Sunday, 5 May 2024
Hard News Team

ก.แรงงาน “ตอบรับกระแสฮิต” จัดชุดใหญ่ไฟกะพริบเทรนสมองกล - หุ่นยนต์ มอบสถาบัน MARA จัดชุดใหญ่ 26 หลักสูตรเทรนสมองกล - หุ่นยนต์ มุ่ง EEC

นายธวัช เบญจาทิกุล อธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน (กพร.) กระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน และศาสตราจารย์ นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงแรงงาน มอบหมายให้ กพร. เร่งดำเนินการพัฒนาทักษะฝีมือแรงงาน ผลิตกำลังแรงงานป้อนสู่อุตสาหกรรมเป้าหมายของประเทศสอดคล้องยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ด้านการสร้างความสามารถในการแข่งขันและด้านการพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพทรัพยากรมนุษย์ โดยเฉพาะการพัฒนากำลังแรงงานในสาขาเทคโนโลยี การผลิตและหุ่นยนต์ในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกหรือ EEC ต้องเร่งฝึกอบรมเป็นพิเศษ เนื่องจากมีความต้องการกำลังคนที่มีทักษะฝีมือจำนวนมากทั้งในระดับช่างปฏิบัติการและวิศวกร จึงมอบหมายให้ กพร.โดยสถาบันพัฒนาบุคลากรสาขาเทคโนโลยีการผลิตอัตโนมัติและหุ่นยนต์ (MARA) ซึ่งเป็นศูนย์ Training Excellent Center ของกพร. ที่ตั้งอยู่ในสถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน 3 ชลบุรี ดำเนินการพัฒนาแรงงานในสาขานี้ ให้มีศักยภาพรองรับเทคโนโลยีชั้นสูงที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา

นายธวัช กล่าวต่อไปว่า ล่าสุดสถาบัน MARA ตอบรับกระแสเรียกร้องของสถานประกอบกิจการและกำลังแรงงานในพื้นที่ EEC เปิดฝึกอบรมเพิ่มเติมตาม “โครงการพัฒนาทักษะแรงงานเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก” รุ่นที่ 4/2564 จำนวน 26 หลักสูตร ได้แก่ สาขาเทคโนโลยีอัตโนมัติ (1) Basic PLC Gx Works 2 (MITSUBISHI)   (2) Basic PLC CX Programmer (OMRON) (3) Basic PLC (SIEMENS) (4) Advance PLC (MITSUBISHI) (5) การออกแบบและเชื่อมต่อ HMI (GOT MITSUBISHI) กับ PLC (6) CC-Link (MITSUBISHI) (7) การควบคุมระบบขับเคลื่อนมอเตอร์เซอร์โว (MITSUBISHI) ด้วย PLC (8) การใช้ระบบควบคุมแบบชีเควนซ์ในงานอุตสาหกรรม (9) การประยุกต์ใช้ปัญญาประดิษฐ์เพื่อการผลิต (AI CIRA CORE) (10) การบำรุงรักษาหุ่นยนต์อุตสาหกรรม  

(11) การควบคุมหุ่นยนต์อุตสาหกรรมสำหรับการจับชิ้นงาน: ABB (12) การควบคุมหุ่นยนต์ป้อนชิ้นงานสำหรับเครื่องกลึง CNC ระดับ 1 (13) ช่างควบคุมหุ่นยนต์ Unibot (14) ช่างควบคุมห่นยนต์ FANUC (15) การใช้หุ่นยนต์อุตสาหกรรมสำหรับงานเชื่อมระดับ 1 (16) การใช้ ROS ขั้นพื้นฐาน (Basic Robot Operating System) (17) การควบคุมหุ่นยนต์ลำเลียง (AGV) สาขาโปรแกรมการผลิต (18) การจำลองกระบวนการผลิตและวางแผนการผลิตด้วยโปรแกรม TECNOMATIX (19) การเขียนแบบเครื่องกล 2 มิติด้วยโปรแกรม AutoCAD (20) การใช้โปรแกรม SolidCAM for Milling Operation (21) การใช้โปรแกรม Solidwork for CAD (22) การใช้โปรแกรม NX for CAD สาขาเครื่องจักรกลเพื่อการผลิต (23) การใช้เครื่องวัดละเอียดทางมิติแบบอัตโนมัติ (24) การใช้เครื่องมือวัดสามมิติ CMM ระดับ 1 (25) ช่างซ่อมบำรุงเครื่องจักรกล CNC ระดับ 1 และ (26) GOM 3D scanner, Inspection & Reverse Engineering 

ทุกหลักสูตรใช้ระยะเวลาการฝึกอบรม 30 ชั่วโมง รับจำนวนจำกัดเพียง 20 คนต่อหนึ่งหลักสูตร ซึ่งคุณสมบัติของผู้เข้ารับการฝึกอบรมต้องมีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป เป็นผู้ประกอบอาชีพเกี่ยวกับสาขาที่สมัครหรืองานอื่นที่เกี่ยวข้อง เปิดรับสมัครตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ผู้สนใจดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.dsd.go.th/mara และ www.facebook/dsdmara หรือติดต่อสอบถามที่เบอร์โทร 0 3827 6823, 063 193 2708 และ 092 279 4689” อธิบดีกพร. กล่าวทิ้งท้าย

ไบโอเอ็นเทคและไฟเซอร์ เปิดเผยเมื่อวันพุธ (31 มี.ค.) ว่าวัคซีนของพวกเขามีประสิทธิภาพต่อต้านไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 100% ในเด็กอายุ 12 ถึง 15 ปี พร้อมหวังได้รับอนุมัติใช้กับคนวัยเยาว์ก่อนปีการศึกษาถัดไป

ทั้งสองบริษัทระบุในถ้อยแถลงว่า การทดลองขั้นที่ 3 กับยุวชน 2,260 รายในสหรัฐฯ “พิสูจน์ถึงประสิทธิภาพ 100% และการตอบสนองแอนติบอดีที่แข็งแกร่ง”

ด้าน อัลเบิร์ต บัวร์ลา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของไฟเซอร์ระบุว่า “เรามีแผนยื่นข้อมูลนี้ต่อ FDA (คณะผู้ควบคุมกฎระเบียบสหรัฐฯ) เสนอแก้ไขการอนุญาตให้ใช้ในกรณีฉุกเฉินของเราในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า และยื่นข้อมูลต่อคณะผู้ควบคุมกฎระเบียบอื่นๆ ทั่วโลก ด้วยความหวังว่าจะเริ่มฉีดวัคซนให้กลุ่มอายุนี้ก่อนเริ่มปีการศึกษาหน้า”

