Wednesday, 8 May 2024
Hard News Team

"ชัยวุฒิ" ไหว้สิ่งศักสิทธิ์ ประจำกระทรวงดีอีเอสทำงานอย่างเป็นทางการวันแรก พร้อมมอบ 5 นโยบายผู้บริหารหน่วยงานกระทรวง กำชับ ทำงานให้เห็นผลเป็นรูปธรรม เน้นประโยชน์ถึงประชาชนโดยตรง ทำให้ถูกต้องตามกฎหมาย ป้องกันภัยทางโซเชียล

นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) กล่าวภายหลังเข้าสักการะศาลท้าวมหาพรหม สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ประจำศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษาฯ และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำกระทรวงดีอีเอส ในโอกาสเข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) อย่างเป็นทางการ โดยมีคณะผู้บริหารและเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัดกระทรวงเข้าร่วม ว่า 

งานที่จะทำก็คงเป็นงานตามนโยบายของกระทรวงดีอีเอสที่ดำเนินการอยู่แล้ว และมีสิ่งที่นายกรัฐมนตรีฝากมาให้ช่วยดำเนินการ ตนเองไม่ใช่นักเทคนิคและไม่ใช่นักกฎหมาย มีหลายสิ่งที่ไม่รู้ และรู้บางสิ่งที่ผู้บริหารอาจจะไม่รู้โดยเฉพาะเรื่องการเมือง จึงขอให้ทุกท่านช่วยกันทำงาน โดยพยายามให้ทุกอย่างลงไปถึงประชาชน เน้นการช่วยกันพัฒนาประเทศ พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อให้แข่งขันได้กับต่างประเทศ และมีสิ่งใดที่จะต้องการผลักดันก็ขอให้ส่งเสริมให้เป็นรูปธรรม ขอให้ทุกคนทำงานให้เต็มที่ ขอให้ทำเพื่อพี่น้องประชาชน และขอให้ทำทุกอย่างให้ถูกกฎหมาย ไม่อยากให้มีการฟ้องร้องหรือเกิดความเสียหายกับรัฐบาล

สำหรับกรอบนโยบายในการขับเคลื่อนเบื้องต้นจะเน้นใน 5 เรื่องคือ

1.) การส่งเสริมให้ประชาชนเข้าถึงและใช้ประโยชน์จากนวัตกรรมและเทคโนโลยีดิจิทัล อย่างทั่วถึง แพร่หลาย เป็นธรรม ในทุกมิติ 

2.) การส่งเสริมให้เกิดสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจดิจิทัล อย่างแพร่หลาย ขจัดอุปสรรคในการดำเนินธุรกิจของผู้ประกอบการ ส่งเสริมการพัฒนา e-service ภาครัฐ เพื่อให้ประชาชนเข้ารับบริการภาครัฐได้โดยสะดวก รวดเร็ว ไม่จำกัดสถานที่ เช่น การร่วมกับสรรพากรในการออกมาตรการทางภาษีเพื่อสร้างความเป็นธรรมให้ผู้ประกอบธุรกิจ, ร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการอำนวยความสะดวกด้านใบอนุญาตทำงาน วีซ่า และการพักอาศัยสำหรับ digital talent (Visa and work permit for digital talent), การพัฒนาตลาดนวัตกรรมด้วยบัญชีนวัตกรรมดิจิทัล, การส่งเสริมให้เกิดระบบ การพิสูจน์และยืนยันตัวตนในการใช้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์ทั้งของภาครัฐและภาคเอกชน (Digital Identification) เป็นต้น 

3.) จัดเตรียมโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลของประเทศให้พร้อมเข้าสู่ยุคเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ โดยเฉพาะการส่งเสริมให้เกิดการใช้ประโยชน์จาก 5G การพัฒนาเมืองอัจฉริยะ และการสนับสนุนให้ประชาชนทุกพื้นที่ทั่วประเทศสามารถเข้าถึงและใช้ประโยชน์ใน internet 

4.) การพัฒนาและบังคับใช้กฎหมายเพื่อสร้างความเชื่อมั่นในการเข้าสู่โลกดิจิทัล (Trusted digital ecosystem) โดยเฉพาะเรื่อง การคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล การส่งเสริมธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ และการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ 

5.) การปกป้องคุ้มครองประชาชนจากการใช้ สื่อ social media และ internet ในทางมิชอบ


 

ตำรวจเตรียมออกหมายจับ 'ฟอร์ด ทัตเทพ' หลังไม่มารายงานตัว คดีหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ ตาม ป.อาญา ม.112 กรณีผู้ต้องหาจัดชุมนุมและปราศรัยในกิจกรรม ‘ไปสภาไล่ขี้ข้าศักดินา’

