Tuesday, 1 July 2025
NEWS

ดร.อานนท์ เผยเหตุบรรยายเป็นภาษาไทย ทั้งที่ใช้อังกฤษคล่อง บนเวทีดีเบต FCCT เพราะไม่แม่นศัพท์ทางกฎหมาย พร้อมชื่นชมล่ามคนรุ่นใหม่ว่าแปลได้ชัดเจน

ผศ.ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ นักวิชาการจากนิด้า โพสต์ข้อความผ่านเพซบุ๊กส่วนตัว กล่าวถึงกรณีมีคนสงสัย เหตุใดไม่บรรยายเป็นภาษาอังกฤษ บนเวทีดีเบต ‘มาตรา 112’ ที่จัดโดย สโมสรผู้สื่อข่าวต่างประเทศ (FCCT) โดยระบุว่า

ผมพูดภาษาอังกฤษได้คล่องนะครับ คล่องระดับเคยเป็น adjunct assistant professor สอนนักศึกษาปริญญาเอกในมหาวิทยาลัยชั้นนำด้านบริหารธุรกิจในสหรัฐอเมริกา

แต่ก็ยอมรับว่าให้ไปบรรยายประเด็นทางกฎหมายด้วยภาษาอังกฤษนั้น จะไม่คล่อง เพราะผมไม่ได้เรียนกฎหมายเป็นภาษาอังกฤษเลย ผมเรียนกฎหมายเมื่อเรียนในคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย หรือเมื่อเรียนปริญญาโทที่ธรรมศาสตร์และนิด้าก็เรียนเป็นภาษาไทยล้วน ๆ ส่วนตอนไปเรียนปริญญาเอกที่สหรัฐอเมริกาก็เรียนจิตวิทยาและสถิติ ไม่ได้เรียนกฎหมายแต่อย่างใด ยอมรับว่าตัวเองไม่มีวงศัพท์นิติศาสตร์ภาษาอังกฤษเลย จึงไม่มั่นใจว่าจะบรรยายประเด็นทางกฎหมายเป็นภาษาอังกฤษได้อย่างไร ไม่น่าจะทำได้ fluent มากนัก

แต่ถ้าเอาจริงผมไปนั่งอ่านพจนานุกรมศัพท์นิติศาสตร์ อังกฤษ-ไทย สักเล่ม ผมก็คิดว่าผมพอจะบรรยายประเด็นทางกฎหมายได้ แต่เนื่องจากไม่มีเวลาเตรียมตัว ประกอบกับคุณหมอวรงค์ ก็แจ้งว่าต้องการให้คนฟังหลักที่เป็นคนไทยได้เข้าใจได้โดยง่าย

การสร้าง mental lexicon ศัพท์นิติศาสตร์ภาษาอังกฤษ เลยเป็นอันพับไปก่อน ไว้จะไปหามาศึกษาครับ เมื่อบนเวทีตกลงกันว่าต้องการให้คนไทยได้ฟัง เลยพูดภาษาไทยกัน

ใจจริงก็อยากพูดอังกฤษ เราอาจจะพูดช้าเพราะต้องนึกศัพท์กฎหมายภาษาอังกฤษ แต่ก็น่าจะทำให้เราพูดได้เร็ว โดยไม่ต้องมีล่าม แต่คนไทยจะต้องมาฟังภาษาอังกฤษที่มีศัพท์กฎหมายยากๆ ด้วย (ที่ผมเองคงต้องศึกษาอีกมากเช่นกันก่อนพูด)

เมื่อวานนี้ที่ สโมสรผู้สื่อข่าวต่างประเทศ (FCCT) ผมประทับใจน้องล่ามสด Spontaneous Interpreter มากครับ ได้นามบัตรน้องมาชื่อ อิทธิณัฐ สีบุญเรือง มีความสามารถในการเป็นล่ามสุดในเรื่องที่ยากแสนยาก ใช้ศัพท์เฉพาะทางกฎหมายมากมาย แปลสดเก็บได้ครบทั้งราบรื่นมาก น้องตั้งใจทำงานล่ามสดนี้อย่างดีที่สุด ไม่เคยประทับใจล่ามสดที่เก่งเท่านี้ที่ไหนมาก่อนเลยครับ

ลงเวทีมา รู้สึกประทับใจมาก ต้องมาขอบคุณและชมน้องว่าเก่งจริงๆ น้องเป็นหนุ่มสูง ขาวตี๋ หน้าตาหล่อเหลา บุคลิกดีมาก สำหรับหญิงไทยทั้งหลาย จงปล่อยวางเถิด น้องแนะนำให้ผมรู้จักภรรยาด้วยครับ เป็นสาวสวย สมกันมากๆ ผมยังชมน้องกับภรรยาน้องว่าเก่งมาก ภรรยาน้องบอกว่าเขาตั้งใจทำอาชีพนี้มากและเขาก็เก่งจริงๆ ประทับใจการทำหน้าที่ล่ามสดของน้องอิทธิณัฐมากครับ

ลงเวทีมาท่านทูตสองสามประเทศมาคุยกับผม บอกว่าทำไมผมไม่พูดอังกฤษเลย เพราะผมก็พูดอังกฤษคล่องปรื๋อ ผมก็เรียนไปด้วยเหตุผลข้างต้นว่าไม่รู้ศัพท์นิติศาสตร์ภาษาอังกฤษมากพอ แต่น้องล่ามสดคนนี้คือที่สุด สุดยอดความสามารถที่สุด ประทับใจครับ

ส่วนคู่ดีเบตนั้นแถไปแถมา วนไปวนมา พูดความจริงครึ่งเดียว หรือไม่พูดความจริง หรือสร้างทฤษฎีกฎหมายและรัฐศาสตร์มั่วๆ เยอะแยะจนผมได้แต่ส่ายหน้า ไม่มี legal reasoning เอาเสียเลย น่าแปลกใจมาก ที่สำคัญคือไม่มีหลักวิญญูชนกับหลักสุจริตในฐานะนักกฎหมายเอาเสียเลยในสายตาผม

ปล ขอแถมประวัติน้องล่ามสด ที่แสนจะประทับใจในความสามารถครับ เพิ่งรู้ว่าน้องร้องโอเปร่าด้วยครับ มิน่าเสียงถึงได้เพราะด้วย

อิทธิณัฐ สีบุญเรือง

อิทธิณัฐ มีความสนใจในการร้องเพลงคลาสสิค ตั้งแต่สมัยเรียนมัธยม ที่ประเทศเยอรมัน หลังจากกลับประเทศไทย เขาได้เริ่มเรียนการร้องเพลงอย่างจริงจัง กับนักร้องโอเปร่าชาวไทย Sophie Tanapura เมื่ออิทธิณัฐ จบการศึกษาระดับปริญญาตรี คณะศิลปศาสตร์ เอกภาษาเยอรมัน จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เนื่องจากใจรักในเพลงคลาสสิค เขาตัดสินใจศึกษาต่อในระดับปริญญาโท ด้านการร้องเพลงคลาสสิค ที่ the Peabody Conservatory of Johns Hopkins University ภายใต้การเรียนการสอนของ John Shirley-Quirk นักร้องโอเปร่าชาวอังกฤษเสียง Bass-Baritone อิทธิณัฐได้รับทุนการศึกษาจากทุนส่งเสริมดนตรีคลาสสิคในพระอุปถัมภ์ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ สนับสนุนการศึกษาดนตรีคลาสสิคและการแสดงดนตรีคลาสสิคของเขา

หลังจากจบการศึกษาจาก Peabody Conservatory อิทธิณัฐก็เข้ารับการฝึกฝนเพิ่มเติม ที่ สถาบัน Franz-Schubert เมือง Baden bei Wien ประเทศออสเตรีย เป็นสถาบันที่เน้นการสอนร้องเพลงโอเปร่าในแบบเยอรมันโดยเฉพาะ ซึ่งเขาได้รับการสอนจากนักร้องโอเปร่าระดับสากลหลายท่าน อาทิเช่น Elly Ameling, Julius Drake, Robert Holl, Rudolf Jansen, Helmut Deutsch, Andreas Schmidt และอีกมากมาย

