Tuesday, 22 April 2025
NEWS FEED

‘จิรายุ’ ชวนเที่ยว!! เชียงใหม่ งานสงกรานต์ปี๋ใหม่เมือง ยัน!! ปลอดภัย ไร้ผลกระทบ จากเหตุแผ่นดินไหว

(7 เม.ย. 68) นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรีเปิดเผยว่า วันนี้ตนได้ลงพื้นที่พร้อมกับ นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ และนายณัชฐเดช มุลาลี นายอำเภอเมืองเชียงใหม่ เข้าตรวจสอบอาคารที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์แผ่นดินไหว พบว่าจังหวัดเชียงใหม่มีเพียง 3 อาคาร ที่ได้รับผลกระทบที่แตกต่างกันไป โดยอาคารที่ 1 เป็นอาคารเก่า ‘ดวงกมลคอนโดมิเนียม’ ก่อสร้างมานานมากกว่า 30 ปีเป็นอาคารสูง 8 ชั้น มีจำนวน 102 ห้อง อยู่ที่ตำบล ช้างคลานอำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ ขณะนี้ จังหวัดเชียงใหม่ได้ประกาศปิดห้ามใช้อาคารทั้งหมดและได้ใช้เหล็กค้ำยันที่ชั้น 1 มากกว่า 10 จุด เพื่อป้องกันไม่ให้อาคารทรุดเนื่องจากโครงสร้างด้านล่างชั้น 1 บิดงอและมีรอยแตกร้าว โดยฝ่ายโยธาก็จะประสานงานเพื่อดำเนินการให้เจ้าของตึกแก้ไขปรับปรุงต่อไป ส่วนอาคารหลังที่ 2 และ 3 นั้น เป็นอาคารคอนโดมิเนียมสูง 22 ชั้น ซึ่งไม่มีผลกระทบทางโครงสร้าง เป็นเพียงอุปกรณ์ตกแต่งและปูนที่ฉาบแตกร้าว ขณะนี้ จังหวัดได้ให้นิติบุคคลเร่งแก้ไขเนื่องจากผู้อยู่อาศัยทั้งหมดได้ย้ายออกมาอยู่ข้างนอกชั่วคราว

นายจิรายุ กล่าวต่อไปว่า ผลกระทบด้านอื่นๆของจังหวัดเชียงใหม่มีน้อยมาก และกลับเข้าสู่ภาวะปกติมากว่า 5 วันแล้ว สำหรับบรรยากาศต่างๆโดยเฉพาะการท่องเที่ยวของเมืองเชียงใหม่ ทั้งถนนนิมมานฯ ถนนคนเดิน และร้านอาหาร บริเวณรอบคูเมือง ยังคึกคัก นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติยังคงเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในตัวเมืองจังหวัดเชียงใหม่เป็นจำนวนมาก ทั้งนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ได้เร่งประชาสัมพันธ์เพื่อส่งเสริมกิจกรรมการท่องเที่ยวโดยเฉพาะช่วง เทศกาลสงกรานต์ที่จะเริ่มต้นขึ้นในปลายสัปดาห์นี้

“ยืนยันจังหวัดเชียงใหม่พร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลสงกรานต์เชียงใหม่ หรือ ประเพณีปี๋ใหม่เมือง ด้วยความวัฒนธรรมและประเพณีที่งดงาม” นายจิรายุ กล่าวทิ้งท้าย

'แพทย์จุฬาฯ รุ่น 35' ออกโรงค้าน!! ประเทศไทย ไม่พร้อมมี 'กาสิโน' ชี้!! พนันถูกกฎหมาย จะนำ ‘ความเสื่อมเสียทางศีลธรรม’ มาสู่สังคม

(7 เม.ย. 68) ศิษย์เก่า คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย รุ่น 35 ออกแถลงการณ์คัดค้านร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร โดยระบุว่า พวกเรา ในนามของศิษย์เก่าคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย รุ่นที่ 35 ผู้มีรายชื่อดังต่อไปนี้ ขอร่วมคัดค้าน ร่างพระราชบัญญัติประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร เนื่องจากเห็นว่า ร่างฯ ดังกล่าว มีการอนุญาตให้มีการเล่นการพนันอย่างถูกกฏหมายอยู่ จะนำมาซึ่งความเสื่อมทางศีลธรรมของสังคมไทยอย่างมาก

ประเทศไทยยังไม่พร้อมที่จะมีการพนัน แม้จะทำให้ถูกกฏหมายในช่วงเวลานี้ อีกทั้งกระบวนการบังคับใช้กฎหมาย หรือความโปร่งใสในการบริหารจัดการยังไม่เป็นที่ไว้วางใจ และยังไม่มีความชัดเจนในหลายส่วน เราไม่สนับสนุนการดำเนินการทางกฎหมายเพื่อให้มีการเปิดบ่อนการพนัน หรือกาสิโนในประเทศไทย จึงได้ร่วมลงนามคัดค้านการเสนอ พ.ร.บ. ดังกล่าว เข้าสู่สภาในช่วงเวลานี้

