Sunday, 22 June 2025
Hard News Team

สหรัฐฯ ส่อไม่รอด 'ภาวะเศรษฐกิจถดถอย' แบบหนัก ด้าน 'ดอยช์แบงก์' ชี้!! ยิ่งคุมเงินเฟ้อ ยิ่งกระอัก

ดอยช์แบงก์' คาดการณ์ สงครามรัสเซีย-ยูเครน ผสมโรงจีนล็อกดาวน์กระตุ้นเงินเฟ้อ ส่อพา 'สหรัฐฯ' เข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย ที่อาจจะไม่เบาอย่างที่คิด

CNN รายงานการประเมินสถานการณ์เศรษฐกิจของทีมนักเศรษฐศาสตร์ประจำดอยช์แบงก์ (Deutsche Bank) ธนาคารพาณิชย์ชั้นนำสัญชาติเยอรมันที่อยู่ในตลาดหุ้นวอลล์สตรีท ว่าเศรษฐกิจของสหรัฐฯ เข้าสู่ภาวะถดถอยครั้งใหญ่

ธนาคารดอยต์เชอ หรือ ดอยช์แบงก์ (Deutsche Bank) เป็นธนาคารแรกที่พยากรณ์เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมานี้ว่า สหรัฐฯ จะเผชิญกับ ภาวะเศรษฐกิจถดถอย (recession) ระดับไม่รุนแรง แต่รายงานล่าสุดที่เผยแพร่กับลูกค้าเมื่อ 26 เม.ย. ระบุว่า “เราจะเจอกับภาวะถดถอยครั้งใหญ่”

การประเมินครั้งนี้มาจากการที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือ 'เฟด' ต้องการสยบภาวะเงินเฟ้อ ซึ่งอาจใกล้จุดพีกแล้ว แต่ต้องอาศัยเวลาอีกนานกว่าจะลดต่ำลง 2% ตามเป้าหมายของเฟด และความพยายามที่จะกดอัตราเงินเฟ้ออย่างหนักจะส่งผลลบต่อเศรษฐกิจ

“เราคาดว่า มีแนวโน้มสูงที่เฟดจะกดอัตราเงินเฟ้ออย่างหนักอีก ดังนั้นจึงต้องอาศัยภาวะถดถอยมาช่วยกดให้เงินเฟ้อลดต่ำลง นี่เป็นเหตุผลว่า ภาวะถดถอยที่กำลังจะมาถึงนี้ อาจเลวร้ายกว่าที่คาดไว้” ทีมนักเศรษฐศาสตร์ดอยช์แบงก์ ระบุ

>> เบื้องหลังตัวเลขเงินเฟ้อ-ว่างงาน
เมื่อเดือนมีนาคม ราคาอุปโภคบริโภคสูงขึ้นไปแล้วถึง 8.5% เป็นอัตราพุ่งสูงสุดในรอบ 40 ปี ส่วนตลาดแรงงานยังน่าเป็นห่วง โดยจากการประเมินของมูดีส์ อนาไลติกส์ คาดว่า อัตราคนว่างงานจะดิ่งต่ำที่สุดนับจากช่วงต้นของทศวรรษ 1950

การประเมินครั้งนี้ ดอยช์แบงก์ได้สร้างดัชนีที่วัดระยะความห่างระหว่างเงินเฟ้อกับคนว่างงานในช่วง 60 ปีมานี้ และดูว่าเฟดตั้งเป้าตัวเลขทั้งสองด้านอย่างไร?

จากการวิจัยสถานการณ์ล่าสุดนี้ พบว่าปัจจุบันเฟดอยู่เบื้องหลังการกำหนดตัวเลขดังกล่าวมากกว่าเมื่อช่วงต้นทศวรรษ 1980 ตอนที่เงินเฟ้อสูงมากจนบีบให้ธนาคารกลางต้องขึ้นดอกเบี้ยเป็นสถิติเพื่อจัดการคุมเศรษฐกิจ

ซึ่งประวัติศาสตร์แสดงให้เห็นว่า เฟดไม่เคยคุมเงินเฟ้อและอัตราการจ้างงานได้ โดยปราศจากการผลักให้เศรษฐกิจเข้าไปอยู่ในภาวะถดถอยอย่างเห็นได้ชัด

การบีบตลาดแรงงานจนแน่นเกินเพื่อจะให้อัตราว่างงานอยู่ที่ 2% ทำให้ต้องเลือกภาวะถดถอยรุนแรงมากกว่าที่จะเลือกแบบเบาบาง

