Monday, 28 April 2025
Hard News Team

‘คลัง’ ขอครม.เพิ่มงบ ‘เราชนะ’ อีก 3 พันล้านบาท ช่วยผู้ใช้สิทธิไม่มีสมาร์ทโฟนและติดเตียง หลังพบจำนวนผู้ใช้สิทธิสูงเกินคาดจาก 31 ล้านคน เป็น 33 ล้านคน พร้อมขยายระยะเวลาโครงการออกไปอีก 1 เดือน

เมื่อวันที่ 20 เม.ย.2564 นางสาวกุลยา ตันติเตมิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (20 เม.ย.) นี้ กระทรวงการคลังจะเสนอของบประมาณจำนวน 3 พันล้านบาท เพื่อใช้ในโครงการ เราชนะ เพิ่มเติม เนื่องจาก มีจำนวนผู้ใช้สิทธิเพิ่มจากที่คาดการณ์ไว้จากกว่า 31 ล้านคน เป็นราว 33 ล้านคน

นอกจากนี้ ยังเสนอขยายระยะเวลาการดำเนินโครงการเป็นสิ้นสุด มิ.ย. จาก พ.ค.นี้ เพื่อรองรับการใช้สิทธิของกลุ่มที่ได้รับสิทธิใหม่ โดยกลุ่มผู้ได้รับสิทธิใหม่ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มไม่มีสมาร์ทโฟนและป่วยติดเตียง

"เดิมเราคาดการณ์จำนวนผู้ใช้สิทธิเราชนะที่ประมาณ 31 ล้านคน แต่ขณะนี้ มีผู้ใช้สิทธิมากกว่านั้น เราคาดว่า จะเพิ่มเป็น 33 ล้านคน จึงเสนอคณะรัฐมนตรีเพิ่มวงเงินเพื่อรองรับการใช้จ่ายดังกล่าว"

สำหรับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่นั้น กระทรวงการคลังอยู่ระหว่างการพิจารณา ซึ่งจะดำเนินการหลังสิ้นสุดโครงการเราชนะแล้ว อาจจะเป็นโครงการที่เคยดำเนินการไปแล้วในระยะที่ผ่านมาและจะมีโครงการใหม่เพิ่มเติมด้วย


สนับสนุนข่าวโดย : แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ THE STATES TIMES Blockdit

คลิก : https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32

กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา แจ้งราชกิจจานุเบกษาได้ประกาศระเบียบคณะกรรมการธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 บังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 15 เม.ย. 2564

กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา แจ้งว่า ขณะนี้ราชกิจจานุเบกษาได้ประกาศระเบียบคณะกรรมการธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ ว่าด้วยมาตรฐานการประกอบธุรกิจนำเที่ยวและมาตรฐานการปฏิบัติหน้าที่ของมัคคุเทศก์ ที่พึงปฏิบัติต่อนักท่องเที่ยวภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 พ.ศ.2564 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 15 เม.ย. 2564 เป็นต้นไป

สำหรับสาระสำคัญมาตรฐานนี้ กำหนดให้ผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยวที่ให้บริการนำเที่ยวกับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาในประเทศ ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 63 ต้องปฏิบัติตามมาตรฐานที่กำหนด คือ ให้บริการนำเที่ยวนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่ผ่านมาตรการกักตัวตามระยะเวลาและในสถานที่ที่รัฐกำหนด และต้องได้รับการรับรองมาตรฐาน SHA และต้องมีระบบการควบคุมการเดินทางของนักท่องเที่ยวในระหว่างที่มีการให้บริการนำเที่ยว หรือแทรคกิ้ง ด้วย

ขณะเดียวกันยังกำหนดให้มีการตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายนักท่องเที่ยวก่อนขึ้นรถ หากพบว่ามีอุณหภูมิร่างกายเท่ากับหรือมากกว่า 37.5 องศาเซลเซียส ขึ้นไป หรือมีอาการไข้ ไอ จาม มีน้ำมูก หรือเหนื่อยหอบ ให้รีบแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อส่งต่อไปยังสถานพยาบาลทันที จัดบริการเจลแอลกอฮอล์สำหรับฆ่าเชื้อให้กับนักท่องเที่ยวสำหรับพกติดตัวขณะท่องเที่ยว โดยอย่างน้อยให้มี 1 คน ต่อหนึ่งขวดหรือหนึ่งหลอด พร้อมมีการจัดเตรียมอุปกรณ์ทำความสะอาด สำหรับนักท่องเที่ยวให้เพียงพอตลอดรายการนำเที่ยว เช่น เจลล้างมือที่มีแอลกอฮอล์อย่างน้อย 70% ขึ้นไป หน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัย สบู่เหลวล้างมือ

