34 ปี คนงานที่ติดอยู่ในซากเล่าว่าช่วงเกิดเหตุพายุหมุน เสียงลั่นของโครงหลังคาดังสนั่นไปทั่วบริเวณ ตกใจมากตนเองไม่รู้ว่าจะวิ่งไปหลบที่ไหนดี เพราะมีแต่เศษสิ่งของปลิวกระจายเกลื่อน ก่อนที่จะถูกหลังคาทับเพื่อนคนงานได้ตะโกนเรียกให้เข้าไปหลบในรถยนต์กระบะ ก่อนที่โครงหลังคาหล่นโครมลงมาใส่รถจนมองไม่เห็นอะไร โชคดีที่ไม่ได้รับอันตราย แต่ยอมรับว่าตกใจสุดขีด ไม่เคยเห็นพายุพัดรุนแรงขนาดนี้มาก่อนในชีวิต ทั้งนี้จากการประเมินความเสียหายในเบื้องต้นคาดไม่ต่ำกว่า 2 ล้านบาท  


ภาพ/ข่าว  กฤษณ์ สนใจ ลพบุรี  

อยุธยา - วัดตะโก ทำความสะอาดฆ่าเชื้อ เพื่อสร้างความเชื่อมั่น ให้กับประชาชนที่เดินทางมากราบไหว้หลวงพ่อรวย

เมื่อเวลา 16.00น.วันนี้ 19 เมษายน 2564  ที่ วัดตะโก อำเภอภาชี จังหวัดพระนครศรีอยุธยา หลังทางวัดตะโกได้ทำการปิดวัดในวันที่ 17-19 เมษายน 2564 เพื่อที่จะทำความสะอาดฆ่าเชื้อโควิด-19 หลังมีประชาชนได้เข้ามาทำบุญกราบไหว้หลวงพ่อรวยช่วงเทศกาลจำนวนมาก เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนที่จะเดินทางมา และจะเปิดให้ประชาชนเข้ามากราบไหว้หลวงพ่อรวยอีกครั้งเร็ว ๆ นี้

วันนี้ได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานราชการ เจ้าหน้าที่ ร่วมกันทำความสะอาดภายในวัด โดยได้รับความร่วมมือจากเอกชน นำน้ำยาฆ่าเชื้อ มาฉีดพ้นภายในพระมหาธาตุเจดีย์ โบสถ์ วิหาร อาคารสำคัญต่าง ๆ ที่เป็นสถานที่ รวมจำนวนคนมากในช่วงที่ผ่านมา เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับพุทธศาสนิกชน ที่จะเดินทางมาวัดตะโก  ส่วนทำความสะอาดทั่วไป วัดเองทำทุกวัน เพื่อสร้างความเชื่อมั่น ให้กับพุทธศาสนิกชนที่จะเดินทางมาวัดตะโก

หลังจากที่เปิดแล้วขอความร่วมมือทุกคนที่เดินทางมาที่วัดตะโก ขอให้ทุกคนสวมหน้ากากอนามัย มีการเว้นระยะห่าง ผ่านจุดคัดกรอง ลงทะเบียนตามคำแนะนำ  ซึ่งจะเปิดให้เข้าเพียงแค่ประตูเดียวเพื่อความเข้มในการคัดกรองเช่นเดิมไว้ตามระเบียบ เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนที่จะเดินทางมา กราบไหว้หลวงพ่อรวย ต่อไป


ภาพ/ข่าว  สุจินดา  อุ่นขาว  รายงานจากอยุธยา


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top