Saturday, 5 July 2025
Hard News Team

ปตท. ผนึก ฟ็อกซ์คอนน์ พันธมิตรร่วมทุนกว่า 1 พันล้านดอลล่าร์ ศึกษาการสร้างแพลตฟอร์มผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้าครบวงจรในประเทศ หนุนรัฐส่งเสริมอุตสาหกรรมเทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้าสมัยใหม่

เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ.2564 พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานใน พิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือโครงการลงทุนอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย ระหว่าง บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กับ บริษัท หงไห่ พริซิชั่น อินดัสทรี จำกัด (Hon Hai Precision Industry Co., Ltd.) หรือ ฟ็อกซ์คอนน์ กรุ๊ป (Foxconn Technology Group) ในรูปแบบเสมือนจริง (Virtual MOU Signing Ceremony) จัดขึ้น ณ กรุงเทพฯ ประเทศไทย และ กรุงไทเป ไต้หวัน

โดยมี นายสุพัฒน์พงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน นายดิสทัต โหตระกิตย์ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ นางสาวดวงใจ อัศวจินตจิตร์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ศาสตราจารย์พิเศษ ดร.ทศพร ศิริสัมพันธ์ ประธานคณะกรรมการ ปตท. พร้อมด้วย ผู้บริหารหน่วยงานภาครัฐ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมเป็นสักขีพยาน เพื่อศึกษาโอกาสในการพัฒนาฐานการผลิตยานยนต์พลังงานไฟฟ้าในประเทศไทย ซึ่งความร่วมมือนี้จะเป็นการผลักดันให้อุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศไทยเปลี่ยนผ่านสู่เทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้าสมัยใหม่ ส่งเสริมอุตสาหกรรมการผลิตและเศรษฐกิจของประเทศ ให้เติบโตและเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันในระดับสากลมากยิ่งขึ้น

สำหรับความร่วมมือนี้เป็นการผสานความเชี่ยวชาญของ Foxconn ที่เป็นผู้นำการผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์รายใหญ่ที่สุดของโลก และความสามารถด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยี รวมถึงความแข็งแกร่งด้านธุรกิจพลังงาน ของ ปตท. ทั้งเครือข่ายพันธมิตร กลุ่มบริษัทในเครือและผู้ร่วมทุนปัจจุบัน ในการพัฒนาแพลตฟอร์มการผลิต และเสริมศักยภาพระบบนิเวศ ด้วยเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย ตลอดห่วงโซ่คุณค่ายานยนต์ไฟฟ้า รวมทั้งส่งเสริมให้ผู้รับผลิตสินค้า (Original Equipment Manufacturers : OEMs) ในประเทศไทย ที่มีความสนใจสามารถเข้าถึงการบริการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้าได้อย่างรวดเร็วและใช้ต้นทุนต่ำ เพื่อร่วมสร้างอนาคตแห่งการเดินทางด้วยยานยนต์ไฟฟ้าอย่างยั่งยืน

นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (ปตท.) เปิดเผยว่า รูปแบบการใช้พลังงานในอนาคต จะมุ่งไปด้าน GO GREEN และ GO ELECTRIC มากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านการเดินทางของประชาชน ซึ่งในช่วงของการเปลี่ยนผ่านพลังงานดังกล่าว เราเชื่อว่าเชื้อเพลิงแบบดั้งเดิมจะยังเป็นพลังงานที่สำคัญ แต่ในขณะเดียวกันเราก็จำเป็นต้องเร่งพัฒนาและปรับตัวเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงสู่ทิศทางพลังงานในอนาคตอย่างอุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ที่มีบทบาทสำคัญในการผลักดันและสร้างการเติบโตให้กับเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งที่ผ่านมา ปตท. ได้เริ่มรุกเข้าสู่ EV Value Chain โดยจับมือพันธมิตรทางธุรกิจ ในการพัฒนา EV Charging Platform, EV Station รวมถึงการลงทุนในธุรกิจแบตเตอรี่สำหรับยานยนต์ไฟฟ้า ดังนั้นความร่วมมือกับ Foxconn ในครั้งนี้ จะกระตุ้นให้เกิดการลงทุนในประเทศ เสริมสร้างทักษะและอาชีพให้กับประชาชน เพื่อเป็นรากฐานสำคัญสู่อุตสาหกรรมเป้าหมายในอนาคตและเป็นต้นแบบนวัตกรรมและเทคโนโลยีทางด้านพลังงานให้กับประเทศได้ต่อไป

โดยในระยะแรก ปตท. และ Foxconn ตั้งเป้าหมายที่จะจัดตั้งแพลตฟอร์มการผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้า และส่วนประกอบหลักต่างๆ แบบ end-to-end ด้วยเงินร่วมลงทุนขั้นต้นที่ 1-2 พันล้านดอลลาร์ และจะขยายการลงทุนในอนาคตต่อไป ซึ่งจะเพิ่มศักยภาพทางธุรกิจสู่เวทีโลกในอนาคต

