Thursday, 9 May 2024
Hard News Team

‘โรม’ เดือด เดินหน้าฟ้องหมิ่นฯ ‘สิระ – ชัยยันต์’ กรณีแถลงกล่าวหาใช้เจ้าหน้าที่รัฐคุกคาม ไล่ที่ชาวบ้านเกาะงำ จ.ภูเก็ต เรียกค่าเสียหายทางแพ่ง 50 ล้าน

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 2 เม.ย. ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก นายรังสิมันต์ โรม ส.ส. บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล เดินทางมาพร้อมทีมทนายส่วนตัวเพื่อยื่นฟ้อง นายสิระ เจนจาคะ ส.ส. พรรคพลังประชารัฐ และ นายชัยยันต์ ผลสุวรรณ์ ส.ส. ปทุมธานี พรรคเพื่อไทย (พท.) ข้อหาหมิ่นประมาท ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง

นายรังสิมันต์ เปิดเผยว่า วันนี้ตนเดินมาที่ศาลอาญา เพื่อจะมาฟ้องนายสิระ ในฐานะประธาน ในฐานะประธานกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร รวมถึงนายชัยยันต์ เนื่องจากทั้งสองคนได้แถลงข่าวในลักษณะที่พยายามทำให้สังคมเข้าใจว่า ตนมีส่วนเกี่ยวข้องใน การสั่งการให้เจ้าหน้าที่ป่าไม้ จับเด็กไล่ที่ชาวบ้านออกจากที่ดินที่เป็นที่อยู่อาศัยบนเกาะงำ จ.ภูเก็ต การแถลงข่าวดังกล่าวตนขอยืนยันว่าไม่เป็นความจริง เพราะตนในเวลานั้นเป็น ส.ส. ที่มีอายุงานประมาณ 6 เดือน และเป็น ส.ส. ฝ่ายค้านคงไม่สามารถไปสั่งการให้เจ้าหน้าที่รัฐกระทำการในลักษณะดังกล่าวได้

ดังนั้นการใส่ความดังกล่าวตนเห็นว่าเป็นเรื่องที่หมิ่นประมาททำให้ตนได้รับความเสียหาย จึงขอมาใช้สิทธิ์ทางศาลเป็นการคดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา มูลค่าการฟ้องของทางแพ่งจะอยู่ที่ 50 ล้านบาท ไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นเช่นไร แต่ก็หวังว่าจะได้รับความเป็นธรรมจากกรณีดังกล่าว

เมื่อถามว่าการแถลงข่าวดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อใด นายรังสิมันต์ กล่าวว่า เกิดขึ้นก่อนช่วงการอภิปรายไม่ไว้วางใจไม่กี่วันเป็นน่าจะเป็นวันที่ วันที่ 8 - 9 ก.พ. ตอนนั้นตนเองก็ได้ยืนยันกับทางสื่อมวลชนโดยมีรูปภาพ ข้อมูล หลักฐานพร้อมที่จะยืนยันได้ว่าตนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับกรณีดังกล่าวแน่นอน ว่า โดยการชี้แจงของตนก็ชัดเจน เพราะเท่าที่ทราบนายสิระ และนายชัยยันต์ ก็ไม่ได้มีการขยายความต่อมากนัก แต่สิ่งที่ได้ทำไปแล้ว ตนขอใช้สิทธิ์ทางศาลอยู่ดี ไม่เช่นนั้นก็จะมีกรณีการใส่ความ และเผยแพร่กระจายออกไปทำให้ไม่สามารถอธิบายให้สังคมเข้าใจได้ทั้งหมด

นายรังสิมันต์ เปิดเผยต่อว่า จริง ๆ ตนผิดหวังและเกรงใจ เนื่องจากว่านายชัยยันต์ ก็เป็นส่วนหนึ่งของพรรคเพื่อไทยซึ่งเป็นพรรคร่วมฝ่ายค้าน เหมือนกับพรรคก้าวไกล แต่กรณีนี้ตนคิดว่าเป็นกรณีส่วนบุคคลดำเนินการแถลงข่าวดังกล่าว และตนได้มีโอกาสพูดคุยกับทางผู้ใหญ่ของพรรคเพื่อไทยแล้วเรื่องที่จะต้องมาใช้สิทธิ์ทางศาลในวันนี้

นฤมล ยกระดับศักยภาพพลเมืองออทิสติก สร้างอาชีพ

วันที่ 2 เมษายน 2564 ศาสตราจารย์ นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดงานวันรณรงค์ตระหนักรู้ออทิสติกโลกออนไลน์ และเยี่ยมชมระบบการเตรียมความพร้อมเพื่อการทำงานและประกอบอาชีพสำหรับบุคคลออทิสติก บุคคลที่มีความบกพร่องทางสติปัญญาและการเรียนรู้ มูลนิธิออทิสติกไทย รวมถึงชมการแสดงศักยภาพของบุคคลออทิสติก รับฟังรายงานการขับเคลื่อนและสนับสนุน STS แฟลตฟอร์มสำรวจและคัดกรองเบื้องต้นบุคคลที่มีความจำเป็นพิเศษ การแนะนำ Ambassador ของมูลนิธิออทิสติกไทย การแถลงสาส์นวันออทิสติกโลก และเยี่ยมชมศูนย์ฝึกอบรมเพื่อการทำงานมูลนิธิออทิสติกไทย โดยมีหม่อมหลวงปุณฑริก สมิติ ที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงแรงงาน พร้อมคณะ เข้าร่วมด้วย

