Sunday, 27 April 2025
Hard News Team

“บิ๊กตู่” ถก ศบค.ชุดใหญ่ รับห่วงหลายเรื่อง จำเป็นต้องปรับมาตรการตามความจำเป็น

เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 16 เมษายน 2564 ที่ตึกสันติไมตรี (หลังนอก) ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ครั้งที่ 5/2564 ผ่านระบบการประชุมทางไกล (Video Conference) โดยนายกรัฐมนตรี กล่าวช่วงต้นการประชุมว่า 

ขอขอบคุณทุกภาคส่วนในการบริหารสถานการณ์โควิดด้วยดีเสมอมา ถึงแม้จะมีการแพร่ระบาดในช่วงที่สามที่มีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น จนทำให้ประชาชนตื่นตระหนก ซึ่งเราก็ต้องปรับมาตรการตามความจำเป็น ตนเองก็มีข้อห่วงใยหลายเรื่องด้วยกัน ทั้งเรื่องการจัดหาวัคซีน การฉีดวัคซีน การบริหารจัดการโควิดไม่ให้มีการแพร่ระบาด ในการตรวจสอบการคัดกรอง การใช้โรงพยาบาลสนาม และการเตรียมจัดหาวัคซีนทางเลือกให้กับภาคเอกชน เราไม่เคยหยุดยั้งการทำงาน ต้องขอขอบคุณคณะทำงาน ศบค. คณะทำงานกระทรวงสาธารณสุข ที่ได้มีการประชุมหารือกันทุกวันในช่วงที่ผ่านมา ต้องขอขอบคุณในความเสียสละของท่านด้วย

สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรได้แจ้งทางแอปพลิเคชันไลน์ ถึง ส.ส. สามารถไปรับการฉีดวัคซีนได้ที่สถาบันบำราศนราดูร

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรได้แจ้งทางแอปพลิเคชันไลน์ ถึง ส.ส. ในการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ว่า ส.ส.ที่มีความประสงค์ฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 สามารถไปรับการฉีดวัคซีนได้ที่ สถาบันบำราศนราดูร ห้องประชุมอัจฉรา วันที่ 16-30 เม.ย. เวลา 09.00-16.00 น. ในวันเวลาราชการ สำหรับส.ส. ท่านใดที่อยู่ในระหว่างการกักตัว สามารถรับบริการได้หลังจากที่ครบกำหนดการกักตัวแล้วนั้น

เมื่อวันที่ 16 เม.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ห้องประชุมอัจฉรา สถาบันบำราศนราดูร ตั้งแต่เวลา 09.00 น. ได้มี ส.ส. ทยอยไปรับการฉีดวัคซีน โดยมีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข มาดูแลความเรียบร้อยด้วยตัวเอง พร้อมให้กำลังใจเจ้าหน้าของกระทรวงสาธารณสุข โดย ส.ส.ที่อายุมากกว่า 60 ปีจะฉีดวัคซีนแอสตราเซเนกา ส่วน ส.ส.ที่อายุต่ำว่า 60 ปี จะฉีดวัคซีนซิโนแวค

โดย ส.ส. ที่เดินทางไปฉีดวัคซีนในช่วงเช้า อาทิ นายพรชัย ตระกูลวรานนท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ น.ส.ธณิกานต์ พรพงษาโรจน์ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ นายจิรพงษ์ ทรงวัชราภรณ์ ส.ส.นนทบุรี พรรคเพื่อไทย นายธีรัจชัย พันธุมาศ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล นายสุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล เป็นต้น

ด้าน น.ส.ธณิกานต์ พรพงษาโรจน์ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ เปิดเผยภายหลังการฉีดวัคซีนว่า ตนได้ฉีดวัคซีนซิโนแวคเพราะอายุไม่ถึง 60 ปี ซึ่งหลังจากฉีดวัคซีนแล้วนั่งรอดูอาการ 30 นาที ก็ไม่มีอาการแพ้วัคซีนแต่อย่างใด ทั้งนี้ การฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันโรคเป็นความหวังและหนทางสำคัญอย่างยิ่งที่จะช่วยลดการติดเชื้อและความสูญเสียในระดับชาติ เกิดเป็นแนวคิด "ฉีดวัคซีนช่วยชาติ" คือ หากประชาชน 60-70% ในประเทศฉีดวัคซีนก็จะเกิดภูมิคุ้มกัน ไวรัสก็จะหายไป สำหรับผู้ที่ต้องการฉีดวัคซีน สามารถลงทะเบียนจองได้ทางไลน์ออฟฟิเชียล "หมอพร้อม" ได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

“เสกสกล” จวก “อมรัตน์” สมองกะโหลกกะลา ไร้แก่นสาร จ้องคิดลบกับรัฐบาล เหน็บ ทำได้คิดแค่เกาะหลังม็อบสามนิ้ว

เมื่อวันที่ 16 เมษายน พ.ศ.2564 นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวตอบโต้นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก “รำคาญทุกจำนวน นับทุกแถลงการณ์ และทุกสถิติของรัฐกะลา ไม่ตื่นเต้นและไม่เชื่ออะไรทั้งนั้น” ว่า หากนางอมรัตน์ ไม่อยากฟัง ไม่เชื่อในความสามารถของนายกรัฐมนตรีในการแก้โควิด-19 ก็ไม่เป็นไร เพราะคนส่วนใหญ่ทั้งประเทศฟัง แต่อย่าเป็นตัวถ่วง และที่หัวหน้าพรรคก้าวไกล นำส.ส. พรรค ไปรับการฉีดวัคซีน ที่สถาบันบำราศนราดูร เพื่อรณรงค์ให้ประชาชนตระหนักที่จะรับวัคซีนในวันที่ 1 พ.ค.นี้ เรียกว่าทำตามนโยบายของรัฐหรือไม่ และแสดงว่าหัวหน้าพรรคก้าวไกล และส.ส.เห็นความสำคัญ

“คงมีแค่นางอมรัตน์ ที่สมองกะโหลกกะลา ชอบกล่าวหานายกฯและรัฐบาล คนประเภทนี้สมองกลวง ชอบมองโลกในแง่ร้าย คิดลบตลอดเวลา คิดแต่เรื่องโจมตีใส่ร้ายแบบไร้สาระ และมีนิสัยที่คนไทยทั้งประเทศรู้ดีว่า ชอบไปร่วมชุมนุมกับม็อบสามนิ้วที่ก้าวล่วง จาบจ้วงสถาบัน และชอบโชว์เอาตำแหน่ง ส.ส.ประกันตัวให้แกนนำคนที่คิดล้มล้างสถาบัน ให้การสนับสนุนแกนนำสามนิ้วทุกรูปแบบ จนคนไทยส่วนใหญ่ที่ปกป้องสถาบัน รู้ถึงนิสัยสันดานจนเอือมระอา และตั้งฉายาให้ว่า เตี้ยหลังม็อบ เพราะชอบแอบเข้าไปร่วมชุมนุมกับม็อบสามนิ้วทุกครั้ง นี่คือพฤติกรรมของคนที่มีหัวกะโหลกกะลา หาอะไรที่เป็นแก่นสารกับชีวิตไม่ได้เลยสักเรื่อง” นายเสกสกล กล่าว

“อนุทิน” ชง ศบค.ชุดใหญ่ “คุมเข้มจ.สีแดง ปิดสถานบันเทิง ยาวสิ้นเม.ย.-ห้ามสังสรรค์ในครอบครัว-ให้อำนาจผู้ว่าฯตัดสิน ห้ามออกนอกเคหะสถานหรือไม่ -ไม่ห้ามข้ามจังหวัด แนะปชช.ให้ดูข้อกำหนดแต่ละพื้นที่ ย้ำ เตียงรพ.ยังเพียงพอ ริงรับสถานการณ์