ผลงานในประเทศไทย เขาร่วมแสดงกับ Metropolitan Opera of Bangkok ในบท ท่านเคาท์ Almaviva จากเรื่อง Le nozze di Figaro, Dr. Blind, Fank จาก Die Fledermaus, Kiilian, Ottokar จาก Der Freischütz สำหรับผลงานในต่างประเทศ อิทธิณัฐ ร่วมทัวร์แสดงคอนเสิร์ตในประเทศอินเดีย ซึ่งสนับสนุนโดย การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เพื่อโปรโมทการแสดงดนตรีคลาสสิคจากศิลปินชาวเอเชีย ส่วนในประเทศสหรัฐอเมริกา อิทธิณัฐ ได้ร่วมเป็นสมาชิกคณะร้องเพลงประสานเสียง Wittenberg Choir and Baltimore Choral Arts จัดการแสดงโดย Peabody Opera Studio ซึ่งกำหนดการแสดงของเขาในปีนี้ รวมถึงเรื่อง Die Winterreise ของ Franz Schubert อีกด้วย

ปัจจุบัน อิทธิณัฐ อาศัยอยู่ในกรุงเทพ และเรียนร้องเพลงกับคุณสเตฟาน ซานเชส ผู้บริหารของแกรนด์ โอเปร่า ไทยแลนด์ (มีพันธมิตรแจ้งมาว่าคุณสเตฟานเสียชีวิตแล้ว ข้อมูลนี้จากเว็บไม่อัพเดท) อีกทั้ง เขายังร่วมแสดงคอนเสิร์ตมากมาย กับทางบริษัทฯ เช่น Mozart, Schubert, Strauss ณ Goethe Institute ร่วมกับ สถานเอกอัครราชทูตออสเตรีย ประจำประเทศไทย, "Music of Love and Devotion" คอนเสิร์ตฉลองสิริราชสมบัติครบ 70 ปี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่ Royal Cliff Hotels Group, พัทยา เป็นต้น

 

ยูซาคุ มาเอะซาวะ นักธุรกิจชื่อดังชาวญี่ปุ่น เปิดรับสมัคร 8 ผู้กล้า เข้าร่วมภารกิจ dearMoon Project บินผ่านดวงจันทร์ครั้งแรกบนจรวด Starship ของ SpaceX ในปี 2566

ยูซาคุ มาเอะซาวะ นักธุรกิจชื่อดังชาวญี่ปุ่น ประกาศเปิดรับสมัครผ่านวีดีโอคลิป ให้ประชาชนทั่วไปจำนวน 8 ราย เข้ารับการคัดเลือกเพื่อเข้าร่วมโครงการ dearMoon Project ภารกิจบินผ่านดวงจันทร์นาน 1 สัปดาห์กับจรวด Starship ของ SpaceX ในปี 2566 โดยการเดินทางสู่ดวงจันทร์ครั้งนี้ มียูซาคุ มาเอะซาวะ เป็นผู้ให้การสนับสนุนด้านการเงินทั้งหมด และแรงบันดาลใจในการสนับสนุนภารกิจนี้ของเขานั้น มีที่มาจากความสงสัยใคร่รู้และความปรารถนาที่จะได้เห็นและชื่นชมโลกจากระยะไกลในอวกาศ

โดยในคลิปวิดีโอ มาเอะซาวะ ได้กล่าวถึงแรงบันดาลใจเบื้องหลังโครงการ dearMoon Project ว่า "ผมเริ่มตั้งคำถามว่า มนุษย์ทุกคนที่กำลังสร้างสรรค์อะไรสักอย่างในชีวิตก็นับว่าเป็นศิลปินเช่นกันไม่ใช่หรือ เมื่อคิดได้แบบนั้น ผมจึงอยากให้คำเชิญชวนของผมได้ไปถึงวงสังคมที่กว้างขวางยิ่งขึ้น และเปิดโอกาสให้ผู้คนมากมายจากทั่วโลกได้ร่วมการเดินทางครั้งนี้ หากคุณคิดว่าตัวคุณนั้นเป็นศิลปินคนหนึ่ง คุณก็ย่อมเป็นศิลปิน"

ด้าน อีลอน มัสก์ เจ้าของ SpaceX กล่าวว่า "สิ่งสำคัญเกี่ยวกับภารกิจ dearMoon ก็คือนี่จะเป็นเที่ยวบินในอวกาศ ซึ่งบินพ้นวงโคจรโลกครั้งแรกที่ดำเนินการโดยเอกชนและมีผู้โดยสารเป็นมนุษย์ ผมรู้ว่าคุณมาเอะซาวะจะให้การสนับสนุน เพื่อให้ศิลปินและคนกลุ่มอื่น ๆ ได้เดินทางไปในครั้งนี้ด้วย ฉะนั้นเขาต้องการให้ภารกิจนี้เป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นและสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้คนทั่วโลก"

ทั้งนี้ ด้วยความเชื่อของ มาเอะซาวะ ที่ว่ามนุษย์ทุกคนต่างก็เป็นศิลปินผู้สร้างสรรค์ในแบบของตนเอง เขาจึงเชิญชวนให้ทุกคนที่มองว่าตัวเองเป็นศิลปินสมัครเข้าร่วมโครงการ โดยมีเงื่อนไข 2 ข้อ ดังนี้:

1.) ผู้สมัครเข้ารับการคัดเลือกให้เป็นสมาชิกในโครงการ dearMoon จะต้องแสดงให้เห็นว่าตนมีศักยภาพที่จะเติบโตในเชิงบุคลิกภาพจากการเข้าร่วมภารกิจนี้

2.) นำประสบการณ์ครั้งนี้ไปต่อยอดให้เกิดคุณค่าต่อโลกต่อไปในอนาคต ด้วยการผลิตงานเพื่อสังคมที่จะก่อให้เกิดประโยชน์กับมนุษยชาติได้จนชั่วลูกชั่วหลาน

นอกจากนี้ ผู้สมัครจะต้องสามารถให้การสนับสนุนผู้สมัครรายอื่น ๆ ที่มีศักยภาพและวิสัยทัศน์ในระดับที่เท่าเทียมกันด้วย

กระบวนการคัดเลือกจะเริ่มต้นขึ้นในวันนี้ โดยมีขั้นตอนดังต่อไปนี้:

ผู้ที่สนใจสมัครเข้ารับการคัดเลือก เพื่อร่วมโครงการ dearMoon Project สามารถกรอกใบสมัครได้ที่: https://dearmoon.earth/pre-reg.html#en

โดยมีขั้นตอน ดังนี้

ขั้นตอนที่ 1: ลงทะเบียนสมัครเข้ารับการคัดเลือก (ภายในวันที่ 14 มี.ค. 2564 เวลา 6:59 PST)

ขั้นตอนที่ 2: คัดกรองผู้สมัครรอบแรก (ภายในวันที่ 21 มี.ค. 2564 เวลา 6:59 PST)

ขั้นตอนที่ 3: คัดเลือกผู้สมัคร

ขั้นตอนที่ 4: สัมภาษณ์ออนไลน์

ขั้นตอนที่ 5: สัมภาษณ์รอบสุดท้ายและตรวจสุขภาพ (ปลายเดือนพ.ค. 2564)

อนึ่ง ภารกิจบินผ่านดวงจันทร์ครั้งแรกที่ดำเนินการโดยองค์กรเอกชนนี้ มีแผนเริ่มภารกิจอย่างเร็วที่สุดในปี 2566 โดยจรวด Starship ของ SpaceX จะใช้เวลาออกเดินทางไปยังดวงจันทร์และกลับมายังโลกนาน 1 สัปดาห์ ทั้งนี้ เมื่อปี 2561 ยูซาคุ มาเอะซาวะ นักธุรกิจชาวญี่ปุ่นได้ทำการซื้อที่นั่งทั้งหมดในภารกิจครั้งนี้

และเพื่อให้บุคคลที่มีความสามารถมีโอกาสร่วมเดินทางในภารกิจครั้งนี้ได้มากที่สุด เขาจึงได้ประกาศในเดือนมี.ค. 2564 ว่า มีแผนจะคัดเลือกผู้เข้าร่วมภารกิจ 8 รายจากผู้สมัครทั่วโลกนั่นเอง

เผยอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทยได้รับผลกระทบจากไวรัสโควิด-19 อย่างหนัก ทำให้รายได้จากการท่องเที่ยวโดยรวมลดลงมากถึง 2.18 ล้านล้านบาท หรือลดลงมากถึง 72.79% เมื่อเทียบกับปีก่อน ธุรกิจที่พักหนักสุดหายวับ 5.6 แสนล้าน

กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า ในปี 2563 ที่ผ่านมาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทยได้รับผลกระทบจากไวรัสโควิด-19 อย่างหนัก ทำให้รายได้จากการท่องเที่ยวโดยรวมลดลงมากถึง 2.18 ล้านล้านบาท หรือลดลงมากถึง 72.79% เมื่อเทียบกับปีก่อน ส่งผลให้รายได้ของธุรกิจท่องเที่ยวทั้งหมดปรับลดลงอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน โดยเฉพาะธุรกิจที่พักมีรายได้ปรับลดลงมากที่สุด โดยลดลงจาก 7.71 แสนล้านบาทในปีก่อน เหลือแค่ 2.05 แสนล้านบาทเท่านั้น หรือลดลงมากถึง 5.66 แสนล้านบาท

ส่วนในปี 2564 นี้ยังมีความท้าทายว่ารายได้จะกลับมาเป็นปกติได้หรือไม่ เพราะปัจจุบันการท่องเที่ยวยังไม่กลับมาฟื้นตัวได้เร็ว แม้ว่าหลายประเทศจะเริ่มฉีดวัคซีนแล้วก็ตาม

ส่วนธุรกิจที่มีรายได้ปรับลดลงรองลงมา คือ ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการจำหน่วยสินค้าและของที่ระลึก มีค่าใช้จ่ายลดลงจาก 7.05 แสนล้านบาท ลดลงเหลือ 1.75 แสนล้านบาท ค่าใช้จ่ายอาหารและเครื่องดื่ม ลดลงจาก 6.48 แสนล้านบาท เหลือ 1.82 แสนล้านบาท ค่าใช้จ่ายเพื่อความบันเทิง ลดลงจาก 3.49 แสนล้านบาท เหลือ 9.6 หมื่นล้านบาท ค่าพาหนะเดินทางในประเทศ ลดลงจาก 2.97 แสนล้านบาท เหลือ 8.4 หมื่นล้านบาท ค่าบริการท่องเที่ยว ลดลงจาก 1.55 แสนล้านบาท เหลือ 4.9 หมื่นล้านบาท และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ลดลงจาก 6.9 หมื่นล้านบาท เหลือ 2.3 หมื่นล้านบาท

แม้จะดูเป็นขนมธรรมดา ๆ สำหรับขนมข้าวโพดอบกรอบใส่ซองห่อละ 5 บาท ที่ใช้ชื่ือว่า ‘นมแท่ง’ แต่ใครจะรู้ว่าขนมดังกล่าวมีส่วนช่วยสร้างรายได้เฉียดพันล้านบาทให้กับบริษัทสายเลือดไทย ‘ไพบูลย์ โปรดักส์ จำกัด’ ได้อย่างน่าสนใจ

ขนมข้าวโพดอบกรอบ ภายใต้ชื่อแบรนด์ว่า ‘นมแท่ง’ เกิดขึ้นเมื่อ 27 ปีที่แล้ว โดยมีจุดเริ่มต้นจากบริษัท ไพบูลย์ โปรดักส์ จำกัด ซึ่งมี ‘ไพบูลย์ พัฒนวานิชกิจกุล’ และ ‘ขวัญจิตร ยั่งยืน’ เป็นผู้ก่อตั้ง

เป้าหมายของทั้งสองคนในตอนนั้น คือ ต้องการช่วยเกษตรกรให้มีรายได้เพิ่มขึ้น จึงได้รับซื้อข้าวโพด แล้วนำมาแปรรูปให้เป็นเกษตรอุตสาหกรรม

ความโชคดีอย่างมาก คือ สินค้าแรกของทางบริษัทอย่างขนมข้าวโพดอบกรอบ ‘นมแท่ง’ นั้นได้รับผลตอบรับที่ดีเลย

แต่ถึงกระนั้น ทางบริษัท ก็ยังได้หาช่องทางขยายการเติบโตของธุรกิจเพิ่มเติม โดยการคิดค้นผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เช่น ข้าวเกรียบกุ้ง, เวเฟอร์, บิสกิต และคุกกี้ รวมถึงขยายตลาดออกไปยังประเทศอื่นๆ เช่น กลุ่มประเทศ CLMV, ตะวันออกกลาง, สิงคโปร์, ไต้หวัน, เกาหลี และจีน

สำหรับผลประกอบการ บริษัท ไพบูลย์ โปรดักส์ จำกัด นั้นเติบโตจนน่าสนใจ

- ปี 2560 รายได้ 520 ล้านบาท กำไร 2 ล้านบาท

- ปี 2561 รายได้ 656 ล้านบาท กำไร 4 ล้านบาท

- ปี 2562 รายได้ 942 ล้านบาท กำไร 59 ล้านบาท

อะไรที่ทำให้ขนมห่อเล็ก ๆ นี้สามารถสร้างรายได้ได้มากขนาดนั้น

ปัจจัยแรก คือ คุณภาพของสินค้า ผู้ที่จะอยู่รอดในตลาดได้ สินค้าจะต้องมีคุณภาพที่ดี สามารถทำให้ลูกค้าที่ซื้อไปแล้ว เกิดความพึงพอใจและกลับมาซื้อซ้ำอีกครั้ง ทุกๆ การผลิตสินค้าแต่ละชนิดของบริษัท จึงต้องคัดสรรวัตถุดิบที่นำมาแปรรูปอย่างดี

อย่างกรณีของขนมข้าวโพดอบกรอบนั้น ก็ได้เลือกข้าวโพดอย่างดีนำมาแปรรูป โดยไม่ใส่สารปรุงแต่งใด ๆ

ทำให้มีรสชาติที่ดี และมีความหอมมันตามธรรมชาติ จุดนี้เองที่เป็นสิ่งที่ทำให้ผู้บริโภคติดใจในคุณภาพของสินค้า และ กลับมาซื้อซ้ำ

ปัจจัยต่อมา คือ ความแตกต่าง ซึ่งในการผลิตขนม ธุรกิจประเภทนี้มีการแข่งขันกันสูง หากไม่สร้างความแตกต่างให้กับสินค้า โอกาสที่จะทำให้ธุรกิจเติบโต ก็แทบจะมองไม่เห็น

อย่างกรณี ขนมประเภทข้าวเกรียบ ทางบริษัทก็ได้สร้างความแตกต่างด้วยการทำขนมข้าวเกรียบที่มีน้ำจิ้มอยู่ในซอง และมีให้เลือกหลากหลายรสชาติ หรือในส่วนของ เวเฟอร์ ก็ถือได้ว่า เป็นเจ้าแรกๆ ที่ผสมโยเกิร์ตลงไปด้วย

อย่างไรก็ตาม เมื่อสินค้ามีคุณภาพ ตลาดยอมรับ ลูกค้าติด ก็ย่อมมีคู่แข่งที่อยากจะผลิตสินค้าแบบเดียวกันออกมา ทางบริษัทจึงต้องคิดค้น หรือหาทางพัฒนาสินค้าของตัวเองอยู่เสมอ

หรือก็คือ ต่อให้สินค้าที่มีอยู่จะได้รับผลดีมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน แต่ทางบริษัท ก็ยังได้คิดค้นผลิตภัณฑ์ใหม่ ออกมาอยู่เสมอ เช่น การแตกไลน์การผลิตมาทำ เวเฟอร์, บิสกิต และคุกกี้

ขณะเดียวกัน ก็พยายามมองหาตลาดใหม่ๆ เพื่อขยายการเติบโต เช่น การตัดสินใจขยายธุรกิจ ออกไปยังกลุ่มประเทศ CLMV ตะวันออกกลาง สิงคโปร์ ไต้หวัน เกาหลี และจีน

นี่คือตัวอย่างของผลิตภัณฑ์ที่หลายคนอาจจะมองข้าม แต่ถ้าใส่ใจและให้ความมุ่งมั่นในการพัฒนาอย่างสม่ำเสมอ ก็พร้อมที่เปลี่ยนเงินหลักหน่วย ให้กลายเป็นเงินหลักล้านได้ เหมือนกับ ‘นมแท่ง’ ก็ได้


ที่มา: https://www.facebook.com/1387231808035873/posts/3673619242730440/

https://www.paiboonpro.com/th/

‘แอมมี่ THE BOTTOM BLUES’ ยอมรับ ก่อเหตุเผา หน้าเรือนจำคลองเปรมจริง ลั่นขอรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว พร้อมยอมรับ เป็นความคิดที่โง่เขลาและทำให้ตนเองต้องตกอยู่ในอันตราย

