Sunday, 11 May 2025
NEWS

สถานการณ์โควิด - 19 ประเทศไทยและอาเซียน ประจำวันที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2564

สถานการณ์โควิด - 19 ประเทศไทยและอาเซียน

ประจำวันที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2564

ที่รัฐสภา สมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ผู้นำฝ่ายค้านในสภา เผยว่า วันนี้เป็นวันที่จะถูกบันทึกในประวัติศาสตร์การเมืองไทย เพราะเป็นวันเริ่มต้นนับถอยหลังไปสู่จุดจบของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา 4 วันนับจากนี้

การอภิปรายไม่ไว้วางใจของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากพรรคร่วมฝ่ายค้าน จะเปิดเผยความไร้ประสิทธิภาพ ขลาดเขลา เบาปัญญาของผู้บริหารประเทศอย่าง พล.อ.ประยุทธ์ จะเปิดโปงการทุจริตฉ้อฉลของ พล.อ.ประยุทธ์และคณะ และจะเปิดหน้ากากของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่ใช้อำนาจเบ็ดเสร็จทำร้ายประเทศชาติบั่นทอนประชาธิปไตย และคุกคามเสรีภาพของประชาชน

“เวลา 6 ปี 8 เดือน 26 วัน ที่ พล.อ.ประยุทธ์บริหารประเทศนี้ ทั้งในฐานะหัวหน้า คสช. เป็นนายกรัฐมนตรีหลังการรัฐประหาร และในฐานะนายกรัฐมนตรีจากการเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญที่ถูกออกแบบเพื่อ พล.อ.ประยุทธ์และพวกพ้อง ทำให้เศรษฐกิจของประเทศชาติพังพินาศ ประชาชนทุกข์ยากแสนเข็ญยิ่งกว่ารัฐบาลใดๆ ในรอบ 8 ทศวรรษ

“ประเทศไทยมีหนี้สาธารณะมากที่สุดในประวัติศาสตร์ ธุรกิจใหญ่น้อยล้มละลายทั่วทุกหัวระแหง ยิ่งกว่าวิกฤตเศรษฐกิจทุกครั้งที่ผ่านมารวมกัน ประชาชนมีความทุกข์ยากอย่างถึงที่สุด อึดอัดคับข้องใจในชะตากรรมที่ต้องใช้ชีวิต ภายใต้การบริหารประเทศของ พล.อ.ประยุทธ์มากที่สุด และสุดท้าย ต้องตัดสินใจจบชีวิตตัวเองมากที่สุด

“ผู้ชายคนหนึ่งสิ้นหวังในชีวิตเพราะตกงาน จึงพาบุตรสาวตัวน้อยพเนจรไปพึ่งพาวัดธรรมนิยม ตำบลหัวรอ อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และเมื่อทุกข์ที่สุดจนสุดจะทานทน ในวันที่ 19 เมษายน 2563 เขาตัดสินใจโดดน้ำเพื่อหนีไปให้พ้นจากชีวิตที่มืดมน แต่ยิ่งน่าเศร้าใจ เมื่อบุตรสาววัย 5 ขวบร้องว่า “พ่ออย่าทิ้งหนู” แล้วกระโดดน้ำตามพ่อของเธอลงไป ในที่สุดจมน้ำตายทั้งพ่อลูก

“ผมอยากรู้จริง ๆ ว่า ในใจ พล.อ.ประยุทธ์รู้สึกอย่างไร สะเทือนใจไปด้วยหรือไม่ ประชาชนที่อยู่ในความรับผิดชอบของพล.อ.ประยุทธ์ทุกข์ยากเช่นนี้ เขานอนหลับลงในแต่ละคืนได้อย่างไร เขายังยิ้มแย้มสำเริงสำราญได้อย่างไร พล.อ.ประยุทธ์ไม่เคยทำตามสัญญาที่เขาให้ไว้เมื่อเกือบ 7 ปีที่แล้ว ว่าจะคืนความสุขมาให้ประชาชน แทนที่ พล.อ.ประยุทธ์ จะเอาประชาชนเป็นศูนย์กลาง เขากลับเอาตนเองเป็นศูนย์กลาง แทนที่ พล.อ.ประยุทธ์ จะแสวงหาทางออกในทุกปัญหา เขากลับตีโพย ตีพาย เห็นปัญหาในทุกทางออก

“แทนที่ พล.อ.ประยุทธ์ จะคิดเก่ง ทำเก่ง ดังเช่นที่เขาเคยโอ้อวดว่า การบริหารประเทศไม่เห็นยากเลย พล.อ.ประยุทธ์กลับบริหารประเทศแบบคิดไป ทำไป ไม่มีการวางแผน ไม่รอบคอบ ไม่รัดกุม กลับไปกลับมา และโยนความผิดให้ประชาชน ทำให้เมื่อเผชิญวิกฤตอย่างโรคโควิด -19 ประชาชนจึงทุกข์แสนสาหัส ธุรกิจใหญ่น้อยจึงทยอยล้มลง แม้ธุรกิจที่ยืนหยัดต้านทุกวิกฤตมาได้หลายสิบปี ก็ต้องปิดกิจการในยุคของ พล.อ.ประยุทธ์

“พล.อ.ประยุทธ์ ลืมไปว่า ประชาชน 67 ล้านคนจ่ายเงินเดือนให้เขามาทำงาน เพื่อทำให้ชีวิตประชาชนดีขึ้น ประชาชนต้องการนายกรัฐมนตรีที่ห่วงใยประชาชน มากกว่าห่วงการรักษาอำนาจของตนเอง ประชาชนต้องการนายกรัฐมนตรี ที่ทำสิ่งที่ถูกต้อง มากกว่านายกรัฐมนตรีที่สนใจแต่ความนิยมในโพลที่ลิ่วล้อบริวารเสกสรรปั้นแต่งขึ้นมา

“พล.อ.ประยุทธ์ไม่มีวิสัยทัศน์ ไม่มีภาวะผู้นำ ไม่สามารถรวมพลังผู้มีความรู้ความสามารถเข้ามาช่วยกันพัฒนาประเทศชาติ ได้แต่อวดอ้างไปวันๆ ว่า ตนซื่อสัตย์ แต่กลับนิ่งดูดาย วางเฉยให้พวกพ้องและบริวารทุจริตฉ้อฉล รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จึงเป็นได้เพียง “รัฐบาลปรสิต” ที่กัดกร่อนอนาคตของประเทศและกลืนกินความฝันของประชาชน รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ไม่ใช่รัฐบาลของประชาชน โดยประชาชน เพื่อประชาชน” นายสมพงษ์ อภิปราย


ที่มา: https://www.prachachat.net/politics/news-614491

เป็นอีกความก้าวหน้าแห่งโลกวิทยาศาสตร์ครั้งใหญ่ เมื่อ NASA เตรียมหาวิธีการค้นหาสิ่งมีชีวิตต่างดาว ผ่านการวิเคราะห์ ‘มลพิษ’ ของดวงดาวนั้น ๆ โดยเพจ Environman ได้มีการรายงานความคืบหน้าเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า...

