Friday, 25 April 2025
Hard News Team

“จุรินทร์” จัดทัพลุยจีน เน้นไห่หนานเป็นสะพานเชื่อมเศรษฐกิจ หลังจีนฟื้นตัวจากโควิด "สั่งงาน" พาณิชย์ จับมือ สมาคมการค้าไทย - ไห่หนาน เดินหน้า เศรษฐกิจมีแนวโน้มสดใสต่อเนื่อง

31 มีนาคม 2564 กระทรวงพาณิชย์โดยกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ร่วมกับสมาคมการค้าไทย-ไห่หนาน จัดกิจกรรมการบุกตลาดจีน “พาณิชย์บุกตลาดจีน เชื่อมโยงตลาดศักยภาพ (ไทย - ไห่หนาน)” ภายใต้โครงการผลักดันการค้าระหว่างประเทศพันธมิตร (Strategic Partnership) ในตลาดจีน โดยมีนายจุรินทร์ ลักษณะวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธาน เพื่อเร่งผลักดันการส่งออกไปตลาดจีน เน้นธุรกิจอาหารและบริการ หลังเศรษฐกิจจีนมีแนวโน้มสดใส ฟื้นตัวจากโควิด หวังใช้ มินิเอฟทีเอ (Mini - FTA) เชื่อมจีนรายมณฑล 

งานนี้มีนายสมเด็จ สุสมบูรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ นายณรงค์ศักดิ์ พุทธพรมงคล ประธานกรรมการหอการค้าไทย-จีน นายนที เมฆรุ่งโรจน์ นายกสมาคมใหหนำแห่งประเทศไทย นายวรพจน์ เพียรอภิธรรม นายกสมาคมการค้าไทยไหหลำและคณะผู้บริหารกระทรวงพาณิชย์ เข้าร่วมทีห้องสัมมนา 4 (Auditorium) สถาบันพัฒนาผู้ประกอบการการค้ายุคใหม่ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (ถนนรัชดาภิเษก)พร้อมสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ โดยเฉพาะที่ประจำประเทศจีนและพาณิชย์จังหวัดเป้าหมายเข้าร่วม ผ่านระบบออนไลน์

นายจุรินทร์ เปิดงานและกล่าวปาฐกถา หัวข้อ “นโยบายการค้าสู่ตลาดจีน ในยุค New Normal” ในงานกิจกรรมการบุกตลาดจีนฯ “พาณิชย์บุกตลาดจีน เช่ือมโยงตลาดศักยภาพ (ไทย - ไห่หนาน) หลังจากนั้นนายจุรินทร์ กล่าวว่าสำหรับมินิเอฟทีเอระหว่างไทยกับมณฑลไห่หนานหรือไหหลำของจีน มีการดำเนินการตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของการตรวจสอบรายละเอียดระหว่างไทยกับจีน ฝ่ายไทยนั้นเสร็จสิ้นแล้วรอฝ่ายจีนซึ่งต้องมีกระบวนการตรวจสอบรายละเอียดในระดับประเทศและระดับมณฑลคาดว่าปลายเดือนเมษายนนี้ จะมีการลงนามได้ ถือเป็นประวัติศาสตร์ทางการค้าหรือประเทศที่เรามีมินิเอฟทีเอเกิดขึ้นเป็นครั้งแรกคาดว่าจะมีส่วนช่วยเพิ่มมูลค่าการค้าระหว่างไทยกับไหหลำมากขึ้น 

ปีที่ผ่านมามีมูลค่าการค้าไทยส่งออกไปไหหลำประมาณ 7,000 ล้านบาท เชื่อว่าตัวเลขจะมากขึ้นเพราะไหหลำจะได้รับการพัฒนาเป็นฟรีพอร์ต เป็นฮ่องกง 2 ถือเป็นโอกาสดีที่สุดและเรามองเห็นตั้งแต่ท่านสีจิ้นผิง ประกาศนโยบายแล้ว เราถึงเข้าไปทำมินิเอฟทีเอด้วยกัน และได้รับการสนับสนุนจากภาคเอกชนทั้งสมาคมการค้าไทยไหหลำก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีมูลค่าการค้าปีที่แล้วระหว่างไทยกับจีน บวก 4.4% คาดว่าปี 64 จะมากกว่านั้นเพราะเศรษฐกิจจีนถือว่าฟื้นตัวเร็วที่สุดในโลกและไทยมีความสำคัญทางการค้าที่ดีกับจีนถือเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดของไทยต่อเนื่องติดต่อกันเป็นปีที่ 8 แล้ว

" นอกจากไทย - ไห่หนานแล้วจะยังมีมินิเอฟทีเอ ไทยกับรัฐเตลังกานาของอินเดีย รัฐนี้เป็นรัฐที่จะมีการพัฒนาไปเป็นเมืองเฟอร์นิเจอร์ มีเฟอร์นิเจอร์ปาร์ค เกิดขึ้นที่ไฮเดอราบัด เป็นโอกาสทองของการส่งออกไม้ยางไทยที่จะนำไปทำเฟอร์นิเจอร์หรือส่งออกไปทำเป็นเฟอร์นิเจอร์สำเร็จรูป และจะทำกับเมืองไทฟูของญี่ปุ่นที่เป็นเมืองอัญมณี หวังว่าจะช่วยให้การส่งอัญมณีเครื่องประดับของไทยไปยังประเทศญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น และเมืองคย็องกีของเกาหลี ซึ่งมีกลุ่มชาวเอเชียอยู่จำนวนมากหวังว่าจะช่วยเพิ่มตัวเลขการส่งออกอาหารด้วย เชื่อว่าปีนี้น่าจะจบได้ทั้งหมด ผมคิดว่าเอฟทีเอในภาพรวมอย่างเดียวไม่พอ เราต้องลงลึกในระดับมณฑลในระดับรัฐต่อรัฐ โดยเฉพาะในประเทศที่มีรัฐขนาดใหญ่ โดยตั้งเป้าหมายไว้ที่ 3.5 - 4% และมีความเป็นได้เป็นไปได้ที่จะถึงเป้าหรือเกินเป้าถ้าเศรษฐกิจฟื้นตัวเร็วและวัคซีนกระจายไปได้เร็วทั้งโลกในภาพรวม" รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าว

​รายงานข่าว กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ ระบุด้วยว่า ในช่วงเวลาที่ผ่านมา กระทรวงพาณิชย์ได้เร่งรัดการสร้างความสัมพันธ์ทุกรูปแบบ โดยเฉพาะการเจรจารายมณฑล/รัฐ/เมือง กับประเทศพันธมิตรที่มีศักยภาพทางเศรษฐกิจสูง ทั้งอินเดีย ญี่ปุ่น และเกาหลี ที่มีแผนความร่วมมือด้านการค้าระหว่างกัน รวมถึงการจัดตั้งคณะกรรมการร่วมด้านเศรษฐกิจและการค้าเพื่อขยายการค้า การลงทุน และความร่วมมือด้านเศรษฐกิจระหว่างไทยกับสหราชอาณาจักร (Joint Economic and Trade Committee : JETCO) ​จีนในฐานะประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่อันดับ 2 ของโลก และเป็นคู่ค้าอันดับ 1 ของไทยมาตลอด 8 ปี นับตั้งแต่ปี 2556 (ค.ศ. 2013)  ประกอบกับนโยบายการพัฒนาและส่งเสริมเศรษฐกิจและสังคมของจีนที่จะเสริมสร้างศักยภาพให้แต่ละมณฑลมีความแข็งแกร่ง โดยใช้ประโยชน์จากข้อได้เปรียบของแต่ละมณฑล โดยเฉพาะในเชิงภูมิศาสตร์

