Friday, 9 May 2025
Hard News Team

“บิ๊กป้อม” เร่ง แผนอนุรักษ์ฯ  คุ้มครอง สัตว์ทะเลหายาก-สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม"ควบคู่แก้ประมงผิดกม. เยียวยาชาวประมง บรรเทากระทบโควิด-19

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายการประมงแห่งชาติ ครั้งที่ 3/2564  ผ่านระบบวิดีโอ คอนเฟอเรนซ์ 

โดยที่ประชุมรับความก้าวหน้าการดำเนินการป้องกันและแก้ไขปัญหาผลกระทบของการทำประมง ต่อสัตว์ทะเลหายากและสัตว์ทะเลที่เลี้ยงลูกด้วยนม (MMPA)โดยจัดทำแผนอนุรักษ์ฯและรายงานสถานภาพสัตว์ทะเลที่เลี้ยงลูกด้วยนมในประเทศไทย พ.ศ.2560-2563 รวมถึงการจัดทำข้อมูลร่วมกันของกรมประมง และกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง 

โดยที่ประชุมแต่งตั้งคณะกรรมการฯให้เร่งรัด ติดตาม การดำเนินงานให้แล้วเสร็จ โดยเร็ว นอกจากนั้นได้พิจารณาแนวทางการนำเรือประมงออกนอกระบบ เพื่อการบริหารทรัพยากรทะเล อย่างยั่งยืน และเห็นชอบให้ชดเชย เยียวยา กลุ่มเรือประมงที่ประสงค์ออกนอกระบบ ซึ่งผ่านหลักเกณฑ์แล้ว จำนวน 75 ลำ และจะได้ดำเนินการ เร่งรัดช่วยเหลื เรือประมงกลุ่มอื่นต่อไป

พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า รัฐบาลให้ความสำคัญต่อการแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย และข้อกำหนดตาม MMPA โดยเคร่งครัด จึงกำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและคณะกรรมการ ที่แต่งตั้งใหม่ให้บูรณาการทำงานร่วมกัน และขับเคลื่อนแผนงานให้มีความต่อเนื่อง เพื่อเร่งช่วยเหลือเยียวยา ชาวประมง ควบคู่การอนุรักษ์ สัตว์ทะเลหายาก เลี้ยงลูกด้วยนม และให้มีการสร้างการรับรู้ แก่ประชาชน ทั้งนี้ขอให้ทุกหน่วยงาน มีส่วนร่วมให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 โดยน้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง สู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน ตามชีวิตวิถีใหม่ในทุกพื้นที่

'ดร.สันต์' ชี้ การแพร่ระบาดของโควิดสายพันธุ์เดลตาภายในประเทศ ถึงระดับสูงสุด และเริ่มเข้าสู่ขาลงแล้ว แต่อย่าได้ลืมความเจ็บปวดที่ผ่านมา

ดร.สันต์ ศรีอรรฆ์ธำรง อาจารย์พิเศษคณะบริหารการพัฒนาสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) โพสต์ข้อความทางเฟซบุ๊ก เกี่ยวกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิดสายพันธุ์เดลตาภายในประเทศ ระบุว่า ถึงระดับสูงสุดแล้ว และเริ่มเข้าสู่ขาลงแล้ว ข้อความทั้งหมดมีดังนี้

Covid-19 : Good News : Delta Wave#4 ข่าวดีครั้งที่ 1 เรากำลังอยู่ที่จุด Summit และเริ่มเข้าสู่ขาลงครับ สิ่งที่ต้องระวังและระลึกไว้เพื่อเดินลงอย่างปลอดภัย

ได้เวลาปักธงที่ยอดเขา จดจำช่วงเวลาแห่งประวัติศาสตร์ที่เจ็บปวด แล้วก้าวเดินลงอย่างระมัดระวังไปด้วยกันครับ...และต้องย้ำแรง ๆ ครับว่า อย่าประมาทโดยเด็ดขาด...เพราะขาลงยอดคนติดเชื้อและคนตาย จะยังมากกว่าขาขึ้นนะครับ

มันคือกฎธรรมชาตินะครับ การปีนยอดเขาสูงนั้น เราปีนขึ้นมาเท่าไหร่ ก็ต้องปีนลงเท่านั้น และเราจะต้องเดินผ่าน Death Zone ลงไปด้วยความอ่อนล้ากว่าเดิม และ Oxygen และเสบียงที่เหลือน้อยเต็มที

ตัวเลขและกราฟประเทศไทย:

ตัวเลขช่วง 7 วันที่ผ่านมา เพียงพอจะยืนยันได้แล้วครับว่า เรากำลังอยู่ที่จุดยอดของการระบาดรอบนี้ และจากนี้ไปควรจะเริ่มเห็นขาลงครับ กราฟ %Increase ประเทศไทย ของ Wave#3+4 ได้ผ่านจุดสูงสุดมาเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ตัวเลขผู้ติดเชื้อรายวันสูงสุดควรจะถึงค่ายอดในสัปดาห์นี้ จากนั้นก็จะเป็นการขาลง ผมทำกราฟ 7-days Moving Average ของ %Increase มาให้ดูครับเป็นเส้นประสีชมพู กราฟขึ้นที่จุดสูงสุดที่ 3.35% เมื่อวันที่ 1 ส.ค. จากนั้นก็ลดลงมาเรื่อย ๆ วันนี้อยู่ที่ 3.05% และค่า %Increase จริงรายวันลดลงต่ำกว่าค่า 7-days Moving Average มาหลายวันแล้ว การพลิกกลับนี้คือสัญญาณที่ชัดเจนของขาลงครับ แต่ตัวเลขจะลงเร็วแค่ไหน ขอดูอีกประมาณ 1 สัปดาห์ถึงจะชัดครับ

ตัวเลขและกราฟกทม:

หลังจากที่ %Increase ในกทม.ติดอยู่ที่ %5 Trap มาพักใหญ่ ตอนนี้เริ่มเห็นสัญญาญการหลุดลงมาสู่ระดับ 3% และถ้ามาตรการเข้มงวดเพียงพอ การระดมตรวจเชิงรุกและแยกผู้ติดเชื้อในชุมชนทำได้มากเพียงพอ ผมคิดว่ามีโอกาสที่เราจะรักษา Momentum นี้เอาไว้ได้ ตอนนี้แพทย์ชนบทจำนวนมาก ได้ระดมทัพเข้ามาช่วยคนกรุงฯ ยึดเมืองหลวงคืนแล้วนะครับ ต้องช่วยกันครับ มีโอกาสสำเร็จสูงครับ

