Monday, 9 June 2025
NEWS FEED

สมุทรปราการ-สุดยิ่งใหญ่!! มหกรรมการจัดการศึกษาท้องถิ่น เทศบาลตำบลแพรกษา เจ้าภาพใหญ่ จัดการแข่งขันทักษะวิชาการ ระดับภาคตะวันออก ครั้งที่ 30 

(1 มิ.ย. 68) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เทศบาลตำบลแพรกษา โดยนางอรัญญา สุวรรณบุตร นายกเทศมนตรีตำบลแพรกษา พร้อมด้วย ดร.ยงยุทธ สุวรรณบุตร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดสมุทรปราการ สมัยที่ 25 ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์นายกเทศมนตรีตำบลแพรกษา ดำเนินการเตรียมพร้อมจัดการแข่งขันทักษะวิชาการ ระดับภาคตะวันออก ครั้งที่ 30 ระหว่างวันที่ 5-7 กรกฎาคม 2568 ซึ่งทางเทศบาลตำบลแพรกษาได้รับเกียรติเป็นเจ้าภาพใหญ่ในการจัดการแข่งขันในครั้งนี้ ภายใต้แนวคิด EDUCATION COME FIRST ท้องถิ่นสร้างคน เยาวชนเก่งดี เวทีพหุปัญญา 

ตามที่กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นได้ขอความร่วมมือจังหวัดแจ้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีความพร้อมและประสงค์รับเป็นเจ้าภาพระดับประเทศ/ระดับภาคในการดำเนินกิจกรรมส่งเสริมศักยภาพการจัดการศึกษาท้องถิ่น ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 เข้าร่วมประชุมพิจารณาคัดเลือกองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีความพร้อม และประสงค์รับเป็นเจ้าภาพระดับประเทศ/ระดับภาคในการดำเนินกิจกรรมส่งเสริมศักยภาพจัดการศึกษาท้องถิ่น เมื่อวันพุธที่ 10 มกราคม 2567 ผ่านระบบ Cisco Meeting Server นั้น

กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นพิจารณาแล้วเห็นว่าเพื่อให้การดำเนินกิจกรรมส่งเสริมศักยภาพการจัดการศึกษาท้องถิ่น ประจำปีงบประมาณ พศ 2568 เป็นไปด้วยความเรียบร้อย จึงขอความร่วมมือจังหวัดแจ้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ได้รับการพิจารณาคัดเลือกเป็นเจ้าภาพระดับประเทศ/ระดับภาค ในการดำเนินกิจกรรมส่งเสริมศักยภาพการจัดการศึกษาท้องถิ่น ประจำปีงบประมาณ 2568 ทราบและจัดทำคำของบประมาณรายการเงินอุดหนุนสำหรับส่งเสริมศักยภาพการจัดการศึกษาท้องถิ่นพร้อมประมาณการรายละเอียด ค่าใช้จ่าย สถานที่ และห้วงระยะเวลาในการดำเนินกิจกรรมที่ชัดเจน โดยบันทึกคำของบประมาณรายจ่ายประจำปี ในระบบสารสนเทศเพื่อการจัดทำงบประมาณขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (BBL) ภายในวันที่ 15 มกราคม 2567 เพื่อให้สำนักงบประมาณพิจารณาจัดสรรงบประมาณรายการดังกล่าวต่อไป 

สมุทรปราการ-โรงเรียนแพรกษาวิเทศศึกษา (PWS) ถวายพระพรชัยมงคล สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดาฯ เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา

(30 พ.ค.68) ที่ผ่านมา ทางคณะครูโรงเรียนแพรกษาวิเทศศึกษา ได้จัดพิธีถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี

โดยคณะครู และนักเรียนโรงเรียนแพรกษาวิเทศศึกษา (PWS) สังกัดเทศบาลตำบลแพรกษา ร่วมถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี เพื่อแสดงออกถึงความจงรักภักดี และสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ณ ห้องประชุมเธียร์เตอร์โรงเรียนแพรกษาวิเทศศึกษา ต.แพรกษา อ.เมือง สมุทรปราการ

ในพิธีฯ ได้รับเกียรติจาก ดร.ยงยุทธ สุวรรณบุตร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดสมุทรปราการ สมัยที่ 25 
ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์นายกเทศมนตรีตำบลแพรกษา เป็นประธานในพิธี 

พร้อมด้วย ปลัดเทศบาล รองปลัดเทศบาล คณะผู้บริหาร หัวหน้าส่วนราชการ ร่วมเป็นเกียรติในพิธี  ทั้งนี้ คณะผู้บริหาร ครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียนเข้าร่วมพิธีอย่างพร้อมเพรียงและเต็มเปี่ยมด้วยความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้

คิว-ข่าวสมุทรปราการ รายงาน

BAN แจ้งเตือน!! ขยะอิเล็กทรอนิกส์ ขยะพลาสติก จากสหรัฐอเมริกา กำลังเข้ามาทิ้งที่ไทย 5,500 ตัน

เมื่อวานนี้ (30 พ.ค. 68) เครือข่ายปฏิบัติการบาเซล หรือ BAN (Basel Action Network) องค์กรพัฒนาเอกชนประเทศสหรัฐอเมริกาที่ติดตามปัญหาการค้าขยะข้ามแดน ส่งหนังสือแจ้งเตือนหน่วยราชการไทยพร้อมกับแจ้งมาทางมูลนิธิบูรณะนิเวศ ในฐานะเครือข่ายที่ทำงานร่วมกันมายาวนาน ว่า เรือบรรทุกสินค้าจากประเทศสหรัฐอเมริกาจำนวน 35 ลำ กำลังจะเข้าเทียบท่าที่ท่าเรือแหลมฉบัง จ.ชลบุรี ตั้งแต่วันที่ 30 พฤษภาคมจนถึง 21 มิถุนายน 2568 นี้ โดยรวมแล้วจะนำเข้าขยะอันตรายและผิดกฎหมายมายังประเทศไทยมากถึง 222 ตู้คอนเทนเนอร์ แบ่งเป็นตู้ขนส่งขยะอิเล็กทรอนิกส์จำนวน 219 ตู้ และขยะพลาสติกจำนวน 3 ตู้

