Friday, 25 April 2025
Hard News Team

สิทธิ ‘คนละครึ่ง’ ใครยังเหลือ รีบใช้ผ่านแอป ‘เป๋าตัง’ ด่วน ก่อนหมดระยะเวลา ภายในวันนี้ 31 มีนาคม 2564 รอลุ้นเฟส 3 หลังสิ้นสุดมาตรการรัฐเดือน พ.ค.64

จากที่รัฐบาลได้ดำเนินโครงการ ‘คนละครึ่ง’ มีวัตถุประสงค์เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจระดับฐานราก โดยภาครัฐจะร่วมจ่ายค่าอาหาร เครื่องดื่ม และสินค้าทั่วไป ร้อยละ 50 แต่ไม่เกิน 150 บาทต่อคนต่อวัน หรือไม่เกิน 3,500 บาทต่อคน ตลอดระยะเวลาโครงการ ซึ่งดำเนินโครงการมาแล้ว 2 เฟส

ทั้งนี้ ผู้ได้รับสิทธิ์โครงการคนละครึ่งจะสามารถใช้จ่ายได้จนถึงวันนี้ (31 มีนาคม 2564) เวลา 06.00 - 23.00 น. ซึ่งเป็นวันสิ้นสุดโครงการ จึงขอเชิญชวนให้ประชาชนที่ยังมีวงเงินเหลือรักษาสิทธิ์ของท่านโดยการเร่งใช้จ่ายให้ครบ 3,500 บาท ภายในกำหนด 

อย่างไรก็ตาม ทางรัฐบาล มีแผนที่จะสานต่อโครงการคนละครึ่งเฟส 3 เพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ และแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายให้กับประชาชนต่อไป คาดว่าโครงการดังกล่าวจะออกได้หลังจากโครงการเราชนะ และโครงการ ม.33 เรารักกัน สิ้นสุดช่วงเดือนพฤษภาคมนี้


สนับสนุนข่าวโดย : รับข้อเสนอพิเศษมอเตอร์โชว์ ในงาน Mazda Motor Show สัมผัสปิกอัพใหม่ All-New Mazda BT-50 และยนตรกรรมสกายแอคทีฟจากมาสด้า ดอกเบี้ยต่ำสุด 0%* รับประกันคุณภาพรถสูงสุด 5 ปี* และบัตรเติมน้ำมัน 10,000 บ.* 24 มี.ค. 64 - 4 เม.ย. 64 ที่บูธและโชว์รูมทั่วประเทศ

กองบังคับการปราบปรามการกระทําความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ปอท.) เตือน!! April Fool's Day ซึ่งตรงกับวันที่ 1 เมษายนของทุกปี โพสต์ข่าวปลอม แชร์ข่าวปลอม มีความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์

ในวันที่ 1 เมษายน ของทุกปี ในหลายประเทศทั่วโลก ถือเป็นวันโกหก (April Fool's Day) โดยผู้คนจะเล่นมุกตลกและเรื่องหลอกลวงต่อกัน แต่สำหรับในประเทศไทยนั้น การโพสต์ข้อความหลอกลวงหรือแชร์ข่าวปลอม ที่อาจทำให้ประชาชนทั่วไปเข้าใจผิดได้ มีความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์

ปอท. จึงฝากเตือนประชาชน ให้ระมัดระวังในการโพสต์หรือแชร์ข่าวต่าง ๆ ในโซเชียลมีเดียว่ามีโทษจำคุกและเสียค่าปรับ

พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2560...

มาตรา 14 (1) นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน

มาตรา 14 (2) ผู้ใดนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของประเทศ ความปลอดภัยสาธารณะ ความมั่นคงในทางเศรษฐกิจของประเทศ หรือโครงสร้างพื้นฐานอันเป็นประโยชน์สาธารณะของประเทศ หรือก่อให้เกิดความตื่นตระหนกแก่ประชาชน

และ มาตรา 14 (5) ผู้ใดเผยแพร่หรือส่งต่อซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ดังกล่าวข้างต้น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ที่มา: https://www.nationtv.tv/main/content/378819727?utm_source=category&utm_medium=internal_referral&utm_campaign=social