ขอให้รัฐบาลและนักการเมืองที่เกี่ยวข้อง โปรดพิจารณาให้ถี่ถ้วนอีกครั้ง

รายชื่อ แพทย์จุฬาฯ รุ่น 35 ที่คัดค้านคาสิโน
1.ศ.นพ.รื่นเริง ลีลานุกรม ประธานรุ่น 35 อดีตประธานราชวิทยาลัยวิสัญญีแพทย์ 
2.พญ.จันทร์ทิพย์ เอกศิลป์ 
3.นพ.พรเอก อภิพันธุ์ 
4.นาวาอากาศเอก พญ.ภัทรวดี นาราวงศ์ 
5.นาวาอากาศโท นพ.ศักดา นาราวงศ์ 
6.นพ.วิศิษฐ์ วทานิยกุล 
7.นพ. สมรัช หิรัญยะวะสิต 
8.นพ. สวัสดิ์ ไตรตรึงษ์ทัศนา 
9.นพ. ยุทธชัย ตริสกุล 
10.นพ. มนตรี ลักษณ์สุวงศ์ 
11.พญ.มณฑา ไชยะวัฒน 
12.นพ.นรินทร์ บัญชานุรัตน์ 
13.นพ.วิสิทธิ์ เสถียรวันทนีย์ 
14.นพ.ปริทรรศ ศิลปกิจ 
15.นพ.สมชาย ไวกิตติพงษ์ 
16.นพ.ชลทิศ อุไรฤกษ์กุล 
17.พญ.เอมอร วาสนสิริ 
18.นพ.ประพันธ์ ชนม์ยืน 
19.ศ.ดร.นพ.พรชัย สิทธิศรัณย์กุล 
20.นพ.พรชัย วงศ์อุไรเลิศกุล
21.พญฺ.สุจิตรา ทศบวร 
22.นพ.สมบูรณ์ ทศบวร 
23.นพ.โกวิท คัมภีรภาพ 
24.นพ.กิจชัย ภัทรกุลพงษ์ 
25.นพ.นรชาติ รัตนชาตะ 
26.นพ.ประดิษฐ์ ไชยบุตร 
27.พญ.สมนึก ไพบูลย์เกษมสุทธิ 
28.นพ.พิชญ์ ไพบูลย์เกษมสุทธิ 
29.นพ.สุนทร ไกรสุวรรณ 
30.นพ.ชัยชาญ ดีโรจนวงศ์ 
31.นพ.วิชาญ ลือสมบูรณ์ 
32.นพ.เสกสรรค์ แซ่แต้ 
33.นพ.เสถียร เทศวิเชียรชัย 
34.นพ.สมชาย จิตเป็นธม 
35.นพ.กนก กนกวงศ์นุวัฒน์ 
36.นพ.อดุลย์ สายสังข์ 
37.ศ นพ สุทธิพงศ์ วัชรสินธุ 
38.นพ.สมคิด วิระเทพสุภรณ์ 
39.นพ.ทิวา พงศ์บุญชู 
40.พล.ร.ท.วิชัย มนัสศิริวิทยา 
41.นพ.นเรศ วิไลสกุลยง 
42.นพ.ศิริพงษ์ ปาจรีย์
43.นพ.ชำนาญ เตชะนิรัติศัย 
44.นพ.พงศธร อาสนศักดิ์ 
45.นพ.พรสรรพ์ ปุญญาภิบาล 
46.นพ.พิชัย วิจักขณ์พันธ์ 
47.นพ.สามภพ สาระกุล 
48.พญ.วิภา สาระกุล 
49.นพ.ธีรพงษ์ บุญยะลีพรรณ 
50.นพ.วิชัย ลีวรรณนภาใส 
51.พลอากาศโท นพ.นพดล วีรยางกูร 
52.นพ.สมคิด สุพรรณ์ 
53.นพ.สงัด วงศ์สิโรจน์กุล 
54.นพ.ธวัช คงคาลัย 
55.ศ.นพ.เทวารักษ์ วีระวัฒกานนท์ 
56.พ.อ.(พ.) นพ.ประสิทธิ์ จงฤทธิพร 
57.นพ.ปัญญา สินธุรัตเวช 
58.นพ.สุธีร์ พันธ์ทองลาภทวี 
59.ศ.นพ.สมศักดิ์ คุปต์นิรัติศัยกุล 
60.พล.ต.ท.สุพล จงพาณิชย์กุลธร 
61.นพ.กัมปนาท ตั้งอมตะกุล 
62.พล.อ.ท ไกรเลิศ เธียรนุกุ

‘ดร.เสรี’ เตือน!! ดัน ‘กาสิโน’ อย่าดูถูก!! พลังประชาชนผู้รักชาติ ลั่น!! ประเทศไทยมีศักยภาพด้านการท่องเที่ยว ไม่ต้องพึ่งอบายมุข

(7 เม.ย. 68) ดร.เสรี วงษ์มณฑา นักวิชาการด้านการตลาดและการสื่อสาร โพสต์เฟซบุ๊ก ว่าเสียงคัดค้านอึงมี่ขนาดนี้ จะยอมถอยกันบ้างไหม

พรรคที่เป็นแกนนำและพรรคร่วม ไม่มีพรรคใดหาเสียงไว้ว่าจะมี Entertainment Complex ที่มี Casino แล้วทำไมต้องเร่ง