ทั้งนี้ เรือบรรทุกขยะอันตรายและผิดกฎหมายกลุ่มแรกจำนวน 5 ลำมีกำหนดเข้าเทียบท่าตั้งแต่วันที่ 30 พฤษภาคมแล้ว จากนั้นจะทยอยเข้ามาอีกระหว่างวันที่ 1-21 มิถุนายน สำหรับวันที่จะมีเรือขยะเทียบท่าจำนวนมากเช่น 2 มิถุนายนจำนวน 32 ตู้ วันที่ 4 มิถุนายน 26 ตู้ วันที่ 6 มิถุนายน 22 ตู้ และวันที่ 10 มิถุนายน 40 ตู้ ปิดท้ายด้วยวันที่ 21 มิถุนายน จำนวน 4 ตู้

ถ้าคิดตามอัตราบรรทุกขั้นต่ำว่า 1 ตู้คอนเทนเนอร์จุน้ำหนักได้ 25 ตัน จำนวนขยะอิเล็กทรอนิกส์ หรือ E-Waste ที่จะเข้าไทยระลอกนี้จะมากถึง 5,475 ตัน ส่วนขยะพลาสติกจะเข้ามาประมาณ 75 ตัน

เพ็ญโฉม แซ่ตั้ง ผู้อำนวยการมูลนิธิบูรณะนิเวศ เปิดเผยว่า ทาง BAN ไม่เพียงแจ้งเตือนมาในเชิงภาพรวมเท่านั้น หากแต่ได้แนบข้อมูลในรายละเอียดต่างๆ มาด้วย ครอบคลุมตั้งแต่ท่าเรือต้นทาง วันที่เรือออกจากท่า ชื่อเรือแต่ละลำ เลขตู้คอนเทนเนอร์ จำนวนเรือที่จะเข้าเทียบท่าในแต่ละวัน ดังนั้นทางการไทยไม่ควรที่จะยอมให้เรือเหล่านี้เข้าเทียบท่าเลยด้วยซ้ำ

“ที่ผ่านมา BAN เคยแจ้งเตือนเรื่องการขนส่งขยะอันตรายข้ามแดนที่ละเมิดอนุสัญญาบาเซลมาแล้วหลายครั้ง และทุกครั้งพิสูจน์แล้วว่าเป็นเรื่องจริง ข้อมูลถูกต้อง เชื่อถือได้ ดังนั้นหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของไทย โดยเฉพาะกรมศุลกากรจึงควรสกัดกั้นมิให้เรือต้องสงสัยทั้ง 222 ลำเข้าเทียบท่าเรือแหลมฉบัง เพื่อไม่ให้ประเทศไทยต้องรับขยะอันตรายจากอเมริกากว่า 5,500 ตันเข้ามาในประเทศ ซึ่งจะก่อให้เกิดภาระต้องผลักดันกลับ รวมถึงเสี่ยงว่าจะมีการรั่วไหลกระจายออกไป” ผู้อำนวยการมูลนิธิบูรณะนิเวศแสดงความเห็น

ทั้งนี้ ผู้อำนวยการมูลนิธิบูรณะนิเวศกล่าวว่าได้ประสานเรื่องดังกล่าวไปกับฐิติภัสร์ โชติเดชาชัยนันต์ หัวหน้าชุดตรวจสุดซอยของกระทรวงอุตสาหกรรมตั้งแต่ทราบเรื่องแล้ว

"คุณโอ๋เห็นด้วยว่าควรต้องสกัดกั้นการนำเข้าตั้งแต่ระดับหน้าด่าน คือที่ท่าเรือเลย"

ผู้อำนวยการมูลนิธิบูรณะนิเวศให้ข้อมูลอีกว่า ปัจจุบันไทยมีกฎหมายห้ามนำเข้าทั้งขยะอิเล็กทรอนิกส์และขยะพลาสติกแล้ว โดยประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้ขยะอิเล็กทรอนิกส์เป็นสินค้าที่ต้องห้ามในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร พ.ศ. 2563 (และบัญชีท้ายประกาศฯ) ลงวันที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2563 ห้ามนำเข้าขยะอิเล็กทรอนิกส์จำนวน 428 รายการ ส่วนประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้เศษพลาสติกเป็นสินค้าที่ต้องห้ามในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร พ.ศ. 2567 กำหนดห้ามนำเข้าเศษพลาสติกตามพิกัดฯ 39.15 ในทุกพื้นที่ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2568 เป็นต้นมา

ทั้งนี้ นิยามของ 'ขยะอิเล็กทรอนิกส์' ตามประกาศกระทรวงพาณิชย์ดังกล่าวคือ ชิ้นส่วนอุปกรณ์ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์หรือเศษ (ไม่รวมเศษจากเครื่องกำเนิดไฟฟ้า) ที่มีส่วนประกอบ ซึ่งได้แก่ ตัวเก็บประจุไฟฟ้า และแบตเตอรี่อื่นๆ สวิตซ์ที่มีปรอทเป็นองค์ประกอบในการทำงาน เศษแก้วจากหลอดรังสีแคโทด และแอกติเวเต็ดกลาสอื่นๆ ตัวเก็บประจุไฟฟ้าที่มีสารพีซีบี หรือที่ปนเปื้อนด้วยแคดเมียม ปรอท ตะกั่ว โพลีคลอริเนทเต็ดไบฟีนิล ซึ่งเป็นของเสียเคมีวัตถุ ตามบัญชี 5.2 ลำดับที่ 2.18 ของประกาศกระทรวงว่าด้วยวัตถุอันตราย

