Monday, 17 March 2025
NEWS FEED

ผอ.ศปนม.ตร. เสริมศักยภาพปราบปรามอาชญากรรมด้านน้ำมันเชื้อเพลิง 

(12 มี.ค. 68) ที่ The COP Seminar & Resort อ.บางละมุง จ.ชลบุรี พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ ในฐานะ ผอ.ศปนม.ตร. เป็นประธานเปิดการฝึกอบรมเสริมทักษะการปราบปรามความผิดเกี่ยวกับน้ำมันเชื้อเพลิง รุ่นที่ 1 โดยมีเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องร่วมรับการฝึกอบรม 

โดยเป้าหมายของการอบรม เพื่อเพิ่มพูนความรู้และทักษะให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ อีกทั้งเรียนรู้เทคนิคการตรวจสอบ ป้องกัน และดำเนินคดี ตลอดจนเสริมสร้างศักยภาพในการปราบปรามอาชญากรรมด้านพลังงาน

การฝึกอบรมในครั้งนี้ ได้รับเกียรติจากผู้บริหารระดับสูงและผู้เชี่ยวชาญจากหลายหน่วยงานร่วมสนับสนุน ตอกย้ำความสำคัญของการบังคับใช้กฎหมายให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

สมุทรปราการ-เทศบาลตำบลแพรกษา จัดงาน “วันสตรีสากล” แข่งทำอาหารใช้วัตถุดิบปลาสลิดของดีสมุทรปราการ

(12 มี.ค. 68) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่สำนักงานเทศบาลตำบลแพรกษาโดย นางอรัญญา สุวรรณบุตร นายกเทศมนตรีตำบลแพรกษา ให้เกียรติเป็นประธานเปิดงานวันสตรีสากล ประจำปี 2568 

โดยมี ดร.ยงยุทธ สุวรรณบุตร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เขต 2 จังหวัดสมุทรปราการ สมัยที่ 25 และที่ปรึกษากิตติมศักดิ์นายกเทศมนตรีตำบลแพรกษา พร้อมด้วย คณะผู้บริหาร คณะสมาชิกสภาเทศบาล หัวหน้าส่วนราชการ ผู้นำท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ประชาชนจากชุมชนต่างๆ ในเขตพื้นที่ร่วมกิจกรรมในครั้งนี้

นอกจากนี้ ยังได้รับเกียรติจากคณะกรรมการผู้ทรงเกียรติเป็นผู้ร่วมตัดสินรสชาติอาหารในกิจกรรมการแข่งขันการประกวดทำอาหารในครั้งนี้อีกด้วย

 จากนั้น นายวรรณวุฒิ มาสุข รองปลัดเทศบาล รักษาราชการแทนปลัดเทศบาล กล่าวรายงานและวัตถุประสงค์การจัดกิจกรรม

สำหรับกิจกรรมการประกวดทำอาหารโดยใช้วัตถุดิบจากปลาสลิด เป็นการสนับสนุนของดีเมืองสมุทรปราการ ซึ่งเป็นวัตถุดิบจากภูมิปัญญาชาวสมุทรปราการ เพื่อเป็นการขับเคลื่อนชุมชนให้ก้าวไปข้างหน้า ให้เครือข่ายด้านสตรีได้รวมพลังแสดงถึงความสามัคคีของสตรีตำบลแพรกษา 

อีกทั้งสนับสนุนและร่วมกันจัดกิจกรรมให้เป็นที่รู้จักและกว้างขวางมากขึ้น ภายในงานมีกิจกรรมต่างๆ ดังนี้ พิธีมอบใบประกาศเกียรติคุณรางวัลสตรีดีเด่น 5 ด้าน การบรรเลงดนตรีไทยจากนักเรียนโรงเรียน PWS แพรกษาวิเทศศึกษา และการประกวดทำอาหารของคนในชุมชน

โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมให้องค์กรสตรีได้มีโอกาสทบทวนบทบาทสถานภาพ เพื่อนำไปสู่การดำเนินงานที่เหมาะสมและเปิดโอกาสให้ผู้หญิงมีส่วนร่วมในการทำกิจกรรมสร้างสรรค