NASA ใช้มลพิษที่อยู่นอกโลกในการตามสิ่งมีชีวิตต่างดาวที่สามารถสร้างอารยธรรมได้

มลพิษในที่นี้ของ NASA คือ ก๊าซไนโตรเจนไดออกไซด์ (NO2) มันเป็นก๊าซที่เกิดจากการเผาไหม้ของเชื้อเพลิงฟอสซิล ซึ่งไม่ได้เกิดตามธรรมชาติ หรือหากเกิดโดยธรรมชาติ ก็เกิดในระดับน้อยมากจากสิ่งมีชีวิต ฟ้าผ่า และภูเขาไฟ

บนโลกเรา ก๊าซไนโตรเจนไดออกไซด์ 76% ล้วนมาจากแหล่งอุตสาหกรรม แต่จากการที่ NASA พบก๊าซนี้ในระดับสูง นั่นอาจหมายความว่า มันมีโอกาสที่บนดาวดวงนั้น จะมีสิ่งมีชีวิตที่มีเทคโนโลยีสูงพอที่จะใช้พลังงานจากฟอสซิลบนดาวดวงนั้น

แล้ว NASA พบก๊าซไนโตรเจนไดออกไซด์นี้บนดาวดวงอื่นได้อย่างไร?

คำตอบคือ จากแสงที่สะท้อนกลับออกมา แต่ละอะตอม แต่ละโมเลกุล แต่ละธาตุในจักรวาลนี้ต่างสะท้อนแสงออกมาในคลื่นความยาวที่ต่างกัน โลกก็สะท้อนแสงออกไปนอกอวกาศเช่นกัน แสงที่สะท้อนออกไปจะเป็นแสงที่เกิดจากธาตุต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นบนโลก

หรือเข้าใจ ก็เหมือนกับสิ่งของต่าง ๆ รอบตัวเราที่มีสีแตกต่างกัน เพราะมันสะท้อนแสงสีออกมาต่างกัน ธาตุแต่ละธาตุก็มีสีที่แตกต่างกันไป

แต่การมองแสงที่สะท้อนออกมาจากดาวที่อยู่ห่างไกลในระดับหลายปีแสง ก็เหมือนกับคุณอยู่บนสถานีอวกาศแล้วตามหาว่าผู้ชายคนไหนในเชียงใหม่กำลังใส่รองเท้าไนกี้รุ่น Air Force 1 React อยู่

และนั่นแหละคือความยาก!!

การตามหามลพิษบนต่างดาว น่าจะทำให้มนุษย์มีตัวเลือกมากขึ้นในการตามหาสิ่งมีชีวิตที่มีสติปัญญา เพื่อตอบคำถามที่ค้างคามานานแสนนานว่า...

‘มนุษย์’ อยู่ตามลำพังในจักรวาลจริงหรือ?


ที่มา:

https://www.facebook.com/1523107561151019/posts/3438874839574272/

https://www.nasa.gov/press.../goddard/2021/technosignature

กระทรวงพลังงาน เผย 31 มี.ค. นี้ หมดเวลาตรึงราคา ‘ก๊าซหุงต้ม’ ลุ้นอีกเฮือก ฝั่งยุโรปผ่านพ้นฤดูหนาว อาจทำให้ราคาก๊าซในตลาดโลกลดลง

พร้อมเผยกองทุนน้ำมัน อุ้มก๊าซหุงต้มภาคครัวเรือน 318 บาทต่อถัง 15 กก. เป็นวงเงินถึง 10,277 ล้านบาท

นายกุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า ขณะนี้กระทรวงพลังงานได้ติดตามสถานการณ์ราคาก๊าซปิโตรเลียมเหลว (แอลพีจี) ตลาดโลกใกล้ชิด เนื่องจากระดับราคาได้ปรับขึ้นต่อเนื่องหวังว่า ตั้งแต่เดือน มี.ค. จะผ่านพ้นฤดูหนาวไปแล้วราคาแอลพีจีโลกจะลดลง และมีผลทำให้ราคาคำนวณในไทยลดลงด้วย

"มาตรการดูแลแอลพีจีภาคครัวเรือนที่คงไว้ 318 บาทต่อถัง 15 กิโลกรัม จะสิ้นสุด 31 มี.ค. 64 จากนั้นจะต้องสิ้นสุดการตรึงราคาส่วนจะมีการปรับขึ้นหรือตรึงต่อไปหรือไม่อย่างไรเรื่องนี้ยังมีเวลาในการพิจารณา"

ทั้งนี้ จากการติดตามสถานการณ์ล่าสุดพบว่า ราคาแอลพีจีตะวันออกกลาง อยู่ที่ระดับ 600 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน ส่งผลให้กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงบัญชีแอลพีจีต้องอุดหนุนราคาขายปลีกไม่เกิน 318 บาทต่อถัง 15 กก. เป็นวงเงินถึง 10,277 ล้านบาท ซึ่งยังคาดหวังว่า เดือนมี.ค.นี้ประเทศฝั่งตะวันตก จะผ่านพ้นฤดูหนาวที่ปกติจะทำให้ราคาแอลพีจีกลับมาลดลงได้อีกครั้ง และจะส่งผลให้การอุดหนุนราคาแอลพีจีลดลงตามไปด้วย

