Friday, 9 May 2025
NEWS

สถานการณ์ COVID-19 ประเทศไทยและอาเซียน (3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564)

สถานการณ์ COVID-19 ประเทศไทยและอาเซียน (3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564)

บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ โออาร์ (‘OR’) ประกาศราคาเสนอขายหุ้น IPO ที่ 18 บาทต่อหุ้น และจัดสรรหุ้นเพิ่มเติมให้ผู้จองซื้อรายย่อย ได้มีโอกาสเป็นเจ้าของหุ้น OR อย่างทั่วถึง

โดยการจองซื้อหุ้นในครั้งนี้ ได้รับความสนใจจากผู้จองซื้อรายย่อยในประเทศ และนักลงทุนสถาบันชั้นนำสูงสุดเป็นประวัติการณ์ของการขายหุ้น IPO ของบริษัทไทย และมูลค่าเสนอขายหุ้น OR ในครั้งนี้ นับเป็นหุ้น IPO ที่มีมูลค่าสูงเป็นลำดับต้นๆ ของตลาดหุ้นไทย และคาดว่าจะได้รับการจัดเข้าไปรวมอยู่ในดัชนี SET50 และ SET100 ด้วยเกณฑ์ Fast-track ภายใน 3 วันทำการนับจากวันที่เข้าทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเป็นวันแรก

นางสาวจิราพร ขาวสวัสดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ โออาร์ เปิดเผยว่า การจองซื้อหุ้นสำหรับผู้จองซื้อในประเทศครั้งนี้ โออาร์ เปิดให้มีระยะเวลานานเกือบ 10 วัน เพื่อให้นักลงทุนที่สนใจได้มีโอกาสเข้ามาจองซื้ออย่างเต็มที่ โดยภายหลังการปิดจองซื้อ พบว่ามีผู้จองซื้อรายย่อยแสดงความสนใจลงทุนเป็นจำนวนมาก มีจำนวนรายการที่จองซื้อผ่านตัวแทนจำหน่ายหุ้น 3 ธนาคาร ทั้งช่องทางการจองซื้อที่สาขาและช่องทางออนไลน์รวมกว่า 530,000 รายการ นับว่าเป็นการทำรายการจองซื้อหุ้นที่สูงที่สุด

ทั้งนี้ การจัดสรรหุ้นสำหรับผู้จองซื้อรายย่อยนั้น จะดำเนินการโดยใช้วิธี Small Lot First ซึ่งเป็นวิธีจัดสรรหุ้นให้แก่นักลงทุนทุกคนที่ต้องการอย่างทั่วถึงที่สุด โดยในรอบแรกจัดสรรที่กำหนดจองซื้อขั้นต่ำ ซึ่งทุกคนจะได้หุ้นตามจำนวนขั้นต่ำ 300 หุ้น และในรอบถัดๆไป ผู้จองซื้อทุกคนได้รับการจัดสรรเพิ่มครั้งละ 100 หุ้นจนหุ้นหมด ผ่านระบบคอมพิวเตอร์ ของ บริษัท เซ็ทเทรด ดอท คอม จำกัด (บริษัทย่อยของตลาดหลักทรัพย์แห่ง ประเทศไทย) ซึ่งมีความโปร่งใส น่าเชื่อถือและสามารถตรวจสอบได้

“การจัดสรรวิธีดังกล่าว ทำให้มั่นใจได้ว่าผู้จองซื้อรายย่อยทุกรายที่สนใจจองซื้อ และปฏิบัติตามเงื่อนไขการจองซื้อจะมีโอกาสเป็นเจ้าของหุ้น OR อย่างแน่นอน โออาร์ ขอขอบคุณทุกท่านที่ให้ความสนใจเข้าจองหุ้น และเป็นส่วนสำคัญในการร่วมสร้างประวัติศาสตร์การ IPO ด้วยกันในครั้งนี้ ซึ่งจะเป็นแรงสนับสนุนที่สำคัญที่จะทำให้ โออาร์ เติบโตร่วมกับสังคมไทยได้อย่างยั่งยืน” นางสาวจิราพรกล่าว

สำหรับผู้จองซื้อรายย่อยที่จองผ่านธนาคารตัวแทนจำหน่ายหุ้นทั้ง 3 ธนาคาร สามารถตรวจสอบผลการจัดสรรหุ้น ได้ตั้งแต่วันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2564 เป็นต้นไปที่ www.settrade.com

ส่วนผู้ถือหุ้นของ ‘PTT’ เฉพาะกลุ่มที่มีสิทธิได้รับจัดสรรหุ้น OR ในครั้งนี้ สามารถตรวจสอบผลการจัดสรรหุ้น ได้ตั้งแต่วันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2564 เป็นต้นไป ที่ www.kasikornbank.com/kmyinvest

ส่วนผู้จองซื้อที่ไม่ได้รับการจัดสรรหุ้นเต็มตามจำนวนที่จองซื้อ จะได้รับการคืนเงินในส่วนที่ไม่ได้รับการจัดสรรภายใน 7-10 วันทำการ ตามวิธีการที่ระบุไว้ในหนังสือชี้ชวน จะเริ่มทำการคืนเงินในส่วนที่ไม่ได้รับการจัดสรรนับแต่วันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2564 และคาดว่า โออาร์ จะเข้าซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในเร็วๆ นี้

ครม. ไฟเขียว ลดค่าธรรมเนียมส่งออกหรือนำผ่านราชอาณาจักร สัตว์หรือซากสัตว์ ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน พร้อมสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจ

นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมครม. เห็นชอบปรับปรุงอัตราค่าธรรมเนียมใบอนุญาตการนำเข้า ส่งออกหรือนำเข้าราชอาณาจักร ซึ่งสัตว์หรือซากสัตว์ ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน และสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจ มีสาระสำคัญ คือ

1. ลดค่าธรรมเนียมใบอนุญาตนำสัตว์ ประเภทแพะ แกะ เข้ามาในราชอาณาจักร เหลือตัวละ 25 บาท จากเดิมตัวละ 250 บาท

2. ลดค่าธรรมเนียมใบอนุญาตนำสัตว์ ประเภทแพะ แกะ ออกนอกราชอาณาจักร เหลือตัวละ 20 บาท จากเดิมตัวละ 200 บาท

3. ลดค่าธรรมเนียมใบอนุญาตนำซากสัตว์ เพื่อการบริโภคของคนหรือสัตว์ ออกนอกราชอาณาจักร ประเภทจิ้งหรีด เหลือกิโลกรัมละ 3 บาท จากเดิมกิโลกรัมละ 5 บาท

