Friday, 14 February 2025
Hard News Team

FengshuiBizDesigner โดยพี่อ๋า สมศักดิ์ ชาคริตฐากูร ได้เผยปัจจัยที่ทำให้เกิดเหตุระเบิดเพลิงไหม้ที่โรงงานย่านกิ่งแก้ว ด้วยโหราศาสตร์จีนโบราณ โดยระบุว่า...

FengshuiBizDesigner โดยพี่อ๋า สมศักดิ์ ชาคริตฐากูร ได้เผยปัจจัยที่ทำให้เกิดเหตุระเบิดเพลิงไหม้ที่โรงงานย่านกิ่งแก้ว ด้วยโหราศาสตร์จีนโบราณ โดยระบุว่า...

อะไร? เป็นปัจจัยให้เกิดเหตุระเบิดเพลิงไหม้ที่โรงงานย่านกิ่งแก้ว

เช้ามืดจันทร์ที่ 5 กรกฎาคม 2564 เกิดเหตุระเบิดเพลิงไหม้ที่โรงงานสารเคมี “หมิงตี้ เคมิคอล” ซ.กิ่งแก้ว 21 ต.ราชาเทวะ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ เหตุการณ์ครั้งนี้ “ย่อมเกิดจากสิ่งนั้นมีอยู่ สิ่งนี้จึงเกิด” จากเหตุและผลของกฎแห่งจักรวาล ตามหลัก “อิทัปปัจจยตา” กฎความจริงสูงสุดของ ธรรมชาติที่ควบคุมทุกสิ่งทุกอย่างไว้ เมื่อช่วงห้วงเวลาเหมาะสม กฎแห่งธรรมชาติย่อมแสดงเป็นผลขึ้น

แล้วเหตุไฉนจึงเกิดเหตุระเบิดเพลิงไหม้ตามเหตุการณ์ที่ปรากฏ นอกเหนือจากความสะเพร่า ขาดความรอบคอบ ปล่อยปละเผลอเลอ ประมาท เลินเล่อ ไม่ระแวดระวังภัยที่จะตามมาแล้ว จากมุมมองตามศาสตร์วิชาฮวงจุ้ย ที่ว่าด้วยหลักแห่งความสมดุลของกระแสพลังธรรมชาติ ผูกพันกับทิศทางก่อเกิดปฏิกิริยามหามงคลหรืออวมงคลตามอิทธิพลของดาวจร โดยคำนวน ตามหลักศาสตร์คัมภีร์ดาวเหินม่วงขาว เดินดาวผสานระหว่างดาวผสมปีจรและเดือนจร ตั้งแต่วันเสาร์ที่ 5 เดือนมิถุนายน ถึง วันอังคารที่ 6 เดือนกรกฎาคม ด้วยอิทธิพลของกระแสพลัง ดาวจรคู่ผสมระหว่างดาว 9 ม่วง ธาตุไฟ ก่อเกิดกระแสพลังดาววิบัติ 5 เหลือง ธาตุดิน ให้มีกำลัง สถิตที่ทิศตะวันออกเฉียงใต้ ส่งผลให้เกิดเหตุเลวร้ายที่ไม่คาดคิด โศกนาฏกรรมที่ไม่คาดฝัน เฉกเช่น ภัยจากระเบิดเพลิงไหม้ที่โรงงาน “หมิงตี้ เคมีคอล” ที่ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ ของกรุงเทพ

ความสูญเสียจากเหตุการณ์ระเบิดเพลิงไหม้ดังกล่าว ย่อมมีผู้สูญเสียและผู้ได้รับบาดเจ็บ ต่างล้วนเป็นเหยื่อจากกระแสวิบากพลังจักรวาล ที่เป็นกฎแห่งความเป็นจริงอันสูงสุดของธรรมชาติว่า “เมื่อสิ่งนี้มี สิ่งนี้จึงเกิด” สอดคล้องกันระหว่างศาสตร์ฮวงจุ้ยและหลักคำสอนของพระพุทธองค์ท่าน


โปรเด็ด! ถึง 15 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

‘เฉลิมชัย’ เปิดแนวรุกสมุนไพรไทย ฝ่าแนวรบโควิด-19 จับมือกระทรวงสาธารณสุข และสภาการแพทย์แผนไทยระดม 6 พันคลีนิค เปิดสายด่วนใช้สมุนไพรและตำรับยาไทยร่วมรักษาผู้ป่วย พร้อมใช้ 3 แนวทาง ‘ป้องกัน-รักษา-ฟื้นฟู’ สู้โควิด

นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตร แถลงวันนี้ที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (7 ก.ค) ว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของ "โควิด-19" ระลอกใหม่ที่รุนแรงมากขึ้น ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้สั่งการให้เร่งส่งเสริมพืชสมุนไพร และตำรับยาไทย เพื่อแก้ไขปัญหาโควิด-19 โดยผนึกความร่วมมือกับสภาการแพทย์แผนไทย และกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข

จากข้อสั่งการดังกล่าว กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้จัดการประชุมหารือ โดยประสานกับ ดร.สาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข เมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมามี นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีเกษตรเป็นประธาน และมีผู้เข้าร่วมประชุมประกอบ ด้วยนายนราพัฒน์ แก้วทอง ผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงเกษตรฯ พล.ร.อ.ชาญชัย เจริญสุวรรณ นายกสภาการแพทย์แผนไทย พันเอกนายแพทย์ พงศ์ศักดิ์ ตั้งคณา ประธานมูลนิธิจิตเป็นผู้ให้ใจเป็นนิพพาน นพ.ธิติ แสวงธรรม รองอธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข ดร.ภญ.มณฑกา ธีรชัยสกุล ผู้อำนวยการกองสมุนไพรเพื่อเศรษฐกิจ รศ.ดร.ธัญญะ รองอธิการบดี มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ พท.ภ.บัญชา สุวรรณธาดา ที่ปรึกษาโครงการพัฒนาการแพทย์ไทนร่วมสมัย ฯลฯ

ทั้งนี้ ที่ประชุมเห็นพ้องต้องกันว่าพร้อมดำเนินแนวทางการแพทย์ทางร่วมระหว่างการแพทย์แผนปัจจุบันและการแพทย์แผนไทยโดยใช้สมุนไพรและตำรับยาไทยควบคู่กับยาแผนปัจจุบันซึ่งมี 3 แนวทางในการขับเคลื่อน

1.) แนวทางการป้องกันการติดเชื้อโดยใช้เครื่องยาสมุนไพรและตำรับยาไทย

2.) แนวทางการรักษาผู้ป่วยด้วยยาแผนปัจจุบัน เครื่องยาสมุนไพรและตำรับยาไทย

3.) แนวทางการฟื้นฟูผู้ป่ายหลังการรักษาโดยเฉพาะกรณี Long COVID Syndrome

นายอลงกรณ์กล่าวต่อไปว่า สภาการแพทย์แผนไทยแจ้งว่าปัจจุบันมีคลีนิคแพทย์แผนไทย 6,000 คลินิก และแพทย์แผนไทยกว่า 30,000 คน รวมทั้งศูนย์ฮอตไลน์แพทย์แผนไทยที่มีอยู่ทุกภาค และยังมีคลีนิคจิตอาสาแพทย์แผนไทยอีก 60 แห่ง และคลังยาสมุนไพรและตำรับยาไทยของสภาการแพทย์แผนไทยที่พร้อมให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่