​ไห่หนาน เป็นมณฑลที่เล็กที่สุด ที่ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของจีน ซึ่งเป็นจุดยุทธศาสตร์เชื่อมต่อเขตเศรษฐกิจอ่าวกวางตุ้ง-ฮ่องกง-มาเก๊า (Greater Bay Area : GBA) และเชื่อมโยงมายังภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ไปจนถึงภูมิภาคตามเส้นทางเศรษฐกิจสายไหมทางทะเล (Maritime Silk Road) ปัจจุบัน ไห่หนานได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลปักกิ่งในการพัฒนาให้ก้าวสู่เขตการค้าเสรีระดับโลกในปี 2593 ความร่วมมือที่จะเกิดขึ้นระหว่างไทยกับมณฑลไห่หนานจะเป็นโอกาสในการสนับสนุนการขยายตัวทางเศรษฐกิจของทั้งสองฝ่าย

ด้วยศักยภาพและความสำคัญของมณฑลไห่หนาน การเร่งสร้างความร่วมมือทางการค้าในเวทีระดับมณฑลระหว่างกระทรวงพาณิชย์กับมณฑลไห่หนานจึงเป็นอีกหนึ่งกลไกสำคัญของรัฐในการส่งเสริมโอกาสแก่ผู้ประกอบการไทยในการดำเนินธุรกิจกับจีนผ่านมณฑลไห่หนาน ควบคู่กับการใช้ความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นในเชิงชาติพันธุ์ของภาคเอกชน สำหรับโอกาสของสินค้าไทยที่มีศักยภาพในตลาดไห่หนาน ได้แก่ สินค้าเกษตร / เกษตรแปรรูป ผลิตภัณฑ์ยางพารา อาหารสำเร็จรูป ของใช้ตกแต่งบ้าน สินค้าเพื่อสุขภาพและความงาม ตลอดจนธุรกิจบริการด้านการเงิน เป็นต้น

การค้าระหว่างไทย – จีน คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 18.21 ของการค้าระหว่างประเทศของไทย โดยปี 2563 ไทย – จีนมีมูลค่าการค้ารวมกว่า 2.5 ล้านล้านบาท (79,606 ล้านเหรียญสหรัฐ) ไทยส่งออกไปยังจีนมูลค่า 9.2 แสนล้านบาท (29,530 ล้านเหรียญสหรัฐ) สินค้าส่งออกสำคัญ ได้แก่ เม็ดพลาสติก ผลไม้สด แช่เย็น แช่แข็งและแห้ง ผลิตภัณฑ์ยาง เครื่องคอมพิวเตอร์ และเคมีภัณฑ์ ในขณะที่ไทยนำเข้าจากจีนมีมูลค่ามากถึง 1.5 ล้านล้านบาท (49,852 ล้านเหรียญสหรัฐ) สินค้านำเข้าสำคัญ ได้แก่ เครื่องจักรไฟฟ้าและส่วนประกอบ เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ เครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน เคมีภัณฑ์ และเครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ

ไทยพบผู้ติดเชื้อ 42 ราย กังวลปรากฎการณ์ติดเชื้อในครอบครัว ศบค.กระจายวัคซีน อสม. บุคลากรด่านหน้าแนวชายแดน จับตา ศบค. เล็ก ชง บิ๊กตู่ ขอไฟเขียว ลดวันกักตัว คนเข้าประเทศไทย แบ่งสามกลุ่ม 7วัน - 10วัน - 14วัน

ที่ทำเนียบรัฐบาล พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงสถานการณ์ประจำวัน ว่า มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 42 ราย เป็นการติดเชื้อในประเทศ 24 ราย มาจากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการ 19 ราย มาจากการค้นหาเชิงรุก 5 ราย นอกจากนี้ เป็นผู้ที่เดินทางจากต่างประเทศ 18 ราย ในจำนวนนี้เป็นผู้ที่เดินทางมาจากเซาท์ซูดาน 2 ราย ซึ่งกำลังตรวจสอบว่าเป็นเชื้อสายพันธุ์แอฟริกาหรือไม่ ทำให้มีผู้ติดเชื้อสะสม 28,868 ราย หายป่วยสะสม 27,426 ราย อยู่ระหว่างรักษา 1,343 ราย ไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตเพิ่มเติม ทำให้ยอดสะสมคงที่ 94 ราย ขณะที่สถานการณ์โลก มีผู้ติดเชื้อสะสม 128,796,905 ราย ผู้เสียชีวิตสะสม 2,815,896 ราย

พญ.อภิสมัย กล่าวว่า ที่ประชุม ศบค.ชุดเล็ก ได้มีการหารือกันถึงการติดเชื้อที่ จ.สมุทรปราการ โดยผู้ติดเชื้อรายแรกเป็นหญิงอายุ 28 ปี ตรวจพบเชื้อเมื่อวันที่ 22 มี.ค. จากสอบสวนโรคพบว่า มีผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 5 ราย และ 1 ใน 5 ราย ติดเชื้อโดยเป็นหญิงอายุ 25 ปี  ซึ่งผู้ติดเชื้อรายที่สองได้ไปสัมผัสคนรอบตัวและคนในครอบครัว ทำให้มีผู้ติดเชื้อต่อเนื่อง โดยมีผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 6 ราย นอกจากนี้ ผู้ติดเชื้อรายแรกยังแพร่เชื้อไปติดสามีและเพื่อนร่วมงาน ซึ่งเพื่อนร่วมงานยังได้แพร่เชื้อไปยังน้องสาวและลูกชายอายุ 1 ปี 7 เดือน รวมถึงพี่เลี้ยงเด็ก ปรากฎการณ์การนำเชื้อไปแพร่คนใกล้ตัวและครอบครัวลักษณะนี้เริ่มเห็นต่อเนื่อง เช่นเดียวกับที่ศูนย์กักบางเขนที่ก่อนหน้านี้พบผู้ติดเชื้อเป็นกลุ่มก้อน 

เบื้องต้นมีตำรวจติดเชื้อ 3 นาย และบุคลากรของศูนย์ ที่มีทั้งแผนกครัวที่ต้องปรุงอาหาร บริการอาหารให้กับผู้ถูกกัก ผู้ทำความสะอาด แม่บ้าน คนครัว ศบค.ชุดเล็กมีความเป็นห่วง จึงทบทวนแผนกระจายวัคซีน โดยจะกระจายวัคซีนไปให้บุคลากรที่มีความเสี่ยงสูงเหล่านี้ด้วย รวมถึงสม. บุคลากรด่านหน้าอย่างในพื้นที่ที่มีผู้อพยพข้ามแดนเข้าในขณะนี้ เจ้าหน้าที่อื่นๆ ที่จำเป็นและควบคุมการระบาดในจังหวัด จากเดิมมีการกระจายครอบคลุม 22 จังหวัดที่เป็นพื้นที่เสี่ยง จังหวัดเศรษฐกิจ จังหวัดท่องเที่ยว จังหวัดแนวชายแดน จึงจะกระจายครอบคลุมไป 52 จังหวัด มีทั้งจังหวัดขนาดเล็ก จังหวัดขนาดใหญ่ จังหวัดขนาดใหญ่พิเศษด้วย นอกจากนี้ วัคซีนล็อตใหญ่จะกระจายให้ครบ 77 จังหวัดในเดือน มิถุนายน