นอกจากนี้ ยังเป็นการตอบสนองนโยบายและทิศทาง การส่งเสริมยานยนต์ไฟฟ้าของภาครัฐ ที่มุ่งยกระดับอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าเป็นอุตสาหกรรมเป้าหมาย พร้อมขับเคลื่อนประเทศให้บรรลุเป้าหมายการลดก๊าซเรือนกระจกอีกด้วย

นาย ยัง ลวือ ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารฟ็อกซ์คอนน์ กรุ๊ป (Mr. Young Liu, Chairman and CEO of Foxconn) กล่าวว่า เป้าหมายของความร่วมมือในครั้งนี้ คือการเปิดโอกาสให้ลูกค้าหรือผู้ที่สนใจทั่วโลก ได้เชื่อมต่อสังคมแห่งการเดินทางด้วยเทคโนโลยีอัจฉริยะ ความเชี่ยวชาญของ Foxconn ในฐานะผู้นำด้านนวัตกรรมของโลก ทำให้เราผนึกความร่วมมือกับภาครัฐ และ ปตท. ในการถ่ายทอดวิสัยทัศน์ ประสบการณ์ และความชำนาญเกี่ยวกับอุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าที่พร้อมสำหรับอนาคต

โดยที่ผ่านมา ปตท. ได้พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานการชาร์จพลังงานและแบตเตอรี่สำหรับรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่ Foxconn จะสามารถแบ่งปันความเชี่ยวชาญและเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องเพื่อช่วยสร้างระบบนิเวศที่แข็งแกร่งขึ้น เรามุ่งหวังที่จะเห็นประเทศไทยก้าวสู่การเป็นผู้นำระดับโลกในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าในอนาคต

 

https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/941056


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

โฆษกทร. ระบุ กองทัพเรือ อยู่ระหว่างเตรียมข้อมูล ชี้แจงการรับ-มอบ รถถังเบาสะเทินน้ำสะเทินบก VN16 จำนวน 3 คัน จากจีน หลังฝ่ายค้านพูดถึงในการพิจารณางบประมาณประจำปี 2565 ในสภามาไวกว่า วัคซีนโควิด-19

เมื่อวันที่ 1 มิ.ย.จากกรณีนายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส. เพื่อไทย ได้ระบุถึงการจัดส่งรถถังมายังไทยซึ่งมาเร็วกว่าวัคซีนโควิด-19 ในเวทีการพิจารณางบประมาณ 2565 ของรัฐบาล เมื่อคืนที่ผ่านมา

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า รถถังดังกล่าว เป็นรถถังเบาสะเทินน้ำสะเทินบก VN16 จำนวน 3 คัน จีนส่งมาให้กองทัพเรือไทยเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว หลังจากสั่งซื้อไปเมื่อเดือนมิ.ย. ปี 2563 โดยจะเข้าประจำการใน กองพันสะเทินน้ำสะเทินบก กองพลนาวิกโยธิน อ.สัตหีบ จ. ชลบุรี

โดยจัดซื้อจาก China North Industries Corporation (NORINCO) สาธารณรัฐประชาชนจีน ใช้งบประมาณ 398 ล้านบาท คุณสมบัติรถถังรุ่นนี้ สามารถติดปืนใหญ่ 105 มม. ได้สามารถยิงกระสุนเจาะเกราะ และมี อาวุธปล่อยนำวิถีต่อสู้รถถัง

ทั้งนี้ กองทัพเรือจัดซื้อมา ทดแทนรถถังหลัก Type 69-II ที่ใช้มานาน ของนาวิกโยธิน

ล่าสุด พล.ร.อ. เชษฐา ใจเปี่ยม โฆษกกองทัพเรือ ระบุว่า ขณะนี้กำลังเตรียมข้อมูล และเตรียมที่จะชี้แจงต่อกรณีดังกล่าว


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม สั่งการ ป.ป.ส. เร่งสืบสวนขบวนการ ค้ายาเสพติดข้ามชาติ หลังจากที่ผ่านมาพบการจับกุมการลักลอบส่งยาเสพติดไปต่างประเทศหลายคดี

นายวิชัย ไชยมงคล เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ป.ป.ส. กล่าวว่า นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมสั่งการให้ สำนักงาน ป.ป.ส.เร่งดำเนินการสืบสวนสอบสวนขยายผลกลุ่มนักค้ายาเสพติดที่ลักลอบขนยาเสพติดซุกซ่อนไปกับสิ่งของไปยังต่างประเทศหลายคดี โดยให้สืบหาผู้สั่งการ ผู้ส่ง ให้ดูว่ามีความเชื่อมโยงกับเครือข่ายที่ ป.ป.ส. ได้ดำเนินการสืบสวนอยู่หรือไม่ โดยให้เร่งรัดสืบสวนและดำเนินการจับกุมยึดทรัพย์สินต่อไป