ในขณะที่รองอธิบดีกรมแพทย์แผนไทยแจ้งว่า กระทรวงสาธารณสุขมีแพทย์แผนไทยประจำโรงพยาบาลของรัฐทุกแห่ง และมีการใช้สมุนไพรฟ้าทะลายโจรในการรักษาผู้ป่วยในโรงพยาบาลสนาม เช่น กรุงเทพ นครปฐม และเพชรบุรี

ทั้งนี้ที่ประชุมมีความเห็นร่วมกันว่า ควรเริ่มทดสอบแนวทางการแพทย์ทางร่วมที่โรงพยาบาลสนาม จังหวัดเพชรบุรี ซึ่งมีความพร้อมมากที่สุดเป็นแห่งแรกตามข้อเสนอของ พอ.นายแพทย์พงศพศักดิ์ ตั้งคณา โดยให้มีการจัดกลุ่มผู้ป่วยตามกลุ่มยาและให้ตรวจเลือดผู้ป่วย ทั้งก่อนและหลังการบำบัดรักษาเพื่อวัดผลลัพธ์หากได้ผลดีจะขยายผลต่อไป

“จากนั้นได้มีการประชุมต่อเนื่องที่จังหวัดเพชรบุรี เมื่อวานนี้ (วันที่ 6 ก.ค.) เป็นการประชุมร่วมระหว่าง ที่ปรึกษารัฐมนตรีเกษตรฯ ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบุรี สาธารณสุขจังหวัด ทีมแพทย์แผนไทยเพชรบุรี พ.อ.นายแพทย์ พงศ์ศักดิ์ ตั้งคณา โดยนายภัคพงศ์ ทวิพัฒน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบุรีเห็นด้วยและพร้อมดำเนินการในการรักษาผู้ป่วยตามแนวทางการแพทย์ทางร่วม

ทั้งนี้ในส่วนสาธารณสุขจังหวัดเพชรบุรี ยินดีที่จะดำเนินการทันทีที่มีคำสั่งจากกระทรวงสาธารณสุขให้สามารถดำเนินการทดสอบดังกล่าว โดย พ.อ.นายแพทย์ พงศ์ศักดิ์ แจ้งว่าพร้อมร่วมดำเนินการทดสอบและจะเป็นผู้สนับสนุนเครื่องยาและตำรับยาไทย เช่น ฟ้าทะลายโจร กระชาย เบญจโลกวิเขียร (5 ราก) จันทน์ลีลา เป็นต้น"

ที่ปรึกษารัฐมนตรีเกษตรยังแถลงต่อไปว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ดำเนินการสนับสนุนและส่งเสริมสมุนไพรไทยอย่างต่อเนื่อง ภายใต้นโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ และนโยบายสมุนไพรแห่งชาติ ซึ่งมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานคณะกรรมการฯ โดยขับเคลื่อนนโยบายผ่านแผนแม่บทว่าด้วยการพัฒนาสมุนไพรไทยประกอบด้วย 5 ด้าน คือ

1.) ด้านยุทธศาสตร์สมุนไพรแห่งชาติ

2.) ด้านการวิจัยและนวัตกรรมสมุนไพร

3.) ด้านวัตถุดิบสมุนไพร

4.) ด้านส่งเสริมอุตสาหกรรมและผู้ประกอบการผลิตภัณฑ์สมุนไพร

และ 5.) ด้านส่งเสริมภาพลักษณ์และการตลาดสมุนไพร

ซึ่งกระทรวงเกษตรฯ มีบทบาทหน้าที่ในการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การส่งเสริมผลิตผลของสมุนไพรไทยที่มีศักยภาพตามความต้องการของตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งจากการดำเนินการที่ผ่านมาได้สนับสนุนการปลูกพืชสมุนไพร 64,917 ไร่ จำนวน 80 ชนิด แบ่งเป็น พื้นที่ที่มาตรฐาน GAP จำนวน 54,755 ไร่ พื้นที่ที่มาตรฐาน Organic Thailand จำนวน 13,162 ไร่ พร้อมทั้งจัดตั้งกลุ่มวิสาหกิจชุมชน และกลุ่มเกษตรกร จำนวน 60 กลุ่ม และมีการจัดทำมาตรฐานสินค้า GAP และมาตรฐานพืชสมุนไพรตามกลุ่มของส่วนที่ใช้ของพืช จำนวน 5 ฉบับ ได้แก่ ฉบับที่ 1 หัว เหง้า และราก ฉบับที่ 2 ใบ ส่วนเหนือดิน และทั้งต้น ฉบับที่ 3 ดอก พืช สมุนไพรแห้ง ฉบับที่ 4 ผล และเมล็ด และฉบับที่ 5 เปลือก และเนื้อไม้

นอกจากนี้กระทรวงเกษตรยังมีการพัฒนาบุคคลากรเพื่อตรวจสอบคุณภาพวัตถุดิบสมุนไพร รวมทั้งแผนดำเนินการปรับปรุงห้องปฏิบัติการที่ได้รับรองมาตรฐาน ISO 17025 เพื่อให้บริการตรวจสอบคุณภาพวัตถุดิบมาตรฐาน GAP หรือมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ และได้จัดทำแผนที่ความเหมาะสมของที่ดินสำหรับปลูกพืชสมุนไพร (Land Suitability) จำนวน 24 ชนิด เช่น ฟ้าทะลายโจร ขมิ้นชัน ไพล บัวบก กระชายดำ กระชายเหลือง กระวาน ข่า ขิง คำฝอย ตะไคร้ บุก พริกไทย ว่านชักมดลูก กระเจี๊ยบแดง เก๊กฮวย ดีปลี บอระเพ็ด พญายอ เพชรสังฆาต มะระขี้นก มะลิ มะแว้งเครือ และมะแว้งต้น รวมทั้งจัดทำฐานข้อมูลพื้นที่ปลูกพืชสมุนไพร เพื่อให้มีฐานข้อมูลพื้นที่ปลูกสมุนไพรที่ชัดเจนสามารถส่งเสริมเกษตรกรได้ โดยมีฐานข้อมูลสมุนไพร ประกอบด้วย

1.) ข้อมูลพื้นที่ปลูกสมุนไพร จากกรมส่งเสริมการเกษตร

2.) ข้อมูล Land Suitability (แผนที่ความเหมาะสมของที่ดินสำหรับปลูกพืชสมุนไพร) จากกรมพัฒนาที่ดิน

3.) ข้อมูลพืชสมุนไพรที่ได้รับการรับรอง GAP จากกรมวิชาการเกษตร

4.) ข้อมูลพื้นที่ปลูกพืชสมุนไพร ของสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม

“สมุนไพรเป็นพืชเศรษฐกิจและพืชสุขภาพใช้ประโยชน์หลากหลายทั้งในการประกอบอาหารเป็นยารักษาโรค อาหารเสริมดูแลสุขภาพ และเป็นผลิตภัณฑ์เวชสำอาง ปัจจุบันความต้องการใช้สมุนไพรเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเห็นได้จากมูลค่าการบริโภควัตถุดิบสมุนไพรและผลิตภัณฑ์สมุนไพรภายในประเทศที่เพิ่มขึ้นจากเดิม 43,100 ล้านบาท ในปี 2560 เป็น 52,100 ล้านบาท ในปี 2462 ซึ่งเกิดจากพฤติกรรมของผู้บริโภคที่ใส่ใจเรื่องสุขภาพ และมุ่งเน้นใช้ผลิตภัณฑ์ธรรมชาติมากขึ้นทำให้เกิดแรงหนุนเรื่องธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องด้านสุขภาพ

