Sunday, 5 May 2024
Hard News Team

“บิ๊กตู่” สั่งเหล่าทัพเตรียมพร้อมรับสถานการณ์ “เมียนมา” ด้านทอ.เตรียม C-130 พร้อมเจ้าหน้าที่จ่อบิน รอรบ.-กต. ประสานมา

เมื่อวันที่ 1 เมษายน 2564 แหล่งข่าวความมั่นคง เปิดเผยถึงการประเมินสถานการณ์ประเทศเมียนมาในขณะนี้ว่า จากที่ติดตามและพิจารณารายวันจะพบว่าสถานการณ์มีความรุนแรงขึ้น แต่ยังไม่ถึงขั้นน่าวิตกกังวลใด ๆ เนื่องจากเหตุความวุ่นวายเกิดขึ้นบางพื้นที่ประเทศเมียนมาเท่านั้น ไม่ได้เกิดขึ้นทั่วทั้งประเทศและยังไม่ก่อเป็นสงคราม ส่วนใหญ่จะเป็นจุดพื้นที่ที่ชนกลุ่มน้อยอยู่และมีการต่อสู้กับทางทหารเมียนมา ขณะที่คนไทยในเมียนมาส่วนใหญ่ไม่ได้อาศัยอยู่บริเวณชายแดน และตอนนี้อยู่ในพื้นที่ปลอดภัย รวมทั้งยังไม่มีคนไทยคนใดประสานขอความช่วยเหลือจากทางการ หรือประสานขอกลับประเทศ 

แหล่งข่าวความมั่นคง กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ได้สั่งการให้ทุกเหล่าทัพเตรียมแผนรองรับสถานการณ์ความรุนแรงในเมียนมา โดยในส่วนของภาคพื้นดินแนวชายแดนระหว่างไทยกับเมียนมาได้มอบหมายให้กองทัพภาคที่ 3 กองทัพบกทำหน้าที่รับผิดชอบหลักในการดูแลให้ความช่วยเหลือชาวเมียนมา ซึ่งมีการจัดพื้นที่แรก  พื้นที่พักรอ และจุดรองรับผู้อพยพในพื้นที่จ.แม่ฮ่องสอน จ.ตาก จ.เชียงใหม่ และ จ.เชียงราย ขณะที่พื้นที่ทางน้ำระหว่างแม่น้ำหน่วยเฉพาะกิจของกองทัพเรือ ป้องกันชายแดนตามลำแม่น้ำโขงเขต จ.เชียงราย ทำหน้าที่รับผิดชอบดูแลเรือที่สัญจรผ่านไปมาระหว่างแม่น้ำสองประเทศ 

ส่วนกองทัพอากาศนั้นได้เตรียมความพร้อมเครื่องบินลำเลียงแบบที่ 8 หรือ C-130 พร้อมเจ้าหน้าที่ทหารอากาศไว้ หากรัฐบาลประสานขอให้กองทัพอากาศนำเครื่องบินไปรับคนไทยเพื่ออพยพกลับประเทศ แต่ทุกขั้นตอนนั้นจะต้องดำเนินการผ่านกระทรวงการต่างประเทศที่ทำหน้าที่เป็นแม่งานเพียงหน่วยงานเดียวเท่านั้น เนื่องจากเป็นเรื่องละเอียดอ่อน แต่ทั้งนี้คาดว่าหากมีการแจ้งประสานมาทางรัฐบาลโดยกระทรวงการต่างประเทศจะพิจารณาใช้เครื่องบินพาณิชย์ไปรับก่อน เพราะสนามบินในเมียนมายังคงใช้งานได้ตามปกติ 

แต่หากเกิดเหตุที่เป็นพื้นที่ที่เครื่องบินพาณิชย์ไม่สามารถบินเข้าไปได้ ก็จะประสานกองทัพอากาศ เพื่อนำเครื่องบินทหารไปรับกลับมาโดยใช้กลไกของสำนักงานผู้ช่วยทูตฝ่ายทหารประจำสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงย่างกุ้ง ซึ่งขณะนี้รัฐบาลของทั้งสองประเทศยังสามารถพูดคุยประสานงานกันได้อยู่ อย่างไรก็ตามแผนการอพยพคนไทยก็จะเหมือนกับทุกสถานทูตประเทศนั้น ๆ จะพิจารณาถึงความจำเป็น

“ผบ.ทอ.” สั่งเตรียมพร้อม C-130 อพยพคนไทย ในเมียนมากลับประเทศ หากสถานการณ์ถึงขั้นวิกฤติ

เมื่อวันที่ 1 เมษายน 2564 พล.อ.ท.ฐานัตถ์ จันทร์อำไพ เจ้ากรมกิจการพลเรือน ในฐานะโฆษกกองทัพอากาศ เปิดเผยว่า พล.อ.อ.แอร์บูล สุทธิวรรณ ผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ.) สั่งการให้กองบิน 6 เตรียมความพร้อมเครื่องบินลำเลียง C-130  และเครื่องบินในส่วนของกองทัพอากาศไว้สำหรับรองรับภารกิจแล้ว หากรัฐบาลสั่งการให้ส่งเครื่องบินไปรับคนไทยในเมียนมาก็ความพร้อมปรับเปลี่ยนภารกิจมาใช้ในภารกิจนี้ได้ทันที หากเกิดสถานการณ์ขั้นวิกฤติ

ทั้งนี้ ผบ.ทอ. ได้สั่งการ ให้เตรียมความพร้อมมาตั้งแต่เกิดการประท้วงต่อต้านรัฐประหารในเมียนมาแล้ว หากรัฐบาลสั่งการ จะได้ไปทันที แต่จะส่งไปเมื่อใดนั้น แล้วแต่สถานการณ์ ซึ่งทางกระทรวงการต่างประเทศ จะมีการประเมินสถานการณ์อีกครั้ง ตอนนี้จึงเป็นเพียงการติดตามสถานการณ์เท่านั้น