พญ.อภิสมัย กล่าวว่า นอกจากนี้ ยังได้มีการประชุมศบค. ชุดเล็ก เพื่อหาข้อสรุปก่อนขออนุมัติจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมในฐานะผอ.ศบค. และเมื่อได้รับความเห็นชอบจะมีการประกาศใช้ในวันที่ 1 เมษายน ในมาตรการผ่อนคลายการกักตัวสำหรับผู้ที่เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรไทย โดยมีรายละเอียด ดังนี้ ปัจจุบันผู้ที่เดินทางเข้าประเทศไทยต้องกักตัว 14 วัน จากนี้จะมีการกับตัวแยกเป็น 3 กลุ่มด้วยกัน 

ได้แก่ กลุ่มที่หนึ่งจะมีการกักตัวเพียง 7 วัน หากเป็นชาวต่างชาติจะต้องเป็นผู้ที่ได้รับวัคซีนครบ 14 วันก่อนการเดินทางแล้ว กลุ่มที่สองรับการกักตัว 10 วัน ซึ่งกลุ่มนี้จะเป็นผู้ที่ยังไม่ได้รับวัคซีน หรือได้รับวัคซีนมาแล้วแต่ยังไม่ถึง 14 วันก่อนการเดินทาง หรือได้รับวัคซีนยังไม่ครบ 2 โดส กลุ่มที่สาม เป็นผู้ที่เดินทางมาจากประเทศที่มีรายงานสายพันธุ์กลายพันธุ์ ซึ่งเป็นรายงานจากกระทรวงสาธารณสุข กลุ่มนี้จะต้องมีการกักตัวอย่างน้อย 14 วัน เช่น สายพันธุ์ แอฟริกัน บราซิล อังกฤษ หรือในอนาคตอาจมีสายพันธุ์ที่เพิ่มเติมซึ่งต้องติดตามการเฝ้าระวังของกระทรวงสาธารณสุข ทั้งสามกลุ่มนี้จะมีการนับเวลาของวันเริ่มที่เที่ยงคืนถึง 6 โมงเย็น นั่นหมายความว่าหากเดินทางมาถึงประเทศไทยตอน 6 โมงเย็นก็นับวันเดินทางที่เดินทางถึงเป็นวันที่หนึ่งในการเข้าสู่สถานกักกัน แต่ถ้าเดินทางถึงประเทศไทย 1 ทุ่ม ก็นับวันที่หนึ่งของการกักตัวเป็นวันรุ่งขึ้นหลังจากที่มาถึงประเทศไทย 

นอกจากนี้ มีการทบทวนเรื่องการตรวจค้นหาเชื้อ ต่างชาติก่อนที่จะเดินทางเขาจะต้องมีการตรวจหาเชื้อ โควิด-19 และยืนยันไม่มีรายงานการติดเชื้อ คือเป็นลบ จึงสามารถเดินทางเข้าประเทศ กลุ่มนี้เราจะตรวจผลโควิด-19 ของเขาครั้งที่หนึ่งในวันที่ 5 - 6 แต่สำหรับกรณีคนไทยที่เดินทางกลับบ้าน ซึ่งคนไทยไม่ได้มีการตรวจโควิด-19 ก่อนเดินทาง ดังนั้น จะมีการตรวจหาโควิดแบบสวอป ตั้งแต่วันแรกที่เดินทางถึงประเทศไทย และมีการตรวจอีกครั้งหนึ่งในวันที่ 5 - 6 นี่คือกลุ่มกักตัว 7 วัน ส่วนกลุ่มที่มีการกักตัว 10 วันจะมีการตรวจโควิดสองครั้ง ครั้งแรกคือวันที่ 3 - 5 ครั้งที่สองคือวันที่ 9 - 10 กลุ่มสุดท้ายที่มีการกักตัว 14 วัน จะมีการตรวจหาโควิดโดยวิธีการสวอปสามครั้ง ครั้งที่หนึ่งคือวันที่เดินทางถึงประเทศไทยในวันแรก ครั้งที่สองในวันที่ 6 - 7 ครั้งที่สามคือวันที่ 12 - 13 และทุกกลุ่มยังมีกำหนดด้วยว่าจะต้องอนุญาตให้มีระบบติดตามตัวจนครบ 14 วันถึงแม้ว่าจะออกจากสถานกักกันไปแล้ว นี่คือ ข้อสรุปในเบื้องต้นที่จะรายงานต่อนายกรัฐมนตรีในวันเดียวกันนี้ดังนั้นจึงขอให้ทุกคนติดตามผลการอนุมัติในวันเดียวกันนี้ด้วย

ผู้สื่อข่าวถามถึงรายชื่อจังหวัดที่จะได้รับวัคซีน ทั่วประเทศมีการบริหารจัดการอย่างไร พญ.อภิสมัย กล่าวว่า ขอเรียนทุกๆคนว่าทุกพื้นที่ทุกจังหวัด ไม่ได้ตกสำรวจศบค. ให้ความสำคัญกับทุกพื้นที่ แต่ด้วยในช่วงแรกปริมาณวัคซีนมีจำกัด ดังนั้น จึงมุ่งเน้นไปยังพื้นที่เสี่ยง ศบค. รับฟังข้อมูลจากทุกพื้นที่ พื้นที่ไหนเป็นพื้นที่เสี่ยงสูง ก็จำเป็นต้องระดมวัคซีนเข้าไปช่วยดูแลพื้นที่ก่อน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการแพร่กระจายไปพื้นที่อื่น ขอให้ติดตามรายงานการกระจายวัคซีนโดยกระทรวงสาธารณสุขจะชี้แจงในช่วงบ่ายวันเดียวกันนี้ รวมไปถึงการติดตามข้อมูลจากทางเพจสาธารณสุขจังหวัด ไม่ว่าข้อมูลพื้นที่จังหวัดใดบ้าง พื้นที่ไหนบ้าง ต่างก็มีความจำเป็น เพราะนอกจากจะเป็นพื้นที่เสี่ยงแล้ว ศบค. ยังพิจารณาพื้นที่จังหวัดทางเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว การค้าแนวชายแดน พื้นที่ไหนบุคคลใดจะได้รับวัคซีนก่อนหลังขอให้ติดตามข้อมูลอย่างใกล้ชิด

นายกฯ หารือเอกอัครราชทูตรัฐสุลต่านโอมานฯ กระชับความร่วมมือด้านสาธารณสุข และการค้า การลงทุน

เมื่อวันที่ 31 มีนาคม ที่ห้องสีงาช้าง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล นายอิสซา อับดุลเลาะฮ์ ญาบิร อัลอาลาวี (H.E. Mr. Issa Abdullah Jaber Al-Alawi) เอกอัครราชทูตรัฐสุลต่านโอมานประจำประเทศไทย เข้าเยี่ยมคารวะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในโอกาสเข้ารับตำแหน่ง