รวมทั้งกำหนดให้มัคคุเทศก์สื่อสารกับนักท่องเที่ยวเพื่อป้องกันและลดความเสี่ยงการแพร่กระจายเชื้อขณะนำเที่ยว ส่วนมัคคุเทศก์ ผู้ช่วยมัคคุเทศก์ พนักงานขับรถและนักท่องเที่ยวทุกคนต้องสวมหน้ากากผ้า หรือหน้ากากอนามัยทุกครั้งขณะปฏิบัติหน้าที่หรือขณะท่องเที่ยว พร้อมทำความสะอาดและอาจฆ่าเชื้อด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อบนยานพาหนะนำเที่ยวทุกวัน และทุกครั้งหลังจากใช้บริการเสร็จสิ้น โดยเน้นจุดสัมผัสร่วม เช่น ราวบันได ที่พักแขน พนักพิง ราวจับ เบาะนั่ง หน้าต่าง ส่วนเครื่องดื่มหรืออาหารว่างสำหรับนักท่องเที่ยวต้องจัดเก็บอย่างเหมาะสมต้องมีถังขยะมีฝาปิดหรือถุงขยะสภาพดีสำหรับแยกทิ้งขยะที่เหมาะสมและเพียงพอ และมีการเก็บรวมขยะโดยมัดปากถุงให้มิดชิดเพื่อส่งไปกำจัดอย่างถูกต้อง


สนับสนุนข่าวโดย : แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ THE STATES TIMES Blockdit

คลิก : https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32

'เทพไท'​ เสนอตัดงบสัมมนา-ดูงาน-ก่อสร้าง-ซื้ออาวุธ ในการจัดงบ​ 65 มาแก้ปัญหาโควิด ชี้ไม่ควรออก พรก.เงินกู้อีก เชื่อส.ส.ฝ่ายค้าน-รบ.หนุนแน่

นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต​ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึง กรณีที่สำนักงบประมาณ จะเสนอร่างพระราชบัญญัติ​ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2565 วงเงิน 3.1 ล้านล้านบาท ให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณา เพื่อขอจัดทำเอกสารงบประมาณ ในวงเงิน 3.1 ล้านล้านบาท นั้นว่าเป็นวงเงินงบประมาณที่จัดตั้งน้อยกว่า วงเงินงบประมาณ ปี​ 2564 ที่มีวงเงิน​ 3.3 ล้านล้านบาท

โดยการกู้งบประมาณขาดดุล 608,962.5 ล้านบาท ประมาณการรายได้ 2,677,000 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับวงเงินงบประมาณ ปี​ 2565 วงเงิน 3.1 ล้านล้านบาท แบ่งเป็น ประมาณการรายได้ 2.4 ล้านล้านบาท และการกู้งบประมาณขาดดุล 700,000 ล้านบาท ประมาณการรายได้จะน้อยกว่า แต่การกู้งบประมาณขาดดุลจะสูงกว่า ซึ่งจะเป็นภาระหนี้ของประเทศต่อไป

นายเทพไท กล่าวต่อว่า อยากจะเสนอให้ครม.มีความรอบคอบในการอนุมัติจัดทำงบประมาณประจำปี 2565 ของสำนักงบประมาณ ควรเตรียมแผนงานโครงการรองรับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 รอบ​ 3 หรืออาจจะมีรอบ​ 4 หรือรอบ​ 5 ตามมาก็ได้ ซึ่งไม่ต้องรื้อแผนงบประมาณในภายหลังอีก

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง​ รัฐบาลควรปรับลดแผนการใช้เงินงบประมาณของทุกกระทรวง ทบวง กรม มาเป็นงบประมาณที่ใช้ในการแก้ปัญหาประเทศ ให้สอดคล้องกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยตัดงบประมาณในส่วนต่าง ๆ เช่น

1.) งบการประชุมสัมมนา

2.) งบการศึกษาดูงาน ทั้งในประเทศ และต่างประเทศ

3.) งบประมาณการก่อสร้างโครงการใหม่ ยกเว้นโครงการที่มีงบผูกพัน

และ​ 4.) งบจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ และการก่อสร้างค่ายทหาร เพื่อให้รัฐบาลได้มีเม็ดเงินงบประมาณเพียงพอ ในการเยียวยาฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศ ช่วงโควิดกำลังระบาด และไม่ควรที่จะใช้พระราชกำหนด​ (พรก.) เงินกู้เพิ่มเติมอีกในอนาคต