สิ่งที่จะเป็นไป สิ่งที่ยังเป็นไปได้และเป็นไปไม่ได้แล้ว :

1.) สัปดาห์นี้ยังมีโอกาสเห็น New High ของผู้ติดเชื้อรายวัน แต่สัปดาห์หน้าควรจะต้องลดลงครับ

2.) ผู้เสียชีวิตรายวันสูงสุดจะ Delay จากผู้ติดเชื้อสูงสุด 1-2 สัปดาห์ สัปดาห์หน้าอาจจะเห็น Peak ที่ 250 - 300 คนต่อวัน เราเลี่ยงสิ่งนี้ไม่ได้ครับ

3.) ผู้ติดเชื้อสะสมจะเกิน 1,000,000 คนอย่างแน่นอน และแนวรับต่อไปที่เราต้องยันเอาไว้ให้ได้คือ 1,500,000 ครับ Wave#4 เราเริ่มจากตัวเลข 200,000 วันนี้เกือบ 800,000 เป็นขาขึ้นมา 6 แสน ขาลงก็จะต้องไม่น้อยกว่านี้ บวกกันเข้าไปก็คือ เราทำดีที่สุดก็จะยังมีผู้ติดเชื้อระดับ 1,400,000 เราไม่มีทางเอาชนะกฎทางฟิสิกส์นี้ได้ ต้องทำใจและต่อสู้เพื่อไม่ให้มันแย่ไปกว่านี้เท่านั้นครับ

4.) ผู้เสียชีวิตสะสมจะเกิน 10,000 คนอย่างแน่นอน Wave#4 เราเริ่มจากตัวเลข 2,000 วันนี้เกือบ 6,500 เป็นขาขึ้นมา 4,500 ขาลงก็จะไม่น้อยกว่านี้ และโดยทั่วไปจะมากกว่าด้วยครับสำหรับการเสียชีวิต ดังนั้นแม้เราจะทำดีที่สุดก็จะยังมีผู้เสียชีวิตระดับมากกว่า 6500 + 4500 = 11,000 เราไม่มีทางเอาชนะกฎทางฟิสิกส์นี้ได้เช่นกันครับ

5.) เรายังอาจมีเดือนตุลาคมที่ดีได้ และเปิดเศรษฐกิจในวันที่ 1 พ.ย. ได้ แม้เราจะฉีดวัคซีนช้าไปครึ่งนึง Lockdown ก็ไม่ค่อยเข้มงวด แต่ถ้ารักษา Momentum นี้ได้ ยังมีโอกาสครับ ขอเพียงแค่ศบค.อย่าไปใจอ่อนผ่อนผันอะไรก่อนที่สถานการณ์จะดีเพียงพอเท่านั้น

6.) จะมีคนตายอีกอย่างน้อย 4,500 คน ที่เราเลี่ยงไม่ได้ในภาพใหญ่ แต่พวกเราทุกคนยังมีทางเลือกได้เสมอที่จะไม่เป็นหนึ่งในนั้น ด้วยวินัย ความเข้มงวด และการไปฉีดวัคซีน ยี่ห้อไหนก็ได้ครับ เมื่อมีโอกาส ป้องกันชีวิตได้ครับ

สิ่งที่ต้องทำ:

1.) จัด Pfizer เข็ม 3 ให้บุคคลากรด่านหน้า ขาลงยังอีกยาวไกล เราต้องปกป้องรักษาพวกเขาเอาไว้ให้ได้ครับ เพื่อน ๆ พี่น้องที่เคยเป็น VIP ได้ Sinovac, AZ ก่อนบุคคลากรทางการแพทย์มาแล้ว รอบนี้เข็ม 3 ผมต้องขอเลยว่า ถ้าจะได้มา สละสิทธิ์ไปเถอะครับ มันเป็นเรื่องที่ "น่าละอาย" เกินไปที่เราจะมีชีวิตรอด โดยไปปล้นเอามาจากคนที่เขาเสียสละอยู่ในสนามรบแนวหน้า ถ้าเราคือ Elite คือ VIP เราก็ต้องรักษาเกียรติแห่งชนชั้นของเรา อย่าให้โลกได้ดูแคลนเยี่ยงอาชญากรสงครามเลยครับ การปล้นในภาวะสงครามคือสิ่งที่น่าละอายใจที่สุดครับ

2.) รัฐบาล ศบค. ขอความกรุณาอย่าผ่อนผันอะไรก่อนที่จะเห็น %Increase ลดลงเหลือ 0.1% ซึ่งอาจจะเป็นช่วงปลายเดือนก.ย.หรือต้น ต.ค. ครับ ไม่งั้นกระดอนแน่นอน เราฉีควัคซีนไม่ทันแน่ ๆ ครับ

3.) ประชาชน ต้องไปฉีดวัคซีน ไม่ว่าจะยี่ห้อไหน มีประโยชน์ทั้งสิ้นครับ และฉีดแล้วก็ห้ามประมาท เพราะจะเอา Delta อยู่ต้อง AZ 2 เข็ม, mRNA 2 เข็ม, Sinovac 2 เข็ม + AZ หรือ mRNA อีก 1 เข็ม, Sinopharm 2 เข็ม + AZ หรือ mRNA อีก 1 เข็ม และแม้กระนั้นก็ไม่ 100% นะครับ ขึ้นกับต้นทุนสุขภาพแต่ละคนด้วย แต่ถ้าได้ฉีดตามนี้ โอกาสรอดสูงมากครับ

4.) ภาครัฐจะต้องจัดหาวัคซีนมาให้มากกว่านี้ โดยเฉพาะ mRNA มันคือวิธีเดียวที่จะจบสงครามนี้อย่างเด็ดขาด เราทุกคนจำเป็นต้องมีเข็ม 3 ครับ (คิดในใจกันว่าส่วนใหญ่ 1+2 ยังไม่ได้กันเลยเนอะ)