เมื่อวันที่ 1 เม.ย.64 ที่สำนักงานอัยการสูงสุด ถ.รัชดาภิเษก น.ส.ภัสราวลี ธนกิจวิบูลย์ผล หรือมายด์, น.ส.จุฑาทิพย์ ศิริขันธ์ หรืออั๋ว, นายชนินทร์ วงษ์ศรี หรือบอล และนายเกียรติชัย ตั้งภรณ์พรรณ หรือบิ๊ก แกนนำและแนวร่วมเครือข่ายผู้ชุมนุมกลุ่มราษฎร - เยาวชนปลดแอก เดินทางมารายงานตัวอัยการตามที่พนักงานสอบสวน สน.บางโพ นัดส่งตัวพร้อมสำนวนให้อัยการ คดีหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ ตาม ป.อาญา ม.112, มั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไปก่อความวุ่นวายฯ ม.215 และฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ กรณีผู้ต้องหาจัดชุมนุมและปราศรัยในกิจกรรม #ไปสภาไล่ขี้ข้าศักดินา ที่หน้ารัฐสภาเมื่อวันที่ 24 ก.ย. 2563

โดยนางสาวภัสราวลี และนางสาวจุฑาทิพย์ ยืนยันว่า การถูกแจ้งข้อกล่าวหาโดยเฉพาะการแจ้งความผิดตามมาตรา112 เกิดจากกรณีที่มีการปราศรัยเกี่ยวกับการร่างรัฐธรรมนูญและมีการนำเสนอเกี่ยวข้อเรียกร้องในการปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ ทั้งที่ความเป็นจริงส่วนตัวเชื่อว่าเนื้อหาการปราศรัยมีเจตนาที่จะก่อให้เกิดผลดีต่อสถาบันฯ

แต่ทั้งนี้ยอมรับว่า ค่อนข้างเป็นกังวลหากคดีถูกนำเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมหรือกระบวนการการพิจารณาคดีมีความล่าช้าไป เนื่องจากหลายคนที่ถูกตั้งข้อกล่าวหายังมีภาระหน้าที่ การเรียนการศึกษาต้องรับผิดชอบ

ทั้งนี้ แกนนำทั้ง 2 คน ยังยืนยันที่จะสนับสนุนแนวทางการเคลื่อนไหวของทุกกลุ่มที่ออกมาเคลื่อนไหวเรียกร้องประชาธิปไตยและขอเป็นกำลังใจให้ทุกการต่อสู้

ต่อมา ภายหลังกระบวนการส่งสำนวนและรายงานตัวเสร็จสิ้น พนักงานอัยการได้นัดฟังคำสั่งคดีในส่วนของ น.ส.ภัสราวลี, น.ส.จุฑาทิพย์, นายชนินทร์ และนายเกียรติชัย 4 ผู้ต้องหา เป็นวันที่ 21 พ.ค. 2564 เวลา 10.00 น.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ส่วนกรณีนายทัตเทพ เรืองประไพกิจเสรี หรือ ฟอร์ด แกนนำเยาวชนปลดแอก ผู้ต้องหาที่ไม่ปรากฏตัวเดินทางมารายงานตัวอัยการวันนี้ ทางพนักงานสอบสวน สน.บางโพ เตรียมยื่นขออำนาจศาลออกหมายจับต่อไปภายในสัปดาห์หน้า


สนับสนุนข่าวโดย : รับข้อเสนอพิเศษมอเตอร์โชว์ ในงาน Mazda Motor Show สัมผัสปิกอัพใหม่ All-New Mazda BT-50 และยนตรกรรมสกายแอคทีฟจากมาสด้า ดอกเบี้ยต่ำสุด 0%* รับประกันคุณภาพรถสูงสุด 5 ปี* และบัตรเติมน้ำมัน 10,000 บ.* 24 มี.ค. 64 - 4 เม.ย. 64 ที่บูธและโชว์รูมทั่วประเทศ

หอการค้าฯ ประเมินใช้จ่ายสงกรานต์ปีนี้เงียบเหงา

นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ เปิดเผยว่า ได้สำรวจพฤติกรรมและการใช้จ่ายของประชาชนในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ปี 64 กกลุ่มตัวอย่าง 1,256 คนทั่วประเทศ วันที่ 22-29 มีนาคม 2564 พบว่า การใช้จ่ายเทศกาลสงกรานต์ปีนี้ยังไม่คึกคัก มีมูลค่าการใช้จ่าย 112,867 ล้านบาท แม้เพิ่มขึ้น 63.6% เมื่อเทียบกับปี 63 ที่มีการใช้จ่ายต่ำสุดเพียง 69,005 ล้านบาท เพราะเป็นมาจากการระบาดของโควิด-19 และงดจัดกิจกรรมสงกรานต์ 

“สงกรานต์ปีนี้ ยังไม่คึกคัก เพราะรัฐบาลประกาศงดกิจกรรมสาดน้ำ และประชาชนยังกังวลกับการแพร่ระบาดของโควิด-19 กังวลกับอุบัติเหตุ และความปลอดภัยในการเดินทาง รวมถึงต้องการประหยัด มีหนี้สินเพิ่มขึ้น และรายได้ลดลง จึงใช้จ่ายน้อย โดยเมื่อเทียบกับปี 62 ลดลงมากถึง 16.9% อัตราการขยายตัวต่ำสุดในรอบ 9 ปี นับตั้งแต่ปี 56 ที่ขยายตัวสูงสุด 10.42% มูลค่า 114,119 ล้านบาท แต่หันไปวางแผนทำบุญ ทำอาหารอยู่กับบ้าน รดน้ำดำหัวและเยี่ยมญาติผู้ใหญ่มากขึ้น”  

