Friday, 9 May 2025
NEWS

‘ยุทธพงศ์’ อัด ‘บิ๊กตู่’ บริหารเศรษฐกิจล้มเหลว ทำราคา ‘พริก - ลอตเตอรี่’ พุ่งสูง เปิดสถิติข้อมูลพาณิชย์พบพริกแพงขึ้น 4 เท่า ซัดรัฐบาลไม่ใส่ใจหามาตรการช่วยดูแลราคาสินค้าให้ประชาชน

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 31 ม.ค. ที่พรรคเพื่อไทย นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม และรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย แถลงว่าวันนี้รัฐบาลล้มเหลวทุกเรื่อง วันนี้มีประเด็นพริกเม็ดละ 1 บาท ตอนเช้าตนไปซื้อพริกจินดาที่ตลาด ราคา 12 บาท ได้ 22 เม็ด และพริกขี้หนูที่คนส่วนใหญ่ใช้บริโภคเป็นหลัก ตนตรวจสอบข้อมูลของกระทรวงพาณิชย์ พบว่า ช่วงเดือน ม.ค.63 ราคาพริกจินดาเฉลี่ยอยู่ที่ขีดละ 4.50 บาท ช่วงเวลาเดียวกันปี 64 ราคาเฉลี่ยขีดละ 17 บาท

ซึ่งราคาพริกสูงขึ้นถึง 4 เท่า คำถามคือรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม บริหารประเทศอย่างไรคนเดือดร้อนไปหมด นายจุรินทร์ ลักษณะวิศิษฏ์ รองนายกฯ และรมว.พาณิชย์ บอกมีผลงานประทับใจ ตนคิดว่าประทับใจมากจริงๆราคาพริกยังขึ้นมาถึง 4 เท่า แสดงให้เห็นว่ารัฐบาลไม่ได้ใส่ใจ ไม่มีมาตรการอะไรที่มาช่วยดูแลราคาสินค้าให้ประชาชน

นายยุทธพงศ์ ยังกล่าวถึงปัญหาการค้าสลากเกินราคาของผู้ค้ารายย่อย ว่า เกิดจากต้นทางคือยี่ปั๊วที่ขายสลากให้ผู้ค้ารายย่อยในราคา 90 - 93 บาท ทั้งที่ต้นทุนจริงอยู่ที่ 70 บาท ทำให้ผู้ค้ารายย่อยต้องมาขายเอากำไรในราคา 100 บาท พอขายเกินราคาก็ถูกตำรวจล่อซื้อจับปรับ 2,000 บาท ถ้าไม่อยากถูกจับต้องจ่ายเงินค่าส่วยลอตเตอรี่ งวดละ 300 บาท ซึ่งคนขายลอตเตอรี่ไม่ได้ขายพื้นที่เดียว ไม่ว่าจะเดินไปขายในเขตพื้นที่ไหนก็ต้องจ่ายส่วยให้แต่ละพื้นที่

โดยเฉพาะงวดวันที่ 1 ก.พ.นี้ มีเลขดัง คือ 36 และ 63 เลขชุด 5 ใบ ขาย 750 บาท ถามว่าแต่ละงวดกองสลากพิมพ์ลอตเตอรี่ทั้งหมด 1 ล้านเล่ม เล่มละ 100 ใบ ต้นทุนจริงๆ 70 บาท ยี่ปั๊วเอามาขาย 90 บาท งวดหนึ่งจะมีผลประโยชน์ประมาณ 2,000 ล้านบาท

"ผู้ค้ารายย่อยไปรอกดตู้ธนาคารกรุงไทย แต่กดไม่ได้เพราะไม่มีให้กด ทำให้ต้องมาซื้อลอตเตอรี่หน้ากองสลากไปขาย นายกฯบอกว่าจะดูแลกองสลากให้ เคยมอบหมายให้ พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ อดีตผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ดูแลกองสลาก ก็ไม่เห็นแก้ปัญหาได้ วันนี้ทุกคนเดือดร้อน คนขายลอตเตอรี่ไม่มีใครอยากถูกจับหรือต้องจ่ายส่วย เพราะคนเหล่านี้ยากจนลำบากอยู่แล้ว แต่ทุกคนจำเป็นต้องขาย ถามว่านายกฯในฐานะหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ ปัญหาลอตเตอรี่ยังแก้ไม่ได้แล้วจะไปแก้อะไรได้ จึงขอเรียกร้องให้นายกฯแก้ปัญหาเรื่องนี้" นายยุทธพงศ์ กล่าว

‘สิระ’ งานเข้า!!! ‘ศรีสุวรรณ’ เตรียมบุกกกต.จี้สอบปม ‘สิระ’ แจกข้าวสาร - หน้ากากอนามัยช่วงโควิด เกินมูลค่าที่กฎหมายกำหนดหรือไม่

นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย กล่าวว่า ตามที่นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม.พลังประชารัฐ แจกข้าวสาร 1 หมื่นถุงๆ 5 กิโลกรัม ให้ประชาชนชาวหลักสี่ จตุจักร ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด -19 เมื่อเดือนเม.ย. - พ.ค.63

ที่ผ่านมา และช่วงใหม่ 2564 จำนวน 1 หมื่นถุง รวมถึงแจกหน้ากากอนามัย 2 หมื่นชิ้น เพื่อใช้ป้องกันการแพร่ระบาด ในนามกลุ่มเพื่อนสิระ เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ เมื่อตรวจสอบราคาขายในตลาดจะตกถุงละ 79 บาท รวมเป็นเงิน 1,580,000 บาท ส่วนหน้ากากอนามัยประมาณ 5 หมื่นบาท รวมเป็นค่าใช้จ่ายประมาณ 1,630,000 บาท

นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า การช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 เป็นสิ่งที่ดีและสามารถทำได้ เมื่อมีเหตุอันสมควรและเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนแก่ผู้ประสบภัยพิบัติ แต่ต้องปฏิบัติให้เป็นไปตามระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ว่าด้วยจำนวน หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขของการให้ตามประเพณีหรือเมื่อมีเหตุอันสมควร

และการยื่นคัดค้านเกี่ยวกับการบันทึกค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรครั้งต่อไป พ.ศ. 2561 กำหนดโดยมีราคาหรือมูลค่าที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จะให้ได้ไม่เกิน 3 แสนบาท หากเกินกว่าจำนวนที่กำหนดกฎหมายกำหนดให้นำไปรวมคำนวณเป็นค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรครั้งต่อไป ซึ่งการเลือกตั้งเมื่อ 24 มี.ค.62 กกต.กำหนดค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้งของผู้สมัคร ส.ส. แต่ละคนได้ไม่เกิน 1.5 ล้านบาท

ซึ่งการแจกข้าวและหน้ากากอนามัย ของนายสิระ มูลค่าประมาณ 1,630,000 บาท เกินกว่าที่ กกต.กำหนด จึงอาจเป็นเหตุทำให้ในการเลือกตั้งครั้งต่อไป นายสิระอาจไม่สามารถลงสมัครรับเลือกตั้งได้อีกเพราะแค่ค่าสมัครอย่างเดียวก็ 1 หมื่นบาทแล้ว ดังนั้นทางสมาคมฯจะนำพยานหลักฐานมอบให้กกต.

