Tuesday, 10 December 2024
Hard News Team

"สมศักดิ์" เผยเร่งประสาน "อนุทิน" ขอวัคซีนฉีดผู้ต้องขังทุกคน พร้อมใช้ฟาวิพิราเวียร์-ฟ้าทะลายโจร รักษาผู้ติดเชื้อเรือนจำ ตรวจเชิงรุกแบบ 100% พร้อมวางแผนเผื่ออนาคต ยัน! แจ้งทุกรายละเอียดไม่ปิดบัง เตรียมติดป้ายตัวเลขหน้าเรือนจำให้รู้ยอดคนติดเชื้อทุกวัน

ที่กรมราชทัณฑ์ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พร้อมด้วย ว่าที่ ร.ต.ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ เลขานุการ รมว.ยุติธรรม นายอายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ร่วมแถลงข่าว กรณีผู้ต้องขังติดเชื้อโควิด-19 ในเรือนจำ 

นายสมศักดิ์ กล่าวว่า วันนี้โควิด-19 เข้าไปอยู่ในเรือนจำมากมาย ทั้งกทม. และต่างจังหวัด รวมตัวเลขแล้วผู้ต้องขังติดเชื้อ 10,384 คน ในขณะนี้ที่รวบรวมได้ เจ้าหน้าที่แพทย์พยาบาลทำงานอย่างหนักและต้องทำต่อไป เจ้าหน้าที่ทุกคนต้องร่วมแรงร่วมใจอย่างเต็มที่ อะไรที่หย่อนยานต้องเร่งปรับปรุง ตอนนี้มีมาตรการ 10 ข้อ คือ

1.) ให้แถลงจำนวนผู้ต้องขัง ที่ได้ตรวจเชิงรุกไปแล้วมีจำนวนเท่าไร

2.) ตรวจเชิงรุกให้ครบทุกเรือนจำ ทั้งผู้ต้องขัง เจ้าหน้าที่เรือนจำและเจ้าหน้าที่ส่วนกลางทุกคน รวมทั้งผู้บริหารระดับสูง ของกรมราชทัณฑ์ทุกคน 55,000 คน

3.) ในส่วนของที่มาของเชื้อให้เร่งสืบข้อเท็จจริงและสาเหตุการติดเชื้อครั้งนี้ และถ้าได้ความแน่ชัดจะแจ้งให้ทราบโดยไม่ปิดบังใด ๆ ทั้งสิ้น

4.) การรักษาและการเฝ้าดูอาการคนไข้จะทำตลอดเวลาไม่มีวันหยุด ทุกคนจะต้องทำงานแข่งกับเวลา

5.) ประสานงานกับกระทรวงสาธารณสุข เพื่อหาวิธีการรักษาที่เร็วและได้ผลดีที่สุด โดยใช้ยาฟาวิพิราเวียร์ รวมทั้งการใช้สมุนไพรไทย เช่น ฟ้าทะลายโจร เข้าช่วยรักษาในขณะที่รอดูอาการโดยเฉพาะอย่างยิ่ง คนในระดับสีเขียวที่ติดเชื้อแต่ยังไม่มีอาการ และคนระดับสีเหลืองที่กำลังเริ่มมีอาการ 

6.) ผู้ต้องขังเป็นประชาชนคนไทย ที่ต้องอยู่ในเรือนจำไปไหนไม่ได้ 100% การอยู่ในที่ถูกล้อมเอาไว้ ขยับขยายไปไหนไม่ได้เป็นอุปสรรคอย่างมหาศาลในการแก้ไข้ปัญหา ประกอบกับห้องนอนนั้นมีผู้ต้องขังอยู่กันอย่างแออัด

7.) มีความจำเป็นที่ต้องเอาผู้ต้องขังและผู้คุม ที่ไม่ติดเชื้อในทุกเรือนจำ จะต้องได้รับการฉีดวัคซีนอย่างเร่งด่วน

8.) จะมีการติดประกาศหน้าเรือนจำทุกแห่งในประเทศไทย เพื่อแจ้งให้ทราบว่ามีผู้ต้องขังติดเชื้อกี่คนและไม่ติดเชื้อกี่คน หายแล้วกี่คน จะมีการแจ้งเช่นนี้เป็นระยะ ๆ อย่างน้อยที่สุดอาทิตย์ละ 1 ครั้ง และจะปรับตัวเลขทุกวัน เพื่อให้ประชาชนในแต่ละชุมชนได้รับทราบ

9.) ผู้บัญชาการเรือนจำทุกคน จะทำรายชื่อผู้ติดเชื้อ และปรับปรุงเป็นรายวันเพื่อให้ญาติผู้ต้องขังทุกคนสามารถเข้ามาตรวจสอบได้ทุกวัน ไม่เว้นวันหยุดราชการ ตั้งแต่ 08.00 - 18.00 น. 

10.) กระทรวงยุติธรรมและกรมราชทัณฑ์ จะรีบเร่งวางแผน เตรียมตัวรับการระบาดครั้งนี้ และครั้งหน้าที่จะมีมาได้ทุกเมื่อ

โดยจะรีบเร่งประชุมพิจารณาในเรื่องของบุคลากรที่ต้องเพิ่ม เช่น พยาบาลที่ปัจจุบันขาดแคลนเป็นจำนวนมาก รวมทั้งแพทย์ อุปกรณ์ทางการแพทย์ตลอดจนพื้นที่ในการรองรับ การดูแลรักษาผู้ต้องขัง เพราะโรคระบาดได้เข้ามาอยู่ในชีวิตสังคมคนไทยแล้วทั้งในวันนี้และอนาคต ซึ่งเป็นความท้าทายของกระทรวงยุติธรรมและกรมราชทัณฑ์เป็นอย่างมาก เพราะคุณลักษณะของผู้ต้องขังที่ต้องติดเชื้อถูกจำกัด ในเรื่องของกฎหมายที่ให้ต้องจองจำ ประกอบจำนวนผู้ต้องขังที่มีอยู่มากเกินกว่าที่สถานที่ปัจจุบัน ตลอดจนเจ้าหน้าที่เข้ามาดูแลจะสามารถรองรับได้