ส่วนนิยามคำว่า 'เศษพลาสติก' หมายความว่า เศษ เศษตัดและของที่ใช้ไม่ได้ที่เป็นพลาสติก ตามพิกัดศุลกากรประเภท 39.15

เชียงใหม่-เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี พร้อมเปิด 'มุมถ่ายภาพเช็คอินจุดใหม่' ณ โซนจากัวร์เทรล (Jaguar Trail)

(31 พ.ค.68) นางสาวฐิติรัตน์ ต๊ะวันวงค์ ผู้อำนวยการสำนักงานเชียงใหม่ไนท์ชาฟารีปฏิบัติหน้าที่ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาพิงคนคร เปิดมุมใหม่ 'มุมถ่ายภาพเช็คอินจุดใหม่' ณ โซนจากัวร์เทรล (Jaguar Trail) เส้นทางเดินชมสัตว์รอบทะเลสาบสวอนเลค (Swan Lake) เพื่อมอบประสบการณ์การ ท่องเที่ยวที่ใกล้ชิดธรรมชาติ และเหมาะสำหรับการถ่ายภาพสวย ๆ ท่ามกลางบรรยากาศร่มรื่นของผืนน้ำและ ต้นไม้โดยรอบ โดยโซนจากัวร์เทรลเปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 11.00 - 20.00 น.

นอกจากนี้ กิจกรรมถ่ายภาพกับสัตว์เล็ก เปิดตัวดาวรุ่งดวงใหม่ 'น้องโคโค่' (คาปิบาร่า) และ 'น้องพะโล้' (เป็ดคอลดั๊ก) เพื่อนรักต่างสายพันธุ์มาให้นักท่องเที่ยวได้ถ่ายรูปอย่างใกล้ชิด ในกิจกรรมถ่ายภาพกับ สัตว์เล็ก ทุกวันศุกร์ - เสาร์ - อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ เวลา 17.30 - 20.30 น.

นักมวยไทยเผยเส้นทางชีวิตจากการพึ่งพาสารเสพติด สู่โอกาสใหม่ในสังเวียนระดับโลก

"สิ่งเสพติดทุกอย่างผมเอาหมดเลยครับ ดีครับที่ผมไม่ตาย ถ้าไม่เลิกทุกอย่างเราตายจริงๆแน่ รู้สึกขอบคุณONEลุมพินีมากๆ ครับ ที่ให้โอกาสทุกคนไม่ใช่แค่ผม ทุกคนที่เคยหลงผิดแทบจะกลับขึ้นมาไม่ได้ แต่รายการเขาให้โอกาสหมดครับ แค่เราต้องมีวินัย ซื่อสัตย์ต่ออาชีพตัวเอง ในชีวิตนี้ถ้าผมไม่ได้ต่อยรายการนี้ ชาตินี้ผมจะได้จับเงิน7แสนหรือเปล่ายังไม่รู้เลยครับ"

เจ้าของสถิติไร้พ่ายชนะน็อค3ไฟต์รวด ได้โบนัสทั้ง3ไฟต์รวมเป็นเงินล้านกว่าบาท โดยเฉพาะ2ไฟต์ล่าสุดคือโคตรคลั่ง มันเป็นการชนะน็อคแบบโคตรมันส์ชนิดที่ติดตาคนดูทั้งประเทศ!!

โตโยต้า อีเกิลมวยไทย

‘ฮุนได มอเตอร์’ ขึ้นแท่น!! พันธมิตรหลักศึกฟุตบอลอาเซียน ประเดิมทัวร์นาเมนต์ใหญ่ ‘ASEAN Hyundai Cup™’

(31 พ.ค. 68) สมาพันธ์ฟุตบอลแห่งอาเซียน (ASEAN Football Federation หรือ AFF) เคาะชื่อใหม่ศึกลูกหนังทีมชาติสุดยิ่งใหญ่ของภูมิภาค เปลี่ยนเป็น 'ASEAN Hyundai Cup™' อย่างเป็นทางการ หลังจับมือ ฮุนไดมอเตอร์ (Hyundai Motor) ขึ้นแท่นพันธมิตรหลัก ผู้นำระดับโลกด้านสมาร์ทโมบิลิตี้

ข้อตกลงครั้งนี้เกิดขึ้นโดยการดำเนินงานของ SPORTFIVE พันธมิตรเชิงพาณิชย์รายเดียวของ AFF โดย ฮุนไดไม่ได้หยุดแค่การเป็นสปอนเซอร์หลักของ ASEAN Hyundai Cup™ เท่านั้น แต่ยังขยายบทบาทควบอีก 3 รายการสำคัญ ได้แก่ ASEAN Club Championship Shopee Cup™, ASEAN Women’s MSIG Cup™ และ ASEAN U-23 Championship™ โดยทั้งหมดถูกรวมภายใต้แบรนด์ ASEAN United FC เพื่อขับเคลื่อนวงการลูกหนังภูมิภาคร่วมกัน

ฮุนได มอเตอร์ ก่อตั้งขึ้นในปี 1967 และปัจจุบันดำเนินธุรกิจในกว่า 200 ประเทศทั่วโลก โดยมุ่งเน้นการพัฒนาธุรกิจสู่สมาร์ทโมบิลิตี้โซลูชัน ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยีหุ่นยนต์ การเคลื่อนที่ทางอากาศ และยานยนต์ปลอดมลพิษ อาทิ รถยนต์ไฟฟ้าและเซลล์เชื้อเพลิงไฮโดรเจน การสนับสนุนวงการฟุตบอลเป็นหนึ่งในกลยุทธ์หลักของแบรนด์มายาวนานตั้งแต่ปี 1999 ผ่านการเป็นพันธมิตรกับ FIFA ก่อนจะขยายบทบาทสู่ระดับทวีปผ่านการสนับสนุนศึก CONMEBOL Libertadores ในลาตินอเมริกา