วันที่ 16 เมษายน พ.ศ.2564 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19)หรือ ศบค.ว่า ทางสาธารณสุข จะเสนอที่ประชุมพิจารณามติของคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ เมื่อวันที่ 15 เมษายน ที่เสนอปรับโซนสีพื้นที่จังหวัดทั่วประเทศ ส่วนการเดินทางของประชาชนยังคงเดินทางไปมาได้ แต่ขึ้นอยู่กับข้อกำหนดของแต่ละจังหวัดจะออกมาตรการรองรับอย่างไร รวมถึงให้ผู้ว่าราชการจังหวัดมีอำนาจตัดสินใจเรื่องการออกนอกเคหะสถาน เช่น จังหวัดสมุทรสาคร เคยประกาศก่อนหน้านี้เพราะเขาทราบถึงสถานการณ์ในจังหวัดดี 

โดยมาตรการในภาพรวมของทั้งประเทศ พยายามจะให้เกิดผลกระทบต่อประชาชนน้อยที่สุด แต่จะเข้มข้นขึ้นบางเรื่อง โดยจะเสนอห้ามการจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในร้านอาหารและสถานประกอบการต่าง ๆ และให้ปิด ผับ บาร์ คาราโอเกะ ไปจนถึงสิ้นเดือนเมษายนนี้ เพราะหวังว่าถ้าประชาชนรวมกลุ่มกันน้อยลง จะลดการแพร่ระบาดได้ ส่วนการจำหน่ายสุราในร้านค้าทั่วไป จะขอความร่วมมือให้ซื้อกลับไปกินที่บ้านแต่ไม่ใช่ว่าห้ามขายในร้านอาหารแล้วไปนัดกันที่บ้าน ดังนั้นจะเสนอศบค.ไม่ให้มีการเลี้ยงสังสรรค์กันสำหรับคนในครอบครัวเพิ่มเติม เพราะจะเป็นการรวมตัวของคนจำนวนมาก 

เมื่อถามถึงกระแสข่าวการรวมกลุ่มเล่นการพนันในโรงพยาบาลสนาม นายอนุทิน กล่าวว่า ยังไม่ได้รับรายงาน คงไม่มีถึงขนาดนั้น ซึ่งผู้ป่วยในโรงพยาบาลสนามทุกคนถือเป็นผู้ป่วยจะไม่มีการแพร่เชื้อกันเพิ่มขึ้น แต่ถ้ามีการตั้งวงเล่นการพนันกันก็คงต้องออกจากโรงพยาบาลสนามไปเข้าคุก เรื่องนี้ผู้รับผิดชอบในโรงพยาบาลสนามคงต้องไปดูแล หากเป็นการเล่นเพื่อผ่อนคลายไม่ใช่การพนัน คลายเครียดเล่นดีดนิ้ว ไม่ได้แพร่กระจายเชื้อก็โอเค ทั้งนี้วงรอบของการแพร่เชื้อจะอยู่ที่ 2 สัปดาห์ ขอให้เราอึดกันอีก 2 สัปดาห์จะต้องดีขึ้น แม้ตัวเลขอาจจะไม่เป็นศูนย์ แต่เมื่อมีมาตรการออกมา 2 สัปดาห์นี้ตัวเลขจะลดลง หากเราหย่อนมาตรการวงรอบจะไม่ตัดวงจรการระบาด ดังนั้น 2 สัปดาห์หลังจากนี้เราคิดว่าน่าจะตัดวงจรได้ระดับหนึ่ง แต่ถ้าเข้มสุด ๆ ก็กังวลว่าประชาชนจะเดือดร้อน เราพยายามทำในระดับที่ระบบสาธารณสุขยอมรับได้ และได้รับความร่วมมือจากประชาชน ก็จะสามารถประดับประคองสถานการณ์เข้าสู่สภาวะปกติได้

เมื่อถามถึงความพร้อมเตียงสำหรับคนไข้ นายอนุทิน กล่าวว่า ยืนยันว่ามีเพียงพอ แต่บุคคลากรทางการแพทย์เรามีเท่านี้ ดังนั้นเมื่อเราใช้มาตรการที่เข้มข้นอยู่ในช่วงนี้ก็หวังว่าจะได้รับความร่วมมือจากประชาชนมนการป้องกันตัวเองด้วย เพราะจำนวนผู้ป่วยแต่ละวัน ในช่วงสัปดาห์หลังจากนี้จะค่อย ๆ ลดลงไป ขณะที่กทม.ก็เตรียมโรงพยาบาลสนามไว้แล้ว ถ้าไม่ถึงขั้นจำเป็นมากเราก็อยู่ในระบบสาธารณสุข ในโรงพยาบาลจะดีกว่า แต่ถ้าเราไม่มีมาตรการอะไรเลยแบบนั้นจะไม่พอ จำเป็นต้องใช้โรงพยาบาลสนาม และต้องเน้นการรักษาที่บ้าน ซึ่งเราไม่อยากให้ไปถึงจุดนั้น ยืนยันตอนนี้ยังดูแลไหวอยู่ ก็อยากให้ทุกคนได้รับการดูแลจากแพทย์อย่างเต็มที่ แต่ก็ยอมรับว่าการเข้ารักษาตัวของประชาชนตอนนี้ยากกว่าเดิม เพราะตัวเลขผู้ติดเชื้อสูงกว่าก่อนหน้านี้ 

ตอนนี้ถ้าใครเป็นก็ขอว่าให้กักตัวอยู่ในบ้านและเว้นระยะห่างกันที่สุด หน้ากากอนามัยต้องไม่หลุด แต่ระบบก็จะไล่ส่งรถไปรับให้ทุกคนมารักษาพยาบาล และตอนนี้ก็เริ่มมีการให้ผู้ป่วยที่มีรถส่วนตัวให้เข้ามาที่โรงพยาบาลเพื่อเข้ารับการรักษา เป็นการช่วยเหลือซึ่งกันและกัน สำหรับแผนการกระจายวัคซีนที่เพิ่งได้รับมา 1 ล้านโดสเมื่อวันที่ 10 เมษายน ที่ผ่านมา จะเน้นกระจายไปที่บุคลากรทางการแพทย์ให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ ยืนยันเราไม่ปิดกั้นการจัดหาวัคซีนและพร้อมให้ทุกฝ่ายร่วมดำเนินการ

กลายข่าวสะเทือนสายการบินสัญชาติสิงคโปร์วันนี้ เมื่อทางการฮ่องกงมีคำสั่งระงับเที่ยวบินของ Scoot สายการบินราคาประหยัดในเครือของสิงคโปร์แอร์ไลน์เป็นเวลานานถึง 2 สัปดาห์

กลายข่าวสะเทือนสายการบินสัญชาติสิงคโปร์วันนี้ เมื่อทางการฮ่องกงมีคำสั่งระงับเที่ยวบินของ Scoot สายการบินราคาประหยัดในเครือของสิงคโปร์แอร์ไลน์ เส้นทางสิงคโปร์ ไปฮ่องกงเป็นเวลานานถึง 2 สัปดาห์ ตั้งแต่วันที่ 16-29 เมษายน ค.ศ.2021 นี้ เนื่องจากตรวจพบผู้โดยสาร 2 คน ติดเชื้อ Covid-19 บนเที่ยวบินที่ขาไปฮ่องกง