ดังนั้นกระทรวงยุติธรรมและกรมราชทัณฑ์ จะพิจารณานโยบายการพักโทษในรูปแบบพิเศษ เช่น การติดกำไล EM ให้ละเอียดรอบคอบ โดยพิจารณาสิ่งแวดล้อม และข้อเท็จจริง ตลอดจนสภาวะของผู้ต้องขัง เพื่อกำหนดนโยบายการพักโทษขึ้นมา รวมทั้งกฎหมายต่าง ๆ เพื่อให้กรมราชทัณฑ์ กระทรวงยุติธรรม และสังคมได้ประโยชน์ด้วยกัน ตลอดจนสิทธิขั้นพื้นฐานผู้ต้องขัง 

"ถ้าเราใช้ยาฟาวิพิราเวียร์ รักษา 10,000 คน หัวหนึ่ง 5,000 บาท จะใช้เงินถึง 50 ล้านบาท แต่หากใช้วัคซีนกับผู้ต้องขัง 300,000 คนหัวละ 1,000 บาท จะใช้ 300 ล้านบาท จะหยุดเชื้อในเรือนจำได้ทั้งหมด ผมจะเสนอไปยังนายอนุทิน ชาญวีรกูล รมว.สาธารณสุข ดำเนินการให้เรียบร้อย ซึ่งหวังว่าทางนายอนุทินจะเข้าใจและเร่งดำเนินการให้ ส่วนสถานการณ์ที่ จ.เชียงใหม่ ได้ใช้บับเบิ้ลแอนด์ซีล ควบคุมในเรือนจำ โดยมีการร่วมมือกับส่วนราชการต่าง ๆ ในจังหวัด ในเรื่องตัวเลขต้องแจกแจงให้ชัด เราไม่ได้ปิดบังหรือปกปิด แต่หากไม่สามารถทำให้ถูกต้องได้ต้องมีคนรับผิดชอบ เราจะทำตัวเป็นทองไม่รู้ร้อนไม่ได้" นายสมศักดิ์ กล่าว 

นายอายุตม์ กล่าวว่า ขณะนี้มีผู้ต้องขัง 15 เรือนจำติดเชื้อ โดยมี 8 เรือนจำใน กทม. และปริมณฑลที่ต้องเฝ้าระวังพิเศษ เช็คตัวเลขทุกวัน มียอดผู้ติดเชื้อเท่าไร รักษาหายเท่าไร จะมีการติดตามทุกวัน ส่วนเจ้าหน้าที่มีติดเชื้อ 33 ราย เหลือที่ยังไม่หาย 17 ราย และเราได้ประสานงานกับศาล ถึงทางศาลเข้าใจและอำนวยประโยชน์ทุกทาง ตนต้องขอขอบคุณทางท่านประธานศาลฎีกาด้วย 

ททท. เล็งคุย สศช. ปลดล็อก “ทัวร์เที่ยวไทย” ไปได้ทุกวัน 

นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ททท. ได้หารือร่วมกับสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวภายในประเทศ (สทน.) เพื่อร่วมกันหาทางส่งเสริมการเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ ผ่านบริษัททัวร์ในประเทศ และการดำเนินการภายใต้โครงการเราเที่ยวด้วยกัน ระยะที่ 3 และทัวร์เที่ยวไทย ซึ่งทางภาคเอกชนก็เสนอว่า อยากให้ปลดล็อคเงื่อนไขให้ผู้ที่เข้าร่วมโครงการสามารถซื้อทัวร์เดือนทางได้ทุกวันโดยไม่จำกัดว่าจะต้องเป็นวันธรรมดาเท่านั้น เพื่อจะช่วยกระตุ้นให้คนเดินทางท่องเที่ยวมากขึ้น ซึ่งทั้ง 2 โครงการนั้น กำหนดจำนวนคนร่วมโครงการเอาไว้ประมาณ 3 ล้านคน โดย ททท. จะไปหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป 

ทั้งนี้ในปี 64 ททท. อาจต้องปรับเป้าหมายจำนวนนักท่องเที่ยวในประเทศลงจากเดิมที่ตั้งเป้าหมายไว้ที่ประมาณ 100-120 ล้านคน/ครั้ง คิดเป็นเงินรายได้ 5.5 แสนล้านบาท เหลือเพียง 90 ล้านคน/ครั้ง เนื่องจากปัจจุบันยังพบจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในประเทศอยู่ในอัตราที่สูง ประกอบกับการดำเนินนโยบายฟื้นฟูการท่องเที่ยว ทั้งเราเที่ยวด้วยกัน ระยะที่ 3 และทัวร์เที่ยวไทย ยังไม่สามารถดำเนินการได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ว่าจะเริ่มเปิดให้ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการตั้งแต่เดือน พ.ค.นี้ จึงส่งผลให้จำนวนคนเดินทางท่องเที่ยวลดลง 

อย่างไรก็ตามแม้จำนวนนักท่องเที่ยวอาจปรับลดลงจากสถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด แต่ ททท. ก็จำเป็นต้องหามาตรการอื่น ๆ มากระตุ้นให้คนเกิดการเดินทางหลังจากสถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิดในประเทศคลี่คลายลงแล้ว โดยตั้งเป้าหมายเอาไว้ว่าไตรมาสที่ 3 สถานการณ์น่าจะดีขึ้น ล่าสุดได้จัดเตรียมแนวทางการกระตุ้นการเดินทางใหม่ผ่านการจัดทำสถานที่ท่องเที่ยวอันซีนใหม่ของประเทศไทยอีก 25 แห่งทั่วประเทศ เพื่อให้นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางไปเที่ยวในสถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นอันซีนแห่งใหม่ ทดแทนของเดิมที่คนรู้จักกันมากแล้ว ซึ่งเชื่อว่า หากผลักดันออกมาได้ จะช่วยสร้างแรงจูงใจให้คนออกไปเที่ยวเพิ่มขึ้น 

โรงงานน้ำตาล ประกาศร่วมมือดูแลด้านสิ่งแวดล้อมในอุตสาหกรรมอย่างเป็นระบบ หวังยกระดับอุตสาหกรรมก้าวสู่ Zero Wastes