5.) ภาคอุตสาหกรรม ต้องตั้งใจควบคุมโรคให้มากกว่านี้ และการนำแรงงานเถื่อนเข้ามา ควรจะหยุดได้แล้ว ครั้งนี้เจ็บกันหนักโดยทั่วหน้า น่าจะเป็นบทเรียนกับทุกฝ่ายว่า การควบคุมโรคถ้าล้มเหลว การผลิตไม่มีทางไปได้ดีครับ

6.) ภาคบริการ ขอให้สู้และอดทน ถ้าทุกคนตั้งใจช่วยกัน ปลายต.ค.จะกลับมาเริ่มดำเนินธุรกิจได้แล้ว และพ.ย. ธ.ค. ยันปีใหม่ ผมว่าเรามีโอกาสกลับมาเต็มร้อยครับ

7.) กทม.ยังห่างไกลคำว่าปลอดภัยมากนะครับ ขอให้ช่วยกันทุกฝ่าย และพวกเราต้องขอบคุณกองหนุนจากต่างจังหวัดมาก ๆ ถ้าไม่มีกองหนุนจากหัวเมือง เราไม่มีทางกอบกู้พระนครได้อย่างแน่นอนครับ

8.) เราควรลดธงลงครึ่งเสาในวันที่ผู้เสียชีวิตถึง 10,000 คน ซึ่งจะเกิดขึ้นในไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า ตัวเลขนี้มากกว่าทหารไทยที่เสียชีวิตช่วง WW2 เราจะทำสิ่งนี้เพื่อระลึกถึงและจดจำพวกเขาตลอดไป นี่คือความสูญเสียที่มากที่สุดในประวัติศาสตร์ไทยยุคใหม่

เราสู้กันมานานมากแล้วนะครับ และมันมาถึงจุดสูงสุดของสงครามแล้ว และมันใกล้จบ สู้ครับ อย่าตาย อย่าเพิ่งยอมแพ้ มาถึงจุด Summit แล้ว ปักธงบันทึกความทรงจำไว้ แล้วก้าวเดินลงไปด้วยกันครับ เราจะไม่ปลอดภัยเลยจนกว่าจะถึงเชิงเขา ขออย่าได้ประมาทโดยเด็ดขาดนะครับ แล้วเจอกันข้างล่างทุกคนครับ


ที่มา : https://www.facebook.com/story.php?story_fbid=6257932684247399&id=100000921874426&sfnsn=mo


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!

A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!!

>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท

>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ

>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต

>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย

***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

“นายกฯ” ชม นักวิจัยไทย “พัฒนาชุดตรวจโควิด-19-วัคซีนป้องกันแบบพ่นจมูก” ชี้ เป็นสำเร็จในการใช้วิทยาศาสตร์ฯ

น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ชื่นชมทีมนักวิจัยไทย จากสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.)ภายใต้การกำกับของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ที่ผลิตผลงานป้องกันการแพร่ระบาดโควิด-19 ของศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) ได้พัฒนาวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 แบบพ่นจมูก ชนิด Adenovirus-based และ Influenza-based ที่ผ่านการทดสอบการกระตุ้นภูมิคุ้มกันในหนูทดลองเรียบร้อยแล้ว พบว่ามีประสิทธิภาพต่อการคุ้มโรคที่เกิดขึ้น ปลอดภัยไม่มีปัญหา และศูนย์นาโนเทคโนโลยีแห่งชาติ (นาโนเทค) ได้พัฒนา “NANO COVID-19 Antigen Rapid Test” ชุดตรวจคัดกรองเชื้อโควิด-19 แบบรวดเร็ว ที่มีความไวและความแม่นยำสูงมาก

โดยการพัฒนาวัคซีนแบบพ่นจมูก ทดสอบในหนูทดลอง พบว่าไม่มีอาการป่วยแล้ว มีน้ำหนักเพิ่มขึ้น จากนี้จะมีการยื่นเอกสารต่อสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา(อย.)เพื่อขอทดสอบในมนุษย์ โดยจะร่วมกับราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ วางแผนทดสอบประสิทธิภาพวัคซีนกับเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา ซึ่งหากได้รับอนุมัติเร็ว คาดว่าจะเริ่มทดสอบในมนุษย์เฟสแรกปลายปี 2564 นี้ และต่อเนื่องเฟส 2 ในเดือนมี.ค. 2565 หากได้ผลดีจะสามารถผลิตออกมาใช้ได้ประมาณกลางปีหน้า

ขณะที่ การพัฒนาชุดตรวจคัดกรองเชื้อโควิด-19 แบบรวดเร็ว โดยศูนย์นาโนเทคนั้น มีจุดแข็งด้านการใช้งานที่สะดวก รวดเร็วสามารถตรวจหาตัวเชื้อได้ในเวลาเพียง 15 นาที มีความไว 98% และความจำเพาะสูงถึง 100% ใช้ตรวจคัดกรองผู้ป่วยโควิด-19 เบื้องต้นได้ ช่วยลดปริมาณผู้ป่วยที่ต้องตรวจด้วยวิธีการ RT-PCR ลดค่าใช้จ่าย  ลดภาระงานในระบบสาธารณสุข และทางศูนย์ฯกำลังเร่งผลักดันการถ่ายทอดเทคโนโลยีและรูปแบบการใช้ประโยชน์ เพื่อให้สามรถผลิตใช้เองได้ในประเทศ ตอบสนองความมั่นคงทางด้านสาธารณสุขตามนโยบายรัฐบาล

น.ส.รัชดา กล่าวว่า การให้ข้อมูลความก้าวหน้าของการวิจัยพัฒนาวัคซีนโควิด-19 ชนิด mRNA ใประเทศไทยด้วยว่า ศูนย์วิจัยวัคซีน คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ขณะนี้ได้ทดสอบการฉีดวัคซีน “ChulaCov19” ให้กับอาสาสมัครแล้ว เพื่อศึกษาประสิทธิภาพสูงสุดของปริมาณวัคซีนที่จะสร้างภูมิคุ้มกันอย่างเหมาะสม ภายใต้การดูแลของทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ พยาบาล และทีมนักวิจัย และลำดับต่อไป จะเข้าสู่การทดสอบทางคลินิก ระยะที่ 2 จำนวน 150-300 คน คาดจะเริ่มต้นฉีดได้ในเดือนส.ค.นี้