ผู้โดยสารทั้ง 2 คนเดินทางไปกับสายการบิน Scoot เที่ยวบิน TR980 จากท่าอากาศยานสิงคโปร์ไปฮ่องกงเมื่อวันที่ 11 เมษายนที่ผ่านมา ซึ่งปัญหาคือ ผู้โดยสารทั้ง 2 คน มีผลตรวจเชื้อเป็นลบก่อนเดินทางออกจากสิงคโปร์ แต่กลับพบผลตรวจเป็นบวกเมื่อไปถึงที่ท่าอากาศยานฮ่องกง

และยังพบว่ามีผู้โดยสารบางคนมีเอกสารประกอบการเดินทางไม่เป็นไปตามข้อกำหนดด้านการควบคุมโรคระบาดของทางการฮ่องกง จึงเป็นเหตุให้รัฐบาลฮ่องกงตัดสินใจระงับเที่ยวบินจากสิงคโปร์สู่ฮ่องกงของสายการบิน Scoot เป็นเวลา 2 สัปดาห์ แต่คำสั่งนี้ไม่มีผลกับเที่ยวบินขากลับ ฮ่องกง สู่สิงคโปร์ ผู้โดยสารยังสามารถเดินทางได้ตามปกติ

ก่อนหน้านี้ ทางฮ่องกงเคยสั่งระงับเที่ยวบินของสายการบินสิงคโปร์แอร์ไลน์มาแล้ว เมื่อพบผู้โดยสาร 1 คนบนเครื่องติดเชื้อ Covid-19 และมีผู้โดยสารอีก 3 คนที่ไม่ทำตามระเบียบเรื่องการควบคุมโรคของสายการบิน จึงทำให้สิงคโปร์แอร์ไลน์ถูกระงับเที่ยวบินจากสิงคโปร์เข้าสู่ฮ่องกงเป็นเวลา 2 สัปดาห์เช่นกัน และเพิ่งพ้นโทษแบนในวันนี้ 16 เมษายน ก็มาเกิดเหตุกรณีเดียวกันกับสายการบิน Scoot ต่อทันที

ตอนนี้ รัฐบาลฮ่องกง และ สิงคโปร์กำลังเข้าสู่การสรุปรายละเอียดในการทำข้อตกลง "ระเบียงท่องเที่ยว" หรือ Travel Bubble ร่วมกัน เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว ที่จะทำให้พลเมืองทั้ง 2 แห่งสามารถเดินทางเข้า-ออก ประเทศได้ทันทีโดยไม่จำเป็นต้องกักตัว 14 วัน โดยมีเงื่อนไขว่า ทั้งสิงคโปร์ และ ฮ่องกง จะต้องไม่มีเคสการติดเชื้อที่ไม่ทราบที่มาเกินกว่า 5 เคสในรอบ 7 วัน และผู้เดินทางต้องได้รับการฉีดวัคซีนแล้ว

แต่หากยังตรวจพบผู้โดยสารที่ติดเชื้อ Covid-19 บนเที่ยวบินระหว่างเดินทาง อาจทำให้โครงการ Travel Bubble ระหว่าง ฮ่องกง-สิงคโปร์ อาจต้องเลื่อนไปก่อนอย่างไม่มีกำหนดก็เป็นได้


อ้างอิง:

https://www.straitstimes.com/singapore/transport/scoot-flights-from-spore-barred-from-landing-in-hong-kong-for-2-weeks-after-2

https://www.channelnewsasia.com/news/singapore/covid-19-scoot-hong-kong-bars-passenger-flights-singapore-14627588

https://thethaiger.com/hong-kong/hong-kong-slaps-singapore-airlines-with-2-week-ban-over-covid-infractions

https://www.straitstimes.com/singapore/transport/spore-and-hk-finalising-details-of-air-travel-bubble-hope-to-announce-plans-soon

น.ส.รสนา โตสิตระกูล อดีตส.ว. โพสต์ความเห็นผ่านเฟซบุ๊ก ส่วนตัวเกี่ยวกับสถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด ในขณะนี้มีรายละเอียดว่า...

น.ส.รสนา โตสิตระกูล อดีตส.ว. โพสต์ความเห็นผ่านเฟซบุ๊ก ส่วนตัวเกี่ยวกับสถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด ในขณะนี้มีรายละเอียดว่า... คนไทยไม่ใช่หนูทดลองวัคซีน-รู้ให้เท่าทันการล่าอาณานิคมวัคซีน เชื้อโควิด-19 เป็นไวรัสที่มีหนามจึงมีชื่อว่า โคโรน่าไวรัส แปลว่าไวรัสที่มีมงกุฎหนาม ซึ่งเป็นเชื้อไวรัสที่แพร่กระจายเร็ว มีความรุนแรงและแพร่ระบาดไปในระดับโลก โดยอัตราการเสียชีวิตในระยะแรกจะสูงมาก

อย่างไรก็ตาม ไวรัสเป็นสิ่งมีชีวิตที่ปรับตัวเก่ง ในยามเริ่มแรกไวรัสโควิด-19 ยังเป็นพวกป่าเถื่อนอยู่ที่ทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิตเลย เปรียบเทียบกับโรคโคโรนาไวรัสซาร์สตัวแรกเมื่อ 18 ปีก่อน ซึ่งเป็นเชื้อไวรัสที่มีมงกุฏหนามเช่นกันแต่เมื่อผู้ป่วยเสียชีวิต เชื้อไวรัสก็ตายด้วย ทำให้ซาร์ส-1 สูญหายไปเองอย่างรวดเร็ว โดยไม่ต้องใช้ยาฆ่าเชื้อหรือฉีดวัคซีนสารพัดยี่ห้อเหมือนเดี๋ยวนี้ ที่เรากำลังเผชิญหน้ากับโควิด-19 หรือ ซาร์ส-2 แม้จะรุนแรงน้อยกว่าซาร์ส-1 แต่ก็สิงสถิตอยู่กับเผ่าพันธุ์มนุษย์ได้ยาวนานกว่ามาก และยังไม่มีใครตอบได้ว่าเจ้าโคโรนาไวรัสซาร์ส-2 หรือโควิด-19 จะอยู่กับเราไปอีกนานแค่ไหน

ถ้าเราลองนึกย้อนกลับไปในระยะใกล้ ๆ นี้ ยังไม่เคยมีการค้นพบวัคซีนป้องกันโรคไวรัสอุบัติใหม่ใดใดได้สำเร็จเลย จนกระทั่งโรคระบาดเหล่านั้นสูญหายไปเองในปีเดียว โดยไม่ต้องใช้วัคซีนเลย เช่น ไข้หวัดนก ไข้หวัดใหญ่2009 โรคซาร์ส โรคเมอร์ส เป็นต้น

ในขณะที่ไข้หวัดใหญ่ที่ผลิตวัคซีนออกมา กลับมีการกลายพันธุ์ของเชื้อไวรัสใหม่ทุกปี แม้แต่โรคไวรัสเอดส์ ซึ่งเป็นโรคอุบัติใหม่ร้ายแรงในอเมริกามาตั้งแต่ปี 2524 และเชื้อไวรัสเอดส์ยังอยู่กับเรามาจนบัดนี้ มีตัวเลขเมื่อปี 2563 นี้เองว่ามีผู้ติดเชื้อ HIV ทั่วโลกราว 37 ล้านคน กล่าวเฉพาะในกรุงเทพฯ ของเราจังหวัดเดียว ยกตัวอย่างในปี 2562 มีผู้ติดเชื้อ HIV ราว 77,558 คน และมีผู้เสียชีวิตที่รายงานว่าตายเพราะเอดส์ในปีเดียวกันจำนวน 1,877 คน ในปัจจุบันเรามีแต่ยาต้านเชื้อเอดส์ แต่ไม่มีวัคซีนป้องกันเอดส์แม้แต่เข็มเดียว ทั้งที่พวกบริษัทผลิตวัคซีนยักษ์ใหญ่มีเวลายาวนานถึง 40 ปี แต่ทำไมไม่มีความสามารถในการผลิตวัคซีนเอดส์