“ผมเชื่อว่าถ้ารัฐบาลจัดทำ พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2565 ตามความเหมาะสม และความจำเป็นของสถานการณ์บ้านเมือง ก็สามารถแถลงเหตุผลต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรให้เข้าใจ อย่างตรงไปตรงมา ก็จะได้รับการสนับสนุนจาก ส.ส. ทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านอย่างแน่นอน” นายเทพไท กล่าว


สนับสนุนข่าวโดย : แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ THE STATES TIMES Blockdit

คลิก : https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32

เดินหลง...ในดงโซเชียล​ By รัตนา & โกสินทร์

เปิดโซเชียลมาเห็นภาพ ท่านเจ้าอาวาสวัดอัมพวัน อำเภอเกาะพะงัน ที่เอื้อเฟื้อสถานที่ให้จัด 'โรงพยาบาลสนาม'​ แล้ว ได้แต่ปลงสังขาร 'อนิจจา วต สังขารา'​ สังขารทั้งหลายนั้นไม่เที่ยง

นั่นก็เพราะวัดคงยังเป็นที่พึ่งพิงให้ประชาชนได้เสมอในทุกสถานการณ์ มองมุมหนึ่งก็รู้สึกสงบถึงขั้วหัวใจ อากาศแม้จะร้อนแต่ก็เย็นสบาย ยิ่งมีเสียงสวด “กุสะลา ธัมมา อะกุสะลา ธัมมา” ให้ฟังยามนอนพักสังเกตุอาการ คงได้เจริญสติด้วยใจระทึกว่า ทำไมน้อ! ถึงติดเชื้อโควิดได้

ว่าแต่พอพูดถึงเรื่องการกักตัวในพื้นที่​ รพ.สนามแล้ว​ ก็ได้แต่ถอนหายใจ!

เพราะที่ไหน ๆ​ ก็จะระงมไปด้วยเสียงบ่นของผู้กักตัว

บางพื้นที่ ที่ไม่มีระบบปรับอากาศ​ ปล่อยให้ร้อน นอนไม่หลับ​ บ่นๆ​ๆ​ กันอยู่นั่น

เห็นภาพแล้วก็ละเหี่ยใจ ทำไมคุณ ๆ​ ดันไม่มองเห็นความลำบากของนักรบเสื้อกาวน์ ที่ต้องสวมชุด PPE มาดูแลคุณกันหน่อยล่ะฮึ?

อยากถามตรงนี้ ว่าใครลำบากมากกว่ากัน ยิ่งมาทราบว่า เป็นกลุ่มเสี่ยงที่มาจากสถานบันเทิงด้วยแล้ว ใจอยากให้ย้ายไปกักตัวที่ 'ศาลาวัด'​ พร้อมเสียง​ “กุสะลา ธัมมา อะกุสะลา ธัมมา” ให้รู้แล้วรู้รอด จะได้มีสำนึกรับผิดชอบตัวเองกันมากขึ้น

แล้วนี่น่ะ​ ล่าสุด หนู ๆ​ น้อง ๆ บ่นกันเต็มโซเชียล ว่าทำไม รพ.สนาม ถึงไม่มีการกั้นฉากกั้นม่าน ให้เป็นสัดส่วน เชื้อไม่แพร่กันง่ายหรือไง? ทำไมไม่กั้นฉากกั้นห้องหอแบบในต่างประเทศ?

เอ้า!! ตั้งใจฟังนะเด็ก ๆ​ ภาพ รพ.สนามจากต่างประเทศ เป็นการตั้ง รพ.สนาม เพื่อดูแลผู้ป่วยที่มีอาการหนัก การกั้นฉากติดม่าน เค้าใช้บังสายตาไม่ให้เห็นการรักษาผู้ป่วยที่อยู่เตียงข้าง ๆ จะได้มีความเป็นส่วนตัวและลดความเครียด ต่างจาก รพ.สนาม ในบ้านเรา ที่ออกแบบใช้งาน สำหรับกักตัว สังเกตอาการ ถ้ามีอาการก็ส่งตัว แยกส่วนเข้า รพ. ดูแล

อีกอย่างหนึ่ง คุณหมอก็เคยบอกแล้วว่า การกั้นม่าน จะเพิ่มความแออัดทำให้ การไหลเวียนของอากาศไม่สะดวก เพิ่มการสะสมของเชื้อในอากาศ ทางที่ดีนอนบนเตียง​ อย่าไปรวมกลุ่มเล่นไพ่กันสนุกสนาน (อย่างที่มีภาพหลุด) หรือถ้าไม่มีอาการเลย ก็ทำตัวให้เป็นประโยชน์ช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ตามที่เค้าอนุญาต เหมือนน้อง ๆ ที่ รพ.สนามเชียงใหม่เค้าช่วยกันประกอบเตียงสนามที่ทำจากกระดาษ สำหรับรองรับผู้ที่ต้องกักตัวรายใหม่กันดีกว่า

เข้าใจป่ะ!!

