Sunday, 27 April 2025
Hard News Team

ดีอีเอส สั่งการ NT ติดไวไฟ-ซีซีทีวี หนุน รพ.สนาม

นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) กล่าวว่า จากความจำเป็นเร่งด่วนที่ต้องมีการจัดตั้งโรงพยาบาลสนาม ในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ เพื่อรองรับการรักษาผู้ป่วยโควิด-19 และเป็นการป้องกันการแพร่ระบาด จึงได้มอบหมายให้ นางสาว อัจฉรินทร์ พัฒนพันธ์ชัย ปลัดกระทรวงดิจิทัลฯ ประสานงานไปยัง บมจ. โทรคมนาคมแห่งชาติ (NT) ให้ดำเนินการสนับสนุนติดตั้งระบบ Internet Wi-Fi ระบบโทรศัพท์ IP Phone รวมถึงระบบกล้องวงจรปิด (CCTV) ให้บริการกับเจ้าหน้าที่ บุคลากรทางการแพทย์ และผู้ติดเชื้อโควิด-19 ได้ใช้ในการติดต่อสื่อสาร โดยพร้อมอำนวยความสะดวกในการใช้งานให้กับ รพ.สนามทุกแห่ง ที่แจ้งความประสงค์เข้ามาที่ NT

โดยนับตั้งแต่สถานการณ์ระบาดโควิดรอบล่าสุด เริ่มแพร่กระจายเป็นวงกว้างมากขึ้น NT ได้เข้าไปสนับสนุนภารกิจของบุคลากรทางการแพทย์ ทั้งในส่วนของรถพยาบาลเคลื่อนที่และหน่วยคัดกรองผู้ป่วย รพ.สนาม รวมถึงสถานกักกันโรคแห่งรัฐ (SQ) สำหรับผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ ดำเนินการไปแล้วในหลายจังหวัด ได้แก่ เชียงใหม่ น่าน พิษณุโลก ประจวบคีรีขันธ์ เป็นต้น

และล่าสุดระหว่างวันที่ 17 -18 เม.ย. ที่ผ่านมา ได้เข้าไปช่วยติดตั้งและประสานงานอีกหลายจังหวัด ได้แก่ 1. รพ. มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย รองรับประมาณ 200 เตียง 2. รพ.สนาม มรภ.ราชนครินทร์ จ.ฉะเชิงเทรา ประมาณ 250 เตียง 3. รพ.สนาม มรภ.ร้อยเอ็ด จ.ร้อยเอ็ด ประมาณ 200 - 250 เตียง 4. รพ.สนาม มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่ รองรับ 200 เตียง 5. รพ.มหาวิทยาลัยพะเยา รองรับวอร์ดคนไข้ชั้น 2 และโถงทางเดิน 6. รพ.สมุทรปราการ มรภ.ธนบุรี สมุทรปราการ ทำ รพ. สนาม กับ Hospitel 7. รพ.ผู้สูงอายุบางขุนเทียน ขยายเตียงเพิ่ม 500 เตียง 8. รพ.สนามเอราวัณ 1 บางบอน ของ กทม. 9. รพ.สนาม ของ รพ. กลาง 10. รพ.สนาม ของ รพ. วชิรพยาบาล และ 11. รพ.สนาม จ.ขอนแก่น ตั้งที่ อบจ. ขอนแก่น

ทั้งนี้ หน่วยงานสาธารณสุข และ รพ.สนาม ที่มีความต้องการให้ NT เข้าไปสนับสนุนการติดตั้งระบบสื่อสารอินเทอร์เน็ต และ CCTV ในภารกิจป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 สามารถติดต่อเข้ามาได้ที่ บมจ. โทรคมนาคมแห่งชาติ (NT) โทร. 02-5001111
“ภารกิจดังกล่าว เป็นงานหนึ่งที่กระทรวงดิจิทัลฯ สนับสนุนได้ อีกทั้งยังจะช่วยประสานงานกับผู้ให้บริการมือถือและผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต เข้ามาช่วยติดตั้ง Wi-Fi ที่ รพ.สนามให้อีกด้วย ท้ายสุดนี้กระทรวงฯ และหน่วยงานในสังกัด รวมถึง NT ขอเป็นกำลังใจให้เจ้าหน้าที่ และผู้ป่วย ผ่านพ้นวิกฤตนี้โดยเร็ว” นายชัยวุฒิกล่าว