นายกรัฐมนตรี กล่าวต้อนรับและยินดีที่ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศมีความใกล้ชิด ครบรอบการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูต 40 ปี เมื่อปี 2563 พร้อมเชื่อมั่นว่าเอกอัครราชทูตฯ จะสามารถสืบสานและส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ ตลอดจนผลักดันให้เกิดความร่วมมือในสาขาที่ไทยกับโอมานมีผลประโยชน์ร่วมกัน ทั้งความร่วมมือด้านการท่องเที่ยว ด้านยางพารา ด้านอาหารฮาลาล ด้านการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ และด้านสาธารณสุข โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรียังยินดีที่ทราบว่า เอกอัครราชทูตฯ มีประสบการณ์การทำงานด้านสาธารณสุขจึงหวังว่าจะเป็นโอกาสแลกเปลี่ยนความร่วมมือทางด้านสาธารณสุขให้ใกล้ชิดมากยิ่งขึ้น 

ด้านเอกอัครราชทูตรัฐสุลต่านโอมานฯ กล่าวว่า ยินดีและเป็นเกียรติที่ได้ดำรงตำแหน่งในประเทศไทย พร้อมยืนยันที่จะสานต่อความสัมพันธ์และความร่วมมือที่ไทยและโอมานมีร่วมกันในทุกมิติ ทั้งนี้ ไทยและโอมานเป็นมิตรประเทศที่ความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้น ความร่วมมือของทั้งสองฝ่ายมีพลวัต และครอบคลุมในทุกด้าน ซึ่งเอกอัครราชทูตฯ หวังว่าไทยและโอมานจะใช้ประโยชน์จากความตกลงที่มีร่วมกันนำไปสู่การลงมือปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งความตกลงทางด้านสาธารณสุข ซึ่งทั้งสองฝ่ายสามารถใช้ประโยชน์ โดยการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ และแนวทางการปฏิบัติร่วมกันในการแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 

ทั้งสองฝ่าย หารือถึงความร่วมมือทางเศรษฐกิจต่างเห็นพ้องว่า ไทยและโอมานต่างเป็นพันธมิตรด้านการค้าและการลงทุนที่สำคัญของกันและกัน จึงควรใช้ความสัมพันธ์อันดีนี้ ผลักดันความร่วมมือด้านเศรษฐกิจให้เกิดผลเป็นรูปธรรมและเพิ่มมูลค่าการค้า และการลงทุนระหว่างกัน โดยใช้ประโยชน์จากศักยภาพของทำเลที่ตั้งทางภูมิรัฐศาสตร์ของไทยและโอมาน ซึ่งมีชายฝั่งติดกับอ่าวอาหรับและมหาสมุทรอินเดีย เป็นช่องทางให้ทั้งสองประเทศสามารถเข้าถึงตลาดที่กว้างมากขึ้น ในโอกาสนี้นายกรัฐมนตรีได้เชิญชวนให้โอมานเข้ามาลงทุนในสาขาต่าง ๆ ที่มีความสนใจ ทั้งทางด้านเกษตรกรรมประมง 

รวมถึงการลงทุนในโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor : EEC) ด้านเอกอัครราชทูตฯ ยินดีส่งเสริมให้นักลงทุนโอมานเข้ามาลงทุนในไทยมากขึ้นเช่นกัน พร้อมกันนี้ได้หารือเรื่องการจัดตั้งตลาดที่รวบรวมผลิตภัณฑ์ของไทยในโอมาน เนื่องจากชาวโอมานจำนวนมากชื่นชอบผลิตภัณฑ์ของไทย และจะเป็นช่องทางเพิ่มมูลค่าทางการค้าระหว่างทั้งสองฝ่ายให้มากยิ่งขึ้น สำหรับความร่วมมือด้านการท่องเที่ยว ทั้งสองฝ่ายยินดีที่ไทยเป็นเป้าหมายที่สำคัญของชาวโอมานในเรื่องการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่าไทยกำลังพิจารณาปรับลดจำนวนวันในการกักตัวจากเดิม 14 วัน เหลือ 10 วัน และผ่อนคลายมาตรการเข้าประเทศสำหรับบุคคลที่ได้รับการฉีดวัคซีนแล้ว จึงพร้อมสนับสนุนให้นักท่องเที่ยวชาวโอมานเดินทางกลับเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยอีกครั้ง ด้านเอกอัครราชทูตฯ ยินดีกระชับความร่ววมือทางด้านการท่องเที่ยวกับไทยเพิ่มมากขึ้นในอนาคต

‘พิธา’ เตือน ‘ประยุทธ์’ ล้มเหลวนโยบายต่างประเทศโดยสิ้นเชิง-ทำไทยขายหน้าประชาคมโลก วอน!! หยุดสนับสนุนกองทัพที่เข่นฆ่าประชาชน

นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลกล่าวว่า ตนและส.ส.พรรคก้าวไกลรู้สึกสะเทือนใจอย่างยิ่งต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเมียนมา ทั้งการเข้าจับกุมโดยพลการและการใช้ความรุนแรงอย่างปราศจากสำนึกต่อผู้ชุมนุมโดยสันติ และขอประณามการเข่นฆ่าประชาชนผู้บริสุทธิ์ เหยื่อของความรุนแรงโดยรัฐนั้นมีทั้งผู้ชุมนุม ผู้ปฏิบัติงานฉุกเฉิน บุคลากรการแพทย์ ประชาชน และเด็กผู้บริสุทธิ์ นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของการก่ออาชญากรรมอันเลวร้ายอย่างเป็นระบบโดยผู้อยู่ใต้บังคับบัญชาของกองทัพเมียนมา

การที่รัฐบาลภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ แสดงท่าทียอมรับการรัฐประหารโดยกองทัพเมียนมาร์โดยเปิดเผย นอกจากจะเป็นการทรยศปณิธานที่จะได้มาซึ่งประชาธิปไตยของชาวเมียนมาแล้วนั้น ยังบั่นทอนสถานะของประเทศไทยในประชาคมระหว่างประเทศอีกด้วย ทำให้บทบาทนำในภูมิภาค รวมถึงความน่าเชื่อถือในระดับสากลของไทยยิ่งถดถอยอย่างมาก พรรคก้าวไกลขอประณามรัฐบาลภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่ให้การสนับสนุนความรุนแรงและกองทัพที่เข่นฆ่าประชาชน

นายพิธา กล่าวย้อนไปถึงเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมาว่า ไทยไม่เพียงเป็นชาติแรกในโลกที่เปิดประตูบ้านรับผู้แทนของคณะทหารเมียนมา แต่พลเอกประยุทธ์ยังเป็นผู้นำรัฐบาลคนแรกที่ยอมเดินทางไปหานายวันนะ หม่อง ลวิน ซึ่งทำหน้าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของคณะรัฐประหาร ที่อากาศยานทหาร กองบิน 6 ซึ่งนอกจากผิดหลักพิธีการทูตที่ระดับรัฐมนตรีนั้นต้องเดินทางไปเยี่ยมคารวะบุคคลที่เป็นหัวหน้ารัฐบาลแล้ว การที่หัวหน้ารัฐบาลยอมพบหารือกับผู้แทนระดับสูงของคณะทหารเมียนมานั้น ถือเป็นการให้การยอมรับทางการทูตอย่างสมบูรณ์

