Thursday, 26 June 2025
Hard News Team

'กระทรวงเกษตรฯ' จับมือสถาบันอาหาร กระทรวงอุตสาหกรรมขับเคลื่อนเกษตรมูลค่าสูง

'กระทรวงเกษตรฯ' จับมือสถาบันอาหาร กระทรวงอุตสาหกรรมขับเคลื่อนเกษตรมูลค่าสูง ตั้งเป้าขึ้นแท่นประเทศผู้ส่งออกอาหารท็อปเทนของโลกตอบโจทย์ความมั่นคงด้านอาหารและเพิ่มรายได้เกษตรกรอย่างยั่งยืน

นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และคณะได้ร่วมประชุมหารือความร่วมมือระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์กับสถาบันอาหาร ณ ห้องประชุม 1 อาคาร A สถาบันอาหาร ในวันนี้ (15 มิ.ย.) โดยมี นางอรรชกา สีบุญเรือง ประธานกรรมการสถาบันอาหาร นางอนงค์ ไพจิตรประภาภรณ์ ผู้อำนวยการสถาบันอาหาร นางนิตยา พิระภัทรุ่งสุริยา รองผู้อำนวยการสถาบันอาหาร นางสาวรพีพร สุทาธรรม ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและกลยุทธ์ นายพงศ์ไท ไทโยธิน ผู้อำนวยการสำนักวิจัยเศรษฐกิจการเกษตร สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.)พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้อง ร่วมด้วย โดยมีประเด็นหารือ ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่สำคัญดังนี้...

(1) โครงการอาหารแห่งอนาคต (Future Food) โดยพัฒนาต่อยอดโครงการโปรตีนทางเลือกใหม่ (Alternative proteins) จากพืชและแมลงเช่นถั่วเขียว เห็ด สาหร่าย ผำ และแมลง 
(2)โครงการส่งเสริม Start Up เกษตร และ SMEs เกษตรเป็นโครงการความร่วมมือระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ร่วมกับสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย 
(3) โครงการมหานครผลไม้และการพัฒนาอุตสาหกรรมผลไม้ 
(4) โครงการ Eastern Thailand Food Valley 
(5) โครงการพัฒนาสินค้าประมงขององค์กรชุมชนประมงท้องถิ่น 
(6)การพัฒนาสินค้าฮาลาล ซึ่งมีตลาดกว่า 2 พันล้านคน เป็นต้น

โดยการหารือความร่วมมือระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์กับสถาบันอาหาร ครั้งนี้เพื่อเป็นการขยายความร่วมมือในการพัฒนาสินค้าเกษตรอาหาร สู่เกษตรมูลค่าสูง โดยเน้นการนำองค์ความรู้ และงานวิจัยในส่วนต่างๆที่มี มาใช้ในการแปรรูป การวิจัยตลาด การออกแบบผลิตภัณฑ์ การพัฒนาผลิตภัณฑ์และการสร้างแบรนด์สินค้าเกษตรอาหารให้สอดรับกับความต้องการของกลุ่มลูกค้าทั้งในและต่างประเทศ

'ก้าวไกล' แถลงขอบคุณมติประวัติศาสตร์ หลังสภารับหลักการ 'สมรสเท่าเทียม'

หลังสภาเสียงข้างมากมติรับหลักการร่างกฎหมายสมรสเท่าเทียม พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ,ธัญวัจน์ กมลวงศ์วัฒน์ และ ณธีภัสร์ กุลเศรษฐสิทธิ์ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ สัดส่วนผู้มีความหลากหลายทางเพศ พร้อมด้วย ธัญญ์วาริน สุขะพิสิษฐ์ ในฐานะผู้ร่วมร่างและผลักดันกฎหมายสมรสเท่าเทียมและอดีต ส.ส.ของพรรค รวมถึงเพื่อน ส.ส.พรรคก้าวไกล ร่วมกันแถลงขอบคุณทุกฝ่ายที่ร่วมกันผ่านมติประวัติศาสตร์ในครั้งนี้