โรงงานน้ำตาล ประกาศร่วมมือดูแลด้านสิ่งแวดล้อมในอุตสาหกรรมอย่างเป็นระบบ ตั้งแต่การจัดเก็บผลผลิตในไร่จนถึงกระบวนการผลิต เพื่อลดกระทบด้านฝุ่นละออง น้ำเสีย หวังยกระดับอุตสาหกรรมก้าวสู่ Zero Wastes หลังประสบความสำเร็จในด้านความร่วมมือกับชาวไร่ลดอ้อยไฟไหม้ ที่ทำให้ฝุ่นควันส่งผลต่อสิ่งแวดล้อมลดลง

นายสิริวุทธิ์ เสียมภักดี ประธานคณะทำงานด้านประชาสัมพันธ์ 3 สมาคมโรงงานน้ำตาลทราย หรือ TSMC เปิดเผยว่า อุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายไทย ได้มีความเห็นร่วมกันบริหารจัดการด้านสิ่งแวดล้อมอย่างเป็นระบบตั้งแต่ในไร่จนถึงกระบวนนำอ้อยเข้ามาหีบสกัดเป็นน้ำตาลทราย เพื่อลดผลกระทบด้านฝุ่นละออง น้ำเสียที่เกิดจากกระบวนการผลิตไม่ให้ก่อผลกระทบต่อชุมชน รวมถึงนำของเสียที่เกิดจากกระบวนการผลิตน้ำตาลมาสร้างมูลค่าเพิ่มเพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อเศรษฐกิจสูงสุด ซึ่งถือเป็นหนึ่งในความตั้งใจของผู้ประกอบการโรงงานที่ต้องการยกระดับอุตสาหกรรมให้ก้าวสู่การเป็น Zero Wastes ได้อย่างแท้จริง

ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ผู้ประกอบการโรงงานน้ำตาลทั้งหมดทั่วประเทศได้ตระหนักและเห็นถึงความสำคัญกับการบริหารจัดการดูแลด้านสิ่งแวดล้อมแก่ชุมชนมาโดยตลอด โดยแต่ละโรงงานได้ลงทุนด้านเครื่องดักจับฝุ่นลดปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็กหรือ PM 2.5 หรือการบำบัดน้ำเสียให้สะอาด ปลอดภัยและไม่ส่งต่อสิ่งแวดล้อม รวมถึงนำผลพลอยได้ที่ถือเป็นขยะอุตสาหกรรม เช่น ชานอ้อยมาใช้เผาไฟฟ้า เพื่อนำความร้อนที่ได้ไปใช้ในการผลิตกระแสไฟฟ้า หรือการนำกากน้ำตาล มาใช้ผลิตเป็นเอทานอลสำหรับเป็นส่วนผสมในน้ำมันเชื้อเพลิงยานยนต์ ทำให้สามารถลดมลพิษในอากาศและลดใช้จ่ายนำเข้าเชื้อเพลิงพลังงานให้แก่ประเทศ นอกจากนี้ มีการนำน้ำเสียมาผ่านกระบวนการผลิตเป็นไบโอแก๊ส และทำการบำบัดก่อนปล่อยลงสู่แหล่งน้ำธรรมชาติ หรือนำกลับมาใช้ซ้ำในกระบวนการผลิตได้อีก ซึ่งแต่ละโรงงานได้มีการลงทุนเป็นจำนวนมากเพื่อบริหารจัดการของเสียจากกระบวนการผลิต มิให้ส่งผลกระทบต่อชุมชนและสิ่งแวดล้อม

ทั้งนี้ ความสำเร็จจากความร่วมมือกันของผู้ประกอบการโรงงานน้ำตาลและชาวไร่อ้อย จะเป็นพลังสำคัญในการช่วยกันดูแลด้านสิ่งแวดล้อมให้สามารถก้าวสู่เป้าหมายที่วางไว้ เช่นเดียวกับการลดผลกระทบจากปัญหาอ้อยไฟไหม้ในฤดูการเก็บเกี่ยวผลผลิตปีที่ผ่านมา ที่สามารถลดการเผาอ้อยทำให้ปัญหาทุเลาความรุนแรงลง และผู้ที่เกี่ยวข้องก็ได้รับประโยชน์สูงสุดจากความร่วมมือกันในครั้งนี้ โดยชาวไร่มีรายได้ที่ดีขึ้นจากผลผลิตน้ำตาลต่อตันอ้อยและค่าความหวานในอ้อยสูงสุดในรอบ 30 ปี ขณะที่โรงงานได้ผลผลิตน้ำตาลที่ดีทีสุดแม้มีวิกฤติภัยแล้งก็ตาม 

“ความสำเร็จในการร่วมมือกันกับชาวไร่ในการลดการเผาอ้อยในรอบการผลิตที่ผ่านมา มีส่วนทำให้สามารถลดปัญหาฝุ่นละออง PM 2.5 ถือเป็นจุดเริ่มต้นของอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายในความร่วมกันดูแลสิ่งแวดล้อม มุ่งลดผลกระทบจากมลพิษในทุกด้าน ตั้งแต่การเก็บเกี่ยวอ้อยสด ไม่เผาอ้อย และจัดการน้ำเสียที่เกิดจากการผลิตที่ต้องผ่านการควบคุมและบำบัดอย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงการนำของเสียจากการผลิตไปสร้างให้เกิดประโยชน์ทางเศรษฐกิจ เพื่อผลักดันให้อุตสาหกรรมก้าวสู่การเป็น Zero Waste ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ตามนโยบายของรัฐบาลในการพัฒนาอุตสาหกรรมชีวภาพ (BCG) ของประเทศที่มีมูลค่าเพิ่มสูง ไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และมีการหมุนเวียนกลับมาใช้ประโยชน์ได้” นายสิริวุทธิ์ กล่าว

ชีวิตแม่ค้า ‘ม้า อรนภา’ ยืนขายห่อหมกกลางสายฝนรอลูกค้า

ในช่วงเวลาที่โควิดยังระบาดหนักแบบนี้ ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสำหรับพ่อค้า-แม่ค้าต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นแบบมีหน้าร้านหรือแผงลอยก็ตาม และทุกคนก็โดนผลกระทบนี้กันไปหมด อย่างอดีตนางแบบตัวแม่ ‘ม้า อรนภา กฤษฎี’ ที่หลังจากไร้งานในวงการก็ผันตัวเองมาเป็นแม่ค้าออนไลน์ ไลฟ์สดขายเสื้อผ้าบ้าง และจากนั้นก็เริ่มมาขายห่อหมกฝีมือคุณแม่ของเจ้าตัวนั่นเอง