ศาสตราจารย์ นฤมล กล่าวว่า นโยบายการพัฒนาฝีมือแรงงาน เพื่อยกระดับกระทรวงแรงงานเป็นกระทรวงด้านเศรษฐกิจ ภายใต้แนวคิด 3 ประการ คือ สร้าง ยก ให้ รวมไทยสร้างชาติได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนาและส่งเสริมอาชีพสำหรับกลุ่มเปราะบาง รวมถึงคนพิการและบุคคลที่มีความต้องการจำเป็นพิเศษและครอบครัว ให้เข้าถึงการพัฒนาฝีมือแรงงาน รวมทั้งเพิ่มโอกาสในการประกอบอาชีพ สามารถแข่งขันได้ในตลาดโลก เพื่อให้อยู่รอดได้ท่ามกลางวิกฤตการณ์ มีอาชีพ มีรายได้อย่างยั่งยืน มีความเข้มแข็ง และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นในระยะยาวของแรงงานและครอบครัว

รมช.แรงงาน กล่าวเพิ่มเติมว่า กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน (กพร.) กระทรวงแรงงาน ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการจัดหลักสูตรการอบรมการเตรียมความพร้อมด้านอาชีพเพื่อการมีงานทำสำหรับบุคคลออทิสติก บุคคลที่มีความพกพร่องทางสติปัญญา การเรียนรู้ใน 5 หลักสูตรและส่งต่อบุคคลออทิสติกเข้าสู่ระบบการจ้างงานและประกอบอาชีพอิสระ รวมถึงการจัดตั้งวิสาหกิจเพื่อสังคมสำหรับกลุ่มคนพิการเป็นลำดับต้น ของประเทศไทย ซึ่งปีนี้มีผู้เข้าการอบรมกว่า 100 คน และได้จัดศูนย์ต้นแบบ เพื่อสนับสนุนระบบการเตรียมความพร้อมเพื่อการทำงานและประกอบอาชีพสำหรับคนพิการในประเทศไทย ตามแผนพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการต่อไป

การเปิดให้บุคคลออทิสติกได้รับบริการพื้นฐานจากภาครัฐในด้านต่าง รวมถึงการฝึกทักษะด้านอาชีพ จะทำให้สามารถดำรงชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างมีคุณค่า มีศักดิ์ศรี และพึ่งพาตนเองได้ ภายใต้แนวคิด เพิ่มการจ้าง สร้างการจัด และลดการจ่ายด้วยการสร้างเครือข่ายทุกภาคส่วนให้เข้ามาร่วมมือมากยิ่งขึ้น เพราะการช่วยคนพิการ 1 คน สามารถช่วยคนในครอบครัวคนพิการได้ 3 - 4 คน นำไปสู่การมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นอย่างมั่นคงต่อไปรมช. แรงงาน กล่าวทิ้งท้าย

 

เกิดเหตุรถไฟตกรางในอุโมงค์ทางตะวันออกของไต้หวันในวันนี้ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 36 ราย และผู้บาดเจ็บอีกกว่า 70 ราย ขณะที่ทีมกู้ภัยประสบกับความยากลำบากในการเข้าถึงจุดที่เกิดเหตุซึ่งอยู่ภายในอุโมงค์

สำนักงานดับเพลิงของไต้หวันเปิดเผยว่า รถไฟขบวนดังกล่าวพร้อมผู้โดยสารราว 350 คนซึ่งมีจุดหมายปลายทางที่เมืองไถ้ตุงนั้น ได้ประสบอุบัติเหตุตกรางในอุโมงค์ซึ่งอยู่ทางตอนเหนือของเมืองหัวเหลียน ซึ่งส่งผลให้ตู้รถไฟบางส่วนกระแทกกับกำแพงของอุโมงค์

ทั้งนี้ กระทรวงการขนส่งไต้หวันระบุว่า ยอดผู้เสียชีวิตได้เพิ่มขึ้นเป็น 36 ราย ขณะที่มีผู้บาดเจ็บกว่า 72 ราย โดยมี 60 ราย ที่ถูกส่งตัวไปโรงพยาบาลแล้ว ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจระบุว่า ยังมีผู้โดยสารอีกประมาณ 70 ราย ที่ติดค้างอยู่ในรถไฟที่ตกราง

ด้านประธานาธิบดีไช่ อิงเหวินได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งรวมถึงกระทรวงการขนส่ง ดำเนินความพยายามอย่างเต็มที่เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัย


ที่มา : https://www.infoquest.co.th/2021/75257

'พุทธะอิสระ' เผยสถานการณ์ม็อบวันนี้ จากม็อบล้มเจ้า เอาไม่ชนะเลยต้องไปผสมพันธุ์กับคนปล้นชาติ แฉ 'ฝรั่ง - นักโทษหนีคดีผู้มั่งคั่ง' ส่งสัญญาณนักรบรับจ้างรุ่นเก่ามาสมทบ สารพัดสีเสื้อผสมโรงเหม็นหน้ารัฐบาล หวังจะเผด็จศึกรัฐบาล

พุทธะอิสระ อดีตเจ้าอาวาสวัดอ้อน้อย ในฐานะอดีตแกนนำกปปส. โพสต์ข้อความในเพจเฟซบุ๊ก "หลวงปู่พุทธะอิสระ (Buddha Isara)" เมื่อวันที่ 1 เมษายน 64 โดย ระบุว่า...