ส่วนการเดินทาง ทั้งท่องเที่ยว และกลับภูมิลำเนา พบว่า เริ่มมีบรรยากาศการเดินทางมากขึ้น โดยผู้ตอบมากถึง 64.7% ตอบมีแผนเดินทาง แต่จะเป็นการเดินทางท่องเที่ยวระยะสั้น 3-5 วัน เนื่องจากการระบาดของโควิด-19 รอบใหม่ในหลายพื้นที่ ส่งผลต่อความเชื่อมั่นในการใช้จ่ายเงิน ถึงแม้ว่าจะมีมาตรการสนับสนุนจากรัฐบาล ทั้งโครงการเราชนะ ท่องเที่ยวคนละครึ่ง โดยมีมูลค่าใช้จ่ายในการท่องเที่ยวเฉลี่ยคนละ 5,1800 บาท

ชง กรุงเทพฯ เปิดรับต่างชาติไม่กักตัว เริ่ม ต.ค.นี้

นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า กระทรวงการท่องเที่ยวฯ เตรียมหารือกับกระทรวงสาธารณสุข และศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) เพื่อขอให้จัดสรรวัคซีนป้องกันไวรัสโควิดมาฉีดให้กับคนกรุงเทพฯ ภายในเดือน ก.ย.นี้ หลังจากกระทรวงการท่องเที่ยวฯ เตรียมเสนอให้กรุงเทพฯ เข้ามาเป็นอีกหนึ่งจังหวัดที่จะเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ฉีดวัคซีนแล้วเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศเริ่มต้นตั้งแต่เดือนตุลาคม 2564 เป็นต้นไป เนื่องจากกรุงเทพฯ ถือเป็นเมืองหลักที่มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาจำนวนมาก จึงต้องมีการฉีดวัคซีนเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันให้กับคนส่วนใหญ่ก่อน

“จากนี้อีก 4 เดือนข้างหน้า คือ มิ.ย. – ก.ย. รัฐบาลจะนำเข้าวัคซีนมาเพิ่มอีก 36 ล้านโดส กระทรวงการท่องเที่ยวฯ จะหารือกับสาธารณสุข และศบค. ขอกันวัคซีนต้านโควิดมาฉีดให้กับคนในกรุงเทพฯ ก่อน ซึ่งถือเป็นเป้าหมายต่อไปในการดำเนินการ เพราะในช่วงสิ้นเดือนก.ย.64 ถ้าสามารถฉีดวัคซีนต้านไวรัสให้กับคนในกรุงเทพฯ ได้กว่า 60% แล้ว ทำให้เมื่อเข้าไตรมาส 4 หรือเดือนตุลาคม ซึ่งกำหนดให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาเที่ยวไทยแบบไม่ต้องกักตัว จะสามารถเพิ่มพื้นที่รองรับในส่วนของกรุงเทพฯ เข้าไปเป็น 7 จังหวัดนำร่องด้วย”

นายพิพัฒน์ กล่าวว่า กระทรวงการท่องเที่ยวฯ ยังเตรียมเสนอให้มีการผ่อนปรนให้นักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางมายังจ.ภูเก็ต ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม เป็นต้นไป อาจเดินทางไปยังจังหวัดนำร่องอื่น ๆ ได้ เช่น เดินทางไปเกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี ได้หรือไม่ในช่วงที่ยังกักตัวอยู่ในพื้นที่ภูเก็ต 7 วัน เพราะช่วงเวลานั้นเป็นช่วงมรสุมฝั่งอันดามัน โดยอาจมีการสนับสนุนค่าเดินทางท่องเที่ยวในพื้นที่เกาะนั้น ๆ ในระยะสั้น เช่น ลดราคาค่าเครื่องบิน หรือร่วมกับโรงแรมจัดโปรโมชั่น หรือการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สนับสนุนค่าใช้จ่าย แต่ทั้งหมดต้องไปหารือกันให้ได้ข้อสรุปก่อน

"ศักดิ์สยาม" เดินหน้า Kick off อนุญาตให้รถวิ่งได้ 120 กม./ชม. เปิดเส้นทางต้นแบบ “ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 32 ช่วงบางปะอิน – ต่างระดับอ่างทอง”

วันที่ 1 เมษายน 2564 บริเวณ หมวดทางหลวงบางปะอิน นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นประธานในพิธี “เริ่มต้นใช้ความเร็ว 120 กิโลเมตร/ชั่วโมง บนทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 32 (ช่วงหมวดทางหลวงบางปะอิน-ทางต่างระดับอ่างทอง)” ร่วมด้วยนายชยธรรม์ พรหมศร ปลัดกระทรวงคมนาคม นายสราวุธ ทรงศิวิไล อธิบดีกรมทางหลวง โดยมี นายปฐม เฉลยวาเรศ อธิบดีกรมทางหลวงชนบท นายภานุ แย้มศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา คณะผู้บริหารกระทรวงคมนาคม องค์กรปกครองท้องถิ่น และสื่อมวลชนร่วมงาน