อย่างไรก็ตาม ยังพอมีข่าวดีจากดอยช์แบงก์ ว่าเริ่มเห็นแนวโน้มที่เศรษฐกิจจะกระเตื้องกลับมาช่วงกลางปี 2024 (พ.ศ. 2566) เมื่อเฟดถอยจากการต่อสู้กับภาวะเงินเฟ้อ

เหลือ 2 วัน ธอส. ขายสลากออมเงินขาลเพิ่มพูน

ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า ธนาคารได้เปิดตัวสลากออมทรัพย์ ชุด “ขาลเพิ่มพูน” สลากชุดแรกของประเทศไทยที่ผู้ซื้อจะมีส่วนทำให้คนไทยมีบ้านโดยตรง หน่วยละ 1,000 บาท (แบ่งเป็น 2 หมวด ๆ ละ 10,000,000 หน่วย) ซึ่งธนาคารได้เปิดขายตั้งแต่วันจันทร์ที่ 25 เมษายน 2565 เวลา 9.49 น. ล่าสุด ในวันที่ 26 เมษายน 2565 เวลา 16.30 น. หรือเพียง 2 วัน หลังจากเริ่มจำหน่ายมีลูกค้าประชาชนซื้อสลากแล้วสูงถึง 1.154 ล้านหน่วย คิดเป็นวงเงินจำนวน 1,154 ล้านบาท

สำหรับสลากออมทรัพย์ ชุด “ขาลเพิ่มพูน” อายุสลาก 3 ปี ผลตอบแทนหน้าสลาก 0.3% ต่อปี ได้สิทธิ์ลุ้นรับเงินรางวัลมูลค่าสูงสุด 2 ล้านบาท ตลอด 36 งวด และมีโอกาสรับผลตอบแทนผันแปรอีก 0.70% ต่อปี รวมรับผลตอบแทน 1% ต่อปี (เงื่อนไขผลตอบแทนผันแปรเป็นไปตามที่ธนาคารกำหนดจากคุณภาพสินเชื่อที่ดีที่สุดของธนาคาร ที่นำเงินสลากออมทรัพย์ชุดขาลเพิ่มพูนไปปล่อยสินเชื่อ) 

'โทนี่' ชี้!! 10 ปีประเทศไทยติดกับเรื่องเล็กๆ ที่ชอบขยายวง ลั่น!! ‘บิ๊กตู่’ ไม่โง่!! 'แต่เลือกใช้คนโง่ - ไม่ค่อยฟังใคร'

(26 เม.ย. 65) เฟซบุ๊ก CARE • แคร์ คิด เคลื่อน ไทย ได้ไลฟ์สด การพูดคุยกับ โทนี่ วู้ดซัม หรือ อดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร ในหัวข้อ ซอฟต์พาวเวอร์ไทย : ฝันให้ไกล ไปให้ปัง!

โดยระหว่างการไลฟ์สด มีการตั้งคำถามถึงกระแสข่าวว่า มีการพบกันกับ พล.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ที่เดินทางไปตรวจสุขภาพที่ประเทศอังกฤษ ว่า...

“พอดีว่า Holoportation ยังไม่มีที่ดูไบ ถ้ามีจะส่ง Hologram ของผม ไปคุยกับท่านที่ลอนดอน เพราะท่านอยู่ลอนดอน แต่ผมอยู่ดูไบ”

จับตาพรรคเล็กนัดทานข้าววันนี้ “พีระวิทย์” เผย หารือแนวทางทำงานร่วมรัฐบาลโค้งสุดท้าย 

เมื่อวันที่ 27 เม.ย. นายพีระวิทย์ เรื่องลือดลภาค ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคไทรักธรรม เปิดเผยว่า วันนี้(27 เม.ย.) กลุ่ม ส.ส.จากพรรคเล็กได้มีการนัดรับประทานอาหารร่วมกัน เพื่อนำเอาปัญหาของแต่ละคนที่ได้ลงพื้นที่พบปะประชาชนพูดคุยกับประชาชนในช่วงปิดสมัยประชุมมาหารือกัน เพื่อรวบรวมและเตรียมยื่นเสนอต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เพื่อนำไปแก้ไขให้กับประชาชนต่อไป และจะมีการหารือติดตามความคืบหน้าเรื่องต่างๆ ที่นายกรัฐมนตรีเคยรับปากไว้เมื่อครั้งร่วมรับประทานอาหารเมื่อวันที่ 17 มี.ค.ที่ผ่านมา 

