Sunday, 16 June 2024
Hard News Team

“ธนกร” โต้แทน “บิ๊กตู่” แจง ”บิ๊กแสนสิริ” ยันรัฐบาลเร่งฉีดวัคซีนไทม์ไลน์ชัดเจน ซัด ฝ่ายค้านอย่าติงทุกเรื่อง

นายธนกร วังบุญคงชนะ เลขานุการรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวกรณีที่นายเศรษฐา ทวีสิน ประธานอำนวยการและผู้จัดการใหญ่บริษัทแสนสิริจำกัด(มหาชน) เรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เร่งฉีดวัคซีนให้กับประชาชน ว่า นายเศรษฐา ออกมาให้ความเห็นบ่อยในช่วงหลังซึ่งเป็นไปอย่างสุภาพ ส่วนจะหวังผลการเมืองหรือไม่นั้นไม่ทราบ แต่ดีกว่าฝ่ายการเมือง ขอยืนยันกับนายเศรษฐา ว่ารัฐบาลเร่งฉีดวัคซีนให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่ และมีแผนการฉีดวัคซีนที่ชัดเจน ตามที่พล.อ.ประยุทธ์ ชี้แจงว่าขณะนี้ไทยมีวัคซีนป้องกันโควิดเข้ามาจำนวน 2,117,000 โดส และในวันที่ 24 เม.ย. วัคซีนซิโนแวคจะเข้ามาอีก 5 แสนโดส และเดือนพ.ค.วัคซีนซิโนแวคเข้ามา 1 ล้านโดส 

ส่วนวัคซีนแอสตราเซนเนกา ที่ผลิตในไทยจะเริ่มทยอยส่งเดือนมิ.ย. 4-6 ล้านโดส และจะเพิ่มจำนวนตั้งแต่เดือนก.ค.จนถึงสิ้นปี64 จะครบ 61 ล้านโดส และมีวัคซีนทางเลือกที่ให้ภาคเอกชนอีก 5-10 ล้านโดส ที่น่าจะเพียงพอ และเตรียมยาฟาวิพิราเวียร์ไว้แล้ว ในเดือนเม.ย.-พ.ค.จัดหาเพิ่ม 2 ล้านเม็ด เดือนพ.ค-มิ.ย.1 ล้านเม็ด และมิ.ย.-ก.ค.อีก 5 แสนเม็ด และจะสั่งซื้อให้มีสำรองในสต็อก 3.5 ล้านเม็ด 

“ขอให้มั่นใจว่ารัฐบาล ทุ่มเททำงานช่วยเหลือประชาชน ทั้งนี้ที่หวังดีและเสนอสิ่งที่เป็นประโยชน์ ไม่เหมือนกับฝ่ายค้านที่โจมตีโดยประชาชนไม่ได้ประโยชน์อะไร ส่วนฝ่ายค้านให้ลดการตำหนิรัฐบาลลง และให้กำลังใจบุคลากรทางการแพทย์จะดีกว่า เวลานี้ไม่ใช่เวลาของการเมือง แต่เป็นเวลาที่ทุกฝ่ายจะต้องร่วมแรงร่วมใจทำงานช่วยเหลือประชาชน” นายธนกร กล่าว

'เฉลิมชัย' เร่งดันไทยฮับฮาลาลโลกเห็นชอบพิมพ์เขียว 2570 เดินหน้า '1 วิสัยทัศน์ 5 แนวทาง' บุกตลาด 2 พันล้านคน

'เฉลิมชัย' เร่งดันไทยฮับฮาลาลโลกเห็นชอบพิมพ์เขียว 2570 เดินหน้า '1 วิสัยทัศน์ 5 แนวทาง' บุกตลาด 2 พันล้านคน ดึง 'สคช.' ยกระดับมาตรฐานคุณวุฒิวิชาชีพฮาลาล จับมือ 'ศอบต.' ขับเคลื่อน 3 โครงการอุตสาหกรรมฮาลาลภาคใต้พร้อมขยายบทบาทไทยในเวทีโลกผนึกองค์การความร่วมมือกลุ่มประเทศอิสลาม (OIC) จัดงานฮาลาลนานาชาติเดือนมิถุนายน

นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะประธานคณะกรรมการส่งเสริม สินค้าและผลิตผลการเกษตรมาตรฐาน “ฮาลาล” (ฮาลาลบอร์ด-Halal Board) แถลงว่า...