คิว-ข่าวสมุทรปราการ รายงาน

ผู้บังคับการศูนย์ฝึกทหารใหม่ กรมยุทธศึกษาทหารเรือ พบปะทหารใหม่ สร้างจิตวิญญาณความเป็นทหาร และชี้แนวทางสู่การเป็น “สุภาพบุรุษทหารเรือ”

ในวันอังคารที่ (11 มี.ค. 68) น.อ.ทิวา  อ่อนละออ ผู้บังคับการศูนย์ฝึกทหารใหม่ กรมยุทธศึกษาทหารเรือ (ผบ.ศฝท.ยศ.ทร.) พบปะ ให้กำลังใจ สร้างจิตวิญญาณความเป็นทหาร และชี้แนะแนวทางสู่การเป็น “สุภาพบุรุษทหารเรือ” ภายใต้ความเป็น “สังคมทหาร” แก่ทหารใหม่ ผลัด 4/67 ณ ลานหน้ากองบังคับการกองการฝึก ศูนย์ฝึกทหารใหม่ กรมยุทธศึกษาทหารเรือ ต.บางเสร่ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี
กิจกรรมดังกล่าวเป็นเจตนารมณ์ของ ผบ.ศฝท.ยศ.ทร. ที่ปลูกฝังให้ทหารใหม่ให้เข้าใจระบบความเป็น “สังคมทหาร” พร้อมกับชี้แนะแนวทางของการเป็น “สุภาพบุรุษทหารเรือ” เพื่อเป็นพื้นฐานทัศนะคติ (mindset) ต่อการปฏิบัติงานในหน่วยงานของกองทัพเรือต่อไป 

โดยได้มอบแนวความคิดตอนหนึ่งว่า “…สังคมทหาร ไม่ใช่สังคมศักดินา ไม่มีนายไม่มีบ่าว ไม่ใช่สังคมชั้นสูง มีเเต่ผู้บังคับบัญชาและผู้ใต้บังคับบัญชา เพราะทหารเป็นสังคมที่ถืออาวุธ ไม่ใช่สังคมทาส แต่เป็นสังคมของเพื่อนคู่ชีวิต ซึ่งตายด้วยกันและตายแทนกันได้ เราอยู่ด้วยกันด้วยการให้เกียรติซึ่งกันและกันตามตำแหน่งหน้าที่ และคุณวุฒิทหารไม่ใช่ผู้ขายแรงงานเพื่อแลกกับเงิน หากแต่เราขายชีวิตเพื่อรักษาชาติบ้านเมืองไว้ด้วยชีวิต…"

พร้อมกับได้เน้นย้ำแนวทางการฝึกอบรมของศูนย์ฝึกทหารใหม่ ตลอดจนโอกาสในการรับราชการทหารเรือให้ทหารใหม่เป็นไปตามเจตนารมณ์ของผู้บัญชาการทหารเรือที่มุ่งหวังให้ ศฝท.ยศ.ทร. หล่อหลอมให้ทหารใหม่ทุกนายเป็นทหารที่สมบูรณ์ทั้งร่างกายและจิตใจ ส่งเสริมให้สามารถปฏิบัติภารกิจต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

สมนึก เชื้อสนุก รายงาน

THE STATES TIMES ผนึกกำลัง SPUTNIK ร่วมพัฒนาวงการสื่อสารมวลชนไทย

(11 มี.ค. 68) ครั้งแรกในประเทศไทย กับการผนึกกำลังของ 2 หน่วยงานด้านสื่อออนไลน์ ระหว่างสำนักข่าวออนไลน์ THE STATES TIMES จากประเทศไทย กับ สำนักข่าว SPUTNIK ของรัสเซีย พร้อมด้วยวิทยาลัยผู้นำและนัวตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต 

จัดสัมมนา เผยแพร่ความรู้ด้านข่าวสาร ในหัวข้อ THE FUTURE JOURNALISM 2025 “AI กับ สื่อสารศาสตร์ยุคใหม่” 

โดยจะมีผู้ทรงคุณวุฒิมากมายหลายท่าน มาร่วมถ่ายทอดประสบการณ์และความรู้ด้านการสื่อสารยุคใหม่ อาทิ 
-ผศ.ดร. สุริยะใส กตะศิลา คณบดีวิทยาลัยผู้นำและนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต
-ฯพณฯ นายเยฟกินี โทมิคิน เอกอัครราชทูตแห่งสหพันธรัฐรัสเซีย ประจำราชอาณาจักรไทย
-อ.อนุสรณ์ ศรีแก้ว คณบดีกิตติคุณวิทยาลัยนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต
-คุณวาซิลี พุชคอฟ ผู้อำนวยการด้านความร่วมมือระหว่างประเทศของสำนักข่าว SPUTNIK 
-คุณวินท์ สุธีรชัย กรรมการปรับปรุงและยกร่างกฎหมาย กระทรวงพลังงาน