รวมถึงโครงสร้างประชากรและสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป ทั้งเรื่องสังคมผู้สูงอายุ และกระแสค่านิยมการบริโภคอาหารปลอดภัยมากขึ้น โดยเฉพาะในการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้ความต้องการผลิตภัณฑ์สมุนไพรเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วทั้งตลาดในประเทศ และต่างประเทศ เกษตรกรจะมีรายได้แน่นอน และมั่นคงถือเป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญ นอกจากนี้กระทรวงเกษตรฯ ได้ร่วมมือกับสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยในการส่งเสริมการแปรรูปสมุนไพรให้มีมูลค่าเพิ่มขึ้น สำหรับตลาดในประเทศ และต่างประเทศ แทนการส่งออกสมุนไพรในรูปของวัตถุดิบ

โดยเฉพาะสถานการณ์โควิด-19 ล่าสุดดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ห่วงใยประชาชนจึงสั่งการให้กระทรวงเกษตรฯ สนับสนุนและร่วมมือในการแก้ไขปัญหาโควิด-19 ของรัฐบาลโดยใช้ 3 แนวทาง ป้องกัน-รักษา-ฟื้นฟู ด้วยสมุนไพรและตำรับยาไทยเสริมการแพทย์แผนปัจจุบัน

พร้อมกับชี้แนะว่าประเทศจีน คือ ตัวอย่างของประเทศที่ใช้สมุนไพรและตำรับยาจีนควบคู่กับการแพทย์แผนปัจจุบันสู้กับโควิด-19 จนประสบความสำเร็จ ซึ่งสมุนไพรและตำรับยาไทยใช้มาหลายร้อยปีได้พิสูจน์แล้วว่า สามารถช่วยประชาชนคนไทยมาในแต่ละยุค แต่ละสมัยให้อยู่รอดปลอดภัยมาจนถึงทุกวันนี้ การเสริมการแพทย์แผนปัจจุบันด้วยการแพทย์แผนไทยจะช่วยแก้ไขปัญหาโควิด-19 ได้เป็นอย่างดี และควรทำพร้อมกันทั่วประเทศ” นายอลงกรณ์กล่าวในที่สุด


โปรเด็ด! ถึง 15 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

‘พิธา’ ร่วมแต่งดำ รับหนังสือ ‘หมอไม่ทน’ ขอบคุณทุกบุคลากรด่านหน้า ยกเป็นปราการด่านสุดท้ายยามสังคมสิ้นหวัง จี้ รัฐบาลให้ความสำคัญ ‘ระบบสาธารณสุข’ อย่าปล่อยให้ล่มสลาย ตอกย้ำชัด สถานการณ์ความมั่นคงเปลี่ยนแล้ว เหตุใด กำลังพล-อาวุธ ยังมากกว่า พยาบาล-วัคซีน

วันที่ 7 ก.ค. 64 ที่อาคารรัฐสภา ตัวแทนบุคลากรสาธารณสุขและกลุ่มหมอไม่ทน แต่งชุดดำพร้อมนำรายชื่อกว่า 215,409 คน ที่รวบรวมจากภาคประชาชนและบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข เดินทางมายื่นข้อเรียกร้องผ่านพรรคก้าวไกลไปยังรัฐบาลและองค์การเภสัชกรรมให้เร่งรัดการนำเข้าวัคซีนชนิด mRNA พร้อมกับต้องเผยแพร่ข้อมูลในการจัดหาและกระจายวัคซีนโควิด-19 ให้เป็นปัจจุบัน โปร่งใส สม่ำเสมอ และตรวจสอบได้

พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ในฐานะตัวแทนรับหนังสือ กล่าวว่า ลำดับแรกต้องขอบคุณบุคลากรทางการแพทย์ พยาบาล และสาธารณะสุขกว่า 300,000 ชีวิตที่ดูแลพี่น้องประชาชน รวมถึงพวกเราในช่วงกว่า 400 วันที่ผ่านมาที่มีวิกฤติโควิด พวกท่านเป็นหัวใจสำคัญ เป็นลมหายใจของระบบสาธารณสุข เป็นบุคคลสำคัญของประเทศไทยในช่วงที่พวกเราสิ้นหวังและเป็นฮีโร่ตัวจริงในยามที่ประเทศไม่มีความหวังเหลืออยู่

“แต่ขณะเดียวกัน พวกเราก็ทราบดีว่าทุกท่านก็เป็นมนุษย์เช่นเดียวกัน และก็ไม่ได้อยากจะเป็นฮีโร่ เพียงแค่อยากทำหน้าที่ของตนเองให้ดีที่สุด เป็นมนุษย์ที่มีความอดทน มีเลือดเนื้อเชื้อไข มีขีดจำกัด มีลูกของตัวเอง มีเพื่อนของตัวเอง แต่ท่านต้องเสียสละเพื่อมาดูแลพ่อของผม แม่ของผม ลูกของผม เพื่อนของผม นี่เป็นเรื่องที่ได้รับการพูดถึงในสังคมน้อยเกินไปมาก ผมจึงต้องขอคารวะบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขทุกคนที่ช่วยให้ประเทศไทยยังอยู่ได้ถึงตอนนี้”

พิธา กล่าวต่อไปว่า สิ่งที่พวกเราพอทำได้คือ การยืนยันว่าเสียงของทุกคน เสียงของกว่า 200,000 คน ที่รวบรวมมาครั้งนี้มีค่า เป็นวัฒนธรรมประชาธิปไตยที่ทุกคนจะได้กำหนดวาระของตัวเองได้เกิดขึ้นแล้ว แม้ตอนนี้ไม่เป็นประชาธิปไตยก็ตาม แต่นอกเหนือจากข้อเรียกร้องของตัวแทนบุคลากรทางสาธารณสุขและกลุ่มหมอไม่ทน คือเมื่อรัฐบาลมีแผนงานแล้วก็ควรต้องทำตามแผน ไม่ใช่ย้ายวัคซีนไปมาตามสถานการณ์ระลอกต่าง ๆ ดังที่ผ่านมา...

...สิ่งที่พรรคก้าวไกลเรียกร้องมาตลอด และจะขอเรียกร้องแทนหมออีกครั้งก็คือ วัคซีนชนิด mRNA ซึ่งตามแผนเดิมคือการกระจายวัคซีนไปให้บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขก่อนเพื่อให้ระบบสาธารณสุขไม่ล่ม เพราะถ้าพวกเขาอยู่ไม่ได้ เราก็อยู่ไม่ได้เช่นกัน พวกเขาเป็นทั้งบุคกรด่านหน้า และปราการด่านสุดท้าย จึงไม่ใช่การเห็นแก่ตัว แต่เป็นความเสียสละเพื่อให้พวกเขาช่วยเหลือพวกเราได้ในยามที่การจัดการวัคซีนล้มเหลวเกือบทุกมิติ...