สนับสนุนข่าวโดย : รับข้อเสนอพิเศษมอเตอร์โชว์ ในงาน Mazda Motor Show สัมผัสปิกอัพใหม่ All-New Mazda BT-50 และยนตรกรรมสกายแอคทีฟจากมาสด้า ดอกเบี้ยต่ำสุด 0%* รับประกันคุณภาพรถสูงสุด 5 ปี* และบัตรเติมน้ำมัน 10,000 บ.* 24 มี.ค. 64 - 4 เม.ย. 64 ที่บูธและโชว์รูมทั่วประเทศ

รมว.ยุติ ยืนยัน กำชับจนท. ดูแลนักโทษอย่างใกล้ชิด ปัดตอบ ‘เต้น’ ลุยการเมือง หลังถอนกำไลอีเอ็ม

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ให้สัมภาษณ์กรณี ร.ต.ธนกฤติ จิตรอารีย์รัตน์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ประสานมารดานายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน แกนนำกลุ่มราษฎร ให้เลิกอดอาหารเพราะเป็นห่วงสุขภาพว่า…

ทุกคนให้ความเป็นห่วง นายพริษฐ์ เพราะถ้าเกิดเจ็บป่วยขึ้นมาจะเกิดปัญหา ตนกำชับไปแล้วต้องไม่มีเหตุอะไรร้ายแรงเกิดขึ้น โดยสัปดาห์นี้จะวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ ให้ผอ.เรือนจำทั้งหมดรับทราบนโยบายและเรียนรู้สิ่งที่เกิดขึ้นให้ทันต่อเหตุการณ์ ไม่ใช่ว่าช้า ถามข้อมูลอะไรก็ไม่ทันการ มันจะเกิดความเสียหาย และต้องปฏิบัติตามระเบียบเป็นไปตามสิทธิมนุษยชน ซึ่งต้องมีความละเอียดไม่ให้มีเรื่องของความไม่เข้าใจเกิดขึ้นและต่อความยาวสาวความยืดกัน

เมื่อถามว่าหากนายพริษฐ์ เจ็บป่วยขึ้นมาโรงพยาบาลของกรมราชทัณฑ์จะมีมาตรฐานเพียงพอหรือไม่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า เรื่องมาตรฐานของโรงพยาบาลดีเหมือนกันหมด ไม่มีปัญหา เพียงแต่เจ้าหน้าที่ของกรมราชทัณฑ์มีจำกัดเพียง 1 คน ต่อนักโทษ 33 คนซึ่งตนจะกำชับให้ดูแลละเอียดขึ้น

เมื่อถามว่าจะป้องกันอย่างไรไม่ให้เกิดพฤติกรรมเลียนแบบ เพราะล่าสุดน.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือรุ้ง แกนนำกลุ่มราษฎร ประกาศจะอดอาหารบ้าง นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ป้องกันอะไรไม่ได้ แต่เราระมัดระวังอย่าให้เขาเป็นอันตรายก็ทำให้ดีที่สุดและไม่ปล่อยปะละเลย โดยเฉพาะข้อมูลต้องประสานกันให้รวดเร็วเพื่อป้องกันความไม่เข้าใจเพราะบางครั้งก็เป็นข่าวไปหลายวันสร้างความสับสนทั้งที่ข้อเท็จจริงไม่มีอะไรรุนแรง

เมื่อถามว่าลำบากใจหรือไม่ที่นักโทษในเรือนจำอดอาหารซึ่งไม่เคยเกิดเหตุการเช่นนี้มาก่อน นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ผู้คุมก็ต้องดูเพราะเป็นความารับผิดชอบ

เมื่อถามถึงกรณี นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ถอดกำไลอีเอ็ม นายสมศักดิ์ กล่าวว่า มีอีเอ็มมันก็เป็นเครื่องเตือนใจ ถอดแล้วก็แสดงว่าหมดเวลาของพันธนาการแล้วเข้าสู่โหมดการใช้ชีวิตไปไหนมาไหนได้ปกติ ส่วนจะไปทำกิจกรรมทางการเมืองได้หรือไม่นั้น ตนไม่ทราบ ต้องไปดูคำสั่งศาล

อย่างไรก็ตามขณะนี้ตนมีแนวคิดเรื่องการปล่อยนักโทษร้ายแรงก่อนเวลาแล้วใช้ระบบใส่กำไลข้อเท้าติดตามตัว ซึ่งได้แลกเปลี่ยนประชาชนไป 3 ครั้งแล้วเป็นบวกและตรงกันที่กระทรวงอยากดำเนินการ แต่ก็ต้องฟังเสียงประชาชนอีกสักระยะ เพราะถ้าเราปล่อยปะละเลยเหมือนในอดีตก็จะเกิดการกระทำผิดซ้ำ