ขณะที่ คุณวารินทร์ สัจเดว ผู้ประการข่าวและสื่อมวลชน รับหน้าที่ผู้ดำเนินรายการตลอดทั้งงาน

ทั้งนี้ งานสัมมนาดังกล่าว จะจัดขึ้นในวันศุกร์ที่ 14 มีนาคม 2568 ตั้งแต่เวลา 09:00 – 12:00 น. 
ณ ห้องประชุม 6-200 อาคาร Student Center (อาคาร 6) มหาวิทยาลัยรังสิต

กรมศุลกากรขานรับนโยบายปราบปรามบุหรี่ไฟฟ้า บูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ยึดบุหรี่ไฟฟ้าผ่านแดน กว่า 2 แสนชิ้น มูลค่า 33.07 ล้านบาท

วันจันทร์ที่ (10 มี.ค. 68) นางสาวจิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระ ทรวงการคลัง นายสุรชาติ เทียนทอง ผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง (ปฏิบัติหน้าที่เลขานุ การรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์) นายพลนขชา จักรเพ็ชร ที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ร่วมแถลงข่าว "กรมศุลกากรขานรับนโยบายปราบปรามบุหรี่ไฟฟ้า บูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยึดบุหรี่ไฟฟ้าผ่านแดน กว่า 2 แสนชิ้น มูลค่า 33.07 ล้านบาท" โดยมี นายชัยพร แพภิรมย์รัตน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี นายธีรัชย์ อัตนวานิชอธิบดีกรมศุลกากร พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ นายดิเรก คชารักษ์ รองอธิบดีกรมศุลกากร พล.ต.อ.ประจวบ วงศ์สุข รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรีผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่ง ชาติ สำนักงานตำรวจแห่วจแห่งชาติ และพล.ต.ท. ยิ่งยศ เทพจำนงค์ ผู้บัญชาการดำรวจภูธรภาค 2 ณ ศูนย์เอกซเรย์และเทคโนโลยีศุลกากร สำนักงานศุลกากรท่าเรือแหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี

ตามนโยบายรัฐบาลโดยการนำของ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้มีข้อสั่งการให้ทุกหน่วยงานภาครัฐบูรณาการความร่วมมือเดินหน้าปราบปราม หยุดยั้งการลักลอบผลิต นำเข้าหรือจำหน่ายเพื่อยับยั้งการแพร่ระบาดบุหรี่ไฟฟ้าทุกชนิด โดยให้เร่งดำเนินการจับกุมและเร่งสร้างภูมิคุ้มกันในการสูบบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้าในเด็กและเยาวชนให้แล้วเสร็จภายใน 30 นั้น กรมศุลกากร โดยสำนักงานศุลกากรท่าเรือแหลมฉบัง และกองสืบสวนและปราบปราบปรามกรมสอบ สวนคดีพิเศษ สถานีตำรวจภูธรเมืองชลบุรี สถานีตำรวจภูธรแหลมฉบัง และตำรวจภูธรภาค 2 ร่วมกับกันตรวจ สอบตู้สินค้าผ่านแดน จำนวน 1 ผู้คอนเทนเนอร์ ณ ท่าเรือ LCMT (A0) สำนักงานศุลกากากรท่าเรือแหลมฉบัง ประเทศต้นทางจาก CHINA ส่งไปยังประเทศ Myannar นำเข้าสินค้าผ่านท่าเรือแหลมฉบัง และจะไปทำการตรวจปล่อยที่ด่านศุลกากรแม่สอด สำนักงานศุลกากรภาคที่ 3 โดยสำแดงสินค้าเป็นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ อุป กรณ์ทางการแพทย์ส่วนประกอบรถยนต์ เครื่องจักรและอื่น ๆ จำนวน 1,173 กล่อง ผลการตรวจสอบพบบุหรี่ไฟฟ้าชนิดใช้แล้วทิ้ง 6,000 ชิ้น มูลค่า 1,200,000 บาท น้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า 6,000 ชิ้น มูลค่า 900,000 บาท หัว พ็อดบุหรี่ไฟฟ้าที่ภายในบรรจุน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า190,100 ชิ้น มูลค่า 28,515,00 บาท และเครื่องบุหรี่ไฟฟ้า พร้อมน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า 8,200 ชิ้น มูลค่า 2,460,000 บาท รวมทั้งหมด 210,300 ชิ้น มูลค่ารวม 33,075,000 บาท ซึ่งมีความผิดตาม พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ. 2560 และเป็นของต้องห้ามตามประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง สินค้าต้องห้ามนำผ่านราขอาณาจักร พ.ศ. 2559 ประกอบประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้บารากู่และบารากูไฟฟ้า หรือบุหรี่ไฟฟ้าเป็นสินค้าที่ต้องห้ามในการนำเข้าในราชอาณาจักร พ.ศ.2557

