Wednesday, 7 June 2023
Hard News Team

เปิ้ล ไอริณ’ ฟาดแรง!! หลังโดนแบนร่วมงานบางกอกไพรด์ เหตุปมการเมือง ลั่น!! ไม่ยุติธรรม เชื่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์จะคุ้มครอง

‘เปิ้ล ไอริณ’ เสียความรู้สึกตั้งใจไปร้องเพลงให้กระหึ่มใจกลางเมือง แต่ถูกแคนเซิล ลั่นไม่ยุติธรรมโดนตัดสิทธิ์จากให้มีบทบาท 4 เหลือแค่ 1 แต่เชื่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองแล้ว ไม่ให้ไปงานนี้ เพราะไม่ไปยืนแผ่นดินเดียวกัน หนักแผ่นดิน!! ชี้ดาราแค่หุ่นเชิด ไม่รู้อิงการเมือง หนุน sex worker

(6 มิ.ย. 66) กรณีที่ ‘เปิ้ล ไอริณ ศรีแกล้ว’ ออกมาโพสต์ข้อความระบุว่าถูกเจ้าของงานบางกอกไพรด์ 2023 สั่งแบนห้ามร่วมงาน หลังแสดงความเห็นค้านแก้ ม.112 เมื่อวันที่ 4 มิ.ย. ที่ผ่านมา ซึ่งในงานดังกล่าว มีทั้ง ‘ทิม พิธา ลิ้มเจริญรัตน์’ ว่าที่นายกฯ คนที่ 30 รวมทั้ง ‘อุ๊งอิ๊ง แพรทองธาร ชินวัตร’ จากพรรคเพื่อไทย และ ‘ชัชชาติ สิทธิพันธุ์’ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เข้าร่วมงาน พร้อมด้วยชาว LGBTQIAN+ และศิลปิน ดารามากมาย

ล่าสุด ‘เปิ้ล ไอริณ’ ได้เปิดใจหลังถ่ายรายการ ‘รายการคุยทะลุดรามา’ ช่องเวิร์กพอยท์ ยันตอนแรกต้องทำถึง 4 บทบาท แต่ภายหลังกลับลดจนเหลือบทบาทเดียว ซึ่งทำให้ตนเสียชีวิต แต่พอมาถึงตอนนี้ขอบคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์แล้วที่ช่วยไม่ให้ไป เพราะตอนแรกตนไม่ทราบว่าจะมีนักการเมืองมาร่วมเดินขบวนด้วย

“ตอนแรกเปิ้ลได้รับการติดต่อทาบทามไปงานนั้น โดยเปิ้ลจะมีบทบาท 4 อย่าง หนึ่งเปิดตัว พบนักข่าว เปิดงาน สองจะใช้เพลง money ของเปิ้ล ร้องแห่ตามถนน สามเปิ้ลจะร่วมขบวนแห่ไปด้วย สี่จะต้องมีการขึ้นเวที แต่พอใกล้ถึงเวลาจริงๆ เปิ้ลก็เพิ่งมาทราบว่าทางงานบอกไม่ต้องไปงานที่สนามศุภชลาศัย แล้วให้ไปแค่ที่สยามเลย เราก็บอกว่ามันแคนเซิลง่ายๆ อย่างนั้นเลยเหรอ เรารู้สึกเสียความรู้สึก เราตั้งใจไปคอนเสิร์ต ไปร้องให้กระหึ่มใจกลางเมือง นี่คือความฝันสูงสุดของเปิ้ลเลย แต่เปิ้ลก็ต้องโดนทำลายความฝัน ที่ตอนแรกไม่ทราบสาเหตุ

เปิ้ลว่ามันไม่ยุติธรรมกับเปิ้ล จาก 4 มาเหลือ 1 มันก็โดนตัดสิทธิ์ โดยที่ไม่ต้องอธิบายอะไรแล้ว แต่มา ณ วันนี้เปิ้ลถือว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ได้ช่วยเหลือเปิ้ลเอาไว้ไม่ให้เปิ้ลต้องไปงานนี้ เปิ้ลจะไปทำไม งานที่มีเจ้าภาพงานเป็นตระกูลที่รัฐบาลต้องเข้าไปทำรัฐประหาร เพราะว่าเงินมันเหลือในคลัง 0 บาทแล้ว คุณสร้างหนี้เอาไว้ 84,000 ล้าน ตอนนี้รัฐบาลต้องจ่ายหนี้ข้าวของคุณ ชาวนาที่ผูกคอตายไป รัฐบาลต้องแบกรับภาระเดือนละ 30,000 ล้าน มันใช่หน้าที่ของพวกเราไหมที่เปิ้ลจะต้องไปนั่งซัปพอร์ตเขา อย่าเป็นอัลไซเมอร์ค่ะ จำกันให้ได้ ดีนะที่เปิ้ลไม่ไปยืนแผ่นดินเดียวกัน หนักแผ่นดินค่ะตรงนั้น เปิ้ลไปยืนไม่ได้หรอก” เปิ้ล ไอริณ กล่าว

คาดดาราที่ไปไม่รู้ว่าอิงการเมือง ใช้ดาราเป็นหุ่นเชิด งงสนับสนุน
“แล้วเปิ้ลจะบอกอีกสองเรื่อง เรื่องแรก ดาราที่ไปหลายคนไม่รู้ว่ามันอิงการเมืองอยู่ เนื่องจากว่าถ้าดาราไปในเรื่องของการเมืองมันมีค่าใช้จ่ายสูง ไปช่วยหาเสียง ไปการเมือง แต่เขาใช้คำพูดกับเปิ้ลว่าเดินขบวนเพื่อเรียกร้องให้ LGBTQ ได้รับความเท่าเทียม แต่เขาไม่ได้บอกเลยว่ามีนักการเมืองมา ดาราทุกคนไปก็งง แถมยังไปอิงการเปิดตัว Pride Clinic ของ รพ.บำรุงราษฎร์ ซึ่งมีการผ่าตัดแปลงเพศ เท่ากับเอาดาราไปเป็นหุ่นเชิด แต่มีผลประโยชน์แอบแฝงอยู่ด้านหลังรึเปล่า