สส. ทั้งหลาย ท่านเป็น’ผู้แทนราษฎร’ ทำงานเพื่อประชาชน หรือเป็นตัวแทนนายใหญ่ ทำงานเพื่อประโยชน์ของนายใหญ่

องค์กรทางศาสนาหลักของประเทศประกาศไม่เอา Casino ทำจดหมายเปิดผนึกให้รัฐบาล ไม่รู้ว่า ครม. และ สส. จะนำพาหรือไม่

มือ Keyboard ใน Social media แสดงความคิดเห็นไปในทางเดียวกันชัดเจนว่าไม่ต้องการ Casino  เพราะผลกระทบเชิงลบทางสังคมมีมากมาย

แม้จะเป็นรัฐบาลเสียงข้างมาก แต่ไม่ฟังเสียงข้างน้อยในเรื่องที่ประชาชนเห็นว่าเป็นเรื่องสำคัญ ยอมไม่ได้ รัฐบาลก็เสี่ยงนะ

ตอนนี้การลงถนนอาจจะไม่มากพอที่จะทำให้รัฐบาลหวั่นไหว แต่อย่าได้ดูแคลนพลังประชาชนที่ไม่ต้องการให้ประเทศไทยมี Casino

รัฐบาลอ้างว่า Casino จะส่งเสริมการท่องเที่ยว ขอบอกว่าประเทศไทยมีศักยภาพด้านการท่องเที่ยวโดยไม่ต้องอาศัยอบายมุข

ไม่ว่าจะอ้างรายได้มากแค่ไหน หลายฝ่ายต่างก็มองว่าได้ไม่คุ้มเสีย เพราะผลกระทบเชิงลบทางสังคมนั้น มันจะทำลายประเทศไทย

ฟังเสียงประชาชนในภาคส่วนต่างๆแล้ว อย่าดันทุรังเลย ถอยเถอะ ถ้าไม่อยากเสี่ยง อย่ายโสโอหังว่าเป็นรัฐบาลเสียงข้างมาก

ฟังเสียงประชาชนแล้วถอยดีกว่าจะต้องเผชิญกับชะตากรรมที่นักการเมืองทั้งหลายไม่ต้องการ ถ้าหากมันจำเป็น คนที่เขาทำให้รัฐบาลพ้นจากอำนาจได้ เขาก็อาจจะทำนะคะ

อย่าดูถูกพลังประชาชนผู้รักชาติที่เมื่อถึงเวลาที่จำเป็น พวกเราพร้อมที่จะขับเคลื่อนต่อต้านรัฐบาลทั้งกิจกรรม online และ offline นะคะ

กระทรวงอุตฯ พบ บริษัททุนจีน นำเข้ายางรถยนต์เก่า ไม่ผ่าน QC ลบยี่ห้อพิมพ์เพิ่ม Made in Thailand ย้อมเป็นยางรถใหม่ ออกขาย-ส่งออก

(6 เม.ย. 68) กระทรวงอุตสาหกรรมเปิดเผยว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบบริษัททุนจีนรายใหญ่ที่ตั้งโรงงานผลิตและจำหน่ายยางรถยนต์ในประเทศไทย หลังพบพฤติกรรมต้องสงสัยหลายประการ ทั้งในด้านการผลิต การใช้แรงงาน และการนำเข้าวัตถุดิบ

เบื้องต้นพบว่า บริษัทดังกล่าวนำเข้าวัตถุดิบทั้งหมดจากประเทศจีน รวมถึงใช้แรงงานฝีมือจากจีนเป็นหลัก โดยไม่จ้างแรงงานท้องถิ่นที่มีทักษะ 

พร้อมกันนี้ ยังตรวจพบว่า บริษัทมีการลักลอบนำเข้ายางรถยนต์เก่าจากจีนที่ไม่ผ่านมาตรฐานความปลอดภัย แล้วทำการ “ลบตรา-โลโก้สินค้า” ออกจากยางเหล่านั้น ก่อนกระจายไปยังร้านยางในเครือข่ายทั่วประเทศ โดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของผู้บริโภค

นอกจากนี้ ยังมีการพบว่า ยางรถยนต์ตกมาตรฐานบางส่วน ถูกนำไปพิมพ์ชื่อสินค้าใหม่ พร้อมติดฉลาก "Made in Thailand" ก่อนส่งออกจำหน่ายในราคาถูกไปยังตลาดต่างประเทศ ซึ่งสร้างความเสียหายต่อภาพลักษณ์และมาตรฐานของสินค้ายางรถยนต์ไทยอย่างรุนแรง

จากการเข้าตรวจค้นโกดังเก็บสินค้าของบริษัทดังกล่าว เจ้าหน้าที่พบยางที่ผ่านการแปลงสภาพถูกจัดวางรวมกับยางใหม่ อีกทั้งยังมีป้ายติดระบุชัดว่า “Export Only” สะท้อนให้เห็นถึงเจตนานำส่งสินค้าต่ำกว่ามาตรฐานออกนอกประเทศอย่างชัดเจน

ขณะนี้กระทรวงอุตสาหกรรมอยู่ระหว่างการรอคำชี้แจงจากทางบริษัท เพื่อดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างรัดกุม และพิจารณาดำเนินคดีตามกฎหมายหากพบการกระทำความผิดจริง โดยจะนำผลสอบเสนอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เพื่อพิจารณาใช้มาตรการต่าง ๆ ต่อไป