จากกรณีที่ศาลอาญา รัชดา ได้อนุมัติหมายจับ นายไชยอมร แก้ววิบูลย์พันธุ์ หรือ แอมมี่ THE BOTTOM BLUES ในข้อหา วางเพลิงเผาทรัพย์ จากกรณีเผาพระบรมฉายาลักษณ์ หน้าเรือนจำกลางคลองเปรม ก่อนจะจับกุมตัวได้ที่ห้องเช่า ใน จ.พระนครศรีอยุธยา และได้คุมตัวมารักษาอาการบาดเจ็บที่ รพ.ตำรวจ

ล่าสุด แอมมี่ ได้โพสต์ข้อความผ่าน เฟซบุ๊ก The Bottom Blues ระบุว่า การกระทำในครั้งนี้ เป็นฝีมือของผมและผมขอรับผิดชอบไว้ แต่เพียงผู้เดียว และไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับกลุ่มการเคลื่อนไหว หรือการเรียกร้องใด ๆ

เหตุผลของผมนั้นเข้าใจง่ายมาก เล่าไปถึงตอนผมโดนจับไปวันที่ 13 ตุลา ปีที่แล้ว เพนกวิ้นคือคนแรกที่โทรหาผมบนรถห้องขังและประกาศรวมพลมวลชนทันที แต่กลับกันในครั้งนี้กวิ้น และพี่น้องของผมต้องติดอยู่ในคุกนานกว่า 20 วันแล้ว แต่ผมไม่สามารถที่จะช่วยเหลือพวกเค้าได้เลย ผมรู้สึกละอายและผิดหวังในตัวเอง การกระทำในครั้งนี้

ผมยอมรับว่าเป็นความคิดที่โง่เขลาและทำให้ตนเองต้องตกอยู่ในอันตราย

หวังว่าจะได้พบกันใหม่

ขอให้ทุกคนสู้ต่อไป III

แอมมี่ THE BOTTOM BLUES

รู้แล้ว!! ทำไมบิ๊กตู่ ไม่ฉีดวัคซีน เป็นคนแรก? | News​ มีนิสส​ More​ Minutes Contrast

รู้แล้ว!! ทำไมบิ๊กตู่ ไม่ฉีดวัคซีน เป็นคนแรก?

.

‘บิ๊กตู่’ ขอหารือหน่วยงานเกี่ยวข้องว่าจะปลดล็อคมาตรการคุมโควิด-19 ให้ทำกิจกรรมใดบ้าง หากสถานการณ์ดี เล็งเปิดเที่ยวสงกรานต์ ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงการผ่อนคลายมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดโควิด-19 ในเรื่องการจัดกิจกรรมต่าง ๆ ช่วงวันสงกรานต์ว่า ตนคาดหวังว่าจะมีโอกาสในเรื่องของการเดินทาง ซึ่งวันนี้จะเห็นว่าเราไม่ได้มีการปิดกั้นอะไรในการเดินทาง โดยจะเห็นได้ว่าในช่วงวันหยุดยาว 3 วันที่ผ่านมา มีการเดินทางไปในพื้นที่ท่องเที่ยวจำนวนมาก มีการจองที่พักเยอะ ค่อนข้างแน่น การจราจรก็ติดขัด เนื่องจากทุกคนช่วยกันระมัดระวังตัวเอง ใส่หน้ากาก เว้นระยะห่างระหว่างบุคคล ทุกคนเรียนรู้ว่าจะอยู่กับโควิด-19 อย่างไรจนกว่าจะผ่านพ้นไป

และวันนี้ยินดีที่มีการฉีดวัคซีนไปจำนวนหนึ่ง ซึ่งก็มีปัญหาอยู่บ้าง แต่ยืนยันว่ารัฐบาลต้องการให้เกิดความเป็นธรรมและทั่วถึง โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่อยู่ใกล้ชิดหน้างาน บุคลากรทางการแพทย์ เจ้าหน้าที่ดูแลด่านตรวจจุดสกัด อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) คนเหล่านี้มีความเสี่ยงติดโรคสูง ต้องเจอคนจำนวนมากในการดูแล

ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่ากิจกรรมสงกรานต์ได้หารือแล้วหรือยังว่าสามารถดำเนินกิจกรรมอะไรได้บ้าง นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า กำลังหารือกันอยู่ เดือนนี้เพิ่งมีนาคม ก็ขึ้นอยู่กับสถานการณ์การแพร่ระบาดด้วย ถ้าเปิดหมดแล้วเกิดเรื่องขึ้นมาจะทำกันอย่างไร แก้ไขกันอย่างไร ขอให้บอกมาด้วยแล้วกัน วันนี้อยู่ในขั้นตอนการพิจารณาว่าจะทำอะไรได้บ้าง จะปลดล็อกบางอย่างหรือปลดล็อกทั้งหมด ถ้าระบาดขึ้นมาก็โทษกลับมาที่รัฐบาลอีก ขอให้เข้าใจตรงนี้ด้วย มันเป็นการตัดสินใจที่ไม่ง่ายนัก เพราะต้องรับผิดชอบคนทั้งประเทศ

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขณะที่วัคซีนมีเป็นล็อตๆมา เดี๋ยวจะปรับเพิ่มให้ วันนี้ดูแลไปถึงจังหวัดที่มีการท่องเที่ยวด้วยจำนวนหนึ่ง ไม่ใช่จะเอาเป็นเอาตายกันในล็อตแรกนี้ มันยังมีล็อต 2 - 3 - 4 - 5 และอาจจะอีกหลาย ๆ ล็อต ถ้าเอกชนสามารถเข้ากติกา การตรวจสอบคัดกรองประสิทธิภาพวัคซีนขององค์การอาหารและยา (อย.) ได้ เปิดกว้างทั้งหมด วันนี้เป็นการใช้ในสถานการณ์ทางการแพทย์ฉุกเฉิน เมื่อทุกอย่างสามารถควบคุมได้ในวาระแรก ต่อไปก็ไม่ใช่ฉุกเฉิน จะใช้ในสถานการณ์ปกติได้ เหมือนไข้หวัดใหญ่ นี่คือการพัฒนาขั้นตอน ถ้าทุกอย่างสามารถควบคุมได้ไม่ไปแพร่เชื้อกับคนอื่น จำนวนผู้ติดเชื้อลดลง อันนี้เป็นสิ่งที่เราต้องพิจารณาต่อไปว่าจะเดินหน้าอย่างไรต่อไป

“วันนี้ในเรื่องวัคซีนกำลังประสานกัน สำหรับผู้ที่ฉีดวัคซีนแล้ว บางประเทศมีดำริว่าถ้าฉีดแล้วมีใบประกอบพาสปอร์ตไปได้หรือไม่ในการเดินทาง ซึ่งเป็นเรื่องของแต่ละประเทศที่จะรับซึ่งกันและกัน ตนได้ให้ประสานหารือผ่านกระทรวงการต่างประเทศ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปแล้ว ถ้าเป็นไปได้ก็สามารถเดินทางไปได้ถ้าเขารับพาสปอร์ตวัคซีน วันนี้โลกอยู่ในวัคซีน

และเป็นที่น่ายินดีที่ผ่านมาหลายวันตนได้เฝ้าติดตามยังไม่มีใครมีผลกระทบจากการฉีดวัคซีน อาจจะมีบ้างเจ็บแขน ปวดศีรษะ เป็นไข้ เหมือนกับการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ ซึ่งหลายคนก็เป็นไข้เหมือนกัน ถือว่าเป็นสิ่งที่เราทำได้ดีในช่วงที่ผ่านมาและวันนี้ ซึ่งต้องบริหารต่อไป ต้องขอความร่วมมือกับสื่อมวลชนด้วย”

สถานการณ์โควิด-19 ประเทศไทยและอาเซียน ประจำวันที่ 3 มีนาคม พ.ศ.2564

สถานการณ์โควิด-19 ประเทศไทยและอาเซียน

ประจำวันที่ 3 มีนาคม พ.ศ.2564

แม่ทัพภาค 4 ยัน! ทหารเป็นกลางทางการเมือง ปม สส.ปชป.โวย ทหารช่วยหาเสียงเลือกตั้งซ่อมเมืองคอน ขอตรวจสอบก่อน พร้อมแจงทหารลงพื้นที่ช่วยประชาชนแก้ปัญหาป่าพรุควนเคร็ง

จากกรณีนายชัยชนะ เดชเดโช ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) ในฐานะผู้อำนวยการการเลือกตั้งซ่อมส.ส.เขต 3 จ.นครศรีธรรมราช ทำหนังสือพร้อมหลักฐานการถึง พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตแก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก ว่ามีทหารในพื้นที่เข้ามากดดันกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ขอให้เลือกผู้สมัครรายหนึ่ง ในพื้นที่ในอำเภอพระพรหม อำเภอเฉลิมพระเกียรติ อำเภอชะอวด และอำเภอจุฬาภรณ์