ส่วนประธานเจ้าหน้าที่บริหารของไบโอเอ็นเทค บริษัทสัญชาติเยอรมนี เสริมว่า ผลการทดลองที่แสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพในการป้องกันระดับสูงสำหรับคนวัยเยาว์ “เป็นสิ่งที่สร้างขวัญและกำลังใจอย่างมาก โดยในเฉพาะในแนวโน้มที่เราพบเห็นในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา เกี่ยวกับการแพร่ระบาดของตัวกลายพันธุ์สหราชอาณาจักร B.1.1.7”

วัคซีนของไบโอเอ็นเทคและไฟเซอร์ สร้างจากใช้พื้นฐานของเทคโนโลยี mRNA และเป็นวัคซีนโควิด-19 ตัวแรกที่ได้รับอนุมัติในตะวันตกในช่วงปลายปีที่แล้ว

ทั้งสหรัฐฯ และสหภาพยุโรปต่างเห็นชอบอนุมัติใช้ในกรณีฉุกเฉินกับบุคคลที่มีอายุ 16 ปีขึ้นไป ซึ่งนับตั้งแต่นั้นมันถูกใช้กับผู้คนหลายล้านรายในชาติต่างๆ มากกว่า 65 ประเทศทั่วโลก

ผลการศึกษาในโลกจริงซึ่งเกี่ยวข้องกับประชาชน 1.2 ล้านคนในอิสราเอล พบว่าวัคซีนของไบโอเอ็นเทคและไฟเซอร์ มีประสิทธิภาพสูงถึง 94%

ในขณะที่โลกกำลังตะเกียกตะกายฉีดวัคซีน ไบโอเอ็นเทคเปิดเผยเมื่อวันอังคาร (30 มี.ค.) ว่าพวกเขาอยู่บนเส้นทางของการผลิตวัคซีน 2,500 ล้านโดสในปีนี้

กำลังผลิตที่สูงขึ้นเป็นจากการเพิ่งเปิดแหล่งผลิตใหม่เมื่อเร็วๆ นี้ในเมืองมาร์บวร์ก ของเยอรมนี ซึ่งตอนนี้กลายเป็นหนึ่งในโรงงานผลิตวัคซีน mRNA ใหญ่ที่สุดในโลก ทางบริษัทระบุ

นอกจากนี้แล้วยังมีการผลิตวัคซีนตัวดังกล่าวที่โรงงานแห่งหนึ่งของไฟเซอร์ในเบลเยียม และอีก 3 โรงงานในสหรัฐฯ

ไบโอเอ็นเทคระบุว่า ประสิทธิภาพที่ดีขึ้น และข้อตกลงความร่วมมือใหม่กับบรรดาพันธมิตรภายนอกจะช่วยยกระดับเป้าหมายการผลิตวัคซีนของพวกเขาเช่นกัน

เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ไบโอเอ็นเทคและไฟเซอร์เริ่มทำการศึกษาประสิทธิภาพวัคซีนกับเด็กอายุน้อย โดยฉีดวัคซีนให้เด็กอายุระหว่าง 5 ถึง 11 ขวบ กลุ่มแรกไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ทั้งนี้ คาดหมายว่าจะเริ่มให้วัคซีนโดสแรกแก่เด็กกลุ่มอายุ 2 ถึง 5 ขวบในสัปดาห์หน้า ซึ่งจะครอบคลุมทารกวัยแบบเบาะอายุต่ำสุด 6 เดือนด้วย

.

ที่มา : เอเอฟพี

https://mgronline.com/around/detail/9640000030932
 


สนับสนุนข่าวโดย : รับข้อเสนอพิเศษมอเตอร์โชว์ ในงาน Mazda Motor Show สัมผัสปิกอัพใหม่ All-New Mazda BT-50 และยนตรกรรมสกายแอคทีฟจากมาสด้า ดอกเบี้ยต่ำสุด 0%* รับประกันคุณภาพรถสูงสุด 5 ปี* และบัตรเติมน้ำมัน 10,000 บ.* 24 มี.ค. 64 - 4 เม.ย. 64 ที่บูธและโชว์รูมทั่วประเทศ

การรถไฟฯ ขานรับนโยบาย รมว.คมนาคม เปิดจองตั๋วโดยสารขบวนรถพิเศษ เดินทางช่วงเทศกาลสงกรานต์ เริ่มวันที่ 1 เม.ย. 64

นายนิรุฒ มณีพันธ์ ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า การรถไฟฯ เปิดจองตั๋วโดยสารขบวนรถพิเศษ สำหรับเดินทางช่วงเทศกาลสงกรานต์ ระหว่างวันที่ 9 - 15 เมษายน 2564  เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2564 เป็นต้นไป ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ในการอำนวยความสะดวกให้ประชาชนที่ต้องการเดินทางกลับภูมิลำเนา และท่องเที่ยวในเส้นทางสายเหนือ และสายตะวันออกเฉียงเหนือ ได้เดินทางไปกลับในช่วงเทศกาลสงกรานต์ได้อย่างพอเพียง ไม่เกิดปัญหาผู้โดยสารตกค้างตามนโยบายของกระทรวงคมนาคม  

ทั้งนี้ การให้บริการขบวนรถพิเศษเพิ่มเติม มีทั้งประเภทรถนอนปรับอากาศ และรถนั่งชั้น 3  ไป - กลับ รวม 16 ขบวน แบ่งเป็นเส้นทางสายเหนือ และสายตะวันออกเฉียงเหนือ ระหว่างวันที่ 9 - 14 เมษายน 2564 (เที่ยวไป 8 ขบวน) และวันที่ 10 และ 15 เมษายน 2564 (เที่ยวกลับ 8 ขบวน) รวมทั้งยังได้มีการพ่วงตู้โดยสารเพิ่มจนเต็มหน่วยลากจูงในขบวนรถที่วิ่งให้บริการปกติทุกสายทั่วประเทศ ซึ่งทำให้สามารถรองรับปริมาณการเดินทางของประชาชนได้สูงสุดถึง 100,000 คนต่อวัน 

นอกจากนี้ การรถไฟฯ ขอแจ้งงดเดินขบวนรถนำเที่ยว ขบวนที่ 909/910 กรุงเทพ - น้ำตก - กรุงเทพ และขบวนที่ 911/912 กรุงเทพ - สวนสนประดิพัทธ์ - กรุงเทพ ในวันที่ 10 - 11 และ 17 - 18 เมษายน 2564 ซึ่งเป็นวันหยุดเสาร์ - อาทิตย์ ในช่วงวันหยุดเทศกาลสงกรานต์ด้วย