'นายกฯ' ชื่นชมการนำโมเดลเศรษฐกิจใหม่ BCG ต่อยอดโครงการ “OTOP Premium Go Inter” สร้างโอกาสสินค้าภูมิปัญญาท้องถิ่นไทยสู่ตลาดสากล เพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากที่มั่นคง 

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ติดตามและชื่นชมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ได้นำแนวคิดโมเดลเศรษฐกิจใหม่ BCG ไปต่อยอดการพัฒนาเพื่อเป็นแนวทางในการสร้างมูลค่าเพิ่มแก่ผลิตภัณฑ์ภูมิปัญญาท้องถิ่นจากผู้ประกอบการในชุมชนต่างๆ ได้อย่างเป็นรูปธรรมยิ่งขึ้น หวังเป็นการพัฒนายกระดับเศรษฐกิจฐานรากของไทยให้สามารถออกสู่ตลาดสากลได้อย่างมีประสิทธิภาพ 

โดยโครงการพัฒนาและส่งเสริมสินค้า OTOP สู่ตลาดสากล “โอทอปพรีเมียมโกอินเตอร์ (OTOP Premium Go Inter)” ซึ่งกระทรวงพาณิชย์ได้จัดทำเป็นไปตามแนวทางที่นายกฯ ให้ความสำคัญ รัฐบาลมีความยินดีที่โมเดลเศรษฐกิจใหม่ BCG ได้แก่ เศรษฐกิจชีวภาพ (Bio Economy) เศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) และเศรษฐกิจสีเขียว (Green Economy) เป็นแกนหลักในการดำเนินงานเพื่อสร้างความยั่งยืนในตลาดสากลภายใต้การใช้ประโยชน์จากโอกาส สิ่งของ หรือผลิตภัณฑ์ที่มีอยู่ในท้องถิ่น สู่การสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจอย่างมีประสิทธิภาพและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อตอบโจทย์ที่นานาประเทศกำลังให้ความสำคัญ ด้านการแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศ ส่งผลให้โลกเน้นการผลิตสินค้าที่เกิดคาร์บอนต่ำและไม่เกิดผลเสียต่อสิ่งแวดล้อม ส่วนนี้ถือเป็นโอกาสในการผลักดันสินค้าระดับท้องถิ่นไทยให้สามารถเป็นส่วนหนึ่งในตลาดนานาชาติได้เพิ่มมากยิ่งขึ้น
โดยรัฐบาลสนับสนุนการผลักดันให้สินค้าหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ หรือ OTOP (One Tambon One Product) มีส่วนในการขยายโอกาสแก่ผู้ประกอบการธุรกิจชุมชนที่สามารถสร้างผลิตภัณฑ์มีคุณภาพและมีศักยภาพสูงด้านการแข่งขันให้ง่ายต่อการเข้าถึงองค์ความรู้ใหม่ๆ เพื่อเป็นแนวทางในการพัฒนาตนเองและธุรกิจ เข้าถึงนวัตกรรมเทคโนโลยีเพื่ออำนวยความสะดวกหรือให้คุณประโยชน์ด้านการผลิตและการบริการ  อีกทั้งเพื่อแสวงหาแหล่งทุนและตลาดการค้า ต่อยอดผลิตภัณฑ์ภูมิปัญญาชุมชนให้เป็นที่รู้จักและเกิดการบริโภค เป็นที่นิยมอย่างกว้างขวางยิ่งขึ้น 
 

"นายกฯ" ยินดีส่งออก-ลงทุนไทยขยายตัว ก.พาณิชย์ มุ่งเป้าดัน  Soft Power 4 หมวดหลัก "อาหาร ดิจิทัลคอนเทนต์ สุขภาพความงาม และสินค้าอัตลักษณ์ไทย" สู่ตลาดต่างประเทศ พร้อมผลักดันการค้าชายแดน