พิธา กล่าวว่า การลงมติในครั้งนี้ไม่ใช่แค่การตีความกฎหมายตามตัวอักษร แต่เป็นการส่งสัญญาณต่อประชาชนและโลกว่าประเทศไทยให้คุณค่ากับสิ่งใด ชัยชนะครั้งนี้ไม่ใช่ของใคร ไม่ใช่ของพรรคก้าวไกล รัฐบาลหรือฝ่ายค้าน แต่เป็นชัยชนะของประชาชน

ด้าน ธัญวัจน์ กล่าวขอบคุณทุกเสียงที่ทำหน้าที่ในฐานะผู้แทนราษฎร นึกย้อนกลับไปตั่งแต่วันแรกที่ยื่นกฎหมายเข้าสภา วันนั้น #สมรสเท่าเทียม ได้ขึ้นเทรนด์อันดับหนึ่งทันที 

'ศุภชัย' ติงบางสื่อบิดเบือนร่าง พ.ร.บ.กัญชาฯ ย้ำปลูกที่บ้านใช้ในครัวเรือน จดแจ้งฟรีไร้ค่าใช้จ่าย

นายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย และประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) กัญชา กัญชง พ.ศ. ... สภาผู้แทนราษฎร โพสต์เฟซบุ๊กถึงกรณีที่มีสื่อแห่งหนึ่งใช้ข้อความบิดเบือนการจดแจ้งการปลูกกัญชา ว่า ...

เป็นสื่อ อย่าบิดเบือน 

มีประชาชนส่งคำถามว่า สรุปแล้วประชาชน ถ้าจะปลูกกัญชาต้องเสียค่าใบอนุญาตอย่างนั้นหรือ ผมได้ฟังคำถามก็ตกใจ เลยถามกลับว่า ท่านไปเอาข้อมูลมาจากไหน ปรากฏว่า ชาวบ้านได้ส่งลิ้งค์รายการหนึ่งมา ผมไปนั่งดู บางช่วงบางตอนผมถึงกับร้อง “เฮ่ย” เพราะการนำเสนอนั้น มันเป็นไปลักษณะของ “ถูกครึ่ง ผิดครึ่ง” 

แต่ที่แน่นอนคือมันทำให้สังคมเข้าใจผิดในร่างพระราชบัญญัติกัญชา กัญชง ไปจนถึงนโยบายของพรรคภูมิใจไทย ในรายการ มีความพยายามสื่อสารว่า เราวางเงื่อนไข จนประชาชนเข้าไม่ถึงการปลูก เพราะกฎหมาย กำหนดค่าใบอนุญาตสูงถึง 5 หมื่นบาท ฟังมุมไหน ก็เหมือนว่า นโยบายกัญชา มีล็อกมากมาย ประชาชนไม่มีทางเข้าถึง ผมฟังแล้วก็ต้องร้อง “อุบ๊ะ” แล้วต้องออมาชี้แจง ว่า “มันไม่ใช่”

เรื่องการปลูกการใช้ ใน พ.ร.บ.ระบุไว้อย่างชัดเจนเป็น 2 ประเด็น คือ การใช้ในครัวเรือน และการใช้ในเชิงอุตสาหกรรม ซึ่งเรื่องนี้ ผม และพรรคภูมิใจไทย อธิบายกันไว้หลายทีแล้ว แล้วท่าน เป็นถึงสื่อมวลชน มีหรือที่ท่านจะไม่รู้ ไม่ทราบ แต่ถ้าท่าน จะนำเสนอทั้งที่ท่านรู้ไม่จริง ผมก็ต้องออกมาอธิบาย ย้ำ กันให้เข้าใจอีกรอบ นี่ผมนั่งเปิดไฟล์ร่าง พ.ร.บ.กัญชา กัญชง ของพรรคภูมิใจไทย ย้ำนะครับ กฎหมายฉบับนี้ แบ่งการใช้กัญชา เป็น 