ทั้งนี้สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ.2564 เจ้าหน้าที่ศุลกากรฮ่องกงได้ตรวจยึดไอซ์น้ำหนัก 9 กิโลกรัม ซุกซ่อนในกรอบรูปบรรจุในตู้คอนเทนเนอร์ที่ขนส่งมาจากประเทศไทยทางเรือ จับกุมผู้ต้องสงสัย เป็นชายสัญชาติ จีน-ฮ่องกง 2 คน และได้แลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารกับ สำนักงาน ป.ป.ส. เพื่อขยายผลถึงตัวการที่ส่งยาเสพติดมาจากประเทศไทย

ต่อมาวันที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ.2564 สำนักงาน ป.ป.ส. ได้ร่วมกับ กรมศุลกากร และกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด ได้สืบสวนจนทราบแหล่งที่มาของการส่งยาเสพติดดังกล่าว และทราบว่าจะมีการส่งกรอบรูปลักษณะเดียวกับที่ส่งไปฮ่องกง จึงได้ทำการตรวจสอบสิ่งของในตู้คอนเทนเนอร์ ซึ่งกำลังเตรียมส่งออกจากประเทศไทยไปยังฮ่องกง ที่ศูนย์เอกซเรย์สินค้าขาออกระหว่างประเทศ พบกรอบรูป 5 ชิ้น ซึ่งเป็นลักษณะเดียวกับที่ศุลกากรฮ่องกงได้ตรวจยึด และได้แกะกรอบรูปออกดูมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ไอซ์) น้ำหนักรวมสิ่งห่อหุ้ม 9 กิโลกรัม บรรจุถุงพลาสติกใสถุงละ 1 กิโลกรัม จำนวน 9 ถุง ซุกซ่อนอยู่ข้างใน จึงดำเนินการบันทึก ตรวจยึด และส่งพนักงานสอบสวน ดำเนินคดีต่อไป

นอกจากนี้ยังได้ขยายผลไปตรวจค้น บริษัทขนส่งสินค้าระหว่างประเทศภายในซอยเพชรบุรี 17 พบยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ไอซ์) น้ำหนักรวม 2 กิโลกรัม ซุกซ่อนในเครื่องขยายเสียงปะปนไปกับสินค้าชนิดอื่นเตรียมส่งไปยังประเทศฟิลิปปินส์ จึงได้ทำบันทึกตรวจยึดส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดี

นายวิชัย ไชยมงคล เลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวว่า สำนักงาน ป.ป.ส. ได้ร่วมมือกับศุลกากรฮ่องกงในการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารอย่างใกล้ชิด โดยจะดำเนินการขยายผลตรวจสอบจากการจับกุม ตรวจยึดยาเสพติดดังกล่าวซึ่งขณะนี้กำลังรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อดำเนินคดีกับผู้ลักลอบขนส่งยาเสพติดในกลุ่มดังกล่าวต่อไป


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

เลี่ยงปัญหาตีตราประเทศต้นกำเนิดเชื้อกลายพันธุ์ใหม่

องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้ประกาศให้เปลี่ยนชื่อวิธีเรียกสายพันธุ์โควิด-19 โดยจะใช้อักษรกรีก (Greek Alphabet) แทนการเรียกชื่อสายพันธุ์ด้วยชื่อประเทศ เพื่อหลีกเลี่ยงการตีตราประเทศต่าง ๆ ว่าเป็นต้นกำเนิดของโควิด-19 สายพันธุ์นั้น ๆ


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

ผู้นำชาติไหน ฉีดวัคซีนยี่ห้อใดกันไปแล้วบ้าง?

ตั้งชื่อให้อย่างไม่เป็นทางการว่า ‘เทศกาลฉีดวัคซีน’ เนื่องจากเวลานี้ทั่วโลก ต่างพยายามปูพรมฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 กันอย่างสุดกำลัง (เท่าที่มี) ฉะนั้น & ฉะนี้ วัคซีนจึงมีกันไปตามโควต้า เพราะใครก็อยากฉีดกันทั้งนั้น ทางด้านบรรดา ‘ผู้นำ’ ระดับประเทศทั้งหลาย หลายคนก็ออกมาถลกแขนเสื้อ ไม่ได้หาเรื่องใครหรอกนะ แต่เขา ‘ฉีดนำร่อง’ เพื่อสร้างขวัญและกำลังใจให้กับประชาชน ไปดูกันหน่อยว่ามีใครฉีดวัคซีนของแบรนด์อะไรกันบ้าง?


