Saturday, 10 May 2025
NEWS

รมว.สาธารณสุข ‘อนุทิน ชาญวีรกูล’ ลงนามในประกาศกระทรวงสาธารณสุข ปลดล็อก ทำเมนูกัญชา - กัญชง ขายได้แล้ว พร้อมปลด 5 ตำรับยากัญชาแผนไทยออกจากบัญชีตำรับยาเสพติด ภาคเอกชนขอผลิตยาได้ตั้งแต่ 16 ก.พ.64 เป็นต้นไป

เภสัชกรหญิงสุภัทรา บุญเสริม รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เปิดเผยความคืบหน้าการขับเคลื่อนนโยบายกัญชาทางการแพทย์ว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขได้ลงนามในประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง กำหนดตำรับยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 ที่มีกัญชาปรุงผสมอยู่ที่ให้เสพเพื่อรักษาโรคหรือการศึกษาวิจัยได้ พ.ศ. 2564 ปลดตำรับยากัญชาแผนไทย 5 ตำรับที่มีส่วนประกอบของใบและกิ่งก้านกัญชาจากบัญชีตำรับยาเสพติดให้โทษ ได้แก่ ยาศุขไสยาศน์ ยาแก้นอนไม่หลับ/ยาแก้ไข้ผอมเหลือง ยาแก้ลมแก้เส้น ยาทาริดสีดวงทวารหนักและโรคผิวหนัง และยาแก้โรคจิต ภาคเอกชนสามารถขอผลิตยาดังกล่าวได้ที่กองผลิตภัณฑ์สมุนไพร สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ตั้งแต่วันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2564 เป็นต้นไป

สอบถามรายละเอียดได้ที่ศูนย์บริการผลิตภัณฑ์สุขภาพเบ็ดเสร็จ (OSSC) โทร. 0-2821-5509 ผู้มีใบอนุญาตปลูกกัญชาสามารถขายผลผลิตให้กับผู้ผลิตยาแผนไทย นำไปผลิตยาทั้ง 5 ตำรับ โดยเฉพาะยาศุขไสยาศน์ที่มีสรรพคุณช่วยให้นอนหลับ เจริญอาหาร และมีปริมาณการใช้สูง ให้ประชาชนเข้าถึงยาจากกัญชาสะดวกขึ้นผ่านคลินิกแพทย์แผนไทยและแผนไทยประยุกต์ทั่วประเทศ

รองเลขาธิการฯ กล่าวในตอนท้ายว่า ขณะนี้ยังมีข้อสงสัยเรื่องการใช้ใบกัญชา อย. ขอเรียนว่า ประชาชนสามารถใช้ใบกัญชา กัญชงไปประกอบอาหาร เพื่อดูแลสุขภาพตนเองและครอบครัว หรือใช้ตามวิถีภูมิปัญญาได้โดยไม่ต้องขออนุญาตและทำรายงานใด ๆ ส่ง อย. แต่ขอให้ใบมาจากแหล่งที่ถูกกฎหมายเท่านั้น ส่วนการแปรรูปกัญชา กัญชงเป็นผลิตภัณฑ์สุขภาพเพื่อจำหน่ายต้องขอเลข อย. ก่อน จึงจะจำหน่ายได้ ที่สำคัญ ผู้ปรุงอาหารไม่จำเป็นต้องผ่านหลักสูตรอบรมก็สามารถขายเมนูอาหารจากกัญชาในร้านอาหารได้

ทั้งนี้ หลักสูตรอบรมผู้ปรุงอาหารที่กระทรวงสาธารณสุข ได้ประชาสัมพันธ์ไปก่อนหน้านี้ เป็นหลักสูตรภาคสมัครใจสำหรับผู้ที่ต้องการเพิ่มความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับกัญชาและการปรุงอาหารจากกัญชา ไม่ใช่หลักสูตรบังคับแต่อย่างใด หากมีข้อสงสัยเพิ่มเติมสอบถามที่สายด่วน อย. 1556 กด 3

สถานการณ์โควิด - 19 ประเทศไทยและอาเซียน ประจำวันที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2564

สถานการณ์โควิด - 19 ประเทศไทยและอาเซียน

ประจำวันที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2564

สำนักข่าวต่างประเทศรายงาน องค์การอนามัยโลก (WHO) เปิดเผยว่าคณะผู้เชี่ยวชาญนานาชาติในภารกิจติดตามต้นกำเนิดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ในนครอู่ฮั่นของจีน เป็นคณะผู้เชี่ยวชาญ “อิสระ” ที่ไม่อยู่ภายใต้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง

“ผมได้ยินหลายครั้งว่านี่เป็นการศึกษาหรือการตรวจสอบขององค์การฯ ซึ่งมันไม่ใช่ความจริง” ดร. ทีโดรส อัดฮานอม กีบรีเยซุส ผู้อำนวยการใหญ่องค์การฯ แถลงข่าวจากนครเจนีวา พร้อมกล่าวย้ำว่าภารกิจข้างต้นเป็นการศึกษาอิสระที่ประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญอิสระจาก 10 สถาบัน

ด้านปีเตอร์ เบน เอ็มบาเร็ก หัวหน้าคณะผู้เชี่ยวชาญนานาชาติในอู่ฮั่น ระบุว่ารายงานของพวกเขาจะเป็นเอกสารฉันทามติ โดย “คณะผู้เชี่ยวชาญนานาชาติและฝ่ายจีนได้บรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับรายงานสรุปแล้ว”

เอ็มบาเร็ก กล่าวว่า คณะผู้เชี่ยวชาญที่ประกอบด้วยนักวิทยาศาสตร์นานาชาติ 17 คน และนักวิจัยจากจีน 17 คน กำลังดำเนินงานร่วมกันเพื่อเผยแพร่รายงานร่วม ซึ่งจะมีบทบาท “มอบคำแนะนำสำหรับการศึกษาเพิ่มเติมในอนาคต”