“นายกฯติดตามความคืบหน้าและชื่นชมในความสามารถของนักวิจัยไทย ภายใต้สถานการณ์โควิด-19 ผลิตผลงานที่เป็นความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์การแพทย์ เป็นประโยชน์ต่อสังคมอย่างมาก แม้ยังจะต้องใช้เวลาในการทดสอบผลให้แน่ชัดอีกระยะหนึ่ง แต่ความก้าวหน้าต่างๆถือเป็นตัวบ่งชี้ศักยภาพของประเทศที่เราจะสามารถลดการนำเข้าเวชภัณฑ์  เสริมความมั่นคงทางสาธารณสุข และที่สำคัญ ความสำเร็จเหล่านี้จะเป็นแรงบันดาลใจให้เยาวชนสนใจวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมากขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งที่ประเทศต้องการ”

ดีเดย์! คุ้มครองเงินฝาก วงเงิน 1 ล้านบาท คลังยันเป็นไปตามกฎหมาย

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง เปิดเผยว่า ตั้งแต่วันที่ 11 ส.ค.2564 เป็นต้นไป วงเงินคุ้มครองเงินฝากที่สถาบันคุ้มครองเงินฝากจะให้ความคุ้มครองจะกลับเข้าสู่ระดับ 1 ล้านบาท ต่อ 1 รายผู้ฝาก ต่อ 1 สถาบันการเงิน ซึ่งเป็นวงเงินการคุ้มครองเงินฝากที่ได้กำหนดไว้ในมาตรา 53 แห่งพระราชบัญญัติสถาบันคุ้มครองเงินฝาก พ.ศ. 2551และที่แก้ไขเพิ่มเติม โดยวงเงินความคุ้มครองเงินฝากนี้สามารถคุ้มครองกลุ่มผู้ฝากเงินรายย่อย ซึ่งเป็นกลุ่มผู้ฝากเงินส่วนใหญ่ของประเทศกว่า% 98 จากผู้ฝากเงินทั้งหมดของระบบสถาบันการเงิน ซึ่งพบว่าสัดส่วนของจำนวนผู้ฝากเงินที่ได้รับการคุ้มครองเต็มจำนวนตามวงเงินที่กฎหมายกำหนดของประเทศไทยมีความใกล้เคียงกันกับค่าเฉลี่ยสัดส่วนจำนวนผู้ฝากที่ได้รับความคุ้มครองเต็มจำนวนตามกฎหมายของประเทศต่าง ๆ
 
ทั้งนี้ การกำหนดวงเงินความคุ้มครองเงินฝากของไทยเป็นไปตามหลักการสำคัญของระบบการคุ้มครองเงินฝากที่มีประสิทธิผล ซึ่งเป็นหลักการสากล โดยครอบคลุมกลุ่มผู้ฝากเงินรายย่อยซึ่งเป็นกลุ่มผู้ฝากเงินส่วนใหญ่ของประเทศ และส่งเสริมการสร้างวินัยทางการเงินให้แก่ระบบการเงินทั้งระบบ ทั้งในส่วนของผู้ฝากเงิน และในส่วนสถาบันการเงิน

สำหรับปัจจุบันสถาบันการเงินในประเทศไทย ยังคงมีความเข้มแข็งและมีเสถียรภาพ ทั้งในส่วนของระดับเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (BIS ratio) อยู่ที่ระดับ 20% ซึ่งสูงกว่าหลายประเทศในภูมิภาค ประกอบกับการมีสภาพคล่องที่ยังอยู่ในระดับสูง และสามารถรองรับความผันผวนของสภาวะทางเศรษฐกิจในปัจจุบันที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้ จึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องขยายเวลาวงเงินความคุ้มครองเงินฝากเดิมออกไปอีก 

แพทย์โรงพยาบาลรามาธิบดี โพสต์ โดนผู้ป่วยหลอกยังไม่ได้ยาฟาวิพิราเวียร์ หวังเอาไปขายต่อ พบก่อเหตุแล้วหลายราย วอนหยุดพฤติกรรมดังกล่าว เหตุทำให้ต้องตรวจสอบเข้มงวดขึ้น ส่งผลการทำงานและทุกอย่างล่าช้า

นายแพทย์สุรเวช น้ำหอม คณะแพทย์ศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Dr.Surawej Numhom นายแพทย์สุรเวช น้ำหอม ระบุว่า

#เพราะการรักษาโควิดการได้ยาFavipiravirเร็วนั้นสำคัญมาก

ในตอนนี้การรับมือกับการระบาดของโควิดในกรุงเทพ เราไม่มีเตียงจะให้คนไข้ทุกคนรักษาในโรงพยาบาลแล้ว การรักษาแบบ Home isolation จึงสำคัญมาก ในเวลาที่คนไข้ติดเชื้อมากมายในแต่ละวัน ทีมแพทย์และเภสัชพยายามจะรีบส่งยา Favipiravir ให้เร็วที่สุดเพื่อให้คนไข้ได้ยาทานก่อนที่อาการจะเป็นมาก ซึ่งแน่นอนว่าการพยายามส่งให้เร็วและจำนวนมาก การตรวจสอบก็จะไม่ได้มีขั้นตอนที่ละเอียดหรือซับซ้อนมากเพื่อความรวดเร็ว และในเวลานี้เรายังส่งยาได้ไม่เร็วพอเลยด้วยซ้ำ

#ตอนนี้มีคนไข้ที่ได้ยาไปแล้วกลับบอกว่าไม่ได้

แต่ในความพยายามที่จะทำให้เร็ว ก็มีคนไข้บางคนที่ได้ยาไปแล้วกลับบอกว่ายังไม่ได้ เพื่อจะให้ทีมแพทย์ส่งยา Favipiravir ไปให้อีกครั้ง จุดประสงค์เพื่อนำยาไปขายต่อ เพราะตอนนี้ราคายา Favipiravir ในตลาดมืดมีราคาสูงมาก เพราะคนกลัวว่าหากการระบาดยังมากขนาดนี้ ยาอาจจะมีไม่พอ จึงมีความต้องการยา Favipiravir มากและแน่นอนว่าการนำไปขายแบบนี้จะมีคนซื้อทันที