สำหรับของกลางที่ตรวจยึดได้ดังกล่าวกรมศุลกากรจะได้ประเมินราคาเพื่อแจ้งให้หน่วยงานที่รับผิดชอบเพื่อดำเนินคดี โดยกรมสอบสวนคดีพิเศษจะได้เร่งทำการสืบสวนสอบสวนและขยายผลไปยังตัวการ ผู้ใช้และผู้สนับสนุน ภายได้การบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องและมาตรการพิเศษอย่างเด็ดขาด เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผลในการป้องกัน ปราบปรามและแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของบุหรี่ไฟฟ้าให้เกิดผลสัมฤทธิ์อย่างเป็นรูปธรรมชัดเจนต่อไป

สถาปนา ครบรอบ 33 ปี ทัพเรือภาคที่ 1  มุ่งมั่นปฏิบัติงานภายใต้แนวทาง ทีมเดียวกัน เป้าหมายเดียวกัน one team one goal

วันนี้ (11 มี.ค. 68) พลเรือโท อาภา ชพานนท์ ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 1 เป็นประธานในพิธีวันคล้ายวันสถาปนาทัพเรือภาคที่ 1 ประจำปี 2568 ครบรอบ 33 ปี ณ กองบัญชาการ ทัพเรือภาคที่ 1 อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี โดยมีนายทหารชั้นผู้ใหญ่ ข้าราชการ ทหารกองประจำการ และพนักงานราชการในทัพเรือภาคที่ 1 เป็นเจ้าภาพให้การต้อนรับแขกผู้มีเกียรติที่มาร่วมงาน อันได้แก่ หัวหน้าหน่วยงานจากภาคส่วนต่าง ๆ ทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ที่มีความสัมพันธ์ และให้การสนับสนุนภารกิจของทัพเรือภาคที่ 1 เป็นอย่างดีเสมอมา ซึ่งให้เกียรติมาแสดงความยินดี และร่วมในพิธีต่างๆ ในวันนี้

สำหรับงานในวันนี้มีพิธีที่สำคัญ ประกอบด้วย พิธีบวงสรวง พลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ พิธีให้โอวาท โดย ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 1 ได้กรุณาให้โอวาทแก่กำลังพลในทัพเรือภาคที่ 1 พิธีมอบทุนการศึกษาแก่บุตร ธิดา ข้าราชการ และพนักงานราชการ ในทัพเรือภาคที่ 1 และพิธีสงฆ์ เจริญพระพุทธมนต์ เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่กำลังพลและแขกผู้มีเกียรติที่เข้าร่วมงาน

พลเรือโท อาภา ชพานนท์ ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 1 กล่าวว่า ทัพเรือภาคที่ 1 ได้สนองภารกิจตามนโยบายของกองทัพเรือ โดยสร้างหน่วย สร้างกำลังพลให้มีประสิทธิภาพ ภายใต้ภารกิจในการปกป้อง คุ้มครองรักษา อธิปไตย รักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล ตลอดจนเตรียมความพร้อมสรรพกำลัง เรือรบ อากาศยาน กำลังพลให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติ ในทุกๆ ด้าน โดย มุ่งมั่นปฏิบัติงานภายใต้แนวทาง “ทีมเดียวกัน เป้าหมายเดียวกัน” “one team one goal”