นายนิรุฒ กล่าวว่า การรถไฟฯ ยังได้เตรียมความพร้อมมาตรการดูแลความปลอดภัยในการเดินทาง โดยจัดตั้งศูนย์ปลอดภัยช่วงเทศกาลสงกรานต์ เพื่อทำหน้าที่ติดตามประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดูแลการเดินทางของผู้โดยสาร สั่งการแก้ไขกรณีเกิดเหตุอันตราย และรวบรวมสถิติข้อมูลการเดินทาง ขณะเดียวกันยังได้เฝ้าระวังและตรวจวัดระดับแอลกอฮอล์ สารเสพติดของพนักงานขับรถ เจ้าหน้าที่ประจำขบวนรถ และประจำสถานีก่อนปฏิบัติหน้าที่ รวมถึงการห้ามจำหน่ายและดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ รวมถึงสารเสพติดบนขบวนรถโดยสารและสถานีรถไฟ โดยมีการขอความร่วมมือไปยังกองบังคับการตำรวจรถไฟ เพื่อเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจตราอีกทางหนึ่งด้วย 

ขณะเดียวกัน การรถไฟฯ ได้จัดมาตรการเฝ้าระวังและป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด–19 ตามนโยบายของกระทรวงคมนาคม กรมการขนส่งทางรางอย่างเคร่งครัด โดยกำหนดจุดคัดกรองวัดไข้ผู้โดยสารก่อนเข้าในพื้นที่ การตั้งจุดให้บริการแอลกอฮอล์ล้างมือ การให้สวมหน้ากาก เว้นระยะห่าง Social Distancing ให้มีจุดยืน/นั่ง ที่ชัดเจนทั้งภายในสถานีและบนขบวนรถ โดยให้เว้นที่นั่งในลักษณะที่เว้นที่เพื่อไม่ให้ผู้โดยสารนั่งติดกัน ยกเว้นผู้โดยสารที่เดินทางมาด้วยกัน พร้อมกับให้สแกนแอพพลิเคชัน ไทยชนะ ก่อนและหลังใช้บริการ แต่หากผู้โดยสารไม่สามารถใช้แอพพลิเคชันไทยชนะผ่านการสแกนโทรศัพท์ได้ก็จะต้องกรอกข้อมูลการเดินทางตามแบบฟอร์มที่จัดไว้ให้แทน  โดยผู้โดยสารสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม รวมทั้งกำหนดเวลาต่าง ๆ ของขบวนรถที่ให้บริการในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ได้ที่ศูนย์บริการลูกค้าสัมพันธ์ หมายเลขโทรศัพท์ 1690 ตลอด 24 ชั่วโมง หรือเฟซบุ๊ก แฟนเพจ ทีมพีอาร์การรถไฟแห่งประเทศไทย

https://www.facebook.com/129946050353608/posts/4450654138282756/?d=n

“เพื่อไทย” จี้ “ประยุทธ์” เลิกสนับสนุนเผด็จการเมียนมา ก่อนไทยถูกประณามด้วย สวน “พปชร” รัฐบาลส่งคนร่วมวันทหารพม่าเป็นความโง่ไม่ใช่ความฉลาด ห่วง ภาวะการเงินการคลังของประเทศจะทรุดลงต่อเนื่องจนคนทนไม่ไหว

เมื่อวันที่ 1 เม.ย. 64 นางสาวตรีชฎา ศรีธาดา คณะทำงานทีมเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กำลังพาคนไทยลงเรือแป๊ะรั่วไหลลงทะเลไร้ชะตากรรม ส่งคนร่วมงานแสดงความยินดีกับกองทัพเมียนมา ขณะทั่วโลกประณามการเข่นฆ่าประชาชน ส่งผลเศรษฐกิจไทยร่วงสวนทางคำหวานที่ทีมเศรษฐกิจรัฐบาลก่อนหน้าอ้างจะฟื้นเศรษฐกิจใน 2 ปี ความจริงประชาชนกำลังถูกผลักตามยถากรรม

"เริ่มจากเหตุการณ์แรก นายวันนา หม่อง ลวินตัวแทนของเมียนมาเข้าพบพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รัฐบาลบอกว่าเป็นการติดต่อขอเข้าเยี่ยมคารวะเพื่อรายงานสถานการณ์ที่เกิดขึ้นภายในประเทศในฐานะประเทศเพื่อนบ้านที่มีชายแดนอยู่ชิดติดกันเท่านั้น ไม่ได้เป็นการรับรองการรัฐประหารแต่อย่างใด หรือการที่กองกำลังกระเหรี่ยงติดอาวุธ KNU ออกมาเปิดเผยเรื่องการส่งเสบียงของรัฐไทยไปสนับสนุนรัฐบาลเมียนมาร์ จนปรากฎหลักฐานกองข้าวปริศนา 700 กระสอบริมแม่น้ำสาละวิน ที่ภายหลังผบ.พัน.คร.341 ของเมียนมาร์ ยอมรับว่า ข้าวสารดังกล่าวเป็นของทหารเมียนมาที่ถูกส่งมาเพื่อเป็นเสบียงอาหารให้กับหน่วยทหารในพื้นที่กว่า 10 กองพัน แต่ฝ่ายไทยยังอ้ำอึ้งตอบไม่ตรงคำถามกันไปมา

"ในขณะที่ฮาน เลย์ มิสแกรนด์พม่า 2020 ได้พูดสุนทรพจน์เวทีประกวดแสดงเจตนารมณ์ที่บีบหัวใจและบีบน้ำตาของคนทั้งโลก เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลทหารที่ยึดอำนาจ หยุดการกระทำรุนแรงต่อประชาชนในประเทศ รวมถึงการขอให้นานาชาติโปรดหันมองเหตุการณ์ในประเทศเมียนมา เพื่อสะท้อนถึงการต่อสู้ของคนเมียนมาร์ว่า ขณะที่ทุกคนอยู่บนถนนเรียกร้องประชาธิปไตยนั้น ตัวเธอเองก็ยืนอยู่บนเวที และกำลังเรียกร้องในประชาธิปไตยเช่นเดียวกัน เธอพูดในแผ่นดินของประเทศไทยที่รู้ทั้งรู้ว่าชีวิตเธอหลังจากนี้ไม่ปลอดภัยแน่ถ้าต้องเดินทางกลับประเทศบ้านเกิด วันนี้หากประเทศไทยยังคงร่วมและให้การสนับสนุนรัฐบาลเมียนมาร์อยู่ ประเทศไทยอาจถูกลูกหลงตามเมียนมาร์ในฐานะที่ไปให้การสนับสนุนรัฐบาลเผด็จการ ถึงเวลานั้นจะลำบาก