ในส่วนของสิทธิพิเศษตามโครงการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ที่บริษัทได้รับนั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบว่าเข้าข่ายการละเมิดเงื่อนไขหรือไม่ ซึ่งเป็นอำนาจของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมในการพิจารณา

ทั้งนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังคงเร่งดำเนินการตรวจสอบอย่างเร่งด่วน เพื่อปกป้องผู้บริโภค และรักษาชื่อเสียงของสินค้าที่ผลิตในประเทศไทยไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของการกระทำที่ขาดจริยธรรมและละเมิดมาตรฐานสากล

‘อนุทิน’ รับสนิทผู้ว่าฯ สตง. กว่า 10 ปี ยันไม่เคยช่วยเหลือกรณีตึกถล่ม ซัดเพจดังสร้างข่าวเท็จ

(6 เม.ย. 68) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้สัมภาษณ์ภายหลังเข้าร่วมงานครบรอบการก่อตั้งพรรคภูมิใจไทย ที่สำนักงานใหญ่พรรค กรณีเพจ CSI LA เผยแพร่ภาพความสนิทสนมระหว่างตนกับนายมณเฑียร เจริญผล ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) พร้อมตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับการสอบสวนเหตุอาคารสำนักงาน สตง. ถล่ม

นายอนุทินยอมรับว่า ตนสนิทกับนายมณเฑียรจริง และเป็นเพื่อนรักกันมานานกว่า 10 ปี ตั้งแต่เรียนหลักสูตรวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.) ร่วมกัน โดยตนเป็นประธานรุ่น ส่วนนายมณเฑียรเป็นเลขารุ่น ซึ่งถือเป็นความสัมพันธ์ในเชิงส่วนตัวที่ไม่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติหน้าที่ราชการ พร้อมย้ำว่า ข้อมูลที่อ้างว่ามีการช่วยเหลือกันในกรณีอาคารถล่มนั้น “เป็นเรื่องเท็จ และเป็นการกุข่าวโดยไร้หลักฐาน”

“เรื่องความเป็นเพื่อนกัน เราไม่ได้ปฏิเสธ แต่จะบอกว่าเราช่วยเหลือกันในเรื่องไม่ถูกต้อง แบบนั้นมันไม่จริง และไม่สามารถทำได้ด้วยซ้ำ” นายอนุทินกล่าว

พร้อมกันนี้ นายอนุทินยังระบุว่า อาคารดังกล่าวไม่ได้มีการลงนามในสัญญาก่อสร้างโดยนายมณเฑียร เพราะเจ้าตัวเพิ่งเข้ารับตำแหน่งผู้ว่าฯ สตง. ได้ไม่นาน และได้รับโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเมื่อช่วงปลายปี 2567 ในขณะที่อาคารก่อสร้างใกล้แล้วเสร็จ

“รูปที่เขาเอาไปโพสต์กัน บางรูปก็เก่ามาก ตั้งแต่สมัยยังไม่มีรอยตีนกาเลยด้วยซ้ำ ขอให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อนจะนำเสนอข้อมูล เพราะกรณีนี้มีแต่ความสูญเสีย ไม่มีใครจะไปช่วยใครให้รอดพ้นความผิดได้” นายอนุทินกล่าว

รองนายกรัฐมนตรี ยังย้ำว่า การสอบสวนเหตุอาคารถล่ม เป็นเรื่องที่ต้องดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา ไม่มีใครแทรกแซงหรือชี้นำได้ โดยคณะกรรมการสอบสวนประกอบด้วยตัวแทนจากสภาวิศวกร วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย และจากหลายมหาวิทยาลัย เพื่อความโปร่งใส

“ถึงแม้จะสามารถแทรกแซงได้ ผมก็จะไม่ทำ เพราะมันไม่ถูกต้อง และไม่มีใครควรช่วยคนผิดให้รอดจากความผิดกรณีแบบนี้เด็ดขาด” นายอนุทินกล่าวหนักแน่น

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า จะมีการดำเนินการทางกฎหมายกับเพจที่เผยแพร่ข้อมูลเท็จหรือไม่ นายอนุทินตอบว่า “ถ้าไม่จริง จะไปฟ้องทำไม เรื่องมันไม่ใช่ก็ไม่ต้องทำอะไร แค่ยืนยันว่าไม่มีการช่วยเหลือใด ๆ ทั้งสิ้น”

ทั้งนี้ นายอนุทินยังเปิดเผยว่า ได้พูดคุยกับนายมณเฑียรเมื่อวานนี้ (5 เม.ย.) ผ่านกลุ่มไลน์ร่วมกัน ยอมรับว่าอีกฝ่ายมีความเครียดจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะเพิ่งเข้ารับตำแหน่งก็ต้องมาเจอปัญหาใหญ่

ท้ายที่สุด นายอนุทินย้ำว่า กระทรวงมหาดไทย โดยกรมโยธาธิการและผังเมือง มีหน้าที่ตรวจสอบข้อผิดพลาดด้านวิศวกรรมและโครงสร้างอาคาร ส่วนประเด็นการทุจริตหรือฮั้วประมูล เป็นหน้าที่ของกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ซึ่งกำลังดำเนินการควบคู่กันไป

