Monday, 9 June 2025
NEWS FEED

‘ฮุน มาเนต’ ยืนยัน กัมพูชายังไม่ถอนกำลัง ย้ำกองทัพพร้อมเจรจา แต่ไม่ถอยจากอธิปไตย

(9 มิ.ย. 68) ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กจากเมืองนีซ ประเทศฝรั่งเศส ยืนยันว่า ทางการกัมพูชายังไม่ได้ถอนกำลังออกจากพื้นที่อธิปไตยของตน บริเวณช่องบก หุบเขาที่ตั้งอยู่ในอำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี พร้อมระบุว่าพื้นที่ดังกล่าวอยู่ภายใต้การครอบครองของกัมพูชามาเป็นเวลานาน และการวางกำลังเป็นไปเพื่อปกป้องแผ่นดิน

ฮุน มาเนต ย้ำว่าการเคลื่อนไหวของกองทัพกัมพูชา รวมถึงการวางกำลัง การปรับกำลัง และการระดมพล ล้วนกระทำภายใต้กรอบอธิปไตยของกัมพูชา เพื่อเตรียมพร้อมรับมือทุกสถานการณ์ และรักษาดินแดนจากการรุกราน

แม้กัมพูชาจะสนับสนุนแนวทางสันติภาพและกลไกการเจรจา แต่กองทัพก็พร้อมปฏิบัติตามคำสั่งรัฐบาลเพื่อปกป้องอธิปไตยของชาติ โดยยืนยันการใช้คณะกรรมาธิการร่วมเขตแดน (JBC) กัมพูชา-ไทย และ MOU ปี 2543 เป็นกรอบในการแก้ไขปัญหาเขตแดน

ทั้งนี้ รัฐบาลกัมพูชายืนยันเดินหน้ารักษาความสัมพันธ์กับไทยอย่างสร้างสรรค์ เพื่อผลประโยชน์ร่วมของประชาชนทั้งสองประเทศ พร้อมเรียกร้องให้ประชาชนหลีกเลี่ยงการแชร์ข้อมูลบิดเบือนที่อาจนำไปสู่ความเข้าใจผิดหรือความขัดแย้งระหว่างสองชาติ

‘หมอก้อย’ ภรรยาหมอชลน่าน แจงดรามาทำบุญบ้าน ชี้ ‘บ้านสยามธามันโญ’ เป็นทรัพย์สินที่พ่อให้มา

เพจหมอชลน่านFcไม่มีดราม่า ของ ‘หมอก้อย’ ภรรยาหมอชลน่าน โพสต์ปมทำบุญบ้านหลังใหญ่ พร้อมแจงที่มาทรัพย์สินเป็นทรัพย์สินมรดกจากพ่อภรรยา

จากกรณี เพจ 'หมอชลน่านFcไม่มีดราม่า' โพสต์รูป นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว สส.น่าน พรรคเพื่อไทย อดีตหัวหน้าพรรคเพื่อไทย และอดีต รมว.สาธารณสุข พร้อมด้วยภรรยา คือ พญ.นวลสกุล บำรุงพงษ์ ได้จัดงานทำบุญเลี้ยงพระในบ้านสยามธามันโญ ทวีวัฒนา ซึ่งเป็นบ้านสไตล์นีโอเรเนอซองส์ สถาปัตยกรรมซึ่งเป็นที่นิยมในสมัยรัชกาลที่ 5 และที่ดินมีเอกสารสิทธิตราแดง รศ.114 เดิมบ้านหลังนี้เป็นบ้านเก่า หลังจากใช้เวลารีโนเวตจนเข้าอยู่ได้ จึงจัดงานทำบุญเลี้ยงพระเพื่อเป็นสิริมงคล เมื่อวันที่ 6 มิ.ย.68 ที่ผ่านมา 

ล่าสุด เมื่อวันที่ 9 มิ.ย.68 เพจเฟซบุ๊ก 'หมอชลน่านFcไม่มีดราม่า' โพสต์ข้อความระบุว่า  #งานบุญเล็กๆแต่ทัวร์มาลง #มรดกภรรยาติดตัวมาสามีผิด งานทำบุญเล็กๆ เงียบๆ แขกไม่ถึงร้อยแต่ #บ้านใหญ่กลายเป็นประเด็นใหญ่ สื่อก็ลงถึงความเคลื่อนไหวของหมอชลน่านตามปกติ แต่ผู้คนเข้ามาถล่ม (อีกแล้ว) ด้วยถ้อยคำไม่สุภาพและผิดกฎหมาย #สยามธามันโญ บ้านที่มาจากการ #บริหารทรัพย์มรดก 550 กว่าล้านที่ติดตัวหมอก้อยมา #พ่อให้มา!!! ทรัพย์เหล่านี้แจ้ง ปปช.ไปแล้วหลายรอบ เราแปลงทรัพย์มรดกเป็นอาคารเก่าที่ควรอนุรักษ์ตามสิทธิของเรา บ้านกลางป่าที่งดงามด้วยงานสถาปัตยกรรมใช้เวลาสรรพกำลังรีโนเวทจนเข้าพักอาศัยได้ บ้านเก่าเข้าอยู่ก็ต้องทำบุญ