TOPIC13 : 'รัสเซีย' ช่วยส่งน้ำมัน 'จีน' ช่วยส่งเวชภัณฑ์-ข้าว-ดูแลหนี้ น้ำใจที่ ‘ศรีลังกา’ ไม่เคยได้จากการคบตะวันตกกว่า 100 ปี

'รัสเซีย' ช่วยส่งน้ำมัน 'จีน' ช่วยส่งเวชภัณฑ์-ข้าว-ดูแลหนี้ น้ำใจที่ ‘ศรีลังกา’ ไม่เคยได้จากการคบตะวันตกกว่า 100 ปี

Click on Clear Original 
โดย ปริม THE STATES TIMES (กุญชนิตา กุญชร ณ อยุธยา) 

‘บิล เกตส์’ จวก!! ‘คริปโตฯ-NFT’ ทฤษฎีหลอกคนที่โง่กว่าให้ซื้อต่อ

ล่าสุดมหาเศรษฐี บิล เกตส์ (Bill Gates) ได้ออกมาโจมตีตลาด Cryptocurrencies อีกครั้ง โดยเฉพาะ NFT ซึ่งเขากล่าวว่าทั้งหมดนี้เป็นการหลอกลวงบนพื้นฐานของ ‘Greater Fool Theory’ หรือ ทฤษฎีคนโง่กว่า!! กล่าวง่าย ๆ คือ Bill Gates หมายความว่า Crypto เป็นการซื้อของไปขายคนต่อในราคาที่แพงขึ้น เพียงเพราะว่าเขาโง่ยอมซื้อต่อคุณนั่นเอง งานนี้บอกเลยว่าวิจารณ์กันแรงมาก !! 

บิล เกตส์ มหาเศรษฐีผู้ก่อตั้งบริษัทไมโครซอฟท์ กล่าวอีกว่า เขาไม่สนใจที่จะซื้อหรือขายสินทรัพย์ดิจิทัล พร้อมกับกล่าวโจมตี Crypto และ NFT (Non-Fungible Tokens) ว่า เป็นสิ่งหลอกลวงบนทฤษฎีที่โง่เขลา

เกตส์ เป็นหนึ่งในบุคคลผู้มีชื่อเสียงที่ต่อต้าCrypto มาโดยตลอด โดยเมื่อวันจันทร์ (13 มิ.ย.) ราคา Bitcoin ทรุดตัวลงกว่าร้อยละ 15 จากนั้นในวันอังคาร (14 มิ.ย.) ราคาก็ลดลงไปอีกร้อยละ 5.4 เมื่อนักลงทุนพากันเทขาย Crypto เนื่องมาจากตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯ ที่สูงเกินคาด นอกจากนี้ บริษัทเซลเซียส เน็ตเวิร์กส์ (Celsius Networks) ซึ่งเป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มปล่อยกู้ Crypto ใหญ่ที่สุดในโลก ก็ได้ระงับการถอน Crypto ส่งผลให้คอลเล็กชันต่าง ๆ ของ NFT ทรุดตัวลงอย่างหนัก

ช้างอินเดีย ‘ไล่กระทืบ’ หญิงชราดับ ก่อนตามไป ‘เหยียบซ้ำ’ ถึงงานศพ

เกิดเหตุช้างโมโหร้ายไล่กระทืบหญิงอินเดียคนหนึ่งจนเสียชีวิต แถมมันยังตามไป ‘เหยียบ’ ร่างของเธอซ้ำถึงในงานศพ ทำเอาญาติ ๆ ต้องวิ่งแตกตื่นหนีตาย

หนังสือพิมพ์ไทม์สออฟอินเดียรายงานเหตุหญิงเคราะห์ร้ายที่ชื่อ มายา มูร์มู (Maya Murmu) วัย 68 ปี ถูกช้างป่าทำร้ายที่รัฐโอริสสา เมื่อวันที่ (9 มิ.ย.) ที่ผ่านมา โดยวันนั้นเธอกำลังเดินไปตักน้ำ และบังเอิญพบกับฝูงช้างป่าที่หลงทางออกมาจากเขตอนุรักษ์พันธุ์สัตว์ป่าดัลมา (Dalma Wildlife Sanctuary)