ซึ่งเมื่อไม่นานมานี้เจ้าตัวก็เพิ่งออกมาบอกว่าใกล้จะกลับมามีงานพิธีกรเหมือนเดิมแล้วแท้ ๆ แต่ก็ดันมาเกิดโควิดระบาดใหม่ระลอก 3 ก็เลยทำให้ทุกอย่างชะลอตัวไปอีก รวมถึงการขายห่อหมกตอนนี้ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเหมือนเดิม ล่าสุดเจ้าตัวก็โพสต์ภาพกำลังยืนรอลูกค้าอยู่ในเต้นท์ท่ามกลางสายฝน พร้อมกับคำบรรยายภาพว่า “ขีวิตต้องสู้ เดี๋ยวฝนหยุดลูกค้าก็มา เชิญนะคะ”

งานนี้ก็เลยมีทั้งเพื่อน ๆ และแฟนคลับแห่แหนให้กำลังใจกันมากมาย บางคนก็มีแอบเห็นใจ แต่เจ้าตัวก็ตอบแทบทุกคอมเม้นท์ขอบคุณแทบจะทุกคอมเม้นท์เลยทีเดียว


ที่มา : https://mgronline.com/entertainment/detail/9640000046902

https://www.instagram.com/maornapa/

ศปก.ศบค.จับตาแคมป์คนงานหลักสี่ ขยายวง 11 บริษัทซับคอนแทร็ก หวั่นกระจายเพิ่ม จับตา 6 ชุมชนพื้นที่ใกล้เคียง

เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2564 ที่ทำเนียบรัฐบาล นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือศบค. กล่าวว่า ในที่ประชุมอีโอ กระทรวงสาธารณสุข และศปก.ศบค. พุ่งเป้าไปที่คลัสเตอร์ระบาดในกรุงเทพฯ ชั้นใน 5 เขต ได้แก่ เขตหลักสี่ ที่มีปริมาณผู้ติดเชื้อสูง รองลงมาคือป้อมปราบศัตรูพ่าย ราชเทวี คลองเตย และเขตห้วยขวาง

โดยพล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ ในฐานะ ผอ.ศปก.ศบค. ได้ให้ทำจุดตรวจสอบการกระจายเชื้อ เพื่อดูความหนาแน่นของพื้นที่ต่อการกระจายของประชากรแต่ละพื้นที่ในกรุงเทพฯ แยกพื้นที่สีแดงยังพบติดเชื้อต่อเนื่อง สีเหลืองไม่พบผู้ป่วยในช่วง 14 วันและเฝ้าระวังอยู่ ซึ่งแบ่งเป็น 4  กลุ่มใน 50 เขต คือ พื้นที่ที่มีปริมาณระบาดมากและเพิ่มขึ้นเร็ว จำนวน 25 เขต ปริมาณระบาดมากแต่เพิ่มช้า 6 เขต ไม่มากแต่เพิ่มเร็ว 17 เขต และปริมาณระบาดไม่มากและเพิ่มช้าเฝ้าระวังตามระบบ 2 เขต

โดยแยกเป็น 28 คลัสเตอร์กระจายอยู่ใน 18 เขต คือดินแดง วัฒนา คลองเตย หลักสี่ลาดพร้าว ราชเทวี พระนครป้อมปราบศัตรูพ่าย สวนหลวง ปทุมวัน สาทร สัมพันธวงศ์ จตุจักร บางรัก ประเวศ วังทองหลาง รามคำแหง บางกอกน้อย และห้วยขวาง 

สำหรับคลัสเตอร์ระบาดสูงสุด 5 อันดับแรก คือ แคมป์ก่อสร้าง เขตหลักสี่ แขวงดินแดง เขตดินแดง ตลาดห้วยขวาง เขตดินแดง คลองถมเซ็นเตอร์ และวงเวียน 22 เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย และแคมป์คนงานก่อสร้าง เขตวัฒนา

โดยแคมป์ก่อสร้างในเขตหลักสี่และอิตาเลี่ยนไทย ได้ถูกยกขึ้นมาหารือถึงแผนการจัดการ เนื่องจากอยู่กันแออัด และยังมีบริษัทซับคอนแทร็กที่รับเหมาต่อเนื่องไปที่ต่าง ๆ อีก 11 บริษัท และอื่น ๆ อีก ซึ่งในกลุ่มนี้กำลังติดตาม ส่วนสถานที่อื่นอีก 8 แคมป์ ที่กระจายตัวอยู่ยังติดตามหาต่อและเป็นแผนการที่ต้องเข้าไปดู จึงขอความร่วมมือพี่น้องคนไทยและชาวต่างชาติ ขอให้เสียสละช่วงเวลาหนึ่งของชีวิต ช่วยตัวเองและคนอื่นในการให้ความร่วมมือกับภาครัฐ ตามที่มีคำสั่งให้เจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อเข้าไปปรับปรุงสถานที่ให้ถูกสุขลักษณะ ฝ่ายความมั่นตรวจสอบห้ามเข้าออกพื้นที่เพื่อป้องกันการเคลื่อนที่และเคลื่อนย้าย เป็นเวลา 14 วัน

ซึ่งผู้อำนวยการเขตหลักสี่ได้มีประกาศมาตรการขอความร่วมมือ เฝ้าระวังในแคมป์, แยกกักผู้ป่วยกับการผู้สัมผัสเสี่ยงสูง, เฝ้าระวังนอกแคมป์, ซีลแคมป์ก่อสร้าง , จัดการสิ่งแวดล้อมในแคมป์, บริหารวัคซีนสำหรับพื้นที่ระบาด, และปิดการทำงานของอีก 11 บริษัทซับคอนแทร็กหากเป็นผู้เกี่ยวข้องขอให้รายงานและแจ้งให้สำนักงานเขตหรือสำนักอนามัยกทม. รับทราบว่าไปรับงานที่ไหนบ้าง เพื่อไม่ให้เกิดการกระจายของโรค