ในช่วงหลังจะพบว่าไวรัสโควิด-19 มีการปรับตัวมากขึ้นเพื่อจะได้ดำรงอยู่กับผู้ติดเชื้อได้ จึงมีการกลายพันธุ์ ที่พบขณะนี้อย่างน้อย 3 สายพันธุ์ คือ (1) สายพันธุ์อังกฤษ B.1.1.7 (2) สายพันธุ์แอฟริกาใต้ B.1.351 และ (3) สายพันธุ์บราซิล P.1 ยังไม่มีหลักฐานว่าไวรัสโควิดสายพันธุ์ใหม่ 3 สายพันธุ์นั้น ชนิดใดที่ทำให้ผู้ติดเชื้อมีอาการป่วยรุนแรงมากกว่าไวรัสโควิดสายพันธุ์เดิม โดยผู้ที่มีความเสี่ยงสูงที่สุดคือผู้สูงอายุหรือผู้ที่มีโรคประจำตัวอยู่แล้ว ไวรัสทั้ง 3 สายพันธุ์นี้มีการเปลี่ยนแปลงที่ปุ่มโปรตีน ซึ่งเป็นส่วนที่ไวรัสใช้ในการยึดเกาะกับเซลล์ในร่างกายมนุษย์ ทำให้สามารถที่จะเข้าสู่เซลล์และแพร่กระจายได้ง่ายขึ้น

โชคดีของคนไทยที่โควิด-19 ในระลอก 2 และ 3 ในประเทศเรานี้ มีอัตราความรุนแรงต่ำลงจากปีที่แล้ว โดยจากเดิมเมื่อปี 2563 ประเทศไทยมีอัตราการเสียชีวิต 2.95% แต่ปัจจุบันแม้มีผู้ติดเชื้อมาก แต่อัตราการเสียชีวิตต่ำกว่า 0.34% แปลว่าความรุนแรงของโรคลดลงมาก แม้ยังไม่ได้ฉีดวัคซีน เชื้อโควิด ระยะหลัง ผู้ป่วยส่วนใหญ่ “ไม่มีไข้” แปลว่า ที่ผ่านมาการคัดกรองไข้ตามสถานที่ต่างๆ อาจจะหลงทางมานาน การคัดกรองด้วยการวัดไข้ 37.5 องศาเซสเซียส อาจกลายเป็นตัวชี้วัดที่ได้ผลน้อยหรืออาจไม่ได้ผลเลย จึงยากแก่การป้องกันควบคุมโรคระบาดระลอกใหม่นี้ได้

วัคซีนในปัจจุบันที่ประเทศไทยนำมาใช้มีอยู่ 2 ยี่ห้อคือ ซีโนแวคจากจีน และแอสตร้าเซเนก้าจากเกาหลีใต้ ซีโนแวคมีประสิทธิศักดิ์ต่ำแต่ปลอดภัยกว่าเพราะมาจากเชื้อโควิดที่ตายแล้ว แต่กลับห้ามฉีดในผู้สูงวัย ทั้ง ๆ ที่กลุ่มผู้สูงวัยเสี่ยงที่จะมีความรุนแรงของโรคมาก และอัตราการเสียชีวิตสูง แปลว่าเรากำลังฉีดวัคซีนลดความรุนแรงในกลุ่มที่มีความรุนแรงของโรคต่ำมากอยู่แล้ว ทำให้ดูเหมือนว่าวัคซีนเป็นตัวช่วยเรื่องนี้ ซึ่งแท้จริงอาจไม่ใช่มาจากวัคซีนก็เป็นได้ใช่หรือไม่

ในขณะที่แอสตร้าเซเนก้า เป็นวัคซีนที่ใช้เชื้อไวรัสหวัดชนิดหนึ่งจากลิงชิมแปนซี มาดัดแปลงพันธุกรรมเพื่อให้มีโปรตีนโคโรนาไวรัสเลียนแบบ ซึ่งจะกระตุ้นให้ร่างกายมนุษย์สร้างภูมิคุ้มกันขึ้นมาต้านเชื้อโควิด-19 ได้ ในทางทฤษฎี (ขอให้ขีดเส้นใต้ตรงคำว่า”ในทางทฤษฎี”) วัคซีนแอสตราเซเนก้าจึงอยู่ในระหว่างการพัฒนาให้ดีขึ้น และปลอดภัยขึ้น โดยทั้งนี้พบว่ายังเป็นวัคซีนที่มีค่าประสิทธิศักดิ์ต่ำกว่าวัคซีนอีกหลายตัวในยุโรป และเป็นวัคซีนที่ยังมีข้อถกเถียงเรื่องความปลอดภัย จึงยังไม่ใช่วัคซีนที่จะใช้ป้องกันโรค หรือใช้วงกว้างมากที่สุดเช่นกันในเวลานี้ ใช่หรือไม่

ข้อเสนอของหลายฝ่ายในการใช้วัคซีนให้มากทั่วถึงและรวดเร็วในเวลานี้ดูไม่เป็นเหตุเป็นผลที่ชาวบ้านธรรมดาอย่างเรา ๆ จะเข้าใจได้เลย เพราะข้อเท็จจริงขัดกับความเชื่อที่ว่าวัคซีนจะเป็นเครื่องช่วยชีวิต ป้องกันการติดเชื้อและการแพร่ระบาดได้ ซึ่งผูกติดกับความเชื่อดั้งเดิมว่าฉีดวัคซีนแล้วจะไม่ติดเชื้อซ้ำอีก แต่วัคซีนโควิดในปัจจุบันยังไม่ตอบโจทย์ประเด็นข้างต้น จริงอยู่วัคซีนโควิดอาจช่วยได้คือลดความรุนแรงและไม่เสียชีวิตเมื่อติดเชื้อโควิด แต่ถ้าอัตราการตายจากโควิดในปีนี้ ลดลงมากจาก 2.75% ของปี 2563 เหลือเพียง 0.34% ในปี 2564 แน่นอนว่าไม่ได้เป็นผลมาจากวัคซีนแต่อย่างใด เพราะคนไทยเพิ่งได้รับวัคซีนไปราว 5 แสนคน ยังไม่ถึง 1% ของประชากรด้วยซ้ำไป ทั้งที่ ข้อมูลทางวิชาการระบุว่าวัคซีนที่จะหยุดการแพร่ระบาดได้ ต้องฉีดให้ได้อย่างต่ำ 25-60% ของประชากรจึงอาจจะเกิดภูมิคุ้มกันหมู่ขึ้นได้

ณ ขณะนี้ ประสิทธิศักดิ์ประสิทธิผล และความปลอดภัยของวัคซีนโควิดทุกยี่ห้อที่ยังพัฒนาไม่สมบูรณ์ ยังเป็นประเด็นถกเถียงกันในหมู่นักไวรัสวิทยาและนักอิมมูโนวิทยาทั่วโลก แม้องค์การอนามัยโลกจะไฟเขียวให้ใช้ได้ในสถานการณ์ฉุกเฉินแล้วก็ตาม แต่องค์การอนามัยโลกก็ยังไม่สามารถตอบคำถามได้ว่าจะต้องฉีดวัคซีนมากเท่าใด จึงจะเริ่มเกิดภูมิคุ้มกันได้จริงและอยู่ได้ยาวนานเพียงไร