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า ตั้งแต่เข้ามารับตำแหน่ง

ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้มอบนโยบายการปรับเพิ่มอัตราความเร็วของรถยนต์ จากความเร็วไม่เกิน 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เป็นความเร็วไม่เกิน 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เฉพาะถนนที่ได้มาตรฐานตามที่กฎกระทรวงกำหนด มีช่องจราจรตั้งแต่ 4 ช่องขึ้นไป ไม่มีจุดกลับรถระดับราบ มีเกาะกลางถนนแบบกำแพงกั้น และมีความปลอดภัยด้านวิศวกรรมสูง โดยที่ผ่านมากระทรวงคมนาคมได้เตรียมการนโยบายนี้มาอย่างต่อเนื่อง จนเป็นผลสำเร็จ และประกาศกฎกระทรวงกำหนดอัตราความเร็วฉบับใหม่ในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2564 ที่ผ่านมา

โดยเส้นทางแรกที่ถือเป็นจุดเริ่มต้นในการใช้ความเร็ว 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง คือ ทางหลวงหมายเลข 32 หรือถนนสายเอเชีย ช่วงหมวดทางหลวงบางปะอิน ถึง ทางต่างระดับอ่างทอง เพื่อให้ผู้ขับขี่ได้ใช้อัตราความเร็วตามที่กฎหมายกำหนด ได้อย่างสะดวก รวดเร็ว ที่สำคัญคือ มีความปลอดภัยสูง โดยกระทรวงคมนาคมยังได้สั่งการและเน้นย้ำให้กรมทางหลวงปรับปรุงเพิ่มมาตรฐานทางกายภาพให้เกิดความสะดวกและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น ได้แก่ เสริมการก่อสร้างอุปกรณ์ป้องกันด้านข้างทาง (Concrete Barrier) เพื่อช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดอุบัติเหตุรุนแรงเนื่องจากการเสียหลักตกเกาะกลาง ปรับปรุงจุดกลับรถระดับราบ เพื่อลดการตัดกันของกระแสจราจร ติดตั้งป้ายจราจรและป้ายเปลี่ยนข้อความได้เพื่อสื่อสารการใช้ความเร็วที่เหมาะสมในแต่ละช่องจราจร รวมทั้งติดตั้งแถบเตือน Rumble Strips เพื่อแจ้งจุดเริ่มต้นและจุดสิ้นสุดการเข้าเขตควบคุมความเร็ว โดยเส้นทางนี้ ถือเป็น “ต้นแบบ” ของทางหลวงแผ่นดินและทางหลวงชนบท 

โดยกรมทางหลวงมีแผนจะประกาศใช้สายทางในระยะที่ 2 ภายในเดือนสิงหาคม 2564 นี้ ครอบคลุมเส้นทางในภาคกลาง ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคใต้ ระยะทางประมาณ 260 กิโลเมตร เช่น ทางหลวงหมายเลข 32 ช่วง อ่างทอง - สิงห์บุรี ทางหลวงหมายเลข 1 ช่วงหางน้ำหนองแขม - นครสวรรค์ ทางหลวงหมายเลข 2 ตอนบ่อทาง-มอจะบก และทางหลวงหมายเลข 4 ช่วง เขาวัง-สระพระ เป็นต้น พร้อมทั้งดำเนินการต่อเนื่องเพิ่มเติมบนทางหลวงสายหลัก เช่น ทางหลวงหมายเลข 1 พหลโยธิน ทางหลวงหมายเลข 2 มิตรภาพ ทางหลวงหมายเลข 24 สีคิ้ว-อุบลราชธานี ทางหลวงหมายเลข 340 บางบัวทอง -สุพรรณบุรี  และทางหลวงหมายเลข 44 กระบี่-ขนอม อีกประมาณ 1,760 กิโลเมตร ตั้งแต่เดือนธันวาคม 2564 เป็นต้นไป  

นายสราวุธ ทรงศิวิไล อธิบดีกรมทางหลวง เปิดเผยว่า กรมทางหลวงได้คัดเลือกเส้นทางนำร่อง คือ ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 32 บางปะอิน - พยุหะคีรี (ช่วงอยุธยา – อ่างทอง) ระหว่าง กม. 4+100 ถึง กม. 50+000 ทั้งขาเข้าและขาออก ระยะทาง 45.9 กิโลเมตร แบ่งการใช้ความเร็วเป็น 3 ระดับ คือ ช่องซ้ายสุด ไม่เกิน 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ช่องกลางไม่เกิน 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง โดยในช่องขวาขับขี่ไม่ต่ำกว่า 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แต่ไม่เกิน 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เพื่อให้ผู้ขับขี่ที่ใช้ความเร็วแตกต่างกันในเส้นทาง ใช้ทางสาธารณะร่วมกันได้อย่างสะดวกและปลอดภัย โดยมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 เมษายน 2564 เป็นเส้นทางแรก 

กรมทางหลวงยังได้ดำเนินการตามข้อสั่งการของท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม โดยติดตั้งอุปกรณ์และเครื่องหมายจราจรต่าง ๆ  ในเส้นทางที่กำหนด เพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้แก่ผู้ใช้ทาง เช่น ติดตั้งสัญลักษณ์กำหนดความเร็วบนพื้นถนน รวมทั้งติดตั้งกล้องวงจรปิดและอุปกรณ์ตรวจจับความเร็ว โดยผู้ใช้รถใช้ถนนสามารถติดตามข้อมูลรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Website กรมทางหลวง (www.doh.go.th) แฟนเพจกรมทางหลวง และ Call Center 1586