#หากเราต้องสร้างระบบตรวจสอบหลายขั้นทุกอย่างจะยิ่งช้า

ดังนั้นหากมีเหตุการณ์ที่คนไข้ได้ยาแล้วแต่บอกว่ายังไม่ได้ เช่นตอนนี้ก็สามารถจับได้หลายเคสแล้วที่ทำแบบนี้ และหากมีมากขึ้นเรื่อย ๆ ก็จะทำให้เกิดความระแวงว่ายาจะรั่วไหล จะทำให้ต้องมีระบบการตรวจสอบที่เข้มข้นขึ้น ซึ่งก็จะเพิ่มทั้งเวลาในการตรวจสอบและต้อง double check ทุกครั้งที่คนไข้บอกว่าไม่ได้ยา ซึ่งจะทำให้คนไข้ที่ไม่ได้ยาจริงยิ่งได้รับช้าขึ้นไปอีก

#เราได้ยาแล้วแต่ยังมีคนอื่นที่ยังไม่ได้ยาอีกมาก

จึงต้องขอว่าในเวลาที่วิกฤติแบบนี้ ทุกคนเดือดร้อนและลำบากกันหมด แค่ส่งยา Favipiravir ให้ถึงมือคนไข้ทุกคนให้ทันเวลาก็ยากแล้ว หากคนไข้ท่านใดที่แจ้งว่าไม่ได้ยาแล้วเราต้องมาตรวจสอบก่อนว่ามีหลักฐานการได้ยาไปแล้วหรือยัง ก็ต้องใช้เวลา ต้องสร้างระบบตรวจสอบ ต้องเพิ่มขั้นตอนในการทำงาน ซึ่งสุดท้ายทุกอย่างก็จะล้าช้าไปหมด

ระบบราชการช้าและซ้ำซ้อนด้วยตัวเองอยู่แล้ว อย่าทำให้ช้าเพราะเห็นแก่ผลประโยชน์ของตัวเองเลย เวลานี้คนไข้และทีมแพทย์และทีมรักษาต้องช่วยเหลือซึ่งกันและกัน เพื่อให้เรารักษาคนให้ได้มากที่สุดและเร็วที่สุด เพราะเราจะต้องรอดไปด้วยกันจากวิกฤติครั้งนี้นะครับ


ที่มา : https://www.facebook.com/drsurawejrama/posts/4247879321968967?_trms=8b8b1fea5e570489.1628646891627


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!

A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!!

>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท

>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ

>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต

>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย

***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

รัฐบาล หนุน แจ้งข้อมูลเด็ก กระทบจากโควิด-19 ผ่านไลน์@savekidscovid19 - แอปพลิเคชัน “คุ้มครองเด็ก” สายด่วน1300 “ศูนย์ช่วยเหลือสังคม” เผย ข้อมูล ศบค. เด็กที่ติดเชื้อโควิดแล้วจำนวน 79,989 คน

ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนากรัฐมนตรี กล่าวว่า  จากที่การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ได้ส่งผลกระทบในวงกว้าง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ได้กำชับกับหน่วยงานต่างๆ ให้ดูแลกลุ่มเปราะบางของสังคมอย่างทั่วถึงทั้ง เด็ก คนพิการ ผู้สูงอายุ โดยเฉพาะในกรณีของเด็กนั้นพบว่าได้รับผลกระทบจำนวนมาก ทั้งจากกรณีการเป็นผู้ป่วยเองและได้รับผลกระทบจากกรณีพ่อแม่ผู้ปกครอง ป่วยแล้วไม่มีผู้ดูแลเด็ก เด็กขาดแคลนอาหารและยา  รวมถึงต้องหลุดออกจากวงจรการศึกษา

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า การเล็งเห็นปัญหาที่อาจเกิดขึ้นกับเด็ก 4 หน่วยงาน ประกอบด้วยกรมกิจการเด็กและเยาวชน กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา(กสล.) สถาบันสุขภาพจิตเด็กและวัยรุ่นราชนครินทร์ และยูนิเซฟ ได้ร่วมกันจัดตั้งศูนย์ช่วยเหลือเด็กโควิด-19 ขึ้นเพื่อบูรณาการข้อมูลเด็กที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ทั้งประเทศ 

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า โดยได้รวมพลังของเจ้าหน้าที่จากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น(อปท.)อาสาสมัครพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ อาสาสมัครชุมชน อาสาสมัครครูทั้งในและนอกระบบ อาสาสมัครสภาเด็กและเยาวชน เข้ามาร่วมดูแลเด็กเพื่อช่วยเหลือเด็กได้ทันสถานการณ์ไม่ถูกปล่อยให้โดดเดี่ยว โดยจะมีกลไกการรับเด็กที่ได้รับผลกระทบผ่านช่องทางต่างๆ โดยเฉพาะการรับแจ้งข้อมูล จากประชาชน 

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า รัฐบาลจึงขอเชิญชวนประชาชนทั่วประเทศร่วมกันแจ้งข้อมูลเด็กที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 เข้ามายังศูนย์ช่วยเหลือเด็กโควิด-19 ทั้งการแจ้งผ่านไลน์  @savekidscovid19 หรือช่องทางอื่นๆ เช่น แอปพลิเคชั่น “คุ้มครองเด็ก” สายด่วน “ศูนย์ช่วยเหลือสังคม” โทร. 1300 ซึ่งจะมีเจ้าหน้าที่คอยรับเรื่องตลอด 24 ชั่วโมง หรือแจ้งได้ที่บ้านพักเด็กและครอบครัวทั้ง 77 จังหวัดทั่วประเทศ 

“ปัจจุบันมีเพียงข้อมูลจากศบค. เกี่ยวกับจำนวนเด็กที่ติดเชื้อโควิด ที่ตั้งแต่ 1 ม.ค.– 10 ส.ค.2564  มีจำนวน 79,989 คน แบ่งเป็นในกรุงเทพฯ 18,260 คน ส่วนภูมิภาค 61,729 คน  แต่จะยังมีเด็กจำนวนมากที่ได้รับผลกระทบจากกรณีที่ผู้ปกครอง ป่วย หรือเสียชีวิตแล้วขาดคนดูแล ซึ่งส่วนนี้ประชาชนที่พบเห็นสามารถแจ้งให้ศูนย์ช่วยเหลือเด็กโควิด-19 เพื่อเข้าช่วยเหลือได้ ทั้งผ่านไลน์ แอปพลิเคชั่น สายด่วน 1300 หรือบ้านพักเด็กและครอบครัวทั้ง 77 จังหวัด เพื่อช่วยกันดูแลให้เด็กได้รับความช่วยเหลือเร็วที่สุด” น.ส.ไตรศุลี กล่าว