ขอบ่นเรื่อง รพ.สนาม เท่านี้

ไถโซเชียลต่อ​ หลุดกรอบจอของศาลาวัด ก็มาสะดุดข่าวฝรั่งฝังตัวในไทย​ 35​ ปี 'เดวิด สเตร็คฟัสส์'​ นักวิชาการชาวอเมริกัน อดีต ผอ.โครงการ CIEE ขอนแก่น ผู้ดูแล 'The Isaan Record'​ ที่พึ่งถูกยกเลิกวีซ่าไป

ล่าสุดลือกันว่า เจ้าตัว เสนอขอทำงานให้มหาวิทยาลัยขอนแก่น 'ฟรี'​ เพื่อหวังให้ ม.ขอนแก่น​ ออกหนังสือรับรองการว่าจ้างเพื่อยื่นขอต่อใบอนุญาตทำงาน​ (Work permit) สำหรับขอต่อวีซ่าอยู่ต่อในไทย

ตรงนี้คงขอจับตาดู ว่าจะมีมหาวิทยาลัยอื่นไหมที่สนใจว่าจ้าง นักวิชาการต่างชาติท่านนี้ เพื่อผลิตงานวิจัย​ 'ต่อต้าน ม.112'​ ตามที่เค้าชอบทำวิจัยศึกษาด้านนี้มาตลอด 35 ปี

ส่วนตัวแล้ว​ สงสัยคงต้องเร่งกรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลให้แกไปได้ดี​ 'นอกบ้านเรา'​ เหมือนเพื่อนนักวิจัย สุรชัย ณ เจแปน จะเป็นการดีที่สุด

ก่อนจะลาจาก​ เจออีกฟีดกระแทกตาในโซเชียล​ต่อเชื่อมกับ​ 'เจ้าพ่ออีสานเรคคอร์ด'​ นายนี้ เพราะดันมีข่าวหลุดแชทหลุด เรื่องลี้ ๆ​ หนี ๆ​ ไปยังต่างแดนของกลุ่มแกน​ 3​ นิ้ว​

โดยหนึ่งในนิ้วอย่าง​ น.ส.ชลธิชา แจ้งเร็ว หรือลูกเกด แกนนำกลุ่มฟื้นฟูประชาธิปไตย (Democracy Restoration Group - DRG) และกลุ่มคณะราษฎร 63​ ก็เร่งออกมาปฏิเสธว่า ทั้งหมดคือเฟกนิวส์ให้งงงวยกันเบา ๆ​ ว่า...

"ไม่ต้องลงทุนถึงขั้นสร้างแชตปลอมออกมาโจมตีกันแบบนี้ เพราะมันดูไร้สาระมาก และที่สำคัญ ไม่มีใครใช้แชตไลน์คุยกับสถานทูตนะคะ มันไม่ปลอดภัย"

...ใครคือทูตก็ไม่รู้ แล้วใครเป็นคนบอกว่าเป็นทูต

...คุยกับทูตไม่ปลอดภัยอันนี้ก็น่าสนใจ

...แต่เสียดายที่ไม่ยอมบอกต่อว่า ไม่ปลอดภัยจากอะไร เพราะอะไร

ซึ่งใครจะเชื่อไม่เชื่อ แต่เราอยากบอกว่า กลุ่มสามนิ้ว ทั้งลูกเด็กเล็กแดง ไปจนถึงนักวิชาการ ต่างออกมาแก้ข่าวกันอุตลุด ถึงขนาดจับผิดเรื่องภาษาอังกฤษกันแบบขำ ๆ แต่เหงื่อตกเนียน ๆ

แบบนี้มันน่าพิลึกอย่างไรไม่รู้นะจ๊ะ ทั้ง ๆ​ ที่ สาวสวยหลังม็อบ​ ออกมาระบุพิกัดเองเลยว่า ไม่เคยติดต่อเจ้าหน้าที่สถานทูตผ่านทางไลน์

เอ!! ถ้าไม่มีฟืนไฟคงไม่มีควันให้เราเห็น ว่าไหม?