มูร์มู พยายามวิ่งหนี แต่กลับถูกช้างตัวหนึ่งวิ่งเข้าชาร์จและใช้เท้าเหยียบจนเธอบาดเจ็บสาหัส ก่อนจะไปเสียชีวิตที่โรงพยาบาล

เย็นวันเดียวกัน ญาติ ๆ ได้นำร่างของหญิงชรากลับมาที่บ้านเพื่อเตรียมจัดงานศพ แต่ปรากฏว่าเจ้าช้างมฤตยูยังไม่สาแก่ใจ และตามมา “แก้แค้น” ผู้ที่เข้าไปรบกวนมัน

เว็บไซต์ The Print รายงานว่า ช้างตัวนี้ได้บุกเข้าไปที่งานศพ จากนั้นก็ลากร่างของ มูร์มู ลงจากเชิงตะกอนมากระทืบซ้ำ แล้วโยนร่างที่แหลกเหลวทิ้ง ก่อนจะวิ่งหนีกลับเข้าป่าไป

ฝ่ายค้าน’ เปิด ‘ญัตติซักฟอก’11รมต. ฉะแรง!! บริหารพลาดดึงชาติตกต่ำ

(15 มิ.ย.65) ที่รัฐสภา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคฝ่ายค้าน นำโดย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร พร้อมแกนนำพรรคร่วมฝ่ายค้าน ยื่นญัตติญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจคณะรัฐมนตรี (ครม.) เป็นรายบุคคล ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 151 ประกอบด้วย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และรัฐมนตรีอื่นอีกรวม 11 ราย ตามยุทธการ ‘เด็ดหัว สอยนั่งร้าน’ โดยระบุข้อกล่าวหาในญัตติฯ ว่า รัฐบาลมีความผิดพลาดล้มเหลวการบริหารราชการแผ่นดิน จงใจฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญและมาตรฐานจริยธรรม ส่อทุจริตเอื้อประโยชน์ ไม่ปฏิบัติตามนโยบายที่แถลงไว้ต่อรัฐสภาหรือเรื่องที่ฝ่ายค้านเคยอภิปรายทักท้วงไว้ การละเมิดสิทธิมนุษยชน และทำลายระบอบประชาธิปไตย มีรายละเอียดญัตติ ดังนี้…

ข้าพเจ้าสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรผู้มีรายนามท้ายญัตตินี้ ซึ่งมีจำนวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในห้าของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎร ขอเสนอญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ตามมาตรา 151 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 ตามรายนาม ดังต่อไปนี้…

1.พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
2.นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์
3.นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข
4.พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี
5.พลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
6.นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม
7.นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
8.นายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
9.นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง
10.นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย
11.นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน

โดยมีพฤติการณ์และเรื่องที่จะอภิปราย ดังนี้...

>> พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
ตลอดระยะเวลาร่วมแปดปีที่บริหารประเทศมาในฐานะนายกรัฐมนตรี ผิดพลาดล้มเหลว ไม่สามารถแก้ปัญหาต่าง ๆ ให้กับประเทศ ไม่สามารถสร้างความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจและความอยู่ดีกินดีให้กับประชาชนได้เลย ในทางตรงกันข้ามกลับกลายเป็นต้นตอที่ทำให้ปัญหาที่มีอยู่มีความซับซ้อน ขยายวงกว้างและรุนแรงยิ่งขึ้นทั้งปัญหาด้านเศรษฐกิจ การเมือง อาชญากรรม ยาเสพติด การทุจริตคอรัปชั่น ประชาชนในชาติแตกแยกแบ่งฝักแบ่งฝ่ายขยายวงกว้างขึ้นมากกว่าเดิม โดยเฉพาะปัญหาการทุจริตคอรัปชั่นในยุคของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นับว่ามีสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยแพร่กระจาย ไปทุกอณูของสังคม เป็นยุคที่ทุจริตเฟื่องฟู ความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจรั้งท้ายของอาเซียน