สิ่งที่น่าปะหลาดใจอีกอย่างจากกรณีการตรวจเชิงรุกที่กลุ่มประชากรที่สมุทรสาคร ช่วงระบาดระลอก 2 พบข้อมูลสำคัญว่าผู้ที่เข้าตรวจนั้นมีภูมิคุ้มกันโควิด-19 อยู่แล้วถึง 73% โดยไม่ต้องฉีดวัคซีนใดๆ เลย (ดูตารางประกอบ) ยิ่งทำให้เห็นว่ารัฐควรทุ่มสรรพกำลังในการศึกษาวิจัยว่าคนในจังหวัดที่พบการระบาดมาก ว่ามีภูมิคุ้มกันแล้วเท่าใด หากพบมากก็จะไม่ต้องไปฉีดวัคซีนเพื่อกระตุ้นภูมิซ้ำซ้อนสิ้นเปลืองไปอีก

วิกฤตการณ์โควิดในเวลานี้ไม่ต่างจากสงครามโลกในอดีต แต่คราวนี้เป็นสงครามกับเชื้อโรค ในยามสงครามผู้จะร่ำรวยจากสงครามคือพ่อค้าอาวุธ แต่สงครามกับเชื้อโรค ผู้ที่จะร่ำรวยก็คือพ่อค้ายาและวัคซีน ใช่หรือไม่ ข้อนี้เป็นสิ่งที่คนทั่วไปอดสงสัยไม่ได้ ยิ่งคนแตกตื่นและหวังพึ่งวัคซีนที่ยังพัฒนาไม่เต็มร้อยเพียงอย่างเดียว จนไม่สนใจทางเลือกอื่นๆ ก็มีแต่ทำให้บริษัทยาร่ำรวยโดยไม่ต้องรับผิดชอบ

รัฐบาลควรพิจารณาทางเลือกจากภูมิปัญญาสมุนไพรของนักวิจัยไทยและนานาชาติในการใช้ฟ้าทะลายโจรกับผู้ป่วยโควิดโดยการทำวิจัยอย่างต่อเนื่องควบคู่กับการใช้ฟ้าทะลายโจรในการรักษา ซึ่งไม่ต่างจากการติดตามรายงานผลอาการ และผลข้างเคียงของคนรับวัคซีน เฟส 4 (post marketing) ของบริษัทยา โดยที่ฟ้าทะลายโจรเป็นยาในบัญชียาหลัก จึงมีความปลอดภัยสูง การพบว่าฟ้าทะลายโจรสามารถฆ่าเชื้อโควิด-19 ในหลอดทดลอง และการใช้ทางคลินิกพบว่า ผู้ติดเชื้อโควิด 270 คน สามารถหายได้ภายใน 5 วัน ที่รับรองผลการทดลองโดยกรมแพทย์แผนไทยแล้วอีกด้วย

ไม่ใช่แค่การทดลองในประเทศไทยเท่านั้น ยังมีงานวิจัยของจีนเกี่ยวกับฟ้าทะลายโจรกับโควิด-19 เมื่อ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2563 โดยนักวิจัยจีนใช้เทคนิคการจับของโครงสร้างยากับเชื้อโรค (molecular docking) ในคอมพิวเตอร์ พบว่าสารแอนโดรกราโฟไลด์ และอนุพันธุ์ของฟ้าทะลายโจร จับตัวกับเชื้อโควิดหลายตำแหน่งโดยเป็นตำแหน่งที่สำคัญในการยับยั้งการเข้าสู่เซลล์ของไวรัสโควิด และยับยั้งการแบ่งตัวของเชื้อไวรัส นอกจากนี้จีนยังเคยจดสิทธิบัตรสารแอนโดรกราโฟไลด์และอนุพันธ์ของฟ้าทะลายโจรในการป้องกันและรักษาโรคซาร์ส-1 ซึ่งเป็นโคโรนาไวรัสตระกูลเดียวกับโควิด-19

นอกจากนี้มหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์ สาขาสาธารณสุขศาสตร์ ตีพิมพ์แนวการรักษาโรคติดเชื้อโควิด-19 ที่มีภาวะปอดเสียหายเฉียบพลัน พบว่าอนุพันธุ์ของฟ้าทะลายโจร ชื่อ Dehydrographolide Succinate ซึ่งขึ้นทะเบียนที่จีนใช้เป็นยาฉีดรักษาปอดอักเสบจากการติดเชื้อไวรัสในระบบทางเดินหายใจส่วนบน ซึ่งอาจจะนำมาใช้ในการรักษาปอดเสียหายจากโควิดในรูปยาพ่นละออง

กลไกสำคัญของฟ้าทะลายโจรที่พบ 4 ประการคือ

1.) กลไกป้องกันไวรัสเข้าเซลล์

2.) ลดการแบ่งตัวของเชื้อไวรัส

3.) ลดการอักเสบ โดยเฉพาะที่ปอด

4.) เพิ่มภูมิคุ้มกัน

อย่างไรก็ดีวัคซีนป้องกันที่ดีที่สุดคือการเว้นระยะห่างทางกายภาพ การสวมใส่มาสก์ การล้างมือบ่อย ๆ การรักษาสุขภาพเพื่อเพิ่มภูมิคุ้มกัน ซึ่งแนวทางนี้ ประเทศไทยเคยทำมาแล้วสมัยเกิดอหิวาตกโรคเมื่อ 200 ปีก่อน (พ.ศ.2363) สมัยรัชกาลที่ 2 คนไทยในพระนครตายไป 30,000 คน ในเวลานั้น มีประชากรในกรุงเทพฯ แค่แสนเศษ เท่ากับเสียชีวิตถึง 30% แต่เมื่อล้นเกล้ารัชกาลที่ 2 ทรงรับสั่งให้ประชาชนอยู่กับบ้าน (lock-down) ข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อยฝ่ายหน้า ฝ่ายใน ก็โปรดมิให้เข้าเฝ้า ให้งดกิจราชการเสียทั้งหมด ปล่อยไพร่ทาสและนักโทษทั้งหมดให้กลับไปอยู่บ้านเรือนของตน ถนนหนทางไม่มีคนเดิน ตลาดหยุดค้าขาย เว้นไป 15 วัน โรคระบาดภายในกรุงเทพฯสมัยนั้นก็ทุเลาลง

การต่อสู้กับโควิด-19 ในเวลานี้ ผู้นำต้องมีวิสัยทัศน์ และความพยายามในการพึ่งตนเองโดยอาศัยภูมิปัญญาการรักษาของสังคม และลดการระบาดด้วยสุขอนามัยคือการใส่มาสก์ ล้างมือ ไม่อยู่ในที่แออัดอย่างที่บรรพบุรุษไทยเคยใช้กันอย่างได้ผลมาแล้ว ในขณะที่หลายคนกำลังคิดว่าทำไมประเทศไทยจึงฉีดช้ากว่าประเทศอื่นๆ ทำไมเราไม่ตั้งคำถามว่า เราจะเสี่ยงกับวัคซีนที่ยังไม่วิจัยอย่างชัดเจนเพื่ออะไร ในขณะที่ประเทศไทยมีอัตราความรุนแรงของโรคต่ำมาก อัตราการเสียชีวิตก็ต่ำมาก และวัคซีนก็ยังไม่ถึงระดับป้องกันการติดเชื้อได้ อีกทั้งเราสามารถใช้สมุนไพรของเราเองรักษาโรคได้อย่างมีประสิทธิผลดีอยู่แล้ว

ในสถานการณ์เช่นนี้ ที่โควิดยังกลายพันธุ์ไปเรื่อย ๆ จนอาจต้องฉีดวัคซีนกันไม่สิ้นสุด คนไทยควรจะเป็นหนูทดลองพร้อมชาติอื่น หรือจะให้คนชาติอื่นใช้วัคซีนไปก่อนสักพักเพื่อดูผลกระทบโดยรวม อะไรที่จะเป็นวิธีที่ดีกว่ากัน