ฉะนั้น คราวหลัง ศิลปินทุกคนต้องระวังคำว่า กทม. ไว้แล้วนะคะ กทม. จัด แต่พอไปถึงปุ๊บ สิ่งที่มันเป็นนโยบายเขาถามให้ละเอียดก่อน อะไรเปิ้ลก็ไม่ติดใจ แต่ท้ายของนโยบายที่เปิ้ลอ่านมาคือ สนับสนุน sex workerแล้วดาราที่ไปมีศิลปินแกรมมี่ด้วย ที่มีพี่เบิร์ด ธงไชย อยู่ด้วย สนับสนุน sex worker เหรอ เปิ้ลงง จุดประสงค์กับสิ่งที่คุณต้องการ กับสิ่งที่เราอุตส่าห์ตั้งใจไปมันคนละเรื่องกันหรือเปล่า ดีใจที่ไม่ได้ไป ถือว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ช่วยเปิ้ลไว้ค่ะ”

โดนตัดสิทธิ์ต้องมีเหตุผล ก่อนหน้านี้เพิ่งสนับสนุนนโยบาย ‘ลุงตู่ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา’
“ถามว่าปีนี้มีนักการเมืองหลายพรรคไปเลย ทำให้เรารู้สึกแบบนั้นหรือเปล่า อ้าว แล้วทำไมเปิ้ลถึงโดนตัดสิทธิ์ได้ มันต้องมีสาเหตุสิ เป็นไปไม่ได้หรอก เพราะก่อนหน้านั้นเปิ้ลเพิ่งออกมาสนับสนุนนโยบายของ ลุงตู่ เปิ้ลกับลุงตู่อาจจะเหมือนกันตรงนี้ อยากพูดอะไรก็พูด

ความจริงก็คือความจริง ทำไมเปิ้ลต้องโดนตัดสิทธิ์ด้วย มีเหตุผลอะไร แล้วคุณชัชชาติ เขาเคยอยู่พรรคไหน มันเป็นคำถามของเด็กอนุบาลที่ไม่น่ามาถามเปิ้ลด้วยซ้ำไป (เขาเปลี่ยนเป็นให้เราไปร่วมงานแทนขึ้นขบวน เราก็เลยไม่คิดที่จะไปงาน?) เปิ้ลไม่อยากตอบคำถามพวกนี้อีกต่อไปแล้ว เพราะเปิ้ลไม่ได้เป็นหุ้นสื่อค่ะ”

เขาไม่ให้ขึ้นคอนเสิร์ต ขึ้นรถแห่ ส่วนนึงอาจปกป้องเพราะตนโพสต์ข้อความทางการเมือง
“ก็อาจจะเป็นจริงนะคะ เพราะถ้าเกิดเปิ้ลขึ้นเวที ประโยคแรกเปิ้ลคงจะพูดว่า SAVE 112 ก็ดีแล้วที่เขาไม่ให้เปิ้ลไป เขาก็คิดถูกแล้ว ถามว่าเราก็โอเค เลือกที่จะไม่ไปไหม ก็คงจะแตกต่างกัน เปิ้ลก็ออกมาแสดงจุดยืน SAVE 112 ที่อีกกลุ่มต้องการที่จะยกเลิกและแก้ไข มันก็ขัดแย้งกันอยู่แล้ว มันก็อาจจะมีการเห็นต่างบางอย่างแต่ในสิ่งนึงเปิ้ลก็ยังสงสัยว่า งานนี้มีคอนเซ็ปต์ว่ารักความต่าง สนับสนุนความเท่าเทียม คำพูดยังแบบว่า… คำถามต่อไปดีกว่าค่ะ”

ยันไม่ได้อยากดัง
“เปิ้ลใช้เฟซบุ๊กมา 20 ปี ไม่เคยขึ้นจอดำเลย นี่เป็นสาเหตุที่เปิ้ลเสียใจ ที่หลายๆ คนก็เรียกร้องแม่ แล้วสิ่งที่เขาเอามาล่อเราตอนแรก อยากให้เราไป เขาพูดกับเราว่าเราจะได้เป็นแม่เลย เด็กๆ จะได้ไปเจอพี่เปิ้ลด้วย จุดประสงค์ของเรามีเท่านี้ไม่ได้อยากจะดังอะไรทั้งสิ้น แต่เรารู้สึกว่าถ้าเราเห็นภาพทุกคนร้องเพลงเรา เพลงเราไปดังก้องถนนได้ เปิ้ลจะมีความสุข เป็นฝันของเปิ้ล จะเป็นวันที่อยู่ในความทรงจำของเปิ้ลจนวันตายเลยค่ะ แต่ไม่เป็นไร ถ้าเพลงของเปิ้ลอีกฝั่งนึงจะดับลงไป แต่เพลงสรรเสริญพระบารมีจะดังก้องขึ้น มันก็คุ้มค่าแล้วค่ะ”

ย้ำไม่หนุน sex worker
“ตัวเปิ้ลเองไม่ได้สนับสนุน sex worker มาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว ถึงเปิ้ลจะภาพเซ็กซี่ แต่การที่เราสนับสนุนให้เด็กมีเพศสัมพันธ์เพื่อหารายได้ ยังไงเปิ้ลก็ไม่สนับสนุน จะกลุ่มเล็กกลุ่มน้อยเปิ้ลก็ค้านตลอด วันนึงถ้าเปิ้ลเข้าไปมีส่วนร่วมในการสนับสนุนเรื่องพวกนี้ที่ มันก็คงไม่เป็นไปตามเจตนารมณ์ของเปิ้ล สิ่งศักดิ์สิทธิ์ยังคุ้มครองเปิ้ลอยู่ไม่ให้ได้ไปงานนั้น คนละคลื่นพลังงาน พอพลังงานมันไม่บาลานซ์กัน ทำยังไงก็ไม่ได้เจอกันอยู่แล้ว