เพื่อสั่งการให้เลขาธิการ กกต.ตรวจสอบและบันทึกไว้เป็นค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้ง ของพรรคการเมืองในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรครั้งต่อไป ตามระเบียบหรือกฎหมายที่กำหนด ในวันจันทร์ที่ 1 ก.พ.นี้เวลา 10.00 น. ที่สำนักงาน กกต. ศูนย์ราชการ

ศาล ชี้ ‘ธนาธร’ ไลฟ์วัคซีนโควิดฯ ผิด พ.ร.บ.คอมฯ สั่งปิดกั้น-ลบโพสต์คณะก้าวหน้าที่ทำการเผยแพร่ออกจากระบบแล้ว ส่วนม.112 ตำรวจปอท.อยู่ระหว่างดำเนินคดี ‘พุทธิพงษ์’ ยัน ยึดตามกฎหมายไม่ละเว้น

ภายหลังจากเมื่อวันที่ 20 ม.ค. 2564 ที่ นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) มอบหมายทีมกฎหมายไปแจ้งความต่อกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี( บก.ปอท.) ให้ดำเนินคดีกับนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ไลฟ์สดเกี่ยวกับวัคซีนป้องกันโควิดที่พาดพิงสถาบันหลัก ผ่านเพจคณะก้าวหน้า ฐานความผิดประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และ ผิด พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ มาตรา 14(3) พร้อมกับได้ยื่นให้ศาลพิจารณาการกระทำดังกล่าว

ล่าสุด ศาลอาญาได้ตรวจสอบ พบเว็บไซต์ เผยแพร่ข้อความภาพและคลิปวีดีโอ ที่มีเนื้อหาอันเข้าข่ายเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงในราชอาณาจักร ปรากฎใน 3 URLs (รายการ) ประกอบด้วย

1.) https://progressivemovement.in.th/article/3258/

2.) https://youtube/Oq7KPO5TBc8

3.) https://fbwatch/3aiaDnGJTi/

โดยพบว่าเป็นโพสต์ผ่านทางเพจเฟซบุ๊คและยูทูปของคณะก้าวหน้า

ศาลจึงอาศัยอำนาจตามพ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ มาตรา 14(3) ประกอบมาตรา 20 มีคำสั่งให้ระงับการทำให้แพร่หลายซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ การไลฟ์สดของนายธนาธร เนื่องจากเห็นว่า เป็นการกระทบกระเทือนต่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักร จึงสั่งระงับการทำให้แพร่หลาย 3 URLs ดังกล่าว

นายพุทธิพงษ์ ระบุว่า สำหรับคดีความตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ที่ได้ยื่นแจ้งความนายธนาธรต่อ บก.ปอท.ไว้นั้น ต้องติดตามความคืบหน้ากับเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปอท.และที่เกี่ยวข้อง ทราบว่าอยู่ระหว่างตรวจสอบหลักฐานดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ยืนยัน เจ้าหน้าที่รัฐ ต้องดำเนินการตามกฎหมาย ไม่สามารถละเว้นได้

ร่วมด้วยช่วยกัน! กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ถกกระทรวงการคลัง ชงมาตรการภาษี จูงใจผู้ประกอบการลดขยะพลาสติก แก้ปัญหาสิ่งแวดล้อม หลังพบปัจจุบันไทยมีปริมาณขยะพลาสติก 1.6 ล้านตันต่อปี รีไซเคิลได้ 2 แสนตันเท่านั้น

น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ขณะนี้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม อยู่ระหว่างการหารือกับกระทรวงการคลัง ถึงมาตรการทางภาษี เพื่อส่งเสริมเพิ่มแรงจูงใจให้ผู้ประกอบการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม หลีกเลี่ยงการก่อขยะพลาสติก

อันจะเป็นหนทางหนึ่งในการแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน ซึ่งเรื่องนี้หลายประเทศทั่วโลกต่างตื่นตัวและให้ความสำคัญกับการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยมีการออกมาตรการต่างๆ เพื่อสร้างแรงจูงใจ ก่อให้เกิดความร่วมมือจากประชาชนอย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ ตั้งแต่ต้นปี 2563 เป็นต้นมา ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้เริ่มนโยบายลดการใช้ถุงพลาสติก โดยขอความร่วมมือห้างสรรพสินค้า ซูเปอร์มาร์เก็ต และร้านสะดวกซื้อทั่วประเทศ งดบริการถุงพลาสติก ซึ่งได้รับความร่วมมือจากผู้ประกอบการและประชาชนเป็นอย่างดี ทำให้เห็นว่าแนวโน้นการบริหารจัดการแก้ไขปัญหาถุงพลาสติกเป็นไปในทิศทางที่ดี

โดย กระทรวงทรัพยากรฯ มีเป้าหมายงดการนำเข้าเศษพลาสติกต่างจากต่างประเทศ ให้ได้ภายในปี 2569 จากเดิมที่ตั้งเป้าจะงดการนำเข้าเศษพลาสติกภายในปี 2570 ซึ่งจะทำให้ขยะพลาสติกในประเทศถูกบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยระหว่างนี้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จะมีกระบวนการค่อยๆปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการทิ้งขยะของประชาชน เพื่อการบริหารจัดการที่ดี เกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติ และประชาชน ทั้งด้านเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อม

ปัจจุบันประเทศไทยมีปริมาณขยะพลาสติกอยู่ประมาณ 1.6 ล้านตันต่อปี สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ประมาณ 2 แสนตัน ดังนั้นหากมีการคัดแยกขยะอย่างเป็นระบบ ก็จะสามารถนำขยะพลาสติกกลับใช้ใหม่ได้มากกว่า 2 แสนตัน แม้ในช่วงการระบาดของโควิด-19 ทำให้ประชาชนหันมาใช้บริการสั่งอาหารแบบเดลิเวอรี่มากขึ้น แต่การคัดแยกขยะ ก็จะช่วยลดปัญหาสิ่งแวดล้อมได้เป็นอย่างดี

กสิกรไทย มองดัชนีหุ้นไทยสัปดาห์หน้าแกว่งในกรอบ 1,425-1,500 จุด ส่วนค่าเงินบาท ประเมินกรอบการเคลื่อนไหว อยู่ที่ 29.80-30.20 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ระบุ การประชุม กนง. - สถานการณ์โควิด-19 - ผลประกอบการงวดไตรมาส 4/63 ของบจ. และดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนม.ค. ของไทย

บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด มองว่า ดัชนีหุ้นไทยสัปดาห์หน้า (1 - 5 ก.พ.) มีแนวรับที่ 1,455 และ 1,425 จุด ขณะที่ แนวต้านอยู่ที่ 1,480 และ 1,500 จุด ตามลำดับ

โดยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) (3 ก.พ.) สถานการณ์โควิด-19 ผลประกอบการงวดไตรมาส 4/63 ของบจ. และดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนม.ค. ของไทย รวมถึงความคืบหน้าเกี่ยวกับการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐฯ

ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตและบริการ ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรและอัตราการว่างงานเดือนม.ค. ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศที่สำคัญอื่นๆ ได้แก่ ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 4/63 ของยูโรโซน ตลอดจนดัชนี PMI Composite เดือนม.ค. ของยูโรโซน ญี่ปุ่นและจีน

ขณะที่ ค่าเงินบาท ประเมินว่า จะเคลื่อนไหว อยู่ที่ 29.80 - 30.20 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ โดยปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) (3 ก.พ.) ความคืบหน้าของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐฯ และสถานการณ์การระบาดของโควิด-19

ส่วนตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตร อัตราการว่างงาน ข้อมูลการจ้างงานภาคเอกชนจาก ADP ดัชนี PMI และดัชนี ISM ภาคการผลิตเดือนม.ค. 64 ยอดสั่งซื้อภาคโรงงาน รายจ่ายด้านการก่อสร้างเดือนธ.ค. 63

นอกจากนี้ตลาดอาจรอติดตามผลการประชุมธนาคารกลางอังกฤษ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิต-ภาคบริการเดือนม.ค. ของจีน ยูโรโซน อังกฤษ และตัวเลขจีดีพีไตรมาส 4/63 ของยูโรโซน ด้วยเช่นกัน

สวนดุสิตโพล เผยผลสำรวจ พบประชาชนส่วนใหญ่กังวลผลข้างเคียงของวัคซีนโควิด - 19 แต่พร้อมฉีด ส่วนวัคซีนไฟเซอร์ - ไบโอเอ็นเทค คนรู้จักมากสุด

สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต สำรวจความคิดเห็นของประชาชนเรื่อง “คนไทยกับวัคซีนโควิด-19” จำนวน 1,570 คน สำรวจวันที่ 22 - 29 มกราคม 2564 พบว่า ส่วนใหญ่ประชาชนรู้จักวัคซีนไฟเซอร์ - ไบโอเอ็นเท็ค (Pfyzer- BioNTech) มากที่สุด ร้อยละ 64.27 รองลงมาคือ อ๊อกฟอร์ด-แอสตราเซเนกา (Oxford-Astrazeneca) ร้อยละ 52.55

ขณะที่ สิ่งที่กังวลมากที่สุด คือ ผลข้างเคียงของวัคซีน ร้อยละ 82.71 โดยต้องการจะฉีดวัคซีน แต่ขอดูผลข้างเคียงก่อน ร้อยละ 65.99 ทั้งนี้ค่อนข้างเชื่อมั่นว่าเมื่อฉีดวัคซีนแล้วจะป้องกันโควิด-19 ได้ ร้อยละ 63.88 และหลังจากฉีดวัคซีนแล้วจะยังดูแลสุขภาพตัวเองเหมือนช่วงที่ผ่านมา ร้อยละ 60.83

เรื่องวัคซีนโควิด -19 เป็นประเด็นร้อนที่หลายฝ่ายตั้งคำถามต่อการบริหารงานของรัฐบาล เพราะเมื่อเปรียบเทียบกับการดำเนินงานของหลายประเทศต่างมีความคืบหน้าอย่างมากในการฉีดวัคซีนให้กับประชาชน ความแตกต่างที่เห็นได้ชัด

ทำให้ประชาชนเกิดความกังวลใจทั้งในเรื่องยี่ห้อวัคซีน ประสิทธิภาพ ผลข้างเคียง กระบวนการจัดซื้อ ความล่าช้า ราคา และความโปร่งใส นับว่าเรื่องวัคซีนโควิด-19 เป็นโจทย์ที่ท้าทายรัฐบาลอย่างยิ่งในการเร่งสร้างความรู้ความเข้าใจให้กับประชาชน

นายวิทวัส รัตนถาวร อาจารย์ประจำสาขาวิชาวิทยาศาสตร์เครื่องสำอาง คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยสวนดุสิต เปิดเผยว่า จากผลสำรวจในเรื่อง “คนไทยกับวัคซีนโควิด-19” บ่งชี้ได้ว่า ประชาชนส่วนใหญ่ให้ความสนใจและติดตามข้อมูลเกี่ยวกับวัคซีนโควิด-19 ทั้งในด้านของประสิทธิภาพ ราคา และผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้ภายหลังจากการได้รับวัคซีน

ปัจจัยต่าง ๆ เหล่านี้ยังส่งผลกระทบโดยตรงกับความเชื่อมั่นของประชาชนในด้านความปลอดภัยของวัคซีน โดยสะท้อนจากผลสำรวจ ที่พบว่า ประชาชนยังมีความกังวลเกี่ยวกับผลข้างเคียงของวัคซีนมากถึงร้อยละ 82.71 ซึ่งเป็นหน้าที่ของหน่วยงานทางภาครัฐ ที่ต้องดำเนินการเร่งชี้แจง ทำความเข้าใจกับประชาชนถึงประสิทธิภาพและความปลอดภัยของวัคซีนโควิด-19 ที่มีความแตกต่างกันของแต่ละบริษัท

ถึงแม้ว่าในปัจจุบันจะมีวัคซีนโควิด-19 ที่มีประสิทธิภาพ แต่ประชาชนยังคงต้องมีการดูแลตัวเองอย่างเคร่งครัด เนื่องจากเชื้อโควิด-19 จะยังไม่ได้หายไปในระยะเวลาอันสั้นนี้ การฉีดวัคซีนมีจุดมุ่งหมายในการป้องกันการแพร่ระบาดในวงกว้าง

อีกทั้งช่วยลดอัตราการเสียชีวิตจากการติดเชื้อลง ดังนั้นการป้องกันตนเองโดยการใส่หน้ากากอนามัย ล้างมืออย่างสม่ำเสมอ และหลีกเลี่ยงการเข้าไปในพื้นที่แออัด ยังคงเป็นสิ่งจำเป็นในการใช้ชีวิตประจำวันต่อไป

ยอดติดเชื้อทั่วโลกทะลุ 103 ล้านคน ‘หมอธีระ’ ระบุมีโอกาสเห็นการระบาดในไทยที่รุนแรงขึ้นไปอีกได้ หลังจากผ่อนคลายมาตรการ 1 ก.พ.นี้ เชื่อยังมีผู้ติดเชื้อไม่รู้ตัวอีกมากในสังคม แนะออกจากบ้านเท่าที่จำเป็น ไม่กินดื่มในร้าน ซื้อกลับบ้านปลอดภัยกว่า

รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์ถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทั่วโลก ผ่านเฟซบุ๊ก ‘Thira Woratanarat’ ระบุว่า

สถานการณ์ทั่วโลก 31 มกราคม 2564 ทะลุ 103 ล้านไปแล้ว

เมื่อวานทั่วโลกติดเพิ่ม 542,482 คน รวมแล้วตอนนี้ 103,067,009 คน ตายเพิ่มอีก 13,591 คน ยอดตายรวม 2,226,554 คน

อเมริกา เมื่อวานติดเชิ้อเพิ่ม 169,432 คน รวม 26,631,590 คน ตายเพิ่มอีก 3,471 คน ยอดตายรวม 449,916 คน

อินเดีย ติดเพิ่ม 19,631 คน รวม 10,746,871 คน

บราซิล ติดเพิ่ม 58,462 คน รวม 9,176,975 คน

รัสเซีย ติดเพิ่ม 19,032 คน รวม 3,832,080 คน

สหราชอาณาจักร ติดเพิ่มอีก 23,275 คน รวม 3,796,088 คน

อันดับ 6-10 เป็น ฝรั่งเศส ตุรกี อิตาลี สเปน และเยอรมัน ส่วนใหญ่ติดกันหลายพันถึงหลายหมื่นต่อวัน

แถบอเมริกาใต้ ยุโรป เอเชีย อย่างโคลอมเบีย เนเธอร์แลนด์ โปแลนด์ ยูเครน แคนาดา รวมถึงอิหร่าน บังคลาเทศ อิสราเอล อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น และมาเลเซีย ยังติดกันเพิ่มหลักพันถึงหลักหมื่น

อีก 3 วัน สาธารณรัฐเชคจะแตะหลักล้าน ในขณะที่เนเธอร์แลนด์จะใช้เวลาอีกราว 1 สัปดาห์จะแตะล้านเช่นกัน เป็นประเทศที่ 20 และ 21 ตามลำดับ

แถบสแกนดิเนเวีย บอลติก และยูเรเชีย ก็ยังมีติดเชื้อเพิ่มอย่างต่อเนื่อง

เมียนมาร์ เกาหลีใต้ และไทย ติดเพิ่มหลายร้อย ส่วนจีน ฮ่องกง เวียดนาม และสิงคโปร์ ติดเพิ่มหลักสิบ ในขณะที่กัมพูชา ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ ติดเพิ่มต่ำกว่าสิบ

...สถานการณ์ในเมียนมาร์ เมื่อวานติดเพิ่มขึ้นอีก 349 คน ตายเพิ่มอีก 10 คน ตอนนี้ยอดรวม 139,864 คน ตายไป 3,125 คน อัตราตายตอนนี้ 2.2%...

วิเคราะห์จากข้อมูลที่มี..