ขณะเดียวกันเอ็มบาเร็กมองว่า จำเป็นต้องมีการศึกษาต่อไป เพื่อ “สำรวจสมมติฐานบางอย่างและเพิ่มพูนความเข้าใจเกี่ยวกับต้นกำเนิดของไวรัส”

ไมค์ ไรอัน ผู้อำนวยการบริหารโครงการฉุกเฉินด้านสาธารณสุขขององค์การฯ เตือนถึงความยากลำบากในการหาข้อสรุปแบบสมบูรณ์ กล่าวว่า “การหาข้อสรุปแท้จริงในทุกประเด็นนั้นแทบเป็นไปไม่ได้ในทางวิทยาศาสตร์ สิ่งที่เราทำได้คือการบรรลุข้อสรุปตามหลักฐานที่เรามีอยู่ตรงหน้า”

ทั้งนี้ คณะผู้เชี่ยวชาญนานาชาติสรุปผลการวิจัยระยะหนึ่งเดือนในอู่ฮั่นเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา และนำเสนอผลวิจัยเบื้องต้นที่งานแถลงข่าวในจีน โดยตัดทอนสมมติฐานกรณีไวรัสหลุดจากห้องปฏิบัติการออกไป

แหล่งข่าวขององค์การฯ กล่าวว่าคณะผู้เชี่ยวชาญกำลังดำเนินการจัดทำรายงานสรุปที่คาดว่าจะเผยแพร่ในสัปดาห์นี้ ส่วนรายงานฉบับสมบูรณ์จะถูกเผยแพร่ในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า


ที่มา: https://www.naewna.com/inter/553258

สหรัฐฯ ภายใต้การนำของประธานาธิบดี โจ ไบเดน เตรียมปรับรูปแบบความสัมพันธ์กับซาอุดีอาระเบียใหม่ โดยจะหารือประเด็นทางการทูตกับสมเด็จพระราชาธิบดี ซัลมาน บิน อับดุลอาซิซ โดยตรง แทนที่จะผ่านทางเจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน มกุฎราชกุมารผู้ทรงอิทธิพล

คำประกาศจาก เจน ซากี โฆษกหญิงทำเนียบขาวเมื่อวานนี้ (16 ก.พ.) ถือเป็นการปรับนโยบายครั้งสำคัญของสหรัฐฯ จากเดิมที่อดีตประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ที่เคยผูกสัมพันธ์ใกล้ชิดกับเจ้าชายโมฮัมเหม็ด ผ่านทาง เจเร็ด คุชเนอร์ บุตรเขยและที่ปรึกษาคนสนิท

“เราได้บอกชัดเจนไปตั้งแต่ต้นแล้วว่าจะมีการปรับรูปแบบความสัมพันธ์กับซาอุดีอาระเบียใหม่” ซากี บอกกับสื่อมวลชน

ในขณะที่ส่งสัญญาณหักหน้ามกุฎราชกุมารซาอุฯ สหรัฐฯ ก็เริ่มที่จะผ่อนคลายบรรยากาศอึมครึมในส่วนของความสัมพันธ์กับ “อิสราเอล” โดยโฆษกทำเนียบขาวยืนยันว่า ไบเดน จะต่อสายตรงเพื่อพูดคุยกับนายกรัฐมนตรี เบนจามิน เนทันยาฮู เร็วๆ นี้

เจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน หรือที่คนมักจะเรียกพระนามโดยย่อว่า MbS นั้น ทรงเป็นรัชทายาทลำดับที่ 1 ของสมเด็จพระราชาธิบดีซัลมานวัย 85 พรรษา และตลอดช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาก็ทรงรับหน้าที่ดูแลกิจการบ้านเมืองเสมือนผู้ปกครองโดยพฤตินัยของซาอุฯ อยู่แล้ว กระทั่งมาเกิดเหตุฆาตกรรมนักหนังสือพิมพ์ชาวซาอุฯ ‘จามาล คาช็อกกี’ เมื่อปี 2018 ซึ่งทำให้พระเกียรติยศเสื่อมถอยลงมากในสายตานานาชาต

ทำเนียบขาวในยุคของ ไบเดน พยายามกดดันซาอุฯ ให้แก้ไขปัญหาสิทธิมนุษยชน รวมถึงปล่อยตัวนักเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิสตรีและนักโทษการเมืองอื่นๆ ที่ถูกคุมขัง แตกต่างจากรัฐบาล ทรัมป์ ที่แสวงหาความร่วมมือหลายด้านกับริยาดผ่านทางเจ้าชายพระองค์นี้ ซึ่งรวมถึงการคลี่คลายความบาดหมางระหว่างกาตาร์กับเพื่อนบ้านริมอ่าวเปอร์เซีย

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ไบเดน จะยังเจรจากับเจ้าชายโมฮัมเหม็ดอยู่หรือไม่ โฆษกทำเนียบขาวก็ตอบว่า สหรัฐฯ จะใช้รูปแบบการปฏิสัมพันธ์ “ระหว่างบุคคลที่อยู่ในตำแหน่งเทียบเท่ากัน (counterpart to counterpart engagement)”

“ผู้ที่อยู่ในตำแหน่งเทียบเท่ากับประธานาธิบดีก็คือสมเด็จพระราชาธิบดีซัลมาน และดิฉันเชื่อว่าประธานาธิบดีคงจะได้หารือกับพระองค์ในเวลาที่เหมาะสม แต่ยังไม่สามารถให้กรอบเวลาที่ชัดเจนได้”

ซากี ระบุด้วยว่า ซาอุดีอาระเบียมีความจำเป็นในด้านการป้องกันประเทศสูงมาก และสหรัฐฯ ยังพร้อมที่จะทำงานร่วมกับริยาดในด้านนี้ “แม้จะมีอีกหลายประเด็นที่เราแสดงออกชัดเจนว่าไม่เห็นด้วยและรู้สึกกังวลก็ตาม”