เราสอง รัตนา & โกสินทร์ อ่านด้วยสายตาฉงน...งงงวย​


สนับสนุนข่าวโดย : แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ THE STATES TIMES Blockdit

คลิก : https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32

ครม.ขยาย “เราชนะ” อีก 1เดือน ปรับเป้าเพิ่ม 32.8 ล้านคน

การประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ผ่านระบบ Video Conference วันที่ 20 เมษายน 2564 นี้ มีวาระทางด้านเศรษฐกิจที่น่าสนใจ คือ กระทรวงการคลัง จะเสนอขอขยายระยะเวลาการใช้เงินในโครงการเราชนะเพิ่มอีก 1 เดือน จากเดิมสิ้นสุดเดือน พ.ค. 64 เป็นสิ้นสุด 30 มิ.ย. 64 เพื่อให้ผู้ที่เพิ่งได้รับสิทธิ คือ ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ ไม่มีสมาร์ทโฟน ผู้พิการ ผู้สูงวัย ซึ่งได้รับวงเงินไปเมื่อเดือน เม.ย. ที่ผ่านมา ได้มีเวลาใช้เงินมากขึ้น และยังเสนอขออนุมัติงบเพิ่มเติม เนื่องจากมีผู้ที่ได้รับสิทธิในโครงการมากกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 31.1 ล้านคน อยู่ที่ 32.8 ล้านคน

ส่วนวาระอื่น ๆ ที่สำคัญ สำนักงบประมาณ เสนอร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2565 วงเงิน 3.1 ล้านล้านบาท โดยประมาณการจัดเก็บรายได้ 2.4 ล้านล้านบาท และการกู้งบประมาณขาดดุล 700,000 ล้านบาท ฉบับ ส่วนกระทรวงอุตสาหกรรม เสนอร่างกฎกระทรวงกำหนดประเภท ชนิด และขนาดของโรงงาน ด้าน กระทรวงพลังงาน เสนอร่างกฎกระทรวงคลังก๊าซปิโตรเลียมเหลว 

ขณะที่กระทรวงคมนาคม เสนอผลการดำเนินงานของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทยในปีงบประมาณ 2563 นโยบายของคณะกรรมการ และโครงการและแผนงานของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทยในอนาคต ทางด้านกระทรวงเกษตรฯ เสนอร่างกฎกระทรวงการขออนุญาตและการออกใบอนุญาตประกอบกิจการยาง และกระทรวงพม. เสนอการขอต่ออายุวงเงินกู้เบิกเงินเกินบัญชีกับธนาคารออมสิน วงเงิน 500 ล้านบาท โดยกระทรวงการคลังค้ำประกันเงินต้นและดอกเบี้ย

ธนาคารแห่งประเทศไทย เตรียมปล่อยกู้สินเชื่อซอฟต์โลน และโครงการพักหนี้ตั้งแต่วันที่ 26 เม.ย.นี้

นายรณดล นุ่มนนท์ รองผู้ว่าการ ด้านเสถียรภาพระบบสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ตั้งแต่วันที่ 26 เม.ย.นี้เป็นต้นไป ธปท.จะเริ่มให้สถาบันการเงินมาขอเงินกู้ ตาม พ.ร.ก.ความช่วยเหลือฟื้นฟูผู้ประกอบธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดโควิด-19 ทั้ง มาตรการสนับสนุนการให้สินเชื่อแก่ผู้ประกอบธุรกิจ (สินเชื่อฟื้นฟู) และมาตรการสนับสนุนการรับโอนทรัพย์สินหลักประกันเพื่อชำระหนี้ (โครงการพักทรัพย์ พักหนี้) วงเงินรวม 3.5 แสนล้านบาท เพื่อนำไปปล่อยกู้ภาคธุรกิจต่อ หลังจากได้ลงประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 10 เม.ย.64

ล่าสุด ธปท. ได้ออกประกาศจำนวน 2 ฉบับ เพื่อกำหนดขอบเขตคุณสมบัติของผู้ประกอบธุรกิจที่สามารถเข้าร่วมโครงการ หลักการ และเงื่อนไขที่เกี่ยวข้อง เพื่อรองรับการให้ความช่วยเหลือและฟื้นฟูผู้ประกอบธุรกิจภายใต้ พ.ร.ก. ดังกล่าว โดยกระทรวงการคลังและ ธปท. ได้เตรียมความพร้อมกับสถาบันการเงิน เพื่อให้สามารถกระจายเม็ดเงินไปสู่ลูกหนี้ได้อย่างรวดเร็ว