ประเทศที่มีการระบาดซ้ำ ยังไม่มีประเทศใดที่สามารถกดให้การระบาดจนหมดไปได้แบบระลอกแรก

ส่วนใหญ่แล้วจะประสบปัญหาเรื่องเศรษฐกิจสังคม และข้อจำกัดด้านทรัพยากรในระบบสุขภาพ ทำให้มาตรการต่างๆ ที่ดำเนินไปจะทำได้อย่างมากคือกดการระบาดให้ต่ำลง

มีทั้งที่กดไม่ได้ แล้วระบาดรุนแรงขึ้นไปอีก

และมีทั้งที่กดลงมาได้ แต่จะมีจำนวนการติดเชื้อต่อวัน เป็นหลักสิบ หลักร้อย หลักพัน หลักหมื่น ขึ้นอยู่กับแต่ละประเทศ

เคยเล่าให้ฟังแล้วว่า ช่วง 4 สัปดาห์แรกของการระบาดซ้ำนั้นเป็นช่วงเวลาทองที่จะกดการระบาด หากทำสำเร็จจะมีโอกาสระบาดซ้ำรุนแรงน้อยกว่าระลอกแรก ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสามปัจจัยหลักคือ การดำเนินมาตรการเคร่งครัดเฉียบขาดอย่างทันเวลา, การตรวจคัดกรองโรคอย่างครอบคลุมและต่อเนื่อง, และความร่วมมือของประชาชนในการป้องกันตัวอย่างเคร่งครัด

ทั้งนี้หากทำได้ทั้งสามองค์ประกอบ ก็จะมีโอกาสสำเร็จมากขึ้น โดยจากสถิติที่ติดตาม พบว่า มีประเทศที่รุนแรงน้อยกว่าระลอกแรก 12% ในขณะที่ส่วนใหญ่จะระบาดซ้ำรุนแรงกว่าระลอกแรก เฉลี่ยแล้วจะมียอดติดเชื้อสูงสุดต่อวันมากกว่าเดิม 5 เท่า และสู้ยาวนานกว่าเดิมอย่างน้อย 2 เท่า

เคยคาดการณ์เพื่อให้เตรียมรับมือไว้ล่วงหน้าตั้งแต่ธันวาคมปีที่แล้วว่า หากเราเป็นแบบประเทศส่วนใหญ่ 88% นั้น จะมีโอกาสตรวจพบติดเชื้อต่อวันสูงราว 940 คน และสู้ยาวราว 88 วัน หรือสามเดือน เพื่อหวังให้เราวางแผนการใช้ชีวิต และเตรียมรับมืออย่างมีสติ ภายใต้ข้อมูลความรู้ที่มีไว้เพื่อเป็นไฟส่องนำทาง

พรุ่งนี้จะเริ่มมีการผ่อนคลายมาตรการ ขอให้ดำรงชีวิตโดยเน้นความปลอดภัยนะครับ เพราะสัจธรรมคือ หากมีการเคลื่อนที่ของประชากรมากขึ้น การแพร่เชื้อรับเชื้อจะมีโอกาสมากขึ้น และด้วยข้อมูลที่ชี้ให้เห็นข้างต้นว่า น่าจะยังไม่จบศึกสงคราม จะมีผู้ที่ติดเชื้อโดยไม่รู้ตัว และใช้ชีวิตประจำวันอยู่ในสังคมอยู่อีกจำนวนไม่น้อย หากทุกคนป้องกันตัวเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นคนที่จะติดเชื้อหรือไม่ติดเชื้ออยู่ก็ตาม โอกาสติดเชื้อแพร่เชื้อกันก็จะน้อยลง แต่หากไม่ป้องกัน เพิกเฉย ละเลย รู้สึกว่าไม่ใช่เรื่องของฉัน ก็จะมีโอกาสเห็นการระบาดที่รุนแรงขึ้นไปอีกได้

หากประเมินตามเงื่อนเวลา จุดตัดสินลักษณะการระบาดในอนาคตของเรา จะอยู่ในช่วงกลางมีนาคมเป็นต้นไป หากสามารถกดการระบาดให้จำนวนติดเชื้อต่อวันเหลือน้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ ก็จะมีช่วงเวลาที่ระบาดแบบน้อยๆ ไปเรื่อย ๆ ได้นานหน่อย แต่หากขยับหลักขึ้นไปจากสิบเป็นร้อยจากร้อยเป็นพันหรือเป็นหมื่น ระยะเวลาปลอดการระบาดรุนแรงก็จะน้อยลงตามลำดับ ทุกหลักที่เพิ่มขึ้นจะทำให้ระยะเวลาปลอดการระบาดรุนแรงสั้นลงประมาณ 3 สัปดาห์

ขณะนี้หลายประเทศมักเจอระบาดระลอกสอง แต่มีถึง 13 ประเทศแล้วที่ประสบปัญหาระลอกสามครับ ทั้งนี้ 12 ประเทศ (92.3%) มีการระบาดซ้ำที่หนักกว่าเดิม

หวังว่าพวกเราจะร่วมด้วยช่วยกัน ป้องกันตัวอย่างเคร่งครัด

ใส่หน้ากากเสมอ ล้างมือบ่อยๆ อยู่ห่างจากคนอื่นหนึ่งเมตร

ออกจากบ้านเท่าที่จำเป็น ไม่กินดื่มในร้านหากไม่จำเป็นจริงๆ ซื้อกลับจะปลอดภัยกว่า

คอยสังเกตอาการตนเองและครอบครัว หากไม่สบาย ต้องหยุดเรียนหยุดงานแล้วรีบไปตรวจรักษา

สวัสดีวันอาทิตย์ครับ


ที่มา : เพจ Thira Woratanarat

'จุรินทร์'​ นำทีมลุย!! ลานมัน ตรวจเข้มการรับซื้อหัวมันสำปะหลังหนองบัวลำภู 

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ราคามันสําปะหลัง ณ ลานมัน ห้างหุ้นส่วนจํากัด อุดรไพบูลย์ อําเภอเมือง จังหวัดหนองบัวลําภู พร้อมคณะ

นายจุรินทร์ พบปะเกษตรกร ตรวจขั้นตอนการรับซื้อมันสำปะหลัง และกล่าวว่า นำกระทรวงพาณิชย์มาติดตามสถานการณ์ราคามันสำปะหลังที่จังหวัดอุดรธานีกับจังหวัดน้องบัวลำภู ซึ่งที่นี่เป็นโรงโรงมันที่ส่งมันเส้นออกนอกประเทศเพื่อทำเอทานอล​ ที่ก่อนหน้านี้มีความพยายามจะร่วมมือกันกับสมาคมมันสำปะหลังต่างๆ​ ร่วมกับกรมการค้าภายใน กรมการค้าต่างประเทศกระทรวงพาณิชย์ที่จะหาทางยกระดับราคาให้สูงขึ้นจากที่ซื้อขายกันในลานมันที่กิโลกรัมละ 2.00-2.10 บาท ได้มีการหารือร่วมกันระหว่างกระทรวงพาณิชย์กับสมาคมผู้ส่งออก เกษตรกร ทำบันทึกความเข้าใจร่วมกันช่วยกันยกระดับราคา โดยสัปดาห์นี้จะพยายามยกระดับราคาการรับซื้อหัวมันสดที่เชื้อแป้ง 25% ให้ได้ถึง 2.40 บาท ถ้าเป็นไปได้สัปดาห์ต่อไปจะขยับขึ้นเป็น 2.45-2.50 บาท โดยสถานการณ์ดีขึ้นมีการรับซื้อที่เชื้อแป้ง 25% ตามมาตรฐานที่กิโลกรัมละประมาณ 2.40 บาทในขณะนี้ บางแห่งก็ 2.45 บาท ถือว่ามาตรการเริ่มได้ผล
.
"ถัดจากนี้ไปได้สั่งการให้พาณิชย์จังหวัดทุกจังหวัดที่มีมันสำปะหลัง​ ติดตามตรวจสอบบังคับใช้กฎหมายโดยเคร่งครัด

1.มันสำปะหลังเป็นสินค้าควบคุมต้องติดป้ายราคารับซื้อให้ชัดเจน เพื่อให้เกษตรกรได้รับทราบและต้องบังคับใช้ทุกจังหวัดทั่วประเทศ