ปลื้มใจเหมือนถูกรางวัลที่ 1!! หนุ่มรถบรรทุกดวงเฮง การันตีผล ‘มุกเมโล’ ที่เจอ ของแท้100% เผยเตรียมขายเริ่มต้นชีวิตใหม่ ก่อนไปใช้ชีวิตบั้นปลายกับครอบครัว

จากกรณีที่นายมลเทียร จันสุข อายุ 40 ปี อาชีพขับรถหัวลากพักอาศัยอยู่ที่แคมป์พักคนงานขับหัวลากในซอยชุมชนในชาก หมู่ 5 ต.บึง อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ได้ซื้อหอยกระโจงโดงเหลือง จากสะพานปลาแหลมฉบังมาในราคา 50 บาท ต้มกินแล้วเจอเม็ดมุกสีส้มขนาดใหญ่ฝังอยู่ในเนื้อหอย คาดว่าเป็นมุกเมโล ของหายากราคาแพงตามที่ได้นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น

ล่าสุด ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ไปติดตามความคืบหน้าในกรณีดังกล่าว พบนายมลเทียร พร้อมด้วย น.ส.วาสนา แสงจันทร์ อายุ 44 ปี และครอบครัว เปิดเผยว่า ภายหลังจาก เมื่อวันที่ 14 ก.พ. ได้นำเม็ดมุกที่เจอในหอยกระโจงโดงไปตรวจที่สถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ(องค์กรมหาชน) สำนักงานใหญ่ เขตบางรัก กรุงเทพมหานคร เพื่อพิสูจน์ว่าเป็นมุกจริงหรือไม่แล้ว

นายมลเทียร เผยด้วยความดีใจว่า จากการตรวจสอบผลออกมาว่ามุกที่เจอเป็นมุกเมโลจริง ๆ ของแท้เกิดจากธรรมชาติในหอยหายาก 100 % มีน้ำหนัก 65.57 กะรัต ทางศูนย์จึงออกใบรับรองมาให้เพื่อเป็นการยืนยัน และหลังจากผลตรวจยืนยันแล้วว่าเป็นมุกเมโลของแท้ จึงได้นำไปฝากไว้ในตู้เซฟธนาคารเพื่อความปลอดภัยแล้ว เนื่องจากทราบมาว่ามีราคาหลักล้านบาทเลยทีเดียว หากมีผู้ติดต่อขอซื้อมาค่อยมาตกลงราคากัน

ทำให้ตนและครอบครัวรู้สึกดีใจเหมือนถูกรางวัลใหญ่สลากกินแบ่งรัฐบาลเลย หากขายได้ราคาดีตามที่รู้มาจะนำเงินที่ได้ไปใช้หนี้สินให้หมด จากนั้นก็คงทำงานขับรถหัวลากอีกสักพักก่อนไปใช้บั้นปลายชีวิตกับครอบครัวที่บ้านเกิด

มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต พบนักศึกษาแพทย์ ติดเชื้อโควิด-19 แนะเลี่ยงเดินทางใกล้โรงพยาบาลธรรมศาสตร์

วัน 16 กุมภาพันธ์ 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงค่ำ เมื่อวานนี้ (15 ก.พ.) ที่เฟซบุ๊กเพจ Thammasat TODAY ของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) โพสต์ข้อความระบุว่า นักศึกษาแพทย์ มธ. ศูนย์รังสิต ติดเชื้อโควิด-19 โดยได้รับการยืนยันแล้วว่า “ติดจริง”

ทั้งนี้ หากมีข้อมูลเพิ่มเติมทางเพจจะอัพเดตให้ทราบอีกครั้ง

เวลาต่อมา ทางเพจได้โพสต์ข้อความระบุว่า “คุณหมอ inbox แจ้งเตือนมาว่า คนไข้ที่มีความเสี่ยงติดโควิดสูง มา รพ. เยอะมาก โปรดหลีกเลี่ยงการเดินทางมาใกล้ รพ.มธ.”


ที่มา : https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=10159141286018814&id=182927663813

รศ.ดร.ษัษฐรัมย์ เสนอต่อสู้กับรัฐอำนาจนิยม ด้วยการ “นัดหยุดงานทั่วประเทศ” รวมทั้งการไม่สมาคม (กิจกรรมทางสังคม - เศรษฐกิจ) บอยคอตเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง มั่นใจสู้ได้ ทำแล้วได้ผลดูพม่าเป็นตัวอย่าง

ก่อนหน้านี้ รศ.ดร.ษัษฐรัมย์ ธรรมบุษดี อาจารย์ประจำวิทยาลัยสหวิทยาการ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้โพสต์ข้อความลงเฟซบุ๊ก “Sustarum Thammaboosadee” ว่า “วิธีที่จะรับลูกต่อจากการต่อต้านเผด็จการ และรัฐอำนาจนิยมจากการใช้ความรุนแรงเมื่อคืน (13 ก.พ. 64) ที่ง่าย สันติ และใช้ทรัพยากรน้อยที่สุด คือ

“การนัดหยุดงานทั่วประเทศ” และการไม่สมาคม (กิจกรรมทางสังคม-เศรษฐกิจ) กับเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง (ตำรวจ ทหาร ราชทัณฑ์ ตุลาการ) เรื่องนี้เหมือนยากแต่ง่ายมาก เพราะอำนาจการจัดการจะย้อนกลับสู่พวกเราเอง

ประเทศเพื่อนบ้านเราอย่างเมียนมา พิสูจน์แล้วว่าเรื่องนี้ทำได้ ในสภาพที่เศรษฐกิจเปราะบางกว่าไทยหลายเท่า

สลิ่ม หรือชนชั้นกลางอนุรักษนิยม ผมมองว่ามีทุกที่ในโลก อังกฤษ สวีเดน เดนมาร์ก พม่า ก็มี และสัดส่วนก็ครึ่ง ๆ ทุกที่ทั่วโลกเช่นกันครับ

ผมมองว่า เราสามารถสู้ได้ รัฐบาลอำนาจนิยม และสลิ่มบ้านเราก็ไม่ได้พิเศษกว่า สลิ่มโลกแน่นอน”