ฝนตกขี้หมูไหล คนจัญไรมาเจอกัน

๑ เมษายน ๒๕๖๔

สถานการณ์ม็อบวันนี้ จากม็อบล้มเจ้า เอาไม่ชนะเลยต้องไปผสมพันธุ์กับคนปล้นชาติ เพื่อหวังจะเผด็จศึกรัฐบาล

แต่เนื้อแท้แล้ว เป้าก็คือ สถาบันพระมหากษัตริย์ นั่นเอง

วันนี้จึงขอแนะนำกลุ่มคนที่กำลังเอาคนไทย ประเทศไทยเป็นตัวประกัน ทั้งยังซ้ำเติมสถานการณ์ในวิกฤตโควิด ให้คนไทยต้องมาทุกข์ยากมากขึ้น

เดิมทีก็มี กลุ่มสามสัส ที่หลอกใช้เด็กให้ติดคุกแทนตน

กลุ่มอาจารย์ปลวก ที่คอยเสี้ยมสอนให้ลูกไทยเกลียดชังรากเหง้าเผ่าไทย

กลุ่มนักการเมือง ที่มีภารกิจจำเป็นเร่งด่วนในการล้มกฎหมายคุ้มครอง สถาบันพระมหากษัตริย์ และล้มรัฐบาล

กลุ่มนักโทษ ที่อ้างว่าเป็นนักวิชาการ หนีคดีไปอยู่เมืองนอก ที่คอยส่งเสียงเห่าหอนอย่างโหยหวน ขับกล่อมให้เด็กไทยไร้สมองหลงเชื่อ

กลุ่มผู้ตกเป็นเหยื่อถูกยุยงให้หลงเชื่อ และกำลังจะทยอยติดคุกกันทั่วหน้า

กลุ่มแกนนำรับจ้าง ซึ่งก็มีชีวิตเป็นอยู่อย่างอู้ฟู่

กลุ่มฝรั่งล่าอาณานิคม ที่ตั้งตัวเป็นศาสดาประชาธิปไตย และเรียกร้องให้ทุกคนเคารพสิทธิในความเท่าเทียมกันของมนุษย์ แต่ก็ไล่กระทืบคนผิวสีและคนเอเชีย

แต่หลังจากยุยงปลุกปั่นม็อบ รุกไล่รัฐบาล จ้องล้มสถาบัน มาเป็นเวลาแรมปี ก็ยังไม่ประสบความสำเร็จ

บัดนี้หุ้นส่วนใหญ่ในต่างประเทศ ซึ่งก็มีทั้งฝรั่งและนักโทษหนีคดีผู้มั่งคั่ง ได้พยายามส่งสัญญาณให้นักรบรับจ้างรุ่นเก่า เตรียมออกมาสมทบ

เห็นว่างานนี้ มีบรรดาสารพัดสีเสื้อ ที่เหมือนจะเหม็นหน้ารัฐบาล เหม็นหน้านายก แว่ว ๆ มาว่าจะเข้าร่วมด้วย โทษฐานรัฐบาลชอบตัดหางพวกเดียวกันและพวกที่เคยสนับสนุน

ทั้งยังมีกลุ่มภิกษุ ผู้ได้รับผลกระทบจากการบังคับใช้กฎหมายของรัฐบาล เริ่มตั้งแต่อดีตกรรมการมหาเถรและกองเชียร์ ผสมโรงกับลัทธิธรรมกาย ที่เจ้าสำนักยังลี้ภัยอยู่ในรู

ตามด้วยกลุ่มที่มีคดี หากล้มรัฐบาล ล้มรัฐธรรมนูญชุดนี้ลงได้ จะได้แก้ไขกฎหมายให้เอื้อต่อคดี หรือถ้าล้มไม่ได้ก็จะใช้สถานการณ์ม็อบต่อรองกับรัฐบาลและผู้มีอำนาจ ให้ต้องออกกฎหมายพ้นโทษ

แต่ไม่ว่าจะกลุ่มไหนก็ตาม ล้วนแต่ได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มสามสัสทุนหนา และนักโทษปล้นชาติหนีคดีผู้ร่ำรวย และฝรั่งศาสดาประชาธิปไตยผู้ล่าอาณานิคม

โดยมีเป้าเดียวกันคือ ล้มสถาบันพระมหากษัตริย์ และพยายามกำจัดรัฐบาลที่แสดงพฤติกรรมปกป้องสถาบันอย่างเด่นชัด

ที่หยิบยกมาให้ท่านได้รู้ ก็เพื่อจะได้เตรียมตัว รับสถานการณ์ที่จะเกิดในบ้านเมืองนี้ อย่างมีสติปัญญา

พุทธะอิสระ


ที่มา : https://www.facebook.com/photo?fbid=157354712923473&set=a.107732904552321

จ่อคุยสิงคโปร์จับคู่ประเทศเดินทางท่องเที่ยว

นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว. การท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า ในสัปดาห์หน้าจะหารือกับทางสถานทูตสิงคโปร์ เพื่อพิจารณาแนวทางการเจรจาจับคู่การเดินทางท่องเที่ยวระหว่างกัน (ทราเวลลบับเบิ้ล) โดยเฉพาะการดึงนักท่องเที่ยวกลุ่มที่ฉีดวัคซีนครบทั้ง 2 โดส และมีผลการตรวจไวรัสโควิด-19 เป็นลบ สามารถเดินทางไปมาระหว่างกันได้ ซึ่งกรรีนี้อาจเริ่มดำเนินการในระยะต่อไป หลังจากรัฐบาลได้เริ่มต้นนำร่องการดึงนักท่องเที่ยวต่างชาติกลุ่มนี้ให้เดินทางมาในประเทศไทยแบบไม่กักตัวในห้อง 7 วัน ในพื้นที่ของโรงแรมที่พักของจังหวัดภูเก็ตไปแล้วตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน ที่ผ่านมา 

“กระทรวงการท่องเที่ยวฯ จะหารือกับหน่วยงานต่าง ๆ ถึงการทำบับเบิลระหว่างเมืองต่อเมือง หรือประเทศต่อประเทศ โดยมีหลายประเทศ โดยเฉพาะในประเทศในภูมิภาคอาเซียน เช่น สิงคโปร์ ซึ่งตอนนี้รับทราบข้อมูลมาว่า สิงคโปร์เองนั้นมีการทำบับเบิลกับทางประเทศออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์มาก่อนหน้านี้ หากไทยสามารถหารือกับสิงคโปร์ได้ก็อาจทำเส้นทางร่วมกันได้ แบบ 1+3 คือ สิงคโปร์ ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ ถือว่าจะทำให้เกิดประโยชน์ร่วมกันของทุกประเทศ โดยเฉพาะการเดินทางที่สามารถทำได้สะดวกมากขึ้น” 