โฆษกหญิงทำเนียบขาวยืนยันว่า เนทันยาฮู จะเป็นผู้นำคนแรกในตะวันออกกลางที่ได้รับสายจากไบเดน และการพูดคุยจะมีขึ้นเร็วๆ นี้ หลังมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์หนาหูว่าการที่ ไบเดน ทำเฉยเมยไม่รีบติดต่อ เนทันยาฮู หลังสาบานตนรับตำแหน่ง เท่ากับหักหน้าอิสราเอลซึ่งเป็นชาติพันธมิตรเบอร์หนึ่งของสหรัฐฯ ในตะวันออกกลาง

“แน่นอนว่าอิสราเอลคือพันธมิตรของเรา อิสราเอลเป็นประเทศที่เรามีความสัมพันธ์ในด้านความมั่งคงทางยุทธศาสตร์ที่สำคัญมาก และทีมงานของเราพร้อมจะมีปฏิสัมพันธ์กับพวกเขาอย่างเต็มที่ แม้จะยังไม่ใช่ระดับผู้นำรัฐ แต่ก็จะเกิดขึ้นในเร็วๆ นี้แน่นอน”


ที่มา: รอยเตอร์

https://mgronline.com/around/detail/9640000015716

‘พุทธิพงษ์’ เตือน ใช้แอปฯ "Clubhouse" ด้วยความระมัดระวัง อย่าละเมิดสิทธิ์ผู้อื่น ไม่ทำผิดกฎหมาย ชี้ เจ้าหน้าที่พร้อมติดตามตรวจสอบและดำเนินคดีทันที เหมือนทุกแพลตฟอร์ม

หลังจากที่พบว่ามีผู้ใช้โซเชียลมีเดียได้เริ่มเข้าไปใช้งาน แอปพลิเคชัน "Clubhouse" กันอย่างแพร่หลาย โดยในแอปพลิเคชันดังกล่าว มีลักษณะการใช้งานที่ผู้ใช้จะตั้งกลุ่มพูดคุยแสดงความคิดเห็นในเรื่องต่าง ๆ เป็นรูปแบบการใช้เสียง ไม่มีภาพ ซึ่งจากการสังเกตการณ์และติดตาม จากสื่อมวลชนรายงาน พบว่า มีกลุ่มที่เคลื่อนไหวทางการเมือง และกลุ่มต่าง ๆ ได้ใช้แอปพลิเคชันนี้แสดงความคิดเห็นและให้ข้อมูลที่เข้าข่ายบิดเบือน สร้างความเสียหาย และอาจนำไปสู่การกระทำความผิดกฎหมายได้นั้น

โดยนายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม(ดีอีเอส) เปิดเผยถึงเรื่องนี้ว่า กระทรวงดิจิทัลฯ และเจ้าหน้าที่รัฐได้ติดตาม การใช้งานของ แอปพลิเคชัน Clubhouse ตั้งแต่แรกที่มีผู้เริ่มใช้งาน ซึ่งแม้ว่าการใช้งานเป็นลักษณะกลุ่มปิดที่ต้องมีเพื่อนเชิญเข้าร่วมกลุ่มก็ตาม แต่การใช้โซเชียลมีเดียทุกรูปแบบ หากใช้ให้เกิดประโยชน์ก็จะส่งผลดีต่อการใช้งาน เกิดผลดีต่อสังคม

แต่ทั้งนี้ ก็ฝากเตือนไปยังผู้ใช้แอปพลิเคชันดังกล่าว ว่า หากไม่ระมัดระวังใช้ในทางที่ผิด เกิดการละเมิดสิทธิส่วนบุคคลอื่น สร้างความเสียหาย ถือว่ามีความผิดตามกฎหมาย ทั้งพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทําความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2563

และที่แก้ไขเพิ่มเติม รวมถึงกฎหมายอื่น ๆ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจและผู้ที่เกี่ยวข้องพร้อมดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายทันที เช่นเดียวกับที่ได้ติดตามตรวจสอบการใช้งานโซเชียลมีเดียในแพลตฟอร์มอื่น ๆ ด้วย

ห้อยแล้วแคล้วคลาด! ‘ณัฐชา’ ชม ‘สิระ’ เลือกถูกแล้ว แขวนเหรียญ ‘ประวิตร’ ระบุรุ่นนี้ขลัง เหมาะกับคนติดคดี แต่ยังเหน็บ จะอวยทั้งที ยังสะกดชื่อผิด แนะ ‘ปารีณา’ รีบหามาคล้องด่วน ประท้วงถี่แบบนี้ยิ่งสะท้อนคดีร้อน

นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ โฆษกพรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณี ที่นาย สิระ เจนจาคะ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ คล้องสร้อยคอ ประทับหน้าพลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ โดยกล่าวอ้างว่า เหรียญรุ่นนี้เป็นสิริมงคลนั้น

นายณัฐชา ระบุว่า ท่านเลือกเหรียญดีแล้วเพราะเหรียญรุ่นนี้ คนที่มีคดีความหนักๆห้อยอะไรก็ไม่แคล้วคลาด ควรพึ่งเหรียญประวิตร วงษ์สุววรณ เพราะเหรียญรุ่นนี้เคลียร์ทางได้หมด และอีกไม่นานเหรียญนี้น่าจะมีมูลค่าเพิ่มจำนวนมาก ไม่ใช่เพราะคนในรูปแต่เป็นเพราะราคาทองคำขึ้นทุกวัน ๆ และคนมีคดีฝั่งท่านก็มีเยอะขึ้นทุกวัน คงต้องพึ่งเหรียญรุ่นนี้

ทั้งนี้นายณัฐชา กล่าวว่า เมื่อวานก็เห็นคุณสิระ ขยันทำผลงานประท้วงในสภาหลายต่อหลายครั้ง นายสิระคงปลุกของมาเต็มที่ ผลงานรอบนี้ท่าจะเข้าตาผู้หลักผู้ใหญ่ บวกกับเหรียญที่ห้อยมาวันนี้ น่าจะทำให้ท่านรอด ผมอยากแนะนำให้คุณปารีณา ไปหาเหรียญมาห้อยด้วย เพราะดูจากสีหน้าค่าตาและความคืบหน้าคดีแล้วคงต้องยิ่งพึ่งพาเหรียญรุ่นนี้ให้เร็วที่สุด