ต่อมาเพจ “เยาวชนปลดแอก-Free YOUTH” ได้นำข้อความไปเผยแพร่ พร้อมระบุว่า การนัดหยุดงาน/นัดหยุดเรียน (Strike) เป็นสิ่งที่ทำกันมาตลอดในการประท้วงที่ต่างประเทศ หากแต่ประเทศไทยเรายังไม่เคยมีประวัติศาสตร์ถึงการนัดหยุดงานพร้อมกันอย่างพร้อมเพรียง

และทรงพลังมาก่อน แม้สภาพเศรษฐกิจของไทยเข้าขั้นเปราะบาง และความเหลื่อมล้ำสูงอย่างถึงที่สุด แต่หากทุกคนพร้อมใจกัน นั่นย่อมหมายถึงพลังที่ยิ่งใหญ่ในการต่อสู้


ที่มา: https://mgronline.com/onlinesection/detail/9640000014775

หลาย ๆ ประเทศทางฝั่งตะวันตก ยังคงประสบปัญหาการแพร่ระบาดโควิด-19 อย่างหนัก แต่ยังดีที่ทางรัฐบาลต่างในประเทศต่าง ๆ เริ่มกวดเข้มมาตรการแบบถึงลูกถึงคน (แต่มักไม่มีข่าวเปิดเผย)

ทั้งนี้ก็เพื่อหวังที่จะคุมการแพร่ระบาด ฃให้ได้มากที่สุด และรอความหวังอย่างวัคซีนให้เข้ามายังประเทศของตนให้ไวที่สุด เพราะตอนนี้หลายๆ ประเทศที่แท้จะร่ำรวย ก็ยังไม่สามารถเข้าถึงได้ เหตุเพราะไม่ใช่ประเทศผู้ผลิตวัคซีนได้เอง

เกี่ยวกับเรื่องนี้ คุณทาม CEO ร้านผัดไท ในเนเธอร์แลนด์ เจ้าของเฟซบุ๊ก Tham Prawattree ได้โพสต์แชร์ให้เห็นถึงภาพตัวเขาที่ต้องอยู่ในประเทศนี้ ว่า..

#Goodnews #ข่าวดีๆ กันบ้าง

#สถานการณ์โรคระบาด

#อัพเดทข่าวสาร บ้านเมืองของประเทศที่ผมอยู่ หรือ ประเทศเนเธอร์แลนด์ ตอนนี้ถือได้ว่ากำลังผจญกับเชื้อโควิด-19 อย่างสาหัสสากัน แต่เราก็ไม่หวั่นครับ มีสติ เพราะยังมีเงิน เงินหมด สติกระเจิง

ครับ!! นี่ขนาดเราเป็นประเทศที่บินแค่ 45 นาที ก็ถึงสหราชอาณาจักรละ เรายังมีวัคซีนอันน้อยนิด และก็ถือว่าเป็นประเทศที่ร่ำรวยนะครับ ยังได้นิดเดียว ที่อังกฤษโน่นฉีดกันไป 15 ล้านเข็มละ (แหมผลิตได้เองเนาะ)

ประเทศเนเธอร์แลนด์ นี่จัดเก็บภาษีได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย และเก็บทุกแบบทุกอนู #ภาษีเงินได้อัตราสูงสุดที่ผมก็เสีย 49.5% ส่วน VAT เหรอครับ อิอิ 9% และ 21% เทียบกับสิงค์โปร์ที่เคยอยู่มา ทำให้ต้องถามตัวเองว่า #มาทามมัยยยยยย

ไม่ต้องไปถามไทยแลนด์ ดินแดนเก็บภาษีไม่ครบ และช่วยกันเลี่ยง คือเลี่ยงได้เป็นเลี่ยง และชอบมาอ้างว่า #เงินภาษีของประชาชน

#อะมาดู

ตอนนี้เราเพิ่งฉีดวัคซีนได้แค่ 783,606 คน เรามี ประชาการ 17.9 ล้าน โดยประมาณ อันนี้ถือว่าช้านิดนึง แต่รัฐก็ทำเต็มที่ละ ทำไงได้ไปซื้อเค้า ไม่ได้ทำเอง

แต่ตัวเลขอื่นๆ ก็ดูดีขึ้นครับ เช่น จำนวนผู้ติดเชื้อมีอัตราลดลงที่ดี คือติดน้อยลง #ยอดสะสมก็ลดลง #จำนวนคนเสียชีวิตก็ลดลง

และตัวเลข R Zero หรือ R 0 หรือ #Reproduction number ก็ต่ำกว่าหนึ่ง ซึ่งถือว่าดี อันนี้เทียบว่าคนหนึ่งคนสามารถแพร่เชื้อไปได้แค่ไหน เท่าไหร่ ซึ่งดี น่าใจชื้น

#ที่มันลด ก็เพราะมาตรการห้ามฝรั่งออกมามั่วสุม สุมหัวและเมาส์มอยกัน หรือ #เคอฟิวส์

พอเค้าห้ามออกมา ก็ออกมา #ประท้วง ทำลายข้าวของ เรียกร้องหาอิสระเสรีภาพ ผิดที่ ผิดเวลา ไม่รู้จักดู เค้าให้ประท้วงแค่นี้ จะเอาแบบนี้ จริงเค้าประท้วงสองหัวข้อคือเรื่องรัฐบาลและมาตรการ

พอโดนจับ ปรับ ลงโทษ แบบไม่ไว้หน้า แบบ fully law enforcement ที่นี้ละหายไปเลย ไม่เห็นจะเก่งเหมือนที่เมืองไทย ที่นี่ปรับ จับ ริบ ยึด ตี ฟาด (ตำรวจนี่แหละฟาดประชาชนจริงๆ ถ้าทำผิด เห็นละผมยังแขยง)

อดทน อดทน เดี๋ยวก็จบ

อิจฉา #ควีนอาลิซเบท ของอังกฤษ ที่ได้รับวัคซีนไปเรียบร้อยละ (ตั้งนานละด้วย)


ที่มา:

คุณทาม CEO แห่งร้านผัดไท เนเธอร์แลนด์

https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=3853876497968900&id=100000397626019