อุตสาหกรรมฮาลาลมีความสำคัญต่อประเทศไทยเป็นอย่างยิ่ง และถือว่าเป็นโอกาสของประเทศไทย เนื่องจากไทยมีศักยภาพในการผลิตสินค้าอาหารและเกษตรอันดับ 2 ของเอเชีย รองจากจีน และเป็นอันดับ 12 ของโลก และภายใต้ '5 ยุทธศาสตร์ปฏิรูปภาคเกษตรฯ' ของ ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่เล็งเห็นถึงโอกาสและศักยภาพของประเทศไทยภายใต้วิกฤติการณ์โควิด-19 ในการเป็นประเทศผู้นาในการผลิตและส่งออก สินค้าอาหารและผลผลิตเกษตรมาตรฐานฮาลาลสู่ตลาดเป้าหมายใหม่กลุ่มประเทศมุสลิม 2,000 ล้านคน และผู้บริโภคสินค้าฮาลาลที่ไม่ใช่มุสลิมทั่วโลกภายใต้ความร่วมมือกับกระทรวงพาณิชย์และทุกภาคีภาคส่วน

ปี 2563 ที่ผ่านมาตลาดอาหารและเครื่องดื่มฮาลาลทั่วโลก มีมูลค่า 1,533,280 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (48,004,350 ล้านบาท) และประเมินว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 2,285,190 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 71,545,354 ล้านบาท) ในปี 2569 โดยมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยปีละ 20% คิดเป็นมูลค่าเพิ่มปีละ 560 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (16.8 ล้านล้านบาท)

ดังนั้น ที่ประชุมคณะกรรมการส่งเสริมสินค้าและผลิตผลการเกษตรมาตรฐาน “ฮาลาล” ครั้งที่ 2/2564 ได้ให้ความเห็นชอบเนื้อหาร่างวิสัยทัศน์และนโยบายการส่งเสริมสินค้าและผลิตผลการเกษตรมาตรฐานฮาลาล (1 วิสัยทัศน์ 5 แนวทาง) ซึ่งจัดทำขึ้นโดยอนุกรรมการจัดทำวิสัยทัศน์และนโยบายการส่งเสริมสินค้าและผลิตผลการเกษตรมาตรฐาน “ฮาลาล” โดยมีเป้าหมายให้ไทยเป็นประเทศผู้นำในการผลิต การแปรรูป การส่งออกและการพัฒนาสินค้าเกษตร และอาหารฮาลาลที่ได้รับความเชื่อมั่นในระดับสากล และเข้าสู่ตลาดโลกด้วยมาตรฐานฮาลาลไทย โดยใช้หลักศาสนา วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม 'ภายในปี 2570' ผ่านการขับเคลื่อนการดำเนินงานที่กำหนดทั้งหมด 5 แนวทาง ได้แก่...

(1) เพิ่มศักยภาพหน่วยงานรับรองมาตรฐานฮาลาล

(2) สร้างความเชื่อมั่นให้กับสินค้าเกษตรและอาหาร ด้วยมาตรฐานฮาลาลไทย วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม

(3) เสริมสร้างองค์ความรู้ในการผลิต และการบริหารจัดการตั้งแต่ระดับฟาร์มจนถึงผู้บริโภค

(4) เพิ่มศักยภาพทางตลาดและโลจิสติกส์

(5) ยกระดับความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคทั้งใน และต่างประเทศ

ทั้งนี้ ร่างวิสัยทัศน์ดังกล่าวเปรียบเสมือนพิมพ์เขียวฮาลาลไทย (Thailand Halal Blueprint) ฉบับแรกที่มีความสมบูรณ์ประกอบด้วยเป้าหมาย วิสัยทัศน์ แผนปฏิบัติการ (Action Plan) เป็นแผนแม่บทสำหรับการพัฒนาอุตสาหกรรมฮาลาลของไทยให้มีศักยภาพในการแข่งขันในตลาดที่สำคัญ ผ่านการดำเนินกิจกรรม และโครงการที่กำหนดในแผนปฏิบัติการโดยร่างวิสัยทัศน์ดังกล่าวจะเสนอให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์พิจารณา เพื่อนำเสนอต่อคณะรัฐมนตรีต่อไป

นอกจากนี้ คณะอนุกรรมการส่งเสริมการผลิตและการลงทุนเกี่ยวกับสินค้าและผลิตผล การเกษตรมาตรฐาน “ฮาลาล” และคณะอนุกรรมการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจเพื่อส่งเสริมการค้าและผลิตผลการเกษตร มาตรฐาน “ฮาลาล” ในพื้นที่ชายแดนใต้ได้รายงานความก้าวหน้าของโครงการส่งเสริมอุตสาหกรรมไก่และโคครบวงจรที่จังหวัดยะลา 2 โครงการ มีเกษตรกรเข้าร่วมโครงการหลายร้อยรายในพื้นที่โครงการละกว่า 3,000 ไร่ ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการทำสัญญาโรงไฟฟ้าชีวมวลและโครงการอุตสาหกรรมไก่ที่จังหวัดปัตตานี ซึ่งทั้ง 3 โครงการเป็นการทำงานบนความร่วมมือกับศอบต.อย่างใกล้ชิดเพื่อให้ 3 จังหวัดภาคใต้เป็นฮับของอุตสาหกรรมอาหารฮาลาลตามเป้าหมายที่วางไว้