แต่ขอเตือนอย่างหนึ่งว่าอย่าแสดงความรักจอมปลอมให้เขาจับได้เหมือนคุณสิระ เพราะขนาดชื่อบนเหรียญยังพิมพ์ผิด ท่านชื่อ ‘ประวิตร’ ไม่ใช่ ‘ประวิทย์’ จำให้ดี จดไว้ให้ขึ้นใจ เพราะความรักจอมปลอมย่อมถ่ายทอดจากสิ่งของที่คุณทำให้ อยากจะอวยอยากจะประจบแต่ชื่อยังผิดแบบนี้ คุณปารีณาอย่าซ้ำรอย

เว็บไซต์มิเรอร์ เผยรายงานว่า หญิงสาวรัสเซียนาม Christina Ozturk ในวัย 23 ปี ซึ่งใช้ชีวิตอยู่กับ มหาเศรษฐีเจ้าของโรงแรม ในเมืองบาทูมิ ประเทศจอร์เจีย ได้มีลูกด้วยกันมากถึง 11 คน

แต่ก่อนหน้านี้ พวกเขายังเผยเรื่องสุดเซอร์ไพรซ์มากกว่านั้น เมื่อได้พูดพึงตัวเลขเล่นๆ ผ่านโซเชียลมีเดียว่าอยากมีลูกด้วยกันอย่างน้อย 105 คน แต่ก็ยอมรับในเวลาต่อมาว่า ตัวเลขดังกล่าวแค่พูดสุ่มๆ ขึ้นมา ส่วนตัวเลขจริงๆ จะเป็นไปได้มากขนาดนั้นไหมพวกเขาก็ยังไม่ทราบเช่นกัน แต่ยังไม่คิดจะปิดอู่อยู่แค่ 11 คนแน่นอน

อย่างไรก็ตาม Christina เผยว่า ตอนนี้เธอมีลูก ๆ ที่เกิดจากการตั้งครรภ์แล้วถึง 10 คน และแผนที่จะมีลูกคนต่อ ๆ ไปอาจจะใช้วิธีจ้างแม่อุ้มบุญมาช่วยเติมเต็มความต้องการในการมีลูก แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเธอจะไม่ขอเป็นฝ่ายตั้งครรภ์เองหลังจากนี้ โดยให้ทุกอย่างเป็นไปตามเวลา และเธอก็ไม่ทราบเช่นกันว่าท้ายที่สุดแล้วจะมีลูกๆ มาเติมสีสันในบ้านรวมทั้งสิ้นกี่คนกันแน่ เพราะในตอนนี้เธอกับสามียังไม่พร้อมที่จะพูดถึงตัวเลขสุดท้าย

นอกจากนี้ ยังมีแผนที่จะทำเด็กหลอดแก้วโดยใช้พันธุกรรมของพวกเขา ซึ่งทางคลินิกก็จะเป็นฝ่ายติดต่อแม่อุ้มบุญมาให้เลือก โดยคู่รักจะเลือกแต่แม่อุ้มบุญที่ยังสาว เคยผ่านการตั้งครรภ์มาแล้วอย่างน้อย 1 ครั้ง และไม่มีสารเสพติดในตัว จากนั้นผู้ที่ได้รับเลือกก็จะต้องผ่านขั้นตอนการให้คำปรึกษา และเซ็นเอกสารยินยอมทางกฎหมายอีกด้วย

ทั้งนี้ Christina ยอมรับว่า การเลี้ยงดูครอบครัวขนาดใหญ่เป็นเรื่องยากกว่าที่คิด ซึ่งส่วนใหญ่หลายคนคิดว่าเธอคงจะจ้างพี่เลี้ยงเด็กมาเป็นกองทัพเพื่อช่วยเลี้ยงดูลูก ๆ แต่จริง ๆ แล้วเธอได้ทุ่มเทเวลาทั้งวันไปกับการเลี้ยงดูและอยู่กับลูก ๆ ไม่ได้นั่งสบายเป็นคุณนายแต่อย่างใด


ที่มา: https://www.tnews.co.th/foreign/541682/คุณแม่ยังสาว-อายุแค่-23-มีลูกแล้ว-11-คน-ยังอยากปั๊มเพิ่มอีก

อดีตนายกรัฐมนตรี ‘ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร’ โพสต์โชว์ภาพฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ที่ดูไบ พร้อมเผยรัฐบาลสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์จัดหาวัคซีนฉีดให้ทุกคน หวังคนไทยมีโอกาสได้ฉีดเร็ว ๆ นี้

วันที่ 17 กพ.นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีโพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊คส่วนตัว ถึงการรับวัคซีนไวรัสโควิด-19 ว่า “วันนี้ที่ดูไบ ดิฉันได้มีโอกาสฉีดวัคซีนซิโนฟาร์ม (Sinopharm) เพื่อป้องกันโรคโควิด-19 ค่ะ รัฐบาลสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ได้จัดสรรวัคซีนจาก 2 บริษัทให้ประชาชนทั้งหมดและผู้อยู่อาศัยที่นี่ทุกคน"

"โดยรัฐบาลมีนโยบายให้จัดสรรวัคซีน ซิโนฟาร์ม (Sinopharm) ของจีนซึ่งมีประสิทธิผล 86% ให้แก่ประชาชนทั่วไป และวัคซีน ไฟเซอร์ - ไบโอเอ็นเทค (Pfizer/BioNTech) ของสหรัฐ - เยอรมนี ซึ่งมีประสิทธิผล 95% พร้อมกันนี้ทางรัฐบาลยังคงเปิดโอกาสให้มีการใช้วัคซีนสปุตนิค (Sputnik) จากรัสเซียในกรณีฉุกเฉินและกำลังเริ่มทดลองใช้วัคซีนแอสตร้าซิเนก้า (AstraZeneca Plc) ของมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด ซึ่งผลิตจากอินเดียอีกด้วย"

"รัฐบาลสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ถือเป็นประเทศที่จัดสรรวัคซีนให้ประชากรและผู้อยู่อาศัยในอัตราสูงสุดเมื่อเทียบกับอัตราการฉีดวัคซีนของประเทศอื่นทั่วโลกเนื่องจากรัฐถือหลักนโยบายที่ให้ความสำคัญอย่างสมดุลต่อการควบคุมจำนวนผู้ติดเชื้อและคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนและเศรษฐกิจของประเทศอย่างเท่าเทียมกัน"

"นอกจากการฉีดวัคซีนแล้ว ก็ยังคงต้องให้หมั่นล้างมือ ใส่หน้ากาก เหมือนเดิม และมีการเพิ่มการเว้นระยะห่างก็ให้เว้นมากขึ้นจากเดิม 2 เมตรเป็น 3 เมตร ทำให้เมืองดูไบยังสามารถเดินหน้าประกอบธุรกิจการค้า รองรับนักท่องเที่ยวได้ จึงทำให้ดิฉันอดคิดถึงพี่น้องประชาชนคนไทยไม่ได้และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าทุกท่านจะได้มีโอกาสฉีดวัคซีนในเร็วๆนี้เพื่อสามารถเปิดประเทศให้เกิดธุรกิจการค้าได้โดยเร็วนะคะ"


ที่มา:

https://www.cnbc.com/2021/01/18/uae-on-track-to-vaccinate-half-its-population-by-end-of-march-.html

https://www.bloomberg.com/news/articles/2021-02-07/dubai-aims-to-give-vaccination-to-all-eligible-adults-this-year

ดอนทรายโผล่กลางน้ำโขงหลายจุด หลังจีนลดปล่อยน้ำจากเขื่อนจิ่งหง หลังไม่มีการเดินเรือสินค้าจากสกานการณ์โควิด-19 ทำให้ไม่มีการแจ้งเตือนถึงการปล่อยน้ำให้กับกลุ่มประเทศลุ่มน้ำโขง คาดจะกลับมาปล่อยน้ำหลังเทศกาลตรุษจีน

วันที่ 17 ก.พ.64 สถานการณ์ระดับน้ำในแม่น้ำโขง ที่หน้าที่ว่าการอำเภอเชียงแสน จ.เชียงราย พบว่า ระดับน้ำลดลงอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่วันที่ 10 ก.พ. ลึก 2.50 ,11 ก.พ. ลึก 2.50 ,12 ก.พ. ลึก 2.19 ,13 ก.พ. ลึก 1.98 ,14 ก.พ. ลึก 1.92 ,15 ก.พ. ลึก 1.88 ,16 ก.พ. ลึก 1.89 ,17 ก.พ. ลึก 1.84 และยังมีแนวโน้มว่าจะยังคงมีระดับลดลงอย่างต่อเนื่อง ทำให้เกิดดอนทรายผุดขึ้นมากลางแม่น้ำโขงหลายจุด ทำให้เรือขนาดใหญ่ไม่สามารถผ่านได้ ซึ่งการขึ้นลงของระดับน้ำในแม่น้ำโขง ทางปลายน้ำไม่ได้รับแจ้งมาเหมือนก่อนหน้านี้

จากเดิมที่ศูนย์ควบคุมแม่น้ำล้านช้าง เขื่อนจิ่งหง เขตปกครองตนเองชนชาติไต สิบสองปันนา มณฑลยูนนาน ไปทางทิศเหนือประมาณ 400 กิโลเมตร จะรายงานการระบายน้ำออกจากเขื่อนให้กับเรือที่เป็นสมาชิกกับองค์กรเดินเรือในมณฑลยูนนาน เพื่อให้คนเดินเรือได้เตรียมพร้อม แต่ในช่วง 7 - 8 เดือนที่ผ่านมา ทางศูนย์ควบคุมแม่น้ำล้านช้าง ไม่มีการแจ้งข้อมูลให้แก่สมาชิกที่อยู่นอกประเทศ ส่งผลให้การเดินเรือเป็นไปอย่างยากลำบาก เนื่องจากไม่สามารถคาดคะเนได้ว่าระดับน้ำจะขึ้นหรือลงอย่างไร

ก่อนหน้านั้นศูนย์ดังกล่าวจะมีการแจ้งข้อมูลพื้นฐานให้ทราบ โดยในช่วงเวลาปกติจะมีการปล่อยน้ำจากเขื่อนในอัตรา 1,200 - 1,500 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที และในฤดูน้ำหลากจะปล่อยน้ำในอัตรา 2,000 - 3,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ส่วนการปล่อยน้ำในฤดูแล้งอาจจะต่ำกว่า 1,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที

น.ส.ผกายมาศ เวียร์รา รองประธานหอการค้า จ.เชียงราย กล่าวว่า ตามปกติเขื่อนจิ่งหงจะลดการปล่อยน้ำในช่วงเทศกาลสำคัญต่าง ๆ ซึ่งในช่วงนี้ก็เป็นช่วงเวลาเทศกาลตรุษจีน ทำให้ระดับน้ำแห้งลง แต่ปีนี้ถือว่าระดับน้ำแห้งกว่าทุกปี ล่าสุดได้นำเรือท่องเที่ยวที่กินน้ำลึกเพียง 80 ซ.ม.พบว่าใต้เรือยังตีทรายที่ใต้ท้องน้ำ ดังนั้นกรณีเป็นเรือสินค้าแทบเป็นไปไม่ได้เลย โดยเฉพาะ

จุดสำคัญ ๆ ที่ขึ้นชื่อเรื่องหาดทรายที่ตื้นเขิน เช่น มองป่าแหลว ชายแดนประเทศเมียนมา - สปป.ลาว ส่วนสาเหตุที่ไม่มีการแจ้งข้อมูลจากศูนย์ควบคุมแม่น้ำล้านช้างนั้น คงเกิดจากการที่ยังปิดท่าเรือกวนเหล่ยตามมาตรการป้องกันไวรัสโควิด-19 ของประเทศจีนติดต่อกันมานานหลายเดือน ทำให้ไม่มีเรือขนส่งสินค้าจีนในแม่น้ำโขงตั้งแต่ชายแดนที่ติดกับเมียนมาและ สปป.ลาว จนถึงท่าเรือของ สปป.ลาว เหลือเพียงท่าเรือไทยและเมียนมา ซึ่งกรณีของเมียนมาก็หันมาใช้การขนส่งสินค้าทางบกแทน คาดว่าหากจีนกลับมาเปิดท่าเรือและมีเรือสินค้าก็จะกลับมาแจ้งข้อมูลระดับน้ำเหมือนเดิม