...ขณะนี้ แม้มีความคืบหน้าเรื่องการนำเข้าวัคซีนไฟเซอร์ 20 ล้านโดส แต่ก็ยังมีการนำเข้าวัคซีนชิโนแวคอีก 10 ล้านโดส และวัคซีนโมเดอร์นาที่องค์การเภสัชฯ จะเป็นตัวกลางการซื้อ แต่ยังนิ่งนอนใจไม่ได้จนกว่าวัคซีนจะมาถึงประเทศไทยจริง ๆ"

“อีกเรื่องหนึ่งที่เป็นห่วง คือแผนจัดเก็บและกระจายวัคซีนชนิด mRNA แน่นอนว่าวัคซีนชนิดนี้มีข้อดีหลายอย่าง แต่มีข้อเสียเรื่องการจัดเก็บที่อุณหภูมิ -70 ถึง -80 องศา ซึ่งเมื่อไปดูงบประมาณใน พ.ร.ก.เงินกู้ 1 ล้านล้านบาท มีงบประมาณ 10,000 ล้านบาท สำหรับเรื่องวัคซีนและทางการแพทย์ แต่มีงบประมาณซื้อตู้จัดเก็บวัคซีนเพียงตู้เดียวที่เก็บได้ -80 องศา มูลค่า 1.6 ล้านบาท จึงขอตั้งเป็นคำถามดัง ๆ ผ่านสื่อมวลชนไปยังรัฐบาลว่า เมื่อวัคซีนมาถึง การจัดเก็บและการกระจายวัคซีนให้ทั่วถึงได้เตรียมพร้อมแล้วหรือยัง ถ้าพร้อมแล้ว รัฐบาลหรือ ศบค.ต้องเอาข้อมูลมาเปิดเผย เพราะเคยมีปัญหาในการจัดเก็บ แม้แต่วัคซีนชิโนแวคก็ยังจัดเก็บจนกลายเป็นเจล ในฐานะ ส.ส. เราจึงมีความห่วงถึงการจัดเก็บวัคซีน mRNA”

ทั้งนี้ พิธา ยังกล่าวต่อไปว่า การมารับหนังสือครั้งนี้ ยังหวังไปไกลกว่าเรื่องวิกฤติโควิด เพราะคิดเสมอว่าความมั่นคงในอนาคตไม่ใช่ความมั่นคงทางทหาร แต่คือความมั่นคงทางสาธารณสุข ทางสิ่งแวดล้อม หรือทางมลพิษ ดังที่เห็นในสัปดาห์ที่ผ่านมา การดูแลบุคลากรทางสาธารณสุข ถ้ารัฐบาลนึกไม่ออกว่าจะต้องดูแลอย่างไร ก็ให้คิดว่าการดูแลให้เหมือนทหารทำอย่างไร ปกติแล้วไม่ชอบเปรียบเทียบแบบนี้ แต่คิดว่าคงเป็นคำพูดเดียวที่ท่านอาจจะเข้าใจ จึงต้องพูดแบบนี้

“หนึ่ง ดูว่าบุคลากรพร้อมหรือไม่ ในปีที่มีโควิดแบบนี้ มีทหาร 360,000 คน บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข 300,000 คน เป็นไปได้อย่างไรที่ทหารยังเยอะกว่าพยาบาลในช่วงที่ความท้าทายเปลี่ยนแปลงไปขนาดนี้...

...สอง เมื่อบุคลากรพร้อม อุปกรณ์ต้องพร้อม งบประมาณอาวุธและเครื่องมือทางการทหารปีนี้ 26,000 ล้านบาท แต่งบประมาณตาม พ.ร.ก.เงินกู้ทางการแพทย์ มี 10,000 ล้านบาท งบประมาณทางการทหารยังเยอะกว่า เครื่องช่วยหายใจ อ็อกซิเจน อุปกรณ์ต่าง ๆ เพื่อพยุงชีวิตประชาชน...

...สาม จำนวนวัคซีนกับกระสุน เป็นไปได้อย่างไรที่กระสุนมีมากกว่าวัคซีน เรื่องนี้ต้องเปลี่ยน อย่าให้กลับตาลปัดเพื่อป้องกันระบบสาธารณสุขไม่ถูกกดดันอย่างที่เป็นทุกวันนี้

“ไม่ว่าท่านจะเป็นหมอ พยาบาล หรือผู้ที่อาจไม่เกี่ยวข้องโดยตรง ท่านอาจเป็นคนทำความสะอาดห้องผู้ป่วย ท่านอาจจะเป็นบุคลากรแผนกซักฟอกในโรงพยาบาล ท่านอาจจะเป็น อสม. หรือ อสต. หรือท่านอาจเป็นอาสาแรงงานต่างด้าว ท่านมีความหมายอย่างยิ่งต่อพวกผม และพรรคก้าวไกลเวลานี้อย่างมาก”

สำหรับข้อเรียกร้องของตัวแทนบุคลากรสาธารณสุข และกลุ่มหมอไม่ทน ต่อรัฐบาล และองค์การเภสัชกรรม มี 2 ข้อ ได้แก่

1.) เร่งรัดการนำเข้าวัคซีนชนิด mRNA เช่น วัคซีนของบริษัทไฟเซอร์และโมเดอร์นา โดยลดขั้นตอนการดำเนินงานให้กระชับ เร็วที่สุด และพิจารณาเป็นวัคซีนหลักในการควบคุมโควิดในประเทศไทย และนำมาใช้กับประชาชนทุกคน โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย เนื่องจากวัคซีนดังกล่าวมีหลักฐานยืนยันว่ามีประสิทธิภาพที่สุด และสามารถควบคุมสายพันธุ์เดลตาที่กำลังระบาดหนักในขณะนี้ได้

2.) ต้องเผยแพร่ข้อมูลในการจัดหา และกระจายวัคซีนโควิด-19 ให้เป็นปัจจุบัน โปร่งใส สม่ำเสมอ และตรวจสอบได้


โปรเด็ด! ถึง 15 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

ชาวเน็ตกัมพูชาแห่แชร์ภาพ ‘วัดภูม่านฟ้า’ จ.บุรีรัมย์ สร้างปราสาทหินจำลองแห่งใหม่ อ้างลอกเลียนแบบมาจากนครวัดของกัมพูชา ระบุซ้ำ ทำให้เกิดอาเพศ เกิดเหตุการระเบิดและไฟไหม้ครั้งใหญ่ในประเทศไทยขณะนี้

กำลังเป็นกระแสในโลกโซเชียลมีเดียของชาวกัมพูชา กับภาพการก่อสร้างปราสาทหินจำลอง ในพื้นที่ของ “วัดภูม่านฟ้า” ต.บ้านสิงห์ อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์

โดยชาวเน็ตกัมพูชาต่างแสดงความคิดเห็นว่า สถานที่แห่งนี้สร้างลอกเลียนแบบมาจาก “นครวัด” อันเป็นมรดกโลกที่ชาวกัมพูชาภาคภูมิใจ ซึ่งทั้งชาวเน็ตทั่วไป และผู้มีชื่อเสียงของกัมพูชา ต่างเรียกร้องให้มีการตรวจสอบในประเด็นนี้