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ กล่าวตอนท้ายว่า การกำหนดอัตราความเร็วรถเป็น 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง บนถนนสายเอเชียนั้น จะช่วยลดปัญหาการจราจรติดขัดและปัญหาอุบัติเหตที่เกิดจากการชนท้ายหรือการเปลี่ยนช่องจราจร อันเนื่องมาจากรถวิ่งด้วยความเร็วที่แตกต่างปะปนกันไป ไม่เป็นระเบียบ อีกทั้งยังทำให้ถนนสายเอเชียในอนาคตจะไม่มีจุดกลับรถระดับราบ ส่งผลให้ผู้ใช้รถใช้ถนนเดินทางได้อย่างรวดเร็ว สะดวก และปลอดภัยตลอดเส้นทาง และขอให้พี่น้องประชาชนศึกษาข้อมูลเส้นทาง และปฏิบัติตามกฎจราจรอย่างเคร่งครัด เพื่อช่วยลดปัญหาอุบัติเหตบนท้องถนนในประเทศไทยได้อย่างยั่งยืน 

 

ศิษย์เก่าวนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ อุ้ม ’ชัยวัฒน์’ ร้องนายกรัฐมนตรี ขอให้ ป.ป.ท. - ทส. ทบทวนปมปลดออกจากราชการ

เมื่อวันที่ 1 เม.ย. 64 สมาคมศิษย์เก่าวนศาสตร์คณะวนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ จำนวน 7 คน นำโดยนายพิพัฒน์ ชนินทยุทธวงศ์ นายกสมาคมศิษย์เก่าวนศาสตร์ ยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี ผ่านนายธีรภัทร ประยูรสิทธิ ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องขอความเป็นธรรมให้ข้าราชการ ทั้งนี้กรณีนายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 9 (อุบลราชธานี) กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ซึ่งเป็นอดีตหัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี - ประจวบคีรีขันธ์ ให้ปลดออกจากราชการตามมติการไต่สวนของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.)

ทั้งนี้ นายชัยวัฒน์ เป็นสมาชิกของสมาคมศิษย์เก่าวนศาสตร์ แล้วเป็นศิษย์เก่าวนศาสตร์ดีเด่นประจำปี 2553 จากผลงานการปฏิบัติหน้าที่ด้วยความอุตสาหะอันเป็นประโยชน์ต่อราชการหลายประการด้วยกัน สมาคมศิษย์เก่าวนศาสตร์ จึงขอความกรุณาได้โปรดพิจารณาและให้ความเป็นธรรม ดังนี้

1.) ให้สำนักงานคณะกรรมการ ป.ป.ท.ทบทวนการปฏิบัติหน้าที่กรณีดังกล่าวนี้อีกครั้งหนึ่ง

2.) ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) พิจารณาให้รอบคอบและเป็นไปตามระเบียบกฎหมายก่อนมีคำสั่งใดที่มีผลเสียหายต่อ นายชัยวัฒน์ ในกรณีนี้

อย่างไรก็ตาม หากได้รับความกรุณา จะเป็นการสร้างขวัญและกำลังใจให้กับข้าราชการ และเจ้าหน้าที่ ตลอดจนพนักงานพิทักษ์ป่ากว่า 20,000 นาย ที่มีความมุ่งมั่นตั้งใจในการปฏิบัติหน้าที่ให้เกิดประโยชน์แก่ประเทศชาติ และประชาชนสืบไป

ที่มา : https://www.posttoday.com/politic/news/649428


สนับสนุนข่าวโดย : รับข้อเสนอพิเศษมอเตอร์โชว์ ในงาน Mazda Motor Show สัมผัสปิกอัพใหม่ All-New Mazda BT-50 และยนตรกรรมสกายแอคทีฟจากมาสด้า ดอกเบี้ยต่ำสุด 0%* รับประกันคุณภาพรถสูงสุด 5 ปี* และบัตรเติมน้ำมัน 10,000 บ.* 24 มี.ค. 64 - 4 เม.ย. 64 ที่บูธและโชว์รูมทั่วประเทศ

‘อานนท์ แสนน่าน’ เตือนอดีตหมู่บ้านเสื้อแดงอย่าหลงเชื่อออกมาล้ม ‘รัฐบาลบิ๊กตู่’ ที่มาจากการเลือกตั้ง ระบุใครพาพวกเราไปติดคุกและตาย สุดท้ายคนที่สบายคือแกนนำ ‘ติดคุกวันละนิดได้เงินวันละหน่อยวันละล้านสองล้าน’ แล้วออกมาแบบสบาย ๆ