Hyundai Cup™ ถือเป็นการจับมือครั้งแรกของฮุนได มอเตอร์ กับเวทีฟุตบอลอาเซียน ซึ่งสะท้อนถึงกลยุทธ์สำคัญในการขยายตลาดสู่ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยมุ่งสร้างการเติบโตในตลาดหลัก เพิ่มการรับรู้แบรนด์ และกระชับสายสัมพันธ์กับกลุ่มแฟนบอลอาเซียนที่ความหลงใหลในเกมลูกหนัง ศึกชิงแชมป์อาเซียนในปี 2024 พิสูจน์ความสำเร็จอีกครั้ง ด้วยสถิติผู้ชมถล่มทลายกว่า 541.5 ล้านคนทั่วโลก และยอดชมรวมทางโซเชียลมีเดียกว่า 12.66 พันล้านครั้ง ตอกย้ำสถานะของรายการนี้ในฐานะเวทีลูกหนังอันดับ 1 แห่งภูมิภาคอย่างแท้จริง

มร.ซันนี่ คิม ประธานบริษัท ฮุนได มอเตอร์ เอเชีย แปซิฟิก สำนักงานใหญ่ กล่าวว่า “ฟุตบอลไม่ใช่แค่กีฬา แต่มันคือพลังแห่งการรวมใจและขับเคลื่อนชุมชนให้เติบโตไปด้วยกัน กว่า 26 ปีในฐานะพันธมิตรระดับโลก เราเห็นศักยภาพของภูมิภาคอาเซียน ดินแดนที่ฟุตบอลไม่เคยหลับใหล และแฟนบอลยังเปี่ยมไปด้วยแพสชัน การเข้ามาเป็นผู้สนับสนุนหลักของ ASEAN Hyundai Cup™ จึงไม่ใช่แค่เรื่องของแบรนด์หรือธุรกิจ แต่คือการเดินหน้าตามวิสัยทัศน์ “Progress for Humanity” ที่มุ่งผลักดันด้านการศึกษา ความเท่าเทียม และการเติบโตอย่างยั่งยืน ผ่านพลังของกีฬาฟุตบอล”

ในฐานะศูนย์กลางสำคัญของฮุนไดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ฮุนได มอเตอร์ เอเชีย แปซิฟิก เดินหน้าใช้เวที ASEAN Hyundai Cup™ เปิดตัวแนวคิด ‘Move the Game’ สื่อสารจุดยืนชัดเจนของแบรนด์ในการสนับสนุนผู้สร้างความเปลี่ยนแปลง พร้อมทั้งผลักดันอนาคตของการขับเคลื่อนที่ยั่งยืน เพราะสำหรับฮุนได นวัตกรรมไม่ใช่แค่เรื่องของรถยนต์ แต่คือการสร้างผลกระทบเชิงบวกในสังคมผ่านโครงการต่าง ๆ อย่าง 'Hyundai Kids Mobile Library' รถบัสพลังงานไฟฟ้าที่ดัดแปลงเป็นห้องสมุดเคลื่อนที่ เพื่อเปิดโลกการเรียนรู้ให้กับเด็ก ๆ และเติมเต็มโอกาสในพื้นที่ห่างไกล ฮุนไดจึงไม่ได้เพียงแค่ 'ขับเคลื่อนอนาคต' บนท้องถนน แต่ยังมุ่งมั่นที่จะสร้างความก้าวหน้าให้เกิดขึ้นจริงทั้งในและนอกสนาม

พล.ต. เคียฟ ซาเมธ ประธานสหพันธ์ฟุตบอลอาเซียน กล่าวเสริมว่า “ในนามของสมาพันธ์ฟุตบอลแห่งอาเซียน (AFF) และสมาคมสมาชิก เราขอต้อนรับฮุนไดผู้นำระดับโลกด้านเทคโนโลยีการเคลื่อนที่และนวัตกรรมอย่างเป็นทางการ ที่ยืนหยัดเคียงข้างวงการฟุตบอลมาโดยตลอด สู่บทบาท พันธมิตรหลักของการแข่งขัน ASEAN Hyundai Cup™ อย่างเป็นทางการ

ความมุ่งมั่นอย่างต่อเนื่องของฮุนไดที่มีต่อวงการฟุตบอลทั่วโลก สอดคล้องอย่างสมบูรณ์แบบกับพันธกิจของ AFF ในการผลักดันการเติบโตและพัฒนาฟุตบอลในอาเซียน ASEAN Hyundai Cup™ จึงไม่ใช่แค่ทัวร์นาเมนต์ แต่มันคือสัญลักษณ์แห่งความฝันของนักเตะ แฟนบอล และทุกชาติในภูมิภาคนี้ วันนี้ AFF และฮุนได พร้อมร่วมกันเปิดฉากบทใหม่สุดเร้าใจ—บทที่เต็มไปด้วยแรงบันดาลใจสำหรับคนรุ่นต่อไป เสริมสร้างพลังให้ชุมชน และส่งเสียงของอาเซียนให้กึกก้องบนเวทีโลก”

มร. ซีมัส โอไบรอัน ประธานและประธานกรรมการ SPORTFIVE ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก กล่าวว่า “พันธมิตรของฮุนได ถือเป็นหมุดหมายสำคัญของฟุตบอลอาเซียน โดยเฉพาะในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่ศึก ASEAN Championship กำลังเปลี่ยนผ่านจากรายการระดับภูมิภาค สู่เวทีระดับนานาชาติอย่างเต็มตัว ด้วยฐานแฟนบอลเหนียวแน่น และกระแสตอบรับที่เหนือความคาดหมาย ความร่วมมือนี้เกิดขึ้นในช่วงเวลาสำคัญ ที่สายตาทั่วโลกเริ่มจับจ้องมาที่อาเซียน ภูมิภาคที่กำลังกลายเป็นพลังเศรษฐกิจใหม่ของโลก”