พม. เชิญชวนบริจาคสิ่งของจำเป็น ช่วยเหลือกลุ่มเปราะบาง คนพิการ และผู้ป่วยติดเตียง ที่เดือดร้อนจากโรคโควิด-19 ระลอกใหม่

วันนี้ 19 เมษายน พ.ศ.2564 ที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ถนนกรุงเกษม สะพานขาว กรุงเทพฯ นายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (รมว.พม.) เปิดเผยว่า

จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ระลอกใหม่ ที่ขยายวงกว้างในพื้นที่หลายจังหวัดทั่วประเทศและส่งผลกระทบต่อประชาชนอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบางทั้ง เด็ก เยาวชน คนพิการ ผู้สูงอายุ และผู้ด้อยโอกาสในสังคม ซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายของกระทรวง พม. ทั้งนี้ ตนจึงได้กำชับให้ทุกหน่วยงานสังกัดกระทรวง พม. ในทุกจังหวัดทั่วประเทศ เร่งช่วยเหลือกลุ่มเปราะบางที่ประสบปัญหาความเดือดร้อนอย่างเต็มที่ตามภารกิจของกระทรวง พม. พร้อมทั้งบูรณาการความร่วมมือกับภาคีเครือข่ายทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม รวมทั้งประชาชนและอาสาสมัครพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (อพม.) ในพื้นที่ 

นายจุติ กล่าวว่า สำหรับช่วงวันหยุดยาวของเทศกาลสงกรานต์ กระทรวง พม. โดย อพม. ในพื้นที่จังหวัดต่างๆ ได้เข้าสำรวจชุมชนและตรวจสอบกลุ่มเปราะบาง พบว่า มีผู้ประสบความยากลำบากเพิ่มมากขึ้นจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ระลอกใหม่ รวมไปถึงเรื่องของการขาดแคลนอาหาร ยา น้ำดื่ม นม และผ้าอ้อม เป็นต้น ทั้งนี้ กระทรวง พม. จึงขอเชิญชวนประชาชนร่วมบริจาคอาหารและสิ่งของที่จำเป็นสำหรับกลุ่มเปราะบางทั้งเด็ก คนพิการ ผู้สูงอายุ และผู้ป่วยติดเตียง อาทิ น้ำดื่ม บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ผ้าอ้อมสำหรับเด็กแรกเกิด คนพิการ และผู้สูงอายุ นมสำหรับเด็กและผู้ใหญ่ เป็นต้น ซึ่งกระทรวง พม.โดยพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัด (พมจ.) ทุกจังหวัด จะได้นำของบริจาคพร้อมทั้งอาหารปรุงสุก ไปมอบให้กับกลุ่มเปราะบางที่ไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้และต้องการความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน 

นายจุติ กล่าวเพิ่มเติมว่า  สำหรับประชาชนที่ต้องการร่วมบริจาคสิ่งของและเงิน เพื่อช่วยเหลือกลุ่มเปราะบาง สามารถบริจาคได้ที่ ศูนย์รับบริจาคกระทรวง พม. อาคารกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กระทรวง พม. หรือติดต่อศูนย์ช่วยเหลือสังคม ผ่านสายด่วน พม. โทร. 1300 บริการฟรี 24 ชั่วโมง และสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดทุกจังหวัด

สถานการณ์ COVID-19 ประเทศไทยและอาเซียน ประจำวันที่ 19 เมษายน พ.ศ.2564

สถานการณ์โควิด-19 ประเทศไทยและอาเซียน ยอดผู้ติดเชื้อในไทยยอดกว่า 1,390 ราย ขณะที่ในอาเซียนยอดยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง!

เป็นกระแสอีกครั้งหลังจากโลกออนไลน์ได้มีการแชร์ข้อความของนายต่อตระกูล ที่โพสต์ลงบนเฟซบุ๊กส่วนตัว เมื่อช่วงเดือน พ.ค. 63 ถึงกรณีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ที่ระบุว่า...