4. ลดค่าที่พักซากสัตว์ที่นำเข้าหรือส่งออกไปนอกราชอาณาจักร ประเภทจิ้งหรีด เหลือกิโลกรัมละ 2 บาท จากเดิมกิโลกรัมละ 5 บาท

5. ยกเว้นค่าธรรมเนียมใบอนุญาตนำสัตว์ ประเภทม้า โค กระบือ แพะ แกะ ที่นำออกนอกราชอาณาจักร โดยผ่านด่านศุลกากรบูเก๊ะตา

6. ยกเว้นค่าธรรมเนียมใบอนุญาตนำสัตว์ผ่านราชอาณาจักรทางอากาศยานประเภทสุนัข แมว ไก่ เป็ด ห่าน สัตว์ปีกชนิดอื่น หรือไข่สำหรับใช้ทำพันธุ์ เฉพาะกรณีที่สัตว์นั้นยังอยู่ในเขตปลอดอากร จนกระทั่งมีการเปลี่ยนถ่ายอากาศยานแล้วขนส่งออกไปนอกราชอาณาจักร ภายในระยะเวลาไม่เกิน 48 ชั่วโมง และ

7. ยกเว้นค่าธรรมเนียมใบอนุญาตนำซากสัตว์ผ่านราชอาณาจักรทางอากาศยาน กรณีไม่มีการเปิดตรวจตู้สินค้าหรือแบ่งถ่ายโอนสินค้า และยังอยู่ในเขตปลอดอากร จนกระทั่งมีการเปลี่ยนถ่ายอากาศยานแล้วขนส่งออกไปนอกราชอาณาจักร ภายในระยะเวลาไม่เกิน 48 ชั่วโมง

ม.อุบลฯ ลงพื้นที่ ‘โคกหนองนา’ เป็นพี่เลี้ยงนำองค์ความรู้ สู่เด็กนักเรียนในพื้นที่

มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี โดยนายพรนเรศ มูลเมืองแสน หัวหน้าสำนักงานพัฒนาคุณภาพการศึกษา พร้อมบุคลากร ลงพื้นที่จัดกิจกรรมการเรียนรู้โคกหนองนา ณ โรงเรียนศรีแสงธรรม อ.โขงเจียม จ.อุบลราชธานี ภายใต้โครงการพัฒนาคุณภาพการศึกษาและการพัฒนาท้องถิ่นโดยมีสถาบันอุดมศึกษาเป็นพี่เลี้ยง

โดยกิจกรรมแบ่งออกเป็น 2 ช่วง โดยในช่วงเช้า ได้จัดให้มีการเรียนรู้และฝึกปฏิบัติการลงแขกปลูกทานตะวัน ดาวกระจายและมันม่วง โดยมีมหาวิทยาลัยอุบลราชธานีเป็นพี่เลี้ยง ในการสอน ทั้งการปลูกพันธุ์ไม้ และการดูแลรักษาพันธุ์ไม้ อีกทั้งกิจกรรมการในช่วงบ่าย จัดให้มีการเรียนรู้ทฤษฎีและการปฏิบัติในการเพาะเมล็ดพันธุ์ดอกทานตะวัน ดาวกระจาย และถั่วลิสง พร้อมนี้นักเรียนจะได้สามารถลงมือปฏิบัติจริงและเรียนรู้ ฝึกทักษะวิธีการเพาะปลูกจริงอีกด้วย เมื่อวันที่ 26 มกราคม 2564 ที่ผ่านมา

โดยทาง มหาวิทยาลัยอุบลราชธานีได้สนับสนุนพันธุ์ไม้ และบุคลากรในการเป็นวิทยากร ให้ความรู้ในการเพาะปลูกและการขยายพันธุ์ไม้ต่าง ๆ และได้ลงพื้นที่จัดกิจกรรมมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งนักเรียนและครูที่เข้าร่วมกิจกรรมจะได้เรียนรู้โดยตรงกับผู้เชี่ยวชาญจากทางมหาวิทยาลัยอุบลราชธานี

นับเป็นอีกหนึ่งโครงการที่ทางมหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ได้นำองค์ความรู้ถ่ายทอดได้จริงสำหรับด้านการเกษตร เพื่อสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีแก่ชุมชนและสังคม ซึ่งมหาวิทยาลัยดำเนินการตามพันธกิจมาอย่างต่อเนื่อง ด้วยเป้าหมายที่สำคัญคือการเป็น “มหาวิทยาลัยในดวงใจของชุมชน” และสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ที่จะเป็น “มหาวิทยาลัยชั้นนำในอาเซียนที่มุ่งเน้นการพัฒนาคุณภาพชีวิตและนวัตกรรม”


กิตติภณ เรืองแสน / ข่าว

‘ผบ.ทบ.’ ลงเยี่ยมให้กำลังใจทหารที่บาดเจ็บ ชี้!! กองทัพบกไม่ทอดทิ้งกำลังพล ‘บาดเจ็บ – เสียชีวิต’ พร้อมวอนคนไทย ร่วมระลึกวีรกรรมทหารกล้าใน ‘วันทหารผ่านศึก’

พล.อ.ณรงค์พันธ์ กล่าวว่า ในโอกาสวันทหารผ่านศึก ตั้งใจที่จะมาให้กำลังใจกับผู้ได้รับบาดเจ็บในระหว่างพักรักษาตนเอง พร้อมชื่นชมในความเสียสละ ทุ่มเท ปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มความสามารถ เพื่อแสดงให้เห็นว่ากองทัพบกมีความห่วงใยไม่ทอดทิ้งกำลังพลไม่ว่าจะเป็นผู้ที่ได้รับบาดเจ็บจากการปฏิบัติหน้าที่หรือผู้ที่เสียชีวิตรวมถึงญาติของผู้ที่เสียชีวิต ที่ทบ.ได้ให้การดูแลอย่างต่อเนื่อง

ล่าสุดคือกรณีของ ยายบวน โล่ห์สุวรรณ มารดาของกำลังพลที่เสียชีวิต ทางมณฑลทหารบกที่ 21 (มทบ.21) เข้าไปช่วยเหลือและวันนี้ ส่วนกรณีนายเอี้ยง นาคสิงห์ อดีตทหารผ่านศึก กองทัพภาคที่ 3 จะไปช่วยเหลือเรื่องที่พักอาศัย ซึ่งก็เป็นไปตามเจตนารมณ์ที่ให้หน่วยทหารในทุกพื้นที่เข้าไปดูแลกำลังพลหรือทหารผ่านศึกที่ได้รับบาดเจ็บ อย่างต่อเนื่อง