“การส่งผู้ช่วยทูตทหารเข้าร่วมงานเฉลิมฉลองวันกองทัพเมียนมานั้น โดยนัยทางการทูตถือเป็นการตอกย้ำต่อประชาคมโลกว่า กองทัพไทยซึ่งมีพลเอกประยุทธ์ เป็นผู้นำในฐานะรัฐมนตรีกลาโหม ให้การยอมรับกองทัพพม่า ไม่สามารถเข้าใจเป็นอย่างอื่นได้นอกจาก ประเทศไทยยอมรับนับถือและพร้อมที่จะคบค้าสมาคมกับคณะบุคคลที่ถือปืนปล้นประชาธิปไตย เข่นฆ่า ทรมาน และกักขังพี่น้องร่วมชาติผู้เห็นต่างตามอำเภอใจนับร้อยนับพันคน ซึ่งทำให้สถานะของไทยที่เคยเป็นประเทศชั้นนำในภูมิภาคที่ให้ความสำคัญกับหลักการและค่านิยมสากลด้อยค่าด้อยราคาลง

“มากไปกว่านั้น การแสดงการยอมรับคณะรัฐประหารของเมียนมา โดยการแอบส่งเสบียงให้กองกำลังทหารภายใต้การนำของพลเอกอาวุโส มิน อ่อง หล่าย และการติดประกาศให้สมาชิกคณะกรรมการผู้แทนสภาแห่งสหภาพ (Committee Representing Pyidaungsu Hluttaw - CRPH) อยู่ในรายชื่อบุคคลเฝ้าระวังตามแนวชายแดนนั้น นับเป็นการทรยศต่อข้อเรียกร้องของคนเมียนมานับแสนนับล้านคนที่ขอให้คณะทหารมอบประชาธิปไตยคืนแก่ประชาชน และปล่อยตัวผู้ที่ถูกคุมขังตามอำเภอใจทั้งหมดรวมถึงนางออง ซาน ซูจี ตลอดจนทรยศต่อหลักการและพันธกรณีด้านการคุ้มครองสิทธิมนุษยชน และหลักมนุษยธรรมขั้นพื้นฐาน ที่รัฐบาลไทยประกาศบนเวทีระหว่างประเทศว่ายึดมั่นมาตลอด

“หากเรื่องนี้ เป็นที่รับทราบของประชาชนชาวเมียนมาโดยทั่วไป สวัสดิภาพของคนไทยและความปลอดภัยของธุรกิจไทยในเมียนมา อาจตกอยู่ในอันตราย ดังที่ได้มีการเผาโรงงานของบางประเทศที่มีท่าทีสนับสนุนคณะทหารเมียนมา มาก่อนหน้านี้ หากเกิดเหตุการณ์เช่นเดียวกันนี้ขึ้นกับคนไทยและธุรกิจไทยในเมียนมา พลเอกประยุทธ์จะสามารถรับผิดชอบต่อชีวิตและทรัพย์สินของเขาเหล่านั้นได้หรือไม่ อย่างไร?" นายพิธาถาม

นายพิธา หัวหน้าพรรคก้าวไกล แนะพลเอกประยุทธ์ 3 ข้อที่ต้องเร่งทำอย่างเร็วที่สุดคือ

1.) ร้องขอให้บรูไนในฐานะประธานอาเซียน จัดการการประชุมสุดยอดอาเซียน สมัยพิเศษโดยเร็วที่สุด ตามที่ประเทศมาเลเซียและอินโดนีเซียได้ร้องขอ

2.) ติดตามดูแลความเป็นอยู่ของคนไทยที่ยังต้องอยู่ในเมียนมาอย่างใกล้ชิด และพร้อมนำออกจากประเทศเมื่อได้รับการร้องขอ

3.) ประสานกับมิตรประเทศเพื่อช่วยเหลือผู้หนีภัยการสู้รบและการประหัตประหารในเมียนมาตามหลักมนุษยธรรม โดยไม่ผลักดันกลับประเทศ ในการเข้าไปช่วยเหลือผู้อพยพ ต้องเปิดให้ภาคประชาสังคมของไทยและนานาชาติเข้าตรวจสอบได้ เช่น การลงชื่อเข้าเยี่ยม ทั้งนี้ก็เพื่อความปลอดภัยของผู้อพยพ โดยเฉพาะเด็กที่มีความเสี่ยงต่อการถูกล่อลวงสูง โดยการเข้าตรวจสอบในครั้งนี้ จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีการคัดกรองความเสี่ยงของโควิด และเมื่อสถานการณ์สงบลงและมีแนวโน้มดีขึ้น ผู้อพยพพร้อมกลับไปยังถิ่นฐานเดิม ขอให้ UNHCR และกระทรวงมหาดไทยเป็นพยานความสมัครใจ หากมีผู้ไม่สมัครใจจะกลับไปยังถิ่นฐานเดิม ควรมีการดำเนินการระหว่าง UNHCR ร่วมกับกระทรวงมหาดไทยคัดกรองผู้อพยพโดยคำนึงถึงความเสี่ยงต่อการประหัตประหารหากถูกส่งตัวกลับ

ในขณะที่ประชาคมโลกต่างประณามการกระทำอันโหดเหี้ยมป่าเถื่อนของคณะทหารเมียนมา สหรัฐฯ และสหภาพยุโรปมีมาตรการคว่ำบาตรต่อคณะทหารเมียนมา ผู้บัญชาการทหารจาก 12 ประเทศออกแถลงการณ์ประณามการใช้ความรุนแรงถึงชีวิตกับประชาชนมือเปล่า หรือแม้แต่รัฐมนตรีต่างประเทศประเทศสมาชิกอาเซียนบางประเทศก็ไม่ให้การยอมรับนายวันนะ หม่อง ลวิน ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศด้วยซ้ำ นโยบายของรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ต่อเรื่องการรัฐประหารในเมียนมาจึงถือเป็นความล้มเหลวทางการทูตและนโยบายด้านการต่างประเทศของไทยโดยสิ้นเชิง นายพิธากล่าวสรุป


สนับสนุนข่าวโดย : รับข้อเสนอพิเศษมอเตอร์โชว์ ในงาน Mazda Motor Show สัมผัสปิกอัพใหม่ All-New Mazda BT-50 และยนตรกรรมสกายแอคทีฟจากมาสด้า ดอกเบี้ยต่ำสุด 0%* รับประกันคุณภาพรถสูงสุด 5 ปี* และบัตรเติมน้ำมัน 10,000 บ.* 24 มี.ค. 64 - 4 เม.ย. 64 ที่บูธและโชว์รูมทั่วประเทศ

"พรรคกล้า" กทม. เรียกร้อง ธนาคารออมสิน ขยายเวลาลงทะเบียนผ่อนปรนหนี้บุคลากรทางการศึกษาสังกัด กทม. ออกไปอีก 1 เดือน หลังมีหนังสือให้เวลาลงทะเบียนเพียง 7 วัน