นอกจากนี้ ยังมีการรณรงค์เป็นแคมเปญ โดยใช้แฮชแท็ก #JusticeCambodia และ #savecambodiaculture โดยอ้างอิงถึงสิ่งก่อสร้างที่สร้างโดยลอกเลียนแบบนครวัดในหลาย ๆ แห่ง จะทำให้เกิดอาถรรพ์กับประเทศนั้น ๆ เช่น ที่ประเทศอินเดีย เคยมีการก่อสร้างสิ่งก่อสร้างในลักษณะดังกล่าว ส่งผลให้อินเดียมีอากาศแห้งแล้งที่สุดในปี 2015 ส่วนในไทยที่กำลังมีการก่อสร้างที่วัดดังกล่าวนี้ ส่งผลให้เกิดเหตุการระเบิดและไฟไหม้ครั้งใหญ่ในประเทศไทยขณะนี้

และประเด็นสิ่งก่อสร้างที่เลียนแบบมาจากกัมพูชา ก็ยังอ้างอิงถึงดราม่าที่เคยเกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ กับประเด็นโรงแรมในประเทศไทยที่สร้างคล้ายปราสาทหินในกัมพูชา

ทั้งนี้ ภายหลังจากเป็นกระแสไปทั่วโลกโซเชียลกัมพูชา และมีการเรียกร้องไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ล่าสุด ข้อมูลจากเว็บไซต์ Khmer press สำนักข่าวของกัมพูชา ปรากฏว่า ทางกระทรวงวัฒนธรรมและศิลปะของกัมพูชา ได้ติดต่อมายังสถานทูตกัมพูชาประจำประเทศไทย เพื่อตรวจสองการก่อสร้างปราสาทหินดังกล่าวในประเทศไทยแล้ว

สำหรับสิ่งก่อสร้างดังกล่าว เป็นโครงการก่อสร้างอาณาจักรสีหนคร ซึ่งมีการสร้างปราสาทหินจำลอง ที่จำลองแบบมาจากปราสาทนครวัด ตั้งอยู่ในพื้นที่ของ “วัดภูม่านฟ้า” ต.บ้านสิงห์ อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ โดยปัจจุบันนี้ยังปิดการเข้าชมวัดและพื้นที่ก่อสร้างปราสาท ซึ่งยังไม่มีกำหนดการเปิดให้เข้าชมอย่างเป็นทางการ

 

 

ที่มา : https://mgronline.com/travel/detail/9640000065751

ภาพ : https://www.facebook.com/NangnongBuriram/photos/pcb.2914514962163036/2914514825496383


โปรเด็ด! ถึง 15 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

รับประกันสนามลุกเป็นไฟ!! อังกฤษเจอเดนมาร์ก ดวลแข้งเพื่อเข้ารอบชิงชนะเลิศ ในศึกฟุตบอลยูโร 2020

#เก็บตกยูโร2020 ⚽

คืนนี้ อังกฤษ จะลงดวลกับ เดนมาร์ก เพื่อหาทีมเข้ารอบชิงชนะเลิศ ศึกฟุตบอลยูโร 2020 หลังจากที่เมื่อคืนนี้ อิตาลี แม่นจุดโทษ เฉือนสเปน ผ่านเข้าไปรอในรอบชิงชนะเลิศเรียบร้อย

โดยรวม อังกฤษเป็นต่อ ด้วยผลงาน 5 นัดที่ผ่านมา ชนะ 4 เสมอ 1 แถมในรอบ 8 ทีมสุดท้าย ยังถล่มยูเครนไปถึง 4-0 เรียกว่าฟอร์มแจ่มสมราคาเต็งหนึ่ง

ด้านเดนมาร์ก แม้จะสะดุดใน 2 นัดแรก จากในรอบแรก แถมยังมีข่าวร้าย คริสเตียน อีริคเซ่น ประสบกับเหตุการณ์ช็อกคาสนาม แต่หลังจากที่อะไร ๆ คลี่คลายขึ้น ฟอร์มโดยรวมของทีมก็พลิกหน้ามือเป็นหลังมือ จากทีมที่โอกาสตกรอบสูง กลายเป็นทีมที่กำลังจะก้าวสู่รอบชิง

ทั้งอังกฤษและเดนมาร์ก ต่างมีแพสชั่นแรงด้วยกันทั้งคู่ ในมุมของอังกฤษ เป็นทีมใหญ่ที่ไม่เคยได้แชมป์ยูโรสักครั้ง และครั้งนี้ก็ถือว่าใกล้เคียงกับความฝันมากที่สุด แถมยังได้เล่นในบ้านตัวเองอีกด้วย ถึงเวลานี้ต้องบอกว่า แพสชั่นมาเกินร้อย

ส่วนเดนมาร์ก ก็แอบหวังลึก ๆ ว่า จะสร้างตำนานเทพนิยายแชมป์ยูโรได้เหมือนกับที่ตัวเองเคยทำไว้เมื่อปี 1992 ซึ่งหนนั้น เดนมาร์กคือทีมที่มาเล่นแทนยูโกสลาเวีย แต่สามารถทะลุเข้าชิงไปคว้าแชมป์ได้อย่างเหลือเชื่อ ผ่านมา 29 ปี เดนมาร์กไม่เคยเข้ารอบลึก ๆ ในฟุตบอลรายการระดับเมเจอร์ได้อีกเลย และครั้งนี้ถือว่าใกล้เคียงที่สุด

เมื่อทีมที่แรงด้วยแพสชั่นมาเจอกัน รับประกันสนามลุกเป็นไฟ!!

ถึงอังกฤษจะเป็นต่อ ด้วยสภาพทีมแกร่งทั่วแผ่น แถมยังไม่เสียประตูเลยสักลูก แต่ประมาทเดนมาร์กไม่ได้ ฟุตบอลเล่นเป็นทีม และโต้กลับดี ที่สำคัญ มีพลังแฝงจากเพื่อนจอมทัพหมายเลข 10 ที่ชื่อ คริสเตียน อีริคเซ่น ฝากมาให้ทีมสู้แบบถวายหัว ยังไงคงไม่ยอมง่าย ๆ

เมื่อคืนนี้ อิตาลี-สเปน เล่นสมราคารอบรอง เพราะฉะนั้น อังกฤษ-เดนมาร์ก คงน้อยไปกว่านี้ไม่ได้ ถึงตรงนี้ อะไรก็เกิดขึ้นได้ เพราะอีกแค่ก้าวเดียวก็ ‘รอบชิง’ ยังไงทั้งคู่..สู้ตายแน่นอน!!