นอกจากนั้นต้องดูอีก 6 ชุมชนรอบข้าง คือ แฟลตตำรวจอิสระ ชุมชนอยู่แล้วรวย ชุมชนแฟลตตำรวจส่วนกลาง ชุมชนกองบัญชาการศึกษา ชุมชนรักถิ่น และชุมชนเปรมสุขสันต์ ทั้งนี้ ผอ.ศปก.ศบค. ได้พูดคุยกับรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในการขอความร่วมมือกับผู้นำแต่ละชุมชน ทำความเข้าใจในการดูแลสุขอนามัยส่วนบุคคล เพื่อป้องกันการแพร่ระบาด

ทั้งนี้ขอเป็นกำลังใจซึ่งกันและกันเราจะผ่านช่วงเวลาความยากลำบากไปด้วยกัน ตัวเลขที่เพิ่มขึ้นมีความหมายต่อทุกคนและทุกชีวิต ทุกคนไม่ต้องการเจ็บไข้ได้ป่วย พรากจากคนที่รัก เราจะผ่านไปได้ด้วยความร่วมมือกันโรคระบาดสอนเรามาในอดีตว่าสิ่งที่จะผ่านไปได้คือภูมิคุ้มกันหมู่การดูแลสุขลักษณะส่วนตัวและส่วนรวม และคนในครอบครัวจะช่วยให้ผ่านพ้นความยากลำบากไปด้วยกัน

‘ชัยวุฒิ’ โต้เพจดัง ‘แหม่มโพธิ์ดำ’ ตัดต่อภาพ ‘รพ.บุษราคัม’ เทียบ ‘รพ.สนามพิมรี่พาย’ บิดเบือนงบประมาณโจมตีรัฐบาล สั่งทีมงานตรวจสอบ เตรียมดำเนินคดี เหตุปล่อยข่าวเท็จ ทำสังคมแตกแยก-เข้าใจผิด 

จากกรณีที่โซเชียลมีเดียมีการแชร์ข้อมูลเรื่องงบประมาณจัดทำโรงพยาบาลบุษราคัม พร้อมกับตัดต่อภาพประกอบ ว่าใช้งบประมาณ 239,280,000 บาท สามารถรองรับได้ 1,092 เตียง ตกเตียงละ 220,000 บาท พร้อมกับเปรียบเทียบโรงพยาบาลสนามของพิมรี่พาย ที่ใช้งบประมาณ 170,000 บาท แต่ได้ถึง 50 เตียง ตกเตียงละ 3,400 บาท จนเกิดเสียงวิจารณ์กว้างขวาง นั้น

นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) เปิดเผยว่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้องของกระทรวงดิจิทัลฯ ได้ตรวจสอบพบว่ามีความพยายามเชื่อมโยงให้เกิดความเข้าใจผิดถึงการดำเนินการจัดตั้งโรงพยาบาลสนามของรัฐบาล โดยในส่วนของคุณพิมรี่พาย ที่นำเงินส่วนตัวมาสร้างโรงพยาบาลสนาม ถือเป็นสิ่งที่ดีที่ได้เสียสละช่วยประชาชนในยามลำบาก รัฐบาลก็ต้องขอบคุณถึงความตั้งใจอันดี เช่นเดียวกันอีกหลาย ๆ คนที่ร่วมช่วยกันคนละเล็กคนละน้อย ตามกำลังหรือความสามารถที่พอจะช่วยได้ 

“ทั้งภาครัฐ และภาคเอกชน ต่างมีความตั้งใจดี เพื่อให้ประเทศพ้นวิกฤตโดยเร็ว แต่กลับมีขบวนการที่ไม่หวังดี นำมาเปรียบเทียบ บิดเบือน เพื่อต้องการให้เกิดความแตกแยกขัดแย้ง” นายชัยวุฒิ กล่าว

นายชัยวุฒิ กล่าวว่า โรงพยาบาลบุษราคัม ที่มีข้อสังเกตเรื่องงบประมาณนั้น จัดตั้งในลักษณะโรงพยาบาลถาวรที่มีมาตรฐาน มีความพร้อมทางการแพทย์ มีอุปกรณ์เครื่องมือดูแลผู้ติดเชื้ออย่างครบครัน มีระบบการดูแลความปลอดภัย มีเจ้าหน้าที่บุคลากรทางการแพทย์จากหลายจังหวัดจำนวนมาก สับเปลี่ยนหมุนเวียนเข้ามาปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งทางกระทรวงสาธารณสุข สามารถชี้แจงรายละเอียดหรืองบประมาณได้ทั้งหมด อีกทั้งภาพที่มีการแชร์เปรียบเทียบในขณะนี้ก็เป็นภาพเก่า ช่วงที่มีการจัดตั้งโรงพยาบาลสนาม เพื่อรองรับกลุ่มเสี่ยงเพื่อสังเกตอาการ และเป็นการจัดตั้งในภาวะฉุกเฉิน ก่อนที่จะมีการปรับปรุงให้ได้มาตรฐานในภายหลัง

“ในช่วงที่ทุกคนต้องร่วมแรงร่วมใจกันเอาชนะโควิด-19 แต่กลับมีผู้ไม่ประสงค์ดีต้องการสร้างความสับสนให้เกิดขึ้นในสังคม ทางกระทรวงฯ ได้ติดตามความเคลื่อนไหวเหล่านี้มาโดยตลอด ขอให้ผู้ที่เป็นต้นตอหรือมีส่วนกับการนำเสนอข้อมูลดังกล่าว ดำเนินการลบโพสต์โดยด่วน และชี้แจงข้อมูลที่ถูกต้องให้สังคมรับทราบ มิเช่นนั้น กระทรวงดีอีเอส อาจต้องดำเนินการทางกฎหมายกับผู้ที่มีเจตนาไม่บริสุทธิ์ต่อไป” รมว.ชัยวุฒิ ระบุ


ที่มา : https://www.facebook.com/story.php?story_fbid=2527537940888294&id=1772417919733637

โฆษกพรรคเพื่อไทย เย้ย รัฐการ์ดตกเอง ไม่ต้องโทษใคร หลังโควิดระบาดหนักใน 9 เรือนจำ ลั่นปัญหาโควิดแก้ง่ายนิดเดียว