นิราช ทิพย์ศรี /นันทพล  ทิพย์ศรี  อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี 0909535645,0945565622/086-3684323 

ป.ป.ช. ปรับหลักเกณฑ์อยู่กินฉันสามีภริยา แต่ไม่จดทะเบียน หากเข้าข่าย 3 พฤติการณ์หลัก ให้ถือว่าเป็น ‘คู่สมรส’

ราชกิจจาฯ ประกาศ คณะกรรมการ ป.ป.ช. ออกหลักเกณฑ์ใหม่ 'อยู่กินฉันสามีภริยา' โดยมิได้จดทะเบียนสมรส ยก '3 พฤติการณ์หลัก' ถือว่าเป็นคู่สมรส มีผลบังคับใช้แล้ว

(11 มี.ค.68) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เว็บไซต์ ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ ประกาศคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เรื่อง หลักเกณฑ์ของผู้ซึ่งอยู่กินกันฉันสามีภริยาโดยมิได้จดทะเบียนสมรสอันถือว่าเป็นคู่สมรส (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2568 ลงนามโดย นายสุชาติ ตระกูลเกษมสุข ประธานกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ

ประกาศฉบับดังกล่าวระบุว่า โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขเพิ่มเติมประกาศคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ เรื่อง หลักเกณฑ์ของผู้ซึ่งอยู่กินกันฉันสามีภริยาโดยมิได้จดทะเบียนสมรสอันถือว่าเป็นคู่สมรส พ.ศ.2561

ทั้งนี้ เพื่อให้การประกาศกำหนดหลักเกณฑ์ของผู้ซึ่งอยู่กินกันฉันสามีภริยาโดยมิได้จดทะเบียนสมรสอันถือว่าเป็นคู่สมรสดังกล่าว สอดคล้องกับพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่ 24) พ.ศ.2567

ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ เรื่อง หลักเกณฑ์ของผู้ซึ่งอยู่กินกันฉันสามีภริยาโดยมิได้จดทะเบียนสมรสอันถือว่าเป็นคู่สมรส (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2568”

ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 22 มกราคม 2568 เป็นต้นไป

สาระสำคัญของประกาศฉบับนี้ ให้ยกเลิกความในข้อ 3 แห่งประกาศคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ เรื่อง หลักเกณฑ์ของผู้ซึ่งอยู่กินกันฉันสามีภริยาโดยมิได้จดทะเบียนสมรสอันถือว่าเป็นคู่สมรส พ.ศ.2561 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน

“ข้อ 3 บุคคลซึ่งอยู่กินกันฉันคู่สมรสโดยมิได้จดทะเบียนสมรสกับเจ้าพนักงานของรัฐ และมีลักษณะอย่างหนึ่งอย่างใดดังต่อไปนี้ ให้ถือเป็นคู่สมรสตามมาตรา102 วรรคสอง และมาตรา 126 วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561

1.ได้ทำพิธีมงคลสมรสหรือพิธีอื่นใดในทำนองเดียวกันกับเจ้าพนักงานของรัฐ โดยมีบุคคลในครอบครัวหรือบุคคลภายนอกรับทราบว่าเป็นการอยู่กินเป็นคู่สมรสกันตามประเพณี

2.เจ้าพนักงานของรัฐแสดงให้ปรากฏว่ามีสถานะเป็นคู่สมรสกัน หรือมีพฤติการณ์เป็นที่รับรู้ของสังคมทั่วไปว่ามีสถานะดังกล่าว

ทั้งนี้ ให้หมายความรวมถึงบุคคลซึ่งจดทะเบียนสมรสกับเจ้าพนักงานของรัฐและต่อมา ได้จดทะเบียนหย่าขาดจากกันตามกฎหมาย แต่ยังแสดงให้ปรากฏหรือมีพฤติการณ์ซึ่งเป็นที่รับรู้ของสังคมทั่วไปว่ามีสถานะเป็นคู่สมรสกัน”

นย.เตรียมฝึกร่วม Blue strike ณ ประเทศจีน

พล.ร.ต.โยธิน ธนะมูล ผู้บัญชาการกองพลนาวิกโยธิน หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน (ผบ.พล.นย.) เป็นประธานในพิธีเปิดการฝึกเตรียมก่อนการฝึกผสม กองทัพเรือไทย-กองทัพเรือสาธารณรัฐ ประชาชนจีน (ทร.ไทย - ทร.สปจ.) 'BLUE STRIKE 2025' ณ ค่ายพระมหาเจษฎาราชเจ้า กองพลนาวิกโยธิน อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี 