“ไม่ว่าวิกฤติการณ์ ไหน ภัยพิบัติใดกองทัพอากาศ ก็พร้อมที่จะช่วยเหลือประชาชนตามคำสั่งของรัฐบาล” พล.อ.ท.ฐานัตถ์  กล่าว

ศรีสุวรรณ ให้ปากคำสภ.ภูพิงค์ ยัน เอาผิดก๊วนเหยียดหยามธงชาติไร้สีน้ำเงิน

เมื่อวันที่ 1 เมษายน 2564 ที่จ.เชียงใหม่ นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เดินทางไป สภ.ภูพิงคราชนิเวศน์ .เชียงใหม่ อีกครั้ง เพื่อให้ปากคำต่อพนักงานสอบสวนและยื่นพยานหลักฐานเพิ่มเติม กรณีที่เคยมาแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษ ผู้ที่นำธงชาติไทยแต่ไร้แถบสีน้ำเงินมากระทำการในลักษณะไม่สมควร เมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2564 และบริเวณคณะวิจิตรศิลป์ มช.ตามพระราชบัญญัติธง .. 2522 โดยมีนักแสดงหญิงชื่อดังที่ทำตัวเป็นท่อน้ำเลี้ยงพ่วงอยู่ด้วย

ซึ่งการนำธงชาติไทย หรือธงไตรรงค์มาแสดงเป็นสัญลักษณ์ แต่ไม่มีแถบสีน้ำเงิน โดยมีการขีดเขียนข้อความและหรือถ้อยคำสบถต่างๆ ในลักษณะลบหลู่ เหยียดหยามและดูหมิ่นนั้น เป็นหลักฐานสำคัญที่ชี้ให้เห็นถึงการกระทำความผิดตาม พรบ.ธง 2522 ในหลายมาตรา อาทิ .51 .53 ที่บัญญัติว่า ผู้ใดกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใด อาทิ ประดิษฐ์รูป ตัวอักษร ตัวเลข หรือเครื่องหมายอื่นใดในผืนธง ใช้ ชัก หรือแสดงธง รูปจำลองของธง หรือในแถบสีของธง อันมีลักษณะโดยไม่สมควร ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินหนึ่งปีหรือปรับไม่เกินสองพันบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ 

ใน .54 ยังบัญญัติต่อไปว่า ผู้ใดกระทำการใด อันมีลักษณะเป็นการเหยียดหยามต่อธง รูปจำลองของธง หรือแถบสีธงที่ได้บัญญัติกำหนดลักษณะไว้ในพระราชบัญญัตินี้ หรือตามที่กำหนดในกฎของกระทรวง ซึ่งออกตามพระราชบัญญัตินี้ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และที่สำคัญ คือ ตามประมวลกฎหมายอาญา .118 ได้บัญญัติข้อห้ามไว้ว่า ผู้ใดกระทำการใดๆ ต่อธงหรือเครื่องหมายอื่นใดอันมีความหมายถึงรัฐ เพื่อเหยียดหยามประเทศชาติ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 4,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

กรณีที่เกิดขึ้น มีผู้ที่มีสมรู้ร่วมคิดในการดำเนินการดังกล่าวหลายคน ทั้งหัวดำ หัวหงอก ทั้งนักศึกษา และผู้ที่อ้างว่าเป็นอาจารย์ที่ปรึกษา ซึ่งสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ไม่อาจทนดูพฤติกรรมของผู้ที่นำธงของชาติไทยมาลบหลู่ ดูหมิ่น และใช้เป็นเครื่องมือในการโจมตีสถาบันพระมหากษัตริย์ต่อไปได้ จึงนำพยานหลักฐานมามอบให้กับพนักงานสอบสวน สภ.ภูพิงค์ราชนิเวศน์เพิ่มเติม เพื่อตอกย้ำถึงความผิดของผู้ที่สมรู้ร่วมคิดในการผู้ที่จัดทำธงดังกล่าวอย่างไม่เหมาะสม ตามประมวลกฎหมายอาญา .83 ที่บัญญัติว่า ในกรณีความผิดใดเกิดขึ้นโดยการกระทำของบุคคลตั้งแต่สองคนขึ้นไป ผู้ที่ได้ร่วมกระทำความผิดด้วยกันนั้นเป็นตัวการ ต้องระวางโทษตามที่กฎหมายกำหนดไว้สำหรับความผิดนั้นผู้ที่เข้าร่วมชุมนุมและร่วมกิจกรรมดังกล่าว ต้องถือว่าเป็นตัวการร่วมในการกระทำความผิด ตาม พรก.ฉุกเฉิน 2548 และ พรบ.โรคติดต่อ 2558 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา .112 .116 และ .215

H&M แถลงผลประกอบการไตรมาสแรกขาดทุนยับ รีบกลับลำหันมาทุ่มเทสร้างความไว้วางใจ - เชื่อใจกับคู่หุ้นส่วนธุรกิจจีนและเหล่านักช้อปในแดนมังกร หลังจีนเปิดศึกโต้กลับเหล่าแบรนด์ดังโลกกล่าวหามีการละเมิดสิทธิมนุษย์ชนในซินเจียง