2.ขณะนี้ราคาแอลกอฮอล์เอทานอลในตลาดจีนขยับตัวสูงขึ้นน่าจะส่งผลให้สามารถรับซื้อหัวมันสดจากเกษตรกรในประเทศได้ราคาดีขึ้นสอดคล้องกับราคาแอลกอฮอล์ที่เมืองจีนเกิดติดปัญหาคือผู้ส่งออกของเราบางรายไปตัดราคากันเองทำให้ทำให้ได้ราคาไม่ถึงราคาที่ควรจะเป็น​ โดยบริษัทที่จะส่งออกเอทานอลได้ต้องเป็นสมาชิกสมาคมผู้ส่งออกถ้ารายได้ไปขายตัดราคาจะทำให้สมาคมมีมาตรการไล่ออกจากสมาชิกจะทำให้ส่งออกไม่ได้เป็นการตกลงร่วมกัน

3.การลักลอบนำเข้ามันสำปะหลังจากประเทศเพื่อนบ้าน ตนได้พูดในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อ 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา ขอความกรุณาท่านนายกสั่งการให้ฝ่ายความมั่นคงศุลกากรและผู้เกี่ยวข้องดำเนินการโดยเคร่งครัดกับการนำเข้า ไม่ให้มีการลักลอบ มากดราคามันสำปะหลังจากเกษตรกรในประเทศไทย 

4.ช่วงไหนหัวมันสำปะหลังออกมากจะให้ชะลอขาย​ โดยกระทรวงพาณิชย์มีเงินช่วยดอกเบี้ยร้อยละ 3 สำหรับการเก็บมันไว้ช่วยดอกเบี้ยเงินกู้ 3% ทั้งเกษตรกรสหกรณ์และโรงมัน

กระทรวงพาณิชย์จะพยายามดูแลเกษตรกรให้ดีที่สุดร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์แต่ถ้าราคาต่ำกว่ากิโลกรัมละ 2.50 บาท ที่เชื้อแป้ง 25% กระทรวงพาณิชย์กับกระทรวงเกษตรจะยังมีนโยบายประกันรายได้เกษตรกรที่กิโลกรัมละ 2.50 บาท​ โดยมีส่วนต่างโอนเงินเข้าบัญชี ธ.ด.ส.ของเกษตรกรชาวไร่มันที่มาขึ้นทะเบียนไว้โดยอัตโนมัติเพื่อช่วยชดเชยส่วนต่างให้เกษตรกรสามารถขายมันสำปะหลังที่เชื้อแป้ง 25% ได้ในรายได้ 2.50 บาท ตามรายได้ที่ประกัน

รายงานข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ระบุด้วยว่า รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ได้กำชับให้กรมการค้าต่างประเทศและกรมการค้าภายในติดตามผู้ประกอบการที่มีพฤติกรรมทำลายตลาดอย่างใกล้ชิด และบังคับใช้กฎหมายในกำกับดูแลของแต่ละหน่วยงานทันทีเมื่อพบการกระทำที่ผิดกฎหมาย และขอย้ำว่าหากกลไกภาคเอกชนมีความเข้มแข็ง จะแก้ปัญหาการขายตัดราคาที่ไม่เป็นผลดีต่อทุกฝ่ายตลอดห่วงโซ่อุปทานในระยะยาวได้

และหากพบเห็นการนำเข้าส่งออกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังที่ไม่ถูกต้องตามที่กฎหมายกำหนด อาทิ ความชื้นสูง มีสิ่งปลอมปน สามารถแจ้งได้ที่สายด่วน 1385 กรมการค้าต่างประเทศ และหากเกษตรกรชาวไร่มันสำปะหลังพบเห็นหรือไม่ได้รับความเป็นธรรมจากการซื้อขายมันสำปะหลัง หรือถูกเอาเปรียบในการชั่ง ตวง วัด สามารถร้องเรียนได้ที่สายด่วน 1569 กรมการค้าภายใน ขอให้พี่น้องประชาชนร่วมกันเป็นหูเป็นตา เพื่อให้อุตสาหกรรมมันสำปะหลังไทยเติบโตอย่างมีเสถียรภาพต่อไป


สำหรับวันนี้ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์พร้อมคณะ ได้ติดตามสถานการณ์ราคาเพื่อช่วยเกษตรกรอย่างใกล้ชิดประกอบด้วย นายไชยยศ จิรเมธากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี นางมัลลิกา บุญมีตระกูล มหาสุข นายกีรติ รัชโน อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ นายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน และ นายรณรงค์ พูลพิพัฒน์ รองปลัดกระทรวงพาณิชย์ เป็นต้น 
 

'เสี่ยหนู'​ ปลื้ม!! ชื่นชม 'เชียงราย'​ คุมโควิด-19 เริ่ด!! พร้อมยึดเป็นต้นแบบปรับใช้สมุทรสาคร ย้ำ!! บุคลากรทางการแพทย์ตื่นตัวและเป็นแบบอย่างที่ดีต่อไป

'เสี่ยหนู' เยี่ยมให้กำลังใจบุคลากรการแพทย์ พร้อมชื่นชม จ.เชียงราย ควบคุมสถานการณ์โควิด-19 ได้ดี ขอยึดเป็นแนวคิดมาดูแลผู้ติดเชื้อ จ.สมุทรสาคร พร้อมให้บุคลากรทางการแพทย์ตื่นตัวอยู่เสมอ เป็นต้นแบบปฏิบัติตัวให้กับคนไทย ไม่จัดเลี้ยงสังสรรค์ สร้างความเชื่อมั่นระบบสาธารณสุข

ที่โรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ จ.เชียงราย นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และ​ ม.ล.นพ.สมชาย จักรพันธุ์ ประธานคณะที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยนายแพทย์เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข และคณะผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์โควิด-19 และตรวจเยี่ยมการดำเนินงานด้านการแพทย์และสาธารณสุข เขตสุขภาพที่ 1

พร้อมกันนี้ ยังได้นำวัสดุอุปกรณ์ป้องกันร่างกายส่วนบุคคล ได้แก่ หน้ากากอนามัย 20,000 ชิ้น, หน้ากาก N95 12,000 ชิ้น, ชุด Cover all 400 ชุด, เฟซชิลด์ 1,120 ชิ้น และเจลแอลกอฮอล์ มอบให้กับสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงราย และโรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ เพื่อสนับสนุนการทำงานของบุคลากรทางการแพทย์เพื่อรับมือกับสถานการณ์โควิด

นายอนุทิน​ กล่าวว่า การลงพื้นที่วันนี้มาให้กำลังใจบุคลากรทางการแพทย์ที่ทำงานอย่างหนักเพื่อคนไทย โดยเฉพาะขอชื่นชมจังหวัดเชียงรายที่สามารถควบคุมสถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ในระลอกใหม่ได้เป็นอย่างดี​ จากความร่วมมือของพี่น้องประชาชนและทุกภาคส่วน มีการตรวจจับผู้ติดเชื้อที่รวดเร็วไม่เกิดการแพร่ระบาดเป็นวงกว้าง (ข้อมูล ถึงวันที่ 30 มกราคม 2564)

พบผู้ติดเชื้อ ใน จ.เชียงราย รวม 65 ราย ในจำนวนนี้มีเพียง 1 ราย ติดเชื้อภายในจังหวัดจากการสัมผัส ซึ่งในวันนี้ผู้ติดเชื้อที่รักษาอยู่ในโรงพยาบาลรายสุดท้ายแพทย์อนุญาตให้กลับบ้านได้แล้ว และจะนำระบบการดูแลผู้ติดเชื้อของ จ.เชียงราย มาเป็นต้นแบบในการบริหารจัดการเตียงดูแลผู้ติดเชื้อโควิด 19 เพื่อลดความแออัดที่ จ.สมุทรสาคร

สำหรับสถานการณ์โควิด 19 ในเขตสุขภาพที่ 1 (ครอบคลุมพื้นที่ 8 จังหวัด ภาคเหนือ) สามารถควบคุมได้ดีเช่นกัน จากการเน้นค้นหาผู้ติดเชื้อเชิงรุกในพื้นที่เสี่ยง ชุมชนเสี่ยง ประชากรกลุ่มเสี่ยง เช่น พ่อค้าอาหารทะเล, แรงงานต่างด้าว, นักท่องเที่ยว/ญาติ ที่เดินทางมาจาก กทม.และพื้นที่ควบคุมสูงสุด, คนขับรถขนส่งสินค้า, พนักงานสถานบันเทิง และมีสถานกักตัวที่รัฐจัดให้ จำนวน 31 แห่ง รองรับได้ 2,152 เตียง เข้ารับการกักตัวไปแล้วกว่า 1,600 คน