ทั้งนี้ เป็นผลมาจากการที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ ไร้ภูมิปัญญา ไร้องค์ความรู้ ไร้ความสามารถ ไร้ประสิทธิภาพ ไร้จิตสำนึกรับผิดชอบ ขาดภาวะความเป็นผู้นำที่จะเป็นหัวหน้ารัฐบาล เป็นผู้นำที่พิการทางความคิด ยึดติดแต่อำนาจ ไม่เคารพหลักนิติรัฐนิติธรรม ไร้คุณธรรมจริยธรรม ทำให้การบริหารราชการแผ่นดินล้มเหลว ผิดพลาด บกพร่องเสียหายอย่างร้ายแรงทุกด้าน ทั้งด้านการเมือง เศรษฐกิจและสังคม มีพฤติกรรมปล่อยปละละเลยให้บุคคลแวดล้อมและพวกพ้องของตนแสวงหาผลประโยชน์บนความทุกข์ยากของพี่น้องประชาชน ไม่ปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญและกฎหมาย โดยละเว้นเพิกเฉยต่อการทุจริตในภาครัฐเพื่อเอื้อประโยชน์ให้แก่ตนเองและพวกพ้อง การใช้จ่ายงบประมาณมิได้คำนึงถึงวินัยการเงินการคลัง มุ่งแต่ก่อหนี้เพื่อแสวงหาคะแนนนิยมทางการเมือง โดยไม่สนใจต่อภาระหนี้สาธารณะและหนี้สินต่อหัวของประชาชน จนเรียกได้ว่า “เป็นยุคก่อหนี้มหาศาลเพื่อนำมาผลาญโดยไม่ก่อให้เกิดประโยชน์กับประเทศและประชาชน”

ไม่ปฏิบัติตามนโยบายที่ได้แถลงไว้ต่อรัฐสภา ไม่ใส่ใจและไม่ดำเนินการแก้ไขข้อบกพร่องในการบริหารราชการแผ่นดินตามข้อกล่าวหาและคำแนะนำของสภา จงใจปฏิบัติหน้าที่และใช้อำนาจขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญและกฎหมาย ฝ่าฝืนและไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง ขาดจิตสำนึกในความเป็นประชาธิปไตย ไร้การเคารพซึ่งสิทธิเสรีภาพของประชาชน มุ่งใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือทางการเมือง ปิดปากประชาชนและปิดกั้นเสรีภาพของสื่อมวลชน ละเมิดสิทธิมนุษยชน ใช้งบประมาณเพื่อการจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ ที่ไม่มีความจำเป็นต่อภารกิจของประเทศในภาวะที่ประเทศมีปัญหาด้านเศรษฐกิจที่รุนแรง ไม่กำกับดูแลการใช้งบประมาณแผ่นดินให้เป็นไปโดยมีประสิทธิภาพ มีประสิทธิผล ไม่รักษาผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน

ผลจากการบริหารประเทศของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นับวันจะทำให้ประเทศถอยหลัง เศรษฐกิจของประเทศดิ่งเหว ประชาชนที่ยากจนอยู่แล้วยิ่งยากจน ลงเรื่อยๆ ความเหลื่อมล้ำระหว่างคนจนกับคนรวยขยายวงกว้างมากขึ้น ผู้คนตกงานและบัณฑิตจบใหม่ไม่มีงานทำเพิ่มมากขึ้นทุกวัน ธุรกิจย้ายฐานการผลิตไปประเทศอื่น นักลงทุนใหม่ก็เข้ามาลงทุนน้อยลง ขณะที่ปัญหาสังคมทั้งยาเสพติด อาชญากรรมโดยเฉพาะอาชญากรรมทางเทคโนโลยีที่เพิ่มมากขึ้นสร้างความเสียหายและความเดือดร้อนให้กับประชาชนโดยที่ภาครัฐไม่สามารถป้องกันและแก้ปัญหาดังกล่าได้อย่างมีประสิทธิภาพ ภายใต้สถานการณ์ความเดือดร้อนและความทุกข์ยากของประชาชนดังกล่าว พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา กลับปล่อยให้พวกพ้องและบุคคลแวดล้อมของตนเองกระทำการทุจริต และประพฤติมิชอบอย่างกว้างขวาง ไม่ใส่ใจที่จะป้องกันและปราบปราม มีการใช้เงินและการต่อรองผลประโยชน์เพื่อความอยู่รอดทางการเมืองของตนเอง อันเป็นการทำลายระบบรัฐสภาและหลักการประชาธิปไตย จนทำให้ระบบรัฐสภาตกต่ำสั่นคลอน และกลไกในระบบรัฐสภาเสียหาย

>> นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์
มีพฤติกรรมฉ้อฉล ไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ รู้เห็นเป็นใจหรือปล่อยปละละเลยให้มีการทุจริตในองค์กรหรือหน่วยงานในกำกับดูแล สร้างความเสียหายแก่ราชการอย่างร้ายแรง ใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่ แสวงหาผลประโยชน์สำหรับตนเองและพวกพ้อง ไม่ระงับยับยั้ง ละเลยไม่ติดตามแก้ไขปัญหาการทุจริตเพื่อให้มีการชดใช้ความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่รัฐ ล้มเหลวและไร้ความรู้ความสามารถในการบริหารราชการของกระทรวงพาณิชย์และกระทรวงในกำกับดูแล ปล่อยให้ราคาสินค้าอุปโภค บริโภคสูงขึ้นจนกระทบต่อการดำเนินชีวิตของประชาชนและการดำเนินธุรกิจของภาคเอกชน จนส่งผลกระทบต่อประชาชนทุกหย่อมหญ้า จงใจปฏิบัติหน้าที่หรือใช้อำนาจขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือกฎหมาย ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง
 

จากจุดเล็กๆ ไปสู่สิ่งที่ยิ่งใหญ่ ด้วยพันธกิจลดมลพิษให้กับผู้คน สร้างสรรค์สังคม ไปกับ ไทย สมายล์ บัสเดินทางด้วยรอยยิ้ม ใส่ใจสิ่งแวดล้อม 

อีกไม่กี่ปีข้างหน้าการใช้พลังงานทดแทน โดยเฉพาะพลังงานไฟฟ้า จะเข้ามาแทนที่การใช้พลังงานจากเชื้อเพลิงฟอสซิล หรือน้ำมัน อย่างเต็มรูปแบบ ที่จะเห็นได้ชัดเจนก็คือ การก้าวไปสู่ยุคของยานยนต์ไฟฟ้า ที่ไม่ได้เป็นเพียงแค่ความฝันอีกต่อไป เพราะหลายๆ ประเทศเริ่มพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้ากันมากขึ้น พร้อมทั้งประกาศแผนเดินหน้าสนับสนุนส่งเสริมให้หันมาใช้ยานยนต์ไฟฟ้า ที่นอกจากช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายให้กับผู้ใช้งานและยังเป็นการลดการใช้เชื้อเพลิงน้ำมัน ที่เป็นสาเหตุหลักของมลภาวะทางอากาศ

ซึ่งในประเทศไทยเองก็ได้มีนโยบายให้ลดการใช้รถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาป ไปสู่การใช้รถยนต์ไฟฟ้า เพราะสามารถลดปริมาณการปล่อยมลพิษ ไอเสีย ลดภาวะโลกร้อนและไร้มลพิษทางเสียง และยังมีประสิทธิภาพในการใช้พลังงานสูงกว่ารถยนต์ที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิง ที่จะนำไปสู่การดูแลสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน

บ.กำจัดแมลงในสหรัฐฯ ชวนอาสาสมัครร่วมเทสต์ ส่งทัพ ‘ปีเตอร์’ เข้าบ้าน วัดผลวิธีกำจัดแบบใหม่

บริษัทกำจัดแมลงแห่งหนึ่งที่ชื่อ The Pest Informer ในรัฐนอร์ทแคโรไลนา เสนอเงิน 2,000 ดอลลาร์ ให้เจ้าของบ้านที่ได้รับคัดเลือกให้เข้าร่วมวิจัย โดยที่จะต้องอนุญาตให้ทางบริษัทฯ ปล่อยเจ้าปีเตอร์ หรือ แมลงสาบราว 100 ตัว เข้าไปในตัวบ้าน เพื่อทดสอบประสิทธิภาพวิธีกำจัดแมลงสาบโดยเฉพาะของทางบริษัทฯ ซึ่งเจ้าของบ้านที่จะได้รับการคัดเลือกเข้าร่วมวิจัยต้องมีคุณสมบัติ ดังนี้... 