“ที่ประชุมยังมีมติให้เปลี่ยนชื่อและปรับภารกิจหน้าที่ของคณะอนุกรรมการจัดทำวิสัยทัศน์และนโยบายฯ เป็นคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนวิสัยทัศน์และนโยบายฯ เพื่อขยายการส่งเสริมสนับสนุนอุตสาหกรรมฮาลาลในภาคเหนือภาคอีสานภาคกลางและภาคตะวันออกโดยเฉพาะในจังหวัดชายแดนที่เป็นเมืองท่าหน้าด่าน เช่น อุดรธานี, เชียงราย, ตาก เป็นต้น

ส่วนภาคใต้มีอนุกรรมการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจฮาลาลภาคใต้รับผิดชอบอยู่แล้วโดยเร่งขับเคลื่อนโครงการ '1 กลุ่มจังหวัด 1 นิคมอุตสาหกรรม' ภายใต้ความร่วมมือกับสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยและศูนย์ AIC เพื่อเป็นฐานการผลิตแปรรูปสร้างมูลค่าสินค้าเกษตรในการส่งออกไปอาเซียน เอเซียตะวันออก เอเซียใต้เอเซียกลาง ตะวันออกกลาง แอฟริกา ยุโรปและอเมริกา

นอกจากนี้ที่ประชุมยังได้เชิญนายพิริยพงศ์ แจ้งเจนเวทย์ จากสำนักงานมาตรฐานคุณวุฒิวิชาชีพ (สคช.) ร่วมหารือแนวทางการพัฒนาผู้ประกอบการ และบุคลากรในอุตสาหกรรมฮาลาลของไทยในยุคเกษตร 4.0 ผ่านการเสริมสร้างความรู้ และทักษะฝีมือให้สอดคล้องกับมาตรฐานคุณวุฒิวิชาชีพที่สถาบันคุณวุฒิวิชาชีพเป็นผู้กำหนด ซึ่งสามารถนำมาเทียบเคียงกับกรอบคุณวุฒิแห่งชาติได้ โดยสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพได้กำหนดมาตรฐานอาชีพและคุณวุฒิวิชาชีพสำหรับผู้ประกอบอาหารฮาลาล ซึ่งสอดคล้องกับหลักศาสนา และมาตรฐานสากล

อีกทั้งยังได้เชิญผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ชายแดนภาคใต้เข้าร่วมโครงการต่าง ๆ เพื่อยกระดับผู้ประกอบอาหารฮาลาลของไทย โดยคณะกรรมการฯ จะจัดทำความร่วมมือร่วมกับสถาบันฯ ในด้านการขยายผลสาขาอาชีพที่กำหนดมาตรฐานเสร็จแล้ว การจัดหลักสูตรฝึกอบรมออนไลน์ การให้การรับรองตามมาตรฐานอาชีพ รวมถึงการจัดทำมาตรฐานอาชีพเพิ่มเติมในสาขาที่ยังขาดแคลน โดยเฉพาะอาชีพที่ปรึกษาธุรกิจด้านฮาลาล ซึ่งจะมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาผู้ประกอบการฮาลาลไทย

ทางด้านรศ.ดร.วินัย ดะห์ลัน ผู้อำนวยการศูนย์วิทยาศาสตร์ฮาลาล จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ รศ.ดร. ปกรณ์ ปรียากร ผู้อำนวยการสถาบันมาตรฐานฮาลาลแห่งประเทศไทยรายงานความคืบหน้างานสมัชชาฮาลาลไทยแลนด์ 2021 (Thailand Halal Assembly 2021) ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 2-3 มิถุนายน 2564 ผ่านระบบ video conference ภายใต้ธีม A Virtual Way for Actual Halal World ซึ่งจะมีการแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นเกี่ยวกับโอกาส และความท้าทายต่ออุตสาหกรรมฮาลาล และการรับรองฮาลาลในยุคหลัง COVID-19 โดยงาน Thailand Halal Assembly 2021 จะมีสถาบันมาตรฐานและมาตรวิทยาของประเทศอิสลาม (SMIIC) ภายใต้องค์การความร่วมมือประเทศอิสลาม (OIC) และสำนักงานคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทยเป็นเจ้าภาพร่วมกับศูนย์วิทยาศาสตร์ฮาลาลและสถาบันมาตรฐานฮาลาลแห่งประเทศไทย

ภายในงานจะประกอบไปด้วยการประชุมวิชาการด้านฮาลาล และการจัดแสดงสินค้าฮาลาล รวมกว่า 4 กิจกรรมสำคัญ ได้แก่...