เมื่อก่อน คำว่า ‘บูลลี่’ หรือความคิดเห็นที่กระทบเราเปิ้ลต้องขอบคุณทั้งหมด มันเป็นวัคซีนให้เปิ้ลตอนนี้ เปิ้ลเชื่อเรื่อง ฟิสิกส์ควอนตัม พลังงานมวลรวม ยิ่งเราต้องการจะปกป้องอะไร สิ่งสูงสุดแค่ไหน สิ่งใหญ่โตแค่ไหน พลังงานมวลรวม อุปสรรคปัญหาหรืออะไรต่างๆ มันก็เข้ามาเท่านั้น เปิ้ลรู้ก่อนหน้านี้แล้ว เปิ้ลรู้และรับมือกับมันได้ เพราะเปิ้ลอยู่กับสิ่งนี้มา 30 กว่าปีในวงการแล้ว ก็ไม่ได้มีส่วนสำคัญอะไรในชีวิต เปิ้ลเขียนในเพลงไปแล้วว่าโฟกัสสิ่งใดสิ่งนั้นขยายผล ตัวเปิ้ลไม่ได้โฟกัสเรื่องลบเลย ซึ่งลึกๆ เปิ้ลก็เมตตาพวกเขานะ มันเหมือนจุดดำในกระดาษขาว เปิ้ลมีลิควิดเปเปอร์ในจิตใต้สำนึกที่สามารถลบจุดดำนั้นได้ค่ะ”

ไม่แคร์ถูกแอนตี้ เพราะไม่ได้รับงานในวงการ อยู่อย่างพอเพียง
“ไม่ได้มายด์เลยค่ะ ตอนนี้จริงๆ ไม่ได้จะรับงานในวงการเลย ไม่ได้มายด์เรื่องเงินอยู่แล้ว ตัวเปิ้ลอยู่อย่างพอเพียงนะ ทำเพลง money เห็นเปิ้ลมีบ้านช่อง ดูเฟซบุ๊กเปิ้ลดีๆ สิ ไปส่องดูอีกที เปิ้ลไปเที่ยวบนดอย ที่พักหลักร้อย เปิ้ลใช้เงินอย่างประหยัด เพราะเปิ้ลจะเก็บเงินทุกบาททุกสตางค์หลังตายเพื่อมอบเป็นการกุศลให้กับเด็ก 5 มูลนิธิเปิ้ลอยู่ของเปิ้ลได้ เพราะลึกๆ แล้วเปิ้ลเป็นคนประหยัด เปิ้ลรู้ว่าเปิ้ลอายุไม่ยืน เปิ้ลเลยรีบสะสมทำความดี”
 

สดช.’ จัดอบรมเสริมทักษะ-พัฒนาความรู้ภารกิจกองทุนฯ มุ่งสู่การบริหารรัฐกิจแนวใหม่ เปี่ยมคุณธรรม

วันที่ (6 มิ.ย. 66) กองทุนพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม โดยสำนักงานคณะกรรมการดิจิทัล เพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สดช.) ได้จัดอบรมให้ความรู้เกี่ยวกับภารกิจของกองทุนฯ เพื่อพัฒนาความรู้ และทักษะ พร้อมเสริมสมรรถนะที่จำเป็นในการปฏิบัติงาน ครั้งที่ 3 ณ โรงแรมรามาการ์เด้นส์ กรุงเทพฯ ห้องแกรนด์บอลรูม 2 ชั้น

โดยได้รับเกียรติจาก นายภุชพงค์ โนดไธสง เลขาธิการคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เป็นประธานในพิธีเปิดการอบรมและเป็นวิทยากรการบรรยายให้ความรู้ในหัวข้อ “ธรรมาภิบาล : หลักการเพื่อการบริหารรัฐกิจแนวใหม่ และคุณธรรม จริยธรรม การป้องกันและปราบปรามการทุจริต ภาครัฐ” พร้อมด้วย นางสุรีพร พรโสภณวิชญ์ ผู้อำนวยการกองบริหารกองทุนพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และบุคลากรกองทุนฯ ได้ร่วมรับฟังการบรรยายในครั้งนี้

 

เมื่อการเมืองไทย สร้างนักการเมืองที่มุ่งหาแต่ผลประโยชน์ และประชาชนที่ยอมซื้อสิทธิ์ ขายเสียง เพื่อแลกกับเงินเล็กๆ น้อยๆ

อนิจจา… ประเทศไทย : อาชีพใหม่กับการเลือกตั้ง

มองในมุมลบ กับการเมือง นักการเมืองในประเทศไทย ปัจจุบันนี้ไม่น่าจะดีไปกว่าเดิมมาก นักการเมืองก็ยังหวังแต่ได้ใช้ตำแหน่งหน้าที่การงานอำนาจ แสวงหาประโยชน์ส่วนตนและพวกพ้อง ประชาชนเองก็หวังแต่เงินเล็ก ๆ น้อย ๆ จากนักการเมืองที่มาหว่านซื้อเสียง รับจ้างฟังปราศรัย