ขณะเดียวกันรัฐบาลยังหาทางทำทราเวล บับเบิล ร่วมกับอีกหลายประเทศที่มีความน่าสนใจและอยู่ในอาเซียนอีกหลายประเทศ เช่น เวียดนาม ซึ่งปัจจุบันมีจำนวนผู้ที่ติดเชื้อไวรัสโควิดน้อย จึงเป็นประเทศที่น่าสนใจที่จะทำการทราเวล บับเบิลร่วมกันได้ โดยจากนี้ไปคงต้องมีการหารือกับผู้ที่เกี่ยวข้องถึงรายละเอียดและความเป็นไปได้ว่าจะทำอย่างไร เช่นเดียวกับสปป.ลาว ซึ่งเป็นประเทศเพื่อนบ้านมีชายแดนติดกับไทยหลายจังหวัด และมีจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิดน้อยเช่นเดียวกัน รวมไปถึงประเทศอื่น ๆ ด้วย คาดว่าการทำทราเวล บับเบิล น่าจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2564 เป็นต้นไป 

‘อนุทิน’ เชื่อผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศ์ มรณภาพ ไม่เกี่ยวกับวัคซีนโควิด-19 แม้จะเพิ่งฉีดวัคซีนโควิดไปก่อนหน้าเพียง 1 วันก็ตาม แนะให้รอผลชันสูตรก่อน ยันกระทรวงสาธารณสุขไม่ปิดบังข้อมูล ขอให้ประชาชนมั่นใจความปลอดภัยของวัคซีน

เมื่อเวลา 09.20 น.วันที่ 2 เม.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข ให้สัมภาษณ์กรณีที่ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศ์ มรณภาพหลังฉีดวัคซีนโควิด-19 ได้เพียงวันเดียว ว่า เป็นสิ่งที่น่าเสียใจ และเราทุกคนรู้สึกไม่ดี โดยวันนี้จะนำร่างมาชันสูตรหาสาเหตุส่วนรายละเอียดทางอธิบดีกรมการแพทย์จะรายงานให้ทราบต่อไป ตนยังมั่นใจว่า การมรณภาพของท่านไม่น่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับการฉีดวัคซีน แต่อาจจะเป็นช่วงเวลาที่จังหวะมาตรงกันพอดี เพราะวัคซีนที่นำมาฉีดป้องกันโควิด-19 ผ่านการทดสอบความปลอดภัยมาหลายขั้นตอน ทั้งจากองค์การอาหารและยา และกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์

ขอย้ำว่าประชาชนอย่าตระหนกตกใจกับเรื่องนี้ และสมควรที่จะต้องรับวัคซีน อย่างไรก็ตามขอให้รอผลการชันสูตรถึงสาเหตุของการมรณภาพ และจะมีการชี้แจงต่อไป ยืนยันว่ากระทรวงสาธารณสุขไม่เคยปิดบังข้อเท็จจริงในทุกเรื่อง ส่วนกรณีที่มีพระรูปอื่นในวัดเดียวกันมีไข้ขึ้นสูงหลังการฉีดวัคซีน อาจเป็นไปได้ที่ผลจากการฉีดวัคซีนจะมีอาการไข้รุม ๆ ปวดหน่วง แต่เมื่อสังเกตอาการข้ามคืนก็ไม่มีอะไร และจากการที่ตนถามหลายคนที่ได้รับวัคซีนก็มีอาการในลักษณะนี้บ้าง

เมื่อถามถึงการนำแพลตฟอร์มเข้ามาช่วยเรื่องการกระจายวัคซีนจะมีรูปแบบอย่างไร นายอนุทิน กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม มีความหวังดี และเกรงว่าวัคซีนที่นำเข้ามาเป็น 10 ล้านโดสจะนำไปฉีดให้ไม่ทัน จึงพยายามหาช่องทางให้ประชาชนมีวิธีจองและลงทะเบียน ผ่านแอปพลิเคชันเพื่อให้แพทย์ได้ทราบข้อมูลเบื้องต้น ของผู้ที่จะเข้ารับการฉีดวัคซีนแต่ละคน โดยยกตัวอย่างว่ากระทรวงการคลัง มีแอปพลิเคชันเป๋าตัง ดำเนินการผ่านธนาคารกรุงไทย จึงอยากให้ไปคุยเพื่อหาแนวทางการใช้แอปพลิเคชันดังกล่าวให้เกิดประโยชน์ และใช้ทุกแอปพลิเคชันที่สามารถทำได้ รวมไปถึงกลไกของอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) เข้ามาช่วย

โดยเราต้องใช้ทั้งระบบดิจิทัลและอนาล็อกควบคู่กันไป ส่วนแอปพลิเคชันเราพร้อมนั้น เป็นแอปพลิเคชันที่แนะนำให้ประชาชนเข้าใจและรู้จักวัคซีน ซึ่งการใช้แอปพลิเคชัน เพื่อเป็นการบันทึกข้อมูลและประวัติในเบื้องต้น และอำนวยความสะดวกที่จะสามารถติดตามอาการและมีการออกใบรับรอง แต่หากใครไม่มีสมาร์ทโฟนก็ยังสามารถออกใบรับรองได้ ยืนยันว่าไม่ว่าใครที่เข้ามาเราพร้อมที่จะฉีดให้