สืบเนื่องจากการที่เอช แอนด์ เอ็ม แห่งสวีเดนซึ่งครองแท่นยักษ์ใหญ่ค้าปลีกสินค้าแฟชั่นอันดับสองของโลก ได้เริ่มออกแถลงการณ์ในโซเชียลมีเดียตั้งแต่ปี 2020 ในเนื้อหาแถลงการณ์แสดงความวิตกเกี่ยวกับรายงานที่แฉการบังคับใช้แรงงานในเขตปกครองตัวเองชนชาติอุยกูร์แห่งซินเจียง และบอกว่าเอช แอนด์ เอ็ม จะไม่ใช้ฝ้ายจากซินเจียงอีกต่อไป แถลงการณ์ฉบับนี้ได้จุดกระแสให้กลุ่มแบรนด์ดังโลกทั้งค้าปลีกแฟชั่น - เครื่องกีฬา อย่างไนกี้ อาดิดาส ออกมาร่วมขบวนบอยคอตฝ้ายซินเจียง

ด้านจีนได้ระดมกลุ่มผู้รักชาติทั้งภาคเจ้าหน้าที่รัฐ, ซุปตาร์, กลุ่มบริษัทรายใหญ่ และผู้บริโภคบอยคอตสินค้าแบรนด์ดังโลกที่บังอาจมากล่าวหาจีนละเมิดสิทธิมนุษย์ชน

จากเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้ H&M ได้ออกแถลงในเว็บไซต์ขององค์กรเมื่อวันที่ 31 มี.ค. ว่า ข้อตกลงสัญญาระหว่าง H&M กับจีน ยังเหนียวแน่น และบริษัทได้ฟื้นความเชื่อใจและมั่นใจกับผู้บริโภค ผู้ร่วมงาน และคู่หุ้นส่วนในจีน

“ในการทำงานร่วมกับกลุ่มผู้ถือหุ้น และคู่หุ้นส่วน เราเชื่อว่าเราจะจับมือกันเดินหน้าพัฒนาอุตสาหกรรมแฟชั่น ตอบสนองความต้องการผู้บริโภค และเคารพซึ่งกันและกัน”

ทั้งนี้ H&M รายงานยอดขาดทุนก่อนหักภาษีระหว่างช่วงเดือนธ.ค.-ก.พ. ซึ่งเป็นไตรมาสแรกของปีการเงินบริษัท เท่ากับ 1.39 พันล้านคราวน์ (หรือ 159 ล้านเหรียญสหรัฐ / หรือกว่า 4.9 พันล้านบาท) เทียบกับปีก่อนหน้าที่มีกำไรอยู่ที่ 2.50 พันล้านคราวน์ หรือ 8.99 พันล้านบาท จากการวิเคราะห์จากการสำรวจของ Refinitiv ได้คาดการณ์ยอดขาดทุนเฉลี่ย เท่ากับ 1.41 พันล้านคราวน์ หรือกว่า 5 พันล้านบาท

.

ที่มา: https://sondhitalk.com/detail/9640000030750?fbclid=IwAR3ZUwgRSX27TjcR1hz3ECel3aEVyfLPIGe2KiSle_x1PjetpDkQYb7B7Ig


สนับสนุนข่าวโดย : รับข้อเสนอพิเศษมอเตอร์โชว์ ในงาน Mazda Motor Show สัมผัสปิกอัพใหม่ All-New Mazda BT-50 และยนตรกรรมสกายแอคทีฟจากมาสด้า ดอกเบี้ยต่ำสุด 0%* รับประกันคุณภาพรถสูงสุด 5 ปี* และบัตรเติมน้ำมัน 10,000 บ.* 24 มี.ค. 64 - 4 เม.ย. 64 ที่บูธและโชว์รูมทั่วประเทศ

นฤมล นำทัพถก พัฒนาทักษะฝีมือคนพิการ รองรับการประกอบอาชีพ

วันที่ 1 เมษายน 2564 ศาสตราจารย์ นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงแรงงาน เป็นประธานการประชุมหารือการจัดทำแผนพัฒนาทักษะฝีมือคนพิการรองรับการประกอบอาชีพ ครั้งที่ 2/2564 โดยมีหม่อมหลวงปุณฑริก สมิติ ที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงแรงงาน เข้าร่วมประชุม ณ ห้องประชุมปกรณ์ อังศุสิงห์ ชั้น 10 อาคารกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน

 

ศาสตราจารย์ นฤมล กล่าวว่า ปัจจุบันคนพิการยังไม่ได้รับการพัฒนาทักษะมือให้ตรงตามความต้องการของสถานประกอบกิจการเท่าที่ควร เนื่องจากขาดหลักสูตรการฝึกหลักสูตรที่เหมาะสม เครื่องมือ อุปกรณ์ที่ช่วยในการทำงานที่ตรงตามประเภทของความพิการ ฐานข้อมูลด้านแรงงานเพื่อสนับสนุนการจ้างงาน การประชุมในวันนี้จึงเป็นการจัดทำแผนปฏิบัติการพัฒนาทักษะฝีมือคนพิการรองรับการประกอบอาชีพ เพื่อเป็นการบูรณาการการทำงานของหน่วยงานภาครัฐ สถานประกอบกิจการ และส่งเสริมการประกอบอาชีพอิสระ โดยสมาคมคนพิการ สถานประกอบกิจการ สถาบันการศึกษา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จะร่วมกันจัดทำหลักสูตรทั้งหาร upskill, reskill และ change skill ตามความเหมาะสมของคนพิการแต่ละประเภทและลักษณะของการทำงาน เพื่อให้คนพิการมีทักษะในการประกอบอาชีพและได้รับการจ้างงานมากขึ้น รองรับการทำงานในโลกยุคใหม่

 