การเลือกตั้งรอบที่ผ่านมา น่าสะพรึงกลัว เดี๋ยวนี้ มีทั้ง

- มีหัวคะแนนหมู่บ้านฯละ 3-4 คน /ผู้สมัครที่ 1 พรรคการเมือง
- มีคนรับจ้างฟังปราศรัย ค่าหัวครั้งละ 300 บาท มีนายหน้าคอยจัดการส่งสัญญาณ ไปยังเครือข่าย ทุกพรรคที่มีการปราศรัย และต้องการระดมคนฟัง จะมีสายรับงานระดมคนให้ พร้อมรับค่าจ้าง ค่าจัดการ
- ซื้อสิทธิ์ นักการเมืองหว่านเงินลงมาจำนวนมหาศาล ซื้อสิทธิ์จากประชาชน หัวละ 300 ไม่ต้องพูดถึง รอบแรก 500 รอบสอง 500 รวมเป็นหัวละ 1000 บาท ต้องซื้อ 4-50,000 หัว หวังผล 50% พูดถึงตัวเลขเงินที่ใช้กันแล้ว ‘ขนลุกขนพอก’
- ขายเสียง ประชาชนผู้เป็นเจ้าของสิทธิ์ พร้อมจะขายเสียงแลกกันเงินเล็กน้อย เพื่อประทังชีวิต รับจ้างปราศรัยครั้งละ 300 ก็เท่ากับหมู 2 กิโลกรัม
- จ่ายเงินกันมโหฬาร นักการเมืองไม่รู้เอาเงินมาจากไหน จ่ายกันจริงจ่ายกันจัง จ่ายกันแบบผิดกฎหมาย แต่ กกต.ไม่มีปัญญาจับมือใครดม หรือเอาผิดได้ตามกฎหมาย ทั้ง ๆ ที่การใช้เงินก็โฉงเฉง
- ถึงเวลานักการเมืองที่ชนะการเลือกตั้ง ก็ใช้ตำแหน่ง-อำนาจ ที่ได้มาจากประชาชนด้วยการซื้อ ถอนทุนคืน หรือเอื้อประโยชน์ต่อพวกพ้อง
- ถอนทุนคืน การถอนทุนคืนก็ต้องมีกำไรด้วย เพื่อรองรับไว้เลี้ยงทีมงาน และรองรับการเลือกตั้งครั้งต่อไปด้วยกับช่วงเวลา 4 ปีระหว่างอยู่ในตำแหน่ง (ถ้าไม่ยุบสภาเสียก่อน)

ลองคิดดูประเทศมันจะดีขึ้นอย่างไร นักการเมืองไม่มีเวลาคิดเรื่องชาติ-บ้านเมือง คิดแต่หาช่องทางถอนทุนคืน คนที่น่าสงสารคือคนสอบตก จ่ายเงินไปพอๆกับคนที่ชนะการเลือกตั้ง แต่แพ้ ไม่มีตำแหน่งหน้าที่-อำนาจ ให้ไปใช้ถอนทุน เว้นแต่เป็นพรรครัฐบาล อาจจะมีตำแหน่งทางบริหารอื่น ๆ ตอบแทนคะแนนปาตี้ลิสต์ ก็พอจะมีหน้ามีตา มีตำแหน่ง-อำนาจให้ก้าวเดินไปในสังคมได้บ้าง และอาจจะพอมีช่องทางใช้อำนาจแสวงหาได้บ้าง

บอกตามตรงว่า ผมเองรักและศรัทธาการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันเป็นระบอบตัวแทน ประชาชนเลือกตัวแทนไปทำหน้าที่แทน เรียกว่าสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) แต่ไม่ศรัทธาต่อการได้มาซึ่ง ส.ส. ในสถานการณ์ปัจจุบัน มันไร้เกียรติ์ ไร้ศักดิ์ศรี การประพฤติปฏิบัติของ ส.ส. ก็ไม่น่าศรัทธา ผมจึงไม่ศรัทธาต่อการเลือกตั้งในปัจจุบัน กับการกำกับการเลือกตั้งที่ไม่เป็นไปตามคำขวัญ ‘สุจริต เที่ยงธรรม’

มันเป็นการเลือกตั้งที่สุจริตจริงหรือ ชาวบ้านร้านตลาดรู้กันหมดว่า ใคร พรรคไหน ซื้อเสียงหัวละเท่าไหร่ มีการปราศรัยรับปากว่าจะให้ มีการจัดเลี้ยง มีกาาข่มขู่หัวคะแนนฝ่ายคู่แข่ง และสุดท้ายคือ ซื้อหัวคะแนนคู่แข่ง

มันเที่ยงธรรมจริงหรือ อยากจะถามไปยังคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และทุกกลไกของ กกต. เช่น ผู้ตรวจการเลือกตั้งว่า พอใจต่อผลการจัดการเลือกตั้งแล้วหรือ

กลไกลของ กกต. ทุกองคาพยพ พอจะพูดได้เต็มปากเต็มคำอย่างไม่อายใครได้จริงหรือ ว่า เป็นการเลือกตั้งที่ ‘สุจริต เที่ยงธรรม’ ในฐานะองค์กรหลักของประเทศ

ลิซ่า BLACKPINK’ นุ่งผ้าซิ่น โพสต์รูปเช็กอินไหว้พระ-เที่ยวอยุธยา กระตุ้น Soft Power พาผ้าไทยโกอินเตอร์ คาด!! ซิ่นไทยเตรียมหมดตลาด

เมื่อวันที่ 5 มิ.ย. 66 น.ส.ลิษา มโนบาล หรือ ‘ลิซ่า BLACKPINK’ ทำไอจีแทบแตก โพสต์ภาพสวมชุดไทยไหว้พระและเที่ยวอยุธยากับเพื่อน หลังจบคอนเสิร์ตที่ไทย

กลับมาบ้านเกิดเมืองไทยครั้งนี้ นอกจากจะมาทำงานและแสดงคอนเสิร์ตแล้ว ไอดอลสาวชื่อดังระดับโลก ‘ลลิษา มโนบาล’ หรือ ‘ลิซ่า BLACKPINK’ ก็ได้ใช้ช่วงเวลาอยู่กลับครอบครัวและเพื่อน ๆ

โดยนอกจากจะไปเดินซื้อของที่ปากคลองตลาดในลุคสบาย ๆ แล้ว เจ้าตัวก็ยังมีโอกาสไปเที่ยวและไปไหว้พระวัดดังที่จังหวัดอยุธยา ซึ่ง ‘ลิซ่า’ ได้โพสต์ภาพสวมชุดผ้าไทย เสื้อผ้าฝ้ายสีขาวและผ้าถุงฝ้ายมัดหมี่ย้อมคราม ลงอินสตาแกรมส่วนตัว

พร้อมเช็กอินที่ ‘วัดมหาธาตุ’ วัดในเขตอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยารวมไปถึง ‘วัดแม่นางปลื้ม’ ที่อยู่ในอยุธยาด้วยเช่นกัน

งานนี้หลังจากที่ไอดอลสาวโพสต์ภาพเซ็ตนี้ลงอินสตาแกรมนั้น ก็ทำไอจีเกือบแตก มีแฟนๆ เข้ามาคอมเมนต์มากมาย และยังมีแฟน ๆ ที่บอกว่าจะไปเช็กอินตามรอยลิซ่า ทำเอาโดนแซวยกใหญ่ว่าอยุธยาแตกแน่!!