กกล.เทพสตรี ลาดตระเวนพบการลักลอบขนยางพาราหนีภาษี พื้นที่ อ.กระบุรี จ.ระนอง   

ที่บริเวณชายแดน พื้นที่ริมแม่น้ำกระบุรี ม.2 ต.ปากจั่น อ.กระบุรี จ.ระนอง กองกำลังเทพสตรี โดย หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 25 ขณะปฏิบัติหน้าที่ซุ่มเฝ้าตรวจตามแนวชายแดนพื้นที่ริมแม่น้ำกระบุรี ตามช่องทางธรรมชาติ เพื่อป้องกันการลักลอบหลบหนีเข้าเมือง และลักลอบขนสินค้าทางการเกษตร ตรวจพบผู้ลักลอบนำเข้ายางพาราหนีภาษีจากประเทศเพื่อนบ้าน ขณะทำการลักลอบขนยางพาราแผ่น จึงแสดงตนเข้าทำการตรวจสอบ ทำให้ผู้ที่กำลังขนย้ายยางพารากระโดดน้ำหลบหนีไปได้

จากการตรวจสอบ พบรถยนต์กระบะ ยี่ห้อโตโยต้า สีดำ ทะเบียน บฉ 2530 ระนอง จำนวน 1 คัน บรรทุกยางพาราแผ่น น้ำหนักประมาณ 2,500 กก. และพบยางพาราแผ่น กองอยู่ริมน้ำ น้ำหนักประมาณ 500 กก. และเรือหางยาว บรรทุกยางพาราแผ่น อีกประมาณ 500 กก. รวมยางพาราแผ่นทั้งหมด น้ำหนักประมาณ 3,500 กก. เจ้าหน้าที่จึงได้แจ้งผู้นำชุมชนให้ทราบ และตรวจยึดของกลางดังกล่าว มายัง บก.ร้อย.ร.2521 เพื่อดำเนินการตามกฎหมาย ต่อไป

พปชร. จ่อยื่นแก้รธน.รายมาตรา 7 เม.ย.นี้ ด้าน “ไพบูลย์” เตรียมชง “ชวน” บรรจุเข้าประชุมร่วมรัฐสภา 25 พ.ค.เป็นวาระแรก เชื่อทุกฝ่ายเห็นชอบด้วย มั่นใจไม่มีใครอยากยุบสภาก่อนครบเทอม โว! หากเลือกตั้งใหม่ พปชร.ก็ชนะ

เมื่อวันที่ 2 เมษายน 2564  ที่รัฐสภา นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อและรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ แถลงว่า ขณะนี้ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐได้ร่วมกันลงชื่อเพื่อเสนอร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมเป็นรายมาตรา โดยได้ลงนามรายชื่อทั้งหมดครบแล้วและจะยื่นต่อนายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา ในวันที่ 7 เมษายนนี้ โดยประเด็นที่เสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญเกิดจากการพูดคุยแลกเปลี่ยนในระห่างที่เป็นกรรมาธิการเกี่ยวกับรัฐธรรมนูญทั้ง ส.ส.ฝ่ายค้านและส.ว. 

จนความคิดเห็นตกผลึกในรายมาตรา จนยกร่างอกกมาเป็นญัตติดังกล่าว 5 ประเด็นใน 13 มาตรา คือ ประเด็นที่ 1. แก้ไขเพิ่มเติมหมวด 3 สิทธิและเสรีภาพแก้ไขมาตรา 29,41 และ 45 เป็นการเพิ่มสิทธิในกระยวนการยุติธรรมซึ่งเพิ่มขึ้นอีก 8 อนุมาตราในมาตราที่ 29 และเพิ่มให้ชุมชนมีสิทธิได้รับความช่วยเหลือทางกฎหมายจากรัฐอย่างเหมาะสมจากรัฐในการฟ้องหน่วยงานของรัฐ ซึ่งเดิมในมาตรา 41 เขียนให้มรการฟ้องร้องเฉยๆ แต่ชุมชนไม่ทราบว่าจะฟ้องร้องอย่างร จึงต้องเขียนเพิ่มให้ 

นายไพบูลย์ กล่าวว่า ประเด็นที่ 2 พรรคการเมืองในขณะนี้ทุกพรรคมีปัญหาการทำไพรแมรี่โหวต ดังนั้นเพิ่มแก้อุปสรรคการทำงานของพรรคการเมือง จึงแก้ไขมาตรา 45 โดยนำรัฐธรรมนูญปี 50 มาตรา 47 มาใช้แทน และเป็นการแก้ไขระบบเลือกตั้งมาตรา 83, 85, 86, 90, 91, 92 แะมาตรา 94 โดยแก้ไขให้การเลือกตั้ง ส.ส.เป็นแบบบัตรสองใบ ซึ่งจะเหมือนรัฐธรรมนูญปี 40 และ 50 และให้ส.ส. แบบแบ่งเขต 400 คน และแบบบัญชีรายชื่อ 100 คน รวมทั้งมีการแก้ไขให้การประกาศผลการเลือกตั้ง ส.ส. ซึ่งรัฐธรรมนูญปี 60 ให้ประกาศผลภายใน 60 วัน ก็จะแก้ให้มีการประกาศผลภายใน 30 วัน รวมทั้งให้พรรคการเมืองใดที่ส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งแบบแบ่งเขตแล้วไม่น้อยกว่า 100 เขตจึงมีสิทธิที่จะส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อ เพื่อป้องกันไม่ให้มีพรรคการเมืองที่จัดตั้งขึ้นส่งแต่ผู้สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ ซึ่งเป็นปัญหาให้กับคณะกรรมการเลือกตั้ง (กกต.) ในการเผยแพร่ผู้สมัครไปทั่วประเทศและหากไม่แก้จะทำให้มีพรรคการเมืองหลายร้อยพรรค 