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมพอใจตัวเลขการส่งออกของประเทศไทย ซึ่งเป็นผลมาจากการนำนโยบายของรัฐบาล ไปขับเคลื่อนให้เกิดผลเป็นรูปธรรม โดยปัจจัยสำคัญ ที่ช่วยสนับสนุนตัวเลขการส่งออกเพิ่มขึ้นคือ การส่งเสริมและผลักดัน Soft Power ของรัฐบาล โดยกระทรวงพาณิชย์ ได้เร่งรัดการส่งออกสินค้าใน 4 หมวดสำคัญ ได้แก่ อาหาร ดิจิทัลคอนเทนต์ สุขภาพความงาม และสินค้าอัตลักษณ์ไทย การจัดทำมาตรการเชิงรุกผลักดันการส่งออกผลไม้ การผลักดันการค้าชายแดน ซึ่งมีคู่ค้าสำคัญ ได้แก่ สหรัฐฯ ยุโรป เกาหลีใต้ ออสเตรเลีย และอาเซียน ที่มีแนวโน้มจะซื้อสินค้าจากไทยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

นายธนกรฯ กล่าวว่า ตัวเลขการส่งออกในเดือน มี.ค.2565 มีมูลค่า 28,859.6 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 19.5% ขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 13 คิดเป็นเงินบาท  มีมูลค่า 922,313 ล้านบาท ถือเป็นมูลค่าการส่งออกสูงที่สุดในรอบ 30 ปี นับตั้งแต่มีการบันทึกสถิติการส่งออกตั้งแต่ปี 2534 การนำเข้ามีมูลค่า 27,400.6 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 18% คิดเป็นเงินบาท มูลค่า 887,353.2 ล้านบาท เกินดุลการค้า 1,459.1 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นเงินบาทมูลค่า 34,960.1 ล้านบาท

สำหรับตลาดและการลงทุนในประเทศ เดือนมี.ค.2565 คณะกรรมการการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว ได้อนุญาตให้คนต่างชาติเข้ามาลงทุนประกอบธุรกิจในประเทศไทย จำนวน 53 ราย โดยเป็นการลงทุนผ่านช่องทางการขอรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว และการขอหนังสือรับรองการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว แบ่งเป็นใบอนุญาตประกอบธุรกิจ จำนวน 17 ราย และหนังสือรับรองประกอบธุรกิจ จำนวน 36 ราย มีเม็ดเงินลงทุนทั้งสิ้น 10,838 ล้านบาท ส่วนการลงทุนในพื้นที่ EEC ของนักลงทุนต่างชาติ เดือนมี.ค.2565 พบว่า มีการลงทุนในพื้นที่ EEC จำนวน 10 ราย คิดเป็น 19% ของจำนวนนักลงทุนทั้งหมด ลงทุนที่กรุงเทพฯ 29 ราย คิดเป็น 55% และที่อื่น ๆ 14 ราย คิดเป็น 26% มีเงินลงทุน 6,323 ล้านบาท คิดเป็น 58% ของเงินลงทุนทั้งหมด โดยประเทศที่ลงทุนสูงสุด จีน 3 ราย ลงทุน 3,189 ล้านบาท ญี่ปุ่น 2 ราย ลงทุน 630 ล้านบาท และสหรัฐฯ 1 ราย ลงทุน 637 ล้านบาท ที่เหลือเป็นประเทศอื่น ๆ 

เส้นเลือดใหญ่แห่งมหานคร ‘แม่น้ำเจ้าพระยา’ อดีตคลองจากฝีมือคน สู่ แม่น้ำสายหลัก ของชาวกรุง

แม่น้ำเจ้าพระยาสายใหม่
เป็นคลองมนุษย์ขุดขึ้นในสมัยพระไชยราชาธิราช ยุคกรุงศรีอยุธยา
ต่อมา กลายเเป็นแม่น้ำใหญ่
เป็นที่ตั้งของสองราชธานี 
กรุงธนบุรีศรีมหาสมุทร
และกรุงเทพมหานคร
หรือแม่น้ำเจ้าพระยา ช่วงศิริราช พื้นที่กองทัพเรือ และวัดอรุณนั่นเอง


ที่มา : https://www.facebook.com/532544466865594/photos/a.532552690198105/4347486248704711/


👍 มาหลงกรุงไปด้วยกันได้ที่ : https://thestatestimes.com/tag/หลงกรุง

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ประชุมบริหาร ตร. ครั้งที่ 4/2565 โดยจัดพิธีมอบโล่ประกาศเกียรติคุณให้แก่หน่วยงานที่มีผลการปฏิบัติงานดีเด่นด้านการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2565

(26 เม.. 65) พล...สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นประธานการประชุมบริหาร ตร. ครั้งที่ 4/2565 ผ่านระบบวิดีโอทางไกล (Video Conference) ณ ห้องศรียานนท์ ชั้น 2 อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยมีผู้บังคับบัญชาระดับสูงของสำนักงานตำรวจแห่งชาติเข้าร่วมการประชุมฯ

ทั้งนี้ ก่อนเริ่มการประชุมฯ ได้กำหนดให้มีการจัดพิธีมอบโล่ประกาศเกียรติคุณแก่หน่วยงาน ที่มีผลการปฏิบัติงานดีเด่น ในการดำเนินการตามมาตรการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ พ.. 2565 ได้แก่...