จากนั้น ผบ.ทบ.เข้าเยี่ยมกำลังพลที่บาดเจ็บจากเหตุการสู้รบในระหว่างปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ (จชต.) 4 รายคือ ส.อ.วัชรา ไชยแก้ว ถูกยิงที่ใบหน้าด้ายซ้ายกระดูกใบหน้าแตก ได้รับการผ่าตัดแล้ว, ส.ท.อนุชา ดาลาด ถูกยิงบริเวณกระดูกต้นคอทับเส้นประสาทไม่สามารถขยับร่างกายได้, ส.ท.สุพจน์ เจริญสุข บาดเจ็บจากการถูกสะเก็ดระเบิดที่ศีรษะไม่รู้สึกตัว อยู่ระหว่างการบำบัดฟื้นฟู, จ.ส.อ.ชัยวัตน์ จันทร์เอ้ย กระดูกสันหลังทับเส้นประสาทขาอ่อนแรงอยู่ระหว่างกายภาพบำบัด โดยอาการบาดเจ็บที่เป็นอยู่ ทางทีมแพทย์จะให้การรักษาพยาบาลให้ทุเลาหรือสามารถกลับมาเป็นปกติและดูแลอย่างเต็มที่ ซึ่งในระหว่างพักรักษาอาการในโรงพยาบาลได้รับเงิน ช่วยเหลือบำรุงขวัญเป็นรายเดือน และผู้บังคับบัญชาหมุนเวียนกันเข้าเยี่ยมเยียนรวมถึงสมาคมแม่บ้านทหารบก โดยหากแพทย์ลงความเห็นว่าเป็นทหารผ่านศึกที่ปลดพิการ นอกเหนือจากจะได้รับสิทธิเงินช่วยเหลือตามระเบียบของทางราชการและจากมูลนิธิต่างๆ แล้วยังจะได้รับการบรรจุทายาททดแทนเข้ารับราชการอีกด้วย

การเข้าเยี่ยมทหารบาดเจ็บเนื่องในโอกาส ‘วันทหารผ่านศึก’ ในวันนี้เป็นไปตามนโยบายของทบ.ที่ให้ความสำคัญกับการดูแลทหารผ่านศึก ที่ถือว่าเป็นผู้ที่เสียสละประโยชน์สุขส่วนตนปฏิบัติหน้าที่เพื่อส่วนรวมและประเทศชาติจนได้รับบาดเจ็บ พิการหรือเสียชีวิต จึงนับเป็นวาระสำคัญที่คนไทยจะได้ร่วมกันระลึกวีรกรรมของทหารกล้าจากทุกสมรภูมิรบและร่วมกันเชิดชูเกียรติทหารผ่านศึกในคุณความดีที่ยอมสละเลือดเนื้อและชีวิตเพื่อปกป้องแผ่นดินไทยไว้ให้เราได้อยู่อย่างร่มเย็นเป็นสุขมาจนทุกวันนี้

เจ้ากระทรวงศึกษาฯ นั่งหัวโต๊ะ บัญชาการประชุมบอร์ดชาติ กศน. แนะ ต่อจากนี้ ‘กศน.’ ต้องจัดการศึกษาให้เซ็กซี่ ทิ้งภาพเก่า เรียนแค่เอาวุฒิฯ สู่การเรียนรู้ เพื่อสร้างอาชีพ-รายได้จริง

นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการส่งเสริม สนับสนุน และประสานงานการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย ครั้งที่ 1/2564 ณ ห้องประชุมราชวัลลภ อาคารราชวัลลภ กระทรวงศึกษาธิการ

อนึ่งในการประชุมฯ ครั้งนี้มีผูบริหารระดับสูง อาทิ นางกนกวรรณ วิลาวัลย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ในฐานะรัฐมนตรีที่กำกับดูแลขับเคลื่อนงานการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย ร่วมประชุมด้วย พร้อมทั้งคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ และคณะกรรมการโดยตำแหน่งเข้าร่วมประชุม และมีนายวรัท พฤกษาทวีกุล เลขาธิการ กศน.เป็นกรรมการและเลขานุการ รายงานผลการดำเนินงานของสำนักงาน กศน. ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 และชี้แจงโครงสร้างสำนักงาน กศน.รวมถึงโครงการสำคัญตามพระราชบัญญัติรายจ่ายงบประมาณประจำปี พ.ศ. 2564

ทั้งนี้ คณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิที่เข้าร่วมประชุมในครั้งนี้ ประกอบด้วย คุณหญิงกษมา วรวรรณ ณ อยุธยา ศาสตราจารย์พิเศษธงทอง จันทรางศุ นายกล้า สมตระกูล นางวัชรี ปรัชญานุสรณ์ นางสาวพรทิพย์ อึ้งสมรรถโกษา และนายวัชรินทร์ จำปี ด้านผู้แทนภาคเอกชน มีพระครูบูรพาธรรมบัณฑิต ตลอดจนสื่อมวลชนทุกแขนงเข้าร่วม

เจ้ากระทรวงศึกษาฯ กล่าวว่าตอนหนึ่งว่า กศน. ต้องจัดการศึกษาให้ ‘เซ็กซี่’ ต้องน่ามอง น่าเรียนรู้และน่าค้นหา เน้นการขับเคลื่อนการศึกษาตลอดชีวิตเชื่อมต่อศักยภาพคนไทย ภาพในอดีตของ กศน. คือการเรียนเพื่อวุฒิการศึกษา หรือเรียนเพื่อการเทียบวุฒิ ซึ่งก้าวต่อไปของ กศน. ควรจัดการศึกษาด้านวิชาชีพ เพื่อเน้นสร้างงาน สร้างรายได้ พัฒนาคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้น รวมทั้งสอนการค้าออนไลน์เพื่อเพิ่มศักยภาพ และความมั่นคงในการดำรงชีวิตให้แก่ประชาชน

ดร.กนกวรรณ วิลาวัลย์ กล่าวว่า จุดเน้นในการจัดการศึกษา กศน. ใน ปีงบประมาณ 2564 ได้วางแผนและเตรียมการ จัดการศึกษาด้านอาชีพไว้แล้ว โดยให้ กศน. ทุกแห่งจัดการศึกษาด้านอาชีพตามบริบทของท้องถิ่นและสำรวจความต้องของประชาชนว่า มีความสนใจ และต้องการเรียนอาชีพอะไร พร้อมเดินหน้าเต็มสูบในการเปิดตลาดการค้าออนไลน์ ของ กศน.ทั่วประเทศ