ล่าสุด พล.ท.เกรียงไกร ศรีรักษ์ แม่ทัพภาคที่ 4 ได้ออกมาชี้แจงถึงกรณีดังกล่าวว่า ขอตรวจสอบข้อมูลอีกครั้ง แต่ปกติแล้วทหารลงพื้นที่ดังกล่าวแก้ไขปัญหา เรื่องป่าพรุควนเคร็งครอบคลุม 5 พื้นที่ 5 อำเภอ ได้แก่ อ.เชียรใหญ่ อ.เฉลิมพระเกียรติ อ.ร่อนพิบูลย์ อ.ชะอวด และอ.หัวไทรของจ.นครศรีธรรมราช และพื้นที่บางส่วน อ.ควนขนุน จ.พัทลุง รวมถึงช่วยประชาชนประสบภัยแล้ง เราสามารถชี้แจงได้ทุกเรื่อง แต่ขอตรวจสอบรายละเอียดอีกครั้ง

ในขณะที่ พล.ต.ศานติ ศกุนตนาค ผบ.พล.ร.5 กล่าวยืนยันว่า นโยบายของ ผบ.ทบ. และ มทภ.4 ได้เน้นย้ำไว้ชัดเจน ว่าห้ามทหารเข้าไปยุ่งเกี่ยว หรือช่วยนักการเมืองหาเสียง ต้องวางตัวเป็นกลาง ซึ่งต้องทำความเข้าใจว่าพื้นที่ดังกล่าวส่วนหนึ่งมีปัญหาไฟป่าป่าพรุควนเคร็ง เพราะเข้าสู่หน้าแล้ง หากพบเห็นทหารคาดเข้าประสานหน่วยงานราชการ หรือ เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นเกี่ยวข้องกับปัญหาดังกล่าวมากกว่า

นายชัยชนะ เดชเดโช ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ยัน! เสียงตอบรับหาเสียงพรรคประชาธิปัตย์ดี พร้อมร้อง ผบ.ทบ. สอบสวนและดำเนินการลงโทษตามวินัย กรณีทหารเล่นไม่ซื่อแทรกแซง เลือกตั้งซ่อมเมืองคอน ยัน! หลักฐานแน่น

นายชัยชนะ เดชเดโช ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะผู้อำนวยการการเลือกตั้งซ่อม ส.ส.เขต 3 จ.นครศรีธรรมราช กล่าวถึงการลงพื้นที่หาเสียงของ นายพงศ์สินธุ์ เสนพงศ์ ผู้สมัครฯ ของพรรคประชาธิปัตย์ ว่า ขณะนี้กระแสความนิยมในตัวของผู้สมัครของพรรค มีอยู่เป็นจำนวนมาก เนื่องจากประชาชนต่างพอใจในผลงานและโครงการที่พรรคฯ ได้ริเริ่มนำเสนอ จนเกิดผลเป็นที่ประจักษ์ เช่น โครงการประกันรายได้เกษตรกร โครงการช่วยเหลือประชาชนในกลุ่มที่เปราะบาง และการมีบทบาทในการเป็นปากเป็นเสียงเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประชาชน

รวมทั้ง ในการลงพื้นที่เขตเลือกตั้ง คือ อำเภอพระพรหม, อำเภอเฉลิมพระเกียรติ, อำเภอชะอวด และอำเภอจุฬาภรณ์ ในช่วงที่ผ่านมานั้น ทางพรรคได้พยายามชูตัวผู้สมัครว่า เป็นผู้มีความรู้ความสามารถ และเคยทำงานให้กับชาวนครฯ มาแล้ว ดังนั้น จึงมีความพร้อมที่จะเข้าไปทำงานในสภาผู้แทนราษฎร เพื่อเข้าไปสานงานต่อในสิ่งที่ นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต ส.ส.ของพรรคได้ทำไว้

นายชัยชนะ กล่าวด้วยว่า ทั้งนี้ เนื่องจากกระแสในตัวของ นายพงศ์สินธุ์ มีอยู่เป็นจำนวนมาก ทำให้มีพรรคการเมืองบางพรรคอาศัยตัวช่วย ด้วยการใช้นายทหารมากดดันกับบรรดากำนัน ผู้ใหญ่บ้าน รวมทั้ง พลทหารที่อยู่ใต้บังคับบัญชาว่า ขอให้เลือกผู้สมัครรายหนึ่ง โดยอ้างว่า นายสั่งมา นายขอให้ช่วย ซึ่งตนในฐานะผู้อำนวยการการเลือกตั้งซ่อมในครั้งนี้ รู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากล และไม่เป็นธรรมในการแข่งขัน

ดังนั้น ตนจึงขอเรียกร้องทาง พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก สั่งการให้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนนายทหารดังกล่าว และขอให้ลงโทษตามแบบธรรมเนียมและวินัยทางทหารด้วย เพราะถือว่า เป็นการกระทำที่ผิดวินัยอย่างร้ายแรง และไม่สมควรให้เกิดขึ้นในกระบวนการที่ประชาชนจะต้องมีส่วนร่วมในการตัดสินใจอย่างอิสระ ในการเลือกตัวแทนเพื่อเป็นปากเสียงและทำงานแทนประชาชนในเขตพื้นที่ด้วย

"กรณีนี้ ผมไม่ได้กล่าวอ้างอย่างลอย ๆ แต่มีหลักฐานสนับสนุนว่า มีความเคลื่อนไหวอย่างผิดปกติของนายทหารที่มาลงพื้นที่ เพราะมีการระบุให้ช่วยเหลือผู้สมัครบางพรรค โดยอ้างคำสั่งที่เป็นนายเหนือตัวเองว่า เขาขอให้ช่วย ซึ่งถือเป็นการแทรกแซงที่จะทำให้ผลการเลือกตั้งไม่บริสุทธิ์ยุติธรรม ดังนั้น ผมจะส่งหลักฐานไปยังกองทัพบก เพื่อให้ทาง ผบ.ทบ.ดำเนินการกับนายทหารคนดังกล่าว เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างต่อไป" นายชัยชนะกล่าว

หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ‘เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส’ เตือนอย่าคิดหักหลังประชาชน คว่ำญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญ เชื่อหากญัตติแก้รัฐธรรมนูญถูกคว่ำ จะเกิดการลุกฮือของประชาชนครั้งใหญ่

เมื่อวันที่ 3 มี.ค. พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย กล่าวถึงสถานการณ์รัฐบาลในช่วงนี้ว่า ถือเป็นขาลงของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหมอย่างแท้จริง ทั้งปัญหาเศรษฐกิจที่คนหมดความเชื่อมั่นรัฐบาลชุดนี้ไปแล้ว แม้จะมีวัคซีนเข้ามา

แต่รัฐบาลยังบอกไม่ได้เลยว่าจะฉีดให้คนไทยได้ครบวันไหน เมื่อไรจึงจะถึงจุดที่สามารถฟื้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวได้ การชุมนุมของม็อบราษฎรก็กำลังจะกลับมาอีกครั้ง แม้รัฐบาลจะไฟเขียวให้ตำรวจปราบม็อบได้อย่างเต็มที่ แต่ก็เชื่อว่าพวกเด็ก ๆ คงไม่ถอย เหมือนกับคนพม่าที่ใช้ชีวิตเข้าแลกกับเผด็จการ เพราะเป็นการสู้เพื่ออนาคตของพวกเขา

“ที่สำคัญหากญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญถูกคว่ำลงในกลางเดือนมีนาคมนี้ จะด้วยความเห็นของศาลรัฐธรรมนูญหรือจะโดย 250 ส.ว.ก็ตาม ก็เชื่อว่าจะมีการลุกฮือของประชาชนครั้งใหญ่ เพราะถือเป็นการหักหลังพวกเขา ไม่ทำตามนโยบายที่รับปากเอาไว้ จึงได้แต่ภาวนาว่า อย่าได้ไปคิดคว่ำกันเลย ปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามความต้องการของประชาชนเถิด ถ้าพวกคุณหักหลังประชาชน ก็เชื่อว่าวันข้างหน้าประชาชนจะตีคุณจนหลังหักอย่างแน่นอน คอยดู” พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าว

