Friday, 4 July 2025
Hard News Team

จู้ด เบลลิงแฮม กลายเป็นนักเตะที่อายุน้อยที่สุดในศึกยูโร หลังถูกเปลี่ยนตัวลงสนามแทน แฮร์รี่ เคน ในช่วง 10 นาทีสุดท้าย และทำผลงานได้ดีแม้จะมีเวลาให้โชว์ของเพียงไม่นานก็ตาม

เจ้าหนูเบลลิงแฮมสร้างประวัติศาสตร์

อังกฤษ ในยุคนี้มีนักเตะดาวรุ่งพุ่งแรงขึ้นมาประดับวงการลูกหนังมากมาย ล่าสุด จู้ด เบลลิงแฮม ปีกฟอร์มฮอต ได้กลายเป็นนักเตะแห่งประวัติศาสตร์ เมื่อเขาเป็นผู้เล่นที่อายุน้อยที่สุดที่ได้ลงสนามในเกม ยูโร แมตช์ที่ อังกฤษ เฉือน โครเอเชีย

ดาวเตะจากทัพ "เสือเหลือง" โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ถูกเปลี่ยนตัวลงมาแทน แฮร์รี่ เคน ในนาทีที่ 82 ทำให้เขาเป็นแข้งที่อายุน้อยที่สุดในวัย 17 ปี 349 วัน ทำลายสถิติของ เจโตร วิลเลมส์ ดาวเตะชาวฮอลแลนด์ ที่ทำเอาไว้เมื่อ 9 ปีก่อน

 

ที่มา: https://www.siamsport.co.th/football/euro2020/view/240347


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

แฟนบอลไทย ดีใจ บิ๊กตู่ หนุน ให้ได้ดู บอลยูโร คลายเครียดจากโควิด-19 ขอบคุณ "โกมล จึงรุ่งเรืองกิจ" ผู้เซ็นสัญญาซื้อลิขสิทธิ์

นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พี่น้องแฟนฟุตบอลชาวไทย ฝากขอบคุณนายกฯ และรัฐบาลที่ทำให้คนไทยได้ดูการถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป2020 หรือ ยูโร 2020 ที่กรมประชาสัมพันธ์ สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย (เอ็นบีที) ได้รับลิขสิทธิ์ถ่ายทอด ในขณะที่ประเทศเกิดวิกฤตการระบาดเชื้อโควิด-19 อยู่ ประชาชนเกิดความเครียดอยู่บ้าง

หากได้ชมการแข่งขันฟุตบอลยูโร ที่สามารถดูได้ทุกบ้านนั้นจะทำให้คนได้ผ่อนคลายขึ้นได้ การแข่งขันฟุตบอลยูโร เป็นรายการที่ประชาชนคนไทยให้ความสนใจมาก นายกฯ จึงมีแนวคิดที่ต้องการให้คนไทยได้ชมการแข่งขันฟุตบอล จึงประสานงานหลายส่วนทั้งภาครัฐและเอกชนร่วมกันเพื่อให้สามารถถ่ายทอดสดฟุตบอลยูโรให้ได้ แสดงให้เห็นว่านายกฯได้ให้ความสำคัญกับประชาชนในทุกเรื่อง ซึ่งแม้ในขณะที่ประเทศกำลังเจอกับวิกฤตโควิดก็ตาม แต่นายกฯ ก็ไม่ลืมที่จะดำเนินการเรื่องนี้เพื่อให้ความสุขแก่คนไทย แฟนฟุตบอลชาวไทยก็ฝากขอขอบคุณผู้สนับสนุน นายโกมล จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานบริหาร บริษัท ซัมมิทฟุตแวร์ จำกัด ที่เป็นผู้เซ็นสัญญาซื้อลิขสิทธิ์ฟุตบอลยูโร 2020 ในครั้งนี้ ซึ่งถือเป็นการช่วยเหลือกันในขณะที่ประเทศกำลังประสบปัญหาอยู่ หลังจากนายกฯได้มอบให้นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เจรจาเป็นผลสำเร็จในการถ่ายทอดสดฟุตบอลยูโรได้ชมกันทั่วประเทศ 

“ชัยชนะ” ยัน “ปชป.” หนุนประสานประโยชน์ทุกฝ่ายในสภา เพื่อประโยชน์ของ ปชช. ในการแก้ รธน. - ย้ำบัตร 2 ใบ สะท้อนเจตนารมณ์ที่แท้จริงมากกว่า - ชี้คนให้ ส.ส. มากหรือน้อยไม่ใช่กติกา แต่เป็นผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งตัดสินใจเลือก

ที่พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) นายชัยชนะ เดชเดโช ส.ส.นครศรีธรรมราช ในฐานะ รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงความคืบหน้าในการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า ขณะนี้กระบวนการในการแก้ไขรัฐธรรมนูญมีความคืบหน้าไปมาก โดยนายชินวรณ์ บุณยเกียรติ รองประธานวิปรัฐบาล ระบุว่า จะนำร่างแก้ไขเพิ่มเติมรายมาตรา ที่มีพรรคประชาธิปัตย์ พรรคภูมิใจไทยและพรรคชาติไทยพัฒนา ร่วมกันเสนอ จำนวน 7 ฉบับ ซึ่งได้เพิ่มเติมจากร่างของพรรคภูมิใจไทย ที่ต้องการเพิ่มเรื่องอำนาจสิทธิและการคุ้มครองประชาชนในการรับบริการของรัฐ มาประกอบด้วย และจะมีการพิจารณาร่วมกัน เพื่อให้ทันกับการประชุมร่วมกันของรัฐสภา ซึ่งคาดว่าจะเกิดขึ้นในปลายเดือนมิถุนายนนี้ 