ที่ประชุมได้เสนอแผนบูรณาการพัฒนาทักษะฝีมือคนพิการเพื่อรองรับการประกอบอาชีพรวม 61 โครงการ เป้าหมายกว่า 180,000 คน การพัฒนาคนพิการใน 3 ประเด็น ประกอบด้วย การพัฒนาทักษะคนพิการ การส่งเสริมการประกอบอาชีพและการจ้างงานคนพิการ และการพัฒนาศักยภาพคนพิการผ่านการแข่งขันฝีมือแรงงาน นอกจากนี้ยังมีโครงการขับเคลื่อนการดำเนินงานประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 – พ.ศ. 2565 จำนวน 4 โครงการ ประกอบด้วย โครงการพัฒนาคุณภาพผลิตภัณฑ์ชุมชนและส่งเสริมการตลาดผ่านช่องทางออนไลน์ โครงการส่งเสริมอาชีพการปลูกฮอปส์ (HOPS) เพื่อพัฒนาอาชีพคนพิการทางการเคลื่อนไหวหรือร่างกาย โครงการพัฒนาทักษะมีมือครอบครัวคนพิการทางสติปัญญาเพื่อส่งเสริมการประกอบอาชีพ และโครงการส่งเสริมการประกอบอาชีพธุรกิจสำหรับบุคคลออทิสติกและครอบครัว ซึ่งจะนำไปสู่การสนับสนุนและพัฒนาศักยภาพคนพิการอย่างเป็นรูปธรรม

 

รมช.แรงงาน กล่าวเพิ่มเติมว่า การให้ความช่วยเหลือและดูแลคนพิการ ไม่ได้ดำเนินการเพียงเรื่องการฝึกอบรมและการจ้างงานเท่านั้น การส่งเสริมด้าน CSR ก็เป็นอีกกิจกรรมที่สำคัญ ซึ่งจะมีการแถลงข่าว การเชิญชวนสถานประกอบกิจการ ร่วมทำ CSR เพื่อคนพิการ ในวันที่ 2 เมษายน นี้ ที่กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน และคาดว่า จะมีการจัดสัมมนาขึ้นในวันที่ 22 เมษายน  2564 ภายใต้ชื่องาน "เสริมฝีมือ สร้างสุข ให้อาชีพ คนพิการ"

 

“ความร่วมทุกภาคส่วนที่ได้เล็งเห็นถึงศักยภาพของคนพิการ และร่วมสร้างโอกาสให้คนพิการได้มีส่วนร่วมในสังคมอย่างเท่าเทียม จะเป็นส่วนหนึ่งในการจ้างงานและการประกอบอาชีพอิสระที่ยั่งยืน ทำให้มีรายได้ที่มั่นคงและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นต่อไป” รมช.แรงงาน กล่าวทิ้งท้าย

กองทัพเมียนมา แถลงหยุดยิง 1 เดือน วอน ‘กลุ่มชาติพันธุ์’ ร่วมกันรักษาความสงบ

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงเนปิดอว์ ประเทศเมียนมา เมื่อวันที่ 1 เม.ย. ว่าคณะมนตรีการปกครองแห่งรัฐ ซึ่งเป็นชื่ออย่างเป็นทางการของรัฐบาลทหารเมียนมา ออกแถลงการณ์เมื่อวันพุธที่ผ่านมา ว่ากองทัพพร้อมยุติปฏิบัติการทางทหาร ระหว่างวันที่ 1 - 30 เม.ย.นี้ เพื่อให้เป็นไปตามกระบวนการสันติภาพ โดยตลอดช่วงเวลาดังกล่าวขอความร่วมมือจากกองกำลังชาติพันธุ์ทุกกลุ่ม ‘ร่วมกันรักษาความสงบ’ และเพื่อร่วมกันเฉลิมฉลองเทศกาลสงกรานต์

อย่างไรก็ตาม การหยุดยิงครั้งนี้ไม่มีผลกับ ‘กิจกรรมทุกรูปแบบที่มีผลต่อความปลอดภัยและความมั่นคงของรัฐ ตลอดจนความราบรื่นในการบริหารกิจการแผ่นดิน’ สื่อชัดเจนถึงการประท้วงต่อต้านรัฐบาลทหาร ซึ่งเกิดขึ้นรายวันนับตั้งแต่วันยึดอำนาจ เมื่อ 1 ก.พ. ที่ผ่านมา

ขณะที่ยังไม่มีกองกำลังชาติพันธุ์กลุ่มใดออกมาให้ความเห็นอย่างเป็นทางการ ต่อการประกาศ ‘สงบศึกชั่วคราว’ ของกองทัพเมียนมา อนึ่ง ก่อนหน้านั้น สหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง (เคเอ็นยู) ซึ่งเป็นกองกำลังชาติพันธุ์เก่าแก่ที่สุด และมีฐานที่มั่นอยู่ทางตะวันออก กองทัพเอกราชกะฉิ่น (เคไอเอ) ซึ่งมีเขตอิทธิพลอยู่ทางเหนือ กองทัพอาระกัน (เอเอ) ซึ่งเป็นกองกำลังชาวพุทธในรัฐยะไข่ ที่อยู่ทางตะวันตก และสภาเพื่อการกอบกู้รัฐฉานของเจ้ายอดศึก แสดงออกชัดเจน ว่าไม่เห็นด้วยกับการรัฐประหารในกรุงเนปิดอว์

ทั้งนี้ สถานการณ์การสู้รบตามแนวชายแดนทางตะวันออกของเมียนมา ซึ่งติดกับไทย ยังคงมีความรุนแรงเป็นระยะ โดยสื่อท้องถิ่นรายงานว่า เครื่องบินรบของกองทัพเมียนมาโจมตีเหมืองทองแห่งหนึ่ง ที่อยู่ภายในอาณาเขตยึดครองของเคเอ็นยู เมื่อวันอังคาร ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 11 คน โดยกองทัพเมียนมาปฏิบัติการโจมตีทางอากาศในแถบนี้ตั้งแต่ช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งนับเป็นครั้งแรกในรอบ 20 ปี เพื่อตอบโต้ที่เคเอ็นยูบุกโจมตีฐานประจำการแห่งหนึ่งของกองทัพ สังหารทหารอย่างน้อย 10 นาย และควบคุมตัวทหาร 8 นายเป็นตัวประกัน

.