เมื่อเวลา 10.40 น. วันที่ 17 พ.ค. ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) น.ส.อรุณี กาสยานนท์ โฆษกพรรค พท.แถลงว่า ขณะนี้รู้สึกเป็นห่วงกรณีการติดเชื้อโควิด-19 ที่ระบาดในเรือนจำหลายแห่งทั่วประเทศ 9 แห่ง มีผู้ต้องขังติดเชื้อรวมกว่า 9,783 คน คาดว่าในวันนี้ผู้ติดเชื้อในเรือนจำทั้ง 9 แห่ง จะมีผู้ติดเชื้อเกินหมื่นคน แต่จนถึงขณะนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังไม่มีการประกาศมาตรการพิเศษเป็นการเฉพาะในการป้องกันการระบาดไม่ให้ลุกลามในพื้นที่เรือนจำได้ 

ทั้งนี้ เป็นที่น่าสังเกตว่านับตั้งแต่การระบาดของโควิด-19 เรือนจำหลายแห่งไม่เปิดให้ญาติหรือบุคคลภายนอกเข้าเยี่ยมผู้ต้องขังตามขั้นตอนปกติ โดยปรับมาใช้วีดิโอคอลมาระยะหนึ่งแล้ว หรือหากมีผู้ต้องขังรายใหม่เข้าเรือนจำจะต้องกักตัว 14 วัน ขอตั้งคำถามว่าการระบาดในคลัสเตอร์เรือนจำ รัฐเป็นฝ่ายการ์ดตกอีกครั้งหรือไม่ 

น.ส.อรุณี กล่าวต่อว่า ดังนั้นเพื่อลดการระบาดในเรือนจำ 

1.) ควรแยกกลุ่มนักโทษผู้สูงอายุหรือผู้ป่วย ติดกำไลอีเอ็มแล้วปล่อยตัวชั่วคราวโดยยังคงทัณฑ์บน ซึ่งเป็นวิธีการที่รัฐนิวเซาธ์เวล ออสเตรเลีย ใช้เมื่อปีที่ผ่านมา 

2.) สร้างโรงพยาบาลสนามสำหรับผู้ต้องขังในพื้นที่ทหารที่มีการดูแลเข้มงวด 

3.) ชดเชยความเสียหายอย่างเท่าเทียมหากมีผู้ต้องขังเสียชีวิตจากการติดเชื้อโควิดในเรือนจำ 

ทั้งนี้ การระบาดของโควิด-19 เกิดขึ้นพร้อมกันและในเวลาใกล้เคียงกันจนกลายเป็นคลัสเตอร์ดาวกระจาย แสดงให้เห็นว่าที่ผ่านมารัฐบาลปล่อยปละละเลย ไม่สามารถควบคุมการระบาดของโรคได้ทันท่วงทีกับเชื้อสายพันธุ์ใหม่ที่เข้ามา ดังนั้น รัฐต้องเปลี่ยนวิธีคิด จัดสรรวัคซีนให้เพียงพอ เท่าทันต่อสถานการณ์การระบาด หากสถานการณ์การระบาดยังรุนแรงภายใต้การบริหารจัดการที่ล้มเหลวแบบนี้ มีโอกาสที่หลายพื้นที่จะกลายเป็นเมืองร้างและไทยอาจกลายเป็นประเทศที่เศรษฐกิจฟื้นตัวช้าที่สุดในโลก 

รัฐต้องเปลี่ยนวิธีบริหาร ศบค. ต้องเปลี่ยนยุทธศาสตร์การแก้ปัญหา และประเทศต้องเปลี่ยนนายกฯ เท่านั้น เราจึงจะแก้ปัญหาโรคระบาดได้

“บิ๊กตู่” เรียกอนุทิน-คณะแพทย์ที่ปรึกษาหารือด่วน หลังยอดติดเชื้อในเรือนจำพุ่ง รองโฆษกรัฐฯ ย้ำเปิดลงทะเบียนฉีดวัคซีน กลุ่มอายุ 18-59 ปี เริ่ม 31 พ.ค. นี้ วางระบบรองรับการลงทะเบียนฉีดวัคซีนโควิด-19 ของชาวต่างประเทศที่ทำงานในไทย

วันที่ 17 พฤษภาคม 2564 ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เรียก นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและสาธารณสุขพร้อมคณะแพทย์ที่ปรึกษาเข้าหารือเป็นการเร่งด่วน หลังมีการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 จำนวนมากโดยเฉพาะในเรือนจำ ซึ่งวันเดียวกันนี้ มีผู้ติดเชื้อในเรือนจำสูงถึง 6,853 ราย 

ด้านนางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเผย ประชาชนทั่วไปที่มีอายุตั้งแต่ 18 -59 ปี เริ่มลงทะเบียนเพื่อรับบริการฉีดวัคซีนผ่านระบบ “หมอพร้อม” ทั้ง Line Official Account และแอปพลิเคชัน ตั้งแต่วันที่ 31 พฤษภาคม นี้เป็นต้นไป และยังสามารถจองฉีดวัคซีนโควิด-19 ผ่านโรงพยาบาลที่มีสิทธิรักษา อสม. รพ. สต. และ ช่องทางอื่น ๆ รวมทั้ง Walk-in ตามประกาศของจังหวัดด้วย ขณะเดียวกันทางกระทรวงสาธารณสุขอยู่ระหว่างการวางระบบการลงทะเบียนเพื่อให้ชาวต่างชาติที่ทำงานในไทยสามารถเข้าถึงการรับบริการฉีดวัคซีนโควิด-19 ได้เช่นเดียวกัน

รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวให้ความมั่นใจว่า ผลศึกษาวัคซีนโควิด-19 ที่ฉีดในไทยพบว่า สามารถกระตุ้นภูมิคุ้มกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่หากได้รับผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์จากการฉีดวัคซีนและมีใบยืนยันอาการแพ้วัคซีนจากสถานที่ฉีดวัคซีนแล้ว สปสช. พร้อมเยียวยา ตามประกาศคณะกรรมาการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (ฉบับที่ 5) โดยจัดสรรวงเงิน 100 ล้านบาท สำหรับเงินช่วยเหลือเบื้องต้นสำหรับคนไทยทุกคนที่ได้รับความเสียหายจากการวัคซีนโควิด มีผลย้อนหลังตั้งแต่วันที่ 5 เมษายน ที่ผ่านมา