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

“รังสิมันต์ โรม” ยื่นตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีผู้พิพากษาไทยเอี่ยวรับสินบนโตโยต้า ชี้ต้องเปิดเผยข้อเท็จจริงสร้างความเชื่อมั่นต่อประชาชน

เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2564 รังสิมันต์​ โรม​ ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ยื่นหนังสือต่อประธาน กมธ.ป.ป.ช.​ ให้พิจารณาสืบสอบหาข้อเท็จจริงกรณีรายงานข่าวว่า​ บริษัทโตโยต้าให้สินบน​ผู้พิพากษาระดับสูงของศาลยุติธรรมไทย​

รังสิมันต์ กล่าวว่าในวันนี้ตนได้ยื่นเรื่องต่อพลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ประธานคณะกรรมาธิการการป้องกันปราบปรามทุจริตเเละประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร ในประเด็นที่เกี่ยวกับการรับสินบนซึ่งเกี่ยวพันกับผู้พิพากษาจำนวน 3 ราย ซึ่งเป็นกรณีที่เราทราบจากสำนักข่าวจากสหรัฐอเมริกาโดยตนหวังว่าจะมีการตรวจสอบในประเด็นต่างๆ ต่อไป โดยหนังสือที่ตนส่งมานั้นมีรายละเอียดทั้งภาษาไทยเเละภาษาอังกฤษโดยเป็นประเด็นที่หลายท่านคงทราบเเล้ว

“ความยุติธรรมกระบวนการยุติธรรมของประเทศเราท้ายที่สุดเเล้วจะเป็นมรรคเป็นผลหรือไม่ กรณีนี้จะเป็นเครื่องชี้วัดที่สำคัญ เรามาทราบว่ามีการทุจริตคอร์รัปชัน เรามาทราบว่าอาจมีการรับสินที่เกี่ยวกับผู้พิพากษาจากต่างประเทศ ดังนั้นตนจึงขอให้ช่วยตรวจสอบเรื่องนี้คู่ขนานต่อไป เเละขยายผลให้ได้มากที่สุด เพื่อเป็นหลักประกันให้กับกระบวนการทางยุติธรรมของไทยต่อไป”

ด้านพลตำรวจเอกเสรีพิศุทธิ์ ประธานคณะกรรมาธิการ ป.ป.ช. กล่าวว่าตนเพิ่งได้รับเรื่องในวันนี้ ในฐานะฝ่ายนิติบัญญัติในการที่จะตรวจสอบฝ่ายบริหารหรือฝ่ายตุลาการ เเต่ว่าตามรัฐธรรมนูญ 129 วรรค 4 ได้ยกเว้นในการพิจารณาพิพากษาคดีของตุลาการ ละการบริหารงานบุคคลของศาล ซึ่งตนได้ฟังจากเรื่องดังกล่าวเเล้ว กรณีนี้ไม่เข้าข่าย เพราะเป็นการดำเนินการตรวจสอบคู่ขนาน แม้ตนยังไม่ทราบรายละเอียด แต่จะดำเนินการต่อไป เเละจะมอบให้ ส.ส. ธีรัจชัย พันธุมาศ ในฐานะกรรมาธิการเป็นผู้ดูเเลเรื่องดังกล่าว

ขณะที่ ธีรัจชัย พันธุมาศ ในฐานะกรรมาธิการ กล่าวว่า ในเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องที่ทำให้ประชาชนนั้นรู้สึกไม่สบายใจ ไม่ว่าเรื่องนี้จะเป็นเรื่องจริงหรือไม่นั้นเราจะต้องหาความจริงร่วมกันกับสำนักงานศาลยุติธรรม หากเป็นเรื่องจริงตามที่สำนักงานศาลยุติธรรมประกาศว่าได้ตั้งคณะทำงานอยู่ 2 ชุด ชุดเเรกคือ สำนักงานเลขาธิการศาลยุติธรรม ชุดที่ 2 เกี่ยวกับผู้พิพากษศาลฎีกา ศาลอุทธรณ์ที่ตรวจสอบ กรณีเเบบนี้เป็นเรื่องดี เเต่ตนคิดว่าอยากใหัเป็นชุดที่ใหญ่กว่านี้ นั่นคือ ประธานศาลฎีกา จะต้องเป็นประธานในการดำเนินการตรวจสอบเอง ถ้าเป็นเช่นนั้นจะเป็นเรืองที่ดี

และหากกรณีที่โฆษกศาลยุติธรรมได้เเถลงว่า มีการดำเนินทางวินัย ตนขอตั้งขอสังเกตว่าการดำเนินการเพียงเท่านี้จะเพียงพอหรือไม่ ซึ่งถ้าเรื่องดังกล่าวพิสูจน์เเล้วว่าเป็นเรื่องจริง สถาบันทางตุลาการของไทยจะมีปัญหาว่าสามารถถูกเเทรกเเซงได้หรือไม่ เเละจะมีการตรวจสอบถ่วงดุลภายในองค์กรอย่างไร นี่เป็นเรื่องที่จะต้องชี้เเจงต่อประชาชน

“ผมคิดว่าถ้าทำเเบบนี้ได้ จะฟื้นฟูความเชื่อมั่นกลับมา แต่ก่อนหน้านี้เคยมีคดีบอสกระทิงเเดงขับรถชนตำรวจ เเละคดีคุณสมบัติของร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า ซึ่งมีการวิพากษ์วิจารณ์อย่างสูง มันบ่งบอกว่ากระบวนการยุติธรรมของไทยจะต้องมีข้อที่ให้โต้เเย้ง