ที่มา: https://www.dailynews.co.th/foreign/834449


สนับสนุนข่าวโดย : รับข้อเสนอพิเศษมอเตอร์โชว์ ในงาน Mazda Motor Show สัมผัสปิกอัพใหม่ All-New Mazda BT-50 และยนตรกรรมสกายแอคทีฟจากมาสด้า ดอกเบี้ยต่ำสุด 0%* รับประกันคุณภาพรถสูงสุด 5 ปี* และบัตรเติมน้ำมัน 10,000 บ.* 24 มี.ค. 64 - 4 เม.ย. 64 ที่บูธและโชว์รูมทั่วประเทศ

มท.จัดงานวันที่ระลึกคล้ายวันสถาปนากระทรวงมหาดไทย 129 ปี 

เมื่อวันที่ 1 เมษายน 2564 บริเวณด้านหน้ากระทรวงมหาดไทย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย เป็นประธานในพิธีวางพุ่มดอกไม้ถวายสักการะพระอนุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ พร้อมทั้งกล่าวคำถวายสดุดีสมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ เนื่องในวันที่ระลึกคล้ายวันสถาปนากระทรวงมหาดไทยครบ 129 ปี เพื่อน้อมระลึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่ทรงมีพระบรมราชโองการสถาปนากระทรวงมหาดไทยขึ้น โดยมีนายนิพนธ์ บุญญามณี นายทรงศักดิ์ ทองศรี รมช.มหาดไทย นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงมหาดไทย และหัวหน้าหน่วยงานรัฐวิสาหกิจสังกัดกระทรวงมหาดไทย เข้าร่วมพิธีฯ

จากนั้นพล.อ.อนุพงษ์เป็นประธานในพิธีทอดผ้าป่าสมทบกองทุนพัฒนาเด็กชนบทในพระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ณ พระวิหาร วัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร โดยสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เป็นองค์ประธานพิจารณาผ้าป่า ซึ่งกรมการพัฒนาชุมชนเป็นเจ้าภาพจัดกิจกรรม เพื่อรวบรวมเงินจากผู้มีจิตศรัทธาจากทั่วประเทศ สมทบเข้าเป็นกองทุนการศึกษาแก่เด็กยากจนและด้อยโอกาสในพื้นที่ชนบท จากนั้น พล.อ.อนุพงษ์เป็นประธานในพิธีบำเพ็ญกุศลเนื่องในวันที่ระลึกคล้ายวันสถาปนากระทรวงมหาดไทย โดยมี สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ เลขานุการสมเด็จพระสังฆราช ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร และคณะสงฆ์วัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามราชวรวิหารรวม 10 รูป เจริญพระพุทธมนต์

จากนั้น พล.อ.อนุพงษ์เป็นประธานในพิธีมอบเข็มเชิดชูเกียรติผู้มีจริยธรรมดีเด่น ประจำปี 2563 ให้แก่บุคลากรในสังกัดสำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทยที่ได้รับการยกย่องเป็นผู้มีจริยธรรมดีเด่นจำนวน 5 ราย ได้แก่ นายสมศักดิ์ จังตระกุล ผวจ.ขอนแก่น นายปรีชา เดชพันธุ์ รองผวจ.นครสวรรค์ นางศุภวรรณ บูชาดี ผอ.กลุ่มงานสนับสนุนผู้ตรวจราชการ สํานักตรวจราชการและเรื่องราวร้องทุกข์ นางสาวธันยพรรษ จันทร์ทอง ผอ.กลุ่มงานบริหารทรัพยากรบุคคล สำนักงานจังหวัดนครศรีธรรมราช และนายมนัส แก้วกัญญา พนักงานขับรถยนต์ระดับส 2 สำนักงานจังหวัดสุราษฎร์ธานี และพิธีมอบเข็มเชิดชูเกียรติให้แก่พลเมืองดี ประจำปี 2562 – 2563 ให้แก่ผู้ทำความดีในการเข้าช่วยเหลือผู้อื่นที่ตกอยู่ในอันตรายและต้องการความช่วยเหลือ หรือการช่วยเหลือกิจกรรมของเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานหน้าที่ ในเหตุฉุกเฉินต่างๆ ด้วยคุณธรรมจนเป็นที่ประจักษ์ชัด โดยมิได้คำนึงถึงผลที่จะเกิดขึ้นกับตนเองและครอบครัว โดยมีผู้ได้รับยกย่องเป็นพลเมืองดีจำนวน 19 ราย เป็นพลเมืองดีที่เสียชีวิตจำนวน 7 ราย บาดเจ็บ 5 ราย และไม่ได้รับผลกระทบจากการให้ความช่วยเหลือผู้อื่น 7 ราย  

“แรมโบ้” ป้อง “บิ๊กตู่” ย้อน! วิสาร ถ้าว่างมากก็กลับไปลงพื้นที่บ้าง 

เมื่อวันที่ 1 เมษายน ที่ทำเนียบรัฐบาล นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่นายวิสาร เตชะธีราวัฒน์ ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย วิจารณ์นายกรัฐมนตรีหนุนรัฐประหารเมียนมาร์ด้วยการที่รัฐบาลไทยส่งเจ้าหน้าที่ทหารระดับสูงไปร่วมในงานวันกองทัพเมียนมาร์ ทั้งที่ นายกรัฐมนตรี ยืนยันแล้วว่าไม่ได้ผลักดัน ให้ความช่วยเหลือตามหลักมนุษยธรรม ว่า ขอให้นายวิสารรับฟังการชี้แจง และเหตุผลของนายกฯบ้าง ไม่ใช่ว่าจะเอาทุกประเด็นมาตีนายกฯเพียงอย่างเดียว ทำให้ประชาชนเกิดความสับสน เข้าใจในนายกฯผิด 