ทั้งนี้ ขอให้สถาบันการเงินรับคำขอเข้าร่วมมาตรการช่วยเหลือจากลูกหนี้ได้ตั้งแต่ พ.ร.ก. ฟื้นฟูฯ มีผลบังคับใช้ นอกจากนี้ ลูกหนี้ที่สนใจเข้าร่วมโครงการสามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ ธปท. และติดต่อสถาบันการเงินที่ใช้บริการได้ทันที


สนับสนุนข่าวโดย : แหล่งรวม ""บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!"" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ THE STATES TIMES Blockdit
คลิก : https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32

“ประวิตร” ระบุมาเลฯ ยังไม่ประสานทางการไทย กรณีเตรียมผลักดันคนไทยลักลอบเข้าเมืองกลับประเทศ พร้อม โยนจนท. เอาผิดผู้ประกอบการย่านทองหล่อ ปล่อยคนแออัดจนโควิดระบาด

วันที่ 20 เมษายน พ.ศ.2564 ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี  ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์โควิด-19 ตามแนวชายแดน ว่า ขณะนี้ไม่มีอะไร เมื่อมีการเข้ามาก็ตรวจสอบและรับ ซึ่งต้องยอมรับว่าถึงขณะนี้มีการผลักดันคนที่ลักลอบเข้าเมืองไม่ถูกต้องตามกฎหมายออกมา อาทิ คนที่ไม่มีพาสปอร์ต วีซ่า หรือพวกหลบหนีเข้าเมืองก็ต้องผลักดันออกมา ทั้งนี้ ในส่วนของประเทศไทยถ้ามีการทำผิดกฎหมายก็ต้องจับกุม ซึ่งยังไม่ได้รับรายงานและตัวเลขคนที่หลบหนีเข้าเมือง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวเมียนมา ส่วนทางมาเลเซียและกัมพูชา ยังไม่มีรายงานเข้ามา

ผู้สื่อข่าวถามว่าทางประเทศมาเลเซียได้มีการประสานทางการไทยเข้ามาแล้วหรือยัง ในการผลักดันคนไทยที่หลบหนีเข้าเมืองกลับประเทศ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ยังไม่มีการประสานอะไรเข้ามา ทั้งนี้พลโทเกรียงไกร ศรีรักษ์ แม่ทัพภาค4 ลงไปดูพื้นที่ตั้งแต่เมื่อวานนี้แล้ว

นอกจากนี้พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ยังให้สัมภาษณ์ถึงกรณีประชาชนเรียกร้องให้เอาผิดกับเจ้าหน้าที่ที่ปล่อยปละละเลยให้มีการเปิดผับผิดกฎหมายย่านทองหล่อ รวมทั้งเอาผิดกับประกอบการด้วย ว่า ต้องให้เป็นเรื่องของทางเจ้าหน้าที่ว่าทำผิดหรือทำถูกอย่างไร ส่วนเรื่องการเอาผิดผู้ประกอบการที่ปล่อยให้มีคนเข้าไปอยู่อย่างแออัดนั้นเจ้าหน้าที่ต้องแล และดูว่าอันไหนผิดกฎหมายก็ทำตามขั้นตอน ซึ่งเจ้าหน้าที่ดูแลอยู่แล้ว อย่างไรก็ตามในส่วนการดูแลเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติในพื้นที่ ก็มีการดูแลอยู่แล้ว

‘บิ๊กป้อม’ บอก โควิดหายค่อยประชุม พปชร ‘ยัน’ ยังไม่มีความเร่งด่วน

วันที่ 20 เมษายน พ.ศ.2564 ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึง การเลื่อนกำหนดการประชุมใหญ่พรรคพลังประชารัฐ ว่า ยังไม่รู้ว่าจะประชุมเมื่อไหร่ โควิด-19 เลิกเมื่อไหร่ก็ประชุมเมื่อนั้น ตอนนี้ยังไม่มีความจำเป็นเร่งด่วนอะไรที่ต้องประชุมพรรค

รมช.แรงงาน มอบ กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน ปรับแผนการประชุมสัมมนาผ่านวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ ทำงานต่อเนื่องไม่หวั่นพิษโควิด-19 เดินหน้าจัดงานหาแนวร่วมช่วยคนพิการ