"ตัดภาพมาที่ผู้นำประเทศไทยอย่างพลเอกประยุทธ์ นายกรัฐมนตรีประเทศไทย แทนที่จะบอยคอตการกระทำที่ป่าเถื่อนของรัฐบาลพม่าที่กระทำกับประชาชนเสียชีวิตจากการปราบปรามและสลายการชุมนุมของทหารพม่าจำนวนหลายร้อยศพ กลับส่งตัวแทนเป็น 1 ใน 8 ประเทศที่ไปเข้าร่วมแสดงความยินดีในงานพิธีสวนสนามวันกองทัพเมียนมาให้ทั่วโลกประณาม แทนที่จะดึงสติที่ไปไกลให้ฉุกคิด แต่นางสาวทิพานันทน์ ศิริชนะ คนในพรรคพลังประชารัฐกลับออกมาช่วยอุ้มว่า เพื่อกระชับสัมพันธ์ทางด้านการทหารของทั้งสองประเทศ การทำเช่นนั้นเป็นการกระทำที่ชาญฉลาดและรักษาดุลอำนาจ มันคือความโง่ต่างหากชาญฉลาดตรงไหน ถ้าคนใกล้ตัวพล.อ.ประยุทธ์คิดได้แบบนี้เหมือนมีหัวไว้คั่นหูเท่านั้น ไม่ได้ดูทิศทางลมของทั่วโลกเลยว่ามันพัดไปทางไหน สถานการณ์แบบนี้มีใครไปกระชับสัมพันธ์กับเมียนมาร์บ้าง แทนที่นายกรัฐมนตรีของไทยจะให้ความสำคัญเรื่องสิทธิมนุษยชนตามหลักการประชาธิปไตยซึ่งสำคัญกว่า กลับมาสนใจเรื่องผู้สื่อข่าวสาวนั่งไขว่ห้างขณะท่านให้สัมภาษณ์ในทำเนียบรัฐบาล ถึงขั้นมีคำสั่งห้ามนักข่าวคนนั้นเข้าทำเนียบ เพราะนั่งไขว่ห้าง จะตลกไปไหน นี่เรากำลังอยู่ในยุคไหนกัน

"ยิ่งสองสามวันที่ผ่านมา มีข่าวหลุดออกมาเรื่องรัฐบาลถังแตก ถึงขั้นจะมีการหารือถึงการจัดเก็บภาษีของประเทศที่ไม่เข้าเป้า จนทำให้นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พลังงาน ต้องออกมาให้ข่าวกับสื่อมวลชนว่าได้สั่งให้ศึกษาที่จะขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่มที่ปัจจุบันจัดเก็บอยู่ที่ 7 เปอร์เซ็นต์ โดยจะยังไม่ขึ้นภาษีในช่วงนี้ และยืนยันว่ารัฐบาลไม่ถังแตก แต่การออกมาพูดแบบนี้ของนายสุพัฒน์พงษ์ ยิ่งทำให้คนยิ่งหวาดกลัว เพราะที่การที่รัฐบาลออกมาพูดเช่นนี้มันทำให้คนชักไม่มั่นใจเพราะรัฐบาลมักทำในสิ่งที่ตรงข้ามกับการพูดเสมอ โดยนายแฮรี่ เอ็ดมุนด์ โมรอซ นักเศรษฐศาสตร์ ธนาคารโลก ออกมาแสดงความเห็นว่า แม้เศรษฐกิจไทยมีวี่แววจะฟื้นตัวขึ้นบ้าง แต่ยังมีผลกระทบด้านแรงงานอยู่ โดยช่วงไตรมาส 1/63 และ 2/63 พบว่ามีคนตกงานราว 340,000 ตำแหน่ง และในอนาคตมีแนวโน้มว่าปี 2583 แรงงานในตลาดจะเหลือ 35 ล้านคน จากปี 2563 ที่อยู่ราว 39 ล้านคน พล.อ.ประยุทธ์ยังยอมรับว่าการเงินการคลังประเทศไทยเสี่ยง รายได้ต่ำเป้า ใช้จ่ายสูง คาดต้องกู้อุดงบประมาณอีก 5 ปี

"ทำไมไม่มองบราซิลเป็นตัวอย่าง ครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของบราซิลหลังประธานาธิบดี ปรับคณะรัฐมนตรีไม่ลงตัว 3 ผู้นำเหล่าทัพของบราซิลลาออกทันที คาดว่าเกิดจากความไม่พอใจหลังจากความที่ล้มเหลวในการรับมือการระบาดของโรคโควิด-19 โดยประธานาธิบดีโบลโซนาโร ซึ่งมีจุดยืนต่อต้านมาตรการล็อกดาวน์ และเคยระบุว่าเป็นเพียงไข้หวัดธรรมดา แต่สถานการณ์ล่าสุด ระบบสาธารณสุขทั่วประเทศเริ่มล่มสลายแล้ว เนื่องจากมีผู้ป่วยสะสมในโรงพยาบาลมากที่สุดในโลก แต่ไทยเป็นประเทศที่ประชาชนทนทานที่สุด สภาพไหนก็ทนได้ แต่ผู้มีอำนาจอาจจะคาดการณ์ผิด ห่วงสถานการณ์การเงินการคลังของประเทศ เพราะสถานการณ์เวลานี้อาจจะทำให้ประชาชนลุกฮือเพราะเกินทนเหมือนประเทศเมียนมาร์ " นางสาวตรีชฎา กล่าว

.

ที่มา : https://www.posttoday.com/politic/news/649383


สนับสนุนข่าวโดย : รับข้อเสนอพิเศษมอเตอร์โชว์ ในงาน Mazda Motor Show สัมผัสปิกอัพใหม่ All-New Mazda BT-50 และยนตรกรรมสกายแอคทีฟจากมาสด้า ดอกเบี้ยต่ำสุด 0%* รับประกันคุณภาพรถสูงสุด 5 ปี* และบัตรเติมน้ำมัน 10,000 บ.* 24 มี.ค. 64 - 4 เม.ย. 64 ที่บูธและโชว์รูมทั่วประเทศ

"วรศิษฎ์" ชื่นใจ สตูล คว้าแชมป์ จังหวัดอากาศดีที่สุดในไทย ชวนปชช. เยือนเมืองสตูล แบบนิวนอร์มอล หวังดันให้เป็นการท่องเที่ยวเมืองหลัก

นายวรศิษฎ์  เลียงประสิทธิ์ ส.ส.สตูล เขต 2 พรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงการที่ศูนย์แก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ (ศกพ.) ได้ประกาศรายชื่อ จังหวัดสตูล เป็นจังหวัดที่มีอากาศดีที่สุดในประเทศไทย วัดจากค่าเฉลี่ยปริมาณฝุ่นละออง PM2.5 น้อยที่สุด  ตั้งแต่เดือน มกราคม - ธันวาคม 2563 นั้นว่าตนรู้สึกชื่นใจ ที่สตูล ถูกพูดอีกครั้งในเรื่องที่น่าชื่นชม และต่อยอดจากตัวชี้วัดคุณภาพอากาศที่ดีที่สุดนั้น ด้วยการส่งเสริมการท่องเที่ยวสตูล กระตุ้นเศรษฐกิจชุมชน หลังสถานการณ์โควิด-19 ส่วนหนึ่งต้องขอขอบคุณประชาชนชาวสตูล ที่ช่วยกันรักษาธรรมชาติ  คำนึงถึงระบบนิเวศน์ และสิ่งแวดล้อม 