รมว.วัฒนธรรม ‘อิทธิพล คุณปลื้ม’ แย้ม ปีนี้จัดกิจกรรมในช่วงเทศกาลสงกรานต์ได้ แต่ต้องเว้นระยะห่างคุมโควิด-19 หวังช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว

เมื่อวันที่ 3 มี.ค.ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอิทธิพล คุณปลื้ม รมว.วัฒนธรรม กล่าวถึงการจัดงานเทศกาลสงกรานต์และวันขึ้นปีใหม่ของไทย ว่า ในปีนี้กระทรวงวัฒนธรรม เห็นว่าสามารถจัดกิจกรรมวัฒนธรรมประเพณี ทำบุญ เหมือนอดีตที่เคยจัดก่อนเกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ได้

แต่ให้เข้มงวดเรื่องมาตรการป้องกันโรค เว้นระยะห่าง และจำกัดจำนวนคนเข้าพื้นที่ โดยถนนสายสำคัญที่เคยมีการจัดกิจกรรม เช่น ถนนข้าวสาร และถนนสายอื่น ๆ ให้เจ้าภาพจะจัดกิจการเป็นผู้พิจารณาความเหมาะสม

ทั้งนี้ การจัดกิจกรรมเทศกาลสงกรานต์ สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวได้ และในปัจจุบันเราเริ่มมีวัคซีนที่จะช่วยป้องกันการแพร่ระบาดของโรคได้

‘บิ๊กป้อม’ เร่งแก้น้ำเค็ม ลดผลกระทบผู้ใช้น้ำ หลังพบน้ำประปาเค็มสุดในรอบ 10 ปี ลงพื้นที่ตรวจเขื่อนพระรามหก จ.อยุธยา สั่งคุมเข้มแม่น้ำสายหลัก เจ้าพระยา/บางปะกง ยกระดับรับมือน้ำทะเลหนุน

เมื่อ 3 มี.ค.พล.ต.พัชร์ชศักดิ์ ปฏิรูปานนท์ ผู้ช่วยโฆษกประจำรองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองในฐานะ ผู้อำนวยการ กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.),นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพย์กรธรรมชาติและสิ่งแวดล้ม (ทส.) พร้อมคณะ ได้เดินทางไปปฏิบัติราชการ เพื่อติดตามการแก้ไขปัญหาน้ำเค็ม ในแม่น้ำเจ้าพระยา และแม่น้ำบางปะกง ที่เขื่อนพระรามหก อ.ท่าเรือ จ.พระนครศรีอยุธยา โดยมีนายภานุ แย้มศรี ผวจ.พระนครศรีอยุธยา ร่วมให้การต้อนรับ

พล.อ.ประวิตร ได้รับทราบรายงานสถานการณ์น้ำ และมาตรการสำหรับการจัดการปัญหาน้ำเค็มในแม่น้ำเจ้าพระยา และแม่น้ำบางปะกง จาก สทนช. รวมถึงรับทราบ แนวทางการแก้ไขปัญหาความเค็มของน้ำ จากหน่วยงานต่าง ๆ ที่รับผิดชอบ อาทิ กรมชลประทาน ,การประปานครหลวงและการประปาส่วนภูมิภาค ซึ่งปีนี้มีค่าความเค็มสูงถึง 2.53 กรัม/ลิตร นับว่าเป็นค่าความเค็มที่สูงสุดในรอบ10 ปี

จากนั้น พล.อ.ประวิตร ได้กล่าวมอบนโยบายโดยสรุปคือ รัฐบาลได้ให้ความสำคัญ และมีความห่วงใยอย่างยิ่ง ต่อปัญหาความเค็มของน้ำที่เกินมาตรฐาน (0.5 กรัม/ลิตร) ในการผลิตน้ำประปา ซึ่งส่งผลกระทบกับภาคการใช้น้ำของประชาชน จึงได้มอบหมายให้หน่วยงานต่างๆเร่งแก้ไขปัญหา อย่างเร่งด่วน โดยกำชับให้กรมชลประทาน ร่วมกับ การประปานครหลวง เร่งควบคุมค่าความเค็มในแม่น้ำเจ้าพระยา ไม่ให้เกินเกณฑ์คุณภาพน้ำ เพื่อการอุปโภคบริโภค และการเกษตร, มอบกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กับกระทรวงมหาดไทยเร่งสร้างการรับรู้ เพื่อควบคุมการเพาะปลูกพืช ในพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยา และกำหนดมาตรการชดเชย/เยี่ยวยาให้แก่เกษตรกร ที่ไม่สามารถเพาะปลูกพืช ได้ เนื่องจากปริมาณน้ำไม่เพียงพอ, ให้จังหวัด ควบคุมน้ำในพื้นที่ไม่ให้สูบไปใช้ระหว่างทาง เพื่อลดปริมาณน้ำสูญเสีย ที่จะนำไปช่วยผลักดันน้ำเค็ม และให้การประปานครหลวง เร่งรัดแผนงานระยะยาว เพื่อป้องกันความเสี่ยง กรณีค่าความเค็มบริเวณสถานีสูบน้ำสำแล สูงเกินเกณฑ์มาตรฐาน

จากนั้น พล.อ.ประวิตร และคณะ ได้ไปตรวจสภาพพื้นที่บริเวณ เขื่อนพระรามหก เพื่อติดตามสถานการณ์น้ำ สำหรับเขื่อนพระรามหก แห่งนี้ ก่อสร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 6 เป็นเขื่อนทดน้ำแห่งแรกของประเทศไทย ที่สร้างกั้นแม่น้ำป่าสัก เพื่อกักเก็บน้ำไว้ใช้ เพื่อการเกษตร โดยสร้างเสร็จเมื่อปี พ.ศ.2467 มีประตูระบายน้ำแบบเลื่อนขึ้น - ลงในแนวดิ่ง 6 บาน ขนาดบาน กว้าง 12.50 ม. สูง 1.80 ม. สามารถส่งน้ำไปยัง พื้นที่เพาะปลูก ได้ มากกว่า 680,000 ไร่

ทั้งนี้ พล.อ.ประวิตร ได้กำชับให้ทุกหน่วยงาน บูรณาการทำงานร่วมกัน อย่างจริงจัง และเน้นย้ำให้คุมเข้มมาตรการต่างๆ ทั้งการป้องกันการสูบน้ำไปใช้ระหว่างทาง และการเพาะปลูกพืชเกินแผนที่กำหนด พร้อมทั้ง สั่งให้ สทนช. จัดสร้างอาคารควบคุม เพื่อป้องกันการรุกตัวของน้ำเค็ม จากภาวะทะเลหนุนอีกด้วย

‘สุรีรัตน์ ชิวารักษ์’ แม่เพนกวิน - พริษฐ์ ชิวารักษ์ แกนนำกลุ่มราษฏร พร้อมยืนเคียงข้างลูกชาย ชี้เป็นเด็กเรียนดี มีความคิดอ่านเป็นของตัวเอง พร้อมอยากร่วมเปลี่ยนแปลงสังคม ระบุเหตุเข้าร่วมกิจกรรม 'เดินทะลุฟ้า' เพราะไม่ได้รับความเป็นธรรมประกันตัวลูกชาย

“เพนกวินเป็นเด็กที่รู้ตัวหนังสือตั้งแต่ก่อนเข้าโรงเรียน เราซื้อโปสเตอร์มาแปะฝาบ้าน ทั้ง ก ข ค และ A B C แล้วจิ้มถามเขาบ่อยๆ เราเองไม่ได้ภาษาอังกฤษ ก็อยากให้ลูกเก่ง เจอนกก็พูดกับเขาว่า ‘บี เบิร์ด นก’ เจอแมวก็พูดว่า ‘ซี แคท แมว’ ตอนเขาไปโรงเรียนวันแรก เย็นวันนั้นครูมาเล่าให้ฟัง เขาถามครูว่า ‘ครูครับ ฃ ฃวด หายไปไหน’ เราบอกเขาว่า ‘ถ้าอ่านออกจะซื้อหนังสือให้อ่าน’ หลังจากนั้นสักพักก็เริ่มอ่านได้ เขาอ่านหนังสือเร็วมาก (เน้นเสียง) อ่านไปหมดทุกอย่าง แต่หนังสือเรียนไม่ค่อยอ่านนะ (หัวเราะ) มีคนให้หนังสือประวัติหลวงปู่ดุลย์ เขาก็อ่าน หนังสือธรรมะที่วางในบ้าน เขาก็อ่าน ตอนแรกเราคิดว่าอ่านไปอย่างนั้นแหละ แต่พอเรามีปัญหาอะไรในชีวิต เขาจะเอาธรรมะมาพูดด้วย เป็นแบบนี้ตั้งแต่เรียนประถมเลย"