ศาสตราจารย์ นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า จากมาตรการที่รัฐบาลได้ประกาศขอความร่วมมือให้หน่วยงานภาครัฐ จัดเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานนอกสถานที่ จนถึง 30 เมษายน พ.ศ.2564 และงดการจัดงานประชุม สัมมนา ที่มีการรวมคนเกินกว่า 50 คน นั้น เพื่อให้การปฏิบัติงานการให้ความช่วยเหลือประชาชน โดยเฉพาะการช่วยเหลือกลุ่มเปราะบาง เช่น คนพิการ ควรมีการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง

ซึ่งกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน (กพร.) กระทรวงแรงงาน มีกำหนดจัดสัมมนาเชิงปฏิบัติการ เพื่อรับฟังข้อเสนอแนะแนวทางการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ ภายใต้ชื่องาน “เสริมฝีมือ สร้างสุข ให้อาชีพคนพิการ” และเชิญชวนให้สถานประกอบกิจการให้ความร่วมมือดำเนินการมาตรา 33 และมาตรา 35 ให้มากยิ่งขึ้น จึงมีการปรับแผนการสัมมนาเชิงปฏิบัติการดังกล่าว ผ่านวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 30 เมษายน พ.ศ.2564

ศาสตราจารย์ นฤมล กล่าวต่อว่า การจัดงานในครั้งนี้ต้องการเชิญชวนให้สถานประกอบกิจการจ้างคนพิการเข้าทำงานตามมาตรา 33 และดำเนินการตามมาตรา 35 ให้มากขึ้น ซึ่งการปฏิบัติตามมาตรา 35 มีหลายกิจกรรมที่สถานประกอบกิจการสามารถทำได้ เช่น จัดสถานที่จำหน่ายสินค้าหรือบริการ จัดจ้างเหมาช่วงงานหรือจ้างเหมาบริการโดยวิธีกรณีพิเศษ ฝึกงาน จัดให้มีอุปกรณ์ หรือสิ่งอำนวยความสะดวก ล่ามภาษามือ ความช่วยเหลืออื่นใดแก่คนพิการหรือผู้ดูแลคนพิการ เป็นต้น เพื่อลดการจ่ายเงินมาตรา 34 ให้น้อยลง

ปัจจุบัน มีสถานประกอบกิจการที่กระทรวงแรงงานมีข้อมูลหรือดำเนินการตามมาตรา 34 มีประมาณ 10,000 กว่าแห่ง จึงต้องการเชิญชวนสถานประกอบกิจการในกลุ่มนี้ ดำเนินการตามมาตรา 33 หรือ มาตรา 35 นอกจากนี้ ได้ร่วมมือกับมูลนิธิฯ สมาคมคนพิการทั้งหลายในการขับเคลื่อนการทำงานในครั้งนี้ด้วย

การสัมมนาในครั้งนี้ จัดสัมมนาผ่านวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ ดังนั้นสถานประกอบกิจการที่สนใจเข้าร่วมรับฟังข้อมูล สามารถแจ้งเข้าร่วมงานดังกล่าวได้ที่กองพัฒนาศักยภาพแรงงานและผู้ประกอบกิจการ 022453705 และติดตามการไลฟ์สด ผ่านเฟซบุ๊กไลฟ์ของกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน

“ปัจจุบันมีหลายบริษัทดำเนินการแล้ว แต่ต้องการกระจายความร่วมมือนี้ออกไปให้มากยิ่งขึ้น ตามแนวทาง “เพิ่มการจ้าง มีการจัดและลดการจ่าย” เพื่อนำไปสู่การพัฒนาทักษะและคุณภาพชีวิตคนพิการได้อย่างยั่งยืน การช่วยเหลือคนพิการหรือผู้ดูแลคนพิการ 1 คน ถือว่าได้ช่วยคนในครอบครัวนั้นได้ 3-4 คน และจะเป็นการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากของประเทศ” รมช.แรงงาน กล่าวในท้ายสุด


สนับสนุนข่าวโดย : แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ THE STATES TIMES Blockdit

คลิก : https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32

เป็นที่ทราบกันดีแล้วว่าในเทศกาลตะจ่านหรือสงกรานต์ในเมียนมาปีนี้ ไม่ได้มีการจัดและฝั่งกองทัพก็ไม่ได้จัดทำเวทีขึ้นในแต่ละเมืองเหมือนที่เคยทำมาในครั้งก่อนที่จะเกิดวิกฤตโควิด-19 ระบาด