นายอานนท์ แสนน่าน ผู้ริเริ่มก่อตั้งหมู่บ้านเสื้อแดง อดีตประธานหมู่บ้านเสื้อแดงแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า วันนี้ตนออกมาส่งสัญญาณถึงอดีตประธานหมู่บ้านเสื้อแดงทุกหมู่บ้านของประเทศไทย ที่มีอยู่กว่า 28,580 หมู่บ้าน ว่า อย่าไปหลงเชื่อคำเชิญชวนของ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช. ที่จะเรียกร้องให้ประชาชนออกไปขับไล่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่เป็นนายกรัฐมนตรีมาจากการเลือกตั้ง เพราะมักจะใช้วลีเดิม ๆ ที่ว่าขับไล่รัฐบาลเผด็จการ

แต่วันนี้ พล.ประยุทธ์ ได้ประกาศให้มีการเลือกตั้งตามที่พวกเราเรียกร้องขอและการเลือกตั้งผ่านมาทางพรรคพลังประชารัฐ ชนะการเลือกตั้งแล้วเลือก พล.อ.ประยุทธ์ มาเป็นนายกรัฐมนตรี เมื่อประเทศไทยได้เกิดวิกฤติโควิด-19 ระบาดอย่างหนักทางรัฐบาลก็ได้จัดสรรงบประมาณออกมาเยี่ยวยาช่วยเหลือประชาชน ถ้าวันนี้ไม่มีนายกรัฐมนตรีคนชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เราเชื่อได้ว่าประชาชนต้องป่วยและล้มตายจากไวรัสโควิด-19 ระบาดอย่างแน่นอน

และที่สำคัญประชาชนจะอดตาย เพราะไม่มีรายได้ แต่ทางรัฐบาลเองก็ออกมาช่วยเหลืออย่างต่อเนื่องจนภาคธุรกิจ ภาคเกษตรกรรม และ ประชาชนลืมตาอ้าปากได้อีกครั้งหนึ่ง

อดีตที่ผ่านพวกเรา “อดีตหมู่บ้านเสื้อแดง” ออกมาต่อสู้ ติดคุก บ้านแตกสาแหรกขาด และ ล้มตาย แล้วกลุ่มแกนนำคนเหล่านี้!พวกเขาหนีหายไปไหนกัน? เคยได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือของพวกเรากันบ้างหรือไม่ หากแต่ว่าวันนี้กลับเสนอหน้าออกมาร้องขอกำลังคนเข้าร่วมเพิ่มพูนศักยภาพให้กับพรรคพวก เสียงเรียกร้องของพวกเรามันคงเป็นเพียงเสียงกระซิบ ที่ผู้หลักผู้ใหญ่เอาหูไปนาเอาตาไปไร่ ทำเหมือนหูทวนลมไม่ต้องการรับรู้ใด ๆ ทั้งสิ้น หากแต่ว่าวันนี้กลับถามหาอุดมการณ์จากพวกเรา มันช่างดูน่าตลกขบขันเสียกระไร และสุดท้ายคนที่สบายคือแกนนำ “ติดคุกวันละนิดได้เงินวันละหน่อย...วันละล้านสองล้าน” ติดคุกไม่กี่เดือนแล้วออกมาเดินข้างนอกแบบสบาย ๆ

นายอานนท์ กล่าวอีกว่า จากการต่อสู้เชิงสัญลักษณ์ย้อนกลับมาสู่โลกความเป็นจริง ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ประโยคเหล่านี้เราได้ยินกันมาตั้งแต่เราจำความได้ อย่าพยายามเติมเชื้อเพลิงให้คนไทยต้องแตกแยกทางความคิดไม่ว่าคุณจะพยายามมากแค่ไหน ก็ไม่มีวันสำเร็จ แผ่นดินที่เราเกิดและเป็นไทยได้ทุกวันนี้ก็เพราะพระมหากษัตริย์ที่ท่านได้เสียสละเลือดเนื้อเพื่อปกป้องผืนแผ่นดินไทย

“สิ่งที่เราควรตระหนักคือความจงรักภักดีต่อสถาบัน คนรุ่นหลังอย่างผมไม่จำเป็นต้องถูกซื้อตัวความจงรักภักดีมันอยู่ในสายเลือดไม่จำเป็นต้องป้อนกล้วยแล้วถึงจะขยับ โปรดอย่าเอาตัวตนของคุณมาชี้วัดคุณค่าของความเป็นคนของใคร”

นายอานนท์ กล่าวด้วยว่า จากสถานการณ์ตอนนี้ ใครจะเชื่อ หรือไม่เชื่อไม่ใช่ประเด็นสำคัญ เพราะตนมองว่ามวลชนที่อยู่กับตน ต้องมีชีวิต และความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ไม่ต้องเสียน้ำตาให้กับอดีตที่ผ่านมา เราทุกคนเหน็ดเหนื่อยและรู้สึกอ่อนล้าเมื่อต้องพูดถึงเรื่องราวที่ผ่านมา บางชีวิตที่เหมือนตายทั้งเป็นบางคนติดคุกบางคนลี้ภัย บางคนหลบหนีคดี ครอบครัวต้องพลัดพรากจากกัน

