Friday, 29 March 2024
NEWS FEED

'เพจดัง' เผย!! สถาบันการศึกษาไทย พาเหรดออกงานในย่างกุ้ง สะท้อนหนุ่มสาวเมียนมา เตรียมลุยตลาดแรงงานระดับสูงในไทย

(27 มี.ค.67) จากเพจ 'สานต่อเจตนารมณ์ อาจารย์สมเกียรติ โอสถสภา' ได้โพสต์ข้อความ ระบุว่า..

ความต้องการเรียนในสถาบันการศึกษาไทยในระดับที่มหาลัยไทยต้องไปออกงานแบบนี้ แสดงให้เห็นถึงความต้องการเตรียมตัวเข้าตลาดแรงงานไทยในหมู่คนหนุ่มสาวเมียนมาในระดับสูงสุด

อันนี้น่าสนใจมาก

อย่างที่พูดกันมากขึ้นเรื่อย ๆ ถ้าเด็กไทยไม่ขยัน ไม่ยกระดับตัวเองให้เข้ากับความต้องการของนายจ้าง 

ต่อไปนายจ้างไทยและนายจ้างบริษัทข้ามชาติที่มีกิจการทั่วภูมิภาคอาเซียน จะมีตัวเลือกเป็นเด็กเวียดนาม เด็กจีน เด็กเมียนมา ชั้นหัวกะทิที่เก่ง ฉลาด สื่อสารได้หลายภาษารวมทั้งภาษาไทย และพร้อมจะกลายเป็นคนไทยเมื่อเวลาผ่านไป

ประเทศไทยจะไม่ขาดคนมีฝีมือ แต่คนเหล่านั้นอาจจะไม่ใช่เด็กไทยปัจจุบัน

‘สเตฟาน’ แปลกใจ!! เจอคนไทยไม่เชียร์ ‘ช้างศึก’ ลั่น!! “ทีมชาติเราเตะ เราต้องเชียร์”

ควันหลงหลังจากที่ ‘ช้างศึก​’ ทีมฟุตบอลทีมชาติไทย พ่ายให้กับ ‘โสมขาว’ เกาหลีใต้ 0-3 ในศึกฟุตบอลโลก 2026 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบสอง กลุ่มซี นัดที่ 4 ที่ราชมังคลากีฬาสถาน เมื่อวันที่ 26 มีนาคมที่ผ่านมา

โดยจากผลที่เกิดขึ้นทำให้ ‘เกาหลีใต้’ เก็บเพิ่มเป็น 10 คะแนนจาก 4 นัด รั้งจ่าฝูงของกลุ่ม ส่วน ‘ทีมชาติไทย’ มี 4 คะแนนจาก 3 นัดอยู่อันดับ 3 ตามหลัง ทีมชาติจีน รองจ่าฝูง 4 คะแนนในจำนวนเกมเท่ากัน

ทั้งนี้ อดีตพระเอกดังอย่าง ‘สเตฟาน ฐสิษฐ์ สินคณาวิวัฒน์’ ที่ห่างหายจากวงการบันเทิงไปพักใหญ่ ปัจจุบันกลายเป็นยูทูบเบอร์สายฟุตบอล และเป็นเจ้าของช่อง ‘Antihero Thailand’ ที่ล่าสุดได้ประกาศให้พนักงานหยุดงาน 7 วัน รวมทั้งยังจ่ายค่าจ้างเหมือนเดิม หากทีมชาติไทยเตะชนะทีมชาติเกาหลีใต้

อย่างไรก็ตาม ควันหลงของศึกฟุตบอลเมื่อคืนนี้ ทำให้สเตฟานออกมาพูดเปิดใจผ่านชองดังกล่าว ถึงการเล่นของทีมชาติไทย และทีมเกาหลีใต้ ซึ่งในตอนหนึ่งสเตฟานกล่าวว่า 

“ผมชมเกาหลีใต้อย่างหนึ่ง ซึ่งต้องยอมรับว่าเป็นสิ่งที่ทำให้เขาเล่นดี คือเกาหลีใต้ไม่ว่าจะเจอยุโรป หรืออเมริกาก็ตาม มันไม่กลัว สู้เต็มที่ มันเป็นคีย์สำคัญที่ทำให้กีฬาชาติเขาเติบโตได้ จริง ๆ คนไทยมันเก่ง เชื่อผมเหอะ นักบอลก็เก่ง นักมวยก็เก่ง หลายอาชีพเก่งมาก…

“แต่บางทีคนชอบมีความรู้สึกว่า เรายังไม่ถึงเขาหรือเปล่า เราตัวเล็กกว่าเขา เรายังสู้เขายาก ผมว่าเราต้องเลิกคิดแบบนี้ แล้วเราต้องมีความมั่นใจในตัวเรามากขึ้น ควรช่วยกันส่งเสริม”

สเตฟาน กล่าวต่อว่า “เชื่อไหมผมแปลกใจมาก คือ เจอคนไทยใส่เสื้อเกาหลีใต้ ผมกล้าพูดเลยนะ คนเกาหลีใต้ทุกคนในประเทศเขาเชียร์เกาหลีใต้ แต่คนไทยบางคนดันเชียร์เกาหลีด้วย เห็นบ้างไหม ขี่มอเตอร์ไซต์เห็นใส่เสื้อเกาหลี 2 คน คนไทยอะ นี่ถ้าไปอยู่บราซิลโดนกระทืบตายนะ ไม่ได้”

“แล้วเห็นในคอมเมนต์อีกหลายอันที่บอกว่า ผมอยากให้เกาหลีชนะ เพราะไทยยังนู้นอย่างนี้ ไทยเข้ารอบก็ไม่ได้เข้าบอลโลกอยู่ดี ผมเชียร์ทีมเอเชีย เกาหลีใต้เหมือนกันดีกว่า บ้าปะ กรีดเลือดออกมาเป็นส้มตำ ไม่ใช่กิมจิ เราต้องเชียร์ไทยดิ แต่ทีมชาติคุณเตะ คุณต้องเชียร์ทีมชาติตัวเองดิวะ”

‘GAC AION’ ขนทัพรถยนต์ไฟฟ้าหลากรุ่น ร่วมงาน ‘Motor Show 2024’ พร้อมเปิดตัว Hyper HT เอสยูวีไฟฟ้าลักชัวรี่ระดับไฮเอนด์อย่างเป็นทางการ

GAC AION ขนทัพรถยนต์ไฟฟ้า AION Y Plus และ AION ES เข้าร่วมงาน Motor Show 2024 พร้อมเปิดตัว Hyper HT เอสยูวีไฟฟ้าลักชัวรี่ระดับไฮเอนด์อย่างเป็นทางการ นำเสนอทางเลือกที่เหนือกว่าสำหรับผู้บริโภคชาวไทย ด้วยความหรูหราระดับพรีเมียม ดีไซน์ล้ำสมัย พร้อมเทคโนโลยีและนวัตกรรมอัจฉริยะ