ในขณะที่ฝั่งผู้เรียกร้องประชาธิปไตยก็รณรงค์ว่าช่วงวันหยุดสงกรานต์ครั้งนี้ให้งดการเล่นน้ำเพื่อเป็นการไว้อาลัยให้แก่ผู้เสียชีวิต โดยบางกระแสถึงขั้นพูดว่าหากใครเล่นน้ำหรือครอบครัวไหนเล่นน้ำ ครอบครัวนั้นเข้าข้างกองทัพ เดือดร้อนเอาผู้ปกครองที่มีเด็กเล็กๆ ที่ต้องหาเหตุผลอีกทีว่าทำไมปีนี้พวกเขาถึงเล่นน้ำไม่ได้

แต่ในขณะเดียวกัน ณ บรรยากาศบริเวณชายหาดอิรวดีไม่ว่าจะเป็นชายหาดงุยเซา หรือ ชายหาดชองตา ต่างคลาคล่ำไปด้วยผู้ที่เดินทางมาท่องเที่ยวจนการจราจรติดขัด หาดเนืองแน่นไปด้วยผู้คนที่หลั่งไหลมาเที่ยวจากทุกสารทิศ สวนกระแสกับสงกรานต์เงียบจนมีคนออกมาบอกว่าก็ไม่เล่นน้ำแล้วไง Beach Strike แทน

 

บรรยายกาศที่ชายหาดงุยเซาในช่วงเทศกาลตะจ่านที่ผ่านมา

 

เส้นทางการจราจรในบริเวณชายหาดงุยเซาคลาคล่ำไปด้วยนักท่องเที่ยวจนจราจรติดขัด

 

ในเทศกาลตะจ่านหรือสงกรานต์ในเมียนมาทุกปีนั้น ถ้าหากตัดงานกิจกรรมการเล่นน้ำออกไปแล้วละก็ ในอดีตย่างกุ้งหรือเมืองใหญ่ๆ หลายเมืองก็แทบเป็นเมืองร้าง เพราะห้างร้านเกือบ 100% จะปิดบริการหมด เนื่องจากพนักงานในร้านกลับบ้านต่างจังหวัดก็ดี หรือเจ้าของร้านเดินทางกลับต่างจังหวัดที่เป็นบ้านเกิดภูมิลำเนาของตนเองก็ดี

ซึ่งการเปิดบริการของร้านค้าจะเริ่มมีมากขึ้นในช่วงวันหยุดหลังรัฐบาลพรรคเอ็นแอลดีได้เข้ามาบริหารประเทศ แล้วปรับเปลี่ยนวันหยุดยาวช่วงสงกรานต์จากในอดีตที่เคยกำหนดให้หยุด 10 วัน แต่ตอนหลังให้เหลือเพียง 7 วัน แล้วนำวันที่เหลือไปหยุดชดเชยในวันหยุดอื่น ๆ แทน

ในอดีตในเมียนมาไม่มีวันหยุดสากลอย่างวันที่ 31 ธันวาคมเป็นวันหยุดวันสิ้นปีและวันที่ 1 มกราคมเป็นวันหยุดวันขึ้นปีใหม่

ดังนั้นในช่วงเทศกาลสงกรานต์รัฐบาลเมียนมาในอดีตจะกำหนดให้วันที่ 11 - 16 เมษายนเป็นวันหยุดในเทศกาลสงกรานต์ หรือ ตะจ่าน และวันที่ 17 - 20 เมษายน เป็นวันหยุดวันขึ้นปีใหม่ รวม 10 วัน เพื่อให้คนเมียนมาที่ทำงานไกล จากบ้านเกิดมีโอกาสได้เดินทางกลับไปยังบ้านเกิดเพื่ออยู่สังสรรค์กับครอบครัว เช่น คนที่มีบ้านเกิดในรัฐคะฉิ่น แต่มาทำงานที่ทวาย จะต้องเดินทางโดยรถบัสประมาณเกือบ 30 ชั่วโมงบนเส้นทางมากกว่า 1,600 กิโลเมตร แต่มาเปลี่ยนแปลงโดยเริ่มมีวันหยุดวันปีใหม่ในวันที่ 1 มกราคม เมื่อปี 2018 และเพิ่มวันหยุดวันสิ้นปีในวันที่ 31 มกราคม 2019 เมื่อเปรียบเทียบจำนวนวันหยุดราชการในอดีตของเมียนมาในยุคของรัฐบาลเต็งเส่งจะมีวันหยุด 23 วัน แต่ปัจจุบันมีการเพิ่มวันหยุดและวันหยุดชดเชยในกรณีที่หากวันหยุดนั้นตรงกับวันเสาร์หรืออาทิตย์เป็นจำนวนทั้งหมด 33 วันตามลำดับ


ที่มา: AYA IRRAWADEE


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top