‘มูลนิธิมาดามแป้ง’ ผนึกกำลังพันธมิตรเอกชน หนุนศูนย์พักคอย 4 มุมเมือง

มูลนิธิมาดามแป้ง โดย ‘มาดามแป้ง’ นวลพรรณ ล่ำซำ เดินหน้าสนับสนุนศูนย์พักคอย (Community Isolation) 4 มุมเมือง เสริมกำลังแกร่งด้วยพันธมิตรเอกชนกว่า 10 ราย ช่วยคนไทยสู้วิกฤตโควิด-19 พร้อมเยี่ยมให้กำลังใจบุคลากรทางการแพทย์ ผู้ปฏิบัติงาน และผู้ป่วย

10 ส.ค.​ 64 ณ วัดกำแพง (บางแวก) เขตภาษีเจริญ ‘มาดามแป้ง’ นวลพรรณ ล่ำซำ 
ซีอีโอ บมจ. เมืองไทยประกันภัย และประธานกรรมการมูลนิธิมาดามแป้ง ในฐานะผู้สนับสนุนหลักการจัดตั้งศูนย์ นำคณะกรรมการมูลนิธิฯ เข้าตรวจเยี่ยมให้กำลังใจบุคลากรทางการแพทย์ ผู้ปฏิบัติหน้าที่ โดยมีผู้อำนวยการเขตภาษีเจริญ ประธานกรรมการโรงพยาบาลมิตรประชา ร่วมพูดคุยให้ข้อมูลการบริการประชาชนและระบบการทำงานต่าง ๆ เพื่อสานต่อความช่วยเหลือในระยะต่อไปแก่ศูนย์ฯ สามารถดูแลผู้ป่วยได้แบบ 360 องศา โดยได้ให้กำลังใจผู้ป่วยผ่านระบบ INTERCOM

ในการนี้ มูลนิธิมาดามแป้ง ยังได้พันธมิตรเอกชน เข้าร่วมสนับสนุนการดำเนินงานของศูนย์พักคอยทั้ง 4 มุมเมืองนี้ เพื่อช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนให้มากยิ่งขึ้น และสนับสนุนการทำงานของหน่วยงานรัฐอีกทาง โดยมีรายนามดังนี้ บริษัท บางกอกกล๊าส จำกัด (มหาชน), อเมริกัน อีเกิล เอาท์ฟิตเตอร์ส (American Eagle Outfitters), บริษัท เกียรติธนาขนส่ง จำกัด (มหาชน), บริษัท สหพัฒนพิบูล จำกัด (มหาชน), บริษัท เพรซิเดนท์ เบเกอรี่ จำกัด (มหาชน) (ฟาร์มเฮ้าส์), บริษัท ล็อคตั้น วัฒนา อินชัวรันส์ โบรคเกอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด, บริษัท ไทย วี พี คอร์ปอเรชั่น จำกัด, บริษัท พี แลนด์สเคป จำกัด, บริษัท ไทยรับประกันภัยต่อ จำกัด (มหาชน), สมาคมนักเรียนเก่าวชิราวุธวิทยาลัย ในพระบรมราชูปถัมภ์ รุ่น 47 และ บริษัท สถาปนิก 49 จำกัด รวมถึงประชาชนจำนวนมากที่ร่วมสนับสนุนให้แก่มูลนิธิฯ อย่างต่อเนื่อง

ด้าน ‘มาดามแป้ง’ นวลพรรณ ล่ำซำ กล่าวว่า “วันนี้พวกเราในฐานะมูลนิธิมาดามแป้ง มองว่าด้วยหนึ่งแรงช่วยเหลือคงจะน้อยนิดสำหรับความเดือดร้อนที่มีอยู่ในทุกหย่อมหญ้า การที่เราได้รับกำลังใจและแรงสนับสนุนจากพันธมิตรเข้ามาอย่างต่อเนื่อง บางท่านไม่ได้ให้แค่เงินสนับสนุน แต่ยังช่วยส่งทรัพยากรที่มี มาร่วมด้วยช่วยกัน ทั้งรถรับ-ส่ง, อาหาร, น้ำดื่ม ทำให้เราได้เห็นภาพความร่วมมือของภาคเอกชนที่ร่วมใจช่วยคนไทยในการต่อสู้วิกฤต และขอขอบคุณเงินทุกบาทของผู้ที่มีจิตศรัทธาที่หลั่งไหลมาตลอดตั้งแต่ช่วงที่เราเตรียมความพร้อม และเริ่มเปิด CI ทั้ง 4 ศูนย์ฯ ขอบคุณจากใจจริงค่ะ”

โดยขณะนี้ ศูนย์พักคอยวัดกำแพง (บางแวก) เขตภาษีเจริญ โดยโรงพยาบาลมิตรประชา มีขนาด 100 เตียง ซึ่งกำลังจะเพิ่มจำนวนเตียงรองรับผู้ป่วยกลุ่มสีเหลืองอ่อน ที่ลงทะเบียนผ่านระบบคัดกรองเรียบร้อยแล้ว ซึ่งคาดว่าจะรับผู้ป่วยได้เต็มจำนวนเตียงภายในสัปดาห์นี้

'โฆษก ทร.' เผย 'ผบ.ทร.'​ รับมอบตู้พ่นฆ่าเชื้อโควิค19 จากบริษัทเอกชนยักษ์ใหญ่ด้านอุปกรณ์ไฟฟ้า เพื่อติดตั้ง ณ จุดคัดกรอง รพ.ปิ่นเกล้า