นายเอกชัย ผ่องจิตร์ เลขานุการกลุ่ม กทม. พรรคกล้า เรียกร้องให้ธนาคารออมสินขยายมาตราการผ่อนปรนเงื่อนไขการชำระหนี้สินเชื่อ ข้าราชการ ครู และบุคลากรทางการศึกษา สังกัดกรุงเทพมหานคร โดยก่อนหน้านี้ ด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคติดเชื้อโควิด-19 ธนาคารมีมาตราการพักชำระหนี้เงินต้นและดอกเบี้ยตั้งแต่ 1 เมษายน ถึง 31 ธันวาคม 2563 ต่อมางวดชำระตามเงื่อนไขเดือนมกราคม 2564 ที่ผ่านมา ปรากฎว่าข้าราชการครู และบุคลากรทางการศึกษา ในสังกัดกรุงเทพมหานคร ยังไม่สามารถชำระหนี้ตามเงื่อนไขของธนาคารฯ ได้ เพราะผลกระทบจากการแพร่ระบาดครั้งใหม่ ได้รับความเดือดร้อนเช่นเดียวกับประชาชนทั่วไป 

แต่ต่อมาธนาคารฯ มีหนังสือถึงสำนักการศึกษากรุงเทพมหานคร ลงรับเมื่อวันที่ 22 มี.ค.64 ให้ 
แจ้งลูกหนี้ในสังกัด แสดงความจำนงขอเข้าร่วมมาตรการผ่อนปรน และต้องให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 31 มีนาคม 2564  นายเอกชัย กล่าวว่า ระยะเวลาการดำเนินการแจ้งความจำนงนั้นกระชั้นชิดมาก มีเวลาเพียง 1 สัปดาห์เท่านั้น จึงขอเป็นตัวแทนข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาในสังกัดกรุงเทพมหานคร วิงวอนไปยังธนาคารฯ ได้โปรดเห็นใจ และขอให้ขยายเวลาการยื่นแบบแสดงความจำนงเข้าร่วมมาตรการผ่อนปรนออกไปอีกอย่างน้อยหนึ่งเดือนจนถึงสิ้นเดือนเมษายน 2564 เพื่อให้ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาในสังกัดกรุงเทพมหานคร ดำเนินการเข้าร่วมมาตราการผ่อนปรนเงื่อนไขชำระหนี้ได้ทัน ตามกำหนดต่อไป

ก.แรงงาน ระดมภาคีเครือข่ายพิจารณาร่างนโยบายและแผนปฏิบัติการมุ่งขจัดการใช้แรงงานเด็กในรูปแบบที่เลวร้ายหมดจากสังคมไทย

กระทรวงแรงงาน จัดประชุมระดมสมองภาคีเครือข่ายกว่า 200 คนพิจารณาร่างนโยบายและแผนปฏิบัติการด้านการขจัดการใช้แรงงานเด็กในรูปแบบที่เลวร้าย ฉบับที่ 3 ให้เกิดความสมบูรณ์และนำไปปฏิบัติใช้เพื่อให้การใช้แรงงานเด็กในรูปแบบที่เลวร้ายหมดสิ้นไปจากสังคมไทย 

วันที่ 31 มีนาคม 2564 นางโสภา เกียรตินิรชา รองอธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน ในฐานะประธานเปิดการประชุมรับฟังความคิดเห็นแผนปฏิบัติการด้านการขจัดการใช้แรงงานเด็กในรูปแบบที่เลวร้าย ปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 – 2565 ณ โรงแรมเซ็นจูรี่ พาร์ค กรุงเทพมหานคร กล่าวว่า นโยบาย ของพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ที่เร่งรัดให้ทุกหน่วยงานดำเนินการเพื่อให้ปัญหาการค้ามนุษย์หมดสิ้นไปจากประเทศไทยตามเจตนารมณ์ของรัฐบาล และยกระดับประเทศไทยสู่เทียร์ 1 ให้ได้นั้น นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานได้รับนโยบายดังกล่าวมาสู่การปฏิบัติ โดยมอบให้กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจัดทำนโยบายและแผนปฏิบัติการด้านการขจัดการใช้แรงงานเด็กในรูปแบบที่เลวร้าย ฉบับที่ 3 พ.ศ. 2564 - 2565 เพื่อให้สอดรับการที่ประเทศไทยได้ให้สัตยาบันอนุสัญญาองค์การแรงงานระหว่างประเทศ ฉบับที่ 182 ว่าด้วยการห้ามและการดำเนินการโดยทันทีเพื่อขจัดรูปแบบที่เลวร้ายที่สุดของการใช้แรงงานเด็ก 

อีกทั้งปัญหาการใช้แรงงานเด็กของประเทศไทย เป็นปัญหาที่ได้รับความสนใจจากกลุ่มองค์กรต่างๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศมาโดยตลอด จากรายงานสถานการณ์การใช้แรงงานเด็กในรูปแบบที่เลวร้ายในประเทศไทย ปี 2562 ของกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน มีการใช้แรงงานเด็กในรูปแบบที่เลวร้าย 2,696 คน เป็นการใช้แรงงานเด็กในการกระทำความผิดที่เกี่ยวข้องกับการผลิตหรือค้ายาเสพติดมีจำนวนมากที่สุด 2,495 คน รองลงมาคือ การกระทำความผิดที่เกี่ยวกับการใช้ จัดหา หรือเสนอเด็กเพื่อการค้าประเวณี จำนวน 106 คน การกระทำผิดที่เกี่ยวกับการบังคับใช้แรงงานเด็ก จำนวน 59 คน และการให้เด็กทำงานที่มีแนวโน้มที่จะเป็นอันตรายต่อสุขภาพ ความปลอดภัย หรือศีลธรรมของเด็ก จำนวน 36 คน 

ซึ่งที่ผ่านมาหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้มีความพยายามในการแก้ไขปัญหาแรงงานเด็กอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้สถานการณ์การใช้แรงงานเด็กในรูปแบบที่เลวร้ายของประเทศไทยดีขึ้นเป็นลำดับ แต่อย่างไรก็ตาม ปัญหาการใช้แรงงานเด็กก็ยังไม่ได้หมดไปจากประเทศไทยแรงงานเด็กบางส่วนยังต้องทำงานเนื่องจากครอบครัวยากจน โดยที่เด็กมีระดับการศึกษาไม่สูงนัก เมื่อเข้าสู่ระบบการทำงานจึงทำให้เสี่ยงต่อการถูกเอารัดเอาเปรียบและถูกชักจูงไปกระทำในสิ่งที่ไม่เหมาะสม เด็กอาจทำงานอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ไม่ดี หรือทำงานที่เป็นอันตรายขาดการพักผ่อน ทำให้เด็กที่ทำงานมีปัญหาด้านสุขอนามัยและสุขภาพจิต รวมทั้งการขาดโอกาสทางการศึกษาและพัฒนาอาชีพ

นางโสภา เกียรตินิรชา กล่าวเพิ่มเติมว่า กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานมอบให้ศูนย์วิจัยและให้คำปรึกษาแห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จัดทำโครงการศึกษาการประเมินผลการดำเนินงานตามนโยบายและแผนระดับชาติเพื่อขจัดการใช้แรงงานเด็กในรูปแบบที่เลวร้าย ปีงบประมาณ พ.ศ. 2558 – 2563 พร้อมทั้งจัดทำนโยบายและแผนระดับชาติเพื่อขจัดการใช้แรงงานเด็กในรูปแบบที่เลวร้าย พ.ศ. 2564–2565 โดยการจัดประชุมในครั้งนี้ เพื่อให้หน่วยงานทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม ผู้ทรงคุณวุฒิ และนักวิชาการ จำนวน 200 คน ร่วมกันแสดงความคิดเห็นต่อร่างนโยบายและแผนปฏิบัติการดังกล่าว เพื่อนำไปสู่การจัดทำนโยบายและแผนปฏิบัติการฯ ฉบับสมบูรณ์ในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการใช้แรงงานเด็กในรูปแบบที่เลวร้ายให้หมดไปจากประเทศไทย