"ผมเป็นคนหนึ่งที่ถูกกระทำ แต่ก็ไม่เคยปริปากบอกใคร เพราะรู้ดีว่าเส้นทางสายนี้ตัวเรากำหนดเอง ที่ผ่านมาถือว่าเป็นเพียงฝันร้าย เมื่อลืมตาตื่นชีวิตก็ต้องก้าวเดินไปต่อ เมื่อลมเปลี่ยนทิศ ทุกชีวิตที่เคยร่วมต่อสู้ก็ยังคงอยู่เพื่อเป็นกำลังใจให้กันและกัน ผมรู้สึกโชคดีที่มีเพื่อนพ้องน้องพี่ไม่เคยทอดทิ้งให้ผมต้องต่อสู้อยู่เพียงลำพัง เราปฏิเสธไม่ได้ที่จะเลือกข้างและยืนอยู่ข้างใครอุดมการณ์มีกันทุกคนไม่มีใครดีเกินใคร ขออย่าประณามกัน คุณมีเหตุผลของคุณเรามีเหตุผลของเรา อย่าเหมารวมว่าคุณเป็นคนดีและคนคิดต่างต้องกลายเป็นคนเลว และสำคัญวันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ท่านมาจากการเลือกตั้ง ถ้าใครจะว่าอะไรก็ไปว่ากันในสภาผู้แทนราษฎร อย่ามาเป็นคนไม่รู้กาละเทศะลงถนนมาด่ากันจนประเทศไทยจะฉิบหายกันไปมากกว่านี้แล้ว” นายอานนท์ ระบุ

.

ที่มา : https://www.thansettakij.com/content/politics/474285


สนับสนุนข่าวโดย : รับข้อเสนอพิเศษมอเตอร์โชว์ ในงาน Mazda Motor Show สัมผัสปิกอัพใหม่ All-New Mazda BT-50 และยนตรกรรมสกายแอคทีฟจากมาสด้า ดอกเบี้ยต่ำสุด 0%* รับประกันคุณภาพรถสูงสุด 5 ปี* และบัตรเติมน้ำมัน 10,000 บ.* 24 มี.ค. 64 - 4 เม.ย. 64 ที่บูธและโชว์รูมทั่วประเทศ

“เทมส์” พรรคกล้าภูเก็ต ขอประชาชนเข้ารับวัคซีน ฟื้นท่องเที่ยวภูเก็ต ดัน “ภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์” รับนักท่องเที่ยวไม่ต้องกักตัว ให้เกิดขึ้นได้จริง 1 ก.ค.นี้ เสนอรัฐร่วมมือเอกชนรณรงค์ให้คนเห็นความสำคัญในการฉีดวัคซีน

นายเทมส์ ไกรทัศน์ สมาชิกพรรคกล้า และเจ้าของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในจังหวัดภูเก็ต กล่าวหลังเข้ารับวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อโควิด-19 โดยขอให้ประชาชนมั่นใจและเข้ารับการฉีดวัคซีนช่วยกันทำให้โมเดล “ภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์” นำร่องเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติโดยไม่ต้องกักตัวเกิดขึ้นได้จริงในวันที่ 1 กรกฎาคม 2564 นี้ แต่จะเกิดขึ้นได้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับความร่วมมือของพี่น้องประชาชน ตามแผนการฉีดวัคซีนที่ภาครัฐตั้งไว้ที่ 100,000 โดสภายในเดือนเมษายนนี้, อีก 300,000 ในเดือนพฤษภาคม, 260,000 โดสในเดือนมิถุนายน และเดือน ก.ค. อีก 260,000 โดส รวมเป็นทั้งสิ้น 920,000 โดส จึงจะมีความมั่นใจมากพอเพื่อเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติได้โดยไม่ต้องมีการกักตัว

นายเทมส์ กล่าวว่า ทราบว่าบางพื้นที่ที่ได้รับการกระจายวัคซีน แต่การฉีดวัคซีนได้ไม่ตามเป้า ซึ่งภูเก็ตจะเป็นเช่นนั้นไม่ได้ เพราะภูเก็ตเป็นหนึ่งในจังหวัดที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 มากที่สุด รายได้ของภูเก็ตเกือบทั้งหมดขึ้นอยู่กับการท่องเที่ยว เมื่อรัฐบาลให้โอกาสภูเก็ตเป็นจังหวัดนำร่อง ก็ต้องช่วยกันฟื้นการท่องเที่ยวให้ได้มากที่สุด

ส่วนเช้าวันที่ 3 เมษายนนี้ ที่ภูเก็ตนำร่องเปิดรับเที่ยวบินจากแฟรงก์เฟิร์ต รับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มีผลตรวจเป็นลบ กักตัว 7 วัน ท่องเที่ยวในพื้นที่จำกัด นายเทมส์ กล่าวว่า เป็นสัญญาณว่ารัฐบาลเห็นศักยภาพภูเก็ต ซึ่งเป็นเรื่องดีที่ได้เห็นภาคเอกชนอำนวยความสะดวกสถานที่ให้ภาครัฐจัดบริการให้วัคซีนหลายพื้นที่ในจังหวัดภูเก็ต และดียิ่งขึ้นหากหน่วยงานรัฐ บริษัทห้างร้าน กิจการต่างๆ เร่งประชาสัมพันธ์ให้คนในพื้นที่หรือแรงงานในสังกัดเข้ารับวัคซีน เพื่อเศรษฐกิจชาวภูเก็ตจะได้กลับมาฟื้นอีกครั้ง