ณัฐวัตร ลาพิงค์/เชียงราย

จากเฟซบุ๊ก 'Arak Wongworachat' หรือ นพ.อารักษ์ วงศ์วรชาติ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสิชล จังหวัดนครศรีธรรมราช ได้เผยเคสของผู้ป่วยหญิงอายุ 60 ปี ที่มาโรงพยาบาลด้วยเหตุเปลือกกุ้งแทงติดหลอดอาหาร ซึ่งเป็นกรณีศึกษาที่น่าสนใจอย่างมากของผู้ที่ชอบทานกุ้งทั้งเปลือก

#แกงส้มกุ้งเป็นเหตุเปลือกกุ้งแทงติดหลอดอาหาร

เคสน่าสนใจผู้ป่วยหญิงอายุ 60 ปี

ในขณะรับประทานอาหารกับครอบครัว เมนูเด็ดแกงส้มกุ้ง ดอกแค ข้าวสวยร้อนๆ ที่สำคัญคือกุ้งขนาดกลางๆ ไม่ได้แกะเปลือกออก มีหัวกุ้งติดอยู่ด้วย ระหว่างรับประทานอาหารอย่างเพลิดเพลิน

ถอดหัวกุ้งออกแต่ลำตัวยังติดเปลือกติดหาง ตัวแรก ตัวที่สองผ่านไปสบาย เคี้ยวได้อย่างเอร็ดอร่อย ตัวถัดไปคงเคี้ยวไม่ดี พอกลืนลงไปเหมือนมีอะไรติดคอ ตรงตำแหน่งลูกกระเดือก พยายามปั้นข้าวเป็นก้อนกลืนลงไป ยิ่งกลืนยิ่งปวดมากขึ้นเรื่อยๆ ดื่มน้ำตามก็ปวด กลืนน้ำลายก็ปวด อยู่เฉยๆก็ปวด ความอร่อยหายไปทันที จึงไปนั่งพักเผื่อว่าจะดีขึ้น แต่อาการกลับรุนแรงมากขึ้น จนไม่กล้ากลืนน้ำลาย ต้องบ้วนน้ำลายทิ้งแทน ญาติจึงรีบนำส่งโรงพยาบาลสิชล

ผู้ป่วยเข้าห้องฉุกเฉิน พยาบาลซักประวัติ วัดสัญญานชีพ ประเมินความเจ็บปวด ให้ระดับ 10 เต็ม 10 ถือเป็นความเจ็บปวดระดับสูงสุด จึงให้พบแพทย์เวร ส่องในลำคอไม่พบสิ่งแปลกปลอมใดๆ จึงสั่งเอกซเรย์ทั่วไปด่วนที่ลำคอและฉีดยาแก้ปวดให้ไปก่อน ให้ผู้ป่วยงดอาหารและน้ำ แพทย์เวรตามไปดูผู้ป่วยที่ห้องเอกซเรย์ เผื่อว่าไม่เห็นอะไรจะได้ส่งเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ต่อเนื่องไปเลย

แต่เมื่อดูจากเอกซเรย์เบื้องต้นพบว่ามีเงาทึบแสงสีขาวๆ ตามภาพรังสีในวงกลมขนาดประมาณ2.5ซม. ขวางอยู่ที่หลอดอาหารส่วนบน จึงรีบนำตัวผู้ป่วยกลับห้องฉุกเฉิน ให้น้ำเกลือ ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้าน หู คอ จมูก ให้ส่งเข้าห้องผ่าตัดทันที

เนื่องจากผู้ป่วยรับประทานอาหารมาเพียง 2 ชั่วโมง วิสัญญีแพทย์ต้องใส่ท่อช่วยหายใจวิธีพิเศษเพื่อไม่ให้สำลักในระหว่างดมยาสลบเพื่อส่องกล้องไปในหลอดอาหาร เมื่อส่องกล้องเข้าไปพบว่ามี 'เปลือกกุ้งสีเหลือง' แทงติดอยู่ที่หลอดอาหารในแนวขวางตรงตำแหน่งหูรูดระหว่างลำคอกับหลอดอาหาร จึงค่อยๆสอดใส่เครื่องมือคืบออกมาได้สำเร็จ มีการตรวจดูโดยละเอียดว่าไม่มีชิ้นส่วนอื่นตกค้าง ฉีดน้ำล้าง ให้ยาต้านเชื้อ5วัน หลังติดตามการรักษา หายเป็นปกติ

ถือเป็นการรักษาภาวะสิ่งแปลกปลอมในหลอดอาหารที่มีความยุ่งยากซับซ้อน ต้องระมัดระวังในทุกขั้นตอน ความพร้อมของทีมแพทย์ พยาบาล สถานที่ เครื่องมือแพทย์ ก็สำคัญมากๆ

เป็นบทเรียนให้กับทุกท่านที่ชอบกินกุ้งตัวโตทั้งเปลือกต้องระวังให้มาก ควรหลีกเลี่ยง

ขอบคุณภาพ จากคุณหมอผู้เชี่ยวชาญด้านหู คอ จมูก โรงพยาบาลสิชล


ที่มา: https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=4089425834409585&id=100000266267821

‘อนุทิน’ ชี้นายกฯ ได้ฉีดวัคซีนคนแรกหรือไม่อยู่ที่คณะกรรมการพิจารณา ยันกำหนดการบริษัทซิโนแวคฯ ส่งวัคซีนป้องโควิด-19 ล็อตแรกถึงไทย 24 ก.พ.