กลับมาเป็นกระแสในโลกออนไลน์อีกครั้ง หลังจากโลกออนไลน์ได้มีการแชร์ข้อความของ นายต่อตระกูล ยมนาค นายกสมาคมวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ ที่โพสต์ลงบนเฟซบุ๊กส่วนตัว เมื่อช่วงเดือน พ.ค. 63 ถึงกรณีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ที่ระบุว่า...

จีนรายงานว่ามีการติดเชื้อระหว่างกินอาหารในร้านห้องแอร์ และการติดเชื้อในรถโดยสารแอร์

กรณีในร้านอาหารนี้ แอร์ พัดเชื้อไวรัส กระจายไปติดไกล จาก 1 คนกระจายไปติด 8 คน ที่นั่งคนละโต๊ะได้

กรณีในรถทัวร์แอร์ นั่งนาน 5 ชั่วโมง ถึงคนป่วยหลบไปนั่งข้างหลังรถแล้ว ก็ยังกระจายไปติดคนที่นั่งข้างหน้าและข้างหลังรวม 7 คนกระจายไปไกลสุดถึง 4.5 เมตร มี 1 คนติดได้แม้จะขึ้นรถมาหลังผู้ป่วยลงจากรถไปแล้ว !

ระวังการอยู่ในห้องแอร์ สาธารณะ ที่แออัด ต้องใส่เครื่องป้องกันต่าง ๆ ให้ครบเหมือนอยู่ในโรงพยาบาล

ผมเตรียมใส่ mask ขึ้นเครื่องบิน และตั้งใจจะไม่เปิดหน้ากากออกมากินอะไร ตลอดเวลาบนเครื่องด้วย

ตอนนี้ยังไม่สมควรจะไปนั่งกินอาหารในห้องแอร์ เพราะแอร์เป่าเชื้อมาใส่ปากและจมูกเราได้ รวมทั้งบนเครื่องบินด้วย จึงไม่แปลกใจทำไมคนเดินทางจึงติดกันเยอะ

ที่สาธารณะ ที่เป็นห้องแอร์ อย่าถอดหน้ากากแม้แต่วินาทีเดียว


ที่มา: https://www.naewna.com/local/566919

เพจลุงซาเล้งกับขยะที่หายไป ได้โพสต์เรื่องราวดี ๆ หลังจากถนนในกรุงทาลลินน์เมืองหลวงของเอสโตเนียได้ถูกปิดเพื่อให้กบและคางคกหลายพันตัวเดินทางข้ามฟากได้อย่างปลอดภัยจากรถยนต์

เพจลุงซาเล้งกับขยะที่หายไป ได้โพสต์เรื่องราวดี ๆ ของประเทศเอสโตเนีย หลังจากถนนในกรุงทาลลินน์เมืองหลวงของเอสโตเนีย ได้ถูกปิดในยามค่ำคืนช่วงเดือนเมษายน เพื่อให้กบและคางคกหลายพันตัวได้เดินทางข้ามฟากได้อย่างปลอดภัยจากรถยนต์

ทั้งนี้กบและคางคกเหล่านั้น ต้องเดินทางเพื่อไปผสมพันธุ์ในแหล่งน้ำที่เป็นพื้นที่เพาะพันธุ์ของพวกมันที่อยู่อีกฟากถนน และต้องเดินทางกลับมาอีกฟากเพื่อหลบหนาว ซึ่งต้องทำซ้ำ ๆ เป็นวัฏจักรชีวิต แต่ก็มีความเสี่ยงต่ออุบัติเหตุ

แม้เมื่อเข้าฤดูใบไม้ผลิ จะมีบรรดาอาสาสมัครมาพาพวกมันข้ามถนน เนื่องจากพื้นผิวถนนที่อบอุ่นทำให้สัตว์สะเทินน้ำสะเทินบกอย่างพวกมันเชื่องช้าขึ้น โดยช่วยไว้ได้ถึง 97,000 ตัวในปีก่อนหน้า และปีที่แล้วอีก 2,000 ตัวบนถนนทาลลินน์

แต่ด้วยการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา ทำให้การช่วยเหลือดังกล่าวเป็นไปไม่ได้ในปีนี้ การปิดถนนจึงเป็นเพียงวิธีเดียวสำหรับช่วยสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำอย่างพวกมัน