(27 มี.ค.67) นายโอเชี่ยน หม่า (Ocean Ma) กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไอออน ออโตโมบิล เซลส์ (ประเทศไทย) และ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไอออน ออโตโมบิล แมนูแฟคเจอริ่ง (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า GAC AION ถือเป็นหนึ่งในบริษัทรถยนต์รายแรก ๆ ในโลกที่ประสบความสำเร็จในการวิจัยเกี่ยวกับพลังงานไฟฟ้าและระบบเทคโนโลยีอัจฉริยะ ทั้งยานยนต์ไฟฟ้า (EV) และยานยนต์เชื่อมต่ออัจฉริยะ (Intelligent Connected Vehicles: ICV) อย่างเต็มรูปแบบ ขณะเดียวกันเป็นที่ทราบกันดีว่า GAC AION สามารถคิดค้น วิจัยและผลิตชิ้นส่วนที่เป็นหัวใจหลักของรถยนต์พลังงานไฟฟ้าได้ทั้ง 3 อย่าง ไม่ว่าจะเป็นแบตเตอรี่, มอเตอร์, แผงควบคุมระบบไฟฟ้า หรือ ECU ทำให้ GAC AION กลายเป็นผู้นำอุตสาหกรรมยานยนต์พลังงานใหม่ของโลก

สำหรับประเทศไทย GAC AION ได้นำ AION Y Plus เข้ามาทำตลาดเมื่อปี 2023 ที่ผ่านมา ซึ่งได้รับกระแสตอบรับที่ดีของชาวไทยมาโดยตลอด สะท้อนจากยอดจองรถยนต์เป็นจำนวนทั้งสิ้น 4,568 คัน และมียอดจองรถยนต์เป็นอันดับ 4 จากแบรนด์รถยนต์ที่เข้าร่วมงานทั้งหมด และยังมียอดจองเป็นอันดับที่ 2 ในแบรนด์รถไฟฟ้าภายในงาน Motor Expo 2023 ที่ผ่านมา ถือเป็นก้าวแรกของความสำเร็จในการทำตลาดในประเทศไทยของ GAC AION

ในปี 2023 ที่ผ่านมา ถือเป็นปีที่ GAC AION เติบโตอย่างก้าวกระโดด ด้วยยอดขายรถยนต์ไฟฟ้ากว่า 480,000 คัน เติบโตเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 77% ครองตำแหน่งแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าอันดับ 2 ของประเทศจีน และ อันดับที่ 3 ของแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าของโลก และในวันที่ 28 ธันวาคม 2566 ที่ผ่านมา GAC AION สร้างสถิติผลิตและขายรถยนต์ได้ครบ 1 ล้านคันเร็วที่สุดในโลกเป็นประวัติการณ์ โดยใช้เวลาเพียง 4 ปี 8 เดือน การันตีถึงความสามารถและความเหนือชั้นของ GAC AION ทั้งในแง่ของกระบวนการผลิต คุณภาพของผลิตภัณฑ์ และการตลาดอันแข็งแกร่ง ปัจจุบัน GAC AION มีแบรนด์รถยนต์ภายในเครือทั้งหมด 2 แบรนด์ ได้แก่ AION แบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าที่มาพร้อมกับความคุ้มค่า ดีไซน์ภายนอกและภายในที่ทันสมัย พร้อมด้วยเทคโนโลยีและฟีเจอร์อัจฉริยะ และ Hyper แบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าระดับไฮเอนด์ (Hi-End) ที่มาพร้อมกับความหรูหรา และเทคโนโลยีขั้นสูงสุด

ในปี 2024 นี้ GAC AION กำลังสร้างโรงงานประกอบรถยนต์ในประเทศไทย ซึ่งคาดว่าจะสร้างแล้วเสร็จในช่วงเดือนสิงหาคมของปีนี้ ในขณะเดียวกันยังมีการสร้างศูนย์วิจัยและพัฒนา (R&D) ในประเทศไทยอีกด้วย คาดว่าจะสร้างแล้วเสร็จภายในเดือนเมษายนปีนี้เช่นกัน

เพื่อสานต่อความสำเร็จ และนำเสนอทางเลือกใหม่ที่เหนือกว่า ให้กับผู้บริโภคชาวไทย ล่าสุด GAC AION ได้เข้าร่วมงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 45 หรือ Motor Show 2024 ที่จัดขึ้นในวันพุธที่ 27 มี.ค. - วันอาทิตย์ที่ 7 เม.ย. 2567 ณ อาคารชาเลนเจอร์ 1-3 อิมแพค เมืองทองธานี โดยความพิเศษภายในงาน ได้มีการแนะนำแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าระดับไฮเอนด์ Hyper อย่างเป็นทางการ พร้อมเปิดตัว Hyper HT รถยนต์เอสยูวีไฟฟ้าลักชัวรี่ระดับไฮเอนด์ที่หลายคนรอคอย

Hyper (ไฮเปอร์) เป็นแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าระดับไฮเอนด์ (Hi-End) ของ GAC AION ที่ตอบสนองความต้องการในกลุ่มลูกค้าผู้หลงใหลความเป็นที่สุด ทั้งความหรูหรา เทคโนโลยี และสมรรถนะขั้นสูง สะท้อนภาพลักษณ์ และรสนิยมอย่างเหนือชั้น โดยได้คิดค้นนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ดีที่สุด เพื่อนำมาใช้ในรถยนต์หลากหลายรุ่นของ Hyper โลโก้ของแบรนด์สื่อถึงธนู AI ARROW เพื่อแสดงถึงศักยภาพในการพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าอย่างไม่หยุดยั้ง ด้วยแนวคิดในการพัฒนาหลัก 4 ประการ คือ ‘ก้าวล้ำ (ADVANCE) ทันสมัย (TRENDY) สนุกสนาน (FUN) และ คุณภาพสูง (HIGH-GRADE)’ ซึ่งสร้างความสมบูรณ์แบบ ทั้งนวัตกรรมทางเทคโนโลยีและความคิดสร้างสรรค์ทางศิลปะ ผสมผสานในการผลิตรถยนต์เข้าด้วยกัน เพื่อให้ลูกค้าผู้ใช้งานได้รับ ‘ประสิทธิภาพสูงสุดที่มาพร้อมประสบการณ์ความหรูหรา และการบริการในระดับท็อปคลาส’

ในปัจจุบันแบรนด์ Hyper ของ GAC AION มีรถยนต์ไฟฟ้าอยู่ทั้งหมด 3 รุ่นดังนี้

- Hyper HT รถเอสยูวีไฟฟ้าระดับพรีเมียม มอบความสะดวกสบายสูงสุดให้กับผู้ขับขี่และผู้โดยสาร ตัวรถมีขนาดใหญ่นั่งสบาย พร้อมฟังก์ชันและฟีเจอร์ระดับไฮเอนด์ โดดเด่นด้วยประตูแบบปีกนก หรือ Gullwing Doors เปิด-ปิด ด้วยระบบไฟฟ้าเต็มรูปแบบ
- Hyper GT รถสปอร์ตซีดานไฟฟ้า มาพร้อมดีไซน์ที่ดูโฉบเฉี่ยว พร้อมการตกแต่งภายในที่ดูหรูหรา โดดเด่นด้วยประตูแบบปีกผีเสื้อ (Butterfly Doors) และออปชันระดับไฮเอนด์
-  Hyper SSR ไฮเปอร์คาร์ไฟฟ้า 100% รุ่นแรกในประเทศไทย มาพร้อมตัวถังแบบคาร์บอนไฟเบอร์น้ำหนักเบา มอเตอร์ไฟฟ้า 3 ตัว (หน้า 1 หลัง 2) ให้พละกำลังรวมสูงสุด 1,224 แรงม้า สามารถทำอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง เร็วสูงสุดภายใน 1.9 วินาที และมีแรงกระชากในระดับ 1.7G