“หนังสือการ์ตูนที่เพนกวินชอบมากคือ รามเกียรติ์ เราเคยได้ยินนักวิชาการบอกว่า ถ้าเด็กสนใจอะไรควรให้เจอของจริง เราพาไปวัดพระแก้ว วันนั้นเดินด้วยกันหลายรอบแล้ว เราเมื่อยขาเลยขอนั่งรอ เขาไปเดินอยู่คนเดียว แล้วกลับมาบอกว่า ‘มี้ครับ มันน้อยไป’ เขาเล่าให้เราฟังได้เป็นฉากๆ ว่า ตัวนี้คือใคร เกิดเหตุการณ์อะไรบ้าง โรงเรียนตอนประถมไม่ได้บอกอันดับ แต่เรารู้ว่าเขาเรียนดี เพราะได้รางวัลตลอด เราไม่ได้คิดว่าลูกพิเศษกว่าใคร เคยบอกเขาด้วยว่า 'เด็กเรียนเก่งมีเป็นมหาสมุทร แต่มี้อยากให้ลูกเก่งและดีด้วย' เราจะสอนลูกไม่ให้มีอีโก้ เวลาแข่งขันได้รางวัลก็บอกว่าชีวิตก็มีขึ้นมีลง เราเคยพูดกับเขาว่า 'เห็นคุณป้ากวาดถนนไหม ลูกกวาดได้สะอาดแบบนั้นไหม ทุกอาชีพมีความชำนาญของตัวเอง ไม่มีใครเก่งกว่าใคร' "

"สมัยเพนกวินเรียนอยู่ประถม เขาได้ทั้งภาษาไทย ภาษาอังกฤษ และวิทยาศาสตร์ เลยถูกส่งไปแข่งขันเป็นประจำ แม้แต่งานกีฬาสีก็ออกไปเต้นตะแด๊วๆ เชียร์กีฬา (หัวเราะ) ครูก็ชอบที่เป็นเด็กเรียนดีและทำกิจกรรม เขามีสมุดและปากกาติดตัวเสมอ ตอนได้ทุนการศึกษา เขาสงสัยว่าทำไมทุนถึงชื่อนี้ ก็ไปหาว่าตระกูลไหนก่อตั้ง เกี่ยวข้องกับใครบ้าง เคยทำอะไรให้ประเทศบ้าง พอขึ้นมัธยมแล้วเดินทางไปไหนเอง เขาไปหอสมุดแห่งชาติ ไปพิพิธภัณฑ์ที่ศิริราชจนสนิทกับเจ้าหน้าที่ เขาอยากทำสตรอเบอรี่ชีสเค้ก ก็ไปอ่านหนังสือจนทำได้ เวลาเขาชอบอะไรจะไปจนสุด ครูภาษาไทยสมัยประถมทำบางอย่างไม่ถูกต้อง เขาเขียนบัตรสนเท่ห์ไปวางบนโต๊ะครู เขียนเป็นกลอนเลย ทำเป็นไม่ลงชื่อ แต่ครูเห็นลายมือก็จำได้ (หัวเราะ)"

"ถ้าลูกเรียนได้ทั้งวิทย์และภาษา พ่อแม่ก็อยากให้ลูกเรียนหมอใช่ไหม เราก็เป็นแบบนั้น แต่เขาคงมีเรื่องที่สนใจอยู่แล้ว พอจะขึ้น ม.ปลาย เขามาถามว่า 'มี้ครับ ถ้าครอบครัวหนึ่ง ลูกอยากเรียนวิศวะ แต่พ่อแม่อยากให้เป็นหมอ ลูกก็ยอมเรียนตามใจ แต่หลังจากนั้นแล้วลูกหนีออกจากบ้าน เป็นมี้จะทำยังไง' อีกครั้งเขาถามว่า 'มี้ครับ ถ้าครอบครัวหนึ่งมีลูกเรียนหมอ เรียนเก่งมากด้วย แต่หลังจากเรียนจบ เขาฆ่าตัวตายแล้วเขียนจดหมายว่า ใบปริญญาให้พ่อแม่ แต่ชีวิตที่เหลือเป็นของลูก เป็นมี้จะทำยังไง' เราตอบไปว่า 'แม่ก็ต้องตามใจลูกแหละ' เขาเคยพูดว่า 'มี้ครับ เพนกวินรู้ว่าพ่อแม่ให้ชีวิต แต่การใช้ชีวิตเป็นของลูกนะครับ' เราก็เก็บเอามาคิด วันหนึ่งเขาถามเราว่า 'มี้ครับ อยากให้เพนกวินเป็นอะไร' ตอนนั้นเราเริ่มเปลี่ยนความคิดแล้ว เลยตอบว่า 'อะไรก็ได้ที่ลูกตื่นมาแล้วมีความสุขที่จะไปทำ' การถามคือเขาแคร์เรา แต่ขอให้เขาได้เลือกชีวิตตัวเองด้วย"

"เขาสนใจประวัติศาสตร์ เคยบอกตั้งแต่เล็ก ๆ ว่า 'ถ้าเพนกวินเกิดมาแล้วไม่สามารถเปลี่ยนแปลงสังคมได้ มันเสียชาติเกิด' ตอนนั้นเราบอกไปว่า 'ก่อนจะไปเปลี่ยนแปลงอะไร มาช่วยแม่จัดบ้านก่อนไหม' (หัวเราะ) เขาเลือกเรียนสายภาษาที่เตรียมอุดมฯ เคยร่วมเคลื่อนไหวเรื่องการศึกษากับกลุ่มการศึกษาเพื่อความเป็นไท เราสงสัยว่า 'ทำไปทำไม เราไม่ได้สิทธิประโยชน์อะไร แม่ก็ยังเป็นคนจ่ายค่าเทอมเหมือนเดิม' เขาตอบกลับว่า 'ถึงแม่จะจ่ายค่าเทอม แต่เราได้รับประโยชน์จากเงินภาษี ซึ่งหลายคนเลยเข้าไม่ถึงประโยชน์นั้น' เขาเคยบอกว่า อยากเป็นรัฐมนตรีเพื่อทำให้การศึกษาดีขึ้น เราไม่ได้ตามไปดูว่าเขาทำอะไรบ้าง พ่อเคยไปดูเขาชูป้ายอะไรสักอย่างสมัยยังใส่ขาสั้น แล้วมาบอกว่า ‘ลูกพูดดีกว่าเราอีก’ โอเค เราก็สบายใจมากขึ้น เขาน่าจะดูแลตัวเองได้ หลังจากนั้นก็ปล่อยเลย"

"พอขึ้นมหาวิทยาลัย (คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์) เขาออกมาเคลื่อนไหวทางการเมือง แต่เราไม่ได้มองว่าเป็นแกนนำอะไร ยังไงก็เป็นลูก ทุกครั้งที่เจอกัน เราจะบอกเขาว่า 'เอาเล็บให้แม่ดูหน่อย ทำไมไม่ตัดเล็บ ถ้าไม่ตัดจะหักค่าขนม' เป็นเรื่องเดียวที่แม่ขู่ได้ (หัวเราะ) เราซื้อรองเท้าที่ซัพพอร์ทเท้าให้ เพื่อนบางคนก็แซวว่าแก่ เขามาบ่นกับเรา แต่ก็ใส่คู่นั้นตลอด (ยิ้ม) เราจะบอกรัก กอดเขา หอมเขาเป็นประจำ เวลาลูกโดนด่าเยอะๆ ก็กลัวเสียกำลังใจ เราจะโทรไปพิมพ์ไปหา 'แม่ให้กำลังใจนะ' เขามักตอบว่า 'ไม่มีอะไรครับมี้’ วันที่เพนกวินติดคุกครั้งแรก เราไม่คิดว่าจะโดน เลยไม่ได้ไปด้วย (เงียบคิด) เรารู้สึกผิดที่ไม่ได้อยู่ข้างลูก พอวันรุ่งขึ้นทนายไปเยี่ยม เราไปด้วย แต่เข้าไปไม่ได้ เพนกวินฝากทนายมาบอกว่า 'ครั้งนี้คงติดนานหน่อย รักแม่นะครับ' แล้วลงท้ายว่า 'เสียดายที่เราไม่ได้ลากัน' (เงียบ…น้ำตาไหล) เหตุการณ์นั้นทำให้เราเข้าใจคำว่าใจสลาย"