หากย้อนกลับไป ‘ลิซ่า’ แม้จะเป็นหนึ่งในแฟชั่นไอคอนที่แฟนๆ บอกว่าลุคไหนๆ ก็เอาอยู่ แต่ตัวเธอนั้นเคยเลือกสวมชุดไทยในเอ็มวีเพลงโซโล่แรกในชีวิตอย่าง ‘LALISA’ มาแล้ว โดยเธอให้เหตุผลว่า “เป็นความภาคภูมิใจที่ได้ใส่ชุดไทยในเอ็มวีให้ทั่วโลกได้เห็น ภูมิใจจริงๆ แฮปปี้มากๆ ที่ทุกคนชอบ”

งานนี้เชื่อว่าลิซ่าจะกระตุ้น Soft Power ให้เมืองไทยเหมือนหลายๆ ครั้ง ที่ไม่ว่าจะขยับตัวทำอะไรก็เป็นกระแสฟีเวอร์ไปซะหมด อาทิ ‘ลูกชิ้นยืนกินบุรีรัมย์’ ที่ขายดิบขายดี เพียงแค่เธอให้สัมภาษณ์ว่าชอบทาน ช่วยพลิกสถานการณ์ให้แม่ค้าในช่วงโควิดอีกด้วย หรือ ‘ชุดไทย’ ที่สวมใหญ่ในเอ็มวี ก็สามารถนำวัฒนธรรมไทยสร้างชื่อก้องโลกมาแล้ว
 

จีน’ ออกโรงเตือน ‘สหรัฐฯ’ ตั้งกลุ่มพันธมิตรสไตล์ ‘นาโต’ มีแต่ทำ ‘เอเชีย-แปซิฟิก’ จมลงสู่วังวนแห่งความขัดแย้ง

เมื่อไม่นานนี้ รัฐมนตรีกลาโหมจีน เตือนการจัดตั้งกลุ่มพันธมิตรทางทหารสไตล์ ‘นาโต’ รังแต่จะทำให้ ‘เอเชีย-แปซิฟิก’ เจอกับวังวนความขัดแย้ง ย้ำโลกจะต้องเผชิญหายนะที่ไม่อาจทนทานได้ หากมีการเผชิญหน้ารุนแรงระหว่างจีนกับอเมริกา กระนั้น เขาก็ย้ำว่าประเทศของเขามุ่งแสวงหาการสนทนากันมากกว่าการเผชิญหน้า สำหรับทางด้านนายใหญ่เพนตากอน แสดงความไม่พอใจที่เรือจีนพุ่งตัดหน้าเรือพิฆาตของสหรัฐฯ ในระยะประชิด ขณะที่กองทัพปักกิ่งโต้ว่า อเมริกาและแคนาดาจงใจยั่วยุให้เกิดความเสี่ยงจากการร่วมกันเดินเรือผ่านช่องแคบไต้หวัน

‘หลี่ ช่างฝู’ รัฐมนตรีกลาโหมจีน กล่าวปราศรัยในเวทีประชุมความมั่นคง แชงกรีลา ไดอะล็อก ที่สิงคโปร์เมื่อวันอาทิตย์ (4 มิ.ย.) ว่า ความพยายามในการจัดตั้งกลุ่มพันธมิตรทางทหารในรูปแบบคล้ายกับองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต) ในเอเชีย-แปซิฟิกรังแต่จะทำให้ภูมิภาคนี้เผชิญวังวนความขัดแย้งและการเผชิญหน้า

การแสดงความคิดเห็นนี้ตอกย้ำคำวิจารณ์ของจีนต่อความพยายามของอเมริกาในการรวบรวมพันธมิตรในเอเชีย-แปซิฟิก ด้วยข้ออ้างว่าเพื่อต่อต้านอิทธิพลที่เพิ่มขึ้นของปักกิ่ง ขณะที่จีนตอบโต้ว่าเป็นความพยายามของวอชิงตันที่จะรักษาฐานะความเป็นเจ้าใหญ่เหนือใคร ๆ ของพวกเขาเอาไว้

ทั้งนี้ อเมริการิเริ่มผลักดันและเข้าเป็นสมาชิกของกลุ่มออคัส ที่ประกอบด้วยออสเตรเลียและอังกฤษ ตลอดจนกลุ่มควอด ที่มีทั้งออสเตรเลีย อินเดีย และญี่ปุ่น

หลี่เสริมว่า เอเชีย-แปซิฟิกวันนี้ต้องการการร่วมมือที่เปิดกว้างและครอบคลุมทุกประเทศ ไม่ใช่การจับกลุ่มยิบย่อยมาต่อต้านชาติอื่น

รัฐมนตรีกลาโหมจีนยังพยายามสร้างภาพให้อเมริกาเป็นผู้ปลุกปั่นให้เอเชียไร้เสถียรภาพ ขณะที่จีนต้องการผ่อนคลายสถานการณ์ โดยกล่าวว่า โลกใหญ่พอที่จีนและอเมริกาจะเติบโตไปพร้อมกัน นอกจากนั้น แม้มีระบบและหลาย ๆ อย่างต่างกัน แต่ไม่ได้ขัดขวางไม่ให้สองประเทศแสวงหาผลประโยชน์ร่วมกันในการเสริมสร้างความสัมพันธ์และการร่วมมือ และคงไม่อาจปฏิเสธได้ว่า หากเกิดความขัดแย้งหรือการเผชิญหน้ารุนแรงระหว่างจีนกับอเมริกา โลกจะต้องเผชิญหายนะที่ไม่อาจทนทานได้