สนับสนุนข่าวโดย : รับข้อเสนอพิเศษมอเตอร์โชว์ ในงาน Mazda Motor Show สัมผัสปิกอัพใหม่ All-New Mazda BT-50 และยนตรกรรมสกายแอคทีฟจากมาสด้า ดอกเบี้ยต่ำสุด 0%* รับประกันคุณภาพรถสูงสุด 5 ปี* และบัตรเติมน้ำมัน 10,000 บ.* 24 มี.ค. 64 - 4 เม.ย. 64 ที่บูธและโชว์รูมทั่วประเทศ

เปิดราคา “รถยนต์ไฟฟ้า” ในงานมอเตอร์โชว์ 2021 ส่องแบรนด์ไหนใช่ ไทยพร้อมแค่ไหน | BizMAX EP.32

จากเนื้อหา “เมื่อ Eco-Friendly กลายเป็นกระแสหลักของโลก

 

Link เนื้อหา : https://thestatestimes.com/post/2021032807

 

จากเนื้อหาพูดถึงข้อดีของรถยนต์ EV หากจำแนกออกมานั้นมีความน่าสนใจหลายเรื่อง เริ่มต้นจากความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอย่างแท้จริงเพราะใช้พลังงานไฟฟ้าในการขับเคลื่อนจาก Battery ไปสู่ Motor เมื่อพลังงานหมดก็สามารถชาร์ทใหม่ได้ ไม่จำเป็นต้องมาสนใจกับความผันผวนของราคาน้ำมัน เพราะค่าไฟฟ้านั้นค่อนข้างคงที่ รถยนต์ EV ก็มีข้อสังเกตอีกพอสมควรว่ามันเหมาะที่จะใช้ในชีวิตประจำวันจริงหรือ ? เริ่มต้นด้วยราคาของรถ EV ที่ยังค่อนข้างสูงหากเทียบกับรถที่ใช้ทั่วไปจำนวนเท่าไหร่ วันนี้มาร่วมหาคำตอบกันกับ หยก THE STATES TIMES

.

.

.


สนับสนุนโดย : รับข้อเสนอพิเศษมอเตอร์โชว์ ในงาน Mazda Motor Show สัมผัสปิกอัพใหม่ All-New Mazda BT-50 และยนตรกรรมสกายแอคทีฟจากมาสด้า ดอกเบี้ยต่ำสุด 0%* รับประกันคุณภาพรถสูงสุด 5 ปี* และบัตรเติมน้ำมัน 10,000 บ.* 24 มี.ค. 64 - 4 เม.ย. 64 ที่บูธและโชว์รูมทั่วประเทศ

ออมสิน ภาค 11 ผุดตลาดอาหารปลอดภัย “ตลาดนัดชุมชนวิถีคนอีสาน” ให้คนขอนแก่นอยู่ดีกินดี ลดความเหลื่อมล้ำทางรายได้ ส่งเสริมตลาดออฟไลน์สู่การเป็นตลาดออนไลน์

ออมสินภาค 11 จับมือสำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดขอนแก่นและบริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) ผุดโครงการร่วมใจสร้างตลาดอาหารปลอดภัยให้คนขอนแก่นอยู่ดีกินดี “ตลาดนัดชุมชนวิถีคนอีสาน” ลดความเหลื่อมล้ำทางรายได้ ส่งเสริมตลาดออฟไลน์สู่การเป็นตลาดออนไลน์ สร้างการพัฒนาคุณภาพสินค้าของชุมชนหรือผู้ประกอบการรายย่อย และเพิ่มสภาพคล่องทางเศรษฐกิจในระดับจังหวัด

นายวรทัศน์ ธุลีจันทร์ รอง ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น เป็นประธานในพิธีลงนามข้อตกลงโครงการร่วมใจสร้างตลาดอาหารปลอดภัยให้คนขอนแก่นอยู่ดีกินดี “ตลาดนัดชุมชนวิถีคนอีสาน” ระหว่างหน่วยงานรัฐ 3 หน่วยงานได้แก่ สำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดขอนแก่น บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) และธนาคารออมสิน