ดังนั้น ผมคิดว่าหากเราตรวจสอบในเรื่องนี้ ในฐานะ กมธ.ป.ป.ช. ที่เป็นองค์กรตรวจสอบเดียวที่มาจากประชาชน เราก็ทำหน้าที่ตรวจสอบ โดยรัฐธรรมูญมาตรา 129 ที่ระบุไว้ห้ามตรวจสอบการพิจารณาพิพากษาคดีของตุลาการ และการบริหารงานบุคคลของศาล เเต่ในกรณีนี้กรรมาธิการจะดำเนินการตรวจสอบว่าทุจริตเเละประพฤติมิชอบต่อกระบวนการทางยุติธรรมหรือไม่ ดังนั้นการตรวจสอบคู่ขนานกับศาลยุติธรรมจำเป็นต้องมี 

เเละอีกส่วนคือฝ่ายบริหาร โดยผมขอเรียกร้องพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีให้ดำเนินการตรวจสอบด้วย โดยให้หน่วยงานภายใต้การกำกับดูแลของนายกรัฐมนตรี คือ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ก็ควรต้องมีการตรวจสอบเส้นทางการเงินของคนรอบข้างก็สามารถดำเนินคดีได้เหมือนที่ผ่านมา”

โดยธีรัจชัยกล่าวทิ้งท้ายว่า ตนไม่ได้มองถึงเรื่องตัวบุคคล เเต่มองถึงโครงสร้างความยุติธรรมในเชิงหลักการ โดยตนจะดำเนินภารกิจอย่างตรงไปตรงมา ไม่มีความลำเอียงและอคติในการปฏิบัติหน้าหน้าที่หาความจริง เพื่อวางระบบยุติธรรมของประเทศให้น่าเชื่อถือมากที่สุด เพราะหากปล่อยกรณีนี้ไปย่อมไม่เป็นผลดีต่อประเทศ และโดยเฉพาะหากพบว่าข่าวดังกล่าวไม่เป็นความจริง เราก็จะยืนยันโต้แย้งข้อมูลของหน่วยงานองค์กรต่างประเทศที่มาทำให้เราเสียหาย แต่ถ้าพบว่าเป็นความจริง ศาลยุติธรรมก็ต้องทำให้เป็นตัวอย่างด้วย

‘แรมโบ้’ เหน็บ ‘วิโรจน์-ประเสริฐ’ เซียนข่าวปลอม อ่านตามที่คนร่างมาให้ ไม่ตรวจสอบข้อมูล ก่อนอภิปราย

เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน ที่ทำเนียบรัฐบาล นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงภาพรวมการอภิปราย ร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2565 วงเงิน 3.1 ล้านล้านบาท วาระแรก ของฝ่ายค้านที่ทั้งมีการเรียกร้องให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ลาออก เนื่องจากจัดสรรงบประมาณผิดพลาด ไม่ลำดับความสำคัญ รวมถึงการบริหารจัดการโควิด-19 ล้มเหลว โดยตนย้ำว่าการบริหารงานของพล.อ.ประยุทธ์และรัฐบาลที่ผ่านมาได้แก้ไขปัญหาในหลายอย่าง พัฒนาประเทศในหลายด้าน ซึ่งก็มีผลงานที่ฝ่ายค้านก็เห็น รวมถึงการบริหารจัดการสถานการณ์โควิด-19 ไม่ได้นิ่งนอนใจในการแก้ไขปัญหาเพื่อให้สถานการณ์ได้คลี่คลายให้เร็วที่สุด ขณะเดียวกันจะมีวัคซีนทยอยเข้ามาอีก ซึ่งเป็นไปตามแผนที่วางไว้

นายเสกสกล กล่าวว่า การจัดสรรงบประมาณของกระทรวงกลาโหมกับกระทรวงสาธารณสุข ต้องพิจารณาในภาพรวมและแนวทางการดำเนินงานในระยะยาว โดยงบประมาณกระทรวงกลาโหมถูกปรับลดลงทุกปีต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2563 โดยปี 2565 กระทรวงกลาโหมเสนอขอตั้งงบประมาณ จำนวน 203,282.0 ล้านบาท ลดลงจากปี 2564 จำนวน 11,248.7 ล้านบาท ด้านงบประมาณสาธารณสุข รัฐบาลได้ให้ความสำคัญ และเสนอขอตั้งงบประมาณ พ.ศ.2565 ไว้ที่หลายหน่วยงาน เพื่อสวัสดิการประชาชนอย่างครอบคลุมและทั่วถึงในทุกมิติด้านสุขภาพ โดยกระทรวงสาธารณสุข จำนวน 9 กรม 153,940.5 ล้านบาท ลดลงจากปี 2564 จำนวน 4,338.1 ล้านบาท เรื่องเงินกู้ ตั้งแต่ปี 2559 จนถึงปัจจุบัน รัฐบาลได้มีการลงทุน ในการสร้างโครงสร้างพื้นฐาน พัฒนาเศรษฐกิจและสังคมไปกว่า 2.1 ล้านล้านบาท จำนวน 162 โครงการ ซึ่งกว่า 70 เปอร์เซ็นต์เป็นการกู้เพื่อใช้ในการลงทุน วงเงินประมาณ 1.5 ล้านล้านบาท หากพรรคฝ่ายค้านไม่หูหนวก ตาบอด ใจมืดมัวจนเกินไปคงต้องรู้บ้าง