ก่อนหน้านี้ ในวันเสาร์ (3 มิ.ย.) ลอยด์ ออสติน รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ ที่ร่วมการประชุมแชงกรีลาที่จัดขึ้นที่สิงคโปร์ด้วยเช่นกัน ประณามจีนที่ปฏิเสธการจัดการหารือทางทหาร โดยระบุว่า การหารือเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อป้องกันการเข้าใจผิดและการคำนวณผิดพลาด ไม่ใช่การให้รางวัล

วันเดียวกันนั้น กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ แถลงว่า ได้ส่งเรือพิฆาตยูเอสเอส ชุงฮุน จากกองเรือที่ 7 แล่นผ่านช่องแคบไต้หวันพร้อมกับเรือฟริเกต เอชเอ็มซีเอส มอนทรีออลของแคนาดา และจีนตอบโต้ด้วยการส่งเรือลำหนึ่งเข้าประชิดเรือยูเอสเอส ชุงฮุน

ต่อมาในวันอาทิตย์ ออสตินกล่าวถึงเหตุการณ์ดังกล่าวว่า อันตรายอย่างยิ่ง เนื่องจากเรือจีนพุ่งตัดหน้าเรือพิฆาตของอเมริกาในระยะห่างแค่ 46 เมตร พร้อมเรียกร้องให้ผู้นำจีนควบคุมการกระทำในลักษณะดังกล่าวที่อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้

ทว่า กองทัพจีนวิจารณ์ว่า อเมริกาและแคนาดาจงใจยั่วยุให้เกิดความเสี่ยงจากการร่วมกันเดินเรือผ่านช่องแคบไต้หวันซึ่งเป็นน่านน้ำที่มีความอ่อนไหว

ทางฝ่ายหลี่สำทับว่า จีนจะไม่ยอมให้อเมริกาและพันธมิตรใช้ข้ออ้างของเสรีภาพในการเดินเรือเพื่อครองอำนาจครอบงำการเดินเรือ

ภายหลังการกล่าวปราศรัยของหลี่ นักวิชาการหลายคนได้ถามย้ำหลี่เกี่ยวกับเหตุการณ์ดังกล่าว รวมถึงการที่จีนเพิ่มประจำการทางทะเลในทะเลจีนใต้ซึ่งมีข้อพิพาทด้านอธิปไตยกับหลายชาติ ปรากฏว่ารัฐมนตรีกลาโหมจีนไม่ได้ตอบคำถามตรงๆ แต่บอกว่า การเคลื่อนไหวของประเทศนอกภูมิภาคทำให้ความขัดแย้งลุกลาม

ทั้งนี้ ออสติน และหลี่จับมือและคุยกันสั้นๆ ในงานเลี้ยงอาหารค่ำเปิดประชุมในวันศุกร์ (2 มิ.ย.) แต่ไม่ได้หารือกันเป็นเรื่องเป็นราว โดยอเมริกานั้นเชิญหลี่พบปะหารือกับออสตินนอกการประชุมแชงกรีลา แต่ปักกิ่งปฏิเสธ

เจ้าหน้าที่อาวุโสคนหนึ่งของสหรัฐฯ เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวเมื่อวันอาทิตย์ว่า วอชิงตันยังเสนอการประชุมเจ้าหน้าที่ระดับล่าง แต่ปักกิ่งไม่ตอบกลับ

ขณะที่สมาชิกคนหนึ่งของคณะผู้แทนจีนบอกกับเอเอฟพีว่า เงื่อนไขเบื้องต้นสำหรับการหารือคือ อเมริกาต้องยกเลิกการแซงก์ชันหลี่ที่บังคับใช้มาตั้งแต่ปี 2018 จากกรณีการซื้ออาวุธจากรัสเซีย

นอกจากนั้น ชุ่ย เทียนข่าย อดีตเอกอัครราชทูตจีนประจำวอชิงตัน ยังให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวด้านนอกการประชุมแชงกรีลาเมื่อวันอาทิตย์เรียกร้องให้อเมริกาถอนปฏิบัติการทางทหารใกล้จีนเพื่อแสดง ‘ความสุจริตใจ’ หากต้องการฟื้นการเจรจาระดับสูง

อย่างไรก็ตาม ในอีกด้านหนึ่งก็มีสัญญาณบางประการเหมือนกัน ซึ่งแสดงว่าทั้งสองประเทศเริ่มมี ‘การสนทนา’ กันมากขึ้นในระดับเจ้าหน้าที่ระดับสูง

เป็นต้นว่า ‘วิลเลียม เบิร์นส์’ ผู้อำนวยการสำนักงานข่าวกรองกลางสหรัฐฯ (ซีไอเอ) ได้เดินทางอย่างลับๆ ไปยังจีนเมื่อเดือนที่แล้ว เจ้าหน้าที่อเมริกันผู้หนึ่งประกาศเรื่องนี้เมื่อวันศุกร์ (2) ที่ผ่านมา

ขณะที่ผู้ช่วยรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ฝ่ายกิจการเอเชียตะวันออกและแปซิฟิก แดเนียล คริเทนบริงค์ ก็เดินทางไปจีนเมื่อวันอาทิตย์ (4) ในการเยือนซึ่งช่วงหลังๆ นี้เกิดขึ้นมาน้อยครั้ง
 

‘คิง ก่อนบ่าย’ ผู้สมัคร ส.ส.พปชร. มอบชุด นร.-ชุดลูกเสือ พร้อมเงินช่วยเหลือ แก่ นร.เรียนดีแต่ขาดโอกาสทางการศึกษา

วันที่ (6 มิ.ย. 66) นายณภัทร ชุ่มจิตตรี หรือ ‘คิง ก่อนบ่าย’ นักแสดงตลกดัง ผู้สมัคร ส.ส. ประจวบคีรีขันธ์ พรรคพลังประชารัฐ ได้โพสต์ภาพพร้อมข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ชื่อ ‘ณภัทร คิงก่อนบ่าย ชุ่มจิตตรี’ โดยระบุว่า…