โปรเด็ด! ถึง 15 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

ซีพี ออลล์ จ่อดำเนินการทางกฎหมาย ผู้นำเข้า-เผยแพร่ข้อมูลเท็จผ่านสื่อออนไลน์ ด้อยค่า 7-Eleven ส่งผลทำให้ชื่อเสียงบริษัทเสียหาย

เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม CPALL ออกแถลงการณ์ บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) เรื่อง การดำเนินการทางกฎหมายกรณีการนำเข้าและเผยแพร่ข้อมูลเท็จ ข้อมูลที่บิดเบือนจากความจริง ข้อความหมิ่นประมาทบริษัท ผ่านระบบคอมพิวเตอร์และสื่อออนไลน์ ลงวันที่ 6 กรกฎาคม

ระบุว่า ตามที่ปรากฏว่ามีบุคคลกลุ่มหนึ่งได้นำเข้าและเผยแพร่ข้อมูลเท็จ ข้อมูลที่บิดเบือนจากความจริง ข้อความ หมิ่นประมาท เกี่ยวกับบริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) (“บริษัท”) ผ่านระบบคอมพิวเตอร์และสื่อสังคมออนไลน์ และยังปรากฏเพิ่มเติมว่า มีบุคคลบางกลุ่มได้ปลอม เลียนแบบ เผยแพร่ รวมถึงทำให้เสื่อมค่า (Dilution) ซึ่งชื่อทางการค้า เครื่องหมายการค้า 7-Eleven เครื่องหมายบริการของบริษัท และบริษัทในกลุ่ม ซึ่งการกระทำของบุคคลดังกล่าว ได้ก่อให้เกิดความเสียหายต่อชื่อเสียงของบริษัท และสร้างความสับสนและเข้าใจผิดต่อบริษัทเป็นอย่างมาก

บริษัทในฐานะองค์กรเอกชน และบริษัทมหาชน ได้ประกอบธุรกิจโดยสุจริต และยึดหลักการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยคำนึงถึงประโยชน์ต่อประเทศซาติ ประชาชน สังคมและชุมชน รวมถึงพันธมิตรทางธุรกิจ ผู้ประกอบการรายใหญ่ และรายย่อย เป็นสำคัญ บริษัทยินดีเป็นอย่างยิ่งและพร้อมรับการติซมในการดำเนินงานของบริษัทในทางสุจริตและอยู่บนพื้นฐานของความจริง ซึ่งเป็นเรื่องที่บุคคลทั่วไปมีสิทธิในการกระทำได้

อย่างไรก็ตาม หากการติชมหรือวิพากษ์วิจารณ์การประกอบธุรกิจของบริษัท อยู่บนพื้นฐานของข้อมูลที่เป็นเท็จ ข้อมูลที่บิดเบือนจากข้อเท็จจริง หรือข้อความหมิ่นประมาท ประกอบกับการปลอม เลียนแบบ เผยแพร่

รวมถึงทำให้เสื่อมค่า (Dilution) ซึ่งชื่อทางการค้า เครื่องหมายการค้า เครื่องหมายบริการของบริษัท อันส่งผลให้บริษัทได้รับความเสียหายทางชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น เกลียดชัง และถูกทำให้เสื่อมเสียซึ่งความไว้วางใจต่อสาธารณะ

บริษัทก็มีความจำเป็นในการดำเนินการทางกฎหมายต่อบุคคลที่นำเข้าและเผยแพร่ข้อมูลเท็จ ข้อมูลที่บิดเบือนจากความจริง ข้อความ หมิ่นประมาท และใช้ชื่อทางการค้า เครื่องหมายการค้า เครื่องหมายบริการของบริษัท โดยไม่ได้รับความยินยอมจาก บริษัทต่อไป

ทั้งนี้ การดำเนินการทางกฎหมายของบริษัทเป็นไปเพื่อปกป้องสิทธิ และประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัทเท่านั้น


โปรเด็ด! ถึง 15 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

 "พายุ เนื่องจำนงค์" ทีมงาน”จุรินทร์” โบกมือลาปชป. ซบพรรคกล้า

นายพายุ เนื่องจำนงค์ อดีตผู้สมัครรับเลือกตั้งส.ส.ชลบุรี พรรคประชาธิปัตย์ อดีตคณะทำงานนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี  โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ประกาศลาออกจากคณะทำงานรองนายกฯ และคณะที่ปรึกษารมว.เกษตรและสหกรณ์ หลังจากลาออกจากสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ระบุว่า ขอกราบขอบพระคุณท่านรองนายกรัฐมนตรี จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ที่ให้ความเชื่อถือและมั่นใจแต่งตั้งผมเข้าเป็นคณะทำงานรองนายกฯ ตลอด 2 ปีที่ผ่านมา ถือว่าเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ ผมได้ทำงานและเรียนรู้จากท่านรองนายกฯอย่างใกล้ชิด และดีใจที่มีโอกาสกลับมาทำงานในฝ่ายบริหารประเทศที่ทำเนียบรัฐบาลอีกครั้ง หลังจากที่ต้องออกมาเพื่อมาดูแลธุรกิจครอบครัวเมื่อกว่า 10 ปีที่แล้ว 

“วันนี้ผมได้ตัดสินใจลาออกจากตำแหน่ง คณะทำงานรองนายกฯ และคณะที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ หลังจากที่ได้ทำการลาออกจากพรรคประชาธิปัตย์อย่างเป็นทางการแล้ว เพื่อเลือกเส้นทางการเมืองที่เหมาะสมของตัวผมต่อไป ผมยังเคารพรักท่านรองนายกฯและมีความปรารถนาดีให้กับพรรคประชาธิปัตย์เหมือนเดิม สุดท้ายนี้ขอขอบคุณ ท่านรัฐมนตรีเฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการพรรค เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ รวมถึงผู้ใหญ่ทุกๆท่านในพรรคสำหรับความทรงจำและความรู้สึกที่ดีที่มีให้ต่อกันมาเสมอครับ" ทั้งนี้มีรายงานว่านายพายุ เข้าเป็นสมาชิกพรรคกล้าแล้ว

แจ้งเกิด! ‘3 กระทิงหนุ่มดาวรุ่ง’ ความหวังใหม่ของทีมชาติสเปน

#เก็บตกยูโร2020 ⚽

คู่แรกรอบรองชนะเลิศจบลงไป ได้ทีมที่เข้าไปยืนรอในรอบชิงชนะเลิศยูโร 2020 เรียบร้อย นั่นก็คือ ทีมชาติอิตาลี ที่ผ่านทีมชาติสเปนมาได้ จากการเอาชนะการดวลจุดโทษ หลังจากที่เสมอกันในเวลา 120 นาที ด้วยสกอร์ 1-1

อิตาลีเข้าไปรอชิงก็ขอแสดงความยินดีด้วย แต่สำหรับผู้พ่ายแพ้อย่างสเปน ต้องบอกว่า เป็นผู้แพ้ที่ไม่ควรเสียอกเสียใจแต่อย่างใด เนื่องจากฟอร์มการเล่นของสเปนเมื่อคืนนี้ จัดว่าดูดี เผลอ ๆ จะดูดีกว่าอิตาลีด้วยซ้ำไป!