ระดับกองบัญชาการ/ตำรวจภูธรภาค ได้แก่...

อันดับที่ 1 ตำรวจภูธรภาค 3

อันดับที่ 2 ตำรวจภูธรภาค 4

อันดับที่ 3 ตำรวจภูธร ภาค 9

ระดับกองบังคับการ/ตำรวจภูธรจังหวัด ได้แก่

อันดับที่ 1 ตำรวจภูธรจังหวัดนครพนม

อันดับที่ 2 ตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์

อันดับที่ 3 ตำรวจภูธรจังหวัดระนอง

‘สกลธี’ เล็งติดสัญญาณเตือนทางม้าลายทั่วกรุง สานต่อกำจัดซากรถเก่ากีดขวางการสัญจร

‘สกลธี’ เล็งติดสัญญาณเตือนทางม้าลายทั่วกรุง เพิ่มความปลอดภัยคนเมือง พร้อมสานต่อกำจัดซากรถเก่ากีดขวางการสัญจร

เมื่อวันที่ 26 เมษายน นายสกลธี ภัททิยกุล ผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร หมายเลข 3 กล่าวระหว่างลงพื้นที่หาเสียงที่เขตบางคอแหลม เขตยานนาวา ว่าวันนี้ตนยังคงลงพื้นที่หาเสียงต่อเนื่องในหลายๆ เขตของกรุงเทพมหานคร (กทม.) ซึ่งนอกจากจะมาแนะนำตัวให้กับพี่น้องประชาชนแล้ว ยังต้องการสำรวจปัญหาต่างๆ พบว่าประชาชนส่วนใหญ่ ยังคงร้องเรียนเรื่องการจราจร ทั้งเรื่องของความหนาแน่นแออัด การจราจรติดขัด และยังขอให้ดูแลเรื่องความปลอดภัย เช่น เรื่องทางม้าลาย ที่ประชาชนยังไม่มั่นใจในความปลอดภัย ที่จะต้องเดินข้ามทางม้าลายใน กทม. แตกต่างกับเมืองใหญ่ในต่างประเทศที่รถยนต์จะหยุดทันทีเมื่อเห็นคนข้ามทางม้าลาย

นายสกลธีกล่าวว่า ทั้งนี้ เรื่องการขับรถคงต้องสร้างจิตสำนึกให้กับผู้ขับขี่ อาจจะต้องใช้เวลา แต่ในส่วนของกรุงเทพฯ ตนคิดว่าสิ่งสำคัญคือการจัดทำทางม้าลายให้ปลอดภัยที่สุด เพื่อสร้างความมั่นใจให้คนข้ามถนน และเป็นจุดสังเกตที่คนขับขี่จะต้องจอดรถ และรูปแบบควรจะทำให้เหมือนกันในทุกพื้นที่ เพื่อให้ผู้ขับขี่เข้าใจได้ว่าเมื่อมาถึงพื้นที่ใกล้เขตทางม้าลาย จำเป็นที่จะต้องชะลอรถหรือหยุดเพื่อความปลอดภัยไม่มีการขับแซง หรือเร่งความเร็ว

‘วิโรจน์’ บุก!! ‘จตุจักร-บางเขน’ เจาะชุมชน-ตลาดสด งัด 12 ข้อ มัดใจประชาชนเลือกคนนโยบายชัดเจน