“วันนี้ผมได้มอบหมายให้นางสาวสุปราณี ชุ่มจิตต์ คณะทำงาน เดินทางนำชุดนักเรียนและชุดลูกเสือสามัญไปมอบให้กับ ด.ช. วสุพล วงศ์จีนา

โรงเรียนพุทธศาสน์โกศล (วัดวังยาว) อ.กุยบุรี ​จ.ประจวบคีรี​ขันธ์​ ตามที่ Toey Nuttawut ได้ลงประกาศขอรับบริจาคไว้ ซึ่งผมนำเงินส่วนหนึ่งที่ถูกรางวัลเลขเลขท้าย 2 ตัว 09 มาซื้อให้”
 

อีลอน มัสก์’ ซีอีโอเทสลา เยือนโรงงานในเซี่ยงไฮ้ เล็งขยายโรงงานผลิตเพิ่มต่อเนื่อง ตอกย้ำประสิทธิภาพ

เมื่อไม่นานนี้ สำนักข่าวซินหัว, เซี่ยงไฮ้ รายงานว่า ‘อีลอน มัสก์’ ซีอีโอเทสลา (Tesla) ได้เดินทางเยือนโรงงานเทสลา เซี่ยงไฮ้ กิกะแฟกทอรี ในเทศบาลนครเซี่ยงไฮ้ทางตะวันออกของจีน เมื่อช่วงเช้าวันพฤหัสบดี (1 มิ.ย.) โดยเขาได้ชื่นชมประสิทธิภาพและคุณภาพการผลิตของโรงงาน

มัสก์แสดงความยินดีกับทีมจีนสำหรับผลการปฏิบัติงานอันยอดเยี่ยม และพลังงานเชิงบวกในการทำงานต่างๆ ให้สำเร็จลุล่วง โดยเขากล่าวว่าเป็นเรื่องน่าประทับใจอย่างมากที่ทุกคนสามารถเอาชนะสารพัดอุปสรรคความยากลำบากและความท้าทาย

“รถยนต์ที่ผลิตจากที่นี่ ไม่เพียงมีประสิทธิภาพมากที่สุด แต่ยังมีคุณภาพสูงสุดอีกด้วย” มัสก์ กล่าว

อนึ่ง โรงงานเซี่ยงไฮ้ กิกะแฟกทอรี ถือเป็น ‘ต้นแบบ’ ของโรงงานเทสลาแห่งอื่นๆ ทั่วโลก เช่น เบอร์ลิน กิกะแฟคทอรี และเท็กซัส กิกะแฟคทอรี ซึ่งเปิดทำการปีก่อน และ ‘ทำสำเนา’ ประสิทธิภาพและอิทธิพลทางอุตสาหกรรมระดับโลกของโรงงานในจีน

โรงงานเซี่ยงไฮ้ กิกะแฟกทอรี ซึ่งก่อตั้งปี 2019 จัดเป็นโรงงานกิกะแฟกทอรีนอกสหรัฐฯ แห่งแรกของเทสลา ที่ได้ส่งมอบรถยนต์ 710,000 คันในปี 2022 ซึ่งเพิ่มขึ้นร้อยละ 48 จากปี 2021

ก่อนหน้านี้เมื่อเดือนเมษายน เทสลาประกาศแผนการก่อสร้างโรงงานขนาดใหญ่แห่งใหม่ในเซี่ยงไฮ้ ซึ่งจะมุ่งผลิต ‘เมกะแพ็ก’ (Megapack) ผลิตภัณฑ์จัดเก็บพลังงานของเทสลา

รายงานระบุว่า โรงงานแห่งใหม่มีกำหนดเริ่มต้นก่อสร้างในไตรมาสสาม (กรกฎาคม-กันยายน) ของปีนี้ และจะเริ่มต้นการผลิตในไตรมาสสอง (เมษายน-มิถุนายน) ของปี 2024

 

ร้านนายอินทร์’ แจงภาพตัดต่อหนังสือที่ ‘พิธา’ ใช้ ‘รองขาโต๊ะ’ ยัน!! เป็นแคมเปญอ่านตามคนดัง วอนหยุดกระจายความเสียหาย

(6 มิ.ย. 66) จากกรณีที่โลกออนไลน์เผยภาพแคมเปญ ‘อ่านตามคนดัง’ ของร้านหนังสือ ร้านนายอินทร์ ซึ่งปรากฏการ ‘อ่านตามพิธา’ หรือ ‘ทิม พิธา อ่าน’ อันหมายถึงการอ่านหนังสือเล่มเดียวกับ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล (ก.ก.) และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ทว่ากลับมี การตัดต่อ หนังสือและข้อความที่ไม่ถูกต้องเข้าไป โดยระบุ ‘ทิม พิธา รองขาโต๊ะ’ จนร้านนายอินทร์ได้รับความเสียหาย

ล่าสุด เมื่อวันที่ 5 มิ.ย. 66 จาก ร้านนายอินทร์ออกมาชี้แจงว่า จากแคมเปญ ‘อ่านตามคนดัง’ ซึ่งในเดือนที่ผ่านมาหน้าร้านนายอินทร์ใช้คำว่า ‘พิธาอ่าน’ หรือ ‘อ่านตามพิธา’ บนหนังสือที่ คุณพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เคยอ่านและแนะนำในสื่อออนไลน์ต่างๆ

ร้านนายอินทร์มีวัตถุประสงค์ที่จะเป็นเพียงแค่สื่อที่เจตนาดีต่อนักอ่าน ต้องการให้นักอ่านได้มีแรงกระตุ้นและแรงบันดาลใจในการอ่านตามบุคคลที่มีอิทธิพลทางสังคม ซึ่งร้านนายอินทร์ได้ดำเนินแคมเปญในลักษณะนี้เสมอมา

หากในกรณีที่บุคคลอื่นบุคคลใดนำภาพหน้าร้านไปดัดแปลง หรือตัดต่ออย่างไม่สร้างสรรค์ และไม่เคารพสิทธิของผู้อื่น ถือเป็นการทำให้ผู้อื่นและแบรนด์ “นายอินทร์” ได้รับความเสียหาย