“การเติบโตของทีมชาติอาเซียน เดินหน้าเคียงข้างกับบทบาทใหม่ของภูมิภาคในฐานะศูนย์กลางยานยนต์และการผลิตระดับโลก และ Hyundai Cup™ ก็เป็นฟันเฟืองสำคัญในกลยุทธ์ของฮุนได ที่ต้องการปักหมุดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ให้เป็นหัวใจของยอดขายทั่วโลก พร้อมไปกับการยกระดับแบรนด์ในเวทีฟุตบอลระดับสากล เรารู้สึกตื่นเต้นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมงานกับฮุนไดและ AFF เพื่อยกระดับศึก Hyundai Cup™ ให้ยิ่งใหญ่ยิ่งขึ้น ครองแชมป์ด้านเรตติ้ง และในขณะเดียวกัน ก็สนับสนุนวิสัยทัศน์ของฮุนไดในการก้าวขึ้นเป็นผู้นำตลาดในภูมิภาคนี้อย่างแท้จริง”

การประกาศความร่วมมือครั้งประวัติศาสตร์นี้มีขึ้นในการแถลงข่าวอย่างเป็นทางการที่กรุงจาการ์ตา โดยมีบุคคลสำคัญเข้าร่วมอย่างพร้อมหน้า ได้แก่ ได้แก่ พล.ต. เคียฟ ซาเมธ ประธานสหพันธ์ฟุตบอลอาเซียน, มร. วินสตัน ลี เลขาธิการสหพันธ์ฟุตบอลอาเซียน, มร.ซันนี่ คิม ประธานบริษัท ฮุนได มอเตอร์ เอเชีย แปซิฟิก สำนักงานใหญ่ และ มร. ซีมัส โอไบรอัน ประธานและประธานกรรมการ SPORTFIVE เอเชีย

ติดตามความเคลื่อนไหวทั้งหมดของการแข่งขันในเครือ ASEAN United FC ได้ที่ https://aseanutdfc.com และทุกช่องทางโซเชียล @aseanutdfc บน Instagram, Facebook, TikTok, YouTube, X และ LinkedIn

NIA เปิดรับ!! ข้อเสนอโครงการ เพื่อสนับสนุนการพัฒนาประเทศ ยกระดับ!! ความสามารถทางนวัตกรรม ในระดับอุตสาหกรรม

(31 พ.ค. 68) เปิดรับสมัครแล้ว ทุนใน ‘แพลตฟอร์มส่งเสริมธุรกิจนวัตกรรมที่จำเป็นต่อการพัฒนาประเทศ (Mandatory Innovation Business Platform)’ รอบ 3 ประจำปีงบประมาณ 2568 กับ 6 อุตสาหกรรมเป้าหมายของประเทศ

1. สาขาธุรกิจนวัตกรรมด้านอาหารและผลไม้ไทยมูลค่าสูงเพื่อการส่งออก
(High-Value Food and Fruit for Export)
2. สาขาธุรกิจนวัตกรรมด้านผลิตภัณฑ์ กระบวนการผลิตและการบริหารจัดการพืช และสัตว์เศรษฐกิจหลักของประเทศตลอดห่วงโซ่คุณค่า (Value Chain of Economic Plants and Animals)
3. สาขาธุรกิจนวัตกรรมด้านเศรษฐกิจหมุนเวียนและเศรษฐกิจคาร์บอนตํ่า (Circular and Low-Carbon Economy)
4. สาขาธุรกิจนวัตกรรมด้านพลังงานสะอาด (Clean Energy)
5. สาขาธุรกิจดิจิทัลที่ใช้เทคโนโลยี ด้าน AI, Robotic, Immersive & IoT (ARI Tech)
6. สาขาธุรกิจนวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้า (Electric Vehicle : EV) 

สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เปิดรับ #ข้อเสนอโครงการ เพื่อสนับสนุนการพัฒนาประเทศและยกระดับความสามารถทางนวัตกรรมในระดับอุตสาหกรรมทั้ง 6 สาขา ภายใต้ 7 กลไกการสนับสนุน ซึ่งแต่ละสาขามีกลไกการสนับสนุนแตกต่างกันไปตามแต่ละสาขา สามารถดูรายละเอียดได้ในแคปชันแต่ละภาพ ซึ่งทั้ง 7 กลไก มีรายละเอียด ดังนี้

กลไกทุนโครงการนวัตกรรมแบบมุ่งเป้า (Thematic Innovation)
ทุนอุดหนุนสมทบบางส่วน (Matching Grant) ในสัดส่วนไม่เกินร้อยละ 75 ของมูลค่าโครงการ คิดเป็นมูลค่าการสนับสนุนไม่เกิน 5,000,000 บาทต่อโครงการ ในระยะเวลาไม่เกิน 3 ปี เพื่อทดสอบความเป็นไปได้ทางการตลาด และการปรับปรุงผลิตภัณฑ์หรือบริการนวัตกรรม

กลไกการสนับสนุนที่ปรึกษาเพื่อพัฒนานวัตกรรม (MIND)
ทุนอุดหนุนสมทบบางส่วน (Matching Grant) ในสัดส่วนไม่เกินร้อยละ 50 ของมูลค่าโครงการ คิดเป็นมูลค่าการสนับสนุนไม่เกิน 1,000,000 บาทต่อโครงการ ในระยะเวลาไม่เกิน 1 ปี เพื่อจ้างที่ปรึกษาและปรับปรุงกระบวนการดำเนินงานภายในองค์กร