ซึ่งขณะนี้ มี 2 เขตที่เสนอข้อมูลการขอรับเงินช่วยเหลือ คือ สปสช.เขต 1 เชียงใหม่ และ สปสช.เขต 10 อุบลราชธานี เขตพื้นที่อื่นอยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูล ในส่วนของ สปสช.เขต 1 ซึ่งมีผู้ยื่นขอเยียวยา 218 ราย จากจำนวนที่ฉีดไปแล้วทั้งหมด 91,551 เข็ม คิดเป็น 0.24% โดยส่วนใหญ่มีอาการเล็กน้อย เช่น เป็นไข้นิด ๆหน่อย ๆ ปวดเมื่อยตามตัว ส่วนกลุ่มที่มีอาการไข้สูงจนต้องนอนพักโรงพยาบาล คิดเป็น 0.05%

“ปัจจุบันที่มีมีการรายงานยอดผู้ป่วยติดเชื้อจำนวนมาก เป็นประสิทธิภาพจากการตรวจเชิงรุกในหลายพื้นที่ เพื่อเร่งคัดกรอง แยกออกจากชุมชนนำผู้ป่วย เพื่อนำตัวเข้าสู่กระบวนการรักษา ซึ่งช่วยควบคุมและจำกัดการแพร่ระบาดได้เร็วยิ่งขึ้น โดยมีการฉีดวัคซีนโควิด-19 ในพื้นที่เสี่ยงในกรุงเทพมหานครแล้ว 125,228 โดส ทำให้มีการฉีดวัคซีนสะสมในพื้นที่กทม 450,285 โดส" นางสาวรัชดา กล่าว

“จุรินทร์” ช่วยกลุ่ม “โรงงาน-ซาเล้ง” เตรียมเสนอ ศบค. และ สธ. ฉีดวัคซีน พร้อมสั่งกรมการค้าภายใน ควบคุมราคาปุ๋ย ไม่ให้กระทบเกษตรกรเด็ดขาด 

วันจันทร์ที่ 17 พฤษภาคม 2564 ที่กระทรวงพาณิชย์ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ให้สัมภาษณ์ถึงประเด็นที่กระทรวงพาณิชย์ได้รับการหารือจากโรงงานที่ผลิตสินค้าต่าง ๆ ที่ประสงค์จะให้ ศบค. หรือกระทรวงสาธารณสุขได้จัดสรรการฉีดวัคซีน 

อย่างไรก็ตาม เมื่อมีการนำเข้ามาตามขั้นตอนกระบวนการที่รัฐบาลกำหนดแล้ว ให้กับโรงงานต่าง ๆ ในลำดับต้น ๆ ด้วย เพราะว่ามีแรงงานอยู่ในแต่ละโรงงานจำนวนมาก และเพื่อเป็นการสกัดการที่จะเป็นคลัสเตอร์ใหม่ในการระบาดของโควิด รวมทั้งกลุ่มซาเล้งด้วย 

"ผมก็ได้รับเรื่องมาจากสมาคมซาเล้งและผู้ประกอบการรับซื้อของเก่าในประเทศไทย ขอให้ช่วยดูแลในเรื่องวัคซีนให้กับกลุ่มดังกล่าวด้วย เพราะเป็นกลุ่มเสี่ยงอีกกลุ่มหนึ่งเช่นกัน" นายจุรินทร์ กล่าว

นอกจากนี้ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ยังให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องราคาปุ๋ยที่สูงขึ้น ว่าสาเหตุสำคัญเนื่องจากในช่วงเวลาที่ผ่านมาประเทศอินเดียมีการประมูลการนำเข้าปุ๋ยจำนวนมาก ประกอบกับประเทศจีนซึ่งเป็นผู้ผลิตแม่ปุ๋ยรายใหญ่ก็ได้เก็บสต๊อกปุ๋ยไว้ใช้ในฤดูที่จะทำการเกษตรฤดูใหม่ จึงทำให้มีส่วนดึงให้ราคาปุ๋ยในตลาดราคาสูงขึ้น และกระทบต่อต้นทุนการนำเข้าปุ๋ยในประเทศไทยด้วย

อย่างไรก็ตาม ได้สั่งการให้กรมการค้าภายในได้เร่งรัดเจรจากับผู้นำเข้าปุ๋ย 2-3 ครั้งแล้ว โดยขอให้ดำเนินการในการที่จะไม่ปรับขึ้นราคาไปจากราคาที่ได้แจ้งไว้กับกระทรวงพาณิชย์ และขณะเดียวกันก็ได้ดำเนินการในการที่จะกำหนดมาตรการให้สหกรณ์ กลุ่มวิสาหกิจชุมชน และ กลุ่มเกษตรกรต่าง ๆ ได้ดำเนินการที่จะซื้อปุ๋ยหรือแม่ปุ๋ยในราคาพิเศษจากผู้นำเข้าหรือผู้จำหน่ายรายใหญ่ โดย นายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน ได้เริ่มดำเนินแล้ว

"โดยการรวบรวมความต้องการของสมาชิกเหล่านี้ เพื่อลดต้นทุนปุ๋ยที่จะใช้ในกลุ่มต่าง ๆ ให้ลดน้อยลง ขณะเดียวกันก็ได้จำกัดราคา ควบคุมราคาในตลาดไม่ให้สูงขึ้นไปมากกว่านี้ เพราะจะกระทบต่อต้นทุนการผลิตของภาคเกษตรกร ได้สั่งการให้ลงไปตรวจสอบติดตามเรื่องนี้โดยใกล้ชิด หากพบการค้ากำไรเกินควรก็จะดำเนินการตามกฏหมายทันที ” นายจุรินทร์ กล่าว 

“จุรินทร์ ” หารือ นิวซีแลนด์ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ รุกจับมือร่วมฝ่าโควิด และเตรียมพร้อมไทยเจ้าภาพเอเปคถัดจากนี้

วันที่ 17 พฤษภาคม 2564 นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์หารือทางโทรศัพท์กับรัฐมนตรีกระทรวงการค้าและการส่งออกของนิวซีแลนด์ (นายเดเมียน โอ คอนเนอร์) ผ่านระบบ วิดีโอคอนเฟอเรนซ์ ณ ห้องประชุมศูนย์ปฏิบัติการโสมสวลี ชั้น 11 สํานักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์