การออกมาพูดทั้งที่ไม่ใช่ข้อเท็จจริงจะทำให้นานาประเทศเข้าใจประเทศไทย ในทางที่ผิดพลาดได้ เช่นกัน ถ้านายวิสารมีความรักชาติบ้านเมืองมีจิตใจเป็นคนไทยแท้จริง ต้องรับฟังข้อมูลให้ชัดเจนก่อนกล่าวหาให้รัฐบาลเสียหาย ตนมองว่าหากช่วงนี้นายวิสารมีเวลาว่างมากขอให้ลงพื้นที่ทำประโยชน์ให้กับประชาชนบ้างในฐานะเป็น ส.ส.มากกว่าที่จะออกมาพูดแต่เรื่องที่ไม่เป็นข้อเท็จจริง  

วัน ๆ คิดแต่เรื่องที่จะปั้นเรื่อง สร้างเรื่องให้เกิดความเสียหายต่อรัฐบาลการที่นายวิสารให้ข่าวเท็จรายวันออกมามันได้ประโยชน์อะไรต่อประเทศบ้าง เรื่องระหว่างประเทศ ในภาวะช่วงนี้การพูดจาให้ข่าว ควรพึงระมัดระวัง อย่าเอามาพูดเล่นสนุกสนานแบบคันปาก ทางการเมืองไม่ได้ เคยเป็นถึงอดีตรัฐมนตรีควรมีจิตสำนึกรับผิดชอบต่อบ้านเมืองมากกว่านี้ ไม่ใช่แค่ตีกินหรือหวังผลทางการเมืองให้กับพรรคตัวเอง ควรฟังทางนายกฯทางกองทัพ ทางผู้ว่าราชจังหวัดและฝ่ายเจ้าหน้าที่ความมั่นคงได้ชี้แจงข้อเท็จจริง ไม่ใช่สักแต่พูดกล่าวหาใส่ร้ายให้ประเทศเป็นเป้าในสายตานานาชาติในทางลบ 

พฤติกรรมแบบนี้คนถึงประนามนายวิสารชอบโชว์พฤติกรรมแย่ ๆ ไปกรีดแขนในสภาฯอันทรงเกียรติ จนส่งผล กระทบในทางลบที่ประชาชนรับไม่ได้ ทำให้ฐานเสียงลูกสาวสอบตกนายก อบจ.ที่เชียงราย ความคิดการกระทำครั้งนั้น ผิดพลาดมาก จนทำให้กระแสตีกลับลูกสาว น่าสงสารลูกสาวที่สุด คนทำตัวประเภทนี้ที่เรียกว่า "พ่อรังแกลูก" ทั้งที่ลูกสาวกำลังกระแสดีมีโอกาสชนะสูงแน่นอน แต่แพ้เพราะการกระทำของพ่อแท้ ๆ

ประธานาธิบดี เอมมานูเอล มาครง ออกคำสั่งให้ฝรั่งเศสเข้าสู่ล็อกดาวน์ทั่วประเทศเป็นรอบที่ 3 และเผยว่าโรงเรียนต่าง ๆ ต้องปิดการเรียนการสอนเป็นเวลา 3 สัปดาห์ ในขณะที่เขาพยายามรับมือกับการแพร่ระบาดระลอก 3 ของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่

จนถึงตอนนี้ สถานการณ์โรคระบาดใน ฝรั่งเศส พบจำนวนผู้เสียชีวิตขยับเข้าใกล้ 100,000 คน ตามห้องไอซียูตามภูมิภาคต่าง ๆ ได้รับผลกระทบหนักหน่วงที่สุด ขณะที่การแจกจ่ายวัคซีนก็ล่าช้ากว่าที่วางแผนไว้ ทำให้ มาครง ถูกบีบให้ต้องละทิ้งเป้าหมายเดิมที่หวังเปิดประเทศต่อไปเพื่อปกป้องเศรษฐกิจ

“เราจะสูญเสียการควบคุม หากเราไม่ดำเนินการในตอนนี้” ประธานาธิบดีมาครงแถลงผ่านสถานีโทรทัศน์แห่งชาติ

คำแถลงของเขามีเป้าหมายเดินมาตรการจำกัดความเคลื่อนไหวต่างๆ ที่บังคับใช้ในกรุงปารีส และบางแคว้นทางภาคเหนือ รวมทางใต้ของประเทศ มาราว ๆ 1 สัปดาห์ และเวลานี้ก็จะถูกขยายบังคับใช้ทั่วประเทศอีกเป็นเวลาอย่างน้อย 1 เดือน เริ่มตั้งแต่วันเสาร์ (3 เม.ย.) เป็นต้นไป

ประธานาธิบดีมาครง วัย 43 ปี พยายามหลีกเลี่ยงล็อกดาวน์ทั่วประเทศเป็นรอบที่ 3 นับตั้งแต่เข้าสู่ปี 2021 โดยเสี่ยงเดิมพันว่าหากเขาสามารถนำพาฝรั่งเศสหลุดพ้นจากโรคระบาดใหญ่แบบไม่ต้องล็อกดาวน์ประเทศอีกครั้ง จะช่วยเปิดโอกาสให้เศรษฐกิจฟื้นตัวจากการดำดิ่งอย่างหนักเมื่อปีที่แล้ว