ซึ่งการระบาดในระลอกใหม่มีผู้ติดเชื้อทั้งเขตสุขภาพรวม 100 คน ทั้้งหมดรักษาหายและกลับบ้านได้แล้ว ภาพรวมผู้ติดเชื้ออยู่ในระดับสีเขียว ขณะนี้เริ่มมีการผ่อนปรนมาตรการเพื่อให้เศรษฐกิจสามารถเดินหน้าต่อไปได้ แต่ยังคงเฝ้าระวังสถานการณ์ในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง

"ขอมอบเป็นนโยบายให้บุคลากรสาธารณสุขทุกคนต้องเป็นตัวอย่างในการปฏิบัติตัวที่ดีให้กับประชาชนไม่จัดงานเลี้ยงสังสรรค์ เลี่ยงการดื่มสุรา เนื่องจากพบว่าต้นเหตุสำคัญของการแพร่เชื้อโควิด-19 มาจากการรับประทานอาหารร่วมกัน เพื่อเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้ประชาชนเกิดการปฏิบัติตามและเฝ้าระวังตนเอง

ส่วนเรื่องวัคซีนที่กำลังมาเป็นการฉีดวัคซีนครั้งที่ใหญ่ที่สุดในประเทศที่อยู่ภายใต้สถานการณ์ฉุกเฉิน ต้องมีความปลอดภัย มีระบบควบคุมติดตามหลังการฉีด และทุกคนที่สมัครใจต้องได้รับวัคซีน เพื่อเร่งปรับให้ประเทศเข้าสู่สถานการณ์ปกติให้เร็วที่สุด" นายอนุทินกล่าว

สถานการณ์ COVID-19 ประเทศไทยและอาเซียน (30 มกราคม พ.ศ. 2564)

ผู้ติดเชื้อวันนี้ 930

เสียชีวิตสะสม 77

ผู้ติดเชื้อสะสม 17,953

หายป่วยแล้ว 11,505

 

อาเซียน

ประเทศบรูไน 180

ประเทศกัมพูชา 463

ประเทศอินโดนีเซีย 1.05 ล้าน

ประเทศลาว 44

ประเทศมาเลเซีย 2.04 แสน

ประเทศพม่า 1.4 แสน

ประเทศฟิลิปปินส์ 5.21 แสน

ประเทศสิงคโปร์ 59,449

ประเทศเวียดนาม 1,657

'บิ๊กตู่'​ เตือน!! ใครที่กำลัง แบ่งแยกคนไทยเป็น 2 ฝ่ายอยู่ ขอให้เลิกเสียเถอะ!! >> เตือนกันไว้แค่นั้นเอง >> ยัน!! ตนไม่ใช่ศัตรูของใคร และไม่ต้องการแบ่งแยกคนไทยออกเป็น​ 2 ฝ่าย

วาสนา​ นาน่วม​ ผู้สื่อข่าวสายทหารชื่อดัง​ โพสต์ลงเฟซบุ๊ก​ Wassana Nanuam ถึงกรณีที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม​ ออกมาเตือนกลุ่มคนที่กำลังแบ่งแยกคนไทยเป็น 2 ฝ่ายว่า...

“ผมไม่อยากให้เกิดความขัดแย้ง เพราะงานนี้ไม่มีพระเอก เพราะถ้ามีพระเอกเมื่อไหร่ก็มีผู้ร้ายเมื่อนั้น

ดังนั้นพระเอกก็คือ คนไทยทั้งประเทศเป็นพระเอกไปด้วยกัน ในการแก้ไขปัญหาโควิดฯ ระลอกสอง ซึ่งก็รวมทั้งสื่อมวลชนด้วยขอให้ช่วยกันด้วยพูดในสิ่งที่สร้างสรรค์มากกว่า เรื่องของความขัดแย้ง ถ้าเรามัวแต่เปิดรูขยายความขัดแย้งเรื่อยๆ​ ก็ไม่มีวันจบ ทุกเรื่องทำอะไรไม่ได้ซักอย่าง แน่นอนว่าไม่มีทางที่จะทำให้คนทุกคนเห็นชอบไปด้วยกันอยู่แล้ว แต่เราต้องเอาสิ่งที่ไม่เข้าใจมาอธิบายว่าอะไรคือปัญหา อะไรคือสิ่งที่ต้องร่วมมือและช่วยกัน รัฐบาลจำเป็นต้องฟังในทุกภาคส่วนทั้งฝ่ายเห็นด้วยและฝ่ายเห็นต่าง

ผมไม่ใช่ศัตรูของใครผมไม่ต้องการแบ่งแยกคนไทยออกเป็นสองฝ่ายเพราะฉะนั้นใครที่กำลังทำเรื่องนี้อยู่ก็ขอให้เลิกเสียเถอะก็เตือนกันไว้แค่นั้นเอง” พลเอกประยุทธ์ กล่าว


ที่มา: Wassana Nanuam

https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=3788854701172960&id=100001454030105

'จับกัง1' ช่วยไว!! >> สั่งที่ปรึกษาฯ รุดเยี่ยมผู้บาดเจ็บจากเหตุเพลิงไหม้ 'บ.ซีรีคลอร์ คอร์ปอเรชั่นฯ'​ จ.เพชรบุรี พร้อมเร่งจ่ายสิทธิประโยชน์ทดแทนตามกฎหมาย

จับกัง​ 1​ -​ สุชาติ ชมกลิ่น เจ้ากระทรวงแรงงาน​ มอบหมายที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ลงพื้นที่จังหวัดเพชรบุรี รุดเยี่ยมให้กำลังใจและช่วยเหลือลูกจ้างซึ่งเป็นผู้ประกันตนที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุเพลิงไหม้ที่​ อ.เขาย้อย จังหวัดเพชรบุรีอย่างเร่งด่วน

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน มอบหมายให้ นางธิวัลรัตน์ อังกินันทน์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ลงพื้นที่จังหวัดเพชรบุรี เยี่ยมและให้กำลังใจผู้ประกันตนที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุเพลิงไหม้ บริษัท ซีรีคลอร์ คอร์ปอเรชั่น (ประเทศไทย) จำกัด โดยมี

หัวหน้าส่วนราชการในสังกัดกระทรวงแรงงานจังหวัดเพชรบุรี เข้าเยี่ยมในครั้งนี้ด้วย โดยที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า รัฐบาล ภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และกระทรวงแรงงานภายใต้การกำกับดูแลของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ได้ฝากแสดงความห่วงใยถึงผู้ที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ไฟไหม้ในครั้งนี้ จึงกำชับให้กระทรวงแรงงานเร่งเข้าไปตรวจสอบเพื่อให้การช่วยเหลือลูกจ้างที่ได้รับบาดเจ็บให้ได้รับสิทธิประโยชน์ทดแทนตามกฎหมายครบทุกคน ในวันนี้ท่านสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน จึงได้มอบหมายให้ดิฉันลงพื้นที่กับหัวหน้าส่วนราชการในสังกัดกระทรวงแรงงานจังหวัดเพชรบุรี เพื่อมาเยี่ยมให้กำลังใจและให้การช่วยเหลือด้านสิทธิประโยชน์ตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป

นางธิวัลรัตน์ กล่าวต่อว่า จากการตรวจสอบของสำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดเพชรบุรี พบว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวานนี้ (29 ม.ค.64) เวลาประมาณ 17.00 น.สถานที่เกิดเหตุเป็นที่ตั้งของบริษัท ซีรีคลอร์ คอร์ปอเรชั่น (ประเทศไทย) จำกัด ตั้งอยู่เลขที่ 53/4 ตำบลเขาย้อย อำเภอเขาย้อย จังหวัดเพชรบุรี ประกอบกิจการ ผลิตน้ำมันเครื่อง ปัจจุบันมีลูกจ้าง จำนวน 34 คน สาเหตุเบื้องต้นเกิดจากสายน้ำมันที่บรรจุภัณฑ์แตก น้ำมันรั่วไหลกระเด็นไปโดนสวิตช์ไฟทำให้เกิดประกายไฟและเกิดเพลิงไหม้อาคารโรงผลิต มีลูกจ้าง 1 คน ได้รับบาดเจ็บที่แขนจากการถูกไฟลวก ขณะนี้เข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลพระจอมเกล้าเพชรบุรี ส่วนการให้ความช่วยเหลือเบื้องต้นสำนักงานประกันสังคมจังหวัดเพชรบุรีได้ตรวจสอบสถานะความเป็นผู้ประกันตน ทราบชื่อ คือ นางสาววนัสนันท์ แจ้งกระจ่าง อายุ 34 ปี และสำนักงานประกันสังคมจังหวัดเพชรบุรีได้ประสานโรงพยาบาลเขาย้อยเรื่องสิทธิการรักษาพยาบาลแล้ว โดยกรณีดังกล่าวลูกจ้างมีสิทธิได้รับเงินทดแทนเป็นค่ารักษาพยาบาลเบื้องต้นไม่เกิน 50,000 บาท ในกรณีที่ลูกจ้างหยุดงานตั้งแต่ 1 วันขึ้นไปได้รับค่าทดแทนร้อยละ 70 ของค่าจ้างรายเดือนไม่เกิน 1 ปี

กรณีรักษาสิ้นสุดแล้วสภาพอวัยวะต่างๆ​ มีการสูญเสียสมรรถภาพในการทำงานจะมีค่าทดแทน​ ซึ่งทางสำนักงานประกันสังคมฯ​ จะเข้าไปเยียวยา​

นอกจากนี้​ สวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดเพชรบุรีจะเชิญนายจ้างไปพบเพื่อสอบข้อเท็จจริง​ ในวันจันทร์ที่ 1 กุมภาพันธ์นี้ เวลา 13.30 น.และหากนายจ้างปิดปรับปรุงโรงงานลูกจ้างต้องหยุดงาน​

สำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดเพชรบุรีจะติดตามให้ลูกจ้างได้รับสิทธิประโยชน์ตามกฎหมายแรงงาน​ เช่น​ ค่าจ้าง​ ในส่วนของโรงงานทางกระทรวงแรงงานมีกองทุนความปลอดภัย​ อาชีวอนามัย​ และสภาพแวดล้อมในการทำงาน​ เป็นแหล่งเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ​ สูงสุดวงเงินไม่เกิน​ 1,000,000 บาท​ ดอกเบี้ยร้อยละ​ 2​ ต่อปี​ สำหรับให้บริการนายจ้างเพื่อให้กู้ยืมเงินไปแก้ไขสภาพความไม่ปลอดภัย หรือเพื่อและป้องกันการเกิดอุบัติเหตุและโรคจากการทำงาน​ ซึ่งทุกภาคส่วนของกระทรวงแรงงานจะดูแลและให้ความช่วยเหลืออย่างใกล้ชิดต่อไป

'เยล​ -​ การ์ด​ 3​ นิ้ว'​ คอตก!! 'เข้าคุกทหาร'​ ไร้ญาติประกันตัว หลังพนักงานสอบสวนค้านประกัน​ เกรงหลบหนี และยังรอสอบพยานอีกหลายปาก

ที่ศาลทหารกรุงเทพ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจ​ สภ.เมืองสมุทรปราการ ได้นำตัว​ นายมงคล สันติเมธากุล หรือเยล การ์ดราษฎร ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลทหารทหารกรุงเทพ ที่ 36/2564 ลงวันที่ 21 ม.ค. 64 ในข้อหาแจ้งความเท็จ และ หลบหนีราชการทหาร จากกรณีกล่าวอ้างว่าตนเองถูกชายฉกรรจ์ อ้างเป็นเจ้าหน้าที่จากกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ควบคุมตัวไปจาก พื้นที่จ.สมุทรปราการ มาฝากขังผลัดแรกเป็นเวลา 12 วัน

เวลา 09.40 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ​ สภ.เมืองสมุทรปราการ ได้นำตัว นายมงคล หรือเยล เข้าพื้นที่ศาลทหาร โดยอยู่ระหว่างดำเนินกระบวนการทางศาล ต่อไป

ต่อมาเวลา 10.30 น. ศาลได้นั่งบัลลังก์ พิจารณาคดีโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้คัดค้านการประกันตัวเพราะเกรงว่า ผู้ต้องหาจะหลบหนีเนื่องจากมีพฤติกรรมที่หลบหนีมาก่อนหน้านี้ และเจ้าหน้าที่ตำรวจยังต้องสอบปากคำพยานอีกหลายปาก ซึ่งยังไม่แล้วเสร็จ จากนั้นได้นำตัวขึ้นรถเรือนจำทหารไปควบคุมตัวที่เรือนจำทหาร จ.นครปฐมต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัวนายเยล มาที่ศาล ไม่มีญาติและทนายความมาที่ศาลแต่อย่างใด

โดยคดีดังกล่าว นายมงคล หรือเยล การ์ดราษฎร ได้อ้างว่า​ ตัวเองถูกชายฉกรรจ์ประมาณ 4-5 ใช้ถุงผ้าคลุมศีรษะ ออกจากไปจากซอยจัดสรรเสนาะ ต.ท้ายบ้าน อ.เมืองสมุทรปราการ ก่อนพาขึ้นรถตู้สีเทา พร้อมกับบังคับข่มขู่ให้เซ็นเอกสาร แต่นายมงคลไม่ยอมเซ็น และยังข่มขู่ไม่ให้เข้าร่วมชุมนุมทางการเมืองอีก ก่อนกลุ่มชายฉกรรจ์จะนำตัวมาปล่อย ที่ใต้สถานีรถไฟฟ้า เคหะสมุทรปราการ และเข้าแจ้งความกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ

ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้สอบพบข้อพิรุธหลายอย่าง จึงลงพื้นที่สอบสวนพยานบุคคล และกล้องวงจรปิดทั้งสองแห่ง จนกระทั่งเจ้าหน้าที่สืบสวนพบข้อมูลและตรวจสอบ จากกล้องวงจรปิด โดยไม่พบว่าวัน และเวลาที่นายมงคล อ้างจะถูกอุ้มแต่อย่างใด จึงได้ออกหมายเรียกนายมงคลให้มารับทราบข้อกล่าวหา แต่นายมงคลไม่เดินทางมาและหลบหนีไป จนกระทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ขอหมายจับและสามารถจับกุมตัวได้ดังกล่าว

หวั่นๆ ‘ระบบราชการ’ รองหัวหน้าประชาธิปัตย์ เตือน ‘ก.ศึกษาฯ’ ระวังนโยบายใหม่ ติดหล่มระบบราชการ...จนอดปัง!!