โลโก้ของแบรนด์ Hyper เป็นสัญลักษณ์ ลูกศร AI สื่อถึงภูมิปัญญาและความรัก ที่สุดแห่งเทคโนโลยีและความโรแมนติก มุ่งเน้นอัจฉริยภาพ ความหรูหรา ศิลปะ และรสนิยม รังสรรค์ศิลปกรรมทางเทคโนโลยี ปัจจุบัน บริษัทได้พัฒนาขีดความสามารถก้าวสู่ความเป็นผู้นำระดับโลกใน 6 มิติ ได้แก่ การวิจัยและพัฒนา การผลิตอัจฉริยะ ห่วงโซ่อุตสาหกรรม การบริการด้านการตลาด วัฒนธรรมองค์กร และความเป็นสากล โดยวันนี้ เราได้นำรถรุ่นใหม่ล่าสุดภายใต้แบรนด์ Hyper ที่พร้อมผลิตเพื่อส่งมอบสู่ตลาด ‘Hyper HT’ นายโอเชี่ยน หม่า (Ocean Ma) กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไอออน ออโตโมบิล เซลส์ (ประเทศไทย) และ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไอออน ออโตโมบิล แมนูแฟคเจอริ่ง (ประเทศไทย) จำกัด กล่าว

สำหรับรถยนต์ไฟฟ้า Hyper HT ถือเป็นรถเอสยูวีไฟฟ้าที่มาพร้อมกับความหรูหราและเทคโนโลยีอัจฉริยะระดับโลก เหนือระดับด้วยดีไซน์ภายนอกแบบโค้งมนที่เป็นเอกลักษณ์ (Liquid curved body) โดดเด่นด้วยประตูคู่หลังแบบปีกนก (Gullwing Doors) พร้อมเปิด-ปิด ด้วยระบบไฟฟ้าเต็มรูปแบบ สะกดทุกสายตาที่ได้พบเห็น ภายในห้องโดยสารตกแต่งด้วยวัสดุระดับพรีเมียมที่ผ่านการคัดสรรอย่างพิถีพิถัน เพิ่มความหรูหราระดับพรีเมียม รวมถึงฟังก์ชันอำนวยความสะดวกมากมาย เช่น เบาะนวดไฟฟ้า ปรับระดับการนวดได้หลายรูปแบบ, เบาะหนังคุณภาพสูงให้สัมผัสการนั่งที่ดีเยี่ยมพร้อมฟังก์ชันระบายอากาศและอุ่นเบาะ เพิ่มความผ่อนคลายตลอดการเดินทาง เบาะที่นั่งด้านหลังสามารถปรับเอนได้ถึง 143 องศา มากที่สุดในรถเอสยูวีระดับเดียวกัน, ระบบเครื่องเสียงคุณภาพสูง และฟีเจอร์อื่นๆมากมาย

จุดเด่นอันเหนือระดับของ Hyper HT มาพร้อมกับที่พักเท้าด้านหลังแบบพับได้ เพิ่มพื้นที่ยืดขาโอ่อ่าขั้นสูงสุด และ โต๊ะวางของอเนกประสงค์ สำหรับวางสิ่งของต่าง ๆ ตอบโจทย์การใช้งานหลากหลาย เพิ่มความเป็นส่วนตัวด้วยกระจกกันเสียงแบบลามิเนต 2 ชั้น และพื้นที่สัมภาระขนาดใหญ่พิเศษ ความจุขนาด 670 ลิตรและเมื่อพับเบาะสามารถใช้พื้นที่ได้ถึง 1,802 ลิตร สามารถเก็บถุงกอล์ฟใบใหญ่ 2 ใบได้สบาย ๆ

ทั้งนี้ Hyper HT ถูกพัฒนาด้วยแนวคิดหลัก 4 ประการได้แก่

1. Hyper Design - ที่สุดแห่งการออกแบบเหนือระดับ เปรียบเสมือนงานศิลปะแห่งโลกยานยนต์ สะกดทุกสายตาด้วยประตูแบบปีกนก (Gullwing Doors), ไฟหน้าแบบ Diamond Cut และไฟท้ายแบบ Horizon

2. Hyper Space - มอบความสะดวกสบายภายในห้องโดยสารที่มากกว่า ด้วยพื้นที่ภายในสุดหรูหรา ตกแต่งด้วยวัสดุระดับพรีเมียม มอบประสบการณ์ในการขับขี่และการโดยสารระดับ ‘เฟิร์สคลาส’ ด้วยฟังก์ชันเบาะนวด 10 จุด และเบาะโดยสารด้านหลังที่สามารถปรับเอนได้ถึง 143 องศา

3. Hyper Energy - ไปได้ไกลและรวดเร็วยิ่งกว่า ด้วยเทคโนโลยี Magazine Battery เจเนอเรชั่นที่ 2 พร้อมระบบ Fast Charge ชาร์จเพียง 15 นาที ก็สามารถวิ่งได้ไกล 400 กิโลเมตร และหากชาร์จเต็มจะสามารถวิ่งได้ไกลกว่า 600 กิโลเมตร

4. Hyper Network - โครงข่ายสถานีชาร์จ Hyper Premium Charging Network เอกสิทธิ์เฉพาะลูกค้า Hyper โดยในปี 2024 จะมีการสร้างสถานีชาร์จจำนวน 15 แห่ง ครอบคลุมรัศมี 15 กิโลเมตรในกรุงเทพมหานคร และในปี 2028 จะมีการขยายโครงข่ายสถานีชาร์จเป็น 100 แห่งทั่วประเทศ

ขอเชิญชวนทุกท่านเข้ามาสัมผัส Hyper HT ยนตรกรรมแห่งความเหนือระดับ ที่จะเปิดประสบการณ์การเดินทางไปสู่โลกอนาคตครั้งใหม่ ที่บูท GAC AION (A20) ในงาน Motor Show 2024 ณ อาคารชาเลนเจอร์ 1-3 อิมแพค เมืองทองธานี ระหว่างวันที่ 27 มีนาคม - 7 เมษายน 2567

'นิโคลัส แข้งช้างศึก - อี คังอิน แข้งเกาหลีใต้' ได้เลือด!! หลังแขนครูดตะแกรงท่อสนาม กลายเป็นเรื่องถกใหญ่หลังเกม