เมื่อแก้ประเด็นนี้แล้วจะทำให้เหลือเพียงพรรคการเมืองหลาย 10 พรรคที่เข้าหลักเกณฑ์ ซึ่งคิดว่าเพียงพอที่ประชาชนจะเลือกพรรคใดพรรคหนึ่งด้วยคะแนนหนึ่งเสียงของท่าน และพรรคการเมืองใดได้คะแนนน้อยกว่าร้อยละ 1 ของคะแนนเสียงรวมทั้งประเทศให้ถือว่าไม่มีส.ส.บัญชีรายชื่อของพรรคการเมืองนั้นได้รับเลือกตั้งและไม่ให้นำคะแนนเสียงดังกล่าวมารวมคะแนนเพื่อหาสัดส่วนส.ส.บัญชีรายชื่อ ซึ่งประเด็นนี้เพื่อไม่ให้มีส.ส.ปัดเศษ ดังนั้นพรรคการเมืองต้องได้ ส.ส.อย่างน้อย 1% ถึงจะได้ ส.ส.หนึ่งคน นอกจากนั้นแก้ไขเมื่อมีการเลือกตั้งซ่อมส.ส.ภายใน 1 ปีจะไม่มีการคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อใหม่

ประเด็นที่ 3 เสนอแก้ไขมาตรา 144 การพิจารณาพ.ร.บ.งบประมาณ ซึ่งในรัฐธรรมนูญปี 60 มีปัญหากระทบต่อการหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ของรัฐที่เกี่ยวข้องการจัดทำงบประมาณ จึงได้เอาข้อความตามรัฐธรรมนูญปี 50 มาตรา 168 มาใช้แทน 

ประเด็นที่ 4 การแก้ไขมาตรา 185 เพื่อแก้ไขอุปสรรคการทำงานของส.ส.และส.ว.ให้สามารถติดต่อส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐ เจ้าหน้าที่ของรัฐ เพื่อช่วยเหลือประะชาชนในพื้นที่ เนื่องจากตาามรัฐธรรมนูญที่บังคับใช้อยู่ปัจจุบัน ถ้าประชาชนเดือนร้อนจะขอร้องให้ ส.ส.หรือ ส.ว.ติดต่อราชการทำไม่ได้ เพราะเป็นการก้าวก่ายแทรกแซง ดังนั้นการแก้ไขมาตรา 185 โดยใช้รัฐธรรมนูญปี 40 มาตรา 114 มาใช้แทน 

ประเด็นที่ 5 แก้ไขบทเฉพาะการ มาตรา 270 เปลี่ยนแปลงอำนาจวุฒิสภา ซึ่งในรัฐธรรมนูญปี 60 ดำเนินการอยู่ฝ่ายเดียว จึงเปลี่ยนให้เป็นอำนาจรัฐสภาเพื่อให้ส.ส.และส.ว.มีอำนาจติดตามและเสนอแนะ และเร่งรัดการปฏิรูปประเทศเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย และการจัดทำตามยุทธศาสตร์ชาติ 

“พรรคพลังประชารัฐมีความตั้งใจแน่วแน่ ที่จะให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญเกิดขึ้นกับประชาชนและไม่มีความขัดแย้งรวมทั้งเป็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เสร็จโดยที่ไม่มีค่าใช้จ่ายงบประมาณแผ่นดินที่จะให้เสียในการทำประชามติ ที่สำคัญใช้เวลาน้อย ที่สำคัญคิดว่าในการยื่นแก้ไขในวันที่ 7 เมษายนนี้และจะมีการเปิดประชุมสภาสมัยสามัญในวันที่ 22 พฤษภาคม ผมจะกราบเรียนประธานรัฐสภาว่าขอให้มีการจัดประชุมร่วมรัฐสภาในวันที่ 25 พฤษภาคม เพื่อพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญฉบับที่พรรคพลังประชารัฐเสนอเป็นวาระแรก ดังนั้นถ้าพิจารณาในวาระแรกได้ ในวันที่ 25 พฤษภาคม และกรรมาธิการคงจะพิจารณาใช้เวลาประมาณหนึ่งเดือนแล้วเสร็จปลายเดือนมิถุนายนและเข้าสู่การพิจารณาวาระ 2 ที่ประชุมรัฐสภา ต้นเดือนกรกฎาคม และวาระที่ 3 น่าจะกลางเดือนหรืออย่างช้าก็ปลายเดือนกรกฎาคม ซึ่งคิดว่าร่างรัฐธรรมนูญที่พรรคพลังประชารัฐเสนอคาดว่าจะได้รับความเห็นชอบจากที่ประชุมรัฐสภา เพราะจากการพูดคุยทางส.ว.ก็เห็นชอบด้วย” นายไพบูลย์ กล่าว 

นายไพบูลย์ กล่าวต่อว่า ขอเรียกร้องไปยังฝ่ายค้านหรือส.ส.ที่ต้องการยื่นญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญ พิจารณาเนื้อหาตามที่พรรคพลังประชารัฐเสนอ และเชื่อว่าฝ่ายค้านน่าจะเสนอญัตติคล้ายๆ กันเพื่อให้ได้รับการยอมรับร่วมกัน เพราะ ส.ส.ของพรรคพลังประชารัฐจะไม่ยอมรับในเนื้อหาที่เกินไปกว่า 5 ประเด็นที่นำเสนอ โดยเฉพาะข้อเสนอให้ตัดอำนาจของ ส.ว. เกี่ยวกับการร่วมลงมติเลือกนายกรัฐมนตรีในรัฐสภา อย่างไรก็ตาม ญัตติที่เสนอ มีเพียง ส.ส. ของพรรคพลังประชารัฐ เพียงพรรคเดียวที่ร่วมลงชื่อ ขณะนี้ยังรอให้ ส.ส.ได้ลงชื่อ ส่วนที่ไม่ร่วมเสนอญัตติร่วมกับพรรคร่วมรัฐบาลอีก 3 พรรคนั้นเพื่อไม่ให้เกิดปัญหา เพราะอาจมีความเห็นไม่ตรงกัน ทั้งนี้ขอยืนยันว่าพรรคพลังประชารัฐมีความต้องการจะให้แก้ไขรัฐธรรมนูญ และรัฐธรรมนูญ ทั้ง 279 มาตรา สามารถที่จะเสนอแก้มาตราใดก็ได้ แต่สิ่งที่เสนอนั้นยืนยันว่าจะไม่สร้างความขัดแย้งกับพรรคร่วมรัฐบาลเพราะเป็นประโยชน์กับประชาชนและไม่ใช่การชิงอำนาจรัฐ