#บ้านในปัจจุบันอาจได้เป็นพิพิธภัณฑ์ในอนาคต #มรดกภรรยาติดตัวมาสามีผิดตรงไหน 

ขอบพระคุณคุณพ่อที่ส่งต่อสิ่งดีๆให้ลูกเสมอ มรดกของพ่อถวายวัดไปก็เยอะ ตัดถนนแจกก็หลายสาย 

เรื่องแบบนี้ไม่มีประเด็น #ทำดีไม่มีประเด็น

https://www.facebook.com/share/p/15jEcCbj4A/

ปล.แอดมินหมอก้อยขออนุญาตใช้พื้นที่เพจนี้ชี้แจงเพราะเพจไป๊น่านถูกบล๊อคกิจกรรมค่ะ

สมุทรปราการ-นายกบางเมือง แถลง 7 นโยบาย ขอบคุณทุกคะแนนเสียงพร้อมเดินหน้าพัฒนาบางเมืองให้เจริญก้าวหน้า

(9 มิ.ย. 68) ที่ห้องประชุมสภาเทศบาลตำบลบางเมือง อ.เมือง จ.สมุทรปราการ  นายพิพัฒน์ อัศวเหม ประธานสภาฯ ได้เปิดประชุมสภาสมัยสามัญ สมัยที่ 1 โดยภายในที่ประชุม ประกอบด้วย คณะผู้บริหารเทศบาล นำโดย นาวาเอกอนุศักดิ์ นาคทิม นายกเทศมนตรีตำบลบางเมือง และคณะผู้บริหารเทศบาล 

นายอิทธิชัย ชูเรณู ปลัดเทศบาล พร้อมหัวหน้าส่วนราชการ ผู้อำนวยการกอง และคณะสมาชิกสภา ทั้ง 2 เขตเลือกตั้ง จำนวน 12 ท่าน เข้าร่วมรับฟังการแถลงนโยบาย สมัยสามัญ สมัยที่ 1 ประจำปี 2568

โดยในที่ประชุม นาวาเอกอนุศักดิ์ นาคทิม นายกเทศมนตรีตำบลบางเมือง ได้กล่าวแถลงนโยบายทั้ง 7 ด้าน ต่อที่ประชุมสภา ประกอบด้วย 1.นโยบายด้านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน โดยมุ่งเน้นสนับสนุนก่อสร้างสาธารณูปโภคและสาธารณูปการ เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชน 2.พัฒนาด้านการศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม  สนับสนุนการเรียนการสอนเพิ่มศักยภาพให้เด็กและเยาชนมีโอกาสเรียนตั้งแต่ระดับปฐมวัยจนถึงขั้นสูงสุด 3.พัฒนาด้านคุณภาพชีวิต พร้อมจัดระเบียบชุมชน โดยส่งเสริมงานด้านสาธารณสุขขั้นพื้นฐานและมุ่งเน้นความปลอดภัยในชีวิตประจำวัน 

4.พัฒนาด้านเศรษฐกิจ เพิ่มรายได้ให้ประชาชน โดยหนุนให้ความรู้ในการค้าขายสินค้าออนไลน์ ส่งเสริมผลิตภัณฑ์ชุมชน 5.ด้านการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มีการขุดลอกคูคลองป้องกันน้ำท่วม จัดสร้างสวนสาธารณะเพื่อเป็นปลอดคนบางเมือง 6.ส่งเสริมการท่องเที่ยว นำชุมชนไหว้พระและชมจิตรกรรมฝาผนังเกี่ยวกับโครงการพระราชดำริ รัชการที่ 9 ภายในโบสถ์วัดบางปิ้ง   

และ 7.พัฒนาด้านการเมืองและการบริหาร โดยจัดให้มีการทำบัตรประชาชนของเทศบาล และส่งเสริมประชาชนได้มีส่วนร่วมตามหลักการปกครองตามระเบียบประชาธิปไตย ภายใต้สานงานต่อ ก่องานใหม่ให้ควบคุม 20 หมู่บ้าน 3 ตำบล เพื่อให้ชาวตำบลบางเมืองมีคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้นตลอด 4 ปีต่อไป 

นอกจากนี้นายกเทศมนตรีตำบลบางเมืองได้ขอบคุณทุกคะแนนเสียงของพี่น้องประชาชนที่มอบให้และไว้วางใจต่อจากนี้จะดูแลและพัฒนาท้องถิ่นให้มีความเจริญก้าวหน้าต่อไป