“ทางพรรคฯ ยืนยันมาตลอดว่า รัฐธรรมนูญฉบับนี้มีข้อบกพร่องที่สำคัญหลายประการ ที่ไม่สามารถสร้างประชาธิปไตยให้สมบูรณ์แบบได้ ดังนั้น พรรคประชาธิปัตย์ และอีก 2 พรรคการเมือง จึงได้เสนอร่างแก้ไข ที่มีเนื้อหาที่สามารถประสานประโยชน์ให้กับทุกฝ่ายในสภา โดยยึดถือประโยชน์ของประชาชนเป็นหลักใหญ่ใจความ เพื่อนำไปสู่ประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ได้ในที่สุด” รองโฆษกปชป. กล่าว

นายชัยชนะ กล่าวอีกว่า ส่วนประเด็นเรื่องกระบวนการเลือกตั้งนั้น ตนเห็นว่า ทิศทางที่เป็นไปได้มากที่สุดคือ ให้มี ส.ส.เขต 400 คน และ ส.ส.บัญชีรายชื่อ 100 คน โดยใช้บัตรเลือกตั้ง 2 ใบ เหมือนกับในรัฐธรรมนูญ 2540 เพราะนอกจากประชาชนมีความคุ้นเคยในการเลือกตั้งแบบบัตร 2 ใบ เหมือนกับที่ผ่านๆมาแล้ว การใช้บัตรเลือกตั้ง 2 ใบ จะสะท้อนเจตนารมณ์ที่แท้จริงของประชาชนได้มากกว่า เพราะการที่ประชาชนมีความลำบากใจในการเลือกตั้งครั้งที่แล้วจากบัตรใบเดียว แต่มีเพียงไม่กี่หน่วยงานที่ได้ประโยชน์เนื่องจากเป็นการประหยัดงบประมาณ แต่กลับสร้างปัญหาในการทราบความต้องการที่แท้จริงของประชาชนนั้น ถือเป็นการบิดเบือนพื้นฐานของประชาธิปไตย ที่จำเป็นจะต้องมีการแก้ไขให้ถูกต้องจากตัวแทนของประชาชน 

นายชัยชนะ กล่าวว่า ส่วนที่มีข้อวิจารณ์ว่า พรรคการเมืองหลายพรรคอาจจะได้ประโยชน์ภายหลังจากการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ในประเด็นเรื่องของการเลือกตั้ง ว่าจะได้ ส.ส. เพิ่มขึ้นหรือเป็นการสกัดกั้นไม่ให้บางพรรคการเมือง กลับมามี ส.ส.ได้อีกนั้น ตนว่า คนที่จะให้พรรคการเมือง มี ส.ส. มากหรือน้อยนั้น ไม่ใช่กฎกติกาตามที่ระบุในรัฐธรรมนูญแต่อย่างใด ตนกลับมองว่า ประชาชนคนไทยที่มีสิทธิ์เลือกตั้งทุกคน เป็นผู้ให้คำตอบว่า พรรคใดจะมี ส.ส. มากหรือน้อย 

ดังนั้นแทนที่จะวิจารณ์เรื่องตัวระบบ ตนคิดว่า ควรกลับไปคิดหาบุคคลที่ประชาชนให้การยอมรับในพื้นที่นั้นๆ และคิดหานโยบายที่สามารถสร้างประโยชน์ให้กับประชาชน โดยไม่สร้างภาระงบประมาณในภายหลัง รวมทั้ง ต้องมีแนวคิดและทัศนคติทางการเมืองที่เหมาะที่ควร ไม่สร้างความลำบากใจให้กับคนส่วนรวม เพื่อให้ประชาชนตัดสินใจเลือกในวันเลือกตั้งจะดีกว่า

ผู้ประกอบการร้านอาหารไทย โร่ขอคำแนะนำ “กรณ์-วรวุฒิ” ก่อนตัดสินใจกู้เงินจาก มาตรการช่วยเหลือกระทรวงพาณิชย์ หวั่นเผาเงินตัวเองหากรัฐมุ่งแก้ปัญหาระยะสั้น แนะรัฐเป็นหนี้ทางเดียว ประเทศชาติเดินได้ แต่ถ้าโยนหนี้มาภาคประชาชน อนาคตตายหมู่

สมาคมร้านอาหารไทยและสตรีทฟู้ดรวมตัวกัน จัดคลับเฮาส์เพื่อขอความเห็นและข้อเสนอแนะจาก นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคกล้า และ นายวรวุฒิ อุ่นใจ รองหัวหน้าพรรค ในฐานะกูรูทางการเงิน และกูรูด้านอีคอมเมิร์ส ที่สร้างธุรกิจเอสเอ็มอี สู่ธุรกิจขนาดใหญ่ เป็นผู้ที่มีประสบการณ์ตรง ทั้งนี้เพื่อหาแนวทางว่าต้องเตรียมตัวอย่างไร ก่อนยื่นกู้เงินจากกระทรวงพาณิชย์ที่มี

โดยนายกรณ์ กล่าวว่า ในฐานะที่เคยเป็น รมว.คลัง ก็พยายามผลักดันให้เกิดการปรับเปลี่ยนนโยบายเท่าที่เราจะทำได้ ที่ผ่านมาพยายามสื่อสารไปถึงฝ่ายบริการงบประมาณ งบประจำหรืองบเงินกู้ ที่ต้องหันมาช่วยผู้ประกอบการโดยตรงมากขึ้น ปีที่แล้วที่มา พรก เงินกู้ดอกเบี้ยต่ำออกมา แต่โครงสร้างเงื่อนไขไม่เอื้อต่อคนตัวเล็ก มาครั้งนี้แบงค์ชาติ ได้ปรับเป็นโครงการ “จับคู่กู้เงิน” ที่ดูเหมือนมีความหวังมากขึ้นในการเข้าถึงการกู้อัตราดอกเบี้ยที่ต่ำ อย่างไรก็ตามสถาบันการเงินก็ต้องทำหน้าที่ของเขาตามกฎเกณฑ์พิจารณาถึงแผนธุรกิจ กระแสเงินสด รวมไปถึงโอกาสการสร้างรายได้ ตรงนี้ก็ยังเป็นประเด็นที่ท้าทายกับร้านอาหารซึ่งมีเกือบ 3 แสนล้านแห่งทั่วประเทศ บางร้านอาจจะยังเข้าถึงสินเชื่อได้ยาก ซึ่งต้องมาดูว่ามีประเด็นอะไรที่ภาครัฐต้องเข้ามาช่วยเรื่องเพิ่มโอกาสการสร้างรายได้ และลดค่าใช้จ่าย เพราะตอนนี้ข้อจำกัดก็มีมาก ทั้งเรื่องจำกัดการนั่งกินในร้าน ไม่เกิน 25% เวลาเปิดไม่เกิน 21.00 และการห้ามขายแอลกอฮอล์ ซึ่งเป็นอุปสรรคในการหารายได้ 

