เตือนใจนักบุญโอนไว เหยื่อโหนสถาบันฯ ชั้นดี เจอบล็อกกลับ หากถามหา 'ความโปร่งใส'

จากเรื่องดีๆ สุดท้ายดันต้องกลายเป็นการเตือนภัยไปเสียนี่ หลังกลุ่มคนรักสถาบันได้มีการวิจารณ์ถึงบุคคลรายหนึ่ง ที่มักนำเสนอตนเองว่ารักในหลวง ปกป้องสถาบันฯ อย่างต่อเนื่อง จนโกยแม่ยกมาติดกันตรึม ชวนทำบุญเลี้ยงอาหารบุคลากรทางการแพทย์ ขอรับเงินโอนตั้งแต่พัน-สองพันยันหมื่นได้หมด!! 

แต่เหตุเจ้ากรรมดันโป๊ะแตกตรง พอมีคนถามถึงบัญชีกลับบล็อกผู้มีพระคุณเหล่านั้นเสียนี่!! 

ทั้งนี้ หากย้อนไปเมื่อ 10 ต.ค. 64 ในโซเชียลมีเดีย กลุ่มคนรักสถาบันพระมหากษัตริย์ได้มีการวิพากษ์วิจารณ์กรณีที่ผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง ที่มักจะเขียนสเตตัสแสดงให้เห็นถึงความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ มีพฤติกรรมไม่ชอบมาพากลเกี่ยวกับการรับเงินบริจาคจากผู้สนับสนุนแล้วไม่แจงบัญชีรายรับ-รายจ่าย แต่กลับบล็อกคนที่เคยบริจาคให้ โดยบุคคลรายนี้ไม่ได้เป็นบุคคลที่มีชื่อเสียง แต่มีนามแฝงบนเฟซบุ๊ก นามสกุลคล้ายกับดารานักแสดงอาวุโสชื่อดัง มีไลฟ์สไตล์ชอบขับขี่รถจักรยานยนต์ราคาแพง รักการออกกำลังกายและผจญภัย มักจะเขียนบทความปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์บ่อยครั้ง

บุคคลรายนี้มีชื่อเสียงมาจากคลิปวิดีโอที่อ้างว่าไม่รู้ใครทำ นำเสนอตนเองขี่รถจักรยานยนต์ราคาแพง กล่าวถึงกลุ่มที่ถูกคนบางกลุ่มด้อยค่าว่าสลิ่ม ไม่เดือดร้อนเลยไม่ได้เข้าร่วมม็อบขับไล่รัฐบาล ความจริงคือทุกคนเดือดร้อน แต่ไม่โวยวายเพราะมีสถาบันพระมหากษัตริย์ยึดเหนี่ยวจิตใจ คลิปดังกล่าวมีคนกดไลก์กดแชร์จำนวนมาก สร้างชื่อเสียงให้แก่บุคคลรายนี้ และเจ้าตัวได้เขียนสเตตัสบนเฟซบุ๊กในเชิงปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์บ่อยครั้ง ทำให้มีผู้ติดตามและผู้สนับสนุนที่เรียกว่าแม่ยกจำนวนหนึ่ง

เมื่อถึงคราวที่ทำอาหารเพื่อทำบุญให้แก่บุคลากรทางการแพทย์ในสถานการณ์โควิด-19 ก็จะชวนแม่ยกเหล่านั้นร่วมสมทบทุนค่าอาหาร และแจ้งเลขที่บัญชีธนาคารส่วนตัวที่กล่องข้อความ ซึ่งมีแม่ยกโอนเงินให้บุคคลรายนี้ครั้งละ 1,000-2,000 บาททุกเดือน บางคนโอนให้ 6,000-10,000 บาท เพราะตั้งใจอยากจะช่วยสมทบทุนค่าอาหาร ปรากฏว่าเมื่อมีแม่ยกสอบถามรายรับ-รายจ่ายเพื่อความโปร่งใส ก็ไม่มีการแจกแจงบัญชี กลับบล็อกเฟซบุ๊กคนที่เคยโอนเงินไปให้