1.) การประชุมนานาชาติว่าด้วยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีฮาลาล2021 (The International Halal Science and Technology Conference 2021)

2.) การประชุมนานาชาติฮาลาลว่าด้วยอุตสาหกรรมและธุรกิจครั้งที่ 14 (The 14th Halal Science, Industry and Business Virtual Conference)

3.) การประชุมว่าด้วยการรับรองและมาตรฐานฮาลาลนานาชาติ (The International Halal Standards and Certification Convention)

4.) งานนานาชาติไทยแลนด์ฮาลาลเอ็กซ์โป (Thailand International Halal Expo 2021 Virtual Expo)

“นับเป็นการขยายบทบาทของไทยในเวทีโลกครั้งสำคัญที่สุดครั้งหนึ่งโดยเฉพาะการแสดงถึงมาตรฐานฮาลาลไทยและการพัฒนาสินค้าเกษตรและอาหารฮาลาล”

สำหรับการประชุมของคณะกรรมการฯ ครั้งที่ 2/2564 เมื่อวันที่ 19 เม.ย. มีนายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะประธานคณะกรรมการส่งเสริมสินค้าและผลิตผลการเกษตรมาตรฐาน “ฮาลาล” ทำหน้าที่ประธานการประชุมโดยมีผู้เข้าร่วมประชุมอาทิ นายสมชวน รัตนมังคลานนท์ ผู้ตรวจราชการกระทรวง นายขจร เราประเสริฐ รองอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร ดร.ไพจิตร วิบูลย์ธนสาร รองประธานและเลขาธิการหอการค้าไทยในจีน นายสมศักดิ์ เมดาน รองเลขาธิการคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย รศ.ดร.ปกรณ์ ปรียากร ผู้อำนวยการสถาบันมาตรฐานฮาลาลแห่งประเทศไทย นายชยดิฐ หุตานุวัชร์ รศ.ดร.วินัย ดะห์ลัน ผู้อานวยการศูนย์วิทยาศาสตร์ฮาลาล จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นายพิริยพงศ์ แจ้งเจนเวทย์ผู้แทนสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์การมหาชน) นายอำนวย ศรีระแก้ว ผู้ช่วยเลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ ตัวแทนหน่วยงานราชการ เช่นกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงเกษตร กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงอุตสาหกรรม ภาคเอกชน ภาคประชาชนที่เกี่ยวข้อง โดยมีประเด็นสำคัญประกอบด้วย ความร่วมมือในด้านการพัฒนามาตรฐานคุณวุฒิวิชาชีพผู้ประกอบฮาลาล ผลการดำเนินงานส่งเสริมสินค้าและผลิตผลการเกษตรมาตรฐานฮาลาล ในปี พ.ศ.2563 และปี 2564

พร้อมรับทราบรายงานการดำเนินงานของ คณะอนุกรรมการจัดทำวิสัยทัศน์และนโยบายการส่งเสริมสินค้าและผลิตผล การเกษตรมาตรฐาน “ฮาลาล” คณะอนุกรรมการส่งเสริมการค้าสินค้าและผลิตผลการเกษตรมาตรฐาน “ฮาลาล”

คณะอนุกรรมการส่งเสริมการผลิตและการลงทุนเกี่ยวกับสินค้าและผลิตผล การเกษตรมาตรฐาน “ฮาลาล” และคณะอนุกรรมการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจเพื่อส่งเสริมการค้าและผลิตผลการเกษตร มาตรฐาน “ฮาลาล” ในพื้นที่ชายแดนใต้

รวมทั้งการรายงานผลการแก้ไขปัญหาเนื้อวัวปลอม ซึ่งได้ผลเป็นที่น่าพอใจ


สนับสนุนข่าวโดย : แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ THE STATES TIMES Blockdit

คลิก : https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32

“อนุชา” สั่งพศ. แจ้งพศจ. เร่งตรวจคณะสงฆ์ อ้างลัทธิใหม่ ทำเสื่อมเสีย ห้ามวัดปฎิเสธเผาร่างผู้ติดเชื้อ แนะ ให้ปฎิบัติตามมาตรการแพร่เชื้อ

นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการวิพากษ์วิจารณ์กรณีคณะสงฆ์บางกลุ่มมีพฤติกรรมไม่เหมาะสม ปฏิบัติผิดไปจากหลักธรรมคำสอนทางพระพุทธศาสนา กล่าวอ้างตั้งลัทธิใหม่ สร้างความแตกแยกและเป็นภัยต่อสังคม ว่า ได้สั่งการไปยังสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.)เร่งจัดประชุมหารือสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดทุกจังหวัด(พศจ.)ทั่วประเทศ เพื่อสร้างความเข้าใจ และดำเนินการสำรวจเชิงรุก กรณีของวัดหรือสำนักสงฆ์ที่มีการบิดเบือนและปฏิบัติผิดไปจากคำสอนทางพระพุทธศาสนา 