สเปน ในการทำทีมของหลุยส์ เอ็นรีเก้ ผู้เป็นเฮดโค้ช วางแผนการเล่นมาอย่างดี รู้ว่าอิตาลีเป็นฟุตบอลที่ต้องมีเวลาและพื้นที่ในการเล่น สเปนจึงวางแผนมาเล่นเกมเพรสซิ่ง หรือการบีบพื้นที่ให้นักเตะอิตาลีเล่นบอลง่าย ๆ ในทางกลับกัน สเปนก็ใช้ทักษะความสามารถของนักเตะในทีม สร้างสรรค์เกมขึ้นไปบุกใส่อิตาลีได้เป็นระยะ

แต่ผลสุดท้าย ต้องเรียกว่า แพ้โชค แพ้ความนิ่ง จึงทำให้สเปนพลิกตกรอบไปอย่างน่าเสียดาย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น สิ่งที่สเปนได้กลับคืนมาคือ ประสบการณ์ของนักเตะชุดนี้ ที่จะสร้างความแข็งแกร่งต่อไปในอนาคต

อย่างที่ทราบกันดี สเปนทีมนี้เป็นกระทิงหนุ่มที่รวมตัวกันมาสู้ศึกยูโรหนนี้ และสามารถทำผลงานได้ดี โดยเฉพาะ 3 ดาวรุ่ง ได้แก่ ดานี่ โอลโม่ มิดฟิลด์วัย 23 ปี จากทีมแอร์เบ ไลป์ซิก, มิเกล ออยาร์ซาบาล กองหน้าวัย 24 ปี จากสโมสรเรอัล โซเซียดาด และเปดรี้ เพย์เมกเกอร์ วัยแค่เพียง 18 ปี จากสโมสรบาร์เซโลน่า

ทั้ง 3 คนนี้เด่นมากในเกมอิตาลี สร้างความหวือหวาในเกมรุกของสเปนได้อยู่ตลอดเวลา เพียงแต่สุดท้ายขาดลูกทีเด็ดทีขาด จึงทำให้สเปนทำประตูเพิ่มไม่ได้ ทั้ง ๆ ที่สร้างโอกาสในการทำประตูได้มากกว่าอิตาลีอย่างชัดเจน

แต่ทุกอย่างจบไปแล้ว แม้จะมาได้แค่รอบรองชนะเลิศ แต่อย่างที่บอกไป นักเตะดาวรุ่งเหล่านี้ ได้ประสบการณ์เกมระดับท็อปกลับบ้านไปเพียบ ปีหน้าฟุตบอลโลกกำลังจะเริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง ใครที่ว่าสเปนหมดยุคสตาร์ดังอย่าง ชาบี, อิเนียสต้า, บีญ่า, ตอร์เรส คงต้องรอเวลาสร้างทีมเพื่อกลับมาทวงความยิ่งใหญ่อีกนาน อันนี้เห็นทีอาจจะต้องเปลี่ยนความคิดเสียใหม่

เพราะ ‘กระทิงหนุ่ม’ เหล่านี้ ทำให้เห็นแล้วว่า สเปนกำลังจะกลับมาในไม่ช้านี้แล้ว...


โปรเด็ด! ถึง 15 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

'กัญชง' ว่าที่อนาคตวัสดุศาสตร์ไทย พบเส้นใย 'แข็งแรง' กว่าใยไฟเบอร์กลาส เตรียมใช้ประโยชน์ด้านอากาศยานและอวกาศ

แม้ 'กัญชา' จะเป็นว่าที่พืชเศรษฐกิจใหม่ที่หลาย ๆ คนกำลังให้ความสนใจและตื่นตัวมาก แต่ยังมีพี่น้องอย่าง 'กัญชง' (Hemp) ซึ่งมีลักษณะคล้ายคลึงกับกัญชาในด้านลักษณะทางพฤกษศาสตร์ แต่ 'ไม่ใช่พืชที่เป็นสารเสพติดเหมือนกัญชา' ที่กำลังได้รับความสนใจไม่แพ้กัน โดยเฉพาะตอนนี้มีการค้นพบครั้งสำคัญสำหรับเจ้าใบ 'กัญชง' ที่นำไปต่อยอดประโยชน์ในการทำเส้นใยได้อีกด้วย

ดร.ดำรงค์ฤทธิ์ เนียมหมวด ปฏิบัติงานรองผู้อำนวยการ GISTDA เปิดเผยว่า คุณสมบัติข้อมูลการผลิตและทดสอบเส้นใยไฟเบอร์ ที่ทำจากใยกัญชงเทียบกับใยไฟเบอร์กลาส ผลการทดสอบออกมาว่า เส้นใยกัญชงมีความแข็งแรงกว่าใยไฟเบอร์กลาส 25-30% เทียบต่อน้ำหนัก ทำให้ลดการใช้พลังงานได้ และที่สำคัญมีคุณสมบัติดูดกลืนเสียงได้ดีด้วย จึงมีความเป็นไปได้สูงที่จะเอามาผลิตเป็นชิ้นส่วนประกอบของดาวเทียมที่จะผลิตเองในประเทศ

โดยชิ้นส่วนประกอบของดาวเทียมที่สนใจ คือ โครงสร้างที่รองรับแผงโซล่าเซลล์ของดาวเทียม เนื่องจากแผงตัวนี้ ต้องการความเบาและมีความแข็งแรงทนทานสูง รวมถึงการสั่นสะเทือนของตัวดาวเทียมอีกด้วย หลังจากประสบความสำเร็จ พัฒนาผู้ประกอบการไทยในการผลิตชิ้นส่วนดาวเทียมดวงเล็ก ภายใต้โครงการ THEOS-2 มาแล้ว

ทั้งนี้จากผลการทดสอบ Tensile Strength มีความแข็งแรงกว่าที่เห็นชัดเจนคือ Bending Strength มากกว่าไฟเบอร์กลาสถึง 30-35% ทีเดียว

ดังนั้น ในอนาคตการใช้ประโยชน์จากใยกัญชงในรูปแบบของวัสดุคอมโพสิท FRP (Fiber Reinforced Polymer) จะเริ่มที่ชิ้นส่วนภายในอากาศยานก่อน หรือใช้ผลิตโครงสร้างทั้งหมดของโดรน ทั้งโดรนเชิงพาณิชย์ และโดรนเชิงความมั่นคง หรือโครงสร้างอากาศยานทางทหารที่เป็นเทคโนโลยีล่องหน จากคุณสมบัติดูดซับคลื่นเสียงที่ดี (ต้องมีการผลิตทดสอบในหลาย ๆ ความถี่ เช่น VHF, UHF, L-Band, S-band, X-band) หรือใช้ลดการแพร่กระจายรังสีจากเครื่องยนต์ของยานยนต์ทางทหารต่าง ๆ เพื่อลดการตรวจจับด้วยกล้องรังสีความร้อน เป็นต้น ซึ่งหากสามารถทำได้จะช่วยส่งเสริมให้อุตสาหกรรมการปลูก แปรรูป และอุตสาหกรรมต่อเนื่องเกิดการขยายตัว และเติบโตได้อย่างยั่งยืน

ปัจจุบัน GISTDA ได้เริ่มนำใยกัญชงมาทดสอบหาคุณสมบัติ ทั้งด้านความแข็งแรง ทนทาน ด้านความถี่ ด้านอุณหภูมิ เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ด้านโครงสร้างของอากาศยานไร้คนขับ หรือชิ้นส่วนภายในเครื่องบิน ซึ่ง GISTDA มีพาร์ทเนอร์ด้านนี้อยู่แล้ว หรือหากมีคุณสมบัติที่เข้ากันได้กับการใช้งานบนอวกาศ ก็เป็นไปได้ที่จะนำไปใช้เป็นชิ้นส่วนในดาวเทียมดวงต่อ ๆ ไป ที่เกิดขึ้นจากการสร้างโดยฝีมือคนไทย โดยสิ่งที่ต้องเร่งดำเนินการในขั้นตอนต่อไป คือ การค้นหา และพัฒนาผู้ประกอบการ ที่มีศักยภาพพอที่จะผลิตเส้นใยธรรมชาติ ให้ขึ้นไปถึงเส้นใยไฟเบอร์สำหรับวัสดุคอมโพสิทให้ได้ต่อไป