นายกรณ์ กล่าวว่า มาตรการต่าง ๆ ที่รัฐบาลกำหนดมากเพื่อลดความเสี่ยงการติดเชื้อ ดังนั้นจึงมีความพยายามปลดล็อควัคซีนเพื่อให้เข้าถึงประชาชนให้มากที่สุด ซึ่งแม้จะเริ่มฉีดกันบ้างแล้ว แต่ก็ยังมีข้อจำกัดเรื่องประสิทธิภาพการเข้าถึงวัคซีน ซึ่งต้องทนสถานการณ์แบบนี้ไปอีกประมาณ 2-3 เดือน เมื่อถึงจุดที่มีประชาชนฉีดวัคซีนมากพอ จนสถานการณ์ดีขึ้น มาตรการต่าง ๆ เริ่มคลี่คลาย ดังนั้นผู้ประกอบการแต่ละราย ก็จะต้องประเมินสถานการณ์ว่า เราจะเปิดช่วงนี้คุ้มหรือไม่ หรือควรรอไปอีก 2-3 เดือน  อีกด้านคือมาตรการในการลดค่าใช้จ่าย ที่เชื่อว่ารัฐสามารถเข้ามามีบทบาทได้อีกมาก โดยเฉพาะเรื่องภาษีที่รัฐควรยื่นมีเข้ามาช่วยในจังหวะนี้ การช่วยผู้ที่เคยเสียภาษีให้รัฐ ซึ่งรัฐมีตัวเลขที่ชัดเจนว่า ผู้ประกอบการเคยมีรายได้และเสียภาษีเท่าไร และลดลงมาเท่าไร คิดเป็นกี่เปอร์เซ็นต์ ก็จะสามารถคำนวณส่วนชดเชยได้อย่างค่อนข้างแม่นยำ 

“ผมอยากเห็นรัฐบาลมีการจัดสรรงบ โดยเฉพาะงบเงินกู้ก้อนใหม่ 5 แสนล้าน อยากเห็นการจัดสรรส่วนหนึ่งมาช่วยเหลือผู้ประกอบการที่เคยเสียภาษี ซึ่งการช่วยเหลือนี้ควรเป็นการช่วยเหลือนอกเหนือเงินกู้ เพราะการกู้ในภาวะนี้กับบางรายอาจเป็นการสร้างและสะสมปัญหาใหม่ซึ่งไม่ใช่การรอดอย่างยั่งยืน รัฐควรพิจารณาในการลดค่าใช้จ่าย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องภาระค่าเช่า ค่าน้ำ ค่าไฟ ซึ่งคือการจ่ายให้หน่วยงานรัฐวิสาหกิจอยู่แล้ว รัฐสามารถช่วยลดภาระส่วนนี้ได้หรือไม่ รวมถึงข้อเสนอการเข้าถึงเงินประกันสังคม หรือการลดภาระการจ่ายเบี้ยประกันสังคม ทั้งหมดนี้ต้องคิดให้ครบถ้วนทั้งเงินก้อนมาชดเชย รวมไปถึงการสนับสนุนลดค่าใช้จ่ายและในส่วนของเงินกู้ที่กำลังจะเกิดขึ้น” หัวหน้าพรรคกล้ากล่าว

ด้านนายวรวุฒิ รองหัวหน้าพรรคกล้า กล่าวว่า วิกฤตโควิดรอบนี้ ผู้ประกอบการทุกคนกำลังดิ้นรน หนีตาย คนที่ไม่เคยเป็นหนี้ก็ต้องเป็น มาถึงขั้นนี้ที่ไหนมีหนทางผู้ประกอบการไปหมด ซึ่งครั้งนี้นับเป็นปรากฎการณ์ที่ดี ที่ทั้งธนาคารพาณิชย์  หน่วยงานภาครัฐ เอกชนมาช่วยกัน ตอนนี้คนที่รอดคือคนที่ปรับตัวมากที่สุด หลายธุรกิจต้องจากไป มาตรการของรัฐต้องเข้ามาช่วยกิจการพวกนี้เพราะมันกระทบในวงกว้าง ดูได้จากมาตรการที่ประธานาธิบดีสหรัฐ โจ ไบเดน ออกมาอุ้มธุรกิจร้านอาหารโดยเฉพาะ เนื่องจากเป็นธุรกิจบริการสังคม ถ้าร้านอาหารอยู่ไม่ได้ ก็จะส่งผลกระทบภาคสังคมหลายส่วน ดังนั้นธุรกิจร้านอาหารต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษ และเราก็อยากเห็นรัฐบาลดูแลเป็นพิเศษเช่นกัน แต่ขณะนี้ยังไม่เป็นเช่นนั้น อย่างไรก็ตามก็ยังมีหวังในช่วงโค้งสุดท้ายของการแพร่ระบาด เนื่องจากมีการทยอยฉีดวัคซีนกันแล้ว เราอดทนอีกนิด 