"เพนกวินไม่เคยขอให้แม่ออกมา เขาพูดเสมอว่า ‘มันคือการตัดสินใจของมี้ ถ้าออกมา สิ่งที่ตามมาคือการโดนด่า มี้รับได้ไหม’ จนกระทั่งเขาติดคุกครั้งที่สอง ทำเรื่องประกันตัวสามครั้งก็ไม่ได้ มันไม่ใช่แล้ว เรานอนไม่หลับ รู้จักคำว่าสว่างคาตาก็ครั้งนี้ วันรุ่งขึ้นก็ไปเยี่ยมเพนกวิน เราบอกเขาว่า 'มี้ตัดสินใจจะออกมา' (กิจกรรม 'เดินทะลุฟ้า' เป็นการเดินเท้าจากจังหวัดนครราชสีมาถึงกรุงเทพมหานคร รวมระยะทาง 247.5 กิโลเมตร โดยหนึ่งในข้อเรียกร้องคือการปล่อย 4 แกนนำทางการเมือง คือ อานนท์ นำภา สมยศ พฤกษาเกษมสุข ปฏิวัฒน์ สาหร่ายแย้ม และเพนกวิน-พริษฐ์ ชิวารักษ์) เขาคงดีใจ บางคนบอกว่า เพนกวินโชคดีที่มีแม่แบบนี้ เราต่างหากโชคดีที่เขาเลือกเราเป็นแม่ บางครั้งเรารู้สึกว่าเขาคือโซลเมทที่มาสอนบทเรียนชีวิตนะ"

"เราเป็นห่วงลูกเรื่องเดียวคือความปลอดภัย แต่ห้ามเขาตอนนี้จะมีอะไรดีขึ้นไหม ห้ามแล้วจะไม่มีตำรวจมาที่บ้านหรือเปล่า สิ่งสำคัญคือเพนกวินไม่ได้ทำอะไรผิดเลวร้ายด้วย เขาเคยพูดกับพ่อว่า 'ป๊าครับ ถ้าเพนกวินเป็นอะไรไป ขอให้พ่อแม่ภูมิใจในสิ่งที่ลูกทำนะครับ' เขาไม่กล้ามาบอกเรา เพราะก่อนหน้านั้นเขาพูดกับเราว่า 'การต่อสู้ต้องมีการสูญเสียนะมี้' แต่เราตอบกลับไปว่า 'ไม่ได้ มี้ไม่พร้อมที่จะสูญเสีย' เราเคยถามเขาว่า 'เพนกวินจะทำไปทำไม เหนื่อยก็เหนื่อย คนไม่เห็นด้วยก็มาด่า ถ้าคนในประเทศไม่เห็นคุณค่า ไม่อยากให้ทำอะไร เราไปอยู่เมืองนอกเถอะ ทำให้คนอื่นเห็นว่าเราทำอะไรได้บ้าง หรือไปทำอะไรให้สำเร็จที่เมืองนอก คนที่นี่อาจจะฟังก็ได้' แต่เขาบอกว่า ‘เพนกวินเลือกแล้วที่จะอยู่ประเทศนี้ เพราะที่นี่คือบ้านเกิด’"

"เรานัดกันทานข้าววันเกิดตั้งแต่ปีที่แล้ว พอจะถึงวันนัด เขาบอกว่า ‘มีรุ่นน้องปราศรัย ต้องไปให้กำลังใจ’ พอถึงวันนัดอีกก็มีธุระต่างๆ ตั้งแต่วันเกิดแม่ วันเกิดเพนกวิน วันเกิดน้องสาว และวันเกิดพ่อ ผ่านมาจะครบปีแล้วยังไม่ได้กินข้าวด้วยกันเลย ตอนนี้เขายังอยู่ในคุก เราไม่รู้ว่าหลังจากนี้จะเกิดอะไรขึ้น ไม่อยากคิดเยอะ เพนกวินเคยบอกว่า ‘ไม่ต้องเครียดหรอกมี้ เพราะเครียดวันนี้ หรือเครียดวันนั้น ยังไงก็เครียดเหมือนกัน’ แต่เราก็ยังเครียด (เงียบคิด) ต้องคอยบอกตัวเองว่า สิ่งที่เขาทำไม่ได้ทำร้ายใคร เด็กชายที่ชอบประวัติศาสตร์ ต้องมีสมุดและปากกาติดตัวเสมอ และอยากเปลี่ยนแปลงสังคมให้ดีขึ้น เขาอาจเกิดมาเพื่อเป็นคนแบบนี้"

เพนกวิน - พริษฐ์ ชิวารักษ์ คือ 1 ใน 4 ผู้ต้องหาจากความผิดเข้าร่วมการชุมนุม #19กันยาทวงคืนอำนาจราษฎร ที่สนามหลวง โดยปัจจุบันถูกศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ปฏิเสธคำร้องขอให้ประกันตัวในระหว่างการพิจารณาคดี


ที่มา : เพจ มนุษย์กรุงเทพฯ

https://www.facebook.com/story.php?story_fbid=2947531678864094&id=1432299840387293

เปิดไทม์ไลน์ ‘นายวีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี’ ผู้ว่าฯ สมุทรสาคร จากวันแรกของการติดโควิด -19 สู่วันที่กำลังจะหายเป็นปกติ ได้เวลา #คืนปูสู่สาคร

ในความวุ่นวาย ยุ่งเหยิง ของบ้านเมืองเวลานี้ ใครรักใคร ใครไม่รักใคร ใครรบกับใคร ใครฉี่ใส่ใคร แต่เชื่อเหลือเกินว่า คนไทย #รักและส่งกำลังใจให้ ‘ผู้ว่าฯ สมุทรสาคร’ อย่างแน่นอน เพราะนับตั้งแต่วันที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2563 ในการแถลงสถานการณ์การระบาดของโควิด -19 ระลอกใหม่ ที่ ต.มหาชัย จ.สมุทรสาคร คนไทยก็ได้ทำความรู้จักกับนายวีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี ในฐานะผู้ว่าฯ สมุทรสาคร ที่เป็นหนึ่งในผู้ร่วมแถลงการณ์ในวันนั้น

แต่ผ่านไปแค่สัปดาห์เดียว จาก ‘ผู้แถลงการณ์’ กลับกลายเป็น ‘ผู้ป่วย’ หลังจากลุยงานหนัก ลงพื้นที่เสี่ยง จนกลายเป็นผู้ติดโรคโควิด -19 เสียเอง และนั่นคือวันแรกที่ผู้คนต่างส่งแรงใจ ให้ ‘ผู้ว่าฯ สมุทรสาคร’ หายป่วยกลับมาโดยไว แต่เรื่องกลับไม่ง่ายอย่างนั้น ด้วยวัยและร่างกาย ทำให้โควิด – 19 เข้าไปทำร้ายปอด จนทำให้เกิดอาการวิกฤติอยู่หลายครั้งหลายครา

แต่จากวันที่สิ้นหวัง ผู้คนต่างสวดมนต์ให้กำลังใจกับพ่อเมืองสมุทรสาคร ปาฏิหาริย์ก็มีจริง เมื่อทีมแพทย์สามารถรักษาร่างกายของผู้ว่าฯ ให้ค่อย ๆ กลับคืนมาอีกครั้ง และเมื่อไม่กี่วันมานี้ ข่าวดีก็เกิดขึ้นจนได้ ผู้ว่าฯ วีระศักดิ์ กลับมาเดินได้เอง พูดคุยสื่อสารได้เป็นปกติ อาการป่วยหายไปกว่า 90% ถึงตรงนี้ คงไม่มีอะไรจะดีไปกว่า การกล่าวคำว่า ขอแสดงความยินดี และขอขอบคุณทีมงานแพทย์ทุก ๆ ท่านที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ที่ตอกย้ำให้รู้ว่า #ทีมแพทย์ไทยเก่งไม่น้อยกว่าใครในโลก

เพราะมีชื่อเล่นว่า ปู จึงเป็นที่มาของภารกิจ #คืนปูสู่สาคร แต่ก่อนที่ภารกิจนี้จะเกิดขึ้น THE STATES TIMES รวบรวมไทม์ไลน์ เพื่อย้อนกลับไปดูถึงช่วงเวลาที่ผ่านมา กว่า 2 เดือนเศษที่ต้องต่อสู้ วันนี้ใกล้ถึงเวลา #คืนปูสู่สาคร พร้อมกล่าวคำว่า ขอแสดงความยินดี อีกครั้ง


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top