ทั้งนี้ ทาลลินน์กำลังพิจารณาสร้างอุโมงค์ใต้ถนนเพื่อให้กบและคางคกข้าม หรือไม่ก็จัดหาสระน้ำในด้านที่พวกมันอยู่เพื่อหลบในฤดูหนาวต่อไปอีกด้วย


ที่มา:

https://www.facebook.com/208675086547938/posts/953080775440695/

https://www.reuters.com/business/environment/estonian-capital-closes-road-so-breeding-frogs-toads-can-cross-2021-04-15/

“รอง นรม.” สั่งเตรียมรับน้ำมากกว่าปกติต้นฤดูฝน และเฝ้าระวังพื้นที่เสี่ยงน้ำแล้ง

เมื่อวันที่ 19 เมษายน พ.ศ.2564 พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกประจำรองนายกฯ  เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รอง นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการ สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) เตรียมความพร้อมบริหารจัดการทรัพยากรน้ำในช่วงฤดูฝนปี 64 ซึ่งคาดการณ์ว่าช่วง เม.ย.- ก.ย. 64 ต้นฤดูฝนจะมีฝนมากกว่าค่าปกติ  เพื่อลดความเสียหายจากปัญหาอุทกภัย โดยเฉพาะพื้นที่เสี่ยงจากสถิติการเกิดอุทกภัย ที่เกิดปัญหาซ้ำ จากน้ำท่วม น้ำล้นตลิ่งและดินโคลนถล่ม

พล.อ.ประวิตร’ ยังได้กำชับ ขอให้ ทส.และ มท. ทำงานร่วมกับ สทนช.อย่างใกล้ชิด ประสานกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง นำสถิติข้อมูลที่มีอยู่มาวิเคราะห์ร่วมกับข้อมูลฝนคาดการณ์ในระบบ One Map กำหนดพื้นที่เสี่ยงนำ้ท่วมและพื้นที่ฝนทิ้งช่วง พร้อมกับปรับปรุงเกณฑ์บริหารจัดการน้ำในแหล่งน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลาง รวมทั้งเขื่อนระบายน้ำ  เพื่อกำหนดมาตรการรับมือในการบริหารจัดการน้ำพื้นที่ลุ่มต่ำ รองรับน้ำหลาก รวมทั้ง ให้เร่งขุดคูคลองและกำจัดผักตบชวา รวมทั้งปรับปรุงแก้ไขสิ่งกีดขวางทางน้ำตลอดลำน้ำสายหลัก  พร้อมกันนี้ให้พิจารณาเก็บกักรองรับน้ำในคราวเดียวกัน ทั้งการจัดทำแหล่งน้ำในพื้นที่และการเก็บน้ำใต้ดิน เพื่อรองรับการคาดการณ์ของฝนทิ้งช่วงที่จะเกิดขึ้น ระหว่าง ก.ค.- ก.ย. 64 

สำหรับพื้นที่เสี่ยงขาดแคลนน้ำ ขอให้เฝ้าระวังโดยให้ทบทวนและวางแผนการจัดสรรน้ำให้สอดคล้องกับปริมาณนำ้ต้นทุนและแหล่งน้ำในพื้นที่ให้เพียงพอในทุกกิจกรรม ทั้งการอุปโภคและบริโภค การรักษาระบบนิเวศ การเกษตรกรรม และการอุตสาหกรรม โดยต้องไม่เกิดปัญหาการขาดแคลนน้ำอุปโภคและบริโภค เพื่อให้ประชาชนทุกพื้นที่มีนำ้เพียงพอสำหรับประกอบอาชีพในภาพรวม

“ชวน” เผย ยังไม่ฉีดวัคซีนต้านโควิด บอกรอบุคลากรทางการแพทย์ฉีดให้ครบก่อน ย้ำต้องระมัดระวังตนเอง เข้มพื้นที่สภาฯ หลังหยุดยาวสงกรานต์