ตนจึงอยากเชิญชวน คนไทยทุกคน เดินทางมาท่องเที่ยวยังจังหวัดสตูล แบบนิวนอร์มอล พร้อมเปิดประสบการณ์ใหม่ ในจุดท่องเที่ยวอันซีน ทั้ง ปราสาทหินพันยอด หาดสันหลังมังกร ถ้ำเลสเตโกดอน และถ้ำภูผาเพชร  เป็นต้น  โดย นายวรศิษฎ์ เปิดเผยว่า นอกจากนี้ ตนยังหวังผลักดันให้เมืองสตูล  จากที่เคยอยู่ในการจัดให้เป็นการท่องเที่ยวเมืองรอง กลายมาเป็นการท่องเที่ยวเมืองหลัก ให้ได้  เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ จากการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว

ทำเนียบฯแจง ดูแล - อำนวยความสะดวกสื่อฯ ยันมีแนวปฏิบัติเท่าเทียมและทั่วถึง ยืดหยุ่น ไม่ละเลยมุ่งประโยชน์ของทุกฝ่าย โดยเฉพาะประชาชน ขอบคุณ

เมื่อวันที่ 1 เมษายน  2564 นางสาวนัทรียา ทวีวงศ์ ผู้อำนวยการสำนักโฆษก ขี้แจงข้อมูลเพื่อให้สื่อมวลชนทั้งในทำเนียบรัฐบาล และที่ไม่ได้เข้ามาปฏิบัติงานในทำเนียบรัฐบาลประจำ รวมถึงสาธารณชนที่สนใจเกี่ยวกับการเข้ามาปฏิบัติหน้าที่ของสื่อมวลชนภายในทำเนียบรัฐบาล ว่า ตลอดทุกสมัยที่ผ่านมา ผู้บริหารฝ่ายการเมืองและฝ่ายประจำ เจ้าหน้าที่สำนักโฆษกในฐานะผู้รับผิดชอบการดูแล และอำนวยความสะดวกสื่อมวลชน ผู้สื่อข่าว และช่างภาพเพื่อให้การปฏิบัติงานเป็นไปด้วยความราบรื่น และไม่มีปัญหานั้น ได้ทำงานร่วมกันด้วยดีมาโดยตลอด แม้จะมีจำนวนสื่อมวลชนสนใจเข้ามาทำข่าว ติดตามสถานการณ์ จำนวนมากนับหลายร้อยคน ซึ่งทำเนียบรัฐบาลก็เปิดกว้าง และอำนวยความสะดวกอย่างทั่วถึงและดีที่สุด ตามนโยบาย โดยทุกฝ่ายปฏิบัติหน้าที่ตามขอบเขตของตนเองด้วยความเหมาะสมเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ให้เกียรติ และเคารพสิทธิซึ่งกันและกันเสมอมา 

ในส่วนของการอำนวยความสะดวกนั้น จะเห็นได้ว่าสื่อมวลชนประจำทำเนียบรัฐบาลนั้นมีความใกล้ชิดกับแหล่งข่าวระดับสูงและมีสิทธิเสรีภาพอย่างมากในการปฏิบัติงาน ซึ่งแตกต่างจากในหลายประเทศ สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีได้จัดห้องปฏิบัติการสำหรับสื่อมวลชนประจำทำเนียบรัฐบาลทั้งหมด 3 ห้อง พร้อมสนับสนุนอุปกรณ์ โต๊ะทำงาน เก้าอี้ทำงาน เครือข่ายสัญญาณอินเทอร์เน็ต รวมทั้งระบบไฟสำหรับอุปกรณ์ไฟฟ้า เป็นต้น เพื่อให้สื่อมวลชนทำหน้าที่รายงานข่าวได้สะดวก มีการจัดระเบียบและกำหนดบริเวณให้สื่อมวลชน สามารถรายงานข่าวหรือสัมภาษณ์ผู้บริหารได้สะดวกและทั่วถึง 
.
ผู้อำนวยการสำนักโฆษกฯ กล่าวว่า  นอกจากนี้ สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีตระหนักถึงความต้องการและความจำเป็นในการทำหน้าที่ของสื่อมวลชน โดยได้ยืดหยุ่นบางระเบียบ เพื่อให้สื่อมวลชนสามารถปฏิบัติงานได้อย่างสะดวก ตรงกับความต้องการให้มากที่สุด เช่น อนุโลมให้นั่งรอ หรือดักรอสัมภาษณ์ผู้บริหาร บริเวณหน้าตึกบัญชาการ พร้อมจัดเจ้าหน้าที่ประสานให้ความสะดวก เพื่อให้ทุกคนได้รับข้อมูลข่าวสารและรายงานให้ประชาชนทราบอย่างถูกต้องชัดเจน และรวดเร็ว

ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคไวรัสโควิด-19 สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีได้จัดการตรวจคัดกรองด้วยวิธีการที่ดีที่สุด (SWAB Test) ให้แก่สื่อมวลชน และกำหนดมาตรการป้องกันสื่อมวลชนจากการติดเชื้อโรคโควิด-19 ได้แก่ การรักษาระยะห่าง การตรวจวัดอุณหภูมิประจำวัน และการสวมหน้ากากอนามัย เพื่อให้ทุกคนปลอดภัยและมั่นใจในการทำงานภายในทำเนียบรัฐบาล ทั้งนี้ สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีตระหนักในภาระหน้าที่และความสำคัญของสื่อมวลชน และยึดหลักปฏิบัติในการดูแลและอำนวยความสะดวกแก่ผู้สื่อข่าวและช่างภาพทุกรายอย่างเต็มที่และเสมอภาคกัน เพื่อให้การทำงานเป็นไปอย่างราบรื่นและเกิดประโยชน์ต่อประชาชนและสังคม 

“ท้ายนี้ สำนักโฆษกขอขอบคุณสื่อมวลชนที่ทำงานร่วมกันมานาน จนเหมือนเพื่อน หรือญาติ ดูแลช่วยเหลือซึ่งกันและกันทั้งเรื่องงานและเรื่องส่วนตัวในฐานะเพื่อน แบะเพื่อนร่วมงาน สื่อเองมีน้ำใจกับสำนักโฆษกเสมอช่วยเหลือ มอบน้ำใจให้ ซึ่งสำนักโฆษกขอขอบคุณมา ฯโอกาสนี้ด้วย” ผู้อำนวยการสำนักโฆษกกล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงาน ว่าการชี้แจงดังกล่าวเกิดขึ้นภายหลังจากที่มีสื่อมวลชนรายหนึ่งทวิตข้อความพร้อมรูปภาพ นั่งรอทำจ่าวบริเวณบันได พร้อมเปรียบเปรยตัวเองเหมือนสุนัขหน้าสะดวกซื้อ จนมีผู้ เข้ามาแสดงความเห็นตำหนิการทำงานการดูแลสื่อมันชนของสำนักโฆษกฯ จึงได้มีการชี้แจงข้อเท็จจริง
.