เนื่องด้วยในปัจจุบัน พฤติกรรมการซื้อสินค้าและบริการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปเป็นความปกติใหม่ (New normal) ซึ่งในปัจจุบันเทคโนโลยี และอินเตอร์เน็ตความเร็วสูง มีบทบาทสำคัญต่อสังคมโลกโดยเฉพาะ พฤติกรรมการซื้อสินค้าและบริการของผู้บริโภค จากการซื้อสินค้าที่ต้องเดินทางไปหน้าร้านค้าหรือโทรศัพท์สั่งสินค้า (Offline Marketing) เปลี่ยนเป็นการซื้อสินค้าบนอินเตอร์เน็ตผ่านร้านค้าออนไลน์ (Online Marketing) ที่นับวันยิ่งได้รับความนิยมจากผู้บริโภคมากขึ้น เพราะสะดวกสบาย มีโปรโมชั่นและบริการหลังการขายที่ไม่แตกต่างจากการเดินไปซื้อที่ร้านค้า ทำให้เกิดส่วนแบ่งทางการตลาดที่มากขึ้น ส่งผลกระทบต่อรายได้ที่ลดลงของผู้ประกอบการที่มีการขายสินค้าและบริการผ่านหน้าร้านค้าเพียงช่องทางเดียว

ประกอบกับในช่วงระยะเวลา 2 ปีที่ผ่านมา เกิดสถานการณ์โรคระบาดจากเชื่อไวรัส COVID19 ขึ้นทั่วโลก รัฐบาลของประเทศต่างๆ ไม่เว้นแม้แต่ประเทศไทย จำเป็นต้องออกมาตรการรองรับการควบคุมโรคระบาด การออกจากที่พักอาศัยไปซื้อสินค้าและบริการถูกจำกัดจากมาตรการทางสังคม ทำให้เกิดพฤติกรรมการบริโภครูปแบบใหม่ขึ้น กล่าวคือ เมื่อผู้บริโภคไม่สามารถเดินทางไปซื้อสินค้าและบริการที่หน้าร้านค้าได้สะดวกเช่นเดิม (Offline Marketing) การซื้อผ่านร้านค้าออนไลน์จึงเป็นทางเลือกที่ได้รับความนิยม และเมื่อใช้ช่องทางออนไลน์จนเกิดความเคยชิน เกิดการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคไปในวิถีใหม่หรือความปกติใหม่ (New Normal)

จึงเป็นที่มาของโครงการความร่วมมือในครั้งนี้ เพื่อสร้างโอกาสในการสร้างรายได้ในทั้งการขายสินค้าและบริการที่หน้าร้าน และการขายสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ เพื่อแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำทางรายได้ผ่านการให้ความรู้ทางการเงินและเพิ่มทักษะทางการตลาดออฟไลน์และออนไลน์ สร้างรายได้และสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับผู้ประกอบการรายย่อยที่เข้าร่วมโครงการ

โครงการร่วมใจสร้างตลาดอาหารปลอดภัยให้คนขอนแก่นอยู่ดีกินดี “ตลาดนัดชุมชนวิถีคนอีสาน” จะช่วยยกระดับคุณภาพสินค้าให้ผู้บริโภคมีความปลอดภัย ผ่านระบบตลาดที่ได้มาตรฐาน เพื่อส่งเสริมและเพิ่มช่องทางการตลาดให้แก่สินค้าอุปโภคบริโภคของกลุ่มวิสาหกิจชุมชน และสินค้าพื้นถิ่นที่อยู่ในกรอบความร่วมมือนี้

พร้อมทั้งส่งเสริมความรู้แก่ผู้ประกอบการชุมชนในด้านการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีด้าน ICT มาต่อยอดการผลิตและการตลาดในรูปแบบต่างๆ เพื่อเพิ่มศักยภาพในการลงทุนของวิสาหกิจชุมชนทั้งขนาดเล็กและขนาดย่อย ให้สามารถมีช่องทางดำเนินการได้สะดวกและมีช่องทางดำเนินการมากขึ้น