เมื่อวันที่ 19 เม.ย. ที่รัฐสภา นายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯ ให้สัมภาษณ์ถึงมาตรการดูแลรักษาความปลอดภัยภายในสภาฯ เนื่องจากสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ที่กำลังระบาดหนักระลอกใหม่ ภายหลังจากหยุดยาวเทศกาลสงกรานต์ว่า ที่ผ่านมาทางสำนักงานเลขาธิการสภาฯ ได้สั่งการไปหมดแล้ว โดยให้เพิ่มความเข้มงวด และมีการทำงานจากบ้าน หรือเวิร์ค ฟอร์ม โฮม ซึ่งขณะนี้ก็ยังไม่มีข้าราชการสภาฯ คนใดติดเชื้อ

ส่วนความคืบหน้าการดำเนินการฉีดวัคซีนให้กับส.ส. ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่สภาฯ นั้น ได้ดำเนินการระหว่างวันที่ 16 - 30 เม.ย. โดยมีผู้เข้าชื่อแจ้งความประสงค์สมัครใจจะฉีดประมาณ 200 คน แต่จากการสอบถามรองนายกรัฐมนตรีโดยตรงทราบว่ามีแพทย์ในพื้นที่ต่างจังหวัดยังไม่ได้ฉีด เพราะวัคซีนไม่เพียงพอ แต่เชื่อว่าเมื่อกระบวนการผ่านคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) แล้วก็น่าจะทั่วถึง เพราะเท่าที่รับฟังทราบว่าภายใน 1-2 สัปดาห์นี้ แพทย์ พยาบาล และบุคลากรทางการแพทย์ก็น่าจะฉีดวัคซีนได้หมด

เมื่อถามว่า ส่วนตัวได้ฉีดวัคซีนแล้วหรือยัง นายชวน กล่าวว่า ตนรอให้บุคลากรทางการแพทย์ฉีดวัคซีนให้ครบก่อนทุกคน ซึ่งตนก็ได้สอบถามไปว่าเขาจะได้ฉีดกันเมื่อไหร่ เขาก็บอกว่าภายใน 1-2 สัปดาห์นี้ ไม่งั้นจะหาว่านักการเมืองเอาไปก่อน ขณะที่บุคลากรผู้เสี่ยงต่อการติดเชื้อยังไม่ได้ฉีด ตนจึงรอให้เขาเรียบร้อยก่อน

“ไม่ใช่ว่าคนที่ไม่ฉีดแล้วจะติดเชื้อ เราต้องระมัดระวังตัวเอง ก็เห็นใจส.ส. ที่มีความเสี่ยง เพราะสัมผัสคนเยอะ และไปออกงานต่าง ๆ เกือบทุกวัน แต่คนที่เสี่ยงกว่าพวกเราก็มี คือบุคลากรทางการแพทย์แนวหน้า ทั้งนี้วิธีที่ดีที่สุดคือทุกคนอย่าหวังพึ่งวัคซีนเพียงอย่างเดียว แต่ต้องพึ่งตัวเอง หลีกเลี่ยงไม่ไปอยู่ในเหตุการณ์ที่อาจจะติดเชื้อได้ เพื่อช่วยลดความเสี่ยงและช่วยสังคมส่วนรวม ส่วนส.ส. ฉีดแล้วเมื่อพบกับชาวบ้านเขาจะมั่นใจหรือไม่ ผมมองว่าขาวบ้านไม่ได้สนใจว่าส.ส. ฉีดหรือไม่ฉีด เพราะอยากมาจับมือและอยากมาอยู่ใกล้มากกว่า” นายชวน กล่าว

เมื่อถามว่า ขณะนี้กระบวนการนำเข้าวัคซีนยังเป็นไปได้น้อย ทางสภาฯ มีกระบวนการใดช่วยประสานนำวัคซีนเข้ามาเพิ่มเติมได้หรือไม่ นายชวน กล่าวว่า สภาฯ คงไม่ไปเกี่ยวข้องและสภาฯ ไม่ได้เป็นผู้นำเข้ามา

“ผบ.ทสส.” เผย เข้าพบ นายกฯ ถามความพร้อม รพ.สนาม ห่วงชายแดนไทย-มาเลเซีย หลังคนไทยแห่กลับ เกรงรองรับไม่เพียงพอ ชี้! กองทัพนำงบช่วยโควิดไปเยอะ งบปี65 โดนตัด 11 % ยัน!กองทัพไม่มีไปเบิกงบกลางมาแก้โควิด หลังฝั่งการเมืองเสนอหั่นงบกลาโหม นำไปอุดหนุนจัดหาวัคซีนแท