แผนที่โบราณของฝรั่งเศส ยืนยันชัด ‘เกาะกูด’ เป็นของ ‘สยาม’ มานานแล้ว

(9 มิถุนายน 2568) มีรายงานว่า สำนักผู้ช่วยทูตทหารบกไทย ประจำกรุงปารีส ได้ค้นคว้าแผนที่กัมพูชา ที่ทำขึ้นโดยข้าราชการระดับสูงของฝรั่งเศส ที่ไปปกครองกัมพูชา อาณานิคม 'Le Résident Supérieur Baudoin au Cambodge pendant l'époque coloniale française'

ฟร็องซัวส์ มาริอุส โบดวง (1867–1957) เป็นข้าราชการอาณานิคมระดับสูงของฝรั่งเศส เขาดำรงตำแหน่งผู้แทนอาวุโสประจำกัมพูชา (Résident Supérieur) ระหว่างปี ค.ศ. 1914 - 1927 ซึ่งในช่วงเวลานั้น เขามีอิทธิพลอย่างมาก ต่อการบริหารราชการภายใต้ระบบรัฐอารักขา

ทั้งนี้ จะเห็นได้ว่า เส้นเขตแดนทางทะเล เกาะกูด เป็นของไทย มายาวนาน ไม่ได้เป็นอย่างที่ ฝ่ายกัมพูชา เคลม แต่อย่างใด

พันเอก ประชา สมิทธ์สมบูรณ์ ผู้ช่วยทูตฝ่ายทหารบก ประจำกรุงปารีส ซึ่งจบจาก รร.นายร้อย Saint-Cyr ฝรั่งเศส ค้นคว้า จากหอสมุดแห่งชาติ ฝรั่งเศส

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง เสริมสร้าง อนาคตเด็กไทย มอบเงินสนับสนุนทุนการศึกษาระดับชั้นประถมศึกษา ประจำปี 2568 แก่เยาวชนที่ประพฤติดีแต่ขาดแคลนทุนทรัพย์ ณ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง พลับพลาไชย กรุงเทพฯ

(9 มิ.ย. 68) เวลา 10.00 น.) มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย นายวิเชียร เตชะไพบูลย์ ประธานกรรมการมูลนิธิฯ เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วย นายวิรุฬ เตชะไพบูลย์ ที่ปรึกษาประธานกรรมการ นายสัก กอแสงเรือง รองประธานกรรมการ นายวิชิต ชินวงศ์วรกุล รองประธานกรรมการ นางศิริกุล โอภาสวงศ์ กรรมการและเลขาธิการ และคณะกรรมการฯ ร่วมในพิธีมอบเงินสนับสนุนการศึกษาในระดับชั้นประถมศึกษา ประจำปี พ.ศ. 2568 ให้แก่นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ถึงปีที่ 6  จำนวน 1,500 ทุนๆ ละ 2,000 บาท รวมเป็นจำนวนทั้งสิ้น 3,000,000 บาท (สามล้านบาทถ้วน) เพื่อช่วยเหลือให้เยาวชนที่ประพฤติดีแต่ขาดแคลนทุนทรัพย์ได้มีโอกาสเท่าเทียม สามารถศึกษาเล่าเรียนต่อโดยไม่ต้องยุติการศึกษาเพราะขาดแคลนทุนทรัพย์ และเติบโตสร้างอนาคตตามความมุ่งหวังของตนเองและครอบครัวต่อไป โดยมีเยาวชน และผู้แทนจากสถาบันการศึกษา เป็นผู้รับมอบ  ณ ห้องประชุมชั้น 2 อาคาร 2 มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง พลับพลาไชย กรุงเทพฯ

นายวิเชียร เตชะไพบูลย์ ประธานกรรมการมูลนิธิฯ เปิดเผยว่า  โครงการ “ป่อเต็กตึ๊ง เสริมสร้างอนาคตเด็กไทย ด้วยการมอบเงินสนับสนุนทุนการศึกษาให้แก่เยาวชน นักเรียน นิสิต นักศึกษา ที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ เป็นหนึ่งในนโยบายหลักของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งที่ได้ช่วยเหลือเสริมสร้างชีวิตให้อนาคตแก่เด็กไทยมากว่า 50 ปี โดยในปีพ.ศ. 2568 นี้ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊งได้จัดสรรงบประมาณเพื่อมอบ เงินสนับสนุนการศึกษาและทุนส่งเสริมการศึกษา เป็นจำนวนเงินกว่า 20 ล้านบาท เพื่อเป็นทุนการศึกษาในระดับต่างๆ ได้แก่ เงินสนับสนุนทุนการศึกษาระดับชั้นประถมศึกษา ทุนการศึกษาต่อเนื่องในทุกระดับชั้น ทุนการศึกษาทุกระดับปีสุดท้าย และทุนการศึกษาสำหรับนักเรียนในถิ่นทุรกันดาร