นายเสกสกล กล่าวว่า ส่วนที่พรรคเพื่อไทยแกล้งลืมก็คือ รัฐบาลปัจจุบันนี้ต้องใช้หนี้จำนำข้าว ที่รัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้สร้างความเสียหายเกือบ 10 ปีแล้ว โดยรัฐต้องตั้งงบประมาณชดเชย ขาดทุนจำนำข้าวไปแล้ว 705,000 ล้านบาท ปัจจุบันยังเหลือหนี้จำนำข้าวอยู่อีกประมาณ 280,000 ล้านบาท ประมาณ 12 ปี จึงจะหมด สำหรับการกู้ตาม พระราชกำหนด (พ.ร.ก.) กู้เงิน 1 ล้านล้านบาท ก็มีแผนการใช้จ่ายครบถ้วนแล้ว และเบิกจ่ายไปแล้วกว่าร้อยละ 79.88 เกิดการจ้างงาน 163,628 คน ฝึกอบรมทักษะเกษตรกรไปแล้วอย่างน้อย 90,000 กว่าราย เบิกจ่ายงบประมาณที่ได้อนุมัติโครงการไปแล้ว 817,000 ล้านบาท ช่วยพยุงเศรษฐกิจและส่งเสริมการขยายตัวทางเศรษฐกิจร้อยละ 2 ของ GDP

นายเสกสกล กล่าวว่า ฟังการอภิปรายฝ่ายค้าน มองว่า นายวิโรจน์ ลักษณาอดิศร พรรคก้าวไกลใครก็รู้ว่าเป็น ‘เซียนข่าวปลอม’ หลอกพวกเดียวกันเองไม่พอ ปล่อยข่าวบิดเบือนหลอกชาวบ้านให้เข้าใจผิดไปด้วย แบบนี้นอกจากจะ ‘ปั้นน้ำเป็นตัว’ ยัง ‘เอาเท้าราน้ำ’ ล่าสุดก็เต้าข่าวเรื่องวัคซีนซิโนฟาร์มของนายหน้าบริษัทอสังหาริมทรัพย์ ประชาชนคอการเมืองฝากบอกมาเห็นหน้าตาเวลาอภิปรายแล้วระวังลูกตาจะถลนออกจากเบ้าตา เพราะท่าทางดูขึงขังเอาจริงจังเกินไป แต่พอฟังข้อมูลบิดเบือนตลอด ไม่ตรวจสอบข้อมูลให้ชัดเจนก่อนที่จะพูด

นายเสกสกล กล่าวว่า นายประเสริฐ จันทรรวงทอง พรรคเพื่อไทยก็ไม่ต่างกัน อ่านตามที่คนร่างมาให้ ไม่ตรวจสอบข้อเท็จจริง ซึ่งหลายเรื่องตนอธิบายพรรคเพื่อไทยไปหลายคนและก็ได้ตอบคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ผู้ก่อตั้งพรรคไทยสร้างไทย และนพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย ไปแล้ว ก็ยังมาพูด ผิดๆ เพี้ยนๆ เป็นแผ่นเสียงตกร่อง แล้วบ้านเมืองจะเดินหน้าไปได้อย่างไร ข้อมูลบิดเบือนจนทำให้ประชาชนสับสน

“ซึ่งการจัดสรรงบประมาณ นายกฯ รัฐบาลได้ให้ความสำคัญกับทุกกระทรวงฯ เพื่อนำงบประมาณไปใช้ให้เกิดประโยชน์กับประชาชนให้ได้มากที่สุด ดังนั้นพรรคฝ่ายค้านควรนำข้อมูลทั้งหมดออกมาพูดด้วย ไม่ใช่นำแต่ข้อมูลในด้านของตัวเองมาอภิปรายให้ประชาชนได้รับทราบ และทำให้ประชาชนเกิดความเข้าใจผิดต่อรัฐบาล ประเดี๋ยวประชาชนจะขนานนามฝ่ายค้านว่าเป็นพวกเด็กเลี้ยงแกะ ประเภทคอยพูดจาเอาข้อมูลเท็จ หลอกลวงต้มตุ๋นประชาชนรายวัน” นายเสกสกล กล่าว