“ในมุมธุรกิจอยากแนะนำว่าคนที่จะรอดคือคนที่ปรับเปลี่ยนมากที่สุด รวมถึงสามารถวิเคราะห์ว่าทางไหนใช่ ทางไหนไม่ใช่ อาจต้องทำในสิ่งที่ไม่เคยทำมาก่อน ทำทุกทางให้รอด ถ้าปรับน้อยโอกาสรอดในภาวะวิกฤตก็จะยาก ภาวะวิกฤตขนาดนี้ บางรายปรับตัวไม่ทัน นั่นเป็นเหตุที่มีการเรียกร้องความช่วยเหลือจากภาครัฐ ทั้งลดค่าใช้จ่าย ลดภาษี และการเข้าถึงแหล่งทุน กลุ่มธุรกิจพวกนี้คือคนที่ดำเนินการตามมาตรการภาครัฐทั้งเว้นระยะห่าง จำกัดที่นั่ง 25% หรือจำกัดเวลาเปิด เขาได้รับผลกระทบโดนตรงจากการเป็นคนดีของรัฐบาล รัฐบาลควรหาทางชดเชยในการลดค่าใช้จ่ายให้พวกเขาด้วย” นายวรวุฒิ กล่าว 

ทั้งนี้ ในช่วงที่เปิดโอกาสให้แสดงความคิดเห็น ก็มีการนำเสนอว่า ความสำคัญอยู่ที่การวางแผนเรื่องกระแสเงินสดเพื่อคาดการณ์อนาคตว่าการกู้ครั้งนี้เราสามารถชำระคืนได้หรือไม่ ต้องดูการวางแผนธุรกิจและดูกันยาวๆ เพราะการกู้ครั้งนี้ ไม่ใช่แค่กู้มาเพื่อแก้ปัญหาระยะสั้น ต้องอยู่ได้ระยะยาว และต้องไปต่อได้ ไม่เช่นนั้นก็เหมือนเผาเงินตัวเองไป และหากมองในฝั่งของรัฐบาล ครั้งนี้เป็นเรื่องของโรคระบาด ไม่ใช่ความผิดของใคร รัฐบาลก็หนี้สูง กู้มาหากช่วยไม่ถูกจุด เอกชนก็หนี้สูงเพื่อให้ตัวเองรอด จริงๆ ควรเลือกหนี้อันเดียว คือรัฐบาลต้องมีหนี้ต่อ GDP สูง แล้วเอามาดูแลเอกชนที่จะอยู่รอดผ่านวิกฤตได้ อย่างที่คุณกรณ์ กล่าวไว้ว่ารัฐมีตัวเลขภาษีในระบบ รัฐช่วยเหลือตามสัดส่วน ไม่ว่าจะเป็นภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีนิติบุคคลที่เคยจ่ายมาอย่างถูกต้องก็ควรดูแลเขา รวมไปถึงส่วนของประกันสังคมที่รัฐควรดูแล ส่วนร้านค้าที่ไม่อยู่ในระบบเอาตรงๆ ต่อไปก็ต้องเข้ามาในระบบมากขึ้น อาจจะช่วยได้ไม่เท่าคนที่อยู่ในระบบ ในวันนี้แต่เขาคือฟันเฟืองหนึ่งของระบบเศรษฐกิจ เรื่องที่ช่วยง่ายสุดตอนนี้คือเรื่องการดูแลเรื่องของแรงงาน เงินเดือนเพื่อให้มีการจ้างงาน เพราะช่วยให้เศรษฐกิจเดิน มีเงินเดือนเกิดการบริโภค เศรษฐกิจก็เดินต่อ รัฐบาลจะมาอุ้มคนตกงานมันไม่ใช่ 

“เราเห็นด้วยกับทางพรรคกล้ามาตลอดที่ตั้งใจช่วยคนตัวเล็ก เพราะเอสเอ็มอี เกิดยากตายง่าย ถ้าตายแล้วเกิดใหม่ไม่ได้ เขาสะสมทุนมาทั้งชีวิตมันยากมากมีพลังก็ไม่มีทุน อย่าให้เขาตายไป จึงอยากเสนอว่าภาครัฐอย่าสร้างสองหนี้พร้อมกัน อย่าบังคับให้ภาคประชาชนเป็นหนี้เป็นสิน ควรให้รัฐบาลเป็นหนี้คนเดียวไปเลยดูแลทั้งระบบ เพราะรัฐบาลสามารถสร้าง economic modeling และคาดการณ์ว่าจะกลับมาเก็บภาษีได้เมื่อไหร่มีแผน 5 ปี 7 ปี วางแผนไปว่าถ้าเศรษฐกิจรอด พยายามให้ทุกคน เข้าระบบ ก็ได้ ภาษีมูลค่าเพิ่ม ได้ภาษีนิติบุคคลเอามา จ่ายชำระหนี้ได้”

ทั้งนี้ นายกรณ์ กล่าวแสดงความเห็นด้วยต่อความคิดเห็นดังกล่าว ว่ารัฐควรแบกรับภาระหนี้ เครดิตรัฐบาลดีกว่าของพวกเราทุกคน ความสามารถในการกู้ยืมของรัฐบาลได้ดอกเบี้ยต่ำกว่าเราทุกคน รัฐบาลยังมีศักยภาพในการช่วยเหลือเราได้อีกเยอะ

เงินบาทแข็งจากอานิสงส์รัฐปูพรมฉีดวัคซีนโควิด

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินค่าเงินบาทสัปดาห์ที่ผ่านมาเคลื่อนไหวในกรอบที่แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์ โดยเงินบาทได้รับแรงหนุนจากสถานะซื้อสุทธิหุ้นและพันธบัตรไทยของนักลงทุนต่างชาติ ประกอบกับมีปัจจัยบวกตั้งแต่ในช่วงต้นสัปดาห์จากข่าวการปูพรมเร่งฉีดวัคซีนทั่วประเทศ 

ขณะที่เงินดอลลาร์ ทยอยอ่อนค่าลงตามทิศทางอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ โดยบอนด์ยีลด์สหรัฐ อายุ 10 ปี ร่วงลงมาอยู่ต่ำกว่าระดับ 1.50% เนื่องจากตลาดประเมินว่า แม้เงินเฟ้อสหรัฐ จะขยับขึ้น แต่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ก็อาจจะยังไม่รีบส่งสัญญาณคุมเข้มนโยบายการเงินในเร็วๆ นี้ ทำให้ปิดตลาดในวันศุกร์ (11 มิ.ย.) เงินบาทอยู่ที่ระดับ 31.06 บาทต่อดอลลาร์ เทียบกับระดับ 31.28 บาทต่อดอลลาร์ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (4 มิ.ย.)