รุกตลาดฮาลาล ! จุรินทร์ จับมือ กรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย เข้มพาณิชย์ 6 มาตรการประชาสัมพันธ์สร้างภาพลักษณ์และความเชื่อมั่นสินค้าฮาลาล รุกตลาดโลกเพื่อส่งออกเป็นผล

1 เมษายน 2564 ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทยได้มีหนังสือถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ให้สนับสนุนโครงการฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19นั้น นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ สั่งการกระทรวงพาณิชย์โดยกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ จัดประชุมหารือร่วมกับผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย ทั้งนี้เพื่อหารือรายละเอียดโครงการและแนวทางการดำเนินงานร่วมกันให้เกิดประโยชน์ต่อประชาชนต่อไป

นางมัลลิกา บุญมีตระกูล มหาสุข ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ให้ความสำคัญกับนโยบายช่วยประชาชนทุกส่วนอย่างทั่วถึง ล่าสุดได้ข้อสรุปที่กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศดำเนินการร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย คือ 

1.)ให้ประชาสัมพันธ์สร้างภาพลักษณ์และความเชื่อมั่นสินค้าฮาลาลของไทยโดยแบ่งเป็นสองกลุ่มเป้าหมาย คือ องค์กรศาสนาและหน่วยงานของต่างประเทศกับผู้บริโภคและผู้ประกอบการ 

2.) จัดสัมมนาผู้ประกอบการไทยด้านสินค้าฮาลาลโดยเชิญผู้แทนจากคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทยมาให้ความรู้แก่ผู้ประกอบการไทยเกี่ยวกับการเจาะตลาดประเทศมุสลิมอย่างถูกต้อง 

3.) จัดส่วนแสดงสินค้าฮาลาลในงานแสดงสินค้า THAIFEX-Anuga Asia ในงานปีนี้และปีต่อไปโดยเน้นโซนสินค้าฮาลาลในนิทรรศการออกมาให้ชัดเจนมากขึ้นโดยจะใช้พี่น้องมุสลิมเป็นผู้ให้ข้อมูลรายละเอียดสินค้าในส่วนจัดแสดงดังกล่าวเพื่อความน่าเชื่อถือ 

4.) จับคู่ผู้ซื้อ - ผู้ขายเจรจาการค้าสินค้าฮาลาลออนไลน์โดยกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศจะมีจัดกิจกรรมทั้งประเทศมุสลิมที่เป็นตลาดเป้าหมายและประเทศที่ไม่ใช่แต่มีประชากรมุสลิมเป็นจำนวนมาก ซึ่งจะให้ทางคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทยสามารถส่งชื่อสมาชิกและร่วมเชิญผู้ส่งออกเข้าร่วมกิจกรรมได้โดยสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศจะติดต่อผู้นำเข้ากลุ่มเป้าหมายเจรจาการค้าให้ต่อไป 

5.) สนับสนุนค่าธรรมเนียมในการรับรองฮาลาลของผู้ประกอบการส่งออกสินค้าร้านไทยที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 จะได้มีการประสานข้อมูลเกี่ยวกับค่าธรรมเนียมหลักเกณฑ์และให้การสนับสนุนตามระเบียบต่อไป 

6.) การจัดกิจกรรมเดินทางของคณะผู้บริหารระดับสูงเยือนและเจรจาการค้าต่างประเทศให้มีตัวแทนจากคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมคณะด้วย

"รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ให้ความสนใจและใส่ใจนโยบายเป็นอย่างยิ่งจึงให้ติดตามการดูแลประชาชนตามนโยบายให้ครบทุกภาคส่วนและกำชับให้ฝ่ายราชการนั้นใส่ใจกำกับติดตามให้เกิดผลสัมฤทธิ์ทางนโยบาย ดังนั้น ในเรื่องความร่วมมือในการส่งเสริมตลาดสินค้าฮาลาลซึ่งเป็นนโยบายส่งออกสำคัญของกระทรวงพาณิชย์อยู่แล้ว เป็นเป้าหมายการส่งออกที่กำหนดพันธกิจปี 2564 ด้วยหากมีผู้ใดสนใจสามารถประสานงานที่ สำนักส่งเสริมการค้าสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมโดยกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศได้ต่อไป “

“ทิพานัน” จวก “พิธา” โหนการเมืองเมียนมา หวังดิสเครดิตรัฐบาล-สุมไฟการเมืองไทย

เมื่อวันที่ 1 เมษายน 2564 นางสาวทิพานัน ศิริชนะ อดีตรองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึงนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ที่ประณามรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ว่าให้การสนับสนุนความรุนแรงและกองทัพที่เข่นฆ่าประชาชนชาวเมียนมา ว่า เป็นข้อกล่าวหาที่ไม่ตรงกับข้อเท็จจริง ตีความเกินเลย คำว่าสนับสนุนความรุนแรงและการเข่นฆ่าเป็นการปรักปรำ ไม่ยุติธรรม ไม่เป็นสุภาพบุรุษ กล่าวหาใส่ร้ายโดยไร้หลักฐาน ต่อรัฐบาล เพราะไม่เคยมีผู้นำหรือผู้แทนในหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการเช่นนั้น 

นางสาวทิพานัน กล่าวว่า หากนายพิธา ไม่ทราบและแยกแยะไม่ออกว่าการสนับสนุนความรุนแรงเป็นอย่างไร มีตัวอย่างให้เห็น คือ พรรคสนับสนุนให้นักการเมืองชายที่มีประวัติเกี่ยวข้องคดีใช้ความรุนแรงในครอบครัว ทำร้ายร่างกายผู้หญิงเป็นผู้นำ หรือกรณีที่ ส.ส. บางพรรค ไปร่วมชุมนุมกับกลุ่มที่กระทำความผิดตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ โดยเผาพระบรมฉายาลักษณ์ และทำลายทรัพย์สินของทางราชการ และใช้ตำแหน่งประกันตัวผู้ต้องหา 