เมื่อวานนี้ (26 มี.ค.67) ‘ช้างศึก’ ทีมฟุตบอลทีมชาติไทย ชุดใหญ่ลงสนามในศึกฟุตบอลโลก 2026 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบสอง กลุ่มซี นัดที่ 4 พบกับ ‘โสมขาว’ เกาหลีใต้ ที่ราชมังคลากีฬาสถาน

หลังจบเกมด้วยสกอร์ 0-3 ไทยแพ้เกาหลีใต้คาบ้าน เกมจบแต่กระแสยังร้อนแรง กลายเป็นที่พูดคุยของแฟนบอล หลังจากที่แฟนบอลได้เห็นอาการบาดเจ็บของนักเตะ เนื่องจากล้มลงก่อนผิวหนังครูดกับตะแกรงของท่อระบายน้ำด้านข้างสนามจนได้เลือด

ในจังหวะช่วงครึ่งแรก นาทีที่ 41 เป็นจังหวะที่ นิโคลัส มิคเกลสัน แบ๊กขวาทีมชาติไทย ปะทะกับ คิม มิน-แจ แข้งของเกาหลีใต้ จนกระเด็นและล้มลงไปข้าง ๆ สนาม ก่อนที่เจ้าตัวจะร้องด้วยความเจ็บปวด ซึ่งจากภาพจากกล้องถ่ายทอดสดจะเห็นได้ว่านักเตะวัย 24 ปี ได้แผลและมีเลือดไหลจำนวนมาก

นอกจากนี้ในช่วงครึ่งแรกเช่นกัน ในนาทีที่ 35 อี คัง-อิน แข้งเกาหลีใต้ ก็ได้แผลถลอกจากกรณีคล้าย ๆ ของ มิคเกลสัน ในจังหวะที่นักเตะเปแอสเช ปะทะกับ แบ๊กลูกครึ่งไทย-นอร์เวย์เช่นกัน

บริษัท เจริญชัยหม้อแปลงไฟฟ้า จำกัด มอบ platform สื่อการสอน ระบบไฟฟ้าและค่าพลังงานไฟฟ้าด้วยกราฟ แบบ Online และ Real Time เป็นสื่อการเรียนการสอนทันสมัยที่สุดในอาเซียน

เมื่อวันศุกร์ที่ 22 มีนาคม 2567  นายประสิทธิ์  ทองรัศมี  ผอ. เทคนิค ชัยภูมิ ขอขอบคุณ                    บริษัท เจริญชัยหม้อแปลงไฟฟ้า จำกัด มอบ platform สื่อการสอน ระบบไฟฟ้าและค่าพลังงานไฟฟ้าด้วยกราฟ แบบ Online และ Real Time เป็นสื่อการเรียนการสอนทันสมัยที่สุดในอาเซียน จาก นาย ประจักษ์ กิตติรัตนวิวัฒน์ ตำแหน่ง รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เจริญชัยหม้อแปลงไฟฟ้า จำกัด ณ หอประชุมวิทยาลัยเทคนิคชัยภูมิ

นายอนันต์ นาคนิยม ผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิ กล่าว รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ท่านได้มีส่วนสนับสนุน การดำเนินการจัดการเรียนการสอน เพื่อผลิตและพัฒนากำลังคนอาชีวศึกษา ตามยุทธศาสตร์ชาติที่ให้ความสำคัญด้านพลังงาน โดยจังหวัดชัยภูมิ มีการลงทุนด้านพลังงานและพลังงานทดแทน อยู่หลายบริษัท และเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างความยั่งยืนด้านพลังงาน ในโอกาสนี้ ข้าพเจ้าขอขอบคุณบริษัท เจริญชัยหม้อแปลงไฟฟ้า จำกัด ที่ได้มอบสื่อการเรียนการสอนแบบเฝ้าระวัง ติดตาม วิเคราะห์พลังงาน และ ความมั่นคงระบบไฟฟ้า ของจังหวัดชัยภูมิแบบ Smart City Monitoring Energy Efficiency Systems Grid ( Real Time IoT) ติดตามการใช้พลังงานและความปลอดภัยอัจฉริยะ ซึ่งมีประโยชน์ต่อการพัฒนากำลังคน และพัฒนาการศึกษาในจังหวัดชัยภูมิ สร้างความทัดเทียมทางด้านการศึกษามากยิ่งขึ้น และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้รับการสนับสนุนในการจัดการเรียนการสอนเช่นนี้ต่อไป
นายประสิทธิ์  ทองรัศมี  ผอ. เทคนิค ชัยภูมิ กล่าว สาขาวิชาเทคนิคพลังงาน เป็นการเรียนระบบทวิภาคี นักศึกษาได้ไปฝึกงาน และมีรายได้ระหว่างฝึกงาน ในสถานประกอบการชั้นแนวหน้า กิจกรรมครั้งนี้ถือเป็นความร่วมมือระหว่างสถานประกอบการภาคเอกชน สถานศึกษา และหน่วยงานต่างๆ ในการสนับสนุน ส่งเสริมให้มีสื่อการเรียนการสอนที่เป็นเทคโนโลยีใหม่ สร้างโอกาสการมีงานทำและส่งเสริมการจัดการอาชีวศึกษาระบบทวิภาคีอย่างจริงจัง เพื่อพัฒนาผู้เรียนใหมีคุณภาพและสมรรถนะตรงตามความต้องการของสถานประกอบการ นำไปสู่การมีรายได้ระหว่างเรียน และจบแล้วมีงานทำ ที่สำคัญทำให้นักศึกษาอาชีวะ มีความพร้อมเข้าสู่โลกอาชีพ ได้ทันตามความต้องการกำลังคนของประเทศ สามารถประกอบอาชีพหรือเป็นผู้ประกอบการได้ระบบดังกล่าวช่วยตรวจเช็ค วิเคราะห์พลังงาน บำรุงรักษา ด้านความปลอดภัย อัคคีภัย แบบ IoT ในการให้ความรู้ด้านการจัดการพลังงานแบบเรียลไทม์ (IoT) ส่งเสริมหลักสูตร สื่อการเรียนการสอนทันสมัยสุดในอาเซียนเรื่องบำรุงรักษาและมาตรฐานความปลอดภัย อัคคีภัยของหม้อแปลงไฟฟ้า เพื่อเป็นประโยชน์และ ตรงต่อความต้องการของ  ภาคประกอบการ เป็นกำลังคนอาชีวศึกษาสมรรถนะสูงเพื่อการพัฒนาอุตสาหกรรม เศรษฐกิจของประเทศต่อไป

‘ครม.’ ไฟเขียว!! อนุมัติงบ 2,739 ลบ. จ้าง ‘ภารโรง’ เข้าเวรแทนครู หวังแบ่งเบาภาระ ให้ครูได้โฟกัสการเรียนการสอนอย่างเต็มที่

(26 มี.ค. 67) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติงบประมาณวงเงิน 2,739.96 ล้านบาท ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ เพื่อจ้างภารโรงเพิ่มขึ้นในปีงบประมาณปี 2568 ทั้งนี้ เพื่อเป็นการแบ่งเบาภาระครู ซึ่งไม่ใช่ทำหน้าที่เฉพาะการอยู่เวรยาม แต่ต้องทำหน้าที่ดูแลโรงเรียนในส่วนอื่น ๆ ด้วย เพื่อที่ครูจะได้โฟกัสการทำหน้าที่การเรียนการสอนเท่านั้น