ตลอดระยะเวลากว่า 115 ปีที่ผ่านมา มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง  ได้ขยายขอบข่ายโครงการต่าง ๆ ออกไปอย่างกว้างขวาง ไม่เพียงแต่บำบัดทุกข์ บำรุงสุข แก่ผู้ตกทุกข์ได้ยากโดยไม่จำกัดเชื้อชาติ  ชนชั้น และศาสนา เท่านั้น แต่ยังได้พัฒนาคุณภาพชีวิตอีกในหลาย ๆ ทาง รวมถึงสนับสนุนด้านการศึกษา เพื่อให้เป็นองค์กรสาธารณกุศลที่ช่วยเหลือประชาชนอย่างครบวงจรในทุกๆ ด้าน ต่อไป ภายใต้ปณิธานมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง “ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต”

ติดต่อสอบถาม ตามข่าวสาร และกิจกรรมการช่วยเหลือของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ที่เฟซบุ๊ก แฟนเพจ www.facebook.com/atpohtecktung

** มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต **

อัลคาราซ เผย ‘พรหมลิขิต’ พาเดินตามรอย ‘นาดาล’ คว้าแชมป์แกรนด์สแลมที่ 5 ในวัยเดียวกันเป๊ะ

(9 มิ.ย. 68) คาร์ลอส อัลคาราซ นักเทนนิสมือ 2 ของโลก ชาวสเปน พลิกสถานการณ์จากตามหลัง 0-2 เซต กลับมาเอาชนะ ยานนิก ซินเนอร์ มือ 1 ของโลก ชาวอิตาลี 3-2 เซต 4-6, 6-7(4), 6-4, 7-6(3), 7-6(10-2) คว้าแชมป์ชายเดี่ยว 'เฟร้นช์ โอเพ่น' 2025 ได้สำเร็จ พร้อมสร้างสถิติใหม่ เป็นการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศที่ยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์รายการ ด้วยเวลา 5 ชั่วโมง 29 นาที

สำหรับชัยชนะนี้นับเป็นแชมป์แกรนด์สแลมรายการที่ 5 ของอัลคาราซ และเป็นเฟร้นช์ โอเพ่น สมัยที่ 2 หลังเคยคว้าแชมป์รายการนี้มาก่อน รวมถึงแชมป์วิมเบิลดัน 2 สมัย และยูเอส โอเพ่นอีก 1 สมัย นอกจากนี้เขายังกลายเป็นผู้เล่นชายคนแรกในรอบหลายปีที่เซฟแมตช์พอยต์ในรอบชิงแล้วกลับมาคว้าแชมป์ได้

อัลคาราซเผยหลังจบแมตช์ว่า เขาไม่เคยหมดหวังแม้ถูกซินเนอร์กดดันจนใกล้พ่ายแพ้ โดยเฉพาะจังหวะที่ต้องเซฟถึง 3 แมตช์พอยต์ในเซต 4 พร้อมย้ำว่าชัยชนะครั้งนี้เกิดจากความเชื่อมั่นล้วน ๆ และเป็นแมตช์ที่ตื่นเต้นที่สุดในชีวิตของเขา

นักหวดวัย 22 ปีจากสเปน กล่าวเพิ่มเติมว่า ช่วงเวลาที่ยากที่สุดในแมตช์ เขามักนึกถึง 'ราฟาเอล นาดาล' ไอดอลของเขา ซึ่งเคยกลับมาชนะในสถานการณ์ที่ดูจะหมดหวังหลายครั้ง และเป็นแรงบันดาลใจสำคัญที่ช่วยให้เขาฮึดสู้จนพลิกกลับมาได้

สิ่งที่น่าทึ่งคือ อัลคาราซ ในวัย 22 ปี 1 เดือน 3 วัน เท่ากับตอนที่ ราฟาเอล นาดาล ตำนานเทนนิสชาวสเปน คว้าแกรนด์สแลมที่ 5 ของตัวเอง ด้วยชัยชนะเหนือ โรเจอร์ เฟเดอเรอร์ ในรอบชิงวิมเบิลดัน ปี 2008 ซึ่งเป็นหนึ่งในแมตช์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของวงการ “พูดตรงๆ เลยนะครับ การที่ผมคว้าแชมป์แกรนด์สแลมที่ 5 ในอายุเท่ากับนาดาล ผมว่า...นั่นคือพรหมลิขิต” อัลคาราซเผยหลังจบการแข่งขัน