กลไกการสนับสนุนการพัฒนามาตรฐานสำหรับธุรกิจนวัตกรรม (Standard Testing)
ทุนอุดหนุนสมทบบางส่วน (Matching Grant) ในสัดส่วนไม่เกินร้อยละ 50 ของมูลค่าโครงการ คิดเป็นมูลค่าการสนับสนุนไม่เกิน 1,500,000 บาทต่อโครงการในระยะเวลาไม่เกิน 1 ปี สำหรับการจ้างที่ปรึกษา การปรับปรุงกระบวนการดำเนินงานภายในองค์กร การวิเคราะห์ทดสอบ การทวนสอบและประเมินผล เพื่อขอขึ้นทะเบียนผลิตภัณฑ์หรือขอรับรองมาตรฐานที่สำคัญต่อการเติบโตทางธุรกิจ

กลไกการขยายธุรกิจนวัตกรรม (Market Expansion)
ทุนสนับสนุนการทดสอบนวัตกรรมในกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย โดยสนับสนุนในสัดส่วนร้อยละ 100 กับกลุ่มลูกค้าภาครัฐ และสนับสนุนในสัดส่วนร้อยละ 50 กับกลุ่มลูกค้าภาคเอกชนคิดเป็นมูลค่าการสนับสนุนไม่เกิน 2,000,000 บาทต่อโครงการในระยะเวลาไม่เกิน 1 ปี

กลไกสนับสนุนดอกเบี้ยบางส่วนเพื่อเสริมสภาพคล่อง (Matching Interest for Working Capital) ทุนอุดหนุนสมทบบางส่วน (Matching Grant) ในสัดส่วนไม่เกินร้อยละ 75 ของมูลค่าดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียม คิดเป็นมูลค่าการสนับสนุนไม่เกิน 1,500,000 บาทต่อโครงการในระยะเวลาไม่เกิน 1 ปี

กลไกนวัตกรรมดี...ไม่มีดอกเบี้ย (Zero Loan Interest)
ทุนอุดหนุน (Grant) ในสัดส่วนสูงสุดร้อยละ 100 ของมูลค่าดอกเบี้ยคิดเป็นมูลค่าการสนับสนุนไม่เกิน 5,000,000 บาทต่อโครงการ ในระยะเวลาไม่เกิน 3 ปี

กลไกการสนับสนุนผู้ประกอบธุรกิจเทคโนโลยีและนวัตกรรมได้มีโอกาสเติบโตและขยายตลาดโดยการร่วมมือจากแหล่งทุนภาครัฐและเอกชน (Corporate Co-funding) 
เงินอุดหนุนมูลค่าไม่เกิน 5,000,000 บาท ที่ให้แก่ผู้ประกอบการนวัตกรรมในระยะ seed ถึง series-A เพื่อใช้ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และธุรกิจให้เติบโต โดยมีเงื่อนไขว่าจะต้องได้รับการร่วมลงทุนและการพัฒนาธุรกิจเทคโนโลยีและนวัตกรรมจากแหล่งเงินทุนขึ้นทะเบียนกับ NIA (Listed VC/CVC) เป็นจำนวนเงินไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 ของมูลค่าโครงการ 

คุณสมบัติผู้สมัคร:
- เป็นนิติบุคคลจดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย
- นิติบุคคลที่สมัครรับทุนต้องมีผู้ถือหุ้นเป็นสัญชาติไทยอย่างน้อยร้อยละ 51
- นิติบุคคลเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ในเทคโนโลยีหลัก (Core Technology) ที่ใช้ในโครงการ

ทั้งนี้ สามารถเป็นการขอใช้สิทธิ์ (Licensing) ในทรัพย์สินทางปัญญาได้ (Intellectual Property: IP)
- มีโมเดลธุรกิจ (Business Model) และแผนการดำเนินธุรกิจ (Business Plan) ที่ชัดเจน เพื่อรองรับการขยายผลโครงการอย่างมีประสิทธิภาพ
- นิติบุคคล หรือกรรมการบริหารของนิติบุคคล มีประสบการณ์ในอุตสาหกรรมเป้าหมาย ไม่น้อยกว่า 3 ปี

สมัครได้เลยที่: https://mis.nia.or.th/
ตั้งแต่วันนี้ - 15 กรกฎาคม 2568

ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติม: https://mandatory.nia.or.th/
Video อธิบายรายละเอียดทุนและเทคนิคการยื่นทุนให้ได้รับการอนุมัติ: https://moocs.nia.or.th/course/thematic

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
- อีเมล: [email protected]
- ธุรกิจนวัตกรรมด้านอาหารและผลไม้ไทยคุณค่าสูงและมูลค่าสูงเพื่อการส่งออก โทร. 099-256-1455 (จิตรภณ)
- ธุรกิจนวัตกรรมด้านพืชและสัตว์เศรษฐกิจ โทร. 087-563-2074 (ภัสสร)
- ธุรกิจนวัตกรรมด้านเศรษฐกิจการหมุนเวียนและเศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ โทร. 085-911- 4691 (วัลยา)
- ธุรกิจนวัตกรรมด้านพลังงานสะอาด โทร. 061-446-6755 (พิชชารีย์)
- ธุรกิจดิจิทัลที่ใช้เทคโนโลยี ด้าน ARI Tech โทร. 088-962-4542 (อรุณี)
- ธุรกิจนวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้า โทร. 093-535-9498 (อภิวัฒน์) และ 097-936-9514 (มนัสกฤตย์)

ดร.เฉลิมชัย เปิดงานวันป่าชุมชนแห่งชาติ 2568 ขับเคลื่อนการจัดการป่าชุมชนอย่างยั่งยืนสู่สังคมคาร์บอนต่ำตามเป้าหมาย Net Zero ของประเทศ

ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นประธานพิธีเปิดงาน 'วันป่าชุมชนแห่งชาติ' ประจำปี พ.ศ. 2568 พร้อมด้วยนายอลงกรณ์ พลบุตร ประธานที่ปรึกษาของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ผู้บริหารกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายสิทธิชัย สวัสดิ์แสน ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ หัวหน้าส่วนราชการในสังกัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และเครือข่ายป่าชุมชนทั่วประเทศ เข้าร่วมงาน โดยมี นายสุรชัย อจลบุญ อธิบดีกรมป่าไม้ กล่าวรายงานวัตถุประสงค์ของการจัดงาน ณ โรงแรมปัตตาเวีย รีสอร์ท แอนด์ สปา (30 พ.ค.)

ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชบัญญัติป่าชุมชน พ.ศ. 2562 ในวันที่ 24 พฤษภาคม 2562 คณะรัฐมนตรีจึงได้มีมติเห็นชอบให้วันที่ 24 พฤษภาคม ของทุกปีเป็น 'วันป่าชุมชนแห่งชาติ' ซึ่งเป็นกฎหมายเพื่อส่งเสริมให้ชุมชนได้ร่วมกับรัฐในการอนุรักษ์ ฟื้นฟู จัดการ บำรุงรักษา และใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติอย่างสมดุลและยั่งยืนในรูปแบบของป่าชุมชน ซึ่งกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเล็งเห็นถึงความสำคัญของ 'ป่าชุมชน' ที่เป็นปัจจัยเกื้อหนุนให้พี่น้องประชาชนได้มีความเป็นอยู่ที่ดี สามารถพึ่งพาตนเองและอยู่ร่วมกับป่าได้โดยการมีส่วนร่วมจากประชาชนและทุกภาคส่วนที่สนับสนุนให้เกิดเครือข่ายความร่วมมือของภาคประชาชนในการบริหารจัดการป่าชุมชนร่วมกับภาครัฐ สร้างการเรียนรู้ ทำความเข้าใจ ก่อให้เกิดความเข้มแข็งในระดับพื้นที่ รวมถึงสามารถใช้ประโยชน์ทรัพยากรในป่าชุมชนได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน 

การดำเนินงานของเครือข่ายป่าชุมชนถือเป็นกำลังสำคัญของประเทศในการอนุรักษ์ ฟื้นฟู ปกป้อง บำรุงรักษา ดูแลป่าชุมชนให้เกิดความสมดุลและยั่งยืนจนประสบผลสำเร็จ ทำให้ป่าชุมชนเป็นแหล่งน้ำ แหล่งอาหาร แหล่งสมุนไพร รวมไปถึงเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ที่สามารถสร้างรายได้เพิ่มให้กับชุมชน ทำให้ประชาชนมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น สามารถเป็นแหล่งกักเก็บก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ตลอดจนจะเป็นประโยชน์ในการสนับสนุนการดำเนินงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ตามที่ประเทศไทยได้แสดงเจตจำนงเป้าหมายในการมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน ในปี พ.ศ. 2593 (ค.ศ. 2050) และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ในปี พ.ศ. 2608 (ค.ศ. 2065) และยังคงความอุดมสมบูรณ์ไว้ให้เกิดประโยชน์เป็นมรดกส่งต่อให้แก่ลูกหลานในอนาคตต่อไป 

นายสุรชัย อจลบุญ อธิบดีกรมป่าไม้ กล่าวว่า สำหรับการจัดงานวันป่าชุมชนแห่งชาติ ประจำปี พ.ศ. 2568 กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยกรมป่าไม้ กำหนดจัดงานขึ้นระหว่างวันที่ 30-31 พฤษภาคม พ.ศ. 2568 โดยจะจัดกิจกรรมสำคัญประกอบด้วยการจัดกิจกรรมการรณรงค์ประชาสัมพันธ์ให้กับเครือข่ายป่าชุมชน หน่วยงาน องค์กร ตลอดจนประชาชน ได้ตระหนักถึงความสำคัญของป่าชุมชน ผ่านกิจกรรมต่าง ๆ อาทิ การปลูกต้นไม้ การบำรุงรักษาป่าชุมชน การทำฝายชะลอน้ำ การลาดตระเวน การทำแนวกันไฟ เพื่อเป็นการสืบสานพระราชปณิธานในการดำเนินการส่งเสริมและพัฒนาทรัพยากรป่าไม้ 

ทำให้เกิดความอุดมสมบูรณ์ โดยกิจกรรมหลักจัดขึ้น ณ โรงแรมปัตตาเวีย รีสอร์ท แอนด์ สปา จะมีกิจกรรมการบรรยายหัวข้อแผนการจัดการป่าชุมชน, ภาคีสนับสนุนงานป่าชุมชน, โอกาสการพัฒนาและเพิ่มขีดความสามารถด้านป่าชุมชน ฯลฯ พร้อมทั้งเปิดเวทีอภิปราย “ความร่วมมือเสริมหนุนงานป่าชุมชนมุ่งสู่สังคมคาร์บอนต่ำ : สระบุรีแซนด์บ็อกซ์” โดยผู้ทรงคุณวุฒิจากผู้แทนภาครัฐ ภาคเอกชน และเครือข่ายป่าชุมชน ฯลฯ 