ทั้งนี้ การเสนอของบประมาณดังกล่าวของกระทรวงศึกษาการ สืบเนื่องจากกรณีครูสาวถูกบุกทำร้ายในโรงเรียนขณะอยู่เวร ทำให้เมื่อวันที่ 24 ม.ค.ที่ผ่านมา ครม.มีมติยกเลิกครูเวร ซึ่งการประชุมครม.ในวันนี้ (26 มี.ค.) กระทรวงศึกษาธิการได้ขออนุมัติงบประมาณในการจ้างภารโรง เป็นเวลา 3 ปี คือ ปี 2568 - 2570 แต่ ครม.อนุมัติเฉพาะปี 2568 ก่อน ส่วนปี 2569 และ 2570 ครม.มอบหมายให้กระทรวงศึกษา ไปหาวิธีการทางเทคโนโลยีทดแทนเพื่อลดการจ้างภารโรงและเพื่อประหยัดงบประมาณ

เปิดประสบการณ์ 'ผู้ป่วยซึมเศร้า' กับการทำงานที่ไม่บกพร่อง แต่ใครทำพลาดแล้วอ้างโรค เท่ากับ 'ด้อยค่า' ไม่ควร!!

(26 มี.ค.67) จากเฟซบุ๊ก 'ดำรง นาวิกไพบูลย์' ได้โพสต์ข้อความแชร์อีกมุมมองของผู้ป่วยซึมเศร้ากับบทบาทหน้าที่ในสังคม ที่ไม่ได้ดูด้อยอย่างที่ใครจะหยิบไปอ้างได้ ระบุว่า...

พอดี ไปได้ยินสาว ๆ ในออฟฟิศ เจน Z เขาชิตแชตกันมาเกี่ยวกับการอ่านเลขแบบใหม่ของคุณ ธิษะณา ชุณหะวัณ - แก้วตา - Tisana Choonhavan มาหน่ะ

เพราะนางอ้างว่าอ่านผิดเพราะนอนไม่พอ นอนไม่หลับเพราะซึมเศร้า

ในกลุ่มสาว ๆ ถามความเห็นของ 'สุดสวย' ซึ่งเป็นหัวโจกของกลุ่ม และก็เป็นพนักงานที่มี Performance ที่ดีมากคนนึงในออฟฟิศเลย

ถือได้ว่าเป็นคนที่มีความรับผิดชอบสูง สู้งาน สามารถมอบความไว้วางใจให้ได้

แต่...

จุดอ่อนเพียงหนึ่งเดียวของนางคือ 'นางเป็นผู้ป่วยโรคซึมเศร้า' ที่ต้องกินยาจิตเวชเป็นประจำ

เป็นที่รู้กันในระดับบริหารว่า อาการเหวี่ยงของนางนั้นเป็นเรื่องปกติ แต่ไม่ว่าจะเหวี่ยงแค่ไหน 'งานก็จบ ครบถ้วนสมบูรณ์ตามที่สั่ง'

บางครั้ง นางก็มาทำงานพร้อมน้ำตา เพราะมีปัญหาส่วนตัวมา เช่น ทะเลาะกับแฟนอย่างหนัก จนหัวหน้างานนางถามว่า "ไหวมั้ย?"

"ไหวค่ะ" นางตอบ แล้วก็ทำงานไป ซับน้ำตาไป จนงานจบ สมบูรณ์แบบ ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น

ความเหวี่ยง - ซึมเศร้า แทบไม่มีผลกระทบอะไรกับผลงาน ช้าบาง แต่สมบูรณ์ตลอด ให้แก้ก็ทำ

มีเพียงครั้งเดียวเท่านั้น ที่มีการใช้อำนาจบริหารสั่งนาง คือ สั่งให้นางหอบงานไปทำข้าง ๆ เตียงของพ่อนางที่โรงพยาบาล ทำให้พ่อได้อยู่กับลูกสาวในวาระสุดท้ายของชีวิต เปิดโอกาสให้นางได้แสดงความกตัญญูอย่างเต็มที่

แน่นอน งานของนาง ไม่มีขาดตกบกพร่อง ทั้งในหน้าที่ของลูก และพนักงาน

สวยสุดนั้น ส่วนตัวนางเชียร์พรรคก้าวไกลนะ เพราะนางเห็นว่านี่คือพรรคที่จะเข้ามาสร้างความเปลี่ยนแปลง

แต่นางไม่สนใจการเมืองมากหรอก นางแค่อยากมีชีวิตของนาง และมีความสุขกับงาน

ส่วนกรณีการอ่านเลขแบบใหม่นั้น โดยสรุปแล้ว แก๊งสาว ๆ เห็นว่า

นี่เป็นการด้อยค่าผู้ป่วยโรคซึมเศร้าทางอ้อมรึเปล่า ผู้ป่วยโรคซึมเศร้าไม่ใช่คนไร้ความสามารถ

อย่าพลาดแล้วมาอ้างโรคซึมเศร้าดิ

‘แม็กชา’ เจ้าของผลงานดัง เศร้า!! เจอเด็กวิ่งชนผลงานล้มจนเสียหาย วอนผู้ปกครองดูแลลูกหลานอย่างใกล้ชิด ป้องกันอันตรายที่จะเกิดขึ้น

(26 มี.ค. 67) กลายเป็นที่พูดถึงในแพลตฟอร์มชื่อดังอย่าง X (ทวิตเตอร์) กันเป็นอย่างมากเมื่อศิลปินหญิงไทยเจ้าของผลงานคาแรกเตอร์เด็กผู้หญิงชาล็อต (Chalotte) อย่าง 'Mackcha' หรือ คุณแม็กกี้ ชรารัตติ์ สาระอาภรณ์ ได้โพสต์ภาพพร้อมข้อความร่ายยาวผ่านทาง X โดยเธอได้จัดผลงานนิทรรศการ Chalotte's Castle หลังจากนั้นผลงานศิลปะของเธอถูกเด็กที่เข้ามาชมงานวิ่งชนจนล้ม ผลงานได้รับความเสียหาย 

โดย X ของศิลปินเจ้าของผลงาน ‘@mackchaaa’ ข้อความระบุว่า “แม็กขอรบกวนเวลาทุกคนที่ผ่านมาเห็นโพสต์นี้ ช่วยสละเวลาอ่านข้อความต่อไปนี้ซักครู่นะคะแม็กได้รับภาพนี้จาก staff ในงานเมื่อคืนนี้ จริง ๆ แม็กเองก็เคยเห็นเหตุการณ์ที่ผลงานศิลปะเสียหายจากการจัดแสดงมาบ้าง แต่ไม่เคยคิดว่าจะเกิดขึ้นกับตัวเองเลยค่ะ เหตุการณ์ในภาพเกิดขึ้นเมื่อช่วงเย็นของวันอาทิตย์ที่ 24 มีนาคม 2567 staff ในงานเล่าว่า มีเด็กคนนึงวิ่งชนผลงานล้ม ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ นอกจากสคับเจอร์ชาล็อตที่เสียหาย ทั้งฝั่งแม็กและทาง Trendy Gallery ผู้จัดงาน เข้าใจเป็นอย่างดีว่าไม่มีใครอยากให้เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น ไม่มีใครตั้งใจให้ผลงานศิลปะเกิดความเสียหาย”