ทั้งนี้ อัลคาราซยังพูดถึงคำสอนจากปู่ของเขาที่ยึดถือมาตลอดอาชีพ คือ 'สาม C' ในภาษาสเปน ได้แก่ Cabeza (ศีรษะ), Corazon (หัวใจ) และ Cojones (ความกล้าหาญ) ซึ่งเขาเชื่อว่าเป็นคุณสมบัติของแชมป์เปียน และเป็นสิ่งที่เขานำมาใช้ในการเอาตัวรอดจากแมตช์สุดโหดในครั้งนี้

(สุรินทร์) บรรยากาศเปิดด่านช่องจอมวันแรก มีชาวกัมพูชาที่ตกค้างฝั่งไทย และรถบรรทุกขนส่งสินค้า ทยอยจ่อคิวเพื่อข้ามฝั่งยาวเป็นกิโล

(9 มิ.ย.68) ที่บริเวณจุดผ่านแดนถาวรด่านช่องจอม ตำบลด่าน อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์  ซึ่งในช่วงก่อนเวลา 08.00 น.ได้มีเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง เจ้าหน้าที่ด่านศุลกากร และเจ้าหน้าที่ทหารฝ่ายไทย ได้อยู่ประจำจุดที่ทำการเพื่อเตรียมรับชาวกัมพูชาที่จ้องกสรเดินทางเข้ามายังฝั่งไทย กระทั่งในเวลา 08.00 น.ตามกฏข้อบังคับ 

โดยทหารฝ่ายไทยได้ทำการไขกุญแจและเปิดประตูด่านทั้ง 2 บาน โดยได้ปล่อยให้ประชาชนชาวกัมพูชาออกเพท่อกลับประเทศ แต่ทางฝ่ายกัมพูชา กลับไม่ยอมเปิดรั้วของทางฝั่งกัมพูชาเอง โดยยังรอท่าทีการเปิดรั้วเหล็ก โดยอ้างว่ารอคำสั่งจากผู้ว่าจังหวัดอุดรมีชัย ในเวลานี้  09.00 น. ถึงจะทำการเปิดกุญแจรั้วได้ ท่ามกลางการเฝ้าสังเกตการณ์ของ เจ้าหน้าที่ทหาร เจ้าหน้าที่ ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองและฝ่ายปกครองของไทย ทั้งนี้ในช่วงเวลาที่ประชาชนชาวกัมพูชารอทางฝ่ายกัมพูชาเปิดประตูนั้น จะมีเคสนักเรียนของทางกัมพูชาต้องเข้าสอบ และประชาชนบางรายท้องแก่ คนป่วย ต้องนั่งตากแดดรอให้ฝั่งกัมพูชาเปิดประตู 

ทั้งนี้นักเรียนชาวกัมพูชา ที่ต้องการข้ามจากฝั่งไทย เพื่อไปสอบ ต่างโอดครวญกลัวไปสอบไม่ทัน เพราะเจ้าหน้าที่เขมร ที่ไม่ยอมเปิดประตู อ้างยังรอคำสั่งจาก นายเมียน ยาดา ผู้ว่าอุดรมีชัย กระทั่งเมื่อเวลา 09.00 น. เจ้าหน้าที่ฝ่ายกัมพูชาทำการเปิดประตูรั้วเหล็กในเวลา 09.00 น. ท่ามกลางความอึดอัดของชาวกัมพูชา นักเรียน คนท้องใกล้คลอดที่รอการเปิดรั้วเหล็กซึ่งรอคำสั่งจาก นายเมียน ยาดา ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรมีชัย และพลโทโปเฮง ผบ.ภูมิภาคทหารที่ 4 กัมพูชา ก่อนทำการเปิดล็อคกุญแจรั้วและเปิดให้ชาวกัมพูชาเข้าไปได้ 

ผบช.ภ.2 สั่งเข้ม! คุม 3 จังหวัดชายแดน “สระแก้ว-จันทบุรี-ตราด” ตรึงกำลัง คัดกรองทุกจุด ป้องกันเหตุ

(9 มิ.ย.68) พล.ต.ท.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 (ผบช.ภ.2) สั่งการด่วน! ถึงทุกสถานีตำรวจในพื้นที่ โดยเฉพาะใน 3 จังหวัดชายแดนตะวันออก ได้แก่ สระแก้ว จันทบุรี และตราด หลังเกิดสถานการณ์ด้านความมั่นคงในพื้นที่ช่องบก จังหวัดอุบลราชธานี โดยเน้นย้ำให้ “ตรึงกำลัง-คัดกรองเข้ม-บังคับใช้กฎหมายอย่างเด็ดขาด” เพื่อปกป้องอธิปไตย คุ้มครองประชาชน และสร้างความเชื่อมั่นในพื้นที่ชายแดน