สนับสนุนข่าวโดย : รับข้อเสนอพิเศษมอเตอร์โชว์ ในงาน Mazda Motor Show สัมผัสปิกอัพใหม่ All-New Mazda BT-50 และยนตรกรรมสกายแอคทีฟจากมาสด้า ดอกเบี้ยต่ำสุด 0%* รับประกันคุณภาพรถสูงสุด 5 ปี* และบัตรเติมน้ำมัน 10,000 บ.* 24 มี.ค. 64 - 4 เม.ย. 64 ที่บูธและโชว์รูมทั่วประเทศ

ครม.เคาะงบ 2,936 ล้าน ดันประกันภัยข้าวนาปี

นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมครม. เห็นชอบโครงการประกันภัยข้าวนาปี ปีการผลิต 64 พื้นที่ประกันภัย รวม 46 ล้านไร่ ภายใต้วงเงิน 2,936 ล้านบาท โดยให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ทดลองจ่ายเงินอุดหนุนค่าเบี้ยประกันแทนรัฐบาลและเบิกเงินชดเชยตามจำนวนที่จ่ายจริง ซึ่งการดำเนินงานส่วนใหญ่มีลักษณะเดียวกันกับปี 63 โดยปรับอัตราเบี้ยประกันภัยสำหรับลูกค้าสินเชื่อ ธ.ก.ส. ลดลง 1 บาท จาก 97 บาท/ไร่ เหลือ 96 บาท/ไร่ และปรับอัตราเบี้ยประกันภัยสำหรับลูกค้า ธ.ก.ส.ที่ซื้อประกันภัยเพิ่มและอยู่ในพื้นที่เสี่ยงต่ำ ลดลง 3 บาท จาก 58 บาท/ไร่ เหลือ 55 บาท/ไร่ มีพื้นที่เป้าหมายประกันภัย รวม 46 ล้านไร่

สำหรับอัตราค่าเบี้ยประกันภัย กำหนดให้ กรณีค่าเบี้ยประกันภัยพื้นฐานกลุ่มแรก กำหนดตามความเสี่ยงจริงของเกษตรกร รวม 45 ล้านไร่ แบ่งเป็น ลูกค้า ธ.ก.ส. ทุกราย ค่าเบี้ยประกันภัย 96 บาทต่อไร่ รวม 28 ล้านไร่ โดยรัฐบาลเป็นผู้อุดหนุนค่าเบี้ยประกันภัยให้ 58 บาทต่อไร่ และ ธกส. อุดหนนุนให้ 38 บาทต่อไร่ เกษตรกรทั่วไป และลูกค้าสินเชื่อ ธ.ก.ส. ที่ซื้อเพิ่ม ค่าเบี้ยประกันภัยในพื้นที่เสี่ยงต่ำ 55 บาทต่อไร่ พื้นที่เสี่ยงปานกลาง 210 บาทต่อไร่ และพื้นที่เสี่ยงสูง 230 บาทต่อไร่ รวม 17 ล้านไร่ รัฐบาลเป็นผู้อุดหนุนค่าเบี้ยประกันภัยให้ 55 บาทต่อไร่ โดยคุ้มครองความเสี่ยงจาก 7 ภัยธรรมชาติ ไร่ละ 1,260 บาท คือ น้ำท่วมหรือ ฝนตกหนัก ภัยแล้ง ฝนแล้งหรือฝนทิ้งช่วง ลมพายุหรือพายุไต้ฝุ่น ภัยอากาศหนาว หรือน้ำค้างแข็งลูกเห็บ ไฟไหม้ ช้างป่า และภัยศัตรูพืชหรือโรคระบาดไร่ละ 630 บาท

ส่วนค่าเบี้ยประกันภัยแบบสมัครใจกลุ่ม 2 กำหนดตามความเสี่ยงจริงของเกษตรกร จำนวน 1 ล้านไร่ ซึ่งเกษตรกรจะต้องเป็นผู้ชำระเอง แบ่งเป็นพื้นที่เสี่ยงต่ำ 24 บาทต่อไร่ พื้นที่เสี่ยงปานกลาง 48 บาทต่อไร่ และพื้นที่เสี่ยงสูง 101 บาทต่อไร่ โดยคุ้มครองความเสี่ยงจาก 7 ภัยธรรมชาติ ไร่ละ 240 บาท และภัยศัตรูพืชหรือโรคระบาดไร่ละ 120 บาท

ครม.เคาะ! ให้สิทธิขั้นพื้นฐานด้านสาธารณสุข กับบุคคลที่มีปัญหาสถานะ - สิทธิเด็ก - บุคคลที่เรียนอยู่ในสถานศึกษาครั้งที่ 2

เมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2564 ที่ทำเนียบรัฐบาล นางสาวไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีแถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า เห็นชอบในหลักการ การให้สิทธิขั้นพื้นฐานด้านสาธารณสุขกับบุคคลที่มีปัญหาสถานะและสิทธิเด็กและบุคคลที่เรียนอยู่ในสถานศึกษาครั้งที่ 2 ตามที่กระทรวงมหาดไทยได้ตรวจสอบความซ้ำซ้อนและกำหนดเลขประจำตัว 13 หลักเรียบร้อยแล้วจำนวน 5,203 คน ซึ่งครอบคลุมบริการด้านสาธารณสุขได้แก่ การสร้างเสริมสุขภาพ การป้องกันโรค การรักษาพยาบาล และการฟื้นฟูสมรรถภาพ ให้มีผลตั้งแต่วันที่ ครม.อนุมัติ ใช้งบประมาณในการดำเนินการจำนวน 12.76 ล้านบาท

ครม. เห็นชอบ ร่างประมวลจริยธรรมของข้าราชการการเมือง กำหนดให้ยึดมั่นในสถาบันหลักของประเทศ - คำนึงผลประโยชน์ของชาติ - ปชช.

เมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2564 ที่ทำเนียบรัฐบาล นางสาวไตรศุลี​ ไตรสรณกุล​ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี​ แถลงหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)​ ว่า ครม.เห็นชอบร่างประมวลจริยธรรมของข้าราชการการเมือง ซึ่งเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์​ ในการประพฤติปฏิบัติอย่างมีคุณธรรมของข้าราชการการเมือง​ ตามที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีมีคำสั่งมอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเป็นผู้ยกร่างประมวลจริยธรรมของข้าราชการการเมืองขึ้นมาและให้ทางสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีได้จัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นต่อร่างประมวลจริยธรรมสำหรับข้าราชการการเมืองไปแล้ว

นางสาวไตรศุลี กล่าวว่า ซึ่งร่างประมวลจริยธรรมของข้าราชการการเมือง  ประกอบด้วย​ การกำหนดนิยามคำว่า ข้าราชการการเมือง หมายความถึง ข้าราชการการเมือง​ตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการการเมือง และให้รวมถึงกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยคณะกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีด้วย​ โดยกำหนดให้ข้าราชการการเมืองต้องยึดมั่นในสถาบันหลักของประเทศอันได้แก่ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข 

กำหนดให้ข้าราชการการเมืองต้องปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต​ มีจิตสำนึกที่ดีและรับผิดชอบต่อหน้าที่​ ต้องกล้าตัดสินใจและกระทำในสิ่งที่ถูกต้องชอบธรรม​ ข้าราชการการเมืองต้องยึดถือประโยชน์ส่วนรวมของประเทศชาติและความผาสุกของประชาชนโดยรวม และมีจิตสาธารณะ นอกจากนี้ยังกำหนดให้ข้าราชการการเมืองต้องปฏิบัติหน้าที่โดยมุ่งผลสัมฤทธิ์ของงานโดยต้องดำรงตน ปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลังความสามารถ ปฏิบัติตามกฎหมายและระเบียบแบบแผนของทางราชการ โดยคำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนเป็นสำคัญ​ ต้องปฏิบัติหน้าที่อย่างเป็นธรรมและไม่เลือกปฏิบัติ​ รวมทั้งต้องดำรงตนเป็นแบบอย่างที่ดีและรักษาภาพลักษณ์ของทางราชการ

ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กขอบคุณนักกายภาพบำบัด ระบุตนเองผ่านการทำกายภาพบำบัดมาแล้ว 2 ครั้งในชีวิต ครั้งแรกเมื่อกว่า 10 ปีก่อน โดยทั้ง 2 ครั้งได้คืนชีวิตให้กับตนเอง