“จุรินทร์” รุกแก้ รธน. เผยยกร่างเสร็จแล้ว เตรียมขอเสียงพรรคร่วมช่วงเปิดประชุมวิสามัญ พร้อมหนุน พรบ. ประชามติวาระ 3

เมื่อวันที่ 1 เมษายน 2564 นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวถึงเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญว่า ตนได้สั่งการให้ทีมกฎหมายของพรรคได้ยกร่าง และขณะนี้ได้ดำเนินการยกร่างเสร็จแล้ว ทั้งในประเด็นของการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 256 รวมไปถึงในเรื่องอำนาจการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีของวุฒิสมาชิก และประเด็นอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ถัดจากนี้ในช่วงเปิดสภาสมัยวิสามัญ ในวันที่ 7-8 เมษายน ที่จะถึงนี้ จะได้นำไปขอเสียงสนับสนุนจากพรรคร่วมรัฐบาลในเบื้องต้นต่อไป ซึ่งจะเป็นการเปิดโอกาสให้ ส.ส. ทุกคนได้มาร่วมกันลงชื่อ เพื่อจะนำไปเสนอต่อประธานรัฐสภา ในการบรรจุเข้าสู่ระเบียบวาระต่อไป 


“ผมยืนยันอีกรอบนึงว่า การแก้รัฐธรรมนูญเป็นเรื่องจำเป็นที่ประเทศจะต้องเดินหน้าไปสู่ความเป็นประชาธิปไตยยิ่งขึ้น เราจะทำควบคู่ไปกับการแก้ไขปัญหาปากท้องประชาชน นั่งคือขณะที่เรากำลังแก้ปัญหาการเมือง ก็จะแก้ปัญหาเศรษฐกิจควบคู่กันไปด้วย เพราะทั้ง 2 อย่างนี้เอื้อ และมีผลต่อกัน ถ้าการเมืองไม่นิ่ง มีคนชุมนุมอยู่เต็มถนน การแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจก็ยากที่จะดำเนินการไปได้ด้วยความราบรื่นและประสบความสำเร็จได้โดยง่าย เพราะฉะนั้นทั้ง 2 เรื่องนี้ต้องทำควบคู่กันไป ซึ่งเป็นแนวทางของประชาธิปัตย์ที่มีความชัดเจน” นายจุรินทร์กล่าว 

ส่วนเรื่องแผนงานที่พรรคประชาธิปัตย์จะเดินหน้าทางการเมืองในภาคใต้ หัวหน้าพรรคกล่าวว่า ที่ผ่านมามี ส.ส. ทั้งหมด 50 ที่นั่งในภาคใต้ ซึ่งประชาธิปัตย์ได้มา 22 ที่นั่งในการเลือกตั้งครั้งที่แล้วก่อนที่ตนมาเป็นหัวหน้าพรรค แต่ถัดจากนี้ก็มีแผนงานที่จะเดินหน้าเพื่อเพิ่มที่นั่งในพื้นที่ภาคใต้ โดยพรรคจะเปิดโอกาส และเปิดพื้นที่ให้คนรุ่นใหม่ หรือคนใหม่ ๆ เปิดโอกาสให้เลือดใหม่ได้เข้ามามีส่วนร่วมงานทางการเมืองกับประชาธิปัตย์มากขึ้นโดยไม่มีข้อจำกัด 


“วันนี้ได้มีการเปิดตัวคิวอาร์โค้ด ที่ทุกท่านสามารถสแกนเข้าไป แล้วเข้าไปกรอกข้อความเพื่อมาร่วมทีมกับพรรคประชาธิปัตย์ในพื้นที่ภาคใต้ได้ ไม่ว่าจะในรูปแบบที่ท่านสนใจลงสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส.ในอนาคต หรือต้องการเป็นผู้สมัครการเมืองท้องถิ่นในอนาคต หรือต้องการมาเป็นคณะทำงานคณะใดคณะหนึ่งของพรรค หรือมาเป็นคลังสมองในด้านต่าง ๆ การเมือง เศรษฐกิจ สังคม และด้านอื่น ๆ ให้กับพรรค หรือประสงค์จะเข้าร่วมกิจกรรมในพื้นที่ที่ท่านถนัด หรือในอำเภอ จังหวัดที่ท่านสนใจ ก็สามารถดำเนินการได้ทั้งหมด ด้วยการสแกนคิวอาร์โค้ดแล้วกรอกรายละเอียด หรือเข้าเวปไซต์ www.democrat.or.th ซึ่งสิ่งนี้ถือเป็นการเปิดพื้นที่พรรคประชาธิปัตย์ให้กับเลือดใหม่ในภาคใต้ที่สนใจเข้ามาร่วมงานการเมืองกับพรรค ภาพใหญ่ที่สุดก็คือถัดจากนี้หากท่านสนใจสมัครเป็นผู้แทนของพรรค พรรคก็จะรับไว้พิจารณาเพื่อส่งเป็นผู้สมัครในพื้นที่ต่อไปในอนาคตได้ด้วย”  หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าว


 


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top