- มีบ้านเป็นของตัวเอง หรือใบอนุญาตแบบลายลักษณ์อักษรจากเจ้าของบ้าน
- มีอายุ 21 ปี หรือมากกว่า
- อาศัยอยู่ในทวีปอเมริกา
- ไม่พยายามใช้วิธีกำจัดแมลงสาบอื่นขณะทำการทดลอง

สำหรับการร่วมวิจัยดังกล่าว ทาง David Floyd ผู้ก่อตั้ง The Pest Informer บอกกับ NBC News ว่า ทางบริษัทได้รับใบสมัครมากกว่า 2,200 รายการ ตั้งแต่บ่ายวันจันทร์ที่ผ่านมา (13 มิ.ย.65) แต่มีราว 5-7 รายเท่านั้นที่ได้รับการคัดเลือก 

ทั้งนี้การวิจัยดังกล่าวจะใช้เวลาทั้งหมด 30 วัน และบริษัทยืนยันว่า วิธีการกำจัดแมลงสาบที่ใช้มีความปลอดภัยสำหรับครอบครัวและสัตว์เลี้ยง (ติดตามความเคลื่อนไหวได้ใน >> https://www.thepestinformer.com/pest-guides/)

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ส่งต่อน้ำใจไทย สู้ภัยโควิด-19 จัดทีมลงพื้นที่แจกจ่ายเครื่องอุปโภคบริโภคช่วยเหลือบรรเทาทุกข์ให้กับประชาชน รวม 8 จังหวัด

ระหว่างวันที่ 6 - 15 มิถุนายน 2565 มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง โดยนายวิเชียร เตชะไพบูลย์ ประธานกรรมการมูลนิธิฯ ห่วงใยประชาชนจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา (โควิด-19) ทั้งด้านสุขภาพ และสภาพของเศรษฐกิจ จึงมอบหมายให้นางศิริพร กระจ่างหล้า ผู้จัดการฝ่ายสังคมสงเคราะห์ฯ จัดทีมลงพื้นที่จังหวัดสุพรรณบุรี ชัยนาท นครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว ประจวบคิรีขันธ์ สระบุรี และอุทัยธานี มอบเครื่องอุปโภคบริโภค อาทิ ข้าวสาร หน้ากากอนามัย บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ปลากระป๋อง น้ำมันพืช และน้ำปลา เพื่อเป็นการบรรเทาทุกข์ให้กับประชาชนในส่วนภูมิภาค รวม 8 จังหวัดๆ ละ 300 ชุด คิดเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 840,000 บาท (แปดแสนสี่หมื่นบาทถ้วน) 

โดยมีทีมงานฝ่ายสังคมสงเคราะห์ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย นายรัชพร ประสงค์ทรัพย์ รักษาการหัวหน้าแผนกสาธารณภัย นางสาวศุภรัตน์ สมบัติเจริญไทย รักษาการหัวหน้าแผนกส่งเสริมการศึกษาและอาชีพ นางสาวเนาวรัตน์ วรรณศิริ ผู้ช่วยหัวหน้าแผนกหน่วยแพทย์สงเคราะห์ชุมชน และชาญณรงค์ เสาวภา ผู้ช่วยหัวหน้าแผนกบริการและศาสนพิธี นำทีมลงพื้นที่ ผู้แทนหน่วยงานรัฐ และสมาคม/มูลนิธิแต่ละจังหวัดเป็นผู้ประสานงานและร่วมในพิธี


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top