การฝึกผสมระหว่างกองทัพเรือไทยและกองทัพเรือสาธารณรัฐ ประชาชนจีนนั้น เกิดขึ้นครั้งแรกเมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 2548 ภายใต้รหัสการฝึก "PASSEX" หรือ "Passing Exercise" ซึ่งเป็นการฝึกการสื่อสารระหว่างเรือ ต่อมาเมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2550 ได้มีการหารือร่วมกันถึงการฝึกผสมระหว่างหน่วยบัญชาการนาวิกโยธินของไทย กับนาวิกโยธินของสาธารณรัฐประชาชนจีน โดยในการประชุมร่วมทั้งสองฝ่ายได้บรรลุข้อตกลงร่วมกันเกี่ยวกับการฝึก ซึ่งมีวงรอบในการฝึกทุก 2 ปี และจะมีการผลัดเปลี่ยนกันเป็นเจ้าภาพในการฝึกแต่ละครั้ง 

จากนั้น ในเดือนพฤศจิกายน 2553 จึงมีการฝึกผสมร่วมกันเป็นครั้งแรก ภายใต้รหัสการฝึก BLUE STRIKE 2010 ซึ่งใช้พื้นที่ในการฝึกบริเวณจังหวัดชลบุรี จังหวัดระยอง จังหวัดจันทบุรี และอ่าวไทยตอนบน และฝึกร่วมกันเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน ครั้งนี้นับเป็น ครั้งที่ 6 ไปฝึกที่เมืองจ้านเจียง สาธารณรัฐ ประชาชนจีน ในเร็วๆ นี้

โดยมีวัตถุประสงค์ของการฝึกร่วมฯ เพื่อ

1.สถานียุทธวิธีทหารราบยานเกราะ VN16 และกำลังพลประจำรถของไทย ได้เรียนรู้เทคนิคต่างๆ เพิ่มเติม ซึ่งไม่เคยได้รับการถ่ายทอดความรู้จาก บริษัท ผู้ผลิตยานเกราะฯ อันได้แก่ เทคนิคการขับเทคนิคการใช้อาวุธ การลากจูง การซ่อมแซมชิ้นส่วนชำรุด ตลอดจนการปรนนิบัติบำรุงที่สำคัญทำให้กำลังพล มีความมั่นใจในการปฏิบัติงานกับยานเกราะฯ ทั้งในน้ำและบนบก เพิ่มมากขึ้น /ทำให้เพิ่มประสิทธิภาพและขีดความสามารถในการปฏิบัติงาน
2.การฝึกของทหารราบ ซึ่งทำการฝึกแบบเวียนสถานี ฝ่ายไทยเรียนรู้ และแลกเปลี่ยนความรู้ด้านต่างๆ ทั้งองค์บุคคล องค์วัตถุ และองค์ยุทธวิธี รวมถึงเรียนรู้เทคโนโลยีจาก สปจ. ซึ่งนอกจากสิ่ง ที่ได้กล่าวมาแล้ว สิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างการฝึกคือมิตรภาพระหว่าง ทร.ไทย - ทร.สปจ. ดังคำกล่าวที่ว่าไทยจีนพี่น้องกัน ความสัมพันธ์แน่นแฟ้น

ประโยชน์ที่ได้รับ คือ
- เพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์มิตรภาพที่ดีระหว่าง นย.ไทย กับ ทร.สปจ.
- เพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์การปฏิบัติทางยุทธวิธีของหน่วยขนาดเล็ก
- เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้ เสริมสร้างทักษะ และประสบการณ์ทางด้านเทคนิคของอาวุธ ยุทโธปกรณ์สมัยใหม่
- เพื่อพัฒนาองค์บุคคล องค์วัตถุ และองค์ยุทธวิธี ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ในปัจจุบัน และ วิทยาการสมัยใหม่
- เพื่อเสริมสร้างความเข้าใจและความประสานสอดคล้อง ในการปฏิบัติการรบผสมหน่วย/เหล่า