นายไพบูลย์ กล่าวถึงเหตุผลของการเสนอแก้ไขระบบเลือกตั้ง จากจัดสรรปันส่วนผสม ไปเป็นการเลือกตั้งระบบปกติเหมือนรัฐธรรมนูญ 2540 ว่า เป็นไปตามความเห็นส่วนใหญ่ ร้อยละ 90 ของ ส.ส.ในสภาฯ ที่ต้องการให้กลับมาใช้บัตรเลือกตั้ง 2 ใบอย่างไรก็ตาม ตนไม่คิดว่าการปรับระบบเลือกตั้งดังกล่าวจะทำให้พรรคการเมืองบางพรรคได้เปรียบหรือเสียเปรียบระหว่างกัน ส่วนที่แก้ไขแล้วมีผลกระทบกับบางพรรคนั้น ส่วนตัวมองว่าต้องรับฟังเสียงส่วนใหญ่ของ ส.ส. ที่ต้องการให้แก้ไขเนื้อหา 

เมื่อถามว่าการแก้ไขระบบเลือกตั้งจะทำให้พรรคพลังประชารัฐได้เปรียบในการเลือกตั้งครั้งหน้าใช่หรือไม่ นายไพบูลย์ กล่าวในความเห็นส่วนตัว เชื่อว่า พรรคพลังประชารัฐได้รับความนิยมจากประชาชนและความนิยมดังกล่าวจะเพิ่มมากขึ้น ส่วนที่หลายฝ่ายมองว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้นเพื่อรองรับการยุบสภาช่วงปลายปี 2564 นั้นตนไม่เชื่อว่าจะยุบสภาฯ เพราะรัฐบาลจะอยู่ครบเทอมถึงปี 2565 อีกทั้งการแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้ไม่เกี่ยวกับการยุบสภา ซี่งเป็นอำนาจของนายกรัฐมนตรี และ ส.ส.เข้าชื่อกันเพื่อยื่นเรื่องให้นายกรัฐมนตรียุบสภา ซึ่งจากที่พูดคุยกับ ส.ส.พรรคฝ่ายค้านและรัฐบาลไม่มีใครอยากยุบสภา ส่วนที่มีระบุว่าหากแก้ไขรัฐธรรมนูญแล้วต้องยุบสภาฯ นั้น ที่ผ่านมาไม่เคยมีธรรมเนียมปฏิบัติดังกล่าว และรัฐบาลไม่เคยระบุว่าต้องยุบสภา และไม่เคยได้ยินประเด็นนี้จากฝ่ายที่เกี่ยวข้อง

ประกันสังคม เปิดรับฟังความคิดเห็นลูกจ้าง ผู้ประกันตน ในการปรับปรุงแก้ไขสิทธิประโยชน์กองทุนประกันสังคมกรณีชราภาพ

นายทศพล กฤตวงศ์วิมาน เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า ตามที่ได้มีกลุ่มผู้ใช้แรงงาน และผู้ประกันตน ยื่นข้อเรียกร้องให้สำนักงานประกันสังคมพิจารณาปรับปรุงแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับสิทธิประโยชน์ทดแทนในกรณีชราภาพ ตามพระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ. 2533 ให้มีความสอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจและสังคมในปัจจุบัน ซึ่งจากข้อเรียกร้องดังกล่าว นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ได้สั่งการให้สำนักงานประกันสังคมเร่งดำเนินการศึกษาแนวทาง ถึงความเป็นไปได้ เพื่อช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนให้กับผู้ประกันตนให้มากที่สุด 

ในการนี้ สำนักงานประกันสังคมจึงได้จัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นของนายจ้าง ผู้ประกันตน ประชาชน และผู้ที่เกี่ยวข้อง ที่ได้รับผลกระทบจากการแก้ไขเพิ่มเติมตามพระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ. 2533 พร้อมทั้งได้จัดทำวีดิทัศน์ เพื่อให้ผู้ประกันตนรับชมก่อนตอบแบบสอบถาม โดยมีเนื้อหาสาระสำคัญ เช่น กรณีขอเลือกให้ผู้ประกันตน เป็นผู้มีสิทธิในการเลือกรับประโยชน์ทดแทนบำเหน็จชราภาพหรือบำนาญชราภาพ กรณีขอคืน การคืนเงินสมทบกรณีชราภาพบางส่วนเมื่อผู้ประกันตนออกจากงาน กรณีขอกู้ ให้ผู้ประกันตนนำเงินสมทบกรณีชราภาพบางส่วน มาใช้เป็นหลักประกันเงินกู้กับธนาคาร หรือสถาบันการเงินได้ เป็นต้น

เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม กล่าวต่อไปว่า เพื่อให้การแก้ไขเพิ่มเติมตามพระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ. 2533 เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และเกิดประโยชน์สูงสุดแก่ผู้ประกันตน สำนักงานประกันสังคมจึงขอเชิญชวน นายจ้าง ผู้ประกันตน และประชาชนทั่วไป ร่วมแสดงความคิดเห็นได้ในเว็บไซต์ของสำนักงานประกันสังคมที่ http://www.sso.go.th หรือ แสดงความคิดเห็นผ่าน QR code ได้ที่สำนักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานครพื้นที่ / สำนักงานประกันสังคมจังหวัด / สาขา ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปจนถึงวันที่ 30 เมษายน 2564 นี้