จากการประชุมครั้งนี้ ทางเจ้ากระทรวงฯ ได้มอบหมายให้คณะทำงานชุดย่อยรับหัวข้อต่างๆ ไปดำเนินการ แล้วนำเสนอกลับมาเร็วที่สุดภายใน 1 เดือน ส่วนบางประเด็นต้องใช้เวลามากประมาณ 2 เดือน โดยหวังว่าจะช่วยให้แนวทางการขับเคลื่อน กศน.มีความเข้มข้นมากยิ่งขึ้น ในด้านของงบประมาณที่เตรียมไว้ แบ่งเป็น 2 ส่วน ทั้งของผู้สูงวัยและวัยรุ่นหรือวัยทำงาน เพื่อเตรียมความพร้อมให้กับการเปลี่ยนอาชีพ ส่วนเรื่องของการปรับหลักสูตรให้ทันสมัยนั้น คณะอนุกรรมการที่ดูแลเรื่องนี้ได้เสนอว่าหลักสูตรที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของดิจิทัล หรือเรื่องทักษะภาษา จะต้องเชื่อมโยงสอดคล้องกับการศึกษาขัเนพื้นฐานและอาชีวศึกษาด้วย

ส่วนกรณีที่มีการกล่าวถึงการแยกตัวของ กศน. นั้น เจ้ากระทรวงศึกษา กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มีความจำเป็นในการแยกกรมออกมา ในทางกลับกันต้องการให้หน่วยงานมารวมกันเพื่อความกระชับในการทำงาน และเดินไปในทิศทางเดียวกัน ถึงแม้ว่างบประมาณจะแยกออกมา แต่ก็ยังอยู่ภายใต้ ศธ. ดังนั้นหากสามารถทำให้เกิดประสิทธิภาพผ่านกระบวนการพัฒนาโรงเรียนคุณภาพประจำชุมชน จะทำให้มีโรงเรียนเครือข่ายที่ปรับตัวเป็นศูนย์การเรียนรู้ ซึ่งเป็นการใช้งบประมาณและทรัพยากรอย่างคุ้มค่ามากขึ้น

ทำเนียบรัฐบาล นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน ให้สัมภาษณ์ภายหลังเข้าร่วมหารือกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และทีมเศรษฐกิจว่า ได้เสนอต่อที่ประชุมให้ผู้ประกันตนตามมาตรา 33 ได้รับเงินเยียวยาเช่นเดียวกับโครงการเราชนะ

โดยลดเงื่อนไขเกณฑ์อัตราเงินเดือนไม่เกิน 25,000 บาททิ้ง ให้เหลือเพียงเงื่อนไขผู้ที่มีเงินฝากเกิน 500,000 บาท จะไม่ได้รับการเยียวยา โดยหลังจากนี้ตนจะหารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังอีกครั้งที่กระทรวงการคลังในวันเดียวกันนี้ ด้วยวิธีการใช้ผ่านแอปพลิเคชันเป๋าตังค์

ดังนั้น จึงคาดว่าจะมีผู้ประกันตนตามมาตรา 33 ได้รับสิทธิ์เกือบทั้งหมด และคิดว่าอย่างเร็วสุด จะสามารถนำเข้าสู่การพิจารณาในที่ประชุม ครม. สัปดาห์หน้า หรืออย่างช้าไม่เกินสัปดาห์ต่อไป ส่วนจะเป็นวงเงินที่ได้รับเยียวยาเท่าไรนั้น จะมีการพิจารณากันอีกครั้ง

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงการเตรียมความพร้อมในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ มีรัฐมนตรีมาขอคำปรึกษาเรื่องกฎหมายหรือไม่ว่า อีกหน่อยอาจจะมา แต่ขณะนี้ยังไม่มี

ผู้สื่อข่าวถามว่า ขณะนี้มีความเป็นห่วงเรื่องญัตติการอภิปรายไม่ไว้วางใจที่มีการเกี่ยวข้องกับสถาบัน จำเป็นต้องประชุมลับหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ก็ยังไม่เกิดเหตุอะไรขึ้นมา เอาไว้มีสัญญาณเมื่อเกิดเหตุ การดำเนินการอย่างนั้นก็คงต้องคิดกัน

แต่ยังไม่ค่อยห่วงมาก เพราะมีนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร และข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎรอยู่ หากมีความจำเป็นสามารถขอให้ประชุมลับได้ แต่ประชาชนอาจจะอึดอัดนิดหน่อย เพราะอยากฟังว่าเขาพูดอะไรกัน แต่หากมีความจำเป็นก็ต้องประชุมลับ เพราะข้อบังคับและรัฐธรรมนูญเปิดไว้

เมื่อถามว่า ในอดีตเคยมีการขอเปิดอภิปรายลับหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า อาจจะมี แต่ตนนึกไม่ออก ซึ่งอาจจะเกี่ยวข้องกับประเด็นความมั่นคงของชาติ ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เช่น ข้อพิพาทเรื่องปราสาทเขาพระวิหาร เป็นเรื่องธรรมดา

นอกจากนี้ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ยังให้สัมภาษณ์ถึงกรณีพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) และ ส.ว.บางส่วน สนับสนุนญัตติของนายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรค พปชร. ที่ให้ส่งเรื่องต่อให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ว่าการตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) แก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับทำได้หรือไม่ ว่า มีญัตติของนายไพบูลย์ค้างไว้ 3 - 4 เดือนแล้ว

ซึ่งก็ต้องนำเข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรเพื่อโหวตกันอยู่แล้ว ตามระเบียบวาระเข้าใจว่าจะเข้าสภาฯ สัปดาห์หน้า ส่วนสภาฯจะลงมติให้ส่งศาลรัฐธรรมนูญตีความหรือไม่ เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ซึ่งตนไม่ทราบ

ผู้สื่อข่าวถามว่า ตามเจตนารมณ์แล้ว ส.ส.ร.สามารถยกร่างรัฐธรรมนูญใหม่ได้ทั้งฉบับหรือไม่ นายวิษณุ ปฏิเสธว่า ตนขอไม่ตอบ

นายธนกร วังบุญคงชนะ เลขานุการรัฐมนตรีประจำสำนักรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ น.ส.อรุณี กาสยานนท์ โฆษกพรรคเพื่อไทย เรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จริงจังแก้ปัญหาบ่อนการพนันและส่วยตำรวจ

“ตนบอกเป็นครั้งที่ร้อยแล้วว่า พล.อ.ประยุทธ์ จริงจังกับการแก้ปัญหาบ่อนทั้งระบบ น.ส.อรุณี ไม่เคยจำ ทำเหมือนนกแก้วนกขุนทอง และนายกฯ ยังให้ดำเนินการเอาผิดเด็ดขาดกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะหากมีเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปเกี่ยวข้องก็จะลงโทษเด็ดขาด รวมถึงเรื่องส่วย ยาเสพติด ก็มีการแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบ

“ส่วนปัญหายาเสพติดนั้น นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ก็ลุยแก้ปัญหาอย่างเต็มที่ โดยในปี 2564 มีการเปิดแผนปฏิบัติการต่อต้านยาเสพติด ตั้งเป้ายึดทรัพย์ 6,000 ล้านบาท พร้อมให้ ป.ป.ส. เป็นศูนย์กลางประสานทุกหน่วยงาน จัดหาเครื่องมือเทคโนโลยีที่ทันสมัยใช้ทำงานสาวให้ถึงต้นตอ”

นายธนกร กล่าวอีกว่า "กรณีที่ น.ส.อรุณี แนะนายกฯ ให้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนตัวเองว่าเคยทำอะไรให้กับประเทศบ้างนั้น น.ส.อรุณี มีจิตใจที่มืดบอดหรือแกล้งโง่ จึงถามคำถามแบบนี้ ตลอดระยะเวลา 7 ปี พล.อ.ประยุทธ์ทำงานให้กับประเทศมากมาย โดยในช่วงแรกก็ลุยแก้ปัญหาที่พรรคเพื่อไทยก่อไว้ เช่น การทุจริตจำนำข้าว ทำให้ประเทศเสียหายกว่า 6 แสนล้านจนมีรัฐมนตรีต้องติดคุก อดีตนายกฯ ต้องหนีไปต่างประเทศ"

"รวมถึงการแก้ปัญหาในการดำรงชีวิตของประชาชน เช่น โครงสร้างพื้นฐาน โครงการช่วยเหลือเยียวยาและชดเชยให้แก่ประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 การปรับปรุงระบบสวัสดิการและพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน เช่น การให้ความช่วยเหลือผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ คนพิการและผู้มีรายได้น้อย สนับสนุน อสม. มาตรการทางเศรษฐกิจเพื่อรองรับความผันผวนทางเศรษฐกิจ เช่น โครงการชิมช้อปใช้ การให้ความช่วยเหลือเกษตรกรและพัฒนานวัตกรรม เช่นโครงการประกันรายได้เกษตรกร การแก้ปัญหาราคายาง และยังมีอีกหลายโครงการที่เป็นผลงานของ พล.อ.ประยุทธ์"

"น.ส.อรุณี ไม่ควรมีอคติจนเกินไป ควรเปิดใจให้กว้าง รับฟังบ้าง ไม่ใช่โจมตีรัฐบาลทุกเรื่องอย่างไม่ลืมหูลืมตา หรือท่องไปตามบทที่คนใหญ่คนโตในพรรคเขียนบทมาให้"

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน สั่งการกรมการจัดหางาน เข้มงวด ตรวจสอบ ผู้มีพฤติกรรมหลอกลวง โฆษณาการจัดหางาน ทางสื่อสังคมออนไลน์ โดยฉวยโอกาสหลอกเหยื่อที่ตกงานช่วงโควิด อ้างรายได้ดี และเรียกเงินค่าจัดทำวีซ่า ค่าตั๋วเครื่องบิน และค่าใช้จ่ายต่าง ๆ จากคนหางาน

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด – 19 ระลอกใหม่ ส่งผลต่อเศรษฐกิจของประเทศ สถานประกอบการในประเทศจำนวนมากได้รับผลกระทบจนไม่สามารถจ้างงานได้เช่นเดิม ทำให้แรงงานไทยส่วนหนึ่ง มีความหวังจะไปทำงานต่างประเทศเพื่อหารายได้

ซึ่งล่าสุดได้สั่งการกรมการจัดหางาน ให้ติดตาม ตรวจสอบแรงงานไทยที่เดินทางไปทำงานต่างประเทศผ่านด่านตรวจคนหางานสุวรรณภูมิอย่างเข้มงวด เพื่อระงับการเดินทางของผู้ที่มีพฤติการณ์ลักลอบไปทำงานต่างประเทศอย่างไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ป้องกันการถูกหลอกลวงและตกเป็นเหยื่อการค้ามนุษย์

ด้านนายสุชาติ พรชัยวิเศษกุล อธิบดีกรมการจัดหางาน แนะนำ คนหางานที่ต้องการไปทำงานต่างประเทศ อย่าหลงเชื่อข้อความโฆษณาทาง ‘โซเชียลมีเดีย’ และขอให้ตรวจสอบข้อมูลตำแหน่งงาน ลักษณะงาน ตลอดจนประเทศที่จะไปจากเจ้าหน้าที่ของกรมการจัดหางาน ก่อนตัดสินใจเดินทางไปทำงานต่างประเทศ

เพราะมีโอกาสถูกหลอกลวงให้สูญเงิน จนถึงเป็นเหยื่อขบวนการค้ามนุษย์ โดยสามารถตรวจสอบข้อมูลบริษัทจัดหางานให้คนหางานเพื่อไปทำงานในต่างประเทศที่ได้รับอนุญาตจากกรมการจัดหางานได้ที่หน้าเว็บไซต์ของ กองทะเบียนจัดหางานกลางและคุ้มครองคนหางาน www.doe.go.th/ipd ซึ่งขณะนี้มีบริษัทจัดหางานที่ได้รับอนุญาตทั้งสิ้น 127 บริษัท

"การโฆษณาการจัดหางานโดยไม่ได้รับอนุญาตจากกรมการจัดหางาน จะมีความผิด ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และผู้ใดหลอกลวงผู้อื่นว่าสามารถหางาน หรือส่งไปฝึกงานในต่างประเทศได้ โดยการหลอกลวงดังว่านั้นได้ไปซึ่งเงินหรือทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดจากผู้ถูกหลอกลวง ต้องระวางโทษจำคุก 3-10 ปี หรือปรับตั้งแต่ 60,000 – 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ"

"ทั้งนี้ เดือนมกราคมที่ผ่านมา มีการระงับการเดินทางของผู้ที่มีพฤติการณ์จะลักลอบไปทำงานในต่างประเทศแล้ว จำนวน 49 คน และคนงานไทยไปทำงานและฝึกงานในต่างประเทศ จำนวน 1,965 คน" อธิบดีกรมการจัดหางาน กล่าว

สำหรับผู้สนใจจะไปทำงานในต่างประเทศ ควรศึกษาข้อมูลการเดินทางไปทำงานอย่างถูกต้องตามกฎหมาย โดยสามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงานจัดหางานจังหวัดทุกจังหวัด สำนักงานจัดหางานกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1-10 หรือที่สายด่วนกระทรวงแรงงาน โทร.1506 กด 2 กรมการจัดหางาน