จากกรณี นายวีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร ได้ลงพื้นที่ใกล้ชิดกับชาวบ้านตลาดกลางกุ้ง ตั้งแต่วันแรกที่ทราบข่าวมีผู้ติดเชื้อโควิด-19 เมื่อวันที่ 17 ธ.ค. 63 กระทั่งวันที่ 27 ธ.ค. 63 ลงพื้นที่ไปพร้อม นายอนุทิน ชาญวีรกูล รมว.สาธารณสุข ร่วมกันกินอาหารทะเลปรุงสุก จากนั้นเริ่มป่วยตรวจร่างกาย รพ.สมุทรสาคร นอนดูอาการ และได้รับการยืนยันว่า ติดโควิด-19 เมื่อวันที่ 28 ธ.ค. 63 ถูกส่งตัวเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลศิริราช อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 19 มี.ค. นายวีรศักดิ์ สามารถออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว

อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 29 มี.ค. นายวีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร ได้โพสต์เฟซบุ๊ก “Sakravee Srisangdharma” เล่าถึงการทำกายภาพบำบัดระหว่างการรักษาพักฟื้นจากการติดเชื้อโควิด-19 ในโรงพยาบาล ซึ่งเป็นครั้งที่ 2 ในชีวิตที่ตนเองได้รับการทำกายภาพบำบัด โดยเจ้าตัวได้ระบุข้อความว่า "กายภาพบำบัด คืนชีวิตให้ผมมาสองครั้งแล้ว"

ครั้งแรกคือเมื่อสิบกว่าปีก่อน ตอนที่ผมเป็นโรคหลอดเลือดสมอง ร่างกายซีกขวาใช้การแทบไม่ได้ทั้งซีก ต้องเริ่มฝึกหัดทุกอย่างใหม่ ทั้งฟื้นฟูร่างกายซีกขวาให้กลับมามีเรี่ยวแรงมากขึ้น และเปลี่ยนมาฝึกเขียนหนังสือและฝึกใช้ชีวิตด้วยข้างซ้ายเป็นหลักแทน

ครั้งนี้ก็เช่นกัน ผมตกใจมาก ตอนเห็นร่างกายตัวเองหลังฟื้นคืนสติขึ้นมา แขนขามีแต่หนังหุ้มกระดูก ไม่มีกล้ามเนื้อ ไม่มีเรี่ยวแรง แค่นั่งพิงเก้าอี้ข้างเตียงไม่กี่นาที หรือพูดไม่กี่ประโยคก็เหนื่อยเหมือนใจจะขาด คิดเสียใจที่เคยปรามาสโรคนี้ไว้ว่า คงจะอาการไม่หนัก และถอดใจว่า เราคงไม่สามารถกลับมาใช้ชีวิตอย่างปกติได้อีกแล้ว แต่ได้แรงคุณหมอเวชศาสตร์ฟื้นฟูและนักกายภาพบำบัดทุกท่าน เข้ามาหัดให้ผมหายใจ หัดพูด นั่ง ยืน เดิน คืบหน้าไปแต่ละวันอย่างช้า ๆ ทำให้ทุกวันนี้ผมกลับมาพูดได้ เดินได้ กินข้าวเองได้ และทำงานได้ ถึงจะยังต้องฟื้นฟูอีกมากก็ตาม ถ้าเปรียบคุณหมอเป็นผู้กู้ชีพ รักษาอาการป่วยให้ผม

เวชศาสตร์ฟื้นฟู และนักกายภาพบำบัด ก็ถือเป็นผู้คืนชีวิตชีวา ให้ผมกลับคืนมาดูแลตัวเองต่อได้ การฟื้นคืนกลับมามีชีวิตของผม คือเรื่องราวที่เหมือน ‘ปาฏิหาริย์’ เป็นปาฏิหาริย์ที่มาจากการรักษาของผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง กำลังใจจากทุกผู้คนที่มอบให้ และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เคารพนับถือ ที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งในชีวิตของผม มาจากฝีมือ ความอดทน และความเอาใจใส่ ของนักกายภาพบำบัดนี่เองครับ"


สนับสนุนข่าวโดย : รับข้อเสนอพิเศษมอเตอร์โชว์ ในงาน Mazda Motor Show สัมผัสปิกอัพใหม่ All-New Mazda BT-50 และยนตรกรรมสกายแอคทีฟจากมาสด้า ดอกเบี้ยต่ำสุด 0%* รับประกันคุณภาพรถสูงสุด 5 ปี* และบัตรเติมน้ำมัน 10,000 บ.* 24 มี.ค. 64 - 4 เม.ย. 64 ที่บูธและโชว์รูมทั่วประเทศ