พล.ต.ท.ยิ่งยศ เปิดเผยว่า ตามข้อสั่งการจาก พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้สั่งการให้ตำรวจภูธรภาค 2 ทุกพื้นที่ เพิ่มความเข้มข้นในการเฝ้าระวังและสกัดกั้นเหตุร้าย โดยเฉพาะตามแนวชายแดนที่ติดกับประเทศกัมพูชา กำหนดให้พื้นที่เหล่านี้เป็น “พื้นที่เฝ้าระวังพิเศษ” พร้อมสั่งระดมกำลังจากหน่วยต่าง ๆ ทั้งตำรวจทางหลวง ตำรวจตระเวนชายแดน และหน่วยปฏิบัติการพิเศษ ร่วมตั้งจุดตรวจ จุดสกัด ตรวจสอบยานพาหนะ และบุคคลต้องสงสัยในเส้นทางหลัก เส้นทางรอง รวมถึงจุดพักคอยและที่พักอาศัยต้องสงสัย

“ต้องทำงานเชิงรุก สืบสวนหาข่าวในพื้นที่อย่างใกล้ชิด วางแผนเผชิญเหตุล่วงหน้า และสนับสนุนภารกิจของทุกหน่วยอย่างเป็นระบบ” พล.ต.ท.ยิ่งยศ กล่าว

นอกจากนี้ ผบช.ภ.2 ยังสั่งให้จัดตั้ง “ชุดสืบสวน-เคลื่อนที่เร็ว-ยุทธวิธีพิเศษ” ปฏิบัติงานลงพื้นที่ทุกจุดสำคัญ อาทิ ตลาดนัด สถานีขนส่ง สถานที่ท่องเที่ยว และจุดที่มีประชาชนหนาแน่น เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับพี่น้องประชาชน พร้อมประสานความร่วมมือกับฝ่ายปกครอง เจ้าหน้าที่ความมั่นคง และพนักงานรักษาความปลอดภัยในพื้นที่

โดยกำชับเจ้าหน้าที่สายตรวจและจราจรทุกนายให้ “เปิดสัญญาณไฟวับวาบ” ขณะปฏิบัติหน้าที่ เพื่อแสดงตัวตนชัดเจน พร้อมใช้ยุทธวิธี “Stop-Walk-Talk” พบปะ พูดคุย ทำความเข้าใจ สร้างความร่วมมือกับประชาชนในชุมชนอย่างต่อเนื่อง  มาตรการครั้งนี้ถือเป็นการยกระดับความปลอดภัยเชิงรุก ป้องกันการลักลอบ กระทำผิด หรือก่อเหตุร้ายในพื้นที่อย่างจริงจัง เพื่อไม่ให้เกิดเหตุซ้ำรอยในรูปแบบใดอีก โดย ผบช.ภ.2 ย้ำว่า “เจ้าหน้าที่ทุกนายต้องปฏิบัติภารกิจด้วยความตั้งใจสูงสุด เพื่อประชาชนและประเทศชาติ”

📍ประชาชนสามารถแจ้งเบาะแสหรือข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการปฏิบัติงานได้ที่สถานีตำรวจใกล้บ้าน หรือสายด่วน 191 ตลอด 24 ชั่วโมง

‘เขมร’ กับการปลุกกระแสคลั่งชาติเบี่ยงเบนปัญหา ลูกไม้ตื้น ๆ พ่อลูก ‘ตระกูลฮุน’ เมื่อยามไร้ทางออก

เมื่อวันที่ (8 มิ.ย. 68) เพจเฟซบุ๊ก ดร.โญ มีเรื่องเล่า ของ ดร.ปุณกฤษ ลลิตธนมงคลได้โพสต์ข้อความว่า ... Like father, like son!!! 
ในภาษาไทยจะตรงกับคำว่า “ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น”

พฤติการณ์และพฤติกรรมของเขมรเยี่ยงนี้เกิดขึ้นมานานแล้ว โดยเฉพาะในช่วงยุคที่ฮุนผู้พ่อเป็นนายกฯ หนแรกเกิดขึ้นในปี พ.ศ. 2546 เริ่มต้นขึ้นเมื่อบทความในหนังสือพิมพ์เขมรฉบับหนึ่งตีเเผ่บทความกล่าวหาด้วยข้อมูลผิดๆ ว่า นักแสดงหญิงไทยคนหนึ่งได้กล่าวอ้างว่า "นครวัดเป็นของประเทศไทย" ในเดือนมกราคม พ.ศ. 2546 สื่อสิ่งพิมพ์และสื่อวิทยุเขมรอื่น ๆ ได้หยิบยกเอารายงานดังกล่าวและปลุกระดมความรู้สึกชาตินิยมเพิ่มขึ้นไปอีกจนทำให้เกิดการจลาจลในพนมเปญเมื่อวันที่ 29 มกราคม ทำให้สถานทูตไทยถูกเผาและมีการปล้นสะดมทรัพย์สินของธุรกิจไทยในเขมร