รสนา โตสิตระกูล

11 เมษายน 2564

#คนไทยไม่ใช่หนูทดลองวัคซีน #วัคซีนไม่ใช่ทางออกเดียว #โควิดรักษาได้ #พึ่งตนเองไม่ต้องรอวัคซีน #รสนาโตสิตระกูลว่าที่ผู้สมัครผู้ว่ากทม #รสนา #ฟ้าทะลายโจร #ผู้ว่ากทม. #วัคซีน #Covid-19


ที่มา https://www.facebook.com/%E0%B8%A3%E0%B8%AA%E0%B8%99%E0%B8%B2-%E0%B9%82%E0%B8%95%E0%B8%AA%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%81%E0%B8%B9%E0%B8%A5-236945323048705

กลายเป็นเรื่องราวที่ชาวเน็ตกำลังให้ความสนใจ และวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวางอยู่บนโลกออนไลน์ หลังแฟนเพจเฟซบุ๊กชื่อดังอย่าง ‘อยากดังเดี๋ยวจัดให้ Kim Signature’ ได้ออกมาโพสต์คลิปเหตุการณ์ ขณะพนักงานร้านโดนัท ‘คริสปี้ ครีม’ ทำร้ายร่างกายลูกค้าจนล้มลง

กลายเป็นเรื่องราวที่ชาวเน็ตกำลังให้ความสนใจ และวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวางอยู่บนโลกออนไลน์ในขณะนี้ ภายหลังแฟนเพจเฟซบุ๊กชื่อดังอย่าง ‘อยากดังเดี๋ยวจัดให้ Kim Signature’ ได้ออกมาโพสต์คลิปเหตุการณ์ ขณะพนักงานร้านโดนัท ‘คริสปี้ ครีม’ ทำร้ายร่างกายลูกค้าจนล้มลง พร้อมทั้งตะโกนด่าทอจนทำให้ลูกค้าหญิงรายดังกล่าวต้องวิ่งหนีเอาตัวรอด โดยระบุข้อความว่า

“ณ.ห้างดังย่านรังสิต ฟังความทั้งสองด้านก่อน ลูกค้าไม่ใช่พระเจ้าแต่ลูกค้าคือคนสำคัญ งานบริการต้องอดทนอดกลั้นอย่างมากถึงมากที่สุด เราสามารถใช้ กม.ได้ ถ้าหากถูกกระทำ พนักงานก็คนคนนึง มนุษย์ป้ามนุษย์ลุงจำไว้กระแสสังคมมันแรงถ้าทำเกินไป

ผมทำงานอยู่แถวนั้นครับ อยู่ใกล้ ๆ ตอนเกิดเรื่อง แต่ไม่รู้เรื่องทั้งหมดครับ ที่ได้ยินมาก็คือ พนักงานจัดของให้ลูกค้าคนนั้นผิด แล้วเค้าก็ไปว่าลูกค้าคนนั้น พี่พนักงานเค้าขอโทษ3รอบแล้ว แต่ลูกค้าคนนั้นก็เข้าไปว่าพี่พนักถึงหลังร้าน หลังจากนั้นก็ตามคลิปครับ ร้านโดนัทชื่อดังแห่งหนึ่ง แถวห้างดังย่านรังสิต ไม่รู้ว่าเรื่องเป็นยังไง แต่ซื้อขนมกับพี่พนักงานคนนี้บ่อย พี่เค้าก็พูดจาดีมากๆ”

นอกจากนี้ยังอัพเดทเพิ่มเติมด้วยว่า “พนักงานคือจัดสินค้าให้ป้าเขาผิดหรือไม่สวยนี่แหละค่ะ แล้วพนักงานได้ขอโทษแล้วคงจะจัดสินค้าให้ใหม่ แต่ป้าก็ด่าตำหนิเขาไม่เลิก คงไม่แล้วใจ เดินวนกลับมาด่าเขาอีก ไม่มี ถ่ายไม่ทันเหมือนกัน ตอนเกิดเรื่องได้ยินแค่เสียงตุ๊บ วิ่งไปดูป้าวิ่งไปแล้ว แต่สงสารพี่พนักงานนะ เขาคงรู้ตัวแหละว่าคงได้ออก เขาก็ลาเพื่อนเขา แล้วก็ออกร้านไปเลย ปกติเขาเป็นคนอัธยาศัยดีนะ ล่าสุดป้าไปตรวจสุขภาพที่โรงบาล คาดว่าจะเอาเรื่องพนักงาน”

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่ทราบสาเหตุที่แท้จริง ขณะที่ชาวเน็ตวิพากษ์วิจารณ์เสียงแตก บ้างก็บอกว่าพนักงานทำเกินกว่าเหตุ บ้างก็บอกว่าลูกค้าทำเกินไป โดยส่วนใหญ่ระบุว่า บางครั้งลูกค้าก็ไม่ใช่พระเจ้าเสมอไป การกระทำที่ดูถูกกันเกินไปจนพนักงานทนไม่ไหว

แต่ล่าสุด ทางคริสปี้ ครีม ประเทศไทย ได้ออกจดหมายขออภัยต่อเหตุการณ์ดังกล่าวแล้ว โดยระบุว่า

ตามที่คริสปี้ ครีม ประเทศไทย ได้รับทราบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตามคลิป จากการกระทำของพนักงาน ทางบริษัท รู้สึกเสียใจอย่างสุดซึ้งกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และขอน้อมรับความผิดทุกประการ ในเบื้องต้นทางบริษัทพยายามอย่างสุดความสามารถที่จะติดต่อเพื่อกราบขออภัยลูกค้าอย่างเป็นทางการ และขอยืนยันว่าพร้อมที่จะดูแลความรู้สึก ของลูกค้าอย่างเต็มความสามารถ ในส่วนของพนักงานคนดังกล่าว ทางบริษัทมิได้นิ่งนอนใจและได้ดำเนินการสอบสวน หาข้อเท็จจริง เพื่อปฏิบัติตามกฎและข้อบังคับของบริษัทต่อไป

ท้ายที่สุดนี้คริสปี้ ครีม ประเทศไทยกราบขออภัยลูกค้าอย่างสูงอีกครั้งทางบริษัทยินดีน้อมรับทุกความคิดเห็น และข้อแนะนำต่างๆ เพื่อนำมาปรับปรุงพัฒนาคุณภาพการทำงานและการให้บริการของร้านให้ดียิ่งขึ้น


ที่มา: https://www.facebook.com/155809581096923/posts/4166526460025195/

คลิปต้นเรื่อง https://www.facebook.com/watch/?v=595708918082027

นายก ฯ มอบนโยบายให้ สคร. กำกับรัฐวิสาหกิจให้มีการทำงานรูปแบบใหม่ สร้างรายได้ เน้นบริการประชาชน เพิ่มห่วงโซ่ทางธุรกิจ พร้อมเร่งรัด โครงการบ้านเคหะสุขประชา สร้างความมั่นคงด้านที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อย

เมื่อวันที่ 16 เมษายน พ.ศ.2564 ที่ทำเนียบนัฐบาล นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า การประชุมคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ ครั้งที่ 2/2564  ทางไกลผ่านระบบวิดิโอ ที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธาน เมื่อเช้าวันเดียวกันนี้เพื่อติดตามความก้าวหน้าในการจัดทำแผนพัฒนารัฐวิสาหกิจ  ร่วมทั้งพิจารณาโครงการ “บ้านเคหะสุขประชา” บ้านเช่าสำหรับผู้มีรายได้น้อย เพื่อสร้างความมั่นคงเรื่องที่อยู่อาศัยให้กับประชาชนตามแนวทางนโยบายของรัฐบาล โดยมีนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์  รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ร่วมประชุมด้วย

ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้เน้นภาพรวมรัฐวิสาหกิจไทย 52 แห่งซึ่งมีทั้งกลุ่มรัฐวิสาหกิจเพื่อสร้างรายได้ให้กับประเทศและกลุ่มรัฐวิสาหกิจที่จัดตั้งขึ้นเพื่อบริการสาธารณะ ต้องสร้างแนวทางและวิธีการทำงานใหม่  สามารถทำเงิน สร้างรายได้ให้กับประเทศ บริการประชาชน ขณะเดียวกันก็ต้องเพิ่มห่วงโซ่ทางธุรกิจ เพิ่มแนวทางการลงทุนร่วมภาคเอกชนในรูปแบบ PPP เพื่อลดภาระด้านงบประมาณภาครัฐ

ซึ่งต่อไปจะมีการนำผลประกอบการและการบริการประชาชนมาเป็นส่วนหนึ่งในการประเมินผลการดำเนินงานของแต่ละรัฐวิสาหกิจด้วย นายกรัฐมนตรียังย้ำการจัดทำแผนพัฒนารัฐวิสาหกิจที่ต้องสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติทั้ง 6 ด้าน ได้แก่ ความมั่นคง ความสามารถในการแข่งขัน การพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพคน การสร้างโอกาส ความเสมอภาคและความเท่าเทียมทางสังคม การเติมโตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และการพัฒนาระบบบริหารจัดการภาครัฐ และต้องสอดคล้องกับการปฏิรูปเศรษฐกิจใหม่ของรัฐบาล ภายใต้ BCG Model โดยมีกรอบระยะเวลาที่ชัดเจนด้วย

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า  นายกรัฐมนตรี กำชับให้คณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.) ไปพิจารณาให้แนวทางบริหารจัดการบริษัทในเครือรัฐวิสาหกิจที่ปัจจุบันมีอยู่ทั้งสิ้น 123 แห่งโดยคำนึงถึงความสามารถในการดำเนินธุรกิจและสอดคล้องกับภารกิจของรัฐวิสาหกิจแม่ รวมทั้งให้มีการพิจารณาดำเนินการ กรณีบริษัทในเครือที่ไม่จำเป็นต่อการดำเนินงานต่อไป เพื่อไม่ให้เกิดภาระของภาครัฐในอนาคตเหมือนเช่นอดีตที่ผ่านมา โดยตั้งแต่ 2559  รัฐบาลโดยพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ริเริ่มกระบวนการพิจารณาจัดตั้งบริษัทในเครือต้องผ่านการพิจารณา คนร. ก่อนเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณา  

ทั้งนี้ ในที่ประชุมเร่งรัดการเคหะแห่งชาติดำเนินโครงการบ้านเช่าสำหรับผู้มีรายได้น้อยในโครงการ  “บ้านเคหะสุขประชา” ภายใต้แนวคิด “บ้านเคหะสุขประชา = บ้านพร้อมอาชีพ” จำนวน 100,000 หน่วย ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและทั่วประเทศ   ในระยะเวลา 5 ปี โดยให้มีการพิจารณานำการร่วมลงทุนกับภาคเอกชน (PPP) มาใช้ เพื่อสร้างความมั่นคงด้านที่อยู่อาศัยให้กับประชาชนผู้มีรายได้น้อย ซึ่งกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จะเสนอแนวทางการดำเนินการในที่ประชุม  คนร. เพื่อพิจารณาอีกครั้ง

“นายกรัฐมนตรีย้ำถึงความสำคัญของรัฐวิสาหกิจว่า เป็นพลังขับเคลื่อนประเทศ พร้อมฝากให้บุคคลที่ถูกแต่งตั้งเข้ามาเป็นกรรมการในรัฐวิสาหกิจต่าง ๆ ต้องปฏิบัติหน้าที่ด้วยสุจริต โปร่งใส เป็นธรรม และส่งเสริมให้การดำเนินงานของรัฐวิสาหกิจมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลในการทำงานด้วย” นายอนุชากล่าว

รมว.สุชาติ นำทีมเช็คความพร้อมสถานที่ตรวจโควิด-19 เชิงรุกผู้ประกันตน ที่อาคารกีฬาเวสน์ 1 ศูนย์เยาวชนฯ (ไทย – ญี่ปุ่น) ดินแดง กทม. ก่อนเปิดบริการ 17 เม.ย.นี้

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน และคณะ ลงพื้นที่อาคารกีฬาเวสน์ 1 ศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร (ไทย - ญี่ปุ่น) เขตดินแดง กรุงเทพมหานคร เพื่อตรวจสอบความพร้อม ของสถานที่สำหรับเปิดใช้เป็นช่องทางหน่วยบริการตรวจโควิด-19 เชิงรุกแก่ผู้ประกันตนในระบบประกันสังคมตามมาตรา 33 ,39 และ 40 ที่อยู่ในพื้นที่ กรุงเทพมหานคร เพื่อลดความแออัดและอำนวยความสะดวก ในวันเสาร์ที่ 17 เมษายนนี้

เมื่อวันที่ 16 เมษายน 2564 ที่อาคารกีฬาเวสน์ 1 ศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร (ไทย - ญี่ปุ่น) เขตดินแดง กรุงเทพมหานคร นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เป็นประธานการตรวจความพร้อมของสถานที่เพื่อสำหรับเปิดใช้เป็นช่องทางหน่วยบริการตรวจโควิด-19 ในวันเสาร์ที่ 17 เมษายนนี้ เพื่อลดความแออัดและอำนวยความสะดวกแก่ผู้ประกันตนในระบบประกันสังคมตามมาตรา 33 มาตรา 39 และมาตรา 40 ที่อยู่ในพื้นที่ กรุงเทพมหานคร สามารถเข้ารับการตรวจหาเชื้อโควิด-19 โดยมี นายสุทธิ สุโกศล ปลัดกระทรวงแรงงาน นายทศพล กฤตวงศ์วิมาน เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม และคณะผู้บริหารสำนักงานประกันสังคม นายแพทย์ไพโรจน์ สุรัตนวนิช รองอธิบดีกรมการแพทย์ ทันตแพทย์อรรถพร ลิ้มปัญญาเลิศ รองเลขาธิการ สปสช. นายสมบูรณ์ หอมนาน ผู้อำนวยการสำนักวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเที่ยว กรุงเทพมหานคร และผู้บริหารระดับสูงกระทรวงแรงงาน เข้าร่วมในครั้งนี้ด้วย โดยนายสุชาติ กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีความห่วงใยผู้ประกันตนจากกรณีการแพร่ระบาด ของโควิด -19 จึงกำชับกระทรวงแรงงาน บูรณาการร่วมกับกระทรวงมหาดไทย (กรุงเทพมหานคร) และ สปสช.เป็นการเพิ่มช่องทางหรือทางเลือกหนึ่งเพื่อบริการผู้ประกันตนให้ได้รับการตรวจอย่างรวดเร็ว ลดความแออัดหรือรอคิวนาน 

ในวันนี้ผมในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน และคณะหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้องจึงได้ลงพื้นที่เพื่อตรวจความพร้อมของสถานที่ที่จะเปิดใช้เป็นช่องทางหน่วยบริการตรวจโควิด-19 เพื่อลดความแออัดและอำนวยความสะดวกแก่ผู้ประกันตนในระบบประกันสังคมตามมาตรา 33 มาตรา 39 และมาตรา 40 ที่อยู่ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร สามารถเข้ารับการตรวจหาเชื้อโควิด-19 โดยจะเริ่มต้นในวันพรุ่งนี้ (17 เม.ย.64)