ภายหลังการหารือ นายจุรินทร์ กล่าวว่า วันนี้ได้มีโอกาสหารือกับรัฐมนตรีกระทรวงการค้าของนิวซีแลนด์ในฐานะที่ปีนี้นิวซีแลนด์เป็นเจ้าภาพการประชุมเอเปค และในปีหน้าไทยจะรับไม้ต่อจากนิวซีแลนด์โดยการเป็นเจ้าภาพของประเทศไทยจะเริ่มต้นตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนปีนี้เป็นต้นไป สำหรับเอเปคนั้นเป็นความร่วมมือทางเศรษฐกิจร่วมกันของกลุ่มประเทศในเอเชียและแปซิฟิคจำนวน 21 ประเทศ ก่อตั้งตั้งแต่ปี 2532 มูลค่าการค้าของไทยกับเอเปคปีละประมาณ 10 ล้านล้านบาท คิดเป็น 70% ของมูลค่าการค้าของไทยต่อการค้ารวมกับทุกประเทศในโลก

วันนี้สาระสำคัญของการหารือทางท่านรัฐมนตรีการค้านิวซีแลนด์ในฐานะประเทศเจ้าภาพการประชุม มีดำริที่ต้องการออกแถลงการณ์ร่วมผลจากการประชุมเอเปคปีนี้ 3 แถลงการณ์ และขอความเห็นจากตนในฐานะรัฐมนตรีการค้าของประเทศไทย

"ผมได้แจ้งว่าประเทศไทยให้ความยินดีในการสนับสนุนแถลงการณ์ร่วมทั้ง 3 ฉบับ ประกอบด้วยฉบับที่ 1 แถลงการณ์ร่วมฉบับใหญ่ของรัฐมนตรีการค้าเอเปคทั้งหมด สาระสำคัญ ประเด็นที่ 1 กำหนดให้การค้านั้นเป็นปัจจัยสำคัญในการที่ช่วยแก้ปัญหาสถานการณ์โควิด ประเด็นที่ 2 เอเปคสนับสนุนการค้าในระบบพหุภาคีโดยเฉพาะในรูป WTO ประเด็นที่ 3 เอเปคสนับสนุนเศรษฐกิจแบบ BCG คือทั้งเศรษฐกิจ Bio Economy เศรษฐกิจหมุนเวียนและเศรษฐกิจสีเขียวซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลปัจจุบัน

แถลงการณ์ฉบับที่ 2 กำหนดให้สมาชิกในกลุ่มประเทศเอเปค จะไม่จำกัดการส่งออกวัคซีนโควิด ยกเว้นมีข้อจำกัดตามที่ WTO กำหนดไว้เท่านั้น เช่น ไม่พอใช้ในประเทศ เป็นต้น

แถลงการณ์ฉบับที่ 3 ภาคบริการด้านโลจิสติกส์ ซึ่งเอเปคต้องการส่งเสริมความร่วมมือด้านโลจิสติกส์สนับสนุนกระบวนการนำเข้าส่งออกทางผ่านด่านต่าง ๆ ด้วยระบบดิจิตอลในสินค้าที่จำเป็นในสถานการณ์โลกปัจจุบัน ทั้งเครื่องมือแพทย์ วัคซีน อาหาร สินค้าเกษตร หรือสินค้าเครื่องใช้ในบ้านในยุค New Normal " นายจุรินทร์ กล่าว

และประเด็นหารือเพิ่มเติมตนได้แจ้งให้รัฐมนตรีนิวซีแลนด์ทราบว่าตนตอบรับการเข้าร่วมประชุมในวันที่ 4 และ 5 มิถุนายนปีนี้แล้ว ที่นิวซีแลนด์เป็นเจ้าภาพโดยการประชุมวันที่ 4 เป็นการประชุมรัฐมนตรีการค้าร่วมกับสภาธุรกิจเอกชนเอเปคซึ่งการประชุมวันนั้นจะแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม

1.) การรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจ

2.) เรื่องการรับมือเศรษฐกิจต่อวิกฤติโควิด

3.) กลุ่มที่ว่าด้วยการฟื้นตัวเศรษฐกิจอย่างยั่งยืนหลังสถานการณ์โควิดซึ่งประเทศไทยประสงค์จะเข้าร่วมในกลุ่มที่ 2 คือเรื่องการรับมือทางด้านเศรษฐกิจต่อสถานการณ์โควิดปัจจุบัน และการประชุมวันที่ 5 มิถุนายนเป็นการประชุมระดับรัฐมนตรีโดยเฉพาะของกลุ่มประเทศเอเปค

ประเด็นเพิ่มเติมนิวซีแลนด์ขอให้ประเทศไทยช่วยสนับสนุนการนำเข้าเมล็ดพันธุ์หอมใหญ่ของนิวซีแลนด์คิดภาษีเป็นศูนย์ ตามข้อตกลง FTA ระหว่างไทยกับนิวซีแลนด์อยู่แล้วแต่เรายังดำเนินการได้ไม่ครบถ้วน ซึ่งตนจะนำเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้ในเดือนกรกฎาคม และตนได้ขอให้ทางนิวซีแลนด์ช่วยนำเข้าสินค้าที่จำเป็นต่อสถานการณ์โควิดเพิ่มเติมมากขึ้นจากการนำเข้าปกติที่ผ่านมา โดยขอให้นำเข้าสินค้าที่เกี่ยวข้องกับทางการแพทย์ เช่น ถุงมือยาง ผลิตภัณฑ์ยาง อาหารแปรรูป อาหารสัตว์เลี้ยง ผลไม้ เช่น ลิ้นจี่ ลำไย มะม่วง มังคุด เพราะผ่านการตรวจสอบด้านสุขอนามัยจากนิวซีแลนด์เรียบร้อยแล้ว และทางนิวซีแลนด์ให้การรับรองแล้ว ขอให้นำเข้าเพิ่มเติมเป็นพิเศษนอกจากผลไม้ชนิดอื่น ๆ ที่มีการนำเข้าโดยปกติ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top