10​ ส.ค.64 พลเรือเอก เชษฐา ใจเปี่ยม โฆษกกองทัพเรือ เปิดเผยว่า พลเรือเอก ชาติชาย ศรีวรขาน ผู้บัญชาการทหารเรือ พร้อมด้วย พลเรือโท วิชัย มนัสศิริวิทยา เจ้ากรมแพทย์ทหารเรือ และ พลเรือตรี นิธิ พงษ์อนันต์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสมเด็จพระปิ่นเกล้า ร่วมรับมอบตู้พ่นฆ่าเชื้อโรค สำหรับภารกิจต่อต้านการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 ซึ่งผลิตโดยกรมวิทยาศาสตร์ทหารเรือ จำนวน 2 ตู้ มูลค่า 200,000 บาท จากคุณไพบูลย์ อังคณากรกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท อาซีฟา จำกัด (มหาชน) และ คุณทรงเดช วรยุทธการ ประธานกรรมการ บริษัท พีท แอนด์ เฟรนด์ จำกัด และ พลเรือตรี สราวุฒิ ใจชื้น เจ้ากรมวิทยาศาสตร์ทหารเรือ ในฐานะผู้ผลิต ร่วมส่งมอบให้โรงพยาบาลสมเด็จพระปิ่นเกล้า กรมแพทย์ทหารเรือ แขวงบุคคโล เขตธนบุรี กรุงเทพฯ

สืบเนื่องมาจากการแพร่ระบาดเชื้อโควิด-19 ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน เดิมทีกองทัพเรือมีระบบการคัดกรองการแพร่กระจายเชื้อโควิด-19 หลายรูปแบบ เช่น การใช้เครื่องตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายที่เปรียบเสมือนด่านแรกในการคัดกรอง แต่ยังคงมีช่องว่างของการแพร่กระจายของเชื้อเพื่อตอบสนองต่อมาตรการของ พลเรือเอก ชาติชาย ศรีวรขาน ผู้บัญชาการทหารเรือ ในการป้องกันการแพร่ระบาดเชื้อโควิด-19

ในการนี้ กรมวิทยาศาสตร์ทหารเรือ จึงได้ทำโครงการวิจัยในการศึกษาความเป็นไปได้ และสร้างตู้พ่นน้ำยาฆ่าเชื้อโควิด-19 เพื่อป้องกันการแพร่กระจายเชื้อโควิด-19 ขึ้น เป็นเครื่องที่สามารถสร้างละอองหรือไอของสารฆ่าเชื้อโรค/ยับยั้งเชื้อโรคที่ปนเปื้อนภายนอกกับบุคคล ด้วยประสิทธิภาพของเครื่องมือในการสร้างละอองที่มีขนาดละเอียดเล็กมาก และครอบคลุมพื้นที่ในเวลาสั้นนี้ จึงเป็นตู้พ่นฯ ที่ประหยัดความสิ้นเปลืองของน้ำยา/สารเคมีได้ สามารถใช้งานได้กับน้ำยาหลากหลายแบบ ทั้ง Chemical Based และสารผสม เช่น สารสกัดสมุนไพร สารชีวภาพที่มีสารออกฤทธิ์ ยับยั้งเชื้อโรคได้ (Bioactive ingredients)
มีระบบทำลายพิษตนเองอัตโนมัติ (Auto self -cleaning Machine) เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของสารเคมี รวมถึงเชื้อโรค ก่อนใช้งานกับบุคคลอื่น และก่อนการปล่อยสาร/ของเสียสู่สิ่งแวดล้อม

องค์ประกอบของเครื่องพ่นฆ่าเชื้อโรค ประกอบด้วย 4 ส่วนหลัก ดังนี้... 

1. ส่วนสร้างละอองน้ำยาขนาดอนุภาคละเอียด (Ultrasonic Atomizer) 
2. ส่วนเติมน้ำยาฆ่าเชื้อโรคและหรือยับยั้งเชื้อโรค (Disinfectant solution tank)  
3. ส่วนห้องหรืออุโมงค์เพื่อเป็นพื้นที่ทำลายพิษ (Decontamination area) 
4. ระบบควบคุมอัตโนมัติและเซนเซอร์จับวัตถุ (Automatic Control & Sensors)​

บริษัท อาซีฟา จำกัด (มหาชน) ได้เล็งเห็นถึงประโยชน์ที่ประชาชนทั่วไปจะได้รับ จึงให้การสนับสนุนในการผลิตตู้ พ่นฆ่าเชื้อฯ และส่งมอบให้โรงพยาบาลสมเด็จพระปิ่นเกล้า เพื่อนำไปติดตั้ง ณ จุดผ่านเข้า-ออก ภายในโรงพยาบาล เพื่อช่วยลดความเสี่ยงในการติดเชื้อโควิค 19

องค์กรผู้ใช้น้ำ (สทนช.) ร่วมมือ แบ่งปันน้ำใจ  มอบน้ำดื่มให้ รพ.สนาม และศูนย์พักคอย รองรับผู้ติดเชื้อโควิด-19 กทม.และชลบุรี

องค์กรผู้ใช้น้ำ (สทนช.)โดยคุณธนวัฒน์ สันตินรนนท์ กรรมการบริหาร บ.อินดัสเตรียลวอเตอร์ รีซอร์สแมนเนจเม้นท์ จก. ผู้แทนกลุ่ม "ตนรักษ์น้ำ"และ คุณวิเชษฐ์ เกตุแก้ว ผู้แทน กลุ่ม"สภาอุตสาหกรรมจังหวัดฉะเชิงเทราลุ่มน้ำบางปะกง" ร่วมแบ่งปันน้ำดื่ม ให้แก่ นายสกลธี ภัททิยกุล รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครฯ ณ.โรงพยาบาล เอราวัณ 2 บางกอก อารีน่า เขตหนองจอก กทม.จำนวน 12,000 ขวด เพื่อส่งต่อไปยังโรงพยาบาลสนาม 13 แห่ง ในความรับผิดชอบของ กทม. เพื่อรองรับผู้ติดเชื้อโควิด-19 