ดร.ดำรงค์ฤทธิ์ กล่าวเสริมว่า "ยังไม่เห็นประเทศไหนในภูมิภาคอาเซียนที่มีการนำเส้นใยกัญชงมาใช้ในอุตสาหกรรมด้านอวกาศมาก่อน แต่ถ้าเป็นในเอเชียที่ใกล้เคียงที่สุดก็จะเป็นญี่ปุ่น ที่จะสร้างดาวเทียมโดยใช้วัสดุจากธรรมชาติ อย่างไรก็ตาม การนำเส้นใยกัญชงมาผลิตเป็นวัสดุชิ้นส่วนในอุตสาหกรรมอวกาศจะต้องใช้เส้นใยกัญชงในปริมาณมากพอสมควร แต่ก็น่าจะเพียงพอกับปริมาณที่มีการปลูกภายในประเทศ"

ยิ่งไปกว่านั้นจะช่วยส่งเสริมให้อุตสาหกรรมการปลูก แปรรูป และอุตสาหกรรมต่อเนื่องของกัญชง เกิดการขยายตัวและเติบโตได้อย่างยั่งยืน

ถึงบรรทัดนี้ หลายคนอาจจะยังมีคำถามค้างคาว่า 'อุตสาหกรรมการบินและอวกาศ' จะนำเส้นใยกัญชง มาประยุกต์ใช้กับอุตสาหกรรมนี้ได้จริง หรือแค่คอนเซ็ปต์?

...บอกได้เลยว่า 'จริง' และเป็นไปได้ เพราะว่ามีการผลิตเครื่องบินเล็กจาก 'เส้นใยกัญชง' เครื่องแรกของโลกเมื่อปี 2557 โดย Derek Kesek ชาวแคนาดา เจ้าของบริษัท Hempearth ทำให้เรื่องนี้ได้รับการพูดถึงในวงกว้าง และหลายส่วนงานที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีอวกาศยานก็กำลังจับตาอย่างใกล้ชิด พร้อมดำเนินการวิจัยและพัฒนากันอย่างจริงจัง

และบริษัท Hempearth เอง ก็ได้พัฒนาเจนเนอเรชั่นใหม่ของเครื่องบินเล็กจากเส้นใยกัญชง โดยที่นั่งและหมอนไปจนถึงผนังเครื่องบิน ทำจากกัญชงทั้งหมด เมื่อจับคู่กับเครื่องยนต์ที่ใช้น้ำมันกัญชง ก็จะกลายเป็นการผลิตเครื่องบินที่ยั่งยืนโดยปราศจากสารพิษ และเมื่อเทียบกับวัสดุอากาศยานแบบดั้งเดิม เช่น อลูมิเนียมหรือใยแก้วจะเบากว่า ส่งผลให้ใช้เชื้อเพลิงน้อยลงระหว่างการเดินทาง รอยเท้าคาร์บอน (Carbon Footprint) จึงต่ำกว่าการผลิตแบบดั้งเดิมอย่างมาก

ปัจจุบัน อุตสาหกรรมดาวเทียมภายในประเทศไทย ยังเติบโตไม่มากนัก แต่ก็มีกลุ่มผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องเข้ามามีส่วนร่วมหลายรายแล้ว หากเรากระตุ้นและสร้างโอกาสให้กับพวกเขาจากสิ่งต่าง ๆ ที่มีอยู่ภายในประเทศได้ ก็จะเกิดเป็น demand ในอนาคตมากพอสมควร ซึ่งจะทำให้ผู้ผลิตทั้งต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำได้ประโยชน์ร่วมกัน ผู้ใช้และผู้ทำระบบ ก็สามารถหาวัตถุดิบในประเทศได้เอง

ดูท่า 'กัญชง' อาจกลายเป็นอนาคตด้านวัสดุศาสตร์ของประเทศอีกแขนงหนึ่งเลยก็ว่าได้

 

ที่มา: https://www.facebook.com/1233859410089681/posts/2167271190081827/


โปรเด็ด! ถึง 15 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

"ผบ.นทพ." ตรวจเยี่ยมกองอำนวยการควบคุมแคมป์คนงานและจุดควบคุมที่พักแรงงานในพื้นที่เขตลาดกระบัง

พล.อ.นเรนทร์  สิริภูบาล ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการทหารพัฒนา (ผบ.นทพ.) ได้ตรวจเยี่ยมกองอำนวยการควบคุมแคมป์คนงาน นทพ. พื้นที่เขตลาดกระบัง และร่วมประชุมทำความเข้าใจในหน้าที่ความรับผิดชอบของแต่ละหน่วยงาน รับทราบปัญหาข้อขัดข้อง และมอบแนวทางในการแก้ปัญหาเพื่อให้สามารถดำเนินการตามมาตรการควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมี นางสาวเบญจพร  ศักดิ์เรืองแมน ผู้ช่วยผู้อำนวยการเขตลาดกระบัง, ผู้แทน กรมควบคุมโรค, ศูนย์บริการสาธารณสุข 45 ร่มเกล้า, ศูนย์บริการสาธารณสุข 46 กันตารัติอุทิศ, สน.ลาดกระบัง, สน.จระเข้น้อย, สน.ฉลองกรุง, สน.ร่มเกล้า, หน.ฝ่ายโยธา, หน.ฝ่ายเทศกิจ, เจ้าพนักงานสาธารณสุข และชุดเฉพาะกิจความมั่นคง กลุ่มเขตกรุงเทพตะวันออก เข้าร่วมประชุม

พร้อมนี้ได้ร่วมตรวจเยี่ยมให้กำลังใจชุดควบคุมแคมป์คนงาน ณ จุดควบคุมที่พักแรงงาน นทพ. ซึ่งเป็นกำลังพลที่ นทพ. จัดสนับสนุนศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉิน (EOC) กทม. ในการดูแลควบคุมแคมป์คนงานเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดยจัดกำลังพลจากสำนักงานพัฒนาภาค 1 หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา (สนภ.1 นทพ.), สำนักงานทหารพัฒนา หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา (สทพ.นทพ.) และสำนักงานสนับสนุน หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา (สสน.นทพ.) สนธิกำลังกับตำรวจ เทศกิจ และเจ้าหน้าที่เขตลาดกระบัง เข้าดูแลควบคุมแคมป์คนงานในพื้นที่กลุ่มเขตกรุงเทพตะวันออก เขตลาดกระบัง จำนวน 12 แห่ง เพื่อควบคุมเฝ้าระวังและรวบรวมข้อมูลสถานการณ์ให้เป็นปัจจุบัน รวมทั้งประสานการปฏิบัติในการส่งผู้ป่วยติดเชื้อเข้าสู่กระบวนการดูแลรักษาต่อไป

ทั้งนี้ เพื่อปฏิบัติตามมาตรการควบคุมการเคลื่อนย้ายแรงงานในพื้นที่เสี่ยง ไม่ให้มีการเคลื่อนย้ายแรงงานโดยพลการหรือหลบหนี ตามนโยบายของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์  จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม และสั่งการของ พล.อ.เฉลิมพล  ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ในฐานะหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง (ผบ.ทสส./หน.ศปม.) เพื่อแก้ไขปัญหาสำคัญเร่งด่วนของชาติให้สถานการณ์กลับสู่สภาวะปกติโดยเร็วต่อไป


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top