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

"สุทิน" พอใจฝ่ายค้านอภิปรายพ.ร.บ.งบ 65 ราบรื่นไร้คนประท้วงหนัก ชี้รัฐบาลประเมินสถานการณ์ผิด ฟังครม.ตอบเหมือนยอมสารภาพผิด พร้อมรับไม่ได้แน่ถ้ารบ.ใช้วิธีซิกแซกกู้เงิน

เมื่อวันที่ 1 มิ.ย. ที่รัฐสภา นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) กล่าวถึงการอภิปรายร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2565 ว่า วันนี้จะเป็นไปตามที่วางแผนไว้ ด้านจะได้ใช้เวลาเร็วขึ้นกว่านี้ เพราะจากเดิมคิดว่าวันสุดท้ายจะเสร็จประมาณเวลา 00.00 น. ส่วนเมื่อวานนี้มีบรรยากาศที่น่าชื่นชม คือในการประท้วง การขัดจังหวะไม่ค่อยมี ทำให้ทุกฝ่ายทำงานได้ราบรื่น จนใช้เวลาได้อย่างมีคุณภาพ วันนี้ก็จะเป็นเช่นเดียวกัน มั่นใจว่าบรรยากาศก็จะดี ส่วนเนื้อหาสาระทางฝ่ายค้านเราพอใจเป็นการอภิปรายโดยภาพรวมที่ชี้ให้เห็นถึงสภาวะสถานการณ์ของประเทศ ซึ่งรัฐบาลประเมินผิดพลาดไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการเติบโตทางด้านเศรษฐกิจ การประเมินสถานการณ์โควิดที่ระบุว่าจะหมดไปและปี 65 จะเป็นปีแห่งการฟื้นตัวทั้งหมดนี้ก็เป็นการแสดงภาพรวมงบประมาณที่ประเมินผิดพลาด 

นายสุทิน กล่าวต่อว่า ในส่วนของวันนี้จะเป็นการอภิปรายถึงกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงกลาโหม ซึ่งจะมีนพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน และนายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม พรรคพท. อภิปรายเป็นตัวหลักพ้อมสมาชิกท่านอื่นที่จะสร้างสีสัน

เมื่อถามว่าประเมินการชี้แจงของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ไว้อย่างไรบ้าง นายสุทิน กล่าวว่าฟังดูเป็นการจำนน นายกฯ เองก็ไม่ได้ตอบคำถามแต่เป็นการอ่านญัตติ ส่วนตอบคำถามก็โยนให้รัฐมนตรีตอบซึ่งรัฐมนตรีกระทรวงการคลังที่ตอบคำถามนั้น ก็เป็นการยอมรับตามสมมติฐานของฝ่ายค้าน การจัดงบในปีนี้เขาจำนน 2 ประเด็น คือ

1.) รายได้ที่เก็บไม่ได้

2.) กู้เงินไม่ได้ ซึ่งเป็นสัญญาณอันตรายที่ว่าเงินก็หาไม่ได้และกู้ก็กู้ไม่ได้ ที่รัฐมนตรีตอบว่าที่จัดงบน้อยลงนั้นเป็นเพราะ 2 เหตุนี้ นี่ถือเป็นการรับสารภาพ อีกส่วนหนึ่งที่ตอบเชิงไม่ยอมรับคือเมื่อรู้ว่างบน้อย กู้ไม่ได้ และไปลดงบแม้ว่าจะลดได้แต่ดันผิดที่ผิดทาง ดังนั้นเท่าที่ฟังมาฝ่ายค้านยังรับไม่ได้ ไม่มีอะไที่เป็นความหวังเลย อีกทั้งวันนี้ พรุ่งนี้ เรายังต้องหาคำตอบว่าทำไมเมื่อเก็บรายได้ไม่ได้และยังประเมินผิด กู้ไม่ได้จะใช้เงินอย่างไรหรือถ้าจะใช้วิธีซิกแซกแต่งบัญชีแอบมากู้ข้างนอกเหมือนออกพ.ร.ก. เราจะไม่ยอมเด็ดขาด เพราะถ้าไม่พอจริงๆ ก็ทำพ.ร.บ.งบกลางปีเข้าสภาฯ แล้วพิจารณาร่วมกัน 

“บิ๊กตู่” ถก ครม.จับตาพิจารณามาตรการลดค่าครองชีพและฟื้นฟูเศรษฐกิจจากผลกระทบของโควิดวงเงิน 1.4 แสนล้านบาท มีผู้เข้าข่าย 51 ล้านคน

เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2564 ที่ห้อง PMOC ชั้น 2 ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ซึ่งยังคงเป็นการประชุมผ่านระบบ Video Conference จากห้องประชุมชั้น 2 ตึกไทยคู่ฟ้า ส่วนรัฐมนตรีคนอื่น ยังคงใช้ห้องทำงานของกระทรวง บางส่วนใช้ห้องประชุม สลค.และบางส่วน ใช้ห้องประชุมที่อาคารรัฐสภาเนื่องจากจะต้องชี้แจง เกี่ยวกับการใช้งบประมาณของร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2565 ที่มีการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรในวันเดียวกันนี้