“นี่คือเรื่องเศร้า และเป็นเรื่องใหญ่ของประเทศ ต้องหาคำตอบให้ได้ว่าทำไมถึงเกิดขึ้น และไม่มีทางที่ผมจะช่วยใครให้ผิดเป็นถูกได้เด็ดขาด” นายอนุทินกล่าวทิ้งท้าย

โฆษกอุตสาหกรรมชี้แจง ไม่มีการต่ออายุ มอก. ให้ ‘ซินเคอหยวน’ เตือนผู้เผยแพร่ข่าวสารปลอม สร้างความสับสนให้สังคม

(6 เม.ย. 68) นายพงศ์พล ยอดเมืองเจริญ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม และโฆษกกระทรวงอุตสาหกรรม ได้ออกมาชี้แจงกรณีข่าวที่กล่าวว่า กระทรวงอุตสาหกรรมได้ทำการต่ออายุ มอก. ให้กับบริษัทเหล็กสัญชาติจีน “ซินเคอหยวน” เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา

โดยยืนยันว่าเป็นข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง และขอชี้แจงว่า บริษัทซินเคอหยวนยังคงถูกสั่งพักใบอนุญาตผลิตและจำหน่ายสินค้าเหล็กเส้นที่ทดสอบไม่ผ่านมาตรฐาน ตามมาตรา 40 ของหนังสือเลขที่ อก 0706/1943 ลงวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2568

นายพงศ์พล กล่าวเพิ่มเติมว่า ข้อมูลที่เผยแพร่เกี่ยวกับการต่ออายุ มอก. ให้บริษัทซินเคอหยวนนั้นไม่เป็นความจริง และกล่าวว่า “ไม่เข้าใจว่าผู้ปล่อยข่าวมีเจตนาอันใด หรือเป็นผู้ไม่หวังดี ที่นำข้อมูลบางส่วนจากหนังสือแก้ไขความบกพร่องในระบบควบคุมคุณภาพ (QC) ลงวันที่ 23 มกราคม 2568 มาผสมโยงกับเรื่องมาตรฐานผลิตภัณฑ์ จนทำให้เกิดความสับสนแก่ประชาชน”

โฆษกกระทรวงอุตสาหกรรมกล่าวย้ำว่า นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ได้ทำงานอย่างต่อเนื่องและจริงจังในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมา เพื่อแก้ไขปัญหามาตรฐานอุตสาหกรรมเหล็กศูนย์เหรียญ ซึ่งไม่เพียงแต่ทำลายรายได้ของประเทศ แต่ยังเป็นอันตรายต่อชีวิตประชาชนและสิ่งแวดล้อม 

ล่าสุด ได้มีการตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับวัสดุก่อสร้างเหล็กที่ไม่ได้มาตรฐาน และได้ลงนามเสนอปลดสิทธิประโยชน์ BOI ให้กับโรงงานเหล็กสัญชาติจีนเมื่อวันที่ 4 เมษายน 2568

“ขอให้ทุกฝ่ายติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด เพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนและผลประโยชน์ของประเทศ” นายพงศ์พลกล่าวทิ้งท้าย

‘นายกฯ’ เชื่อการหารือบรรลุผล ส่ง ‘พิชัย’ เจรจาสหรัฐฯ ยันไทยไม่ใช่แค่ผู้ส่งออก แต่คือพันธมิตรหุ้นส่วนเศรษฐกิจที่เชื่อถือได้

(6 เม.ย. 68) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงถึงจุดยืนของรัฐบาลไทยต่อสถานการณ์ภาษีนำเข้าจากสหรัฐอเมริกา โดยระบุว่า ประเทศไทยกำลังเผชิญแรงกดดันจากมาตรการขึ้นภาษีสินค้านำเข้าของสหรัฐฯ ในอัตราสูงถึงร้อยละ 36 ซึ่งส่งผลกระทบต่อภาคการส่งออกของไทยอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ อาหารแปรรูป และสินค้าเกษตร

นายกรัฐมนตรีเปิดเผยว่า รัฐบาลได้จัดตั้งคณะทำงานเฉพาะกิจตั้งแต่ต้นปี และดำเนินการหารือกับภาคเอกชนและตัวแทนสหรัฐฯ อย่างต่อเนื่อง ล่าสุดเตรียมส่ง นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เดินทางไปยังสหรัฐฯ เพื่อหารือกับหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน รวมถึงผู้มีส่วนได้เสียโดยตรง

“ประเทศไทยไม่ใช่แค่ผู้ส่งออก แต่คือพันธมิตรทางเศรษฐกิจที่สหรัฐฯ เชื่อถือได้” น.ส.แพทองธาร กล่าว พร้อมเปิดเผยว่า ข้อเสนอของไทยจะครอบคลุมถึงการเพิ่มการนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ เช่น พลังงาน อากาศยาน และสินค้าเกษตร รวมถึงการส่งเสริมการลงทุนและลดอุปสรรคทางการค้าระหว่างสองประเทศ