Mackcha ยังระบุว่า “แต่จากเหตุการณ์นี้ แม็กคิดว่าแม็กต้องทำอะไรซักอย่าง เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์นี้ซ้ำอีกเป็นครั้งที่สอง จึงเกิดเป็นโพสต์นี้ขึ้นค่ะ มันเป็นเพราะเราไม่ได้กั้นขอบเขตรึเปล่า เราไม่ได้มีป้ายคอยติดเตือนในทุกจุดที่จัดแสดงงานศิลปะใช่มั้ย หลาย ๆ คนถึงไม่ทราบว่าผลงานศิลปะไม่ควรไปสัมผัส หลาย ๆ คนถึงไม่ได้ระมัดระวังในการเข้าใกล้ชิ้นงานศิลปะ ทางเรามี staff ที่คอยช่วยสอดส่อง แต่การสัมผัสผลงานศิลปะ ก็ยังเกิดขึ้นทุกวัน รูปในงานยังคงเบี้ยวเสมอ แม้จะจัดใหม่กี่ครั้งก็ตาม มาตรการด้านบนทั้งหมดนี้ เป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุทั้งสิ้น มันจะดีกว่ามั้ยคะ ถ้าเราสามารถช่วยกันแก้ที่ต้นเหตุได้ โดยการรณรงค์ให้ทุกคนชมผลงานศิลปะอย่างระมัดระวังและไม่สัมผัสผลงาน”

"แม็กเชื่อว่าทุกคนเองก็คงไม่อยากเห็นงานนิทรรศการที่เต็มไปด้วยไม้กั้น หรือเต็มไปด้วยป้ายแปะเตือน เพราะบรรยากาศที่เกิดขึ้นในงาน จะแตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิงจากภาพบรรยากาศที่แม็กและทีมงานต้องการนำเสนอ ซึ่งบรรยากาศทั้งหมดจะถูกลดทอนลงไปด้วยอุปกรณ์ที่ช่วยสร้างความปลอดภัยให้กับผลงานศิลปะ อีกเหตุผลที่ทางเราไม่มีการกั้นขอบเขต ไม่มีป้ายคอยแปะเตือน เพราะแม็กและแกลอรี่มีความตั้งใจอยากให้ทุกคนรู้สึกว่าผลงานศิลปะเป็นสิ่งที่ไม่ไกลตัว รวมไปถึงทางแกลอรี่เองก็ไม่ได้มีการเก็บค่าเข้าชมงาน เพราะต้องการให้ทุกคนสามารถเข้าถึงผลงานศิลปะได้ ซึ่งแม็กไม่อยากให้ความตั้งใจทั้งหมดนี้ต้องหายไป เพราะความประมาทของใครบางคนเลยจริง ๆ ค่ะ" 

Mackcha ยังระบุอีกว่า “ความเสียหายของผลงานศิลปะสร้างความเสียหายทางจิตใจให้กับใครบางคนเสมอ เพราะงานศิลปะเป็นสิ่งที่มีคุณค่าทางจิตใจอย่างน้อยก็กับผู้สร้างสรรค์ผลงานเอง หรือผู้ที่ครอบครอง หรือจะเป็นผู้ชมที่ชื่นชอบก็ตาม การชมงานศิลปะอย่างระมัดระวังจึงเป็นเรื่องสำคัญ เพราะบางอย่างถ้าเสียหายไปแล้ว อาจจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมอีกไม่ได้แล้วนะคะ และถ้าหากปัญหานี้ไม่สามารถแก้ไขได้ การจัดงานนิทรรศการที่เข้าถึงได้ง่ายแบบนี้ ในอนาคตอาจเป็นเรื่องยากที่จะเกิดขึ้น การชมงานศิลปะในประเทศเราอาจจะเป็นสิ่งใหม่สำหรับใครหลาย ๆ คน เราอาจจะต้องค่อย ๆ ปรับค่อย ๆ แก้ปัญหากันไป ทุกคนมีส่วนช่วยที่จะทำให้เรื่องนี้ดีขึ้นได้นะคะ มาช่วยกันรณรงค์ให้การไม่สัมผัสงานศิลปะเป็นเรื่องปกติที่ทุกคนทราบ มาช่วยกันสอดส่อง บอกกล่าว เผยแพร่สิ่งนี้ให้กระจายออกไป”

"รวมถึงผู้ใหญ่ทุกท่านที่มาชมผลงานกับเด็ก ๆ แม็กดีใจมากนะคะ ที่งานของแม็กได้เข้าไปอยู่ในความทรงจำของเด็ก ๆ แต่แม็กอยากให้คุณพ่อ คุณแม่หรือผู้ปกครองที่มาด้วยกัน ช่วยกันบอกกล่าวและช่วยดูแลน้อง ๆ กันอย่างใกล้ชิด ซึ่งสิ่งนี้จะช่วยป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้นกับตัวน้อง ๆ เองได้ด้วยนะคะ หน้าที่ของศิลปินในการสร้างสรรค์ผลงานถือว่าสำคัญในการขับเคลื่อนวงการศิลปะ แต่หน้าที่ของผู้ชมผลงานก็สำคัญไม่แพ้กันเลยนะคะ แม็กอยากให้เรามาช่วยกันผลักดันวงการศิลปะในประเทศไทยให้พัฒนาไปด้วยกัน"

“ท้ายนี้แม็กต้องขอโทษผู้ชมทุกท่าน เพราะต่อจากนี้อาจมีช่วงเวลาที่น้องชาล็อตขี่ปลาทองต้องหายตัวไปซ่อมแซมตัวเอง อาจทำให้บางคนที่ตั้งใจไปเจอน้องในช่วงนี้ต้องผิดหวัง ทางเราจะรีบซ่อมแซมโดยด่วน และจะแจ้งให้ทราบอีกครั้งเมื่อน้องกลับมาประจำการค่ะ ขอบคุณทุกท่านที่สละเวลาอ่านข้อความทั้งหมดนี้นะคะ”

‘กฟผ.’ ปรับโซนใหม่ ศูนย์การเรียนรู้ ‘Elextrosphere โลกใหม่ Right Carbon’ อัดแน่น ‘ความรู้-ความสนุก-สื่อทันสมัย’ จูงใจเรียนรู้เรื่องพลังงานอย่างมีส่วนร่วม

เมื่อวานนี้ (25 มี.ค. 67) การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เปิดรอบพิเศษแก่คณะสื่อมวลชน ชมนิทรรศการศูนย์การเรียนรู้ที่ปรับปรุงใหม่ ‘Elextrosphere โลกใหม่ Right Carbon’ โดยมีนางสาวรัชดาพร เสียงเสนาะ ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารและประชาสัมพันธ์องค์การ กฟผ. และผู้บริหารศูนย์การเรียนรู้นำชม ณ ศูนย์การเรียนรู้ กฟผ. สำนักงานกลาง อ.บางกรวย จ.นนทบุรี 