นายกหญิงคนแรก “ตู่ นันทิดา แก้วบัวสาย” พร้อมคณะผู้บริหาร นับหนึ่งนั่งเก้าอี้นายกอบจ. หลังผวจ.สมุทรปราการ เปิดประชุมสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรปราการครั้งแรก

ที่ห้องประชุม ชั้น 4 อาคารองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรปราการ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ โดยนายวันชัย คงเกษม ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ ได้ให้เกียรติมาเป็นประธานในการเปิดประชุมสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งเป็นครั้งแรกของการเปิดประชุมหลังจากที่ได้มีการประกาศผลการเลือกตั้งนายก อบจ.โดยมีนางนันทิดา แก้วบัวสาย นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรปราการ และเป็นนายกหญิงคนแรกของ อบจ.สมุทรปราการ ที่ได้เข้ามาทำหน้าที่บริหารงานในครั้งนี้

พร้อมด้วยนายธนวัตน์ กล่ำพรหมราช รองปลัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรปราการ รักษาราชการแทน ปลัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรปราการ ข้าราชการองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรปราการ และสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรปราการ ทั้ง 36 คน เข้าร่วมประชุมกันอย่างพร้อมเพียง

ก่อนเข้าสู่ระเบียบวาระการประชุม ได้มีการประกาศรายชื่อรองนายก อบจ.สมุทรปราการ และเลขานุการ นายก อบจ. สมุทรปราการ ประกอบไปด้วย นายสุนทร ปานแสงทอง เป็นรองนายก อบจ.สมุทรปราการ ลำดับที่ 1 นายพิริยะ โตสกุลวงศ์ เป็นรองนายก อบจ.สมุทรปราการ ลำดับที่ 2 และนายสมลักษณ์ ควรสงวน เป็นรองนายก อบจ.สมุทรปราการ ลำดับที่ 3

พร้อมด้วย นายนิคม สมบุญมาก เลขานุการ นายก อบจ.สมุทรปราการ นายมนัส บุญอารีย์ เลขานุการ นายก อบจ.สมุทรปราการ และนายรัชชานนท์ ทองอร่าม เลขานุการ นายก อบจ.สมุทรปราการ

จากนั้นได้เข้าสู่ระเบียบวาระการประชุม ครั้งที่ 1 ในที่ประชุมได้เสนอชื่อนายสมศักดิ์ เอี่ยมสะอาด สมาชิกสภา อบจ.เขต 7 อ.เมืองฯ เป็นประธานสภาชั่วคราว เพื่อคัดเลือกประธานสภา อบจ.สมุทรปราการ และในที่ประชุมได้มีการเสนอชื่อ นายสมควร ชูไสว สมาชิกสภา อบจ.สมุทรปราการ เขต 15 อ.เมืองฯ เป็นประธานสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรปราการ

โดยมี นายนิมิต เม่นมิ่ง สมาชิกสภา อบจ.สมุทรปราการ เขต 4 อ.พระประแดง เป็นรองประธานสภา ลำดับที่ 1 นายชนะ หงวนงามศรี สมาชิกสภา อบจ.สมุทรปราการ เขต 12 อ.เมืองฯ เป็นรองประธานสภา ลำดับที่ 2 นอกจากนี้ยังได้เสนอชื่อนางสาววลัยพร บานแย้ม สมาชิกสภา อบจ.สมุทรปราการ เขต 6 อ.บางพลี เป็นเลขานุการสภา อบจ.สมุทรปราการ อีกด้วย

อย่างไรก็ตาม ในการเปิดประชุมสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรปราการ ครั้งแรก ทั้ง 5 วาระ โดยในที่ประชุมได้มีมติเห็นชอบอย่างเป็นเอกฉันท์ในทุกระเบียบวาระ..


คิว - ข่าวสมุทรปราการ รายงาน

สาธารณสุข จับตาใกล้ชิด "โควิดกลายพันธุ์" อังกฤษ - แอฟริกาใต้ - บราซิล หวั่นกระทบประสิทธิภาพวัคซีน เผยเชื้อโควิดจะกลายพันธุ์ทุก 2 เดือน ชี้เชื้อระบาดในไทยระลอกใหม่เป็นสายพันธุ์เมียนมา แต่หากควบคุมไม่ได้จะกลายเป็นสายพันธุ์ไทยแทน

รศ.นพ.โอภาส พุทธเจริญ หัวหน้าศูนย์โรคอุบัติใหม่ทางคลินิก รพ.จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดเผยถึงกรณีการพบคนไทยรายแรกติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์แอฟริกาใต้ ซึ่งเป็นไวรัสที่มีการกลายพันธุ์ว่า ในปัจจุบันได้มีคำแนะนำให้มีการเฝ้าระวังการกลายพันธุ์ของไวรัสใน 3 สายพันธุ์ ประกอบด้วย

สายพันธุ์ B.1.1.7 ที่ระบาดอยู่ในอังกฤษ โดยไวรัสตัวนี้สามารถจับกับเซลส์มนุษย์ได้ดีขึ้น และแบ่งตัวได้ดีขึ้น ส่งผลให้เกิดการแพร่เชื้ออย่างรวดเร็ว

สายพันธุ์ B.1.351 ที่ระบาดอยู่ในแอฟริกาใต้ โดยไวรัสตัวนี้สามารถหนีภูมิคุ้มกันได้ดีขึ้น และอาจมีผลต่อการใช้วัคซีนที่พัฒนาโดยสายพันธุ์ดั้งเดิม

สายพันธุ์ P.1 ที่ระบาดอยู่ในบราซิล ซึ่งพลาสม่าหรือระบบภูมิคุ้มกันของมนุษย์จับกับไวรัสนี้ได้น้อยลง เมื่อเทียบกับไวรัสสายพันธุ์ใหม่ที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้

"ผู้ป่วยชายไทยรายนี้ เดินทางมาจากประเทศแทนซาเนีย ต่อเครื่องที่เอธิโอเปีย พอถึงไทยได้เข้าพักใน Local Quarantine หลังจากนั้นมีอาการไอ ไข้ต่ำ ๆ จึงถูกย้ายไปที่ รพ.รัฐบาลแห่งหนึ่ง พอ 4 ก.พ.ตรวจ PCR พบว่าติดโควิด-19 และปอดอักเสบ ซึ่งผู้ป่วยเดินทางมาจากประเทศที่เป็นกลุ่มเสี่ยง จึงนำไวรัสไปตรวจที่ศูนย์โรคอุบัติใหม่เพื่อหาสายพันธุ์ และพบว่าเป็นสายพันธุ์แอฟริกาใต้ที่มีการกลายพันธุ์"