นอกจากนี้ รัฐบาลยังให้ความสำคัญกับการป้องกันการสวมสิทธิถิ่นกำเนิดสินค้า และวางแผนขยายตลาดใหม่ในตะวันออกกลาง ยุโรป และอินเดีย รวมถึงเร่งเจรจาข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) เพื่อกระจายความเสี่ยงทางเศรษฐกิจ

นายกรัฐมนตรีกล่าวย้ำว่า รัฐบาลจะมีมาตรการเยียวยาทั้งระยะสั้นและระยะยาว เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบ และยืนยันว่า “ประชาชนไม่ได้ต่อสู้เพียงลำพัง รัฐบาลจะอยู่เคียงข้างและปกป้องผลประโยชน์ของชาติอย่างถึงที่สุด”

โดยในวันอังคารที่ 8 เมษายนนี้ จะมีการประชุมร่วมกับคณะกรรมการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อสรุปแนวทางอย่างเป็นทางการอีกครั้ง

สมุทรปราการ-สงคราม กิจเลิศไพโรจน์ ที่ปรึกษานายกฯ รดน้ำดำหัวขอพรผู้สูงอายุ เนื่องในวันปีใหม่ไทย 

(6 เม.ย. 68) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทางประธานกรรมการชุมชน โดยนางภิรมย์ งามวงษ์ ร่วมกับคณะกรรมการชุมชน หมู่บ้านเฟื่องฟ้า 1 และหมู่บ้านเฟื่องฟ้า 2 จัดพิธีทำบุญเลี้ยงพระเนื่องในโอกาสเทศกาลวันสงกรานต์ หรือวันปีใหม่ไทย ประจำปี 2568 ณ บริเวณลานอเนกประสงค์ หมู่บ้านเฟื่องฟ้า 1 ต.บางเมือง อ.เมือง สมุทรปราการ โดยได้นิมนต์พระสงฆ์ จำนวน 9 รูป ประกอบพิธีเจริญชัยมงคลคาถา เจริญพระพุทธมนต์เพื่อความเป็นสิริมงคล

ภายในงานได้รับเกียรติจาก นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นายภิญโญ กิจเลิศไพโรจน์ และว่าที่ผู้สมัครนายกเทศมนตรีตำบลบางเมือง พร้อมด้วยผู้ลงสมัครสมาชิกสภาเทศบาล ตลอดจนกำนันขวัญเรือน นาคทิม กำนันตำบลบางเมือง พร้อมด้วยผู้ใหญ่บ้านและพี่น้องประชาชนที่พักอาศัยอยู่ภายในหมู่บ้านเฟื่องฟ้าแห่งนี้เข้าร่วมในพิธี

นอกจากนี้ ทางประธานและคณะกรรมการชุมชนยังจัดให้มีพิธีรดน้ำดำหัวขอพรผู้สูงอายุ โดยมีผู้สูงอายุซึ่งเป็นตัวแทนของทางหมู่บ้านเฟื่องฟ้า 1 เฟื่องฟ้า 2 หมู่บ้านเทพนคร หมู่บ้านเอื้ออาทร และหมู่บ้านพัทร เข้าร่วมในกิจกรรมครั้งนี้

ทั้งนี้ยังได้มีการมอบของที่ระลึกให้แก่ผู้สูงอายุ อาทิ ผ้าขนหนู เสื้อยืด ให้แก่กลุ่มผู้สูงอายุ โดยท่าน สงคราม กิจเลิศไพโรจน์ ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี และทางเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง โดยกำนันขวัญเรือน นาคทิม กำนันตำบลบางเมือง ได้เป็นตัวแทนมอบ เนื่องในเทศกาลวันสงกรานต์ 

ซึ่งภายในกิจกรรมครั้งนี้มีประชาชนเข้าร่วมกิจกรรมเป็นจำนวนมาก จากนั้น ทางคณะกรรมการได้ร่วมรดน้ำดำหัวขอพรนาย สงคราม กิจเลิศไพโรจน์ ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีเนื่องในวันปีใหม่ไทยอีกด้วย

คิว-ข่าวสมุทรปราการ รายงาน

"ร่วมถวายราชสักการะ มหาจักรีบรมราชวงศ์"

(6 เม.ย. 68) พลเรือโท นเรศ วงศ์ตระกูล ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 2 มอบหมายให้ พลเรือตรี วีรวิทย์ ศรีอินทรสุทธิ์ รองผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 2 เป็นผู้แทนร่วมงานรัฐพิธีถวายราชสักการะ เนื่องในวันพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช  และวันที่ระลึกมหาจักรีบรมราชวงศ์ ประจำปี 2568 ณ หอประชุมศรีเกียรติพัฒน์  องค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา ตำบลพะวง  อำเภอเมืองสงขลา จังหวัดสงขลา

เนื่องด้วยวันที่ 6 เมษายนของทุกปี เป็นวันพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชและวันที่ระลึกมหาจักรีบรมราชวงศ์ การนี้จังหวัดสงขลาได้จัดงานรัฐพิธีฯ เพื่อเป็นการน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชและพระบรมราชวงศ์จักรีทุกพระองค์ โดยทัพเรือภาคที่ 2 ได้ร่วมรัฐพิธีดังกล่าว เป็นประจำทุกปี เพื่อเป็นการแสดงออกถึงความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์