แม้จะพิสูจน์ผลงาน จนกลายเป็นไอดอลระดับโลก แต่สาว ‘ลิซ่า ลลิษา มโนบาล’ หรือ ‘ลิซ่า BlackPink’ ก็ยังไม่วายโดนกลุ่มแอนตี้ ออกมาเหยียดเรื่องเชื้อชาติไม่เลิก

เรื่องนี้ทำเอาชาวไทยและแฟนคลับของสาว ‘ลิซ่า’ ต้องออกมาช่วยกันปกป้องไอดอลสาวอย่างไว เพราะกลุ่มแฟนคลับต่างชาติบางส่วนทั้งใน จีน และ ตุรกี ที่อ้างว่าเป็นแฟนคลับของ BlackPink แต่รังเกียจ ‘ลิซ่า’ ได้ออกมาแสดงความเห็นดูถูกเธอเป็นจำนวนมาก เหตุเพราะเป็นคนไทย และมองประเทศไทยมีแต่เรื่องค้าผู้หญิง

งานนี้ชาว BLINK จึงพร้อมใจกันติดแฮชแท็ก #RespectLisa ขึ้นเทรนด์ไปทั่วโลก หลังจากที่ ลิซ่า ต้องตกเป็นเหยื่อของการถูกเหยียดเชื้อชาติจากแฟนคลับต่างชาติ

ปมเหตุของเรื่องนี้เกิดขึ้นในกลุ่มแฟนคลับต่างชาติ ที่ได้มีการพูดคุยถึงคอนเสิร์ต The Show ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 31 ม.ค. ที่ผ่านมา โดยต่างวิพากษ์วิจารณ์คอนเสิร์ตออนไลน์ของสาวๆ BlackPink ก่อนที่บางส่วนจะมุ่งโจมตีไปที่ ลิซ่า โดยเฉพาะ

กลุ่มแฟนคลับจีนที่บอกว่าตนเองเป็น BLINK โดยดูได้จากทั้งจากรูปโปรไฟล์และชื่อแอคเคาท์ที่ใช้ แต่ได้แสดงความเห็นแย่ๆ เกี่ยวกับรูปลักษณ์ของ ลิซ่า โดยเปรียบเทียบเธอกับ เลดี้บอย, กะเทย หรือ ผู้หญิงข้ามเพศ

นอกจากข้อความจากแอนตี้แฟนฝั่งจีนแล้ว ทางแอนตี้แฟนฝั่งตุรกีก็วิจารณ์ว่าไม่ชอบความสามารถของ ลิซ่า ก่อนจะเปลี่ยนหัวข้อไปสู่การดูถูก ลิซ่า โดยใช้คนไทยบางส่วนมาเป็นข้ออ้าง ซึ่งนอกจากคำดูถูกแล้ว บางส่วนยังเหยียดความสามารถของ ลิซ่า ด้วยก่อนที่บทสนทนาจะเลวร้ายลงเรื่อยๆ และลุกลามไปสู่การมโนใส่ร้าย

จากข้อความเหล่านี้ แฟนคลับที่รัก ลิซ่า จึงได้พร้อมใจกันปกป้องพากันติดแฮชแท็ก #RespectLisa จนขึ้นเทรนด์อันดับ 3 ไปทั่วโลก และขึ้นอันดับ 1 ในหลายๆ ประเทศ รวมถึงประเทศไทย

อย่างไรก็ตามนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ ลิซ่า กลายเป็นเป้าโดนดูถูกเหยียดหยามจากแฟนคลับต่างชาติจากการที่บางคนไม่ชอบที่เธอเป็นคนไทย และมาโด่งดังในฐานะศิลปินวงเกาหลี แต่ถึงกระนั้น ก็มีแฟนๆ อีกไม่น้อยที่พร้อมจะยืนหยัดเคียงข้างและปกป้อง ลิซ่า เพื่อเป็นกำลังใจให้กับสาวไทยรายนี้ต่อไป


ที่มา: https://mgronline.com/entertainment/detail/9640000010672

ก.แรงงาน เปิดไทม์ไลน์ฝึกอบรม ก.พ. - มี.ค. ชงสถาบัน MARA เทรนสมองกล - หุ่นยนต์ สร้างคนอัจฉริยะป้อน EEC

นายธวัช เบญจาทิกุล อธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน (กพร.) กระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า ปัจจุบันสถานการณ์การแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 ระลอกใหม่เริ่มดีขึ้น หลายจังหวัดมีผู้ติดเชื้อน้อยลงหรือแทบไม่มีผู้ติดเชื้อภายในจังหวัดอีกเลย

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน และศาสตราจารย์ นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงแรงงาน จึงมอบหมายให้กพร.เร่งดำเนินการ จัดฝึกอบรม ผลิตกำลังแรงงานป้อนสู่ตลาดแรงงาน โดยเฉพาะการฝึกอบรมสาขาเทคโนโลยีการผลิตและหุ่นยนต์ ไปสู่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) เนื่องจากยังมีความต้องการแรงานที่มีทักษะฝีมือจำนวนมากทั้งในระดับช่างปฏิบัติการและวิศวกร

ในส่วนนี้สถาบันพัฒนาบุคลากรสาขาเทคโนโลยีการผลิตอัตโนมัติและหุ่นยนต์ (MARA) ซึ่งเป็นศูนย์ Training Excellent Center ของกพร. จึงเร่งดำเนินการพัฒนากำลังแรงงานในสาขานี้ เพื่อให้มีศักยภาพรองรับนวัตกรรมเทคโนโลยีชั้นสูง (High Technology) ที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา

โดยล่าสุดสถาบัน MARA เปิดไทม์ไลน์โปรแกรมหลักฝึกอบรมช่วงเดือนกุมภาพันธ์-มีนาคม 2564 จำนวน 14 หลักสูตร ดังนี้...