อย่างไรก็ดี ในปัจจุบันผู้ป่วยมีอาการดีขึ้นเป็นลำดับแล้วหลังได้รับยาต้านไวรัส ซึ่ง รพ.จุฬาฯ ได้มีการเฝ้าระวังไวรัสกลายพันธุ์ที่อาจจะเจอได้ในประเทศไทย โดยได้มีการตรวจหาไวรัสสายพันธุ์ต่างๆ ในผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศที่อาจจะเป็นแหล่งระบาดในสายพันธุ์ที่ต้องเฝ้าระวัง เช่น แอฟริกาใต้ อังกฤษ และบราซิล

ซึ่งเป็นมาตรการที่ รพ.จุฬาฯ ทำร่วมกับกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข เพื่อเฝ้าระวังไม่ให้คนไทยมีโอกาสติดเชื้อไวรัสที่มีการกลายพันธุ์ ซึ่งอาจจะมีผลต่อการใช้วัคซีนในอนาคตได้

ทั้งนี้ นับตั้งแต่มีการระบาดในประเทศไทย ในรอบแรกจะพบว่าไวรัสมีการกลายพันธุ์ทุก 2 เดือน โดยจับได้ 3 สายพันธุ์ ส่วนการระบาดในรอบใหม่นี้ ยังเป็นสายพันธุ์ที่มาจากเมียนมาเป็นหลัก และหากไม่สามารถยับยั้งการระบาดจากคนสู่คนได้ ก็อาจจะกลายเป็นไวรัสสายพันธุ์ใหม่ที่เป็นสายพันธุ์ของไทยเอง

ดังนั้นวิธีป้องกันที่ดีที่สุดไม่ให้ไวรัสกลายพันธุ์ คือพยายามหยุดการระบาด โดยการหมั่นล้างมือ ใส่หน้ากากอนามัย เว้นระยะห่าง ทั้งนี้ เพื่อยับยั้งโอกาสไม่ให้ไวรัสเข้ามาอยู่ในตัวคน เพราะเมื่อไวรัสเข้ามาอยู่ในตัวคนแล้ว จะมีกระบวนการแบ่งเซลล์ที่อาจทำให้เกิดโอกาสการกลายพันธุ์ได้ และอีกวิธีในการช่วยยับยั้งการแพร่ระบาดได้ คือการใช้วัคซีน

พีค of the week EP.6

ข่าวพีค ๆ มาอีกแล้วจ้า! วนกลับมาเจอกันตอนต้นสัปดาห์ เมื่อสัปดาห์ก่อนมีเหตุบ้านการเมืองร้อน ๆ เกิดขึ้นหลายเรื่องราว มาทั้งเรื่องการฟ้องร้อง การถูกถอดถอน การยุติบทบาท และไฮไลท์ที่ไม่พูดถึงไม่ได้ ‘ม็อบตีหม้อ’ งานนี้พกหม้อมาจากบ้าน

ทั้งหม้อเล็ก หม้อใหญ่ หม้อบุบ หม้อดำ พกอาวุธ เอ้ย! พกอุปกรณ์มาซะขนาดนี้ เราเลยขอตั้งชื่ออีพีนี้เพิ่มเติมด้วยว่า ‘พีคแบบหนังจีน’ ตามไปดูว่าจะมีเรื่องอะไรได้จากคลิปนี้กันเลย Let’s go!!

.

เครือซีพี คิกออฟ!! รีแบรนด์ยกเครื่อง ดันชื่อใหม่ ‘Lotus’s’ พร้อมโลโก้ลุคส์หวานสดใส

เปิดเผยความคืบหน้าการเปลี่ยนชื่อและปรับเปลี่ยนแบรนด์เทสโก้ โลตัส (TESCO Lotus) เป็น โลตัส (Lotus’s) ว่า หลังจากที่เครือซีพี ภายใต้บริษัท ซี.พี. รีเทล โฮลดิ้ง จำกัด ซึ่งถือหุ้นโดย บมจ.ซีพี ออลล์ (CPALL) สัดส่วน 40% บมจ.เจริญโภคภัณฑ์โฮลดิ้ง สัดส่วน 40% และบริษัท ซี.พี. เมอร์แชนไดซิ่ง จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ CPF สัดส่วน 20% ได้เข้าซื้อกิจการ บริษัท เทสโก้ สโตร์ส (ประเทศไทย) จำกัด และ Tesco Store (Malaysia) เข้ามาแล้วเสร็จในช่วงปลายปี 63

โดยทางเครือซีพีได้ปรับแบรนด์โลตัสครั้งใหญ่ตามกฎของการโอนถ่ายกิจการจากกลุ่มเทสโก้ ประเทศอังกฤษ และเพื่อให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์การบริหารงานของเครือซีพีที่ต้องการให้โลตัสมีความทันสมัยมากขึ้น หลังจากที่โลตัสเปิดให้บริการในไทยมานานกว่า 27 ปี โดยนำร่องปรับแบรนด์ครั้งใหญ่และทยอยรีโนเวทสาขาเลียบทางด่วนรามอินทราฯ / สาขาอ่อนนุช และสาขาพระราม 4 ก่อนจะทยอยปรับสาขาอื่น ๆ ทั้งในประเทศไทยและมาเลเซียต่อไป

กรมทรัพยากรน้ำบาดาล เผยผลวิเคราะห์ "น้ำบาดาล" หรือ "พุโซดา" ปลอดภัยสามารถดื่มได้ แต่ต้องผ่านการกรองที่ได้มาตรฐานก่อน โวคุณภาพเทียบเท่าน้ำแร่ ยี่ห้อดังจากประเทศเยอรมนี และฝรั่งเศส พร้อมเร่งเจาะอีก 3 บ่อ ทำโครงการหาน้ำกินน้ำใช้ และน้ำเพื่อการเกษตร

นายศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) เปิดเผยว่า จากการที่กรมทรัพยากรน้ำบาดาลได้สำรวจและเจาะพบแหล่งน้ำบาดาลในพื้นที่อำเภอห้วยกระเจา จังหวัดกาญจนบุรี จำนวน 3 แห่ง โดยบ่อน้ำบาดาล 2 แห่ง ที่เจาะพบน้ำบาดาลพุ่งขึ้นมาเป็นน้ำพุสูงราว 2 - 3 เมตร มีรสชาติคล้ายน้ำโซดา สามารถใช้ดื่มกินได้ สร้างความฮือฮาให้แก่ชาวบ้านและผู้พบเห็นนั้น

ขณะนี้ผลการตรวจสอบและวิเคราะห์น้ำบาดาลออกมาแล้ว ปรากฏว่า บ่อน้ำบาดาลที่บ้านทุ่งคูณ บ่อที่ 1 และบ่อที่ 2 น้ำบาดาลมีไบคาร์บอเนตสูง 2,420 มิลลิกรัมต่อลิตร และ 1,870 มิลลิกรัมต่อลิตร ฟลูออไรด์สูงเล็กน้อย 1.4 มิลลิกรัมต่อลิตร และ 1.1 มิลลิกรัมต่อลิตร และมีเหล็กสูง 10 มิลลิกรัมต่อลิตร และ 28 มิลลิกรัมต่อลิตร ตามลำดับ โดยมีคุณภาพเทียบเท่ากับน้ำแร่ ยี่ห้อดังจากประเทศเยอรมนี และฝรั่งเศส ซึ่งกรมทรัพยากรน้ำบาดาล เตรียมหาเครื่องกรองสนิมเหล็กในพื้นที่ เพื่อให้ประชาชนมีโอกาสได้ชิมด้วย

อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล กล่าวว่า "เป็นความโชคดีที่น้ำบาดาลจากแหล่งน้ำบาดาลห้วยกระเจาไม่มีสารพิษหรือสารปนเปื้อนร้ายแรง และจากการตรวจสอบปริมาณน้ำบาดาลทั้ง 2 บ่อ คาดว่าจะสามารถพัฒนาน้ำขึ้นมาใช้ได้ไม่น้อยกว่า 2,400 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน หรือไม่น้อยกว่า 500,000 ลูกบาศก์เมตรต่อปี

จากนั้นได้ให้นักวิทยาศาสตร์ ของกรมทรัพยากรน้ำบาดาลทดลองกรองน้ำบาดาลจากบ่อน้ำบาดาลที่เก็บมาจากพื้นที่ ซึ่งมีสีเหลืองขุ่นเพื่อกรองเอาสารละลายเหล็กออก โดยอธิบดีได้ทดลองดื่มให้ดู พร้อมผู้สื่อข่าวได้ทดลองดื่ม น้ำที่ผ่านการกรองแล้ว น้ำดังกล่าวมีความใสสะอาดขึ้น แต่ยังคงรสหวานและไม่มีกลิ่นสนิมเหล็กแต่อย่างใด"

อย่างไรก็ตาม อธิบดีได้ชี้แจงรายละเอียดเพิ่มเติมว่า เป้าหมายตามภารกิจของกรมทรัพยากรน้ำบาดาล คือ การจัดหาแหล่งน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภค และน้ำเพื่อการเกษตร ซึ่งท้ายที่สุดพื้นที่ห้วยกระเจา กรมทรัพยากรน้ำบาดาลจะทำโครงการศึกษา สำรวจ และพัฒนาน้ำบาดาลจากแหล่งกักเก็บในหินแข็งระดับลึกในพื้นที่ธรณีวิทยาโครงสร้างซับซ้อน เพื่อพัฒนาน้ำบาดาลขึ้นมาให้ประชาชนได้ใช้ในการอุปโภคบริโภค และเพื่อการเกษตร โดยเร่งเจาะอีก 3 บ่อ เพื่อให้ครบทั้ง 6 บ่อ ซึ่งจะพัฒนาให้เป็นโครงการขนาดใหญ่ที่สุดอีกแห่งหนึ่งของกรมทรัพยากรน้ำบาดาล


ที่มา : เพจ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม-ประเทศไทย

https://www.facebook.com/mnreTH/posts/3885734331478987

'บิ๊กตู่' เตือนม็อบมีพยานหลักฐาน - กล้องบันทึกภาพชัดเจนใครก่อเหตุรุนแรง ขออย่าฟังความข้างเดียวดราม่าตำรวจทำร้ายแพทย์อาสา ชี้เจ้าหน้าที่เองก็ถูกทำร้าย ลั่นเคลื่อนไหวปลุกระดมเวลานี้ไม่เกิดประโยชน์ประเทศชาติ

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) กล่าวถึงความกังวลต่อการชุมนุมมีการจุดกระแสเจ้าหน้าที่ทำร้ายและอาจจะมีการเคลื่อนไหวไปที่หน้ารัฐสภาในวันอภิปรายไม่ไว้วางใจ และการควบคุมสถานการณ์เพราะเริ่มมีการยกระดับความรุนแรงมีระเบิดในพื้นที่ชุมนุม ว่า ยืนยันว่าจะให้เจ้าหน้าที่ทำงานอย่างเต็มที่ในการทำหน้าที่ตามกฎหมายด้วยความละมุนละม่อม

ขณะเดียวกันขอฝากเตือนผู้ก่อเหตุด้วยว่าทุกอย่างเป็นไปตามพยานหลักฐานจำนวนมาก รวมถึงกล้องต่าง ๆ ก็ออกมาให้เห็นอย่างชัดเจน จึงขอให้เสนอข่าวสองทางว่ามีการปฏิบัติต่อเจ้าหน้าที่ด้วยและต้องเห็นใจเจ้าหน้าที่ที่ต้องทำงานด้วยความระมัดระวัง และมีชีวิตจิตใจเหมือนกัน ถ้าใช้ความรุนแรงตอบโต้ไปมาก็มีแต่ทำให้เกิดความรุนแรงเกิดขึ้นและไม่เป็นผลดีต่อประเทศชาติและประชาชนโดยรวม