รวมถึงเคลื่อนไหวในสภาฯให้แก้ไขกฎหมายเอื้อประโยชน์ให้กลุ่มผู้ชุมนุมที่ฝ่าฝืนกฎหมายให้พ้นจากความผิด และพยายามแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมเพื่อต้องการให้ปล่อยตัวชั่วคราวผู้ต้องหาโดยประกาศจะใช้อำนาจ กมธ. เชิญประธานศาลฎีกา มาชี้แจง การกระทำเหล่านี้น่าจะเข้าข่ายเป็นผู้สนับสนุนและช่วยเหลือผู้กระทำความผิดที่ใช้ความรุนแรงชัดเจนและยังเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงของประเทศ

นางสาวทิพานัน กล่าวว่า กระทรวงการต่างประเทศ แถลงขอให้ทางการเมียนมา ยุติการใช้ความรุนแรง และปล่อยตัวผู้ที่ถูกควบคุมตัวเพิ่มขึ้น และเตรียมที่จะหารือในเรื่องดังกล่าวในการประชุมอาเซียนซัมมิทในเดือนเม.ย.นี้ ในระหว่างนี้ไทยให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม และอำนวยความสะดวกแก่ผู้หนีภัยความไม่สงบที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์สู้รบในเมียนมา ซึ่งตรงข้ามกับข้อกล่าวหาของนายพิธา ที่โจมตีรัฐบาลว่าให้การสนับสนุนให้ใช้ความรุนแรง แต่นายพิธา กลับฉวยโอกาสนำการเมืองระหว่างประเทศมาเป็นเครื่องมือเพื่อดิสเครดิตรัฐบาล หาประโยชน์ให้กับตนเองและพวกพ้อง 

“ไม่น่าเชื่อว่าคนไทยด้วยกันเอง นักการเมืองบางคนพยายาม โหนกระแสวิกฤตในเมียนมา มาตอมกลิ่มความขัดแย้งในสังคมและขยายผล พยายามทำร้ายและบ่อนทำลายความมั่นคงของประเทศ แต่เชื่อว่าประชาชนรู้ดีว่าเกิดอะไรขึ้น ไม่หลงไปกับกระแสที่นักการเมืองพยายามเสี้ยมให้เข้าใจผิดรัฐบาล ที่หวังสุมไฟหวังให้เกิดสงครามกลางเมืองซ้ำเติมให้ประเทศบอบช้ำ” นางสาวทิพานัน กล่าว

นร. ต้องมาก่อน “ดร.กนก” ชี้เป้า! จัดซื้อ แนะ “ตรีนุช” เพิ่มเงิน “ครูชนบท”

ศ.ดร.กนก วงษ์ตระหง่าน สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวแนะนำหลักในการวางนโยบาย และแลกเปลี่ยนแนวทางปฏิบัติงาน ต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการคนใหม่ “นางสาวตรีนุช เทียนทอง” ที่เน้นย้ำให้เอาประโยชน์ของคุณภาพการเรียนรู้ของนักเรียน และชั้นเรียนเป็นสำคัญ ผ่านภารกิจ 3 เรื่อง คือ  

1.) การกระจายอำนาจให้โรงเรียน โดยเฉพาะงบประมาณ

2.) การนำระบบฝึกหัดครูกับมาสร้างครูใหม่

และ 3.) เปลี่ยนวิธีการสอนของครูในชั้นเรียน เพื่อให้เกิดคุณภาพการเรียนรู้ของนักเรียน

“นี่เป็นสิ่งที่ผม และอีกหลายคน หวังว่ารัฐมนตรีท่านนี้จะทำได้สำเร็จ และแม้จะไม่สามารถครอบคลุมทุกชั้นเรียนได้ ก็อาจกำหนดเป็นพื้นที่เป้าหมาย อาทิ จำนวนโรงเรียน หรือชั้นเรียน แล้วทุ่มงบประมาณอย่างเต็มกำลังเพื่อให้ประสบความสำเร็จภายใน 2 ปี ตามอายุรัฐบาลนี้ และเพื่อให้เห็นภาพที่ชัดเจน ผมเสนอให้กำหนดเป็นโรงเรียนจำนวน 5,000 แห่ง และชั้นเรียนจำนวน 30,000 ห้อง เป็นเป้าหมาย ส่วนระบบฝึกหัดครูนั้น ก็ควรให้จัดทำโครงการฝึกหัดครูร่วมกับมหาวิทยาลัย ที่มากกว่า คณะศึกษาศาสตร์ เช่น ต้องมีคณะวิทยาศาสตร์ คณะเกษตรศาสตร์ หรือคณะวิศวกรรมศาสตร์ เป็นต้น มาเข้าร่วมด้วย 10 แห่งกระจายอยู่ทั่วประเทศ เพื่อสร้างครูพันธุ์ใหม่ จำนวน 4,000-5,000 คนในเวลา 2 ปีนี้ และบรรจุครูกลุ่มนี้ทดแทนครูเกษียณทั้งหมด ส่วนการกระจายอำนาจให้โรงเรียน ก็ควรทดลองปฏิบัติกับโรงเรียนที่คัดเลือกตามนโยบายยกระดับชั้นเรียนจำนวน 5,000 โรงเรียนไปพร้อมกันเลย”

นอกจากนี้ อดีตที่ปรึกษารัฐมนตรีท่านนี้ ยังได้กล่าวเตือนถึงกับดักในกระทรวงศึกษาธิการ ตั้งแต่เรื่องของการจัดซื้อจัดจ้าง และการบรรจุ แต่งตั้ง โยกย้ายข้าราชการ ที่ทำลายอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการมาหลายท่านแล้ว
 
“กระทรวงแห่งนี้ มีงบประมาณกว่า 300,000 ล้าน ซึ่งถือว่ามหาศาล ดังนั้น ข้าราชการบางคน และเอกชนบางกลุ่ม ก็จะหาแนวทางในการเสนอโครงการใหม่ ๆ อยู่เป็นระยะ ๆ ในจำนวนเงินที่สูง และวางจุดมุ่งหมายอันเชื่อมโยงไปกับการพัฒนาคุณภาพการศึกษา และยกระดับการบริหารให้มีประสิทธิภาพ แต่ข้อสังเกตที่น่าสนใจก็คือ โครงการเหล่านี้ ส่วนใหญ่จะเน้นไปที่การซื้ออุปกรณ์จำนวนมาก และเทคโนโลยีทันสมัย ที่มีราคาสูง รวมไปถึงการก่อสร้าง แต่มิได้มีการวางลำดับความสำคัญของการใช้เครื่องมือ หรืออุปกรณ์สำหรับครู เพื่อการพัฒนาสาระวิชา และสร้างการสอนที่มีคุณภาพยิ่งขึ้นเลย 