‘รอง ปชป.’ เตือน ‘ก.ศึกษาธิการ’ ระวัง ‘ระบบราชการ’ ทำนโยบายเหลว หลังฝันดัน ‘โรงเรียนขนาดเล็กเลี้ยงตัวเอง - ยกระดับโรงเรียนมัธยมสี่มุมเมือง - สร้างโรงเรียนคุณภาพของชุมชน’ เพื่อดึงดูดเด็กรอบๆ เข้ามาเรียน

 

ศ.ดร.กนก วงศ์ตระหง่าน ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แสดงความห่วงใยในกรณีที่ “นายณัฐพล ทีปสุวรรณ” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ประกาศนโยบายหลักสำหรับการบริหารจัดการด้านการศึกษาในปี 2564 ว่า ต้องลงรายละเอียดในเรื่องของการนำนโยบายไปปฏิบัติของระบบราชการในหน่วยงานของทางกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ให้รอบคอบ เพราะที่ผ่านมา ระบบราชการของ ศธ. มิได้ดำเนินการทางนโยบายอย่างมีประสิทธิภาพมากพอ และขาดความรับผิดชอบอันเหมาะสมต่อปัญหาทางด้านการยกระดับคุณภาพทางการศึกษาของนักเรียน

 

“ข้าราชการใน ศธ. นั้น สามารถที่จะหยิบยกข้อมูลอันแท้จริงของบางส่วนเกี่ยวกับปัญหาการศึกษา ซึ่งพวกเขาประเมินแล้วว่า รัฐมนตรีต้องมีความสนใจ และให้ความสำคัญ มานำเสนอเพื่อออกแบบนโยบายในการแก้ไขปัญหาดังกล่าวร่วมกัน และแน่นอนว่า รัฐมนตรีย่อมพอใจและเห็นชอบกับนโยบายนั้น ทั้งๆ ที่ถ้าลองวิเคราะห์นโยบายดังกล่าวโดยละเอียดแล้ว ก็จะทราบว่ามันไม่ได้ครอบคลุมกับปัญหาทั้งหมด เป็นแค่การลูบหน้าปะจมูก แตะเพื่อให้มีผลงานเท่านั้น แล้วเก็บต้นตอสำคัญของปัญหาเอาไว้ใต้พรม”

 

“ส่วนในเรื่องของการปฏิบัติตามนโยบาย คาดว่าโรงเรียนเพียง 20% เท่านั้นที่จะได้รับอานิสงส์จากนโยบายใหม่นี้ ส่วนโรงเรียนที่เหลือจะถูกปล่อยให้เผชิญกับวิกฤตด้านการศึกษาต่อไป ด้วยเหตุผลที่ว่า อุปสรรคทั้งหนักและเหนื่อยเกินกว่าความรับผิดชอบของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ท้ายที่สุด โรงเรียน 20% ที่ได้รับการยกระดับไป ก็จะถูกประชาสัมพันธ์จนกลายเป็นผลงานเด่นทางนโยบายที่ประสบความสำเร็จของกระทรวง และโรงเรียน 80% ในความดูแลของ ศธ. ที่เหลือก็จะค่อยๆ ล้มหายตายจากไปตามความสามารถของผู้บริหารโรงเรียนในแต่ละพื้นที่ และก็คงจะไม่มีใครพูดถึงเช่นเคย”

 

ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีท่านนี้ ยังได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับนโยบายใหม่ของ รมว.ศธ. ก็คือ “การปรับลดงบประมาณที่ไม่จำเป็นออกไป แล้วเอาไปใช้กับการพัฒนาโรงเรียนในการดูแลให้มีคุณภาพยิ่งขึ้น” นั่นเพราะข้าราชการระดับสูงของกระทรวงจะเป็นคนปรับลดงบประมาณ และนำงบประมาณที่ปรับลดนั้นไปเพิ่มให้กับโครงการตามนโยบายด้วยตนเอง

 

“ดังนั้น ระดับรัฐมนตรี โดยเฉพาะถ้ารัฐมนตรีไม่ได้ทำงานลงรายละเอียด จะไม่ง่ายในการเข้าไปควบคุมเรื่องนี้ ส่งผลให้งบประมาณส่วนใหญ่ถูกนำไปใช้ทางกายภาพ และอุปกรณ์การศึกษา มากกว่าพัฒนาคุณภาพการเรียนการสอนของครู และการยกระดับแนวทางการเรียนรู้ของนักเรียน ซึ่งเป็นกระบวนการที่เน้นในเรื่องของการใช้เงินซื้อ เพื่อให้ครบรายการตามที่กำหนดมาเท่านั้น”

 

อนึ่ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ นายณัฐพล ทีปสุวรรณ ได้กำหนดแผนบูรณาการการพัฒนาโรงเรียน โดยแบ่งออกเป็น 3 รูปแบบ คือ หนึ่ง การพัฒนาคุณภาพโรงเรียนขนาดเล็กที่ดำรงอยู่ได้ด้วยตนเอง (Stand alone) สอง การยกระดับคุณภาพโรงเรียนมัธยมศึกษาสี่มุมเมือง และสาม สร้างโรงเรียนคุณภาพของชุมชน เพื่อดึงดูดนักเรียนโรงเรียนโดยรอบให้เข้ามาเรียน ซึ่งแผนดังกล่าวนี้จะทำด้วยกระบวนการ ดังนี้ 1. ตัดงบประมาณที่ไม่จำเป็นออกไป และนำงบประมาณทั้งหมดนั้นไปจัดสรรเพื่อพัฒนาโรงเรียนทั้งหมดในการดูแล เพื่อลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา 2. ปรับสถานศึกษา หลักสูตร ผู้บริหาร นักเรียน และระบบการเชื่อมโยงระหว่างหน่วยงานหลักของกระทรวงให้มีคุณภาพมากขึ้น 3. ลงทุนพัฒนาครูผู้สอนทั้งด้านวิชาชีพและทักษะการสอนเพื่อพัฒนาคุณภาพการจัดการเรียนการสอน 4. ปรับระบบและเกณฑ์ให้มีความยืดหยุ่นต่อสถานการณ์ต่างๆ เพื่อให้ผู้เรียนสามารถเรียนรู้ได้ทุกที่ทุกเวลา และ 5. คุ้มครองและปกป้องเยาวชนไม่ให้ถูกซ้ำเติมจากการคุกคามในรูปแบบต่างๆ

‘ลุงตู่’ ซาบซึ้ง ‘พระมหากรุณาธิคุณในหลวง’ พระราชทานรถวิเคราะห์ผลด่วนพิเศษเคลื่อนที่ต้นแบบ พร้อมชื่นชมการทำงานของเจ้าหน้าที่กองกำลังป้องกันชายแดน

‘ลุงตู่’ ซาบซึ้ง!! หลัง ‘ในหลวง’ พระราชทาน ‘รถวิเคราะห์ผลด่วนพิเศษ’ และ ‘รถเก็บตัวอย่างชีวนิรภัย’ รวม 20 คัน เพื่อตรวจเชื้อโควิด-19 และวิเคราะห์ผลได้อย่างรวดเร็ว ส่งผลให้ทำการตรวจเชิงรุกได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กล่าวว่า รัฐบาลและประชาชนไทย ซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี อย่างหาที่สุดมิได้ที่ทรงห่วงใยประชาชนไทย และพระราชทาน รถวิเคราะห์ผลด่วนพิเศษพระราชทาน และรถเก็บตัวอย่างชีวนิรภัยพระราชทาน รวมทั้งสิ้น 20 คัน เพื่อตรวจเชื้อโควิด-19 และวิเคราะห์ผลได้อย่างรวดเร็วขึ้น จะส่งผลให้ทำการตรวจเชิงรุกได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

นายอนุชา กล่าวว่า นายกฯ ชื่นชมการทำงานของศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง (ศปม.)มีผู้บัญชาการทหารสูงสุด เป็นหัวหน้าศูนย์ฯ ที่สนธิกำลังกวดขันและบูรณาการการทำงานของกองกำลังป้องกันชายแดนอย่างเข้มข้น ทั้งเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครองเพื่อสกัดกั้นการลักลอบเข้าเมือง เพิ่มความถี่การตั้งจุดตรวจ และลาดตระเวนในพื้นที่ชายแดนทุกด้าน เพิ่มการวางเครื่องกีดขวางตามช่องทาง ท่าข้าม ที่ล่อแหลมและสำคัญในภูมิประเทศ และเครื่องมือพิเศษทุกระบบในการเฝ้าตรวจพื้นที่ เช่น ซีซีทีวี และการใช้โดรน ทั้งนี้เพื่อป้องกันการข้ามแดนผิดกฎหมาย ทั้งการลักลอบข้ามแดนของแรงงานผิดกฎหมาย การมั่วสุมผิดกฎหมายเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรค การลักลอบขนย้ายสินค้าผิดกฎหมาย และยาเสพติด ทั้งนี้นายกฯเน้นย้ำให้ประชาชนปฏิบัติตามกฎหมาย โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่มีสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคเพื่อรับผิดชอบต่อตนเอง และรับผิดชอบต่อผู้อื่นในสังคม


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top