รมว.พม. ลงพื้นที่ จ.นครปฐม ช่วยกลุ่มเปราะบางลงทะเบียนเข้าถึงสิทธิโครงการเราชนะ ก่อนหมดเขต 9 เม.ย. นี้

วันนี้ 2 เมษายน 2564 นายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (รมว.พม.) พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร  ลงพื้นที่จังหวัดนครปฐม เพื่อติดตามและตรวจเยี่ยมการอำนวยความสะดวกในการลงทะเบียนโครงการเราชนะ ให้กับผู้สูงอายุ จำนวน 47 ราย ซึ่งเป็นกลุ่มเปราะบางที่ไม่สามารถเดินทางไปลงทะเบียนได้ ประกอบด้วย 1) ผู้สูงอายุพิการจำนวน 1 ราย ป่วยติดเตียงช่วยเหลือตนเองไม่ได้ ในพื้นที่ตำบลห้วยจรเข้ อำเภอเมืองนครปฐม 2) ผู้สูงอายุ จำนวน 44 ราย ณ สถานสงเคราะห์คนชรานครปฐม ตำบลสนามจันทร์ อำเภอเมืองนครปฐม และ 3) ผู้สูงอายุพิการ จำนวน 2 ราย ไม่สามารถเดินได้ ในพื้นที่ตำบลโพรงมะเดื่อ อำเภอเมืองนครปฐม 

นายจุติ กล่าวว่า ตามที่รัฐบาลได้มีการขยายระยะเวลาลงทะเบียน โครงการเราชนะ จนถึงวันที่ 9 เมษายน 2564 สำหรับประชาชนกลุ่มผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ หรือกลุ่มเปราะบาง ได้แก่ ผู้สูงอายุ คนพิการ ทุพพลภาพ ผู้ป่วยติดเตียง ที่ไม่สามารถเดินทางออกจากที่พักอาศัยได้และจำเป็นต้องได้รับความช่วยเหลือจากหน่วยรับลงทะเบียนเคลื่อนที่ นั้น วันนี้ ตนพร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ได้ลงพื้นที่จังหวัดนครปฐม เพื่อติดตามและตรวจเยี่ยมการอำนวยความสะดวกในการรับลงทะเบียนโครงการเราชนะให้กับกลุ่มผู้สูงอายุซึ่งเป็นกลุ่มเปราะบาง โดยมีทีม One Home พม. จังหวัดนครปฐม เจ้าหน้าที่ท้องถิ่น และเจ้าหน้าที่ธนาคารกรุงไทย รวมทั้ง อาสาสมัครพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (อพม.) ลงพื้นที่อำนวยความสะดวก โดยได้เดินทางไปยังบ้านหญิงชราพิการ อายุ 68 ปี ที่ป่วยติดเตียง ไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้ และได้รับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุเดือนละ 600 บาท ในพื้นที่ตำบลห้วยจรเข้ 

โดยกระทรวง พม. ได้มอบเครื่องอุปโภคบริโภคที่จำเป็นและบัตรประจำตัวคนพิการ เพื่อขอรับสิทธิสวัสดิการต่างๆ จากรัฐต่อไป จากนั้นเดินทางไปยังห้องเช่าของหญิงชราสองพี่น้อง อายุ 72 ปี และ 68 ปี ในพื้นที่ตำบลโพรงมะเดื่อ ซึ่งทั้งคู่พิการไม่สามารถเดินได้ ต้องอาศัยการนั่งถัดตัวเองไปกับพื้นบ้าน ครอบครัวมีฐานะยากจน ไม่สามารถประกอบอาชีพได้ มีรายได้จากเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ ทำให้ไม่มีเงินเพียงพอในการจ่ายค่าเช่าห้อง และใช้จ่ายประจำวัน โดยกระทรวง พม. ได้มอบบัตรประจำตัวคนพิการ เพื่อขอรับสิทธิสวัสดิการต่าง ๆ จากรัฐต่อไป พร้อมทั้งมอบเงินสงเคราะห์กรณีฉุกเฉิน เงินสงเคราะห์ผู้มีรายได้น้อย และเครื่องอุปโภคบริโภคที่จำเป็น รวมทั้งประสานส่งต่อเข้ารับการอุปการะในศูนย์พัฒนาการจัดสวัสดิการสังคมผู้สูงอายุจังหวัดปทุมธานี สังกัดกรมกิจการผู้สูงอายุ (ผส.) 

นายจุติ กล่าวด้วยว่า การเดินทางลงพื้นที่ในวันนี้ เป็นการมาเยี่ยมประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้สูงอายุ โดยเป็นตัวแทนของรัฐบาล เพราะว่าโครงการเราชนะ เป็นโครงการดี ๆ ที่ทำให้พี่น้องประชาชนสามารถเข้าถึงสวัสดิการต่าง ๆ ซึ่งเหลือเวลาอีกไม่มาก โดยได้ให้นโยบายกับพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ทุกจังหวัด พร้อมกับธนาคารกรุงไทย องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และจังหวัดว่า ให้ลงพื้นที่เข้าไปหาผู้ที่ต้องการและมีสิทธิที่จะได้รับสิทธิสวัสดิการของโครงการเราชนะ และตรวจสอบด้วยว่าการดำเนินงานมีผลลัพธ์เป็นอย่างไร ซึ่งตนรู้สึกดีใจที่จังหวัดนครปฐมสามารถเข้าถึงผู้ที่พิการ ผู้สูงอายุ  ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไปลงทะเบียนได้ด้วยตนเอง จำนวนกว่า 700 ราย โดยกระทรวง พม. จะดูแลประชาชนอย่างเต็มที่ และจะทำ 7 วันที่เหลืออย่างเต็มที่ เพื่อให้สามารถเข้าถึงสวัสดิการแห่งรัฐให้ได้มากที่สุด 


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top