‘วิโรจน์ ลักขณาอดิศร’ ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. เบอร์ 1 พรรคก้าวไกล พร้อมผู้สมัคร ส.ก.เขตจตุจักร ‘มาร์ท-อภิวัฒน์ ด่านศรีชาญชัย’ เบอร์ 4 เดินหน้าแนะนำตัวหาเสียงกับพี่น้องประชาชนบริเวณตลาดบางเขนและพื้นที่ใกล้เคียง ระหว่างการลงพื้นที่ ทั้งคู่ได้รับเสียงตอบรับจากพี่น้องประชาชนอย่างคึกคัก สะท้อนความต้องการอยากเลือกตั้งผู้ว่าฯ ครั้งแรกในรอบ 9 ปีของคน กทม. ด้านวิโรจน์มั่นใจว่า คนส่วนใหญ่ในเขตจตุจักร รู้จักมาร์ทในฐานะคนทำงานหนักเพื่อพี่น้องประชาชนเป็นอย่างดี โดยเฉพาะช่วงการระบาดของโควิด มาร์ททำงานอย่างหนักช่วยเหลือคนจตุจักรอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งนี่จะเป็นจุดแข็งสำคัญที่ทำให้ผู้สมัคร ส.ก. เขตนี้จะสามารถคว้าชัยชนะในพื้นที่นี้ได้

นอกจากนี้ วิโรจน์ให้ความเห็นกับผู้สื่อข่าวว่า เขตจตุจักรเป็นพื้นที่ที่มีความเหลื่อมล้ำสูงอีกเขต เนื่องจากมีคนหลากหลายอาชีพ ประชากรมีรายได้หลายระดับ จึงจำเป็นต้องกระตุ้นเศรษฐกิจและอุดหนุนสวัสดิการคนเมือง วิโรจน์ให้ความเห็นเพิ่มเกี่ยวกับเขตจตุจักรว่า ตนกังวลเรื่องการเข้าถึงสาธารณสุขและการจัดการขยะในพื้นที่เขต เพราะช่วงโควิดที่ผ่านมา คนจตุจักรจำนวนไม่น้อยเข้าไม่ถึงระบบสาธารณสุข ทำให้ตนต้องออกนโยบายด้านสาธารณสุขขึ้นมาปิดช่องโหว่ปัญหานี้ ซึ่งก็คือนโยบาย "วัคซีนฟรีจากภาษีประชาชน" ที่เน้นการให้บริการฟรี วัคซีนปอดอักเสบ ไข้หวัดใหญ่ ไข้เลือดออก และพร้อมเปลี่ยนศูนย์สาธารณสุข กทม. เป็นศูนย์ฟรีวัคซีน 

ส่วนปัญหาเรื่องการเก็บขยะของพื้นที่ก็เป็นอีกข้อจำกัดหนึ่ง เขตจตุจักรมีตลาดสดจำนวนมาก การจัดการขยะอย่างสม่ำเสมอและการจัดการอย่างมีประสิทธิภาพจึงเป็นเรื่องเร่งด่วนที่ต้องผลักดัน ซึ่งที่แล้วมาตนพูดถึงแนวทางการเก็บขยะที่เหลื่อมล้ำกัน สองมาตรฐาน ระหว่างประชาชนและทุนใหญ่ ทุนห้างสรรพสินค้าเสมอ รถขยะ กทม. เก็บขยะห้างวันละสองครั้งทุกวันไม่หยุด แต่กลับเก็บขยะหน้าบ้านประชาชนล่าช้า ซึ่งตนเห็นว่า กทม. ต้องทำงานรับใช้ประชาชนมากกว่าการรับใช้นายทุนห้างสรรพสินค้า 

ต่อเนื่องจากพื้นที่เขตจตุจักร วิโรจน์ เดินทางถึงชุมชนตึกแดง เขตบางซื่อ ด้วยรถมอเตอร์ไซค์รับจ้าง (มอเตอร์ไซค์วิน) เพื่อเป็นสัญลักษณ์ของการกระจายรายได้และสนับสนุนประชาชนคนตัวเล็กในพื้นที่ จากนั้นร่วมเดินพบปะประชาชนกับ เนอส ภัทราภรณ์ เก่งรุ่งเรืองชัย ผู้สมัคร ส.ก. เขตบางซื่อ เบอร์ 3 เดินหาเสียงพร้อมสื่อสารนโยบายสวัสดิการคนเมือง ระหว่างการหาเสียงมีผู้สูงอายุจำนวนมากให้ความสนใจนโยบายสวัสดิการคนเมือง ที่จะช่วยเติมเงินสวัสดิการให้ผู้สูงอายุเพิ่มอีกคนละ 400 บาท เป็น 1,000 บาท โดยใช้งบกลางของกทม. รวมถึงรายได้จากการจัดเก็บภาษีที่ดิน


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top