โดยอ้างตัวสร้างลัทธิความเชื่องมงาย ก่อให้เกิดความเข้าใจผิดและทำให้เกิดความแตกแยกขึ้นในสังคม รวมถึงกรณีที่พบว่ามีคณะสงฆ์เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับกิจกรรมทางการเมือง ซึ่งไม่ใช่กิจของสงฆ์ ให้กำชับปฏิบัติตามคำสั่งมหาเถรสมาคม (มส.)เรื่องห้ามพระภิกษุสงฆ์สามเณรเกี่ยวข้องกับการเมือง พ.ศ.2538 ที่ปัจจุบันยังปฏิบัติตามคำสั่งอย่างเคร่งครัด 

นอกจากนั้นให้พศจ.กำหนดแนวทางการจัดระบบป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 ตามมาตรการที่ภาครัฐกำหนด พร้อมขอความร่วมมือทุกวัดไม่ให้ปฏิเสธการฌาปนกิจศพผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพราะสามารถทำได้ แต่ต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จทันที ไม่ควรมีการตั้งศพไว้เป็นระยะเวลานาน เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส

รัฐบาลลุยออกมาตรการดูแลศก. - เยียวยา พ.ค.นี้

นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พลังงาน เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ได้เรียกหน่วยงานทางด้านเศรษฐกิจหารือด่วน ภายหลังการประชุมครม. ถึงแนวทางการออกมาตรการทางเศรษฐกิจ เพื่อรองรับผลกระทบจากผลกระทบของโควิด-19 ระลอกใหม่ ที่ทำเนียบรัฐบาล โดยมี นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง และนายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เข้าร่วมหารือ 

รองนายกฯ กล่าวภายหลังการประชุม ว่า รัฐบาลจะออกมาตรการทางด้านเศรษฐกิจ และช่วยเหลือประชาชนอกมา โดยล่าสุดกระทรวงการคลัง กำลังพิจารณาแนวทางอยู่ ทั้งมาตรการเดิม เช่น โครงการเราชนะ คนละครึ่ง ม33 เรารักกัน หรือมาตรการใหม่ คือ เราผูกพัน ที่จะช่วยเหลือข้าราชการ โดยรัฐบาลยืนยันว่ายังมีเงินเพียงพอมาทำมาตรการในครั้งนี้ 

เช่นเดียวกับมาตรการด้านท่องเที่ยว ซึ่งที่ประชุมได้หารือถึงการเปิดรับนักท่องเที่ยวที่ จ.ภูเก็ต ซึ่งจะดำเนินการตามแผนเดิม โดยเน้นการท่องเที่ยวจากประเทศระยะไกลเป็นหลัก ส่วนการระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่นี้จะส่งผลกระทบต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจของไทยหรือไม่ นายสุพัฒนพงษ์ ยอมรับว่า ขอประเมินสถานการณ์ในช่วงเดือนนี้ก่อน ถ้าหากสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ในสิ้นเดือนนี้ก็หาทางขับเคลื่อนเศรษฐกิจต่อไป

ครม. ยุบเลิกเงินทุนหมุนเวียนเพื่อพัฒนากฎหมาย ชี้ ให้ชำระบัญชี นำเงินคืนคลัง

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม. เห็นชอบ ให้ยุบเลิกเงินทุนหมุนเวียนเพื่อพัฒนากฎหมายของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และไม่ควรจัดตั้งกองทุนความปลอดภัยในการออกกำลังกาย นันทนาการ และกีฬา ของกรมพลศึกษา กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา (กก.) และกองทุนส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตแรงงานนอกระบบของสำนักงานปลัดกระทรวงแรงงาน กระทรวงแรงงาน และให้นำเงินคงเหลือส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดิน

เนื่องจากสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ได้รับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานเกี่ยวกับการพัฒนากฎหมายแล้ว  และไม่เห็นควรจัดตั้งกองทุนความปลอดภัยในการออกกำลังกาย นันทนาการ และกีฬา ของกรมพลศึกษา เนื่องจากเป็นงานซ้ำซ้อนกับภารกิจปกติของหน่วยงานและซ้ำซ้อนกับทุนหมุนเวียนอื่นในการสนับสนุนเงินเยียวยาค่ารักษาแก่ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ รวมทั้งผู้ให้บริการสถานที่ออกกำลังกายควรเป็นผู้ดูแลความปลอดภัยในการใช้สถานที่ รวมทั้งไม่เห็นควรจัดตั้งกองทุนส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตแรงงานนอกระบบ ของสำนักงานปลัดกระทรวงแรงงาน เนื่องจากเป็นภารกิจปกติของกระทรวงแรงงานและหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง

ทั้งนี้การขอจัดตั้งทุนหมุนเวียนต้องเป็นไปตามพ.ร.บ.การบริหารทุนหมุนเวียน พ.ศ. 2558  ที่บัญญัติให้ทุนหมุนเวียนที่หน่วยงานของรัฐขอจัดตั้งจะต้องไม่มีการดำเนินการในลักษณะเดียวกับภารกิจปกติของหน่วยงานรัฐและต้องไม่ซ้ำซ้อนกับหน้าที่ของหน่วยงานรัฐอื่น หรือทุนหมุนเวียนที่ดำเนินการอยู่แล้วด้วย