ส่วนวาระการประชุมที่สำคัญ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) จะเสนอ ครม.อนุมัติมาตรการลดค่าครองชีพและฟื้นฟูเศรษฐกิจจากผลกระทบของโควิดของ 4 มาตรการ วงเงิน 1.4 แสนล้านบาท โดยมีผู้เข้าข่ายได้รับการช่วยเหลือจากมาตรการกว่า 51 ล้านคน เช่น โครงการเติมเงินให้ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ โครงการคนละครึ่ง เฟส 3 และโครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ เป็นต้น และมีรายงานว่า ครม.วันนี้ อาจจะมีการเสนอเรื่องการต่อสัญญาสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียวของกรุงเทพมหานครออกไปอีก 30 ปี โดยอัตราราคาค่าโดยสารอยู่ที่ 65 บาทตลอดสาย 

‘เลขาฯ สมช.’ รับ ‘บิ๊กตู่’ เบรก กทม.คลาย 5 กิจการ ชี้ รอฉีดวัคซีนกลุ่มเสี่ยงก่อน เผย เตรียมชง นายกฯ วางแนวก่อนให้อปท.ซื้อวัคซีน

เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2564 ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ณัฏฐพล นาคพาณิชย์ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฎิบัติการศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา (ศปก.ศบค.) กล่าวกรณีที่ศบค.ให้ชะลอการเปิด 5 สถานที่ของกทม.ไว้ก่อน ว่า ไม่มีอะไร คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดกรุงเทพมหานคร ได้พิจารณาผ่อนคลายมาตรการตามที่ภาพเอกชนขอมา ซึ่งคณะกรรมการฯพิจารณาแล้วไม่ขัดแย้งกับข้อกำหนดของศบค.ชุดใหญ่ แต่ทุกเรื่องพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชานายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหมในฐานะผอ.ศบค.มีนโยบายหรือข้อกำหนดที่แตกต่างออกไปได้ ซึ่งมองในภาพรวมถือว่าไม่ใช่เรื่องผิดปกติอะไร โดยกรณีดังกล่าวคณะกรรมการฯ หารือในชั้นต้นยังไม่มีประกาศอะไรออกมา

ผู้สื่อข่าวถามว่าแสดงว่ากทม. เสนอ แต่ทางศบค.เบรกไว้ใช่หรือไม่ พล.อ.ณัฏฐพล กล่าวว่า ไม่ใช่ ยังไม่มีการเสนออะไรมา ข่าวที่ออกมาเป็นเพียงแค่การประชุม ยังไม่มีประกาศออกมาแต่ให้ข่าวออกมาก่อน เมื่อนายกฯ พิจารณาแล้วเห็นว่าตัวเลขผู้ติดเชื้อในกทม.ยังสูงและมีการแพร่ระบาดอยู่จำนวนมาก ก็เป็นห่วงในภาพรวมจึงให้ชะลอไว้ก่อน ทั้งนี้นายกฯ เข้าใจ กทม.และผู้ประกอบการ จึงสั่งการให้ตนไปคุยกับกระทรวงสาธารณสุขเพื่อเร่งฉีดวัคซีนให้กลุ่มอาชีพที่กทม.ก่อนผ่อนคลายอาทิ พนักงานนวดแผนโบราณ พนักงานเสริ์ฟอาหาร ช่างตัดผม ให้เตรียมการไว้ให้เรียบร้อยเมื่อสถานการณ์ดีขึ้นก็จะผ่อนคลายต่อไป

ผู้สื่อข่าวถามถึงการให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจัดซื้อวัคซีนทางเลือกได้เอง มีแนวโน้มอย่างไร พล.อ.ณัฏฐพล กล่าวว่า วันนี้ตนจะรับข้อเสนอของกระทรวงสาธารณสุข และหารือกับนพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร ประธานกรรมการในการจัดหาวัคซีนเพิ่มเติม จากนั้นจะเสนอแนวทางให้นายกฯพิจารณาต่อไป อยากทำความเข้าใจว่าการจัดซื้อวัคซีนมี 2 รูปแบบ คือ การสั่งเข้ามาในราชอาณาจักร และการซื้อภายในจากหน่วยงาน ซึ่งประชาชนเกิดความสับสนว่าอปท.จัดซื้อจากภายนอกได้เองซึ่งไม่ใช่อย่างนั้น 

เมื่อถามว่าอปท.จะต้องซื้อจากหน่วยงานภายในของรัฐ มีแนวโน้มอย่างไร เลขาฯสมช.กล่าวว่า ก็ต้องดูอีกที เพราะตอนนี้มีเงื่อนไขทางกฎหมาย และทางนโยบาย ที่ต้องรอนโยบายจากนายกฯ ขณะที่ศบค.ต้องคุยกับหน่วยงานเกี่ยวข้องและเสนอเรื่องมาให้นายกฯพิจารณา


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top