ที่ผ่านมา คุณวิเชษฐ์ เกตุแก้ว องค์กรผู้ใช้น้ำ ( สทนช.)ผู้แทนกลุ่ม "สภาอุตสาหกรรมจังหวัดฉะเชิงเทรา ลุ่มน้ำบางปะกง” และคุณศราวุฒิ​ เปลี่ยนอารมย์​  ผู้จัดการทั่วไป บ.อินดัสเตรียล วอเตอร์ รีซอร์ส แมนเนจเมนท์(IWRM) ผู้ผลิตน้ำประปาเพื่อบริโภคและเพื่ออุตสาหกรรม ในเขตพื้นที่EECร่วมสนับสนุน น้ำดื่มและน้ำยาฆ่าเชื้อ" มอบให้ศูนย์กสิกรรมธรรมชาติ มาบเอื้อง ต.หนองบอนแดง อ.บ้านบึง  จ.ชลบุรี จัดตั้งโรงพยาบาลสนาม รองรับผู้ติดเชื้อโควิด19 ในพื้นที่จากจังหวัดกรุงเทพฯและจังหวัดชลบุรี จำนวน 80 เตียงโดยมีคุณศลิศา ศัลยกำธร ผู้อำนวยการศูนย์กสิกรรมธรรมชาติมาบเอื้องพร้อมทีม เจ้าหน้าที่ อสม.อบตหนองบอนแดง อ.บ้านบึง ร่วมรับมอบ

ทั้งนี้ ยังได้มอบน้ำดื่ม CHON Water ให้กับ  ศูนย์พักคอย เทศบาลตำบลพานทอง  จำนวน1,200 ขวด โดย นายศิริเกียรติ ไม้งาม  นายกเทศมนตรี เทศบาลตำบลพานทอง  อ.พานทอง รับมอบและสนับสนุนน้ำดื่มอีก จำนวน1,200 ขวดให้กับ อบต.หน้าประดู่ รับมอบโดย นายรัชกฤต เจริญสุข นายกองค์การบริหารส่วนตำบลหน้าประดู่  ว่าที่ร้อยตรีศุภชัย สนธิรักษ์ปลัด อบต.หน้าประดู่และ นายนรภัทร แสงจันทร์ ผอ.กองสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อม อบต.หน้าประดู่  อ.พานทอง จากการระบาดของเชื้อโควิด-19  ขยายเป็นวงกว้างมีการพบเชื้อที่เพิ่มอย่างต่อเนื่อง อปท.จึงจัดตั้งโรงพยาบาลสนาม ศูนย์พักคอยเพิ่ม มีความจำเป็นต้องการน้ำ อาหาร ของใช้ที่จำเป็น ให้กับผู้ติดเชื้อ ผู้ป่วย เจ้าหน้าที่ อาสา ประจำศูนย์ จึงขอเชิญชวนร่วมบริจาค ณ.ศูนย์พักคอยได้ทุกที่ ไกล้บ้านท่าน เราจะก้าวผ่าน โควิด-19ไปด้วยกัน

'ทิพานัน' ย้ำไม่ต้องใช้ใบรับรองแพทย์เคลมประกันโควิด เจอจ่ายจบ ใช้แค่ผล RT-PCR เท่านั้น เผยนายกฯ กำชับทุกภาคส่วนอำนวยความสะดวก-ป้องกันการเอาเปรียบประชาชนในยามวิกฤต กระตุกนักการเมืองช่วยกันกระจายข่าวสารมีประโยชน์ให้ชุมชน ดีกว่ามุ่งทำร้ายกันทางการเมือง

น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ ประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี อดีตผู้สมัคร ส.ส.กทม.เขตจอมทอง-ธนบุรี อดีตรองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า จากการลงพื้นที่รับฟังปัญหาพี่น้องประชาชนชุมชนวัดมงคลวราราม ชุมชนศิลปเดช และชุมชนวุฒากาศ 46 เขตจอมทอง พบว่าพี่น้องประชาชนผู้เอาประกันภัยที่ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 มีความวิตกกังวลกรณีไม่สามารถขอใบรับรองแพทย์จากสถานพยาบาลมายืนยันว่าตนติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ทำให้อาจไม่ได้รับการคุ้มครองสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ตามกรมธรรม์ เนื่องจากก่อนหน้านี้หากติดเชื้อไวรัสโควิด-19 จะต้องใช้ทั้งเอกสารรายงานผลการตรวจพบเชื้อไวรัสโควิด-19 พร้อมทั้งใบรับรองแพทย์

แต่เมื่อติดเชื้อไวรัส-19 แล้วทำให้การเดินทางไปเป็นไปด้วยความยากลำบาก จึงไม่สามารถขอใบรับรองแพทย์ได้ ตนจึงได้ชี้แจงทำความเข้าใจข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นว่า ขณะนี้คณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย หรือ คปภ.ได้ผ่อนปรนสำหรับผู้เอาประกันแบบ เจอ จ่าย จบ สามารถใช้เพียงเอกสารการรายงานผลตรวจจากห้องปฏิบัติการที่ผ่านการรับรองจากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ โดยวิธี RT-PCR แทนใบรายงานหรือรับรองจากแพทย์ เพื่อยื่นเคลมประกันกับบริษัทประกันภัยผู้รับทำประกัน

น.ส.ทิพานัน กล่าวย้ำว่า วันนี้ใช้เพียงผลตรวจ แบบ RT-PCR เพียงอย่างเดียวเท่านั้นในการเคลมประกัน เจอ จ่าย จบ ซึ่งเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน สอดคล้องกับมาตรการบรรเทาความเดือดร้อนของรัฐบาลที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้กำชับให้ทุกภาคส่วนกำกับดูแลอำนวยความสะดวกให้กับพี่น้องประชาชนในยามวิกฤตและไม่ให้มีการเอารัดเอาเปรียบพี่น้องประชาชนได้

“ในยามวิกฤตแบบนี้ มีอะไรช่วยได้ ตนพร้อมจะช่วยเหลือพี่น้องประชาชน แม้วันนี้ ทางคปภ. จะออกคำสั่งมาแล้ว แต่พี่น้องประชาชนในหลาย ๆ พื้นที่ยังไม่ทราบเรื่องดังกล่าว กังวลจะเสียสิทธิในการเคลมประกันไป จึงขอเชิญชวนให้ฝ่ายการเมืองที่มีเครือข่ายอยู่ในชุมชนต่าง ๆ ทั่วประเทศไทยร่วมกันสื่อสารกระจายข้อมูล สร้างความเข้าใจให้กับพี่น้องประชาชนเพื่อคลายความทุกข์ และความกังวลใจในเรื่องดังกล่าว ดีกว่าหมกมุ่นกับการทำร้ายกันทางการเมือง” น.ส.ทิพานัน กล่าว


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!

A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!!

>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท

>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ

>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต

>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย

***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก????https://lin.ee/vfTXud9


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top