อัยการสั่งฟ้อง "เอกชัย" กับพวก คดี ม.110 ชุมนุมใกล้ขบวนเสด็จ เตรียมหลักทรัพย์คนละ 3 แสนยื่นประกัน

วันที่ 31 มีนาคม 2564 ที่สำนักงานอัยการสูงสุด ถ.รัชดาภิเษก นายเอกชัย หงส์กังวาน, นายบุญเกื้อหนุน เป้าทอง หรือฟรานซิส นักเคลื่อนไหวทางการเมือง, นายสุรนาถ แป้นประเสริฐ หรือตัน ผู้ประสานงานเครือข่ายเยาวชนลดปัจจัยเสี่ยง (Active Youth), นายชนาธิป ชัยชะยางกูร และนายภาณุภัทร ไผ่เกาะ 5 ผู้ต้องหา เดินทางมารายงานตัวตามที่พนักงานอัยการคดีอาญา 10 นัดสั่งคดี กรณีที่พนักงานสอบสวน สน.ดุสิต มีความเห็นสมควรสั่งฟ้อง ในความผิดฐาน ประทุษร้ายต่อเสรีภาพของพระราชินีฯ ตาม ป.อาญา ม.110 กับข้อหามั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไปฯ ให้เกิดความวุ่นวาย ม.215 และกีดขวางการจราจรฯ กรณีชุมนุมใกล้ขบวนเสด็จพระราชินีเมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2563 

นายเอกชัย เปิดเผยว่า วันนี้ได้เตรียมหลักทรัพย์มายื่นประกันตัว ส่วนจำนวนเท่าใดไม่ขอเปิดเผย คดีนี้ก่อนหน้านี้ในชั้นฝากขัง ศาลเคยไม่ให้ประกันตัวเพราะโทษสูงกลัวหลบหนี และอยู่ระหว่างการสอบสวน ต่อมาศาลปล่อยตัว วันนี้อัยการส่งฟ้อง การสอบสวนสิ้นสุดแล้ว ซึ่งเวลาผ่านมาเกือบ 5 เดือน หากตนหลบหนีก็ทำได้ง่าย แต่ตนไม่เคยคิดที่จะหนี ส่วนประเด็นที่เคยร้องขอให้อัยการสอบพยานเพิ่มนั้น เท่าที่คุยกับทนายความระบุอัยการรับ แต่ยังไม่จำเป็นต้องพิจารณาตอนนี้  เข้าใจว่าวันนี้ส่งฟ้องไปก่อน ทั้งนี้ ตนไม่ได้มาขอความเมตตาจากศาล แต่ต้องการความเป็นธรรม 

ขณะที่นายบุญเกื้อหนุน ได้อ่านคำแถลงอันมีสาระสำคัญสรุปได้ว่า เราไม่มีความประสงค์ หรือความพยายามที่จะกระทำตามข้อกล่าวหา และเรายืนยันในความบริสุทธิ์ของพวกเรามาตลอด แต่หลังจาก 5 เดือนผ่านไป พร้อมกับความอัปยศและความยากลำบาก พวกเราได้รับทราบถึงข้อสรุปจากอัยการได้ตัดสินใจเตรียมการส่งคดีฟ้องต่อศาลอาญา และจะเป็นช่วงการดำเนินการยื่นคำร้องขอประกันตัวต่อไป ถ้าหากไม่สำเร็จ พวกเราทั้ง 5 คนจะต้องถูกขัง และถูกริดรอนเสรีภาพของพวกเราโดยทันที 

"พวกเราได้มีโอกาสต่อสู้เพื่อเสรีภาพ เพื่อความยุติธรรม กับเพื่อนของผมอย่างเคียงบ่าเคียงไหล่ และถึงขนาดนั้นเอง ผมเชื่อว่าเรายังมีอะไรอีกมากที่ยังต้องช่วยเหลือ เกื้อกูลและทำต่อ ถึงจุดนี้ ผมคงเพียงพูดแค่ว่า มันเป็นความภาคภูมิใจอย่างสูงสุดที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของขบวนการนี้ ถ้าหากความเป็นอยู่ของผมต้องจบลงในขณะที่ถูกจองจำ ผมจะเผชิญหน้าต่อไปโดยปราศจากความเสียใจทั้งสิ้น ต่อกรกับสิ่งที่อยู่เบื้องหน้าพร้อมรอยยิ้มและความพึงพอใจ ที่ได้รู้ว่าสิ่งที่เราได้สละชีพให้จะมีความหมาย และชื่อเสียงเรียงนามของผมจะถูกจารึกในประวัติศาสตร์ โดยที่รู้ว่าจิตวิญญาณ จิตใต้สำนึก และความศรัทธาของเราจะไม่มีวันถูกทำลายได้อย่างแน่นอน" นายบุญเกื้อหนุน กล่าว 

ด้าน นางสาวพูนสุข พูนสุขเจริญ ทนายความผู้ต้องหา กล่าวถึงเรื่องการปล่อยชั่วคราวหากถูกยื่นฟ้อง ว่า ตามหลักการตามกฏหมายผู้ต้องหาทั้งหมดไม่ได้มีพฤติการณ์หลบหนี จะไปยุ่งเหยิงพยานหลักฐาน และก่อเหตุภยันตรายประการอื่น หรือก่อให้เกิดอุปสรรคต่อพนักงานสอบสวน ถ้าเอาข้อเท็จจริงมาประกอบกับข้อกฎหมาย ผู้ต้องหาทั้ง 5 จะต้องได้รับการปล่อยชั่วคราว 100 เปอร์เซ็นต์ 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผู้ต้องหาได้เตรียมหลักทรัพย์คนละ 3 เเสนบาท เพื่อขอปล่อยชั่วคราวหากถูกฟ้องตกเป็นจำเลย จากนั้นในเวลา 11.00 น. ทางพนักงานอัยการได้มีความเห็นสั่งฟ้องผู้ต้องหา นำตัวไปยื่นฟ้องต่อศาลอาญา

ทบ. แจ้งเคลื่อนอาวุธยุทโธปกรณ์ และยานพาหนะ ใน 1-9 เมษายน 2564 เพื่อทำการฝึก

เมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กองทัพบก โดย กองพลที่ 1 รักษาพระองค์ (พล 1 รอ.) แจ้งเคลื่อนย้ายกำลังพล อาวุธยุทโธปกรณ์ และยานพาหนะ ของกองพันทหารสื่อสารที่ 1 เพื่อทำการฝึกและตรวจสอบการฝึกเป็นหน่วยประจำปี 2564 ที่พื้นที่ฝึกฯ บ.หลุมหิน อ.พนมทวน จ.กาญจนบุรี ในวันที่ 1 เมษายน 2564 เวลา 06.00 น.