สำหรับสัปดาห์ถัดไป (14-18 มิ.ย.) ธนาคารกสิกรไทยมองกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทที่ 30.90-31.30 บาทต่อดอลลาร์ ขณะที่ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ผลการประชุมนโยบายการเงินและ Dot Plot ชุดใหม่ของเฟด รวมถึงสถานการณ์และแผนการกระจายวัคซีนต้านโควิด-19 ในประเทศด้วย

“จุรินทร์” ลั่น ปชป.เคาะผู้สมัคร 6 จังหวัดอันดามันครบแล้ว หลายจังหวัดมีโอกาสยกทีม เตรียมเสนอ ศบค.ยกระดับภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์ เป็น “อันดามัน แซนด์บ็อกซ์”

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนภายหลังพบปะกลุ่มเกษตรกรในพื้นที่อําเภอคลองท่อม ณ เทศบาลตําบลคลองพนพัฒนา อําเภอคลองท่อม จังหวัดกระบี่

โดยนายจุรินทร์ กล่าวว่า ความพร้อมในทางการเมืองสำหรับการเลือกตั้งใหญ่ซึ่งจะมาถึงเมื่อไหร่ก็สุดแล้วแต่ มาถึงวันนี้เรามีความพร้อมโดยเฉพาะอย่างยิ่งการเตรียมการเรื่องผู้สมัครในกรุงเทพเกือบจะครบทุกเขตแล้วได้ตัวผู้สมัครที่เคาะแล้วส่วนในภาคใต้ก็เช่นเดียวกัน

โดยเฉพาะในพื้นที่จังหวัดอันดามัน 6 จังหวัด ประกอบด้วย ระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรังและสตูล มีที่นั่งทั้งหมดถ้าเป็นรัฐธรรมนูญปัจจุบัน 11 ที่นั่งพรรคประชาธิปัตย์เคาะผู้สมัครครบแล้วทั้ง 11 เขต

ยกเว้นถ้ามีการแก้รัฐธรรมนูญไปเป็นบัตรสองใบและปรับจาก 350 เขต เป็น ส.ส.เขต 400 เขต และบัญชีรายชื่อ 100 คน ตามร่างแก้รัฐธรรมนูญที่เตรียมเสนอเกิดประสบความสำเร็จ จะมีการขยายเขตเพิ่มเติม เช่นกระบี่อาจมีผู้แทนเพิ่มเป็น 3 คน พังงาอาจเพิ่มเป็น 3 คน ตรังอาจเพิ่มเป็น 4 คน เป็นต้น ได้มีการเตรียมการไว้ในใจแล้วเช่นเดียวกันซึ่งวันนี้ผู้สมัครเขตอันดามันในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ครบแล้ว

"โดยรายชื่อมีทั้งผู้ที่เป็น ส.ส.ในปัจจุบันและคนรุ่นใหม่ที่เข้ามาร่วมอุดมการกับพรรคเมื่อเปิดชื่อแล้วผมคิดว่าจะเป็นที่ยอมรับของประชาชน และในอันดามันผมเชื่อว่าเราจะได้มากกว่าเดิม หลายจังหวัดก็มีโอกาสยกทีม" หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าว

“บิ๊กช้าง” ย้ำเสริมกำลังพลเข้าช่วย กทม.คุมเข้มแค้มป์คนงาน และให้เตรียมวัคซีนรับทหารใหม่เข้าหน่วย

พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รมช.กลาโหม และ พล.อ.ณัฐ อินทรเจริญ ปลัดกระทรวงกลาโหม ประชุมร่วมกับ กอ.รมน. หน่วยขึ้นตรงหระทรวงกลาโหม เหล่าทัพ และ ตร. เพื่อติดตามการสนับสนุนรัฐบาลในการขับเคลื่อนแก้ปัญหาโควิด-19 และการช่วยเหลือประชาชน

ทั้งนี้ภาพรวม ตั้งแต่การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่ผ่านมา กระทรวงกลาโหม โดยทุกเหล่าทัพ ยังคงทำงานร่วมกับ กระทรวงสาธารณะสุข และหน่วยงานต่างๆอย่างใกล้ชิด สนับสนุนการแก้ปัญหาเร่งด่วนและขับเคลื่อนบริหารจัดการรับมือกับการแพร่ระบาดของโรคอย่างต่อเนื่อง 

พล.ท.คงชีพ กล่าวอีกว่า การจัดกำลังพล บุคลากรทางการแพทย์ ยานพาหนะและสิ่งอุปกรณ์ เสริมเพิ่มเข้าไปช่วยจัดตั้งและบริหารจัดการโรงพยาบาลสนามทั่วประเทศ การเคลื่อนย้ายผู้ป่วยกว่า 6,500 รายเข้ารับการรักษา การตรวจคัดกรองเชิงรุกและเก็บเชื้อในพื้นที่กลุ่มเสี่ยง การสนับสนุนจัดตั้ง บก.ควบคุมพื้นที่แพร่ระบาด เช่น แค้มป์คนงาน โรงงานและตลาดชุมชน การสนับสนุนจัดกำลังพลคัดกรองโรค ณ สนามบิน รวมทั้งกรมราชทัณฑ์แก้ปัญหาเรือนจำที่พบการติดเชื้อ การบริหารจัดการสถานกักควบคุมโรคแห่งรัฐ (15 SQ และ 142 ASQ) การจัดรถครัวสนามประกอบอาหารช่วยเหลือประชาชนกว่า 300 ชุมชนในพื้นที่ที่พบติดเชื้อจำนวนมาก  รวมทั้งการเข้าไปช่วยสนับสนุนพ่นยาฆ่าเชื้อในโรงเรียนก่อนเปิดเทอมกว่า 350 แห่งและสนับสนุนฉีดวัคซีนให้กับประชาชนไปพร้อมๆกันทั่วประเทศแล้วกว่า 24,000 คน 