เมื่อวันที่ 19 เมษายน พ.ศ.2564 พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.)  ในฐานะหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง (หน.ศปม.) เปิดเผยถึงการหารือกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ที่ ทำเนียบรัฐบาล เมื่อช่วงเช้า (19เม.ย.) ว่า นายกรัฐมนตรี ได้สอบถามผลการปฏิบัติของ ศปม. และ รพ.สนาม ในภาพรวม ว่ามีปัญหาอะไรหรือไม่ 

โดยขณะนี้ยังไม่มีปัญหาใด ๆ เช่น การจัดจุดตรวจเพิ่มเติม เป็นต้น ซึ่งที่ประชุม ศบค.ชุดใหญ่ ได้มอบหมายให้ ศบค.ชุดเล็ก ที่มี พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.)ในฐานะประธานคณะกรรมการศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ในการควบคุมการปฏิบัติและการเพิ่มมาตรการต่างๆ โดยที่ประชุม ศบค. ได้เน้นการขอความร่วมมือประชาชน โดยยังไม่อยากให้มีข้อบังคับใดๆขึ้นมา เพราะเกรงว่าจะเกิดกระแสต่อต้านจากลุ่มต่าง ๆ ขึ้น

“นายกรัฐมนตรี ห่วงใยพื้นที่แนวชายแดนไทย-มาเลเซีย เพราะมีคนไทยเดินทางกลับมาเยอะในช่องทางต่างๆ จึงห่วงจำนวนคนที่กลับเข้ามา จะไม่เพียงพอในการรองรับ” พล.อ.เฉลิมพล กล่าว

เมื่อถามว่า ฝ่ายการเมืองมีข้อเสนอให้หั่นงบกองทัพ 10 เปอร์เซ็นต์ เพื่อมาหนุนการจัดหาวัคซีนโควิด พล.อ.เฉลิมพล กล่าวว่า แนวทางการปฏิบัติ ยังไม่มีอะไร เพราะงบประมาณปี 2564 ทางกองทัพได้นำงบมาช่วยเหลือโควิดไปเยอะ พร้อมย้ำว่ากองทัพไม่มีการไปเบิกใช้งบกลางในการแก้ปัญหาโควิด ในส่วนงบประมาณกองบัญชาการกองทัพไทย ปี 2565 ถูกตัดไป 11 เปอร์เซ็นต์ ถือว่าเยอะพอสมควร แต่กองทัพก็อยู่ได้ ในส่วนเหล่าทัพยังไม่มีการตัดยอดเงินในโครงการที่ไม่ได้เป็นงบผูกพัน ซึ่งตนเชื่อว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร

กสทช. กำชับค่ายมือถือดูแลสัญญาณรับ WFH

นายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล รักษาการแทนเลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ กสทช. ได้กำชับผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ และผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตทุกราย ดูแลคุณภาพสัญญาณโทรศัพท์เคลื่อนที่ และอินเทอร์เน็ต ให้พร้อมรองรับการใช้งาน ของประชาชนจำนวนมากพร้อม ๆ กัน หลังจากรัฐบาลออกมาตรการสนับสนุนให้ประชาชนทำงานจากที่บ้าน (work from home) ในช่วงโควิด-19 ระบาดรอบใหม่ 

ทั้งนี้ กสทช. ยังขอให้ผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ทุกราย จัดส่งรถขยายสัญญาณเข้าในพื้นที่ โรงพยาบาลสนาม หน่วยงานสาธารณสุข ที่เกี่ยวข้องในการรักษา และควบคุมโรคโควิด-19 ให้พร้อมใช้งาน 24 ชั่วโมง เพื่อทีมบุคลากรทางการแพทย์สามารถใช้งาน โทรศัพท์เคลื่อนที่เพื่อติดต่อสื่อสารในภาวะวิกฤต