กฟผ. ปรับปรุงนิทรรศการศูนย์การเรียนรู้ กฟผ. สำนักงานกลาง โซน ที่ 2 และ 5 ด้วยเทคโนโลยีสื่อจัดแสดงที่ทันสมัย ให้เยาวชนและผู้เยี่ยมชมได้สัมผัสประสบการณ์อันตื่นตาตื่นใจไปกับการเรียนรู้ด้านพลังงานอย่างมีส่วนร่วม ภายใต้กลยุทธ์ EGAT Carbon Neutrality ของ กฟผ. โดยจัดแสดง ผ่าน 5 สัมผัสพิเศษ 5 เทคนิคจัดแสดง ดังนี้

โซนที่ 2 Elextrosphere โลกใหม่ Right Carbon:
1. Elextrosphere โลกใหม่ Right Carbon นิทรรศพลังงานแห่งอนาคตกับการสร้างประสบการณ์ร่วมในโลกเสมือน พาทุกคนร่วมเดินทางไปสัมผัสความรู้สึกเมื่อโลกที่เราอาศัยอยู่ต้องเผชิญกับปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอย่างรุนแรง และความงดงามของโลกแห่งจินตนาการที่ทุกสรรพสิ่งอยู่ร่วมกันได้อย่างสมดุล ในดินแดนคาร์บอนเรืองแสง ผ่านเทคนิค Interactive Immersive Experience & Theater 6D - 8K ภาพยนตร์ 6 มิติ บนจอภาพยนตร์ขนาดยักษ์ความยาวถึง 30 เมตร

โซนที่ 5 Right Carbon สร้างสมดุลคาร์บอน:
2. Carbon คือผู้ร้ายจริงหรือ แกะร่องรอยปริศนาผู้อยู่เบื้องหลังภาวะโลกเดือด จุดเริ่มต้นของปัญหาภัยพิบัติครั้งยิ่งใหญ่ ตามหา Carbon ที่อยู่รอบตัวเราผ่านเทคนิค AR Interactive

3. พลังงานขับเคลื่อนชีวิต ย้อนเวลาสู่ก้าวแรกแห่งการค้นพบพลังงานไฟฟ้าเรียนรู้เทคโนโลยีการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานสะอาดที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมของ กฟผ. และสนุกกับเกมการเรียนรู้ด้านพลังงานรูปแบบ Self-learning ผ่านเทคนิค Model Interactive Projection Mapping Graphic Wall

4. Welcome to ELEXTROSPHERE ภารกิจขับเคลื่อนโลกสู่ ‘EGAT CARBON NEUTRALITY’ ภายใต้กลยุทธ์ Triple S ลด ชดเชย กักเก็บ อาทิ การปรับปรุงโครงข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะ รองรับการเพิ่มขึ้นของพลังงานหมุนเวียน และทางเลือกในการจัดการพลังงานแห่งอนาคต ผ่านเทคนิค Projection Mapping Interactive & AR Interactive

5. แต่งแต้มจินตนาการให้แก่โลก ELEXTROSPHERE สนุกกับกิจกรรมกักเก็บ Carbon เพื่อสร้างสมดุลพลังงานยั่งยืน คืนชีวิตแก่ ต้นไม้แสงนิรันดร์ และมีส่วนร่วมในการสร้างโลกใหม่ Right Carbon ด้วยการปลดปล่อยพลังสร้างสรรค์ แต่งแต้มสีสันให้กับ ELEXTROSPHERE ผ่านเทคนิค Touch Screen L&S Interactive Projection Mapping

นอกจาก 2 โซนใหม่เอี่ยมล่าสุดแล้ว ยังมีอีก 5 โซนที่น่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็น โซน 1 จุดประกาย จุดประกายแสงแรกในตัวคุณ ลงทะเบียนรับ RFID แปลงร่างเป็น AVATAR ผจญภัยในโลกพลังงานไฟฟ้า 

โซน 3 คืนสู่สมดุล สัมผัสชีวิตอนาคตที่มีความสมดุลระหว่างมนุษย์ ธรรมชาติ และเทคโนโลยี 

โซน 4 สายน้ำแห่งความภูมิใจ สัมผัสภารกิจแห่งในการดูแลชุมชน ตั้งแต่ป่าต้นน้ำสู่สายน้ำเจ้าพระยาควบคู่ไปกับการผลิตไฟฟ้าเพื่อความสุขของคนไทย 

โซน 6 โลกที่ยั่งยืน สำรวจโลกพลังงานไฟฟ้าการบริหารจัดการกับการใช้ไฟฟ้าจากประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก 

โซน 7 แสงนิรันดร์ ประมวลผลการเรียนรู้และรวมพลังสร้างแสงแห่งสุขนิรันดร์

ศูนย์การเรียนรู้ กฟผ. สำนักงานกลาง เปิดให้บริการทุกวัน ยกเว้นวันจันทร์ ตั้งแต่เวลา 09.00 - 16.00 น. สนใจสามารถเข้าชมได้ฟรี ติดต่อรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊กเพจ ศูนย์การเรียนรู้ กฟผ. สำนักงานกลาง หรือ โทร. 0-2436-8953

‘ครม.’ ไฟเขียว!! ดัน ‘ชุดไทย-มวยไทย’ เข้าคิวยูเนสโก ขึ้นทะเบียนมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติ

(26 มี.ค. 67) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รมว.วัฒนธรรม รมว.วธ. เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี ว่า ครม.เห็นชอบตามข้อเสนอของกระทรวงวัฒนธรรมในการเสนอรายการมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของประเทศไทย 2 รายการ คือ ชุดไทย และ มวยไทย

โดยให้กรมส่งเสริมวัฒนธรรม (สวธ.) นำเสนอเอกสารข้อมูลประกอบการพิจารณา ส่งให้ทางสำนักเลขาธิการคณะกรรมการแห่งชาติ ว่าด้วยการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) ของประเทศไทย (Thai National Commission for UNESCO) กระทรวงศึกษาธิการ เป็นผู้ดำเนินการจัดส่งเอกสารให้ยูเนสโก ให้ทันภายในวันที่ 31 มี.ค.67 นี้

เพื่อเข้าสู่ลำดับการพิจารณาต่อจากรายการ ‘ต้มยำกุ้ง’ และ ‘เคบาย่า’ (มรดกร่วม 5 ประเทศ ไทย มาเลเซีย บรูไน สิงคโปร์ และอินโดนีเซีย) ที่ยูเนสโก บรรจุเข้าวาระที่ประชุมของคณะกรรมการระหว่างรัฐบาลฯ ครั้งที่ 19 ระหว่าง 2-7 ธ.ค.67 ณ สาธารณรัฐปารากวัย และต่อด้วยรายการ ‘ผ้าขาวม้า’ ที่กรมส่งเสริมวัฒนธรรม ยื่นเอกสารขอขึ้นทะเบียนต่อยูเนสโกไว้เมื่อเดือนมีนาคม 2566 แล้ว