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ถึงการจัดส่งวัคซีนป้องกันโวรัสโควิด-19 จากบริษัทซิโนแวค ไบโอเทค จำกัด ล็อตแรกที่จะมาถึงประเทศไทยในวันที่ 24 ก.พ.นี้ยังเป็นตามกำหนดเดิมหรือไม่ว่า เขากำหนดเวลานี้ โดยเราได้รับแจ้งจากผู้ผลิตวัคซีนว่าจะจัดส่งมาวันไหนและเครื่องบินไฟท์ไหน เมื่อมาถึงจะรีบนำเข้าสู่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์เพื่อตรวจมาตรฐานการผลิต เราได้มีการเตรียมพร้อมเอาไว้แล้ว ส่วนบุคคลที่จะได้รับวัคซีนเป็นกลุ่มแรกจะเป็นกลุ่มใด คณะกรรมการวัคซีนแห่งชาติจะเป็นผู้พิจารณา

เมื่อถามว่า ประชาชนยังมีความไม่มั่นใจต่อการฉีดวัคซีนเพราะเป็นเรื่องใหม่ นายกรัฐมนตรีจะเป็นคนแรกที่ได้รับวัคซีนหรือไม่ เพื่อสร้างความมั่นใจ นายอนุทิน กล่าวว่า "ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของคณะกรรมการฯ เพราะในการฉีดวัคซีนจะมีคำแนะนำบางส่วนอยู่ หากทำไม่ได้ก็ไม่ควรทำ ซึ่งไม่ควรเอาชีวิตคนมาเสี่ยง"

เมื่อถามถึงกรณีที่เคยระบุว่าจะอาสาเป็นผู้ฉีดวัคซีนเข็มแรก นายอนุทิน กล่าวว่า "หากแพทย์ยินดีที่จะฉีดให้ตนก็ยินดี แต่ไม่สำคัญว่าต้องเป็นเข็มแรกหรือเข็มสอง"

เมื่อถามว่า จะยังไม่มีการฉีดวัคซีนให้กับคนที่มีอายุ 60 ขึ้นไปหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า "วัคซีนจากบริษัทซิโนแวคฯ มีการระบุว่า ยังไม่เคยทดลองกับมนุษย์ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไปมากเพียงพอ เรื่องนี้จึงไม่ควรใช้สปิริตหรือความแกร่งมาวัด แต่ต้องทำให้ดีที่สุด"

กรุงเทพมหานคร กำลังจะมีปอดใหญ่ใจกลางกรุงแห่งใหม่ จาก ‘อดีตสนามม้านางเลิ้ง’ ที่กำลังจะถูกเปลี่ยนเป็น ‘สวนสาธารณะ’ ที่จะเพิ่มพื้นที่สีเขียว 216 ไร่ พร้อมเปิดปี 2565

เพจเฟซบุ๊ก ‘โบราณนานมา’ ได้เปิดเผยภาพ ‘อดีตสนามม้านางเลิ้ง’ ที่กำลังจะถูกเปลี่ยนเป็น ‘สวนสาธารณะ’ ขนาดใหญ่ พร้อมระบุว่า

จาก “สนามม้านางเลิ้ง” สู่ “สวนสาธารณะ ๒๑๖ ไร่”

“ราชตฤณมัยสมาคมแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์” หรือที่รู้จักกันว่า “สนามม้านางเลิ้ง” ก่อตั้งโดย “พระยาประดิพัทธภูบาล” และ “พระยาอรรถการประสิทธิ์” ทำหนังสือขึ้นทูลเกล้าฯ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๖ ขอพระราชทานพระบรมราชานุญาต ก่อตั้ง “สโมสรสนามม้าแข่งเพื่อบำรุงพันธุ์ม้า” โดยถวายที่ดินของ “กรมอัศวราช” เป็นสถานที่แข่งขัน ซึ่งต่อมามีพระบรมราชานุญาตพร้อมพระราชทานนามว่า “ราชตฤณมัยสมาคมแห่งกรุงสยาม

อีกทั้ง ทรงรับไว้ในพระบรมราชูปถัมภ์ เมื่อ ๑๘ ธันวาคม ๒๔๕๙ รวมไปถึงพระองค์ยังทรงส่งม้าในคอกของพระองค์เข้าร่วมแข่งอีกด้วย สมาคมฯ ทำหน้าที่ในการดำเนินกิจการแข่งม้า จัดทำทะเบียนประวัติม้า เจ้าของและผู้ที่เกี่ยวข้อง ส่วนการแข่งขันจะจัดขึ้นในวันอาทิตย์เว้นอาทิตย์ สลับกันกับ “ราชกรีฑาสโมสร”

ปัจจุบันสัญญาเช่าได้ครบกำหนดอายุสัญญาเช่ามานานแล้ว สำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ จำเป็นต้องใช้ที่ดินและอาคารดังกล่าว จึงไม่สามารถให้เช่าได้อีกต่อไป ซึ่งสำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ได้ประสานและแจ้งบอกเลิกสัญญาเช่า “สนามม้านางเลิ้ง” และขอให้ส่งมอบสถานที่เช่าคืน และในเดือนมีนาคม ๒๕๖๒ ได้ทำการรื้อถอน “สนามม้านางเลิ้ง”

โดยหลังจากนี้ “อดีตสนามม้านางเลิ้ง” จะถูกเปลี่ยนเป็น “สวนสาธารณะ” ที่จะเพิ่มพื้นที่สีเขียวในกรุงเทพมหานคร ในโครงการนี้มี

๑. สวนสาธารณะประมาณ ๒๑๖ ไร่

๒. พระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ ๙

๓. จอดรถใต้ดิน ๓ ชั้น รองรับรถยนต์ ๗๐๐ คัน

๔. ร้านค้าของ “ชุมชนนางเลิ้ง”

๕. อาคารจอดรถโรงพยาบาลรามาธิบดี

สวนสาธารณะแห่งนี้ คาดว่าจะแล้วเสร็จและเปิดให้ใช้บริการ ภายในปี ๒๕๖๕


ที่มา : เพจ โบราณนานมา

https://web.facebook.com/boraannaanma/photos/a.1721168658137287/2790303887890420/?_rdc=1&_rdr