และนอกจากนี้จะมีการจัดแสดงนิทรรศการเพื่อน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณของสถาบันพระมหากษัตริย์ไทยในด้านการส่งเสริมและพัฒนาทรัพยากรป่าไม้ เพื่อให้คนอยู่ร่วมกับป่าอย่างสมดุลให้ป่าเป็นเสมือนฐานทรัพยากรด้านการพัฒนาคุณภาพชีวิตให้ชุมชนได้ใช้ประโยชน์จากป่าตามแนวทางปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง นิทรรศการเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับพระราชบัญญัติป่าชุมชน พ.ศ. 2562 ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนในการดูแลรักษาทรัพยากรป่าไม้ ฟื้นฟูและใช้ประโยชน์ทรัพยากรป่าไม้อย่างเหมาะสม นิทรรศการป่าชุมชนต้นแบบจัดแสดงผลิตภัณฑ์ที่เกิดจากการใช้ประโยชน์จากผลผลิตหรือบริการจากป่าชุมชน ทั้งทางตรงและทางอ้อม ที่มีความเชื่อมโยงกับป่าชุมชนที่ส่งเสริมให้เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ด้านการพัฒนาป่าชุมชน เพื่อสร้างรายได้ และสร้างแรงจูงใจในการเข้ามามีส่วนร่วมในการบริหารจัดการป่าชุมชน หรือขยายการจัดตั้งป่าชุมชนเพิ่มมากขึ้น

ในโอกาสนี้ ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้มอบโล่ประกาศเกียรติคุณให้กับหน่วยงานสนับสนุนการจัดกิจกรรมวันป่าชุมชนแห่งชาติ ประจำปี พ.ศ. 2568 และมอบโล่ให้กับเครือข่ายป่าชุมชนพร้อมทั้งพบปะพูดคุยกับกลุ่มเครือข่ายป่าชุมชนที่เข้าร่วมงาน

จเรตำรวจแห่งชาติยืนยันข่าวนอตหลุดทำเฮลิคอปเตอร์ตกยังไม่สรุป รอผลตรวจสอบผู้เชี่ยวชา

จากการที่มีข่าวปรากฏในสื่อต่าง ๆ ในกรณีที่เฮลิคอปเตอร์ของกองบินตำรวจตกในขณะบินออกปฏิบัติหน้าที่ เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2568 ในเขตพื้นที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ โดยมีสาเหตุมาจากนอต 2 ตัวหลุดทำให้เครื่องบินเสียการทรงตัวจนตกนั้น  
        
พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า เพื่อให้ข้อมูลดังกล่าวมีความชัดเจนมากขึ้น จึงขอชี้แจงว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้นทางกายภาพของกองบินตำรวจ พบว่า นอตในส่วนที่ยึดติดกับชุดใบพัดใหญ่ด้านบนของเฮลิคอปเตอร์หลุดไป แต่การตรวจพบดังกล่าวยังไม่สามารถนำมาเป็นข้อสรุปของสาเหตุการตกของเครื่องเฮลิคอปเตอร์ของกองบินตำรวจได้ ต้องรอผลสรุปจากการตรวจสอบของผู้เชี่ยวชาญและพยานหลักฐานอื่นมาประกอบ จึงจะสามารถสรุปได้ว่าสาเหตุของการตกที่แท้จริงคืออะไร ซึ่งผลเป็นประการใดจะแจ้งให้พี่น้องประชาชนทราบต่อไป

นอกจากนี้ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้สั่งให้ทำการตรวจสอบข้อเท็จจริงในการซ่อมบำรุงอากาศยานของกองบินตำรวจ ให้ปรากฏข้อเท็จจริงว่าได้ดำเนินการถูกต้องตามกฏหมาย กฏ ระเบียบ คำสั่ง ที่เกี่ยวข้องหรือไม่ มีข้อสังเกตหรือความบกพร่องในกรณีใด เพื่อให้เกิดความโปร่งใส่และเป็นธรรมต่อไป

กกท. ยัน F1 ต้องการจัดสตรีทเซอร์กิตกลางกรุงเทพฯ ปักหมุดบริเวณ ‘จตุจักร’ รัฐบาลชงแผนเข้า ครม. 4 มิ.ย.นี้

(30 พ.ค. 68) นายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เผยว่าหลังจากเดินทางพร้อมนายกรัฐมนตรีไปศึกษาการจัดแข่ง F1 ที่โมนาโก ได้หารือกับผู้บริหารระดับสูงของ F1 และได้รับสัญญาณเชิงบวก โดยคาดว่าจะมีข่าวดีต่อวงการมอเตอร์สปอร์ตไทย แต่ยังเปิดเผยรายละเอียดไม่ได้ เนื่องจากเป็นความลับของผู้จัด F1

แนวทางจัดการแข่งขันเน้นไปที่ 'สตรีทเซอร์กิต' หรือการใช้ถนนจริงในเมืองเป็นสนามแข่ง ซึ่งตรงกับแผนธุรกิจของ F1 ที่มุ่งดึงดูดกลุ่มเป้าหมายระดับบน ไม่ต้องสร้างสนามถาวรใหม่ให้เปลืองงบ หากไทยได้จัดจริง จะกลายเป็นสนามสตรีทเซอร์กิตลำดับที่ 7 ของโลก ถัดจากเมืองระดับโลกอย่างโมนาโก, สิงคโปร์, ไมอามี, ลาสเวกัส, เจดดาห์ และบาคู

พื้นที่ที่มีการพิจารณาเบื้องต้น คือย่านจตุจักร ครอบคลุมสวนสาธารณะใหญ่ 3 แห่ง รวมระยะทางประมาณ 5-6 กิโลเมตร โดยยืนยันว่า F1 ปีแรกสามารถคืนทุนได้แน่นอน ทั้งทางตรงและทางอ้อม และจะเสนอแผนเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในวันที่ 4 มิถุนายนนี้

สำหรับสนามโมนาโกที่ใช้ศึกษา เป็นหนึ่งในสนามแข่งที่เก่าแก่และโด่งดังที่สุดในโลก จัดมาตั้งแต่ปี 1950 และถือเป็นต้นแบบของสนามแข่ง F1 แบบสตรีทเซอร์กิตที่ผสานความหรูหรา เมืองเก่า และเศรษฐกิจสร้างสรรค์ได้อย่างลงตัว ซึ่งเป็นโมเดลที่ไทยต้องการนำมาปรับใช้กับกรุงเทพฯ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top