นายเสริมศักดิ์ เปิดเผยถึง ความสำคัญและสาระของมรดกฯ ทั้ง 2 รายการ ดังนี้ รายการตัวแทนมรดกวัฒนธรรม ชุดไทย : ความรู้ งานช่างฝีมือ และแนวปฏิบัติการแต่งกายชุดไทยประจำชาติ (Chud Thai : The Knowledge, Craftsmanship and Practices of The thai National Costume) ชุดไทยเป็นเครื่องแต่งกายที่แสดงถึงอัตลักษณ์ความเป็นไทย ได้รับการพัฒนามาเป็นเวลานาน พบหลักฐานมีการนุ่ง และการห่ม มากว่า 1,400 ปี ตั้งแต่สมัยทวารวดี อยุธยาจนถึงต้นรัตนโกสินทร์

ภาพการแต่งกายจึงเป็นหลักฐานสำคัญที่บอกเล่าให้คนรุ่นหลัง ได้รับรู้และสืบทอด ในปีพุทธศักราช 2503 ชุดไทยได้รับการพัฒนารูปแบบครั้งสำคัญ เมื่อสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้ศึกษาวิวัฒนาการรูปแบบการแต่งกายของสตรีไทย และสร้างสรรค์ชุดไทยขึ้น 8 แบบ

ส่วนของสุภาพบุรุษ มี 3 แบบ คนไทยทุกภูมิภาคมักสวมใส่ชุดไทยในวาระโอกาสต่าง ๆ และเมื่อมีโอกาสสำคัญในชีวิต ทั้งงานรัฐพิธี งานพิธีการทางศาสนา ถือเป็นแนวปฏิบัติทางสังคมและยังเป็นกระบวนการผลิตของช่างฝีมือไทยทั้งในเรื่องของการทอผ้าที่ใช้เป็นวัตถุดิบ และงานช่างตัดเย็บ ตลอดจนการปักประดับลวดลายบนผืนผ้าอีกด้วย

รมว.วธ. กล่าวต่อว่า ในส่วน ‘มวยไทย’ (Muay Thai : Thai Traditional Boxing) เป็นศิลปะการต่อสู้ของไทย เป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมที่ได้รับการสืบทอดมาไม่ต่ำกว่า 300 ปี ปรากฏหลักฐานใน ‘จดหมายเหตุว่าด้วยราชอาณาจักรสยาม’ ซึ่งบันทึก โดยซีมง เดอ ลา ลูแบร์ (Simon de la Loubère)

มวยไทยเป็นวิชาการต่อสู้ป้องกันตัวด้วยมือเปล่าในระยะประชิดตัว เป็นศาสตร์และศิลป์ที่ก่อกำเนิดจากภูมิปัญญาของคนไทยที่ต้องต่อสู้กับภัยธรรมชาติ สัตว์ป่า มนุษย์ และภัยจากสงคราม การฝึกฝนวิชามวยไทย มีตั้งแต่ครอบครัว ชุมชน จนถึงสถาบันพระมหากษัตริย์ เพื่อไว้ใช้ในการป้องกันตนเองและปกป้องประเทศ เอกลักษณ์โดดเด่นของมวยไทย คือการใช้อวัยวะส่วนต่างๆ ของร่างกายในการป้องกันตัว ซึ่งครูบาอาจารย์ได้คิดค้นกลวิธีการฝึกจากการเลียนแบบท่าทางของสัตว์ การสังเกตธรรมชาติ และวรรณคดี

รวมถึงวิถีชีวิตตามบริบทท้องถิ่นของแต่ละภูมิภาคประยุกต์เป็นท่าทางมวยต่าง ๆ และยังมีพิธีกรรมของการมอบตัวเป็นศิษย์ การขึ้นครู และการครอบครู การแสดงความกตัญญูต่อครูอาจารย์และผู้มีพระคุณ เห็นได้จากการรำไหว้ครูมวยไทยก่อนการชกทุกครั้ง ปัจจุบัน มวยไทย เป็นกีฬาประจำชาติ เป็นกีฬาอาชีพ มีการจัดการเรียนการสอนมวยไทยในสถาบันการศึกษาหลายแห่ง มวยไทยจึงถือเป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของชาติ ที่มีการสืบทอดจากรุ่นสู่รุ่นจนถึงปัจจุบัน

ด้าน นายโกวิท ผกามาศ อธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม (สวธ.) เปิดเผยว่า มรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมทั้งรายการ ชุดไทย และ มวยไทย นี้ เป็นการนำเสนอยูเนสโก เพื่อขอขึ้นทะเบียนในประเภทบัญชีรายการตัวแทนมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติ (The Representative List of the Intangible Cultural Heritage of Humanity)

ซึ่งมีคุณสมบัติตรงตามหลักเกณฑ์การพิจารณาของยูเนสโก 5 เกณฑ์ ประกอบด้วย 

1.รายการที่นำเสนอนี้สอดคล้องกับลักษณะของมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ ตามที่นิยามไว้ในมาตรา 2 ของอนุสัญญาว่าด้วยการสงวนรักษามรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ ค.ศ. 2003

2.การขึ้นทะเบียนรายการที่นำเสนอนี้จะส่งเสริมความประจักษ์ และตระหนักรู้ถึงความสำคัญของมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ อีกทั้งกระตุ้นให้เกิดการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเพื่อนำไปสู่การสะท้อนถึงความหลากหลายทางวัฒนธรรมในระดับโลก และแสดงถึงความสร้างสรรค์ของมนุษยชาติ 

3.มาตรการสงวนรักษาที่เสนอมานั้น ผ่านการพิจารณามาอย่างละเอียดรอบคอบ เพื่อให้มีการป้องกันและส่งเสริม และมีการกำหนดมาตรการสงวนรักษาวัฒนธรรม

4.รายการที่นำเสนอนี้เกิดจากชุมชน กลุ่มบุคคล หรือปัจเจกบุคคลที่เกี่ยวข้อง มีส่วนร่วมอย่างกว้างขวางที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ และ 5.เป็นรายการที่ปรากฏและดำรงอยู่ในดินแดนของรัฐภาคีสมาชิกที่นำเสนอ โดยบรรจุอยู่แล้วในบัญชีมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของรัฐภาคีสมาชิกตามที่นิยามไว้ในอนุสัญญา มาตรา 11 และ 12

ทั้งนี้ ผู้ที่สนใจสามารถศึกษารายละเอียดองค์รู้มรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม ทั้งระดับจังหวัด ระดับชาติ และมนุษยชาติ ได้ในเว็บไซต์ กรมส่งเสริมวัฒนธรรม www.culture.go.th หัวข้อ องค์ความรู้ด้านวัฒนธรรม มรดกภูมิปัญญาฯ ICH และติดตามข่าวสารต่าง ๆ ได้ทางเฟซบุ๊กกรมส่งเสริมวัฒนธรรม และ Line @วัฒนธรรม


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top