(1) การใช้โปรแกรม PLC Basic PLC Gx Works

(2) PLC Advance

(3) การประยุกต์ใช้ PLC ในงานอุตสาหกรรม (Siemens)

(4) การประยุกต์ใช้ PLC ในงานอุตสาหกรรม (Omron)

(5) การประยุกต์ใช้ CC-Link ในงานอุตสาหกรรม (Mitsubishi)

(6) การใช้เทคโนโลยี Industrial Internet of Things ในงานอุตสาหกรรม ระดับ 1 เปิด 2 รุ่น สาขาหุ่นยนต์

(7) ช่างควบคุมหุ่นยนต์ FANUC

(8) การควบคุมหุ่นยนต์อุตสาหกรรมสำหรับการจับชิ้นงาน

(9) การบำรุงรักษาหุ่นยนต์อุตสาหกรรม สาขาโปรแกรมการผลิต CAD/CAM/CAE

(10) การใช้โปรแกรม Solidworks CAD

(11) การใช้โปรแกรม NX CAD

(12) การจำลองขบวนการผลิตและวางแผนการผลิตด้วยโปรแกรม TECNOMATIX และสาขาเครื่องจักรกลการผลิต

(13) การใช้เครื่องมือวัดสามมิติ CMM ระดับ 1

(14) ช่างควบคุมเครื่องกัด CNC 5 แกน

ทั้ง 14 หลักสูตรเป็นไปตามความต้องการของนายจ้างและสถานประกอบกิจการในเขต EEC ที่ต้องการให้เปิดฝึกอบรมในการพัฒนากำลังแรงงานในสาขานี้อีกด้วย

“ทุกหลักสูตรจะใช้ระยะเวลาการฝึกอบรม 30 ชั่วโมง บางหลักสูตรมีฝึกอบรมเฉพาะวันเสาร์หรือวันอาทิตย์ เพื่ออำนวยความสะดวกให้พนักงานในสถานประกอบกิจการเข้ารับการฝึกอบรมได้สะดวกขึ้น รับสมัครจำนวนจำกัดเพียง 20 คนต่อหนึ่งหลักสูตร สร้างระยะห่างทางสังคมเป็นไปตามมาตรการที่กพร. กำหนดไว้ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 แต่ยังคงคุณภาพของการฝึกอบรมไว้เช่นเดิม เปิดรับสมัครตั้งแต่บัดนี้ เป็นต้นไป

ผู้สนใจดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.dsd.go.th/mara และ www.facebook.com/dsdmara หรือติดต่อสอบถามที่เบอร์โทร 0 3827 6823” อธิบดีกพร กล่าว

สภาอุตสาหกรรมจังหวัดตาก ยันรัฐประหารในประเทศเมียนมา ไม่ส่งผลกระทบทางเศรษฐกิจ ธุรกิจ การค้าชายแดนฝั่งไทย ย้ำผู้ประกอบการค้า การพาณิชย์ และการอุตสาหกรรมยังคงประกอบกิจการตามปกติ ไม่มีผลกระทบใด ๆ

นายชัยวัฒน์ วิทิตธรรมวงศ์ ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดตาก กล่าวถึงการรัฐประหารในประเทศเมียนมา ว่ายังไม่ส่งผลกระทบทางเศรษฐกิจ ธุรกิจ การค้าชายแดนฝั่งไทย

ซึ่งในช่วงนี้ผลผลิต พืชไร่ ในเมียนมากำลังจะมีการนำเข้ามาฝั่งไทย และในส่วนของภาคอุตสาหกรรมนั้น ผู้ประกอบการค้า การพาณิชย์ และการอุตสาหกรรมยังคงประกอบกิจการตามปกติ ไม่มีผลกระทบใด ๆ

นายสุชาติ ตรีรัตน์รัตนา ที่ปรึกษาหอการค้าจังหวัดตาก และผู้ประกอบการค้ารายใหญ่ในพื้นที่ชายแดนแม่สอด กล่าวว่า ระยะแรก ไม่ส่งผลกระทบใด ๆ กับระบบเศรษฐกิจธุรกิจ ที่ชายแดน อ.แม่สอด จ.ตาก ส่วนระยะยาวคงต้องดูสถานการณ์อีกครั้งหนึ่ง

สำหรับสถานการณ์ในเมียนมา ล่าสุดเมื่อค่ำคืนที่ผ่านมา ได้มีประชาชนได้มีการประท้วงกองทัพอย่างสงบ โดยแสดงออกถึงสัญญาลักษณ์การต่อต้านเท่านั้น

ทำเสียชื่อกันสุด ๆ เมื่อพบแก๊งมิจฉาชีพชาวจีนแอบผลิตวัคซีน Covid-19 ปลอม โดยใส่น้ำเกลือธรรมดา อ้างสรรพคุณเป็นวัคซีน Covid-19 เตรียมจำหน่ายทั้งในจีน และต่างประเทศ

หลังจากที่มีการพบวัคซีนปลอม กระจายเกลื่อนในหลายเมืองของจีน ตำรวจจากมณฑลเจียงซู ปักกิ่ง และ ซานตง ได้ร่วมสรรพกำลังสืบสาวจนถึงต้นตอ เพื่อทลายแก๊งวัคซีนปลอมให้ได้ ล่าสุดพบตัวแล้ว สามารถจับกุมตัวได้มากกว่า 80 พร้อมของกลางที่ยึดได้พร้อมส่งอีกกว่า 3,000 โดส

แต่สิ่งที่น่าตกใจยิ่งกว่านั้นคือ แก๊งวัคซีนปลอม มาจากโรงงานผลิตวัคซีนแห่งหนึ่ง ที่แหล่งข่าวจีนไม่ได้ระบุชื่อ และเริ่มทำธุรกิจหลอกขายวัคซีนปลอมมาตั้งแต่กันยายน 2020 ที่ผ่านมาแล้ว โดยใช้น้ำเกลือแทนตัวยาที่เป็นวัคซีนจริงๆ และจัดส่งไปขายแล้วหลายเมือง ในราคาสูง แถมเตรียมที่จะผลิต ล็อตใหญ่ส่งออกต่างประเทศด้วย โดยมีเป้าหมายที่จะแอบลักลอบส่งวัคซีนปลอมไปขายในทวีปแอฟริกา

ซึ่งยังโชคดีที่ช่วงนี้ทางการจีนยังเข้มงวดเรื่องการเดินทางเข้า-ออก นอกประเทศ จึงเชื่อว่ายังไม่น่ามีวัคซีนปลอมกระจายออกไปยังตลาดต่างประเทศ

ส่วนวัคซีนปลอมที่กระจายส่งภายในจีน ทางการจีนยืนยันว่าติดตามได้หมดแล้ว และหากแก๊งวัคซีนปลอมใช้น้ำเกลือในการผลิตทั้งหมด ก็จะไม่มีอันตรายกับผู้ที่รับวัคซีนปลอมไปแล้ว แต่ก็เป็นข่าวที่สั่นคลอนความเชื่อมั่นไม่น้อยทีเดียว

เนื่องจากก่อนหน้าที่แก๊งวัคซีนปลอมจะถูกจับ ได้ส่งขายวัคซีนปลอมออกขายไปแล้วไม่ทราบจำนวน รวมๆไปกับวัคซีนแท้ ที่อาจเล็ดลอดการตรวจสอบจากเจ้าหน้าที่ เนื่องจากตอนนี้อยู่ในช่วงที่วัคซีน Covid-19 มีความต้องการสูงมากในท้องตลาด ซึ่งเมื่อไม่นานมานี้มีข่าวว่า มีชาวญี่ปุ่นออกมาร้องเรียนว่าได้วัคซีน Covid-19 ที่เชื่อได้ว่าเป็นของปลอมจากจีน ที่เคยมีเรื่องมีราวกับทางสถานทูตจีนมาแล้ว ที่ออกมาตอบโต้ว่าไม่เป็นความจริง