เคลื่อนย้ายทางรถยนต์จาก กองพันทหารสื่อสารที่ 1 – ถ.นางลิ้นจี่ – ซ.สวนพลู – ถ.สาทรใต้ – ถ.ตากสินเพชรเกษมวงแหวนรอบนอก – ถ.ปิ่นเกล้านครชัยศรี (ทางหลวงหมายเลขที่ 323, 324) ปลายทาง พื้นที่ฝึกฯ จ.กาญจนบุรี และเคลื่อนย้ายกลับ กองพันทหารสื่อสารที่ 1 ตามเส้นทางเดิม ในวันที่ 9 เม.ย. 64 เวลา 13.00 น. จึงขอแจ้งให้ประชาชนได้รับทราบ และขออภัยในความไม่สะดวก

ทหารชายแดนร่วมกับ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลแม่สามแลบ ช่วยหญิงเจ็บท้องคลอด 7 เดือน ก่อนทนไม่ไหวคลอดระหว่างทาง ทารกเพศชายปลอดภัย

กำลังพลกองร้อยทหารพรานที่ 3606 หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 36 ฐานปฏิบัติการบ้านแม่สามแลบ จัดกำลังพลปฏิบัติหน้าที่ประจำจุดตรวจบ้านแม่สามแลบ ร่วมกับ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านแม่สามแลบ เร่งให้ความช่วยเหลือ นางสาว ทัชฌา ทวีแสงชัย อายุ 24 ปี ราษฎรบ้านปู่คำน้อย หมู่ที่ 5 ตำบลแม่สามแลบ อำเภอสบเมย จังหวัดแม่ฮ่องสอน 

เนื่องจากตั้งครรภ์ 7 เดือน มีอาการปวดท้องใกล้คลอดอย่างรุนแรง โดยได้ทำการคลอดระหว่างทาง ซึ่งเป็นการคลอดก่อนกำหนดและสามารถคลอดบุตรได้อย่างปลอดภัยเป็นทารกเพศชาย น้ำหนัก 1.5 กิโลกรัม แม่และเด็กปลอดภัยทั้งคู่ โดยโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลแม่สามแลบได้ประสาน โรงพยาบาลสบเมย เพื่อเดินทางมารับไปดูแลและพักฟื้นต่อไป

“บิ๊กป้อม” ห่วงใยนักกีฬาคนพิการ เปิดอาคารศูนย์วิทยาศาสตร์/ศูนย์ฝึกกีฬาบอคเชีย ชื่นชมผลงานที่ผ่านมา เรียกประชุม คกก.กกท. หนุนไทยเป็นเจ้าภาพ ซีเกมส์ครั้งที่ 33 สร้างความเชื่อมั่น ส่งเสริมเศรษฐกิจ-ท่องเที่ยวภายใต้ New Normal กำชับสมาคมฯ เร่งฝึกซ้อม

เมื่อ 31 มีนาคม 2564  พล.ต.พัชร์ชศักดิ์ ปฏิรูปานนท์ ผช.โฆษกประจำรอง นรม. เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รอง นรม. ได้เป็นประธานพิธีเปิดอาคารศูนย์วิทยาศาสตร์การกีฬา และอาคารศูนย์ฝึกกีฬาบอคเชียแห่งชาติ พร้อมทั้งเป็นประธานการประชุม คณะกรรมการการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) โดยมี นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.กก. เข้าร่วมประชุม ณ ห้องประชุม อาคารเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบ พระชนมพรรษา  การกีฬาแห่งประเทศไทย

พล.อ.ประวิตร ได้เดินทางถึงบริเวณพิธี ณ อาคารศูนย์วิทยาศาสตร์การกีฬารับฟังคำกล่าวรายงาน การดำเนินการจากผู้ว่าฯกกท. (นาย ก้องศักด ยอดมณี) รับชมวีดีทัศน์ความเป็นมาของการปรับปรุงศูนย์ฯ และการดำเนินงาน พร้อมเยี่ยมชมการบริการ และเครื่องมืออุปกรณ์ จากนั้น ได้เป็นประธานการประชุม คกก.กกท. โดยรับทราบความคืบหน้า เรื่อง ที่ กกท.ได้ขอความอนุเคราะห์ การขอรับวัคซีนป้องกัน covid-19 จากกระทรวงสาธารณสุข สำหรับ นักกีฬาทีมชาติ เจ้าหน้าที่ และบุคลากรทางการกีฬา ที่จะเดินทางเข้าร่วมแข่งขัน กีฬาโอลิมปิกเกมส์ ครั้งที่32 พาราลิมปิกเกมส์ และกีฬารายการนานาชาติอื่น ๆ 

โดยในขณะนี้ มีนักกีฬา และเจ้าหน้าที่ จำนวน 11 คน ได้รับการฉีดวัคซีน ชุดแรกแล้ว ได้แก่ สมาคมแข่งเรือใบ จำนวน 9 คน และสมาคมวินเซิร์ฟ จำนวน 2 คน โดยทั้ง 2 สมาคมจะเดินทางไปร่วมแข่งขันรายการ มุสสานาห์ โอเพ่น แชมเปี้ยนชิพ 2021 ที่ประเทศโอมาน ซึ่งเป็นการแข่งขัน Qualify Olympic 2020 กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น จากนั้น ที่ประชุมได้มีการพิจารณาเห็นชอบ การขอรับเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน กีฬาซีเกมส์ครั้งที่ 33 (พ.ศ.2568) โดยนำเสนอ ครม.ให้ประเทศไทยรับเป็นเจ้าภาพ จัดการแข่งขัน พร้อมเห็นชอบ แต่งตั้งคณะอนุกรรมการพิจารณา จังหวัด เจ้าภาพเพื่อใช้จัดการแข่งขัน ด้วย

พล.อ.ประวิตร ได้กำชับ กกท.ให้เร่งขับเคลื่อนนโยบายการพัฒนาการกีฬาให้บรรลุเป้าหมาย อย่างเร่งด่วน และการบริหารงบประมาณ จะต้องโปร่งใส ตรวจสอบได้ สำหรับการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน กีฬาซีเกมส์นั้น จะต้องมีการวางแผนเตรียมการ อย่างเหมาะสม ภายใต้ New Normal และต้องสามารถสะท้อนศักยภาพ ความเชื่อมั่นของประเทศ เพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจ และการท่องเที่ยว ทั้งนี้พล.อ.ประวิตร  ยังได้มอบนโยบายให้สมาคมกีฬาต่าง ๆ เร่งวางแผนฝึกซ้อมนักกีฬา พร้อมเป็นกำลังใจให้กับนักกีฬา ทุกประเภท ให้สามารถก้าวสู่ความเป็นเลิศ และเป็นเจ้าเหรียญทองซีเกมส์สมัยหน้าให้ได้ ต่อไป

ภายหลังการประชุม คกก.กกท. พล.อ.ประวิตร ได้เดินทางไปทำพิธีเปิดอาคารศูนย์ฝึกกีฬาบอคเชียแห่งชาติ ณ อาคารศูนย์ฝึกฯ สมาคมกีฬาคนพิการทางสมองแห่งประเทศไทย เพื่อใช้ประโยชน์ สำหรับนักกีฬาคนพิการ โดยตรง พร้อมได้กล่าวย้ำว่า นักกีฬาคนพิการถือเป็นผู้ที่ต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษ เพราะที่ผ่านมาได้สร้างชื่อเสียงให้กับวงการกีฬา ของประเทศไทย มาอย่างต่อเนื่อง


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top