#ทัพเรือภาคที่ 2
#พิทักษ์สถาบัน_ป้องกันอ่าวไทย_สามัคคีรวมใจ_ห่วงใยประชาชน
#กองทัพเรือที่ประชาชนเชื่อมั่นและภาคภูมิใจ
#เทิดทูนสถาบัน_ป้องกันรัฐ_พัฒนาชาติ_ราษฎร์ศรัทธา

นบ.ยส.24 โชว์ผลงานสรุปผลการปฏิบัติงานที่สำคัญรอบ 6 เดือนปฏิบัติการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด Seal Stop Safe ของรัฐบาลสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนในการแก้ไขปัญหายาเสพติด

(4 เม.ย. 68) เวลา 1000 น. พลโทบุญสิน  พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2/ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการ สกัดกั้น และปราบปรามยาเสพติด สารตั้งต้น และเคมีภัณฑ์ ชายแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (มทภ.2/ผบ.นบ.ยส.24) มอบหมายให้  พลตรีฉัฐชัย  มีชั้นช่วง  ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่210/รองผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการ สกัดกั้น และปราบปรามยาเสพติด สารตั้งต้น และเคมีภัณฑ์ ชายแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (ผบ.มทบ.210/รอง ผบ.นบ.ยส.24 (2)) เป็นประธานการประชุมสรุปผลการปฏิบัติงานที่สำคัญรอบ 6 เดือน (ต.ค.67 - มี.ค.68) และหารือ ประสานงาน/บูรณาการแก้ไขปัญหายาเสพติด ประจำปีงบประมาณ 2568 โดยมีหน่วยงาน/ส่วนราชการในพื้นที่จังหวัดนครพนม จำนวน 15 หน่วย และหน่วยงาน/ส่วนราชการนอกพื้นที่จังหวัดนครพนม ผ่านระบบประชุมทางไกล Video Conference (ผ่าน Zoom meeting) จำนวน 54 หน่วย ในพื้นที่รับผิดชอบของหน่วยบัญชาการ สกัดกั้น และปราบปรามยาเสพติด สารตั้งต้น และเคมีภัณฑ์ ชายแดน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จำนวน 7 จังหวัด 25 อำเภอชายแดนในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน เข้าร่วมประชุม ณ ห้องประชุมพระยอด กองบังคับการมณฑลทหารบกที่210 ค่ายพระยอดเมืองขวาง ตำบลกุรุคุ อำเภอเมือง จังหวัดนครพนม ปัจจุบันสถานการณ์ยังคงมีการลักลอบลำเลียงยาเสพติด/เข้ามาในพื้นที่ชายแดน และพื้นที่ตอนในอย่างต่อเนื่อง จากการตรวจสอบเครือข่ายและกลุ่มบุคคลที่เกี่ยวข้อง พบว่ามีการเชื่อมโยงกับบุคคลจาก สปป.ลาวและมีคนไทยในพื้นที่ชายแดนเป็นผู้ขนส่ง โดยได้รับค่าจ้างในราคาที่สูงซึ่งเป็นแรงจูงใจสำคัญโดยพบว่าขบวนการลักลอบ ได้ปรับเปลี่ยนกลยุทธ์เพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจจับ ซึ่งพฤติการณ์ส่วนใหญ่จะนำยาเสพติดมาพักคอยในพื้นที่เมืองชายแดน ของ สปป.ลาว ก่อนจะใช้เรือลำเลียงมาตามแม่น้ำโขง บางพื้นที่จะนำยาเสพติดขึ้นไปพักคอยบนเกาะดอน ก่อนลักลอบนำเข้ามาในฝั่งไทยจะใช้วิธีการนำยาเสพติดที่อำพรางมาในรูปแบบต่างๆ (รูปปั้น สินค้าทางการเกษตร สินค้าผลิตภัณฑ์อาหารเสริม) ไปกระจายตามพื้นที่ และให้กลุ่มลำเลียงมารับตามจุดที่นัดหมาย เพื่อขนย้ายด้วยยานพาหนะขนาดใหญ่หรือยานพาหนะส่วนบุคคลไปตามเส้นทางชนบทที่ยากต่อการตรวจสอบ ก่อนจะนำยาเสพติดมาพักคอยตามปั๊มน้ำมัน บ้านพัก หรือรีสอร์ทในพื้นที่อำเภอตอนในต่อไป