อย่างไรก็ตาม ทางเลือกของอดีตนายธนาคารเพื่อการลงทุนรายนี้แคบลง เนื่องจากเกิดการแพร่ระบาดของตัวกลายพันธุ์ของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ที่แพร่เชื้อได้ง่ายกว่าเดิม ทั่วฝรั่งเศสและพื้นที่ส่วนใหญ่ของยุโรป

ทั้งนี้ในส่วนของการเรียนการสอน มาครงบอกด้วยว่าโรงเรียนต่างๆ จะปิดการเรียนการสอนเป็นเวลา 3 สัปดาห์ หลังสุดสัปดาห์นี้ กลับลำคำสัญญาที่เคยประกาศว่าจะปกป้องการศึกษาจากโรคระบาดใหญ่ โดยหากผ่านพ้นสุดสัปดาห์นี้ไป เด็กนักเรียนจะต้องเข้าสู่การเรียนทางไกลเป็นเวลา 1 สัปดาห์ และหลังจากนั้นสถาบันการศึกษาจะปิดเทอมเป็นเวลา 2 สัปดาห์ ซึ่งปีนี้โรงเรียนต่าง ๆ ทั่วประเทศจะปิดเร็วกว่ากำหนด

จากนั้นนักเรียนระดับอนุบาลและประถมจะกลับเข้าสู่ชั้นเรียน แต่นักเรียนระดับมัธยมต้นและมัธยมปลายจะยังคงต้องเรียนทางไกลต่ออีก 1 สัปดาห์ “นี่คือทางออกที่ดีที่สุดเพื่อชะลอไวรัส” มาครงกล่าว พร้อมระบุว่าฝรั่งเศสประสบความสำเร็จที่สามารถคงการเปิดการเรียนการสอนระหว่างโรคระบาดใหญ่ได้นานกว่าประเทศเพื่อนบ้านหลายชาติ

สำหรับจำนวนผู้ติดเชื้อใหม่รายวันของฝรั่งเศสเพิ่มขึ้นเท่าตัวนับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ เฉลี่ยแล้วเกือบ 40,000 คนต่อวัน ส่วนจำนวนคนไข้โควิด-19 ที่ต้องเข้ารักษาตัวในห้องไอซียูทะลุ 5,000 คนแล้ว เกินกว่าระดับสูงสุดครั้งที่ประเทศแห่งนี้เข้าสู่ล็อกดาวน์เป็นเวลา 6 สัปดาห์เมื่อช่วงปลายปีก่อน เป็นที่เรียบร้อย

มาครง ระบุว่าจะมีการเพิ่มเตียงคนไข้ในห้องอีซียูเป็น 10,000 เตียง เพื่อรับมือกับสถานการณ์ดังกล่าว

คำสั่งล็อกดาวน์รอบใหม่เสี่ยงชะลออัตราการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของฝรั่งเศส หลังจากปีที่แล้วดำดิ่งอย่างหนัก โดยมาตรการดังกล่าวจะบังคับปิดธุรกิจต่าง ๆ กว่า 150,000 แห่งเป็นการชั่วคราว ก่อความเสียหายคิดเป็นมูลค่าราว ๆ 11,000 ล้านยูโรต่อเดือน จากการประเมินของกระทรวงการคลัง

มาตรการล็อกดาวน์รอบใหม่ของฝรั่งเศสตอกย้ำถึงความเสียหายมหาศาลที่ต้องชดใช้ อันสืบเนื่องจากการแจกจ่ายวัคซีนต่อต้านโควิด-19 ที่ล่าช้าของสหภาพยุโรป

ประธานาธิบดีมาครงระบุว่า จำเป็นต้องเร่งมือโครงการวัคซีนให้เร็วขึ้น หลังจากประสบปัญหาติดขัดเกี่ยวกับระเบียบราชการและอุปทานขาดแคลน โดยจนถึงตอนนี้หลังผ่านไป 3 เดือน ฝรั่งเศสเพิ่งฉีดวัคซีนโควิด-19 แก่ประชาชนไปได้เพียงแค่ 12% เท่านั้น

ฉะนั้นความพยายามเดินหน้าโครงการจึงต้องทำให้เร็วขึ้น โดยมาครงบอกว่าประชาชนในช่วงวัย 60 ปีเศษ ๆ จะมีสิทธิ์เข้ารับการฉีดวัคซีนตั้งแต่กลางเดือนเมษายนเป็นต้นไป และในอีก 1 เดือนหลังจากนั้นจะเป็นคิวของกลุ่มคนในวัย 50 ปีเศษ ๆ พร้อมเน้นย้ำว่ายังคงวางเป้าหมายฉีคซีนแก่ประชากรวัยผู้ใหญ่ให้ได้ 30 ล้านคนในช่วงกลางเดือนมิถุนายน

มาครง กล่าวทิ้งท้ายอีกว่า มาตรการล็อกดาวน์เดือนเมษายน และการยกระดับความรวดเร็วของโครงการฉีดวัคซีนจะเปิดทางให้เศรษฐกิจของประเทศกลับมาเปิดอย่างช้าๆ ตั้งแต่ช่วงกลางเดือนพฤษภาคมเป็นต้นไป โดยเริ่มจากพิพิธภัณฑ์และที่นั่งกลางแจ้งของบาร์และร้านอาหารต่าง ๆ ภายใต้กฎระเบียบอันเข้มงวด

.