หนต่อมาก็คือ กรณีพิพาทพรมแดนไทย–เขมร ระหว่าง 22 มิถุนายน พ.ศ. 2551 – 15 ธันวาคม พ.ศ. 2554 กินเวลา 3 ปี 5 เดือน 3 สัปดาห์ 2 วัน และสิ้นสุดลงหลังจากการสู้รบในพื้นที่ชายแดนระหว่างประเทศไทยและเขมรโดยฝ่ายเขมรได้ยิงจรวดแบบ BM-21 เข้ามาสร้างความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินในเขตไทยหลายครั้งหลายหน กองทัพบกไทยจึงได้ทำการยิงปืนใหญ่โต้ตอบสร้างความเสียหายแก่ฝ่ายเขมรอย่างหนัก เครื่องยิงจรวดแบบ BM-21 ถูกทำลายไปหลายระบบ ทหารเขมรตายไปหลายร้อยนาย ซึ่งผบ.ของกองกำลังเขมรในขณะนั้นก็คือ ฮุนมาเนตผู้เป็นนายกรัฐมนตีเขมรคนปัจจุบัน

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในขณะนี้ก็ไม่ต่างไปจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในสมัยฮุนผู้พ่อเลย เมื่อฮุนผู้ลูกให้ทหารเขมรเข้ามาออกอาการพยายามแสดงความเป็นเจ้าของพื้นที่ทั้งที่เป็นดินแดนของไทยและดินแดนที่ยังเป็นข้อพิพาท โดยเฉพาะบริเวณปราสาทตาเหมือนธม มีการยั่วยุปลุกปั่นประชาชนคนเขมรตลอดเวลา ทำให้กองทัพไทยโดยกองทัพภาคที่ 2 ไม่ยินยอมมีการเจรจาและประท้วง แต่เขมรไม่ยอมเลิก สิ่งที่รัฐบาลเขมรทำมาตลอดก็คือ ยุยงปลุกปั่นให้ข้อมูลที่บิดเบือนกับประชาชนคนเขมรเพื่อให้สนับสนุนปฏิบัติการของรัฐบาลเขมร ซึ่งชัดเจนว่า เขมรพยายามอย่างหนักเพื่อสร้างกระแสชาตินิยมจนนำไปสู่การคลั่งชาติ

สำหรับการแสดงออกของพี่น้องประชาชนคนไทยที่สนับสนุนทหารไทยในเวลานี้เป็นเรื่องของความรักชาติโดยบริสุทธิ์ใจ ด้วยความภาคภูมิใจในเอกราชและอธิปไตยที่มีมายาวนาน เขมรซึ่งเป็นเมืองขึ้นของไทยในอดีตที่ต้องยอมสละให้กับฝรั่งเศสชาตินักล่าอาณานิคมเพื่อรักษาไว้ซึ่งอธิปไตยของชาติ เขมรซึ่ง 55 ปีมานี้เปลี่ยนแปลงการปกครองและชื่อประเทศมากมายหลายหนตั้งแต่ราชอาณาจักรเขมรมาเป็นสาธารณรัฐเขมรในปี พ.ศ. 2513 และเขมรประชาธิปไตยในปี พ.ศ. 2518 (มีการฆ่าล้างชาติไปหลายล้านคน) และสาธารณรัฐประชามานิตเขมรในปี พ.ศ. 2522 (ฝ่ายรัฐบาลหุ่นเชิดเวียดนามที่ประชาคมโลกไม่ยอมรับโดยเฮงสัมรินและฮุนผู้พ่อตั้งชื่อประเทศว่า สาธารณรัฐประชาชนเขมร) จนกระทั่งกลับมาเป็นราชอาณาจักรเขมรอีกครั้งในปี พ.ศ. 2532

ดังนั้น เขมรจึงเหมือนประเทศที่ถูกสาป และคงตกอยู่ภายใต้คำสาปต่อไปเมื่อมีผู้นำเยี่ยงนี้ ผู้นำที่คิดได้แค่ว่า เมื่อรัฐบาลมีปัญหาและหาทางออก ไม่ได้ ก็ต้องสร้างกระแสคลั่งชาติให้เกิดขึ้นในหมู่ประชาชนเพื่อเบี่ยงเบนปัญหาที่แก้ไม่ได้ไปสู่เป้าหมายใหม่โดยเฉพาะศัตรูภายนอกประเทศ ตัวอย่าง อาทิ