เด็กไทยวัย 18 ปี เจ๋ง!! คิดค้นเว็บไซต์ Thaitube ทางเลือกใหม่สำหรับคนไทยในการรับชมคลิปวิดีโอ แบบไม่มีโฆษณาคั่น ตั้งใจสร้างสรรค์แบบไม่หวังผลการค้า

ผู้สื่อข่าวจังหวัดอ่างทองลงพื้นที่พบกับนายพงศ์ปณต ไพรัชเวชภัณฑ์ อายุ 18ปี นักศึกษามหาวิทยาลัยชื่อดัง ชั้นปีที่ 2 ชาวอ่างทอง มีความสามารถในการผลิตเว็บไซต์ ไทยทูบ ThaiTube.in.th ที่เป็นเว็บไซต์ในรูปแบบคล้ายยูทูบ แต่เว็บไทยทูบนั้นผลิตโดยเด็กไทย เป็นเว็บ www.thaitube.in.th หรือจะเรียกสั้น ๆ ว่าไทยทูบ

นายพงศ์ปณต หรือน้องเบส เล่าให้ฟังว่า ที่เกิดไอเดียในการสร้างเวบไทยทูบขึ้นมานั้นเกิดจากอยากให้เป็นทางเลือกใหม่ของคนไทย ที่สามารถลงคลิปวิดีโอและดูวิดีโอได้โดยไม่มีการแทรกโฆษณา ซึ่งคลิปที่ลงในเว็บไซต์ไทยทูบจะไม่มีการโฆษณาเลย และเนื้อหาวิดีโอที่นำลงในเว็บไซต์ไทยทูบก็จะดูได้อย่างต่อเนื่องไม่มีโฆษณาแทรก

ซึ่งเป็นการผลิตขึ้นมาโดยไม่หวังผลในการค้ากำไรแต่อย่างใด เป็นการสนับสนุนให้ใช้โดยไม่มีการคิดค่าใช้จ่าย เพียงแค่เราพิมพ์เข้าไปว่า www.thaitube.in.th และใช้งานทั้งดูวิดีโอหรืออัพวิดีโอขึ้นในแพลตฟอร์มต่อไป


ที่มา: https://www.thaipost.net/main/detail/93081

ทางการท้องถิ่นกรุงปักกิ่ง ใจป้ำ เจียดเงินราว 31 ล้านบาท จ่ายแรงงานต่างถิ่นประมาณ 1.7 หมื่นคน ที่เลี่ยงเดินทางกลับบ้านเกิด ช่วงวันหยุดยาวเทศกาลตรุษจีน

ทางการท้องถิ่นกรุงปักกิ่งของจีน เปิดเผยว่า ปักกิ่งมอบเงินอุดหนุนราว 6.8 ล้านหยวน (ประมาณ 31 ล้านบาท) แก่แรงงานก่อสร้างต่างถิ่นประมาณ 17,000 คน ซึ่งตัดสินใจหลีกเลี่ยงการเดินทางกลับบ้านเกิดและพักอาศัยอยู่ในเมือง ระหว่างวันหยุดเทศกาลตรุษจีน

ทั้งนี้ แรงงานต่างถิ่น จะได้รับเงินอุดหนุน 400 หยวน (ประมาณ 1.800 บาท) ต่อคน จากคณะกรรมการเคหะและการพัฒนาเมือง - ชนบทเทศบาลนครปักกิ่ง

นอกจากนั้น คณะกรรมการฯ ยังจัดกิจกรรมหลากหลายสำหรับกลุ่มแรงงาน อาทิ การแข่งขันกีฬา พร้อมกำหนดให้มีมาตรการป้องกันและควบคุมโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) อันเข้มงวดในบริเวณสถานที่ก่อสร้าง ตลอดจนกระชับงานรับมือเหตุการณ์ฉุกเฉินด้วย


ที่มา : https://www.xinhuathai.com/china/178050_20210216?fbclid=IwAR3dzWgfOzIG0mNHPOx1DQhDbJtMt7p6xOYiMSW5Mthkwl8GPXV80DXYeIc

นิตยสาร CEO World จัดอันดับประเทศที่มีมรดกทางวัฒนธรรมจนทรงอิทธิพลที่สุดในโลก ประจำปี 2021 ได้ให้ประเทศไทย #Thailand อยู่ในอันดับที่ 5 และเป็นอันดับ 2 ของเอเชีย เป็นรองแค่อินเดียเท่านั้น

โดยใช้หลักเกณฑ์การวัดจาก สถาปัตยกรรม, มรดกทางศิลปะ, แฟชั่น, อาหาร, ดนตรี, วรรณกรรม, ประวัติศาสตร์, สถานที่ท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม และ ความสามารถในการเข้าถึงทางวัฒนธรรม

พร้อมระบุว่า... #ประเทศไทย : เมื่อเราพูดถึงประเทศที่ร่ำรวยด้วยมรดกทางวัฒนธรรม ชื่อแรกที่ปรากฏในใจของเราคือ “ประเทศไทย” แม้ว่าประเทศไทยจะเป็นที่ตั้งของชายหาดที่สวยงาม มีวัฒนธรรมที่น่าสนใจ และสถานบันเทิงยามค่ำคืน แต่ก็ยังมีความโดดเด่นในด้านมรดกทางวัฒนธรรมที่สวยงาม

เพราะมีสถานที่มากมายทั่วประเทศไทยที่มีความอุดมสมบูรณ์ของวิถีชีวิตในหมู่บ้าน อิทธิพลของประเพณีท้องถิ่นและวัฒนธรรมที่สวยงามยังหลงเหลืออยู่ ตั้งแต่สุโขทัย อยุธยา จนถึงบ้านเชียง นักท่องเที่ยวต่างหลั่งไหลไปยังสถานที่เหล่านี้เพื่อชื่นชมประวัติศาสตร์อันเก่าแก่ของวัฒนธรรมไทย


Cr: ภาพจากเพจ Asian SEA Story

https://ceoworld.biz/2021/01/31/best-countries-for-cultural-heritage-influence-2021/


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top