ที่มา: https://mgronline.com/around/detail/9640000030936


สนับสนุนข่าวโดย : รับข้อเสนอพิเศษมอเตอร์โชว์ ในงาน Mazda Motor Show สัมผัสปิกอัพใหม่ All-New Mazda BT-50 และยนตรกรรมสกายแอคทีฟจากมาสด้า ดอกเบี้ยต่ำสุด 0%* รับประกันคุณภาพรถสูงสุด 5 ปี* และบัตรเติมน้ำมัน 10,000 บ.* 24 มี.ค. 64 - 4 เม.ย. 64 ที่บูธและโชว์รูมทั่วประเทศ

ก.แรงงาน “ตอบรับกระแสฮิต” จัดชุดใหญ่ไฟกะพริบเทรนสมองกล - หุ่นยนต์ มอบสถาบัน MARA จัดชุดใหญ่ 26 หลักสูตรเทรนสมองกล - หุ่นยนต์ มุ่ง EEC

นายธวัช เบญจาทิกุล อธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน (กพร.) กระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน และศาสตราจารย์ นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงแรงงาน มอบหมายให้ กพร. เร่งดำเนินการพัฒนาทักษะฝีมือแรงงาน ผลิตกำลังแรงงานป้อนสู่อุตสาหกรรมเป้าหมายของประเทศสอดคล้องยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ด้านการสร้างความสามารถในการแข่งขันและด้านการพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพทรัพยากรมนุษย์ โดยเฉพาะการพัฒนากำลังแรงงานในสาขาเทคโนโลยี การผลิตและหุ่นยนต์ในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกหรือ EEC ต้องเร่งฝึกอบรมเป็นพิเศษ เนื่องจากมีความต้องการกำลังคนที่มีทักษะฝีมือจำนวนมากทั้งในระดับช่างปฏิบัติการและวิศวกร จึงมอบหมายให้ กพร.โดยสถาบันพัฒนาบุคลากรสาขาเทคโนโลยีการผลิตอัตโนมัติและหุ่นยนต์ (MARA) ซึ่งเป็นศูนย์ Training Excellent Center ของกพร. ที่ตั้งอยู่ในสถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน 3 ชลบุรี ดำเนินการพัฒนาแรงงานในสาขานี้ ให้มีศักยภาพรองรับเทคโนโลยีชั้นสูงที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา

นายธวัช กล่าวต่อไปว่า ล่าสุดสถาบัน MARA ตอบรับกระแสเรียกร้องของสถานประกอบกิจการและกำลังแรงงานในพื้นที่ EEC เปิดฝึกอบรมเพิ่มเติมตาม “โครงการพัฒนาทักษะแรงงานเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก” รุ่นที่ 4/2564 จำนวน 26 หลักสูตร ได้แก่ สาขาเทคโนโลยีอัตโนมัติ (1) Basic PLC Gx Works 2 (MITSUBISHI)   (2) Basic PLC CX Programmer (OMRON) (3) Basic PLC (SIEMENS) (4) Advance PLC (MITSUBISHI) (5) การออกแบบและเชื่อมต่อ HMI (GOT MITSUBISHI) กับ PLC (6) CC-Link (MITSUBISHI) (7) การควบคุมระบบขับเคลื่อนมอเตอร์เซอร์โว (MITSUBISHI) ด้วย PLC (8) การใช้ระบบควบคุมแบบชีเควนซ์ในงานอุตสาหกรรม (9) การประยุกต์ใช้ปัญญาประดิษฐ์เพื่อการผลิต (AI CIRA CORE) (10) การบำรุงรักษาหุ่นยนต์อุตสาหกรรม  

(11) การควบคุมหุ่นยนต์อุตสาหกรรมสำหรับการจับชิ้นงาน: ABB (12) การควบคุมหุ่นยนต์ป้อนชิ้นงานสำหรับเครื่องกลึง CNC ระดับ 1 (13) ช่างควบคุมหุ่นยนต์ Unibot (14) ช่างควบคุมห่นยนต์ FANUC (15) การใช้หุ่นยนต์อุตสาหกรรมสำหรับงานเชื่อมระดับ 1 (16) การใช้ ROS ขั้นพื้นฐาน (Basic Robot Operating System) (17) การควบคุมหุ่นยนต์ลำเลียง (AGV) สาขาโปรแกรมการผลิต (18) การจำลองกระบวนการผลิตและวางแผนการผลิตด้วยโปรแกรม TECNOMATIX (19) การเขียนแบบเครื่องกล 2 มิติด้วยโปรแกรม AutoCAD (20) การใช้โปรแกรม SolidCAM for Milling Operation (21) การใช้โปรแกรม Solidwork for CAD (22) การใช้โปรแกรม NX for CAD สาขาเครื่องจักรกลเพื่อการผลิต (23) การใช้เครื่องวัดละเอียดทางมิติแบบอัตโนมัติ (24) การใช้เครื่องมือวัดสามมิติ CMM ระดับ 1 (25) ช่างซ่อมบำรุงเครื่องจักรกล CNC ระดับ 1 และ (26) GOM 3D scanner, Inspection & Reverse Engineering 

ทุกหลักสูตรใช้ระยะเวลาการฝึกอบรม 30 ชั่วโมง รับจำนวนจำกัดเพียง 20 คนต่อหนึ่งหลักสูตร ซึ่งคุณสมบัติของผู้เข้ารับการฝึกอบรมต้องมีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป เป็นผู้ประกอบอาชีพเกี่ยวกับสาขาที่สมัครหรืองานอื่นที่เกี่ยวข้อง เปิดรับสมัครตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ผู้สนใจดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.dsd.go.th/mara และ www.facebook/dsdmara หรือติดต่อสอบถามที่เบอร์โทร 0 3827 6823, 063 193 2708 และ 092 279 4689” อธิบดีกพร. กล่าวทิ้งท้าย


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top