แต่ทั้งนี้ ยังไม่มีการยืนยันว่าจะมีบทลงโทษอย่างไรกับผู้ต้องหาคดีวัคซีนปลอมในครั้งนี้ แต่หากอ้างอิงจากฎหมายว่าด้วยเรื่องยา และวัคซีนฉบับใหม่ของจีนระบุโทษไว้ว่า ผู้ที่ผลิตและจำหน่ายยา หรือวัคซีนปลอมมีโทษปรับสูงตั้งแต่ 15 - 50 เท่าของมูลค่าสินค้า ที่ต้องมาพิสูจน์กันอีกทีว่าจำหน่ายไปแล้วกี่ชุด

ซึ่งก็เคยมีคดีศึกษาของการผลิตยา หรือซีนที่ต่ำกว่ามาตรฐาน ที่เกิดขึ้นในบริษัทยาฉางชุน ฉางเฉอ ในมณฑลซานตง ในการผลิตวัคซีนป้องกันโรคคอตีบจำนวน 250,000 ชุด ก็โดนโทษปรับไป 3.4 ล้านหยวน ซึ่งถือว่าเล็กน้อยมากหากเทียบกับผลกำไรของบริษัทต่อปีที่สูงถึง 566 ล้านหยวน

ดังนั้นรัฐบาลจีนจึงมีการปรับแก้กฎหมายใหม่เพิ่มโทษปรับให้สูงขึ้น แล้วก็โดนกับบริษัทยาเจ้าเดิม ที่ผลิตวัคซีนพิษสุนัขบ้าไม่ได้มาตรฐาน คราวนี้เจอโทษปรับไปถึง 9 พันล้านหยวน ซึ่งผู้บริหารก็ถูกจับกุม ดำเนินคดีด้วย

ก็หวังว่าจีนจะเอาจริง ตามจับแก๊งวัคซีน Covid ปลอมได้หมดจดจริง ๆ ไม่อย่างนั้นเสียชื่อสถาบันจีนหมด


อ้างอิง

https://www.globaltimes.cn/page/202102/1214637.shtml

https://www.scmp.com/news/china/politics/article/3120083/chinese-police-detain-80-selling-fake-covid-19-vaccines

https://edition.cnn.com/2021/02/01/asia/china-fake-covid-vaccines-intl/index.html

คนจะซวย ช่วยไม่ได้จริง ๆ เมื่อหนุ่มไต้หวัน ที่ขอเปิดเผยแค่ว่าชื่อนายเฉิน ถูกทางการไต้หวันปรับเงินถึง 1 ล้านเหรียญไต้หวัน เนื่องจากฝ่าฝืนมาตรการกักตัว 14 วัน หลังจากที่เขาเพิ่งกลับจากฮ่องกงในวันที่ 30 ตุลาคมปีที่แล้ว

แต่ทว่า เรื่องราวนี้คดีพลิก เพราะนายเฉินอ้างว่าตัวเขาคือเหยื่อ ไม่ใช่จำเลยสังคมที่อยู่ดีๆก็ออกมาเดินเพ่นพ่านทั้ง ๆ ที่อยู่ในช่วงกักตัว

นายเฉินเล่าว่า ตัวเขาเพิ่งเดินทางกลับจากฮ่องกง และทำเรื่องว่าจะไปกักตัวเอง 14 วันที่บ้านเพื่อนในเมืองหนานโถว

แต่ระหว่างที่อยู่บ้านเพื่อน กลับพบนักทวงหนี้ จึงรู้ว่าเพื่อนของเขากำลังหนีเจ้าหนี้นอกระบบ แล้วนักทวงหนี้ก็เข้าใจว่าตัวเขาคือลูกหนี้ จึงเข้ามาข่มขู่รีดไถเอาเงิน และก็ยังทำร้ายร่างกายเขาอีก บังคับให้เขาจ่ายเงินให้ได้

นายเฉิน บอกว่านักทวงหนี้บีบให้เขาต้องรีบเดินทางกลับบ้านตัวเองเพื่อไปเอาเงิน และยังประกบติดตามตัวเขาตลอดเวลา หลังจากที่จ่ายเงินบางส่วนไป ก็เขารีบไปหาตำรวจ แต่กลับถูกจับ ปรับเงิน 1 ล้านเหรียญข้อหาฝ่าฝืนมาตรการกักตัว

สำหรับกฎระเบียบเรื่องการกักตัว 14 วันในไต้หวันถือเป็นกฎเหล็กสุดเข้ม หากใครฝ่าฝืนมีโทษปรับ 1 ล้านเหรียญไต้หวันทุกกรณี โดยไม่มีข้ออ้างว่าจะออกจากสถานที่กักตัวนานแค่ไหน และเพื่ออะไร

ดังตัวอย่างเช่น คนงานฟิลิปปินส์ที่ถูกกักตัวในโรงแรมแห่งหนึ่งในเมืองเกาสง แค่เดินออกจากห้องแต่ 8 วินาที ก็โดนปรับ 1 ล้านทันทีโดยไม่มีข้อโต้แย้ง

แต่สำหรับเคสของนายเฉิน ทางการไต้หวันยังพอปรานีอยู่บ้าง ที่จะยกเว้นโทษปรับให้ จากคำให้การว่าเขาถูกบีบบังคับ และลักพาตัวให้ออกจากสถานที่กักตัว และกลายเป็นครั้งแรกที่ไต้หวันจะละเว้นโทษปรับนับล้านจากการฝ่าฝืนมาตรกสรกักตัวให้

แต่ทั้งนี้ ข้ออ้างเรื่องการถูกนักทวงหนี้ข่มขู่ทำร้ายร่างกาย และรีดไถเงิน จะยังคงสืบสวนต่อว่าเป็นความจริงหรือไม่

หากไม่มีหลักฐานยืนยันว่าคำบอกเล่าของนายเฉินเป็นเรื่องจริงหล่ะก็ คงได้คดีพลิกอีกรอบ และนายเฉิน ก็เปิดบ้านรองานเข้าได้เลย เพราะนอกจากต้องจ่ายเงินล้านแล้ว ยังมีสิทธิ์คิดคุกข้อหาแจ้งความเท็จอีกกระทงด้วย


อ้างอิง

https://www.taiwannews.com.tw/en/news/4113852

https://edition.cnn.com/travel/article/taiwan-quarantine-kidnap-intl-hnk-scli/index.html


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top