ครม. เห็นชอบ “ร่างพ.ร.บ.กองทุนบำเหน็จบำนาญแห่งชาติ” ช่วยแรงงานในระบบ มีเงินสำรองเลี้ยงชีพ

เมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2564 ที่ทำเนียบรัฐบาล นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลประชุมคณะรัฐมนตรี ว่า ครม.อนุมัติหลักการร่าง พ.ร.บ.กองทุนบำเหน็จบำนาญแห่งชาติ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญ เพื่อเป็นกองทุนสำรองเลี้ยงชีพภาคบังคับสำหรับแรงงานในระบบ ลูกจ้างเอกชน ลูกจ้างชั่วคราวของราชการ พนักงานราชการ เจ้าหน้าที่องค์การมหาชน และพนักงานรัฐวิสาหกิจ ที่ไม่ได้เป็นสมาชิกกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ให้ได้รับผลประโยชน์ในรูปแบบการจ่ายบำเหน็จบำนาญ และเป็นศูนย์กลางบูรณาการเก็บรวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับระบบบำเหน็จบำนาญ 

โดยรายได้ของ กบช. ไม่ต้องนำส่งคลัง และกำหนดให้ลูกจ้างที่มีอายุตั้งแต่ 15 ปีบริบูรณ์ขึ้นไปและไม่เกิน 60 ปี ที่ไม่เป็นสมาชิกกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ต้องเป็นสมาชิกของ กบช. ทั้งนี้กำหนดให้ลูกจ้างและนายจ้างส่งเงินสมทบแต่ละฝ่าย แบ่งเป็น ปีที่ 1 - 3 ไม่น้อยกว่าร้อยละ 3 ของค่าจ้าง ปีที่ 4 - 6 ไม่น้อยกว่าร้อยละ 5 ของค่าจ้าง ปีที่ 7 - 9 ไม่น้อยกว่าร้อยละ 7 ของค่าจ้าง ปีที่ 10 เป็นต้นไป ไม่น้อยกว่าร้อยละ 7 - 10 ของค่าจ้าง โดยกำหนดเพดานค่าจ้างสูงสุดไม่เกิน 60,000 บาทต่อเดือน กรณีลูกจ้างเงินเดือนน้อยกว่า 10,000 บาท ให้นายจ้างส่งเงินฝ่ายเดียว หากลูกจ้างและนายจ้างต้องการส่งเพิ่ม สามารถส่งเพิ่มได้สูงสุดไม่เกินร้อยละ 30 ของค่าจ้าง โดยไม่จำกัดเพดานค่าจ้าง

สำหรับการรับเงินจาก กบช. เมื่อสมาชิกอายุครบ 60 ปี สามารถเลือกรับบำเหน็จหรือบำนาญรายเดือน เป็นระยะเวลา 20 ปี กรณีเลือกบำเหน็จ ได้รับเงินเท่ากับจำนวนเงินสะสมที่ลูกจ้างส่ง เงินสมทบจากนายจ้าง รวมผลตอบแทน กรณีเลือกบำนาญ แล้วต้องการเปลี่ยนเป็นบำเหน็จก็สามารถทำได้  เช่น รับบำนาญแล้ว 5 ปี ต้องเปลี่ยนเป็นบำเหน็จ จะได้รับเงินเท่ากับเงินบำนาญ 15 ปีที่เหลือ กรณีที่ทุพพลภาพหรือเจ็บป่วยจนใกล้ถึงแก่ชีวิตก่อนครบอายุ 60 ปีบริบูรณ์ เมื่อออกจากงานแล้ว จะขอรับเงินสะสม เงินสมทบ บางส่วนหรือทั้งหมดก็ได้

นางสาวรัชดา กล่าวว่า นอกจากนั้นเห็นชอบร่างพ.ร.บ.คณะกรรมการนโยบายบำเหน็จบำนาญแห่งชาติ พ.ศ. .... สาระสำคัญ เป็นการแต่งตั้งคณะกรรมการนโยบายบำเหน็จบำนาญแห่งชาติ (คนบ.) มีอำนาจหน้าที่จัดทำนโยบาย แผนแม่บท และแนวทางการพัฒนาระบบบำเหน็จบำนาญในภาพรวมของประเทศให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน มีคณะกรรมการฯ  13 คน โดยมีนายกรัฐมนตรี เป็นประธานฯ และผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง เป็นกรรมการและเลขานุการ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top