ทั้งนี้ รมช.กลาโหม ได้ย้ำว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ได้ขอบคุณกำลังพลทุกเหล่าทัพที่สนับสนุนส่วนราชการต่างๆ รับมือกับวิกฤตโควิด-19 และเข้าไปดูแลช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบ โดยขอให้ดำรงความต่อเนื่องไปจนกว่าสถานการณ์จะปกติ พร้อมแสดงความห่วงใยทหารที่จะเข้าประจำการพร้อมกันทุกเหล่าทัพใน 1 ก.ค.64 โดยขอให้มีมาตรการควบคุมโรคในการฝึกและประสาน สธ.จัดหาวัคซีนรองรับทหารที่เข้าใหม่และครูฝึก ให้เพียงพอสำหรับเกิดภูมิคุ้มกันเป็นส่วนรวมในการปฏิบัติงานร่วมกัน

นอกจากนี้ พล.อ.ชัยชาญ ยังได้กำชับ ขอให้ทุกเหล่าทัพและตำรวจ เสริมกำลังเข้าไปสนับสนุน กรุงเทพมหานคร ตามที่ร้องขอ ในการควบคุมการแพร่ระบาดเป็นพื้นที่ทั้งใน กทม.และปริมณฑล ที่ยังพบกระจายในหลายคลัสเตอร์ โดยเฉพาะแคมป์คนงานที่มีกว่า 400 แห่ง ที่จำเป็นต้องจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉิน (EOC) ควบคุมการปฏิบัติเข้มในพื้นที่ที่มีการแพร่ระบาด เพื่อจำกัดการเคลื่อนย้ายแรงงานเข้า-ออก และนำเข้าสู่การรักษาในระบบ  พร้อมทั้งขอให้ดำรงความต่อเนื่องสนับสนุนการบริจาคโลหิตให้กับโรงพยาบาลต่างๆที่ยังพบการขาดแคลน เพื่อช่วยเหลือชีวิตผู้ป่วยรอการรักษาอีกจำนวนมาก

Click on Clear เที่ยงตรง ประจำวันที่ 14 มิถุนายน 2564

Click on Clear เที่ยงตรง ประจำวันที่ 14 มิถุนายน 2564 กับ ประเด็น เว็บล่ม! คนละครึ่งเฟส 3 , กทม.คลายล็อก 5 กิจการและเปิดเทอมวันแรกวันนี้

.

.


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes 
คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

ศ.ดร.กนก แนะ ถอดบทเรียน ประกันสังคม เลื่อนฉีดวัคซีนเป็น 28 มิ.ย. หลังเปิดบริการเพียง 5 วัน ชี้เจตนาดีไม่พอ ต้องมีความพร้อม บริหารอย่างมีประสิทธิภาพด้วย หวัง กลับมาให้บริการได้ตามแผน แจ้งข่าวดี เด็กไทย ได้ฉีดวัคซีน พ.ย.-ธ.ค.

ศ.ดร.กนก แนะ ถอดบทเรียน ประกันสังคม เลื่อนฉีดวัคซีนเป็น 28 มิ.ย. หลังเปิดบริการเพียง 5 วัน ชี้เจตนาดีไม่พอ ต้องมีความพร้อม บริหารอย่างมีประสิทธิภาพด้วย หวัง กลับมาให้บริการได้ตามแผน แจ้งข่าวดี เด็กไทย ได้ฉีดวัคซีน พ.ย.-ธ.ค. เตือน บริหารความเสี่ยง วัคซีนไม่มาตามนัด อย่า เอาการเมืองนำการแพทย์ หาประโยชน์จากความปลอดภัยในชีวิตของประชาชน เชื่อคนไทยรับไม่ได้ 

ศ.ดร.กนก วงษ์ตระหง่าน รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าว ถึงการกระจาย วัคซีนเพื่อให้บริการกับประชาชนว่า ยังมีปัญหาการเลื่อนฉีดวัคซีน ในหลายพื้นที่ แม้กระทั่งล่าสุด กระทรวงแรงงานยังเลื่อนฉีดวัคซีนผู้ประกันตน ตามมาตรา 33 ใน 45 จุดทั่วกรุงเทพฯ ออกไปเป็นวันที่ 28 มิถุนายน หลังเปิดให้บริการ ได้เพียงแค่ 5 วัน สะท้อนปัญหา ทั้งจำนวนวัคซีนไม่พอและการบริหารจัดการที่ไม่มีประสิทธิภาพ ซึ่งจะทำให้ประชาชนขาดความเชื่อมั่น ต่อการบริหารจัดการวัคซีน ของรัฐบาล เพราะขนาดจุดใหญ่ ของผู้ประกันตน ที่วางเป้าหมายจะฉีดให้ครบ 1 ล้านโดส ภายใน 20 วันนับจากวันที่ 7 มิถุนายนเป็นต้นไป มาถึงวันนี้ก็พลาดเป้าอย่างน้อย 5 วันแน่นอนแล้ว และยังไม่รู้ว่าปลายทางจะเป็นอย่างไร แม้จะมีการออกมาชี้แจงว่าไม่ได้เกิดจากวัคซีนไม่เพียงพอ แต่เป็นเพราะสถานที่ไม่เหมาะสม อากาศร้อนเกินไป และข้อมูลผู้เข้ารับบริการยังมีปัญหา ตนเอาใจช่วยให้แก้ปัญหาปรับปรุงให้กลับมาให้บริการประชาชนให้ได้เร็วๆ แต่ก็อยากให้ถอดบทเรียน เรื่องนี้ด้วยว่าก่อนวางแผน ควรต้องประเมินทุกปัจจัย เพื่อให้เกิดความชัดเจนว่าสามารถปฏิบัติได้ เพราะ หากต้องมาหยุดกลางคันหรือเลื่อนออกไป จะไม่เป็นผลดี ต่อความเชื่อมั่นของประชาชนที่มีต่อรัฐบาล เรื่องนี้สอนเราว่าเจตนาดีอย่างเดียวไม่พอ ต้องพร้อมในการบริหารจัดการด้วย 

รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวด้วยว่า การจัดหาวัคซีนที่ผ่านมาถูกตั้งคำถามมากมาย ทำไมจึงช้า ทำไมจึงได้น้อย ทำไมจึงไม่ได้ยี่ห้ออื่นบ้าง คณะกรรมาธิการวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีวิจัยและนวัตกรรม สภาผู้แทนราษฎร จึงเชิญ นายแพทย์นคร เปรมศรีผู้อำนวยการสถาบันวัคซีนแห่งชาติมาให้คำตอบ เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2564 แนวทางการจัดหาวัคซีนมี 3 วิธีด้วยกัน คือ 1) ประเทศร่วมสนับสนุนเงินทุนวิจัยการผลิตวัคซีน แก่บริษัทผลิตวัคซีน ด้วยข้อตกลงว่าเมื่อบริษัทผลิตวัคซีนสำเร็จจะต้องจัดสรรวัคซีนให้กับประเทศของตนก่อน ซึ่งประเทศไทยไม่ได้ทำ 2) การจองซื้อล่วงหน้า พร้อมจ่ายเงินมัดจำ ก่อนที่การพัฒนาวัคซีนจะสำเร็จ ถ้าการพัฒนาวัคซีนของบริษัทไม่สำเร็จ จะเกิดความเสี่ยงต่อการเรียกเงินมัดจำคืนได้ประเทศไทยไม่ได้ทำ 3) การเจรจาซื้อวัคซีนจากบริษัทผู้ผลิตที่พัฒนาวัคซีนสำเร็จแล้วและพร้อมขาย ประเทศไทยดำเนินการสั่งซื้อตามแนวทางนี้ ผลของการเจรจาสั่งซื้อวัคซีนของไทยได้ผลสำเร็จคือระหว่างเดือนมิถุนายนถึงเดือนธันวาคม 2564 จะได้รับวัคซีนรวม 100 ล้านโดสดังนี้ 1) ซิโนแวค 6 ล้าน, 2) แอสตาเซนเนกา 60 ล้าน, 3) ไฟเซอร์ 20 ล้าน, 4) จอห์นสันแอนด์จอห์นสัน 5 ล้าน ซึ่งน่าจะเพียงพอกับจำนวนประชากรในประเทศไทยทุกคน 

ศ.ดร.กนก กล่าวด้วยว่า บทเรียนจากการจัดหาวัคซีนรอบแรก 3 แนวทางนี้สถาบันวัคซีนแห่งชาติประเมินการกลายพันธุ์ของไวรัสโควิด 19 ทั้งสายพันธุ์อังกฤษ, อัฟริกา, และอินเดีย ที่คาดว่าบริษัทผู้ผลิตวัคซีนจะสามารถพัฒนาวัคซีนรุ่น 2 (Generation 2) ที่สามารถป้องกันการกลายพันธุ์ได้สำเร็จในเดือนธันวาคม 2564 

ดังนั้นประเทศไทยจึงได้เริ่มต้นเจรจากับบริษัทผู้ผลิตวัคซีนเพื่อจองซื้อวัคซีนรุ่นที่ 2 สำหรับปี 2565 แล้วสำหรับวัคซีนเด็กขณะนี้ได้ข้อมูลว่าวัคซีนของไฟเซอร์สามารถใช้กับเด็กอายุ 12-16 ปีได้ และซิโนแวคใช้ได้กับเด็ก 3-18 ปีปัจจุบันองค์การอาหารและยาพร้อมกับคณะแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรคเด็ก กำลังศึกษาและตรวจสอบความปลอดภัยของวัคซีนสำหรับเด็กดังกล่าว คาดว่าจะสามารถสรุปผลได้ในเดือนกันยายนหรือตุลาคมนี้ นั่นหมายความว่าราวพฤศจิกายน 2564 ประเทศไทยน่าจะสามารถเริ่มฉีดวัคซีนให้เด็กได้

ถ้าประเมินจากคำชี้แจงของผู้อำนวยการสถาบันวัคซีนแห่งชาติการจัดฉีดวัคซีนให้คนไทยทั้งประเทศ ทุกคน ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร นอกจากความเสี่ยง 2 ประการที่อาจจะเกิดขึ้นคือ 1) ความเสี่ยงต่อการได้รับวัคซีนไม้ครบตามกำหนดจากบริษัทผู้ผลิต เพราะกระบวนการผลิตวัคซีนของบริษัทอาจขัดข้องหรือ มีข้อผิดพลาดได้ ซึ่งอยู่เหนือการควบคุมของไทยในฐานะผู้ซื้อ 2) ความเสี่ยงจากการเกิดคลัสเตอร์ในวงกว้าง ที่คาดไม่ถึง จึงทำให้ต้องฉีดวัคซีนให้ประชากรในพื้นที่คลัสเตอร์ที่เสี่ยงสูงก่อนเพื่อหยุดการแพร่กระจายของโรค ส่งผลให้ต้องหมุนจำนวนวัคซีนจากพื้นที่ปกติตามแผนการฉีดเดิม ไปยังพื้นที่คลัสเตอร์ใหม่ จึงทำให้ประชาชนทั่วไปอาจได้รับการฉีดวัคซีนล่าช้าไปกว่ากำหนดเดิมได้ๅ 