สำหรับผู้ประกอบการโทรศัพท์เคลื่อนที่ส่วนใหญ่ ทั้ง เอสไอเอส  ดีแทค และกลุ่มทรู ล่าสุดได้ทำการเพิ่มสัญญาณเครือข่าย มาตั้งแต่ช่วงสงกรานต์ และสนับสนุนบุคลากรทางการแพทย์ด้วยการส่งรถโมบายล์เคลื่อนที่ เข้าไปยังโรงพยายาลสนามต่าง ๆ ที่จัดตั้งขึ้น เพื่อให้บุคลากรทางการแพทย์และผู้ป่วยสามารถติดต่อสื่อสารได้อย่างสะดวก

“จตุพร” เฉ่ง “สิระ” แฉยับ! เคยต้องโทษติดคุกเรือนจำพิเศษ - พร้อมคดีหมิ่นประมาท คนแบบนี้ได้เป็น ส.ส. ย้อน “สิระ” มีกำพืดฉ้อฉลไม่อายหมาขี้เรื้อนหรือ? คนแบบนี้หรือ “ประยุทธ์”เอามาปกป้องตัวเอง

เมื่อ 19 เมษายน พ.ศ.2564  ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) เฟชบุ๊คไลฟ์ peace talk ตอบโต้นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.พลังประชารัฐ และประธานกรรมาธิการกฎหมายของสภาผู้แทนราษฎร โดยยกสุภาษีสวนกลับว่า พวกนายว่าขี้ข้าพลอย 
 
นายจตุพร อ่านข้อความที่ถูกนายสิระ กล่าวหาอย่างหยาบคายด้วยข้อความเท็จ พร้อมตอบโต้กลับว่า นายสิระ เป็นพวกมนุษย์ที่ไร้ค่า ไม่มีความน่าเชื่อถือ และก่อนมาเป็น ส.ส.ก็ถูกคดีอาญามากมาย ที่สำคัญคือ ตกเป็นจำเลยในคดีฉ้อโกง และใช้กำลังทำร้ายผู้อื่น แล้วยังเคยต้องโทษจำคุกที่เรือนจำพิเศษมาด้วย 
 
พร้อมทั้ง กล่าวว่า วันที่ 24 เมษายนนี้ ตั้งแต่เวลาบ่ายโมงตรง คณะสามัคคีประชาชนจะเปิดอภิปรายไล่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ผ่านช่องทางโซเชียลมีเดีย แต่ที่ผ่านมากลับมีพวกเส็งเคร็งทางการเมืองออกมาวิพากษ์วิจารณ์คณะสามัคคีประชาชน โดยเฉพาะนายสิระ ได้กล่าวหาตนอย่างหยาบคายด้วยข้อความอายหมาบ้างหรือไม่ ที่โหนกระแสเด็ก พวกขี้คุก ถูกคนเสื้อแดงเท และไม่มีใครเชื่อลมปากพวกคนล้มเจ้า 
 
นายจตุพร ตอบโต้นายสิระ ที่กล่าวหาโหนกระแสเด็กมาเรียกมวลชน ว่า นายสิระ นอกจากปากหมาแล้ว ใจยังหมาขี้เรื้อนด้วย และพวกโหนเป็นพวกที่เลวที่สุดที่เอาสถาบันมาปกป้องตัวเองแล้วทำลายคนอื่น 
 
“ผมยืนยันอย่างชัดเจนมาแต่ต้นว่า ผมมีแนวทางเดียว คือ ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพรประมุข ด้วยความเข้าใจกันเป็นอย่างนี้และพูดชัดมาแต่ต้น” 
 
ส่วนการแสดงคิดเเห็นถึงสิทธิประกันตัวนั้น ตนกล่าวอย่างพื้นฐานที่มนุษย์ควรได้รับสิทธินี้ แล้วยังเป็นเรื่องเมตตาที่วังคมต้องให้ระหว่างกัน ไม่ใช่ใครไปโหนใคร ซึ่งการกล่าวเช่นนั้น ไม่ใช่การปลุกมวลชน หรือโหนกระแสเด็ก เพราะคณะสามัคคีประชาชนยังไม่ถึงขั้นเรียกมวลชนชุมนุมเอาจริง  
 