เมื่อถามว่า ในฐานะกำกับดูแลตำรวจจะชี้แจงหรือแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ตำรวจทำร้ายร่างกายทีมแพทย์ อย่างไร และต้องกำชับให้ระมัดระวังอะไรเพิ่มเติมหรือไม่

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า "ก็บอกไปแล้วมีการทำร้ายเจ้าหน้าที่ด้วย ซึ่งต้องไปพิสูจน์ทราบเจ้าหน้าที่แพทย์จริงหรือไม่ ขณะนี้อยู่ในกระบวนการสอบสวนและฟังความข้างเดียว ทุกคนต้องเคารพกฎหมาย"

เมื่อถามถึงการนัดหมายชุมนุม 17 ก.พ.และ 20 ก.พ. ซึ่งเป็นช่วงการอภิปรายไม่ไว้วางใจ เป็นห่วงหรือไม่ว่าผลการอภิปรายและลงมติในสภาฯ จะมีผลต่อการเคลื่อนไหวชุมนุมนอกสภา พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า "ตนคิดว่า อย่ามีการเคลื่อนไหวในทางปลุกระดมปลุกปั่น ให้เกิดการชุมนุม ไม่เกิดประโยชน์อะไรต่อประเทศชาติในเวลานี้ เพราะประเทศชาติมีปัญหาอยู่ ทั้งโควิดและปัญหาต่างๆ มากมาย ถึงไม่ควรเพิ่มความขัดแย้งให้มากยิ่งขึ้น ขณะเดียวกันกระบวนการทำงานก็เป็นเรื่องของรัฐสภาและรัฐบาลที่ต้องชี้แจงในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ จึงขอให้ประชาชนเฝ้ารอฝั่งที่บ้านดีกว่ามาประท้วงซึ่งไม่รู้เพื่อจุดมุ่งหมายอะไร ซึ่งหลายคนพอจะทราบอยู่แล้ว"

เมื่อถามว่ามีรายงานข่าวว่ากลุ่มเรียกร้องประชาธิปไตย ต่อต้านรัฐประหารเมียนมาในไทยแฝงตัวร่วมชุมนุมในพื้นที่ปทุมวันและสนามหลวงช่วงที่ผ่านมา ได้กำชับให้หน่วยความมั่นคงดูแลเรื่องนี้อย่างไร เพื่อป้องกันเหตุรุนแรงในอนาคต พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า "ผมขอเตือนว่าให้ใช้ความระมัดระวังให้มากที่สุดในฐานะมิตรประเทศและอาเซียน ต้องระมัดระวังทุกมิติและทุกประเด็นพร้อมรับฟังความคิดเห็นจากร้ายแรงว่าจะดำเนินการได้มากน้อยเพียงใด"

ส่วนประเด็นความพร้อมต่อการอภิปรายไม่ไว้วางใจในวันพรุ่งนี้ (16 ก.พ.) มีความกังวลกับข้อกล่าวหาที่เกี่ยวพันกับสถาบันอย่างไร ถ้าละเอียดอ่อนมากจะขอให้ประชุมลับหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ตนคงไม่ต้องตอบ เรื่องความเกี่ยวกังวลเกี่ยวข้องกับสถาบันฯ ในสภา ซึ่งมันควรหรือไม่ควรก็ไปว่ากันมา เป็นเรื่องของสมาชิกและเป็นเรื่องที่สภาต้องดำเนินการให้อยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญและกฎหมายที่เกี่ยวข้องทุกประการ

เปิดไทมไลน์จลาจล ‘ม็อบ ปะทะ ตำรวจ’ 13 ก.พ. 64

ม็อบ13กุมภา - กลายเป็นประเด็นร้อนฉ่าขึ้นมาทันที ในระหว่างการชุมนุมจัดกิจกรรม นับ 1 ถึงล้าน คืนอำนาจให้ประชาชน เมื่อวันเสาร์ที่ 13 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ซึ่งเกิดเหตุประทะกันระหว่างกลุ่มผู้ชุมนุมและเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมฝูงชน จนเกิดกระแสดราม่า ‘ตำรวจกระทืบหมอ’ เราลองไปย้อนดูไทม์ไลน์กันว่า ในวันนั้นเกิดอะไรขึ้นบ้าง

- 18.50 น. กลุ่มผู้ชุมนุมเคลื่อนขบวนถึงหน้าศาลฎีกา โดยมีกำลังตำรวจควบคุมฝูงชนตั้งแนวกั้น

- 18.58 น. กลุ่มผู้ชุมนุมเริ่มใช้ความรุนแรง ทำลายรั้วและผลักดันเจ้าหน้าที่

- 19.44 น. กลุ่มผู้ชุมนุมเริ่มปาขวดน้ำ สิ่งของใส่เจ้าหน้าที่ พร้อมเรียกร้องให้ปิดไฟ มีเสียงคล้ายระเบิดดังขึ้น 2 ครั้ง

- 20.13 น. กลุ่มผู้ชุมนุมมีการสาดสี และปาก้อนหินใส่เจ้าหน้าที่อย่างต่อเนื่อง

- 20.28 น. กลุ่มผู้ชุมนุมขว้างประทัดยักษ์ ระเบิดควันใส่เจ้าหน้าที่

- 20.20 น. นายอรรถพล บัวพัฒน์ (ครูใหญ่ พอกันที) แกนนำราษฎร ประกาศยุติการชุมนุม

- 21.06 น. ควบคุมตัวหญิงมีอาการเมาสุรา ก่อเหตุอาละวาด เพื่อนำไปสงบสติอารมณ์

- 21.40 เจ้าหน้าที่ได้เคลียร์พื้นที่ถนนหน้าศาลฎีกาแล้วเสร็จ และเจ้าหน้าที่ EOD ได้เข้าตรวจพิสูจน์หลักฐาน

- 22.10 น. พ.ต.อ.อรรถวิทย์ สายสืบ ให้สัมภาษณ์สื่อว่ามีผู้ถูกจับกุม 11 คน นำตัวไปบก.ตชด.ภาค 1

- 22.58 น. ที่ สน.นางเลิ้ง เกิดเหตุวุ่นวาย กรณีมีการยิงการ์ดอาชีวะบาดเจ็บ 2 คน


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top