สรุปสถิติและการปฏิบัติที่สำคัญแต่ละมาตรการตั้งแต่ 1 ตุลาคม2567 ถึง ปัจจุบัน ดังนี้
1. มาตรการสกัดกั้น : มอบให้ กองกำลังป้องกันชายแดน เป็นหน่วยรับผิดชอบหลัก โดยมีสถิติการซุ่มเฝ้าตรวจ 18,838 ครั้ง,ลาดตระเวนทางบก 16,351 ครั้ง,ลาดตระเวนทางน้ำ 169 ครั้ง,จัดตั้งจุดตรวจด่านตรวจ 4,656 ครั้งรายละเอียดตามจอภาพ/ เป็นผลทำให้สามารถสกัดกั้นยาเสพติดที่สำคัญในพื้นที่ ณ แนวชายแดนได้ แยกเป็นยาบ้า จำนวน 64,000,005 เม็ด, ไอซ์ น้ำหนัก 2,603 กก., เฮโรอีน น้ำหนัก 124 กก. 
2. มาตรการปราบปราม : มอบให้ ตำรวจภูธรภาค 3, ภาค 4 และตำรวจปราบปรามยาเสพติดเป็นหน่วยรับผิดชอบหลัก โดยมีการปิดล้อมตรวจค้น 231 ครั้ง ติดตามจับกุม ขยายผล และยึดทรัพย์สินคดียาเสพติด จำนวน 73 คดี 
รวมผลการตรวจยึดจับกุมตามมาตรการสกัดกั้นและปราบปราม ณ ปัจจุบัน มีการตรวจยึดจับกุม จำนวน 607 ครั้ง ผู้ต้องหา 848 ราย ของกลาง ยาบ้า 86,767,305 เม็ด,ไอซ์ 3,124.644 กิโลกรัม, เฮโรอีน 124 กก. เคตามีน 776.87 กิโลกรัม และอื่นๆ รวมเป็นมูลค่าทั้งสิ้นมากถึง ห้าพันเก้าร้อยล้านบาทเศษ (5,936,581,800 บาท)
3. มาตรการป้องกัน : มอบให้ ศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดจังหวัด เป็นหน่วยรับผิดชอบหลัก     โดยมีการปฏิบัติการจิตวิทยาและการประชาสัมพันธ์ จำนวน 1,896 ครั้ง, ฝึกอบรมพัฒนา ชรบ. จำนวน 116 ครั้ง,การปฏิบัติงานของ ชรบ. จำนวน 872 ครั้ง, การจัดระเบียบสังคม จำนวน 748 ครั้ง,  การอบรมและการสร้างชุมชนเข้มแข็ง จำนวน 66 ครั้ง
4. มาตรการบำบัดรักษา : มอบให้ สาธารณสุขจังหวัด เป็นหน่วยรับผิดชอบหลัก โดยมีการดำเนินโครงการชุมชนล้อมรักษ์ (CBTx) จำนวน  2,852 ราย ดำเนินโครงการมินิธัญญารักษ์ จำนวน 1,421 ราย ดำเนินการรายงานในระบบข้อมูลการบำบัดรักษา และฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติดของประเทศ จำนวน 8,073 ราย ควบคุมตัวบุคคลคลุ้มคลั่ง จำนวน 300 ราย 
5.มาตรการบูรณาการ : เน้นให้ทุกส่วนราชการ บูรณาการร่วมกันทั้งงานด้านการข่าว และแผนงานโครงการ ต่างๆ โดยมีการดำเนินการจัดการประชุมขับเคลื่อนงานแก้ไขปัญหายาเสพติด 245 ครั้ง ดำเนินการประชุมโต๊ะข่าวแลกเปลี่ยนข้อมูล 106 ครั้ง กิจกรรมรณรงค์ต่อต้านยาเสพติด 94 ครั้ง
6. มาตรการประสานความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้าน : มอบให้ ส่วนบังคับบัญชา, ส่วนอำนวยการ ของ นบ.ยส.24, ปปส.ภาค 3 และ ปปส.ภาค 4 เป็นหน่วยรับผิดชอบหลัก โดยมีการพบปะพัฒนาสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้าน จำนวน 32 ครั้ง ดำเนินการประชุมแลกเปลี่ยนข่าวสาร จำนวน 2 ครั้ง ประสานการจับกุม และส่งมอบผู้ต้องหาข้ามประเทศ จำนวน 1 ครั้ง
ซึ่งมีตัวชี้วัดประสิทธิภาพการแก้ไขปัญหายาเสพติดในพื้นที่เป้าหมาย ตั้งแต่ห้วงเปิดปฏิบัติการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด “Seal Stop Safe” ผนึกกำลัง 51 อำเภอชายแดน (1 ก.พ. – 31 ก.ค. 68) หน่วยมีผลการปฏิบัติตามมาตรการสกัดกั้นและปราบปราม ณ แนวชายแดน โดยทำการซุ่มเฝ้าตรวจ 6,540 ครั้ง, ลาดตระเวนทางน้ำ? 64 ครั้ง, ลาดตระเวนทางบก 5,383 ครั้ง, จัดตั้งจุดตรวจด่านตรวจ 1,530 ครั้ง ทำการปิดล้อมตรวจค้น 47 ครั้ง ติดตามจับกุม ขยายผล และยึดทรัพย์สิน คดียาเสพติด จำนวน 28 คดี รวมผลการตรวจยึดจับกุมตั้งแต่ห้วงเปิดปฏิบัติการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด “Seal Stop Safe” (1 ก.พ. – 31 ก.ค. 68) มีการตรวจยึดจับกุมจำนวน 216 ครั้ง/ ผู้ต้องหา 272 ราย ของกลาง ยาบ้า 26,970,802 เม็ด,ไอซ์ 1,216.336 กิโลกรัม, และอื่นๆ

เด​วิท​ โชคชัย​ มุกดาหาร​ รายงาน​ 092-5259777​


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top