นายสุชาติ กล่าวต่อว่า รัฐบาลภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ซึ่งกระทรวงแรงงานภายใต้การกำกับดูแลของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้มีความห่วงใยต่อสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด -19 เพื่อเตรียมความพร้อมรองรับในทุกด้านหากสถานการณ์การแพร่ระบาดรุนแรงมากขึ้น ซึ่งผมในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ได้หารือกำหนดแนวทางที่จะร่วมกับกระทรวงมหาดไทย (กรุงเทพมหานคร) และสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) โดยจะเปิดให้ผู้ประกันตนที่จะเข้ารับการตรวจสามารถลงทะเบียนจองคิวตรวจผ่านระบบแอพพลิเคชั่นออนไลน์ สำหรับผู้ประกันตนที่จะได้เข้าตรวจคือผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยง ซึ่งจะมีเจ้าหน้าที่คัดกรอง ทั้งนี้ หากผู้ประกันตนรายใดตรวจพบเชื้อโควิด-19 จะต้องส่งตัวเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเครือข่าย ในสังกัดสำนักงานประกันสังคม โดยจะได้รับการรักษาฟรี ซึ่งมีอยู่จำนวน 81 แห่ง ที่มีความพร้อม มีเตียงรองรับกว่า 1,000 เตียง มี HQ 200 กว่าเตียง

สำหรับขั้นตอนการลงทะเบียนออนไลน์เพื่อจองคิวตรวจของกลุ่มเป้าหมายที่เป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 33, 39, และ 40 สามารถเข้าเว็บไซต์ https://www.google.com แล้วพิมพ์คำว่า แรงงานเราสู้ด้วยกัน แล้วคลิกที่เว็บไซต์ https://sso.icntracking.com/icntracking/self_register.php จากนั้นผู้ประกันตน กรอกเลขประจำตัวประชาชน 13 หลัก หรือเลขพาสปอร์ต กรอกข้อมูลประเมินความเสี่ยงตามที่กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุขกำหนด ซึ่งเป็นบุคคลที่มีกลุ่มเสี่ยงหรือมีอาการป่วย ซึ่งเริ่มเปิดให้ลงทะเบียนผ่านระบบออนไลน์มาตั้งแต่เมื่อวานนี้ (15 เม.ย.64) เวลา 18.00 น. เป็นต้นไป โดยแต่ละวันสามารถตรวจได้วันละ 3,000 คน แบ่งเป็นช่วงเช้า 1,500 คน ช่วงบ่าย 1,500 คน ทั้งนี้ ผู้ประกันตนจะต้องพกบัตรประชาชน พร้อมสำเนา 1 ชุด เพื่อใช้เป็นหลักฐานในการตรวจด้วย หากผู้ประกันตนรายใดลงทะเบียนแล้วไม่มาตรวจตามนัดจะต้องลงทะเบียนใหม่ และเมื่อเข้ารับการตรวจหาเชื้อโควิด -19 เรียบร้อยแล้วสามารถกลับบ้านได้ทันที เนื่องจาก ผลการตรวจจะส่งทาง SMS ให้ผู้ประกันตนทราบตามหมายเลขโทรศัพท์ที่แจ้งไว้

“ทั้งนี้ ผู้ประกันตนที่เข้าข่ายเป็นกลุ่มเสี่ยงตามที่กระทรวงสาธารณสุข และ สปสช.กำหนด สามารถลงทะเบียนผ่านระบบออนไลน์ได้ที่เว็บไซต์ https://sso.icntracking.com/icntracking/self_register.php เพื่อจองคิวตรวจโควิด-19 ซึ่งช่องทางดังกล่าวกระทรวงแรงงาน ได้ร่วมกับกระทรวงมหาดไทย (กรุงเทพมหานคร) และ สปสช.เพื่ออำนวยความสะดวก ลดความแออัดและเพิ่มช่องทางให้กับผู้ประกันตน ได้เข้าถึงการตรวจโควิด -19 ซึ่งหากพบเชื้อสามารถเข้ารับการรักษาตามขั้นตอนที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนดได้อย่างทันท่วงที” รมว.สุชาติ กล่าวในตอนท้าย

"นฤมล" ชวนฝึกออนไลน์ ช่วง Work From Home

รมช.แรงงาน ขานรับนโยบายรัฐบาล กำชับแรงงานช่วง work from home แนะฝึกออนไลน์กับกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน ใช้วิกฤตให้เป็นโอกาสพัฒนาตนเองรับวิถีชีวิตใหม่ ลดเสี่ยงติดโควิด-19

วันที่ 16 เมษายน 2564 ศาสตราจารย์ นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า จากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 รอบใหม่ มีการแพร่ระบาดเป็นวงกว้างอย่างรวดเร็ว รัฐบาลภายใต้การนำของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีความห่วงใยและได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งกำหนดมาตรการจำกัดการแพร่ระบาดให้เร็วที่สุด ซึ่งมีการประชุม ศบค. ชุดใหญ่ในวันนี้ อย่างไรก็ตาม การแก้ปัญหาการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่ผ่านมา ด้วยการเชิญชวนให้คนไทย หยุดอยู่บ้าน งดการเดินทาง การรวมกลุ่ม โดยในส่วนของหน่วยงานราชการและเอกชน กำหนดให้พนักงานและเจ้าหน้าที่ work from home จะเป็นอีกมาตรการหนึ่งที่ช่วยหยุดการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้

ศาสตราจารย์ นฤมล กล่าวต่อไปว่า การฝึกอบรมที่กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน กระทรวงแรงงาน ดำเนินการฝึกอย่างต่อเนื่องนั้น ได้มีมาตรการป้องกันอย่างเคร่งคัด ทั้งการคัดกรอง การสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา และการใช้แอลกอฮอล์ล้างมือให้บ่อยครั้ง รวมถึงจำกัดจำนวนคนเข้าอบรม ไม่เกิน 20 คน นอกจากนี้ ยังจัดโปรแกรมการฝึกออนไลน์ ในรูปแบบ VDO Training ในช่วงที่แรงงานต้องหยุดอยู่บ้าน สามารถเข้าเรียนรู้ได้ด้วยตนเอง ได้ถึง 16 หลักสูตร โดยสามารถดูรายละเอียดและเข้าเรียนรู้ได้ที่ www.dsd.go.th เมนู ฝึกทักษะออนไลน์ (online Training) ปัจจุบัน ได้เพิ่มหลักสูตรที่ได้รับการสนับสนุนจาก บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด ในกลุ่มของ Microsoft office  สำหรับหลักสูตรเดิมที่มีอยู่แล้ว ประกอบด้วย การเรียนรู้ด้านช่าง ภาษาต่างประเทศ ทั้งภาษาญี่ปุ่น ภาษาเกาหลี และภาษาอังกฤษ นอกจากนี้ ยังมีหลักสูตรเกี่ยวกับอาชีพอิสระ เช่น การทำอาหาร การทำขนม และงานศิลปะประดิษฐ์ เป็นต้น ผู้สนในสามารถลงทะเบียนเข้าฝึกอบรมตามเว็บไซต์ที่แจ้ง หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกระทรวงแรงงาน 1506 กด 4

 “ถ้าทุกคนช่วยกันและปฏิบัติตัวตามมาตรการต่างๆ ที่รัฐบาลได้กำหนด  เชื่อมั่นว่าจะสามารถหยุดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ไปได้อย่างแน่นอน” รมช.แรงงาน กล่าวทิ้งท้าย


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top