"ผมขอฝากเตือนว่าความเสี่ยง 2 ประการนี้เป็นเหตุสุดวิสัยที่อยู่เหนือการควบคุมได้จึงเป็นเรื่องที่ประชาชนสามารถเข้าใจและยอมรับได้แต่ประเด็นที่ประชาชนยอมรับไม้ได้ คือการจัดสรรวัคซีนให้พื้นที่จังหวัดหรือกลุ่มคนที่มีลักษณะเป็นการหาเสียง ใช้การเมืองนำการแพทย์ ใช้ชีวิตประชาชน มาต่อรองทางการเมือง เรื่องแบบนี้อย่าทำ เพราะคนไทยยอมรับไม่ได้" ศ.ดร.กนก กล่าว

นายกฯ สั่ง หน่วยงาน รับมือ สถานการณ์ฝน ย้ำ 10 มาตรการ ต่อเนื่องถึงแล้งหน้า

นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้สั่งบูรณาการหน่วยงาน ทั้งฝ่ายปกครองและทหาร เตรียมความพร้อมรับสถานกาณ์ช่วงฤดูฝน รวมถึงวางแผนการบริหารจัดการน้ำต่อเนื่องจนถึงฤดูแล้งหน้า รวมทั้งให้สอดคล้องกับความต้องการใช้น้ำทั้งเพื่อการอุปโภค-บริโภค การเกษตร อุตสาหกรรม และการรักษาสภาพแวดล้อม สำหรับการวางแผนรับมือสถานการณ์ฤดูฝน ในเชิงป้องกันก่อนเกิดภัย ประกอบด้วย 10 มาตรการ ดังนี้

1.) คาดการณ์ชี้เป้าพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมและฝนทิ้งช่วง โดยจะมีการประเมินพื้นที่เสี่ยงอุทกภัยและพื้นที่เสี่ยงขาดแคลนน้ำ เพื่อเตรียมแผนในเชิงป้องกันล่วงหน้า

2.) การบริหารจัดการน้ำพื้นที่ลุ่มต่ำเพื่อรองรับน้ำหลาก รวมทั้งการจัดทำแผนการชดเชยให้แก่ประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการผันน้ำเข้าทุ่ง

3.) ทบทวน ปรับปรุงเกณฑ์บริหารจัดการน้ำในแหล่งน้ำขนาดใหญ่-กลางและเขื่อนระบายน้ำ โดยติดตามสถานการณ์น้ำในแหล่งน้ำขนาดใหญ่-กลาง เพื่อเฝ้าระวังและควบคุมการบริหารจัดการน้ำรวมทั้ง จัดทำแผนการบริหารจัดการน้ำแหล่งน้ำขนาดใหญ่-กลาง ในช่วงภาวะวิกฤติ

4.) ซ่อมแซมปรับปรุงอาคารชลศาสตร์ ระบบระบายน้ำสถานีโทรมาตรให้พร้อมใช้งาน โดยตรวจสอบสภาพความมั่นคง และซ่อมแซมอ่างเก็บน้ำ อาคารควบคุมบังคับน้ำ รวมทั้งระบบระบายน้ำอย่างต่อเนื่อง 

5.) ปรับปรุงแก้ไขสิ่งกีดขวางทางน้ำ สำรวจ และดำเนินการกำจัดสิ่งกีดขวางทางน้ำที่เกิดจากการก่อสร้างและการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และการปรับปรุงคูคลอง เพื่อเพิ่มพื้นที่รับน้ำ และระบายน้ำได้อย่างสะดวกรวดเร็ว

6.) ขุดลอกคูคลองและกำจัดผักตบชวา กำจัดวัชพืชในแม่น้ำ และคูคลอง ทั่วประเทศด้วยการบูรณาการเครื่องจักรเครื่องมือในการกำจัดผักตบชวาและวัชพืชของทุกหน่วยงาน 

7.) เตรียมพร้อม วางแผนเครื่องจักรเครื่องมือ ประจำพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมและฝนน้อยกว่าค่าปกติ เตรียมพร้อมบุคลากร เครื่องจักรเครื่องมือให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งานและเข้าช่วยเหลือได้ทันสถานการณ์ ตลอด 24 ชั่วโมง

8.) เพิ่มประสิทธิภาพการใช้น้ำและปรับปรุงวิธีการส่งน้ำ วางแผนการจัดสรรน้ำให้สอดคล้องกับปริมาณน้ำต้นทุน และส่งเสริมให้ทุกภาคส่วนใช้น้ำอย่างมีประสิทธิภาพ 

9.) การสร้างการรับรู้และประชาสัมพันธ์

10.) ติดตามประเมินผลปรับมาตรการให้สอดคล้องกับสถานการณ์ภัย

นายอนุชา กล่าวว่า การบริหารจัดการน้ำของรัฐบาลในช่วงปี 2561 ถึงปัจจุบัน รัฐบาลขับเคลื่อนแผนงานโครงการด้านน้ำตามแผนแม่บทน้ำ 20 ปีไปแล้ว 125,162 โครงการ วงเงิน 314,182 ล้านบาท มีผลสัมฤทธิ์ที่สำคัญ เช่น การเพิ่มน้ำต้นทุน ระบบส่งน้ำ การพัฒนาและขยายเขตประปาหมู่บ้าน 3,214  แห่ง พัฒนาน้ำบาดาลเกษตรและธนาคารน้ำใต้ดิน ได้น้ำ 100  ล้าน ลบ.ม. ฟื้นฟูป่าต้นน้ำ 135,170 ไร่ ซึ่งมีประชาชนในพื้นที่ได้รับประโยชน์แล้ว 2,274,737 ครัวเรือน รวมทั้งยังจะมีการพัฒนาแหล่งน้ำขนาดใหญ่และโครงการสำคัญรวม 526โครงการภายในปี 2564-2566 นี้


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top