‘สว.สงขลา’ ซัดรัฐบาลล้มเหลวดับไฟใต้ งบฯ  500 ล้านแต่การข่าวไร้ประสิทธิภาพ 

(11 มี.ค. 68) ที่รัฐสภา ในการประชุมวุฒิสภา มีพล.อ.เกรียงไกร ศรีรักษ์ รองประธานวุฒิสภา คนที่หนึ่ง เป็นประธานการประชุม โดยก่อนเข้าสู่วาระได้เปิดให้สมาชิกหารือปัญหาความเดือดร้อน

โดยนายไชยยงค์ มณีรุ่งสกุล สว.หารือเรื่องความรุนแรงในจังหวัดภาคใต้ว่า ล่าสุดเมื่อวันที่ 8 มี.ค.ที่ผ่านมา เมื่อกองกำลังติดอาวุธบีอาร์เอ็น สามารถที่จะบุกเข้าไปกลางใจเมืองของอ.สุไหง-โกลก ซึ่งเป็นเมืองหลัก เมื่อเศรษฐกิจของ8หัวเมืองในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ และมีการก่อวินาศกรรมเผา และวางระเบิด ที่ว่าการอำเภอ รวมทั้งสถานที่ราชการอื่นๆ ซึ่งอยู่บริเวณใกล้เคียง มีเจ้าหน้าที่รัฐเสียชีวิต ประชาชนได้รับบาดเจ็บจำนวนหนึ่ง ถ้าตนไม่หยิบเรื่องนี้มาพูด ก็เหมือนกับว่าตนและพื่อนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ละเลยต่อความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน และไม่ได้ทำหน้าที่ในการควบคุมการบริหาราาชการแผ่นดินของรัฐบาล

นายไชยยงค์ กล่าวต่อว่า เรื่องที่เกิดขึ้นทำให้เราเห็นถึง ความไร้ประสิทธิภาพในหลายส่วนในการแก้ปัญหาความไม่สงบของจังหวัดใช้แดนพักใต้เริ่มจากงานการข่าวเรามีงบการข่าวในการบูรณาการของจังหวัดใช้แดนภาคใต้ปีละถึง 500 ล้านบาท แต่ปรากฏว่างานการข่าวไม่มีประสิทธิภาพ เพราะคนร้ายยกขบวนนำระเบิดข้ามมาจากประเทศเพื่อนบ้าน เข้ามาก่อการร้ายในพื้นที่ของเมืองชายแดนในวันเกิดเหตุเกือบ 10 จุด แต่เราไม่ได้ข่าวความเคลื่อนไหวกลุ่มคนร้ายเลย ซึ่งตนมองว่าเรากำลังใช้งบประมาณการข่าวที่ไม่มีประสิทธิภาพ และ หน่วยงานของรัฐในพื้นที่ไม่มีประสิทธิภาพในการป้องกันหน่วยงานของตนเองเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองปล่อยให้คนร้ายสามารถบุกเข้าไปก่อวินาศกรรมในสำนักงานที่ว่าการอำเภอของตนเองได้โดยไม่มีการตั้งรับและไม่มีแผนเผชิญเหตุ ซึ่งภาพที่ปรากฏจากกล้องวงจรปิดเผยแพร่ไปทั่วประเทศทำให้เห็นชัดว่าฝ่ายปกครองยังไม่มีความพร้อมในการที่จะรับมือกับกลุ่มก่อการร้ายขบวนการบีอาร์เอ็น

นายไชยยงค์ กล่าวด้วยว่า เรื่องทั้งหมดแสดงว่า หน่วยงานที่รับผิดชอบในเรื่องของการสร้างมวลชนการแย่งชิงมวลชนในพื้นที่จังหวัดใช้แดนพักใต้ที่ไปทำหน้าที่อยู่ในพื้นที่ประสบความล้มเหลวในการแก้ปัญหาในสถานที่บ่มเพาะของขบวนการในการดึงประชาชนกลับมาเป็นคนของเราวันนี้ประชาชนส่วนใหญ่ยังตกอยู่ภายใต้อำนาจอิทธิพลของขบวนการแบ่งแยกดินแดนบีอาร์เอ็น ปัญหาทั้งหมดที่เกิดขึ้นไม่ได้ส่งผลกระทบแค่ด้านความมั่นคง แต่ส่งผลกระทบกับวิถีชีวิตของประชาชนกระทบต่อเศรษฐกิจการค้าการท่องเที่ยวที่เกิดมาพร้อมกับสถานการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้น เพราะประเทศมาเลเซียได้ออกแถลงการณ์ห้ามคนของเขาเดินทางเข้ามายัง จังหวัดแดนภาคใต้ของไทย

“สิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดผมอยากถามไปยังรัฐบาลว่าวันนี้สถานการณ์ของจังหวัดชายแดนภาคใต้ไม่ใช่เรื่องของ ความไม่สงบแต่เป็นเรื่องของสถานการณ์ของการก่อการร้ายรัฐบาลต้องยอมรับความจริงและจะต้องหาเครื่องมือให้เจ้าหน้าที่รัฐสามารถใช้ในการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นได้ วันนี้ ป.วิอาญาที่มีอยู่ใช้กับอาชญากรรมธรรมดา และเมื่อเราใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน พ.ร.ก.ความมั่นคง หรือกฎอัยการศึก ซึ่งเป็นกฎหมายที่ล้าหลังเป็นกฎหมายเรียกแขก ทั้งโลกเขาเลิกใช้แล้ว แต่เราเอากฎหมายเหล่านี้มาใช้เมื่อไรก็กลายเป็นเงื่อนไขให้ฝ่ายตรงข้ามโจมตี ให้เอ็นจีโอ กลุ่มสิทธิมนุษยชน และปีกทางการเมืองของ บีอาร์เอ็น กล่าวหาโจมตีเรา ผมขอถามว่าถึงเวลาแล้วหรือยังที่รัฐบาลจะตระหนักถึงเรื่องนี้และมีการออกกฎหมายการก่อการร้ายมาใช้เพื่อแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น รัฐบาลคิดแล้วหรือยังว่าปัญหาที่เกิดขึ้นควรจะมีรั้วชายแดนที่มีการปักปันเขตแดนกลับมาเลเซียแล้ว เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งอาวุธต่างๆก็ขนมาจากประเทศเพื่อนบ้าน กองกำลังติดอาวุธอาวุธเมื่อปฏิบัติการเสร็จก็กลับไปนอนตีพุงอยู่ประเทศเพื่อนบ้าน เห็นว่าเราไม่มีปัญญาและล้มเหลวในการซีลชายแดน” นายไชยยงค์ กล่าว

“จีน ตั้งกองทุน 1 ล้านล้านหยวน พัฒนาเทคฯ + สอนวิชา AI ระดับประถม/มัธยม ส่วนไทย จะสร้างคาสิโน + แจกเงินคนรุ่นใหม่ ไปชอปปิ้ง!”

(11 มี.ค. 68) รองศาสตราจารย์ ดร.อักษรศรี พานิชสาส์น คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า จีน ตั้งกองทุน 1 ล้านล้านหยวนพัฒนาเทคฯ + สอนวิชา AI ระดับประถม/มัธยม ส่วนไทย จะสร้างคาสิโน + แจกเงินคนรุ่นใหม่ไปชอปปิ้ง

พร้อมระบุด้วยว่า เวียดนาม ข้างบ้านไทยแลนด์ก็เร่งพัฒนาคนรุ่นใหม่ รองรับอุตสาหกรรมเทคฯ และบุคลากรด้าน IT และนศ.ที่จบด้านเทคฯ มากกว่าไทย มาหลายปีแล้ว

โดยยกข้อมูลเป็นตัวอย่างเปรียบเทียบระหว่างเวียดนามกับไทยว่า บุคลากร IT ของเวียดนามอยู่ที่ 500,000 คน ส่วนไทยอยู่ที่ 170,000 คน ในขณะที่เด็กวิศวกรคอมพิวเตอร์จบใหม่ต่อปี เวียดนาม 50,000 คน ไทย 5,000 คน ในส่วนของเงินเดือนเริ่มต้มของวิศวกรซอฟต์แวร์ เวียดนาม 22,000 บาทต่อเดือน ไทย 40,000 บาทต่อเดือน ดังนั้นจะเห็นได้ว่าคนเวียดนามมีบุคลากร IT มากกว่า อายุเฉลี่ยต่ำกว่า แต่เงินเดือนคนเวียดนามถูกกว่าเกือบเป็นเท่าตัว


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top