ครม.ไฟเขียว ให้บินไทย จัดเที่ยวบินขนส่งผู้แสวงบุญพิธีฮัจย์ชาวไทย

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม.เห็นชอบให้ บริษัท การบินไทย จำกัด(มหาชน)เป็นสายการบินแห่งชาติเฉพาะภารกิจขนส่งผู้แสวงบุญพิธีฮัจย์ชาวไทย เพื่อให้เป็นไปตามข้อกำหนดของอุดีอาระเบีย ที่กำหนดให้ต้องดำเนินการโดยสายการบินแห่งชาติของไทย โดยไม่อนุญาตให้สายการบินของประเทศอื่น เว้นแต่จะได้รับการอนุญาตจากกรมการบินพลเรือนของซาอุดีอาระเบีย ให้ดำเนินการโดยรูปแบบเที่ยวบินเช่าเหมาลำ แม้ปัจจุบันการบินไทย จะมีสถานภาพเป็นสายการบินของเอกชนเทียบเท่ากับสายการบินอื่น แต่บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน)แต่เป็นสายการบินเดียวที่รัฐเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ และเป็นสายการบินเดียวที่ปฏิบัติภารกิจขนส่งผู้แสวงบุญพิธีฮัจย์ชาวไทย

นายอนุชา กล่าวว่า ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 สำนักงานปลัดกระทรวงคมนาคม ได้รับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 รายการการจัดเที่ยวบินพิเศษเพื่อเดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์ จำนวน 46,477,000 บาท ไว้แล้ว สำหรับปีต่อไป กรมการปกครอง จะจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป ทั้งนี้กรมการปกครองได้เตรียมจัดทำโครงการสนับสนุนบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เพื่อจัดเที่ยวบินพิเศษขนส่งผู้เดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์ที่เดินทางไป - กลับ ณ ท่าอากาศยานนราธิวาส ประจำปี พ.ศ. 2565 โดยสนับสนุนงบประมาณ จำนวน 46.48 ล้านบาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานเพื่อขนส่งผู้เดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์ ในส่วนที่เพิ่มเติมจากราคาบัตรโดยสารให้บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ในการจัดเที่ยวบินพิเศษสำหรับผู้เดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ จากท่าอากาศยานนราธิวาสไปยังท่าอากาศยานซาอุดีอาระเบีย จำนวน 9 เที่ยวบิน เที่ยวบินละ 287 คน รวมทั้งสิ้น 2,583 คน ทั้งขาไปและขากลับ ระหว่างเดือนพ.ค. - ก.ย. 2565

ครม. เปิดตัว “โครงการสร้างรายได้ด้วยแฟรนไชส์ฝ่าโควิด-19” วงเงิน 68 ล้านบาท

นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม.อนุมัติโครงการสร้างรายได้ด้วยแฟรนไชส์ฝ่าโควิด-19 ตามที่ กระทรวงพาณิชย์ เสนอ วงเงิน 68 ล้านบาท ระยะเวลาดำเนินงาน 8 เดือน ตั้งแต่เดือนพ.ค.-ธ.ค.นี้ เพื่อช่วยเหลือและสร้างอาชีพแก่คนว่างงานและตกงาน กระตุ้นและฟื้นฟูธุรกิจแฟรนไชส์ และธุรกิจเอสเอ็มอี ขนาดเล็ก สร้างโอกาสทางการตลาดให้กับผลิตภัณฑ์และการขยายการลงทุนในธุรกิจให้กับแฟรนไชส์ เพิ่มช่องทางการหารายได้ สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจไทย ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การระบาดไวรัสโควิด-19 

โดยกิจกรรม ประกอบด้วย 1.จัดงานแฟรนไชส์สร้างอาชีพ Road Show 2021 ในภูมิภาค รวม 15 ครั้ง เดือนละ 2 จังหวัด มีเป้าหมาย 100 ธุรกิจ และประสานงานการเข้าถึงแหล่งเงินทุนระหว่างเจ้าของแฟรนไชส์ และสถาบันการเงินของรัฐและธนาคารพาณิชย์ที่มีสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ ให้แก่ผู้ที่ต้องการทำธุรกิจแฟรนไชส์ มีเงินลงทุนเพื่อประกอบอาชีพได้ง่ายขึ้น 