“ส่วนการบรรจุ แต่งตั้ง โยกย้ายครู และบุคลากรทางการศึกษา ส่วนใหญ่มักเป็นการย้ายตามความประสงค์ของครู หรือบุคลากรทางการศึกษา แต่ไม่ใช่ความจำเป็นของนักเรียน และโรงเรียน แต่อย่างใด ดังนั้น ก่อนการบรรจุ แต่งตั้ง โยกย้าย รัฐมนตรีต้องมีข้อมูลชัดเจนถึงความต้องการ และปัญหาจริงของโรงเรียนแต่ละแห่ง เพื่อบริหารจัดการการบรรจุ แต่งตั้ง โยกย้าย ให้ตรงกับความต้องการ และปัญหาของโรงเรียนนั้น ๆ นี่ถึงจะเป็นประโยชน์ต่อนักเรียน และชั้นเรียนอย่างแท้จริง”

รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ยังทิ้งท้ายถึง “วัฒนธรรมการบริหาร” ในกระทรวงศึกษาธิการ ที่ต้องส่งเสริมให้ “คนเก่งและดี” มีความเจริญก้าวหน้า และได้รับบทบาทให้ช่วยทำงานสำคัญ ในการยกระดับคุณภาพการศึกษาของนักเรียนอย่างต่อเนื่อง “ระบบบริหารของกระทรวงต้องรักษาครูที่ดี ที่เก่ง เป็นที่ต้องการของพื้นที่เอาไว้ ไม่ให้ลาออกหรือขอย้ายจากพื้นที่ที่นักเรียนต้องการ ด้วยการจูงใจและสนับสนุนครูเหล่านั้นอย่างเหมาะสมกับความสามารถ และประสบการณ์ เพื่อที่นักเรียนในพื้นที่ด้อยโอกาสจะได้ครูดี ๆ ที่มีคุณภาพสำหรับพวกเขา เช่น การปรับค่าตอบแทนครูในชนบทห่างไกล หรือโรงเรียนขนาดเล็ก ที่มีผลการสอนตามเกณฑ์มาตรฐาน ควรเพิ่มเงินพิเศษอีกเดือนละ 5,000 บาท นอกเหนือไปจากเงินเดือนประจำ และค่าตอบแทนอื่น ๆ ที่ระบบปัจจุบันกำหนดเอาไว้”

มาสด้า เซลส์ ประเทศไทย ร่วมมือกรมขนส่งทางบกและผู้จำหน่ายรถยนต์มาสด้าทั่วประเทศ ผุดโครงการ “ตรวจรถฟรี ขับขี่ปลอดภัยเทศกาลสงกรานต์ 2564” ชวนลูกค้ามาสด้ามาตรวจเช็กสภาพรถฟรี 20 รายการ เริ่มวันนี้ 1 เมษายน 2564 ถึงวันที่ 30 เมษายน 2564

นายชาญชัย ตระการอุดมสุข ประธานบริหาร บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ความปลอดภัยในการเดินทางบนท้องถนนนับเป็นสิ่งที่มาสด้าตระหนัก และให้ความสำคัญเป็นอันดับหนึ่งเสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเทศกาลสำคัญ ๆ ที่ประชาชนจำเป็นต้องเดินทางกลับภูมิลำเนา และใช้รถใช้ถนนเป็นจำนวนมาก

"เรามีความห่วงใยและขอร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยลดอุบัติเหตุบนท้องถนน เพื่อยกระดับความปลอดภัยของพี่น้องชาวไทยทุกคนให้เดินทางกลับบ้านโดยสวัสดิภาพ ผ่านโครงการ “ตรวจรถฟรี ขับขี่ปลอดภัยเทศกาลสงกรานต์ 2564” โดยมาสด้าพร้อมให้การบริการตรวจเช็กสภาพรถฟรี 20 รายการ พร้อมมอบส่วนลดและเครดิตเงินคืนกับบัตรเครดิตที่ร่วมรายการ รวมถึงมอบข้อเสนอพิเศษต่างๆ มากมาย เพื่อเป็นการกระตุ้นให้ผู้เดินทางทุกคนได้เตรียมความพร้อมทั้งรถทั้งคนขับ เพื่อเดินทางอย่างปลอดภัยในช่วงเทศกาลสงกรานต์"

สำหรับรายการตรวจเช็กสภาพฟรี 20 รายการ ประกอบด้วย การตรวจสอบระดับน้ำมันเครื่องและความสกปรกของน้ำมันเครื่อง, ตรวจสภาพยาง, ตรวจระดับน้ำหม้อน้ำ หม้อพักน้ำ พร้อมฝาปิดหม้อน้ำ, ตรวจสภาพการทำงานของไฟส่องสว่างและไฟสัญญาณ, ตรวจสอบระบบไฟชาร์จ, ตรวจสภาพสายพานและความตึงของสายพานพร้อมปรับตั้ง, ตรวจสอบท่อยางหม้อน้ำและรอบรั่ว, ตรวจสอบน้ำมันเบรกและน้ำมันคลัตช์, ตรวจสอบคลัตช์, ตรวจสอบระดับน้ำมันกลั่นในแบตเตอรี่ ขั้วแบตเตอรี่, ตรวจระดับน้ำล้างกระจก, ตรวจสอบอุปกรณ์ปัดน้ำฝน, ตรวจสภาพการรั่วซึมของน้ำมันในห้องเครื่องยนต์, ตรวจสอบเบรก, ตรวจสอบเบรกมือ, ตรวจสอบไส้กรองอากาศ, ตรวจสอบสภาพการทำงานของเครื่องยนต์, ตรวจเข็มขัดนิรภัย, ตรวจสอบระบบส่งกำลัง ระบบบังคับเลี้ยวและระบบกรองน้ำหนัก และตรวจสอบระดับก๊าซไอเสีย

ลูกค้าที่สนใจเข้าร่วมโครงการ “ตรวจรถฟรี ขับขี่ปลอดภัยเทศกาลสงกรานต์ 2564” สามารถลงทะเบียนเพื่อรับสิทธิ์โดยกดเพิ่มเพื่อนกับมาสด้าผ่านทาง Mazda Official LINE Account @MazdaThailand เพื่อรับคูปองตรวจเช็กฟรี 20 รายการ และนำมาใช้บริการได้ที่ศูนย์บริการมาสด้าทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2564 จนถึงวันที่ 30 เมษายน 2564 สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์บริการมาสด้าหรือติดต่อสอบถามเพิ่มเติมที่มาสด้าสปีดไลน์ 02-030-5666


สนับสนุนข่าวโดย : รับข้อเสนอพิเศษมอเตอร์โชว์ ในงาน Mazda Motor Show สัมผัสปิกอัพใหม่ All-New Mazda BT-50 และยนตรกรรมสกายแอคทีฟจากมาสด้า ดอกเบี้ยต่ำสุด 0%* รับประกันคุณภาพรถสูงสุด 5 ปี* และบัตรเติมน้ำมัน 10,000 บ.* 24 มี.ค. 64 - 4 เม.ย. 64 ที่บูธและโชว์รูมทั่วประเทศ


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top