เมื่อกลุ่มผู้เสียหายตรวจสอบในเชิงลึก พบว่าบุคคลรายนี้เคยเปลี่ยนชื่อสกุลมาเมื่อหลายปีก่อน กระทั่งกลับมาเปลี่ยนเป็นนามสกุลเดิม เมื่อสอบถามไปยังคนที่เล่นฟิตเนสเดียวกับบุคคลรายนี้ พบว่ามีเงินเล่นฟิตเนสราคาแพง ปะปนกับคนที่มีฐานะร่ำรวย และซื้อเทรนกับเทรนเนอร์ส่วนตัว ทั้งๆ ที่ไม่มีอาชีพเป็นหลักเป็นแหล่ง และเมื่อสอบถามไปยังแม่ยกที่เคยโอนเงินให้ เป็นผู้หญิงไทยในต่างแดน รายหนึ่งอยู่ที่สหรัฐอเมริกา โอนให้ 10,000 บาท อีกรายหนึ่งอยู่ที่เยอรมนี โอนให้ครั้งละ 2,000 บาท

ขณะที่ก่อนหน้านี้เฟซบุ๊กของ นางเจริญขวัญ แพรกทอง บลาฮาสสกี้ นักเขียน และคนไทยในสหรัฐอเมริกา เคยโพสต์ข้อความเมื่อสัปดาห์ก่อน ระบุว่า "บางคนโหนฟ้าเพื่อหาหนทางเอาประโยชน์จากคนอื่นเข้ากระเป๋าตัวเองอย่างแนบเนียน ไตร่ตรองกันดีๆ ระหว่างบรรทัด อย่าโอนไวเพียงเพราะหลงเชื่อคำสวย โดยคิดว่านั่นคือความจริง" และว่า "คนเราจะพูดอะไรก็ได้ให้ตัวเองดูดี แต่ความเป็นจริงอาจเป็นอีกเรื่องหนึ่ง"

"หากินง่ายๆ รายได้เข้ากระเป๋าเนียนๆ เดือนเป็นแสนละมั้ง ไม่เคยแจงบัญชี อ้างแต่ผู้ใหญ่ใจบุญใจดี แต่เงินน่ะเข้ากระเป๋าใครล่ะ ตรวจสอบไม่ได้ด้วย มุดไปในกล่องข้อความเพื่อบอกเลขที่บัญชี เพื่อหนีการตรวจสอบจากสรรพากร เพื่ออ้างว่าไม่เคยขอรับบริจาค แม่ยกหลงคำสวยๆ ก็โอนไปสิ เลือกแม่ยกด้วยนะ เลือกแต่สวยๆ รวยๆ ทั้งนั้น อิชั้นก็เขียนได้นะ ไอ้คำสวยคิดบวกพวกนั้นน่ะ แต่ไม่ได้หากินทางนี้ ไม่ใช่ 18 มง มีอาชีพเป็นนักเขียน ไม่ใช่คนหลอกเอาเงินชาวบ้านเข้ากระเป๋าตัวเอง แม่ยกหลงคำสวยจนไม่ยักฉุกใจคิดกันเลยว่า Too good to be true."

"คือใครจะโอนจะเชื่อก็ทำไปค่ะ ไม่ใช่เงินอิชั้น แต่ไม่ชอบที่โหนเจ้าโหนนั่นนี่มาสร้างภาพให้สาวแก่แม่ม่ายเชื่อ เพื่อให้โอนเงินว่าร่วมทำบุญ แต่เงินไปไหน ไม่มีใครรู้ เพราะไม่เคยแจงบัญชี การอ้างว่าคนที่บริจาคไม่อยากเปิดเผยชื่อนั้นตลกมาก เพราะสามารถใช้คำว่า "ผู้ไม่ประสงค์จะเอ่ยนาม" ได้ ที่ตลกกว่านั้นคืออ้างว่า กลัวคนที่โอนน้อยจะเสียใจ นั่นไม่ใช่เหตุผลที่จะไม่แจงบัญชี หากบริสุทธิ์ใจ ควรทำให้ถูกต้อง ไม่ใช่งุบงิบแบบนี้ อย่าหลงคิดว่า มีการนำข้าวของไปแจกโน่นนี่นั่นตามภาพที่ถ่ายมาแปะ ก็นั่นเป็นของที่คนอื่นให้มาทั้งนั้น ไม่มีการพูดถึงเงินคนอื่นเลยว่าได้รับเท่าไหร่ ไปไหนบ้าง บอกแค่ว่าจะโอนไปบริจาคนั่นนี่ ไปซื้อโน่นนี่ แต่ไม่เคยแปะใบสั่งซื้อหรือสลิปโอนเงินที่อ้างว่าบริจาคเลยนี่นะ" นางเจริญขวัญระบุ


ที่มา: https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=10220219622024228&id=1337643342
https://mgronline.com/onlinesection/detail/9640000100354