2.จัดงาน DBD Franchise & SME Expo 2021 ส่วนกลาง 1 ครั้ง เป้าหมาย 400 ธุรกิจ และประสานงานการเข้าถึงแหล่งเงินทุนระหว่างเจ้าของแฟรนไชส์ และสถาบันการเงินของรัฐและธนาคารพาณิชย์ที่มีสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำให้แก่ผู้ที่ต้องการทำธุรกิจ มีเงินลงทุนเพื่อประกอบอาชีพได้ง่ายขึ้น   ทั้งนี้คาดว่าธุรกิจแฟรนไชส์ 500 ราย จะได้นำเสนอธุรกิจเป็นทางเลือกในการสร้างรายได้แก่ผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 และผู้ว่างงาน ได้ร่วมกิจกรรมแฟรนไชส์สร้างอาชีพ จำนวน 1 หมื่นราย

"บิ๊กตู่" สั่ง ปรับโฉม มอบรมต.คุมพื้นที่ ยึด จว.ฐานเสียง

นางสาวไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่  85  /2564 เรื่อง มอบหมายให้รัฐมนตรีรับผิดชอบแนวคิดการขับเคลื่อนไทยไปด้วยกันระดับพื้นที่จังหวัด เพื่อให้การดำเนินการพัฒนาและแก้ไขปัญหาภายใต้แนวคิดการขับเคลื่อนไทยไปด้วยกันระดับ พื้นที่จังหวัด เป็นไปอย่างเหมาะสมและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ดังนี้

นายอนุชา นาคาศัย  รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ดูแลพื้นที่ จังหวัดชัยนาท สมุทรปราการ ลพบุรี , พลเอก ชัยชาญ ช้างมงคล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ดูแลพื้นที่จังหวัดนราธิวาส ปัตตานี ยะลา , นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ดูแลพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานี อุดรธานี ศรีสะเกษ , นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ดูแลพื้นที่จังหวัดเพชรบูรณ์ อุตรดิตถ์ พิจิตร

นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ดูแลพื้นที่ จังหวัดสุราษฎร์ธานี กระบี่  , นายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ดูแลพื้นที่จังหวัดอำนาจเจริญ ยโสธร พัทลุง , นายเอนก เหล่าธรรมทัศน์  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ดูแลพื้นที่จังหวัดกาฬสินธุ์ มหาสารคาม , นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตร และสหกรณ์ ดูแลพื้นที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร พังงา

ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ดูแลพื้นที่จังหวัดสงขลา นครศรีธรรมราช ภูเก็ต , นางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ดูแลพื้นที่จังหวัดอุทัยธานี และ เลย , นายประภัตร โพธสุธน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ดูแลพื้นที่จังหวัดอ่างทอง พระนครศรีอยุธยา

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ดูแลพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์ สุรินทร์ , นายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ดูแลพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา ขอนแก่น ชัยภูมิ , นายวีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ดูแลพื้นที่จังหวัดสกลนครมุกดาหาร , นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ดูแลพื้นที่จังหวัดสิงห์บุรี เพชรบุรี กาญจนบุรี
 
นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ดูแลพื้นที่จังหวัดสุพรรณบุรี และจังหวัดนครปฐม , นายสินิตย์ เลิศไกร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ดูแลพื้นที่จังหวัดหนองบัวลำภู ร้อยเอ็ด , พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ดูแลพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ลำพูน แม่ฮ่องสอน
 
นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ดูแลพื้นที่จังหวัดตรัง สตูล , นายทรงศักดิ์ ทองศรีรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ดูแลพื้นที่จังหวัดนครพนม หนองคาย บึงกาฬ , นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ดูแลพื้นที่จังหวัดสุโขทัย กำแพงเพชร ตาก , นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ดูแลพื้นที่จังหวัดนนทบุรี ปทุมธานี ระนอง

นางนฤมล ภิญโญสินวัตน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงแรงงาน ดูแลพื้นที่จังหวัดพะเยา เชียงราย น่าน , นายอิทธิพล คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ดูแลพื้นที่จังหวัดชลบุรี ลำปาง ฉะเชิงเทรา , นางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ดูแลพื้นที่จังหวัดสระแก้ว นครสวรรค์ พิษณุโลก , คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ดูแลพื้นที่จังหวัดสมุทรสาคร สมุทรสงคราม 

นางกนกวรรณ วิลาวัลย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ดูแลพื้นที่จังหวัดปราจีนบุรี นครนายก , นายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ดูแลพื้นที่จังหวัดระยอง จันทบุรี ตราด , นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ดูแลพื้นที่จังหวัดแพร่ สระบุรี ราชบุรี ทั้งนี้  ตั้งแต่วันที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2564 เป็นต้นไป

“บิ๊กตู่” แจงครม. เร่งฉีดวัคซีนให้ปชช.สั่งมท. - สธ.รายงานทุกวัน แนะปชช.พบติดเชื้อ ให้รักษาในรพ. เท่านั้น ห้ามกักตัวที่บ้าน! หาพบเชื้อ ย้ำ เตียง-ยา-เวชภัณฑ์ พร้อมรองรับ