อีกอย่างการชุมนุมที่สวนสันติธรรมเมื่อ 4-5 และ 7 เม.ย.ที่ผานมานั้น  เป็นเพียงการทำความเข้าใจกันว่า ระบอบประยุทธ์ ได้ทำให้บ้านเมืองกำลังล่มจมพินาศ ไม่ใช่การชุมนุมที่เรียกระดมพล รวมทั้งยามที่บ้านเมืองใกล้พินาศนั้น กลับมีคนได้ประโยชน์จะระบอบอประยุทธ์ ที่เอาคน สับปะรังเคอย่างนายสิระ มาค้ำบัลลังก์ น่าอับอายขายขี้นหน้าที่สุด 
 
นอกจากนี้ ตนเคลื่อนไหวทางการเมืองมาตลอดตั้งแต่วัยเด็ก ได้นำการต่อสู้กับคณะทหารยึดอำนาจในเหตุการณ์พฤษภา 35 ที่ชุมนุมในมหาวิทยาลัยรามคำแหง ดังนั้น ตนไม่จำเป็นต้องแสวงหาชื่อเสียงใดๆเพิ่มเติม 
 
“นายสิระ ถ้าถามว่าคนหน้าด้าน ปากหมา ใจหมาควรจะอับอายนั้น คือ คนที่มีพฤติการณ์ฉ้อโกง ทำร้ายร่างกายผู้อื่น คนแบบนี้ที่เข้ามาเป็น ส.ส. มีพฤติกรรมติดคุกเพราะคดีขี้ฉ้อทั้งหลาย ซึ่งศล รธน.กำลังจะวินิจฉัย ถ้าดูจากสาระแล้วคงช่วยกันยาก” 
 
อีกทั้ง ที่บอกว่าก้าวล่วงสถาบันนั้น นายจตุพร กล่าวว่า เป็นการใส่ร้าย เข้าข่ายหมิ่นประมาท เพราะการเรียกร้องให้ปล่อยตัวคนหนุ่มสาวคณะราษฎรนั้น เป็นสิทธิของผู้ต้องหา ซึ่งเป็นเรื่องปกติ ดังนั้น ควรมีพื้นที่ของความเห็นต่างได้ และมนุษย์พึ่งมีให้แก่กัน แต่ตนไม่ก้าวล่วงในเนื้อหาของคดี 112  
 
ส่วนการดำเนินคดีของกองบัญชาการตำรวจนครบาลนั้น นายจตุพร กล่าวว่า การชุมนุมที่ผ่านมาจะถูกกล่าวหาเป็นคดีเดียว แต่ยุคนี้กลับเล่นกันเป็นรายวัน จึงเป็นกรณีเปรียบเทียบ แสดงถึงการตั้งข้อหามิชอบ 
 
“ประยุทธ์ ไม่รู้กำพืดของสิระหรือ เพราะมีคดีมากมายทั้งออกเช็คเด้ง มีคดีฉ้อโกง ถูกกล่าวหาปลอมเอกสารทางราชการ เคยติดคุกในเรือนจำพิเศษ ยังมีคดีหมิ่นประมาทอีก 11 คดี คดีขับรถเร็วประมาท  แล้วยังมีคดีทำร้ายร่างกายคนอื่น คนแบบนี้หรือที่มาปกป้องคนดี ประยุทธ์จะไม่รู้สึกรู้สาได้อย่างไง และเอาไปเป็นประธานกรรมาธิการกฎหมายได้ไง เพราะคนนี้ยิ่งกว่าน้ำเน่าเสียอีก” 
 
นายจตุพร กล่าวว่า การเรียกร้องให้ประยุทธ์ ออกไปนั้น ต่างใช้ความคิดเห็นแบบมีวุฒิภาวะ โดยเฉพาะการแก้ปัญหาโควิดล้มเหลว จนประชาชนขาดความเชื่อมั่น และเศรษฐกิจย่ำแย่ โรงแรมต้องปิดตัวแล้วประกาศขาย ซึ่งมีแต่ทุนต่างชาติเท่านั้นจะสามารถซื้อได้ 
 
พร้อม ระบุว่า วันนี้ เราพยายามทำความคิดกับประชาชนและต้องสามัคคีกันเฉพาะหน้า เพื่อจัดการรัฐบาล อีกทั้งคุณภาพของรัฐบาลจะมีแค่ไหนต้องต้องดูจาก ส.ส.ที่เลือกรัฐบาลนั่นเอง


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top