นายพลเลโอโปลโด กัลติเอริ อดีตประธานาธิบดีจอมเผด็จการแห่งอาร์เจนติน่าส่งกำลังทหารบุกยึดหมู่เกาะฟอล์กแลนด์ในเดือนเมษายน พ.ศ. 2525 หรือ ซัดดัม ฮุสเซน อดีตประธานาธิบดีจอมเผด็จการแห่งอิรักได้ส่งกำลังทหารเข้ายึดคูเวตได้อย่างง่ายดายและปกครองคูเวตอยู่ 7 เดือน กระทั่งสหรัฐอเมริกาภายใต้ประธานาธิบดีจอร์จ เอช. ดับเบิลยู. บุช ส่งกำลังทหารเข้าแทรกแซง แต่พ่อลูกตระกูลฮุนกลับลืมนึกไปว่า จุดจบของรัฐบาลที่กระทำการเยี่ยงนี้ไม่เคยจบสวยเลย ซ้ำยังเป็นการสร้างความพินาศย่อยยับให้กับประเทศชาติและประชาชน สิ่งซึ่งพี่น้องประชาชนคนไทยต้องเข้าใจเป็นอย่างยิ่งคือ ในขณะสิ่งที่กองทัพไทยกำลังทำหน้าที่ในการรักษาดินแดนของไทยตามกฎหมาย สิทธิ กติกา และระเบียบปฏิบัติอันชอบธรรม เยี่ยงรัฐที่มีอำนาจอธิปไตยโดยทั่วไป เป็นหลักปฏิบัติปกติธรรมดาเฉกเช่นเดียวกับรัฐที่มีเอกราชทุกรัฐบนโลกใบนี้

ตม.จว.กาญจนบุรี บุกรวบต่างด้าวชาวเมียนมา แอบเปิดร้านเสริมสวย แย่งอาชีพคนไทย

(9 มิ.ย. 68) ตามนโยบายสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร., พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง รอง ผบ.ตร., พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร./ผอ.ศูนย์ปราบปรามคนร้ายข้ามชาติและเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ, พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จตช./ผอ.ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ, พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผู้ช่วย ผบ.ตร. ได้สั่งการให้ สตม. สกัดกั้น ตรวจสอบ ระดมจับกุมคนต่างด้าวที่เข้ามาประกอบธุรกิจผิดกฎหมายในประเทศไทย รวมทั้งให้ดำเนินการตรวจสอบ ชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในขณะที่พำนักอาศัยอยู่ในประเทศไทย กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศ หรือกลุ่มคนร้ายข้ามชาติที่เข้ามาแฝงตัวอยู่เพื่อก่อเหตุ หรือโดยใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการกระทำความผิด

วันนี้ (8 มิ.ย.68 ) เวลา 14.00 น. ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.ภาณุมาศ บุญญลักษม์ ผบช.สตม., พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.ชัยฤทธิ์ อนุฤทธิ์ ผบก.ตม.3, พ.ต.อ.เพลิน กลิ่นพยอม รอง ผบก.ตม.3 , พ.ต.อ.กรณ์ สมคะเณย์ ผกก.ตม.จว.กาญจนบุรี, ว่าที่ พ.ต.ต.ธนพงษ์ พลายเพชร สว.ตม.จว.กาญจนบุรี สั่งการให้เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ตม.จว.กาญจนบุรี ตรวจสอบร้านเสริมสวยบริเวณ ต.อุโลกสี่หมื่น อ.ท่ามะกา จว.กาญจนบุรี ตามที่ได้รับเรื่องร้องเรียนทางโซเชียล พบร้านเสริมสวย ภายในร้านมีบุคคลสัญชาติเมียนมากำลังทำผมให้ลูกค้า จึงได้แสดงตัวจับกุม Mr.HTAT MUANG อายุ 20 ปี สัญชาติเมียนมา ผู้ถูกจับกุมที่ 1 และ Mrs.MA THAN อายุ 29 ปี สัญชาติเมียนมา ผู้ถูกจับกุมที่ 2 จากนั้นได้ไปตรวจสอบร้านเสริมสวยอีกร้านซึ่งอยู่ใกล้กัน มีชื่อร้านเป็นภาษาเมียนมา มีบุคคลสัญชาติเมียนมากำลังสระผมให้ลูกค้า จึงได้แสดงตัวจับกุม Mr.THET PAING อายุ 30 ปี สัญชาติเมียนมา พร้อมของกลางสมุดจดบันทึกรายรับ สถานที่จับกุม ร้านเสริมสวย บริเวณ ม.4 ต.อุโลกสี่หมื่น อ.ท่ามะกา จว.กาญจนบุรี โดยกล่าวหาว่าเป็นบุคคลต่างด้าวที่ทำงานโดยไม่มีใบอนุญาตทำงาน หรือทำงานนอกเหนือจากที่มีสิทธิจะทำได้ (งานตัดผม/เสริมสวย)

ในชั้นจับกุม ผู้ถูกจับให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา จึงได้นำตัวไปยัง ตม.จว.กาญจนบุรี ทำบันทึกจับกุม และนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.ท่าเรือ เพื่อดำเนินคดีต่อไป


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top