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีแถลงผลประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)ว่าพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหมแจ้งให้ที่ประชุมครม.รับทราบถึงมติของศูนย์บริหารสถานการณ์การแพทยระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19 )หรือศบค.ที่เห็นชอบปรับระดับพื้นที่สถานการณ์ทั่วประเทศและมาตรการป้องกันควบคุมการแพร่ระบาดโควิด-19 หลังเทศกาลสงกรานต์เพื่อลดการแพร่เชื้อที่สัมพันธ์กับสถานบันเทิงการรวมกลุ่มสังสรรค์ต่างๆไม่ให้แพร่ระบาดไปในวงกว้างโดยประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนรับทราบมีผลตั้งแต่วันที่ 18 เม.ย.ไปจนถึงสิ้นเดือนเม.ย.นี้ และจะประเมินสถานการณ์อีกครั้ง การที่รัฐบาลหลีกเลี่ยงมาตรการล็อกดาวน์ เคอร์ฟิว เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบกับประชาชนมากเกินไป จึงขอความร่วมมือประชาชนปฏิบัติตามมาตรการที่กำหนดอย่างเคร่งครัดเพื่อให้การควบคุมแพร่ระบาดในรอบนี้เกิดผลสำเร็จ

นายอนุชา กล่าวว่า นายกฯได้เร่งการฉีดวัคซีนให้กับประชาชนหลังกระจายไปแล้วทั่วประเทศและสั่งการให้กระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุขรายงานความคืบหน้าให้ทราบทุกวัน และให้ทำความเข้าใจกับประชาชนเรื่องการตั้งโรงพยาบาลสนามในจุดต่างๆ การตรวจเชื้อ การคัดกรอง ที่สำคัญหากประชาชนที่ตรวจพบติดเชื้อให้รักษาที่โรงพยาบาลเท่านั้น ไม่สามารถกักตัวที่บ้านได้

การจัดหาวัคซีนทางเลือกนายกได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาเร่งดำเนินการนำเข้าวัคซีนเพิ่ม ขณะนี้มีวัคซีนที่เข้ามาแล้ว 2 ล้านโดส ในเดือนเม.ย.และพ.ค.คาดว่าจะมีวัคซีนของซิโนแวค เข้ามาเพิ่มเติม จากนั้นจะเป็นของแอสตราเซเนกา เข้ามาในช่วงเดือนมิ.ย.ประมาณ6-10 ล้านโดส ต่อเดือน จะทำให้การฉีดวัคซีนได้เร็วขึ้น โดยจะเปิดให้ประชาชนสามารถลงทะเบียนจองฉีดวัคซีนผ่านแอปพลิเคชันไลน์ หมอพร้อมตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค.เป็นต้นไป

สำหรับการจัดหาเวชภัณฑ์และเตียงผู้ป่วย ในกรุงเทพมหานครและทั่วประเทศ ขณะนี้มีรองรับทั้งสิ้นมากกว่า 2.8หมื่นเตียง ทั้งโรงพยาบาลรัฐ เอกชน เตียงในฮอสพิเทล และโรงพยาบาลสนาม และจะเพิ่มมากขึ้นให้เพียงพอกับจำนวนผู้ป่วย และมีเครื่องช่วยหายใจกว่า 1 กมื่นเครื่อง ที่พร้อมขยายตามสถานการณ์ ด้านอุปกรณ์ป้องกันตัวสำหรับบุคลากรทางการแพทย์ มีหน้ากากN95กว่า1.6ล้านชิ้น และสั่งซื้อสำรองต่อเนื่อง ส่วนหน้ากากอนามัยทางการแพทย์ มีมากกว่า 94ล้านชิ้น และเตรียมการชุดพีพีอี มากกว่า 5.4 แสนชิ้น นอกจากนั้นได้กระจายยาฟาวิพิราเวียร์เพื่อรักษาอาการติดเชื้อไปแล้วทั่วประเทศซึ่งมีพอเพียงและสั่งซื้อมาสต๊อกต่อเนื่องและจะนำเข้ามาไม่ต่ำกว่า 3.5 ล้านเม็ด ให้เพียงพอสำหรับผู้ป่วย ขณะที่ห้องปฏิบัติการตรวจเชื้อ มีมากกว่า 270 แห่ง กำลังการตรวจได้กว่า 8 หมื่นตัวอย่างต่อวัน

ทั้งนี้นายกฯห่วงบุคลากรทางการแพทย์ เจ้าหน้าที่ตำรวจทหาร พลเรือน ที่เป็นอาสาสมัคร เพราะเป็นผู้มีความเสี่ยงสูง ต้องสัมผัสกับผู้ติดเชื้ออยู่ตลอดเวลาจึงให้กำลังใจทุกคนในการทำหน้าที่ พร้อมขอให้ประชาชนเข้าใจว่าทำงานหนักให้ร่วมเป็นกำลังใจให้บุคคลเหล่านี้


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top