จึงวอนขอให้ผู้ที่กระทำการดังกล่าวลบโพสต์ และหยุดแชร์ภาพ หรือสื่อใดๆ ที่ละเมิดสิทธิส่วนบุคคล หรือสื่อใดๆ ที่อาจทำให้แบรนด์เกิดความเสียหาย

ขอบพระคุณที่ให้ความสนใจ ‘แคมเปญอ่านตามคนดัง’ และร้านนายอินทร์จะยึดมั่นในการส่งความสุข และแรงบันดาลใจให้นักอ่านตลอดไป

นอกจากนี้ ยังระบุเพิ่มเติมว่า หากพบเห็นข้อความใดที่มีลักษณะดัดแปลง ทำให้ผู้อื่นเสียหาย หรือเป็นการละเมิดสิทธิผู้อื่นจากการใช้ร้านนายอินทร์เป็นสื่อ กรุณาส่งหลักฐาน พร้อมชื่อผู้โพสต์ ผู้แชร์มาทาง facebook inbox #จับคนตัดต่อ เพื่อเป็นเบาะแสในการดำเนินการต่อไป

และว่า “ขออนุญาต hide ข้อความคอมเมนต์ใต้โพสต์ที่มีลักษณะพาดพิงผู้อื่น หรืออาจทำให้เกิดความเสียหายเพิ่มเติม”

‘รถถัง จิตรเมืองนนท์’ นักมวยคนแรกที่จัดงาน Meet & Greet ให้แฟนคลับได้ใกล้ชิดแบบเป็นกันเอง ที่สนามมวยลุมพินีฯ 10 มิ.ย. นี้

เมื่อวันที่ 5 มิ.ย. 66 นายทินกร ศรีสวัสดิ์ หรือ ‘รถถัง จิตรเมืองนนท์’ นักมวยไทย อายุ 25 ปี ซึ่งถือเป็นชาวไทยระดับแชมป์โลกรุ่นฟลายเวท และนักมวยไทยที่ได้รับการกล่าวขวัญถึงสไตล์การต่อสู้แบบบุกตะลุย ที่มักเป็นฝ่ายเดินหน้าไม่มีถอยหลัง ซึ่งเปรียบเสมือนรูปแบบการเคลื่อนที่ของรถถัง

อีกทั้งยังเป็นนักมวยไทยที่สามารถสร้างกระแสตอบรับ ในการดึงดูดแฟนมวยเพิ่มขึ้นเรื่อยมา นอกจากนี้ เขายังเป็นที่ต้องการสำหรับโปรโมเตอร์มวยไทยหลายราย ในการให้มาแข่งขันรายการที่ตนจัด

ล่าสุด รถถัง จิตรเมืองนนท์ ซุปตาร์มวยไทย ได้ประกาศจัด Meet & Greet แบบใกล้ชิดและเป็นกันเอง ให้เฉพาะแฟนๆ ที่มีบัตรเข้าชมการแข่งขัน ONE Fight Night 11 เท่านั้น พร้อมด้วยของที่ระลึกจำนวนจำกัด มาก่อนได้ก่อน ซึ่งจะจัดในช่วงเช้าวันเสาร์ที่ 10 มิ.ย.นี้ เวลาประมาณ 06.30 น. ณ สนามมวยเวทีลุมพินี รามอินทรา กรุงเทพฯ

‘ดร.เจษฎา’ เปรียบ ‘พิธา ก้าวไกล’ เหมือน ‘ประธานาธิบดียูเครน’ ที่ใช้ความสามารถแก้ไขปัญหาการเมือง จนครองใจ ปชช.ได้สำเร็จ

เมื่อไม่นานนี้ รศ.ดร. เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊คส่วนตัว ชื่อ ‘Jessada Denduangboripant’ โดยระบุว่า…

ถ้าบอกว่า ‘คุณพิธา ก้าวไกล’ เท่ากับ ‘ประธานาธิบดีเซเลน สกี ยูเครน’ … ผมถือว่าเป็นการยกย่องให้เกียรติและให้พรกับคุณพิธานะครับ

เพราะสำหรับผม เซเลน สกี เป็นผู้นำที่กล้าหาญ และประสบความสำเร็จในการป้องกันรักษาเอกราชอธิปไตยของประเทศยูเครน และน่าจะเป็นอีกหนึ่งตำนานผู้นำที่มีชื่อเสียงและได้รับการยกย่องต่อไป ในหน้าประวัติศาสตร์โลกสมัยใหม่ อีก 10-20 ปีข้างหน้า

เหล่าสลิ่มสยามมินสกี ชอบเอาเรื่องที่ ปธน. เซเลน สกี เคยเป็นนักแสดงมาก่อน เอามาล้อเลียนว่าเป็น ‘ตัวตลก ที่มาเป็นผู้นำทัพ’

ซึ่งนั่นก็คือ การหาเรื่องเหยียดหยาม ด้อยค่าคนอื่น โดยไม่ดูที่ข้อมูลประกอบว่าจริงๆ แล้ว อดีต ‘ตัวตลก’ คนนี้ มีพื้นฐานทางการศึกษาปริญญาตรีทางกฎหมาย จากมหาวิทยาลัยเศรษฐกิจแห่งชาติ กรุงเคียฟ อันมีชื่อเสียง และด้วยความที่เค้ามีพรสวรรค์ในด้านงานแสดง จึงได้หันเห มาทำอาชีพด้านบันเทิงในบทบาทของ ‘ดาราตลก’ จนมีชื่อเสียงโด่งดัง

พร้อมไปกับการทำธุรกิจบริษัทโปรดักชัน ผู้ผลิตภาพยนตร์ การ์ตูน และรายการโทรทัศน์ จนประสบความสำเร็จอย่างมาก ทั้งด้านรายได้และได้รางวัลต่างๆ มากกว่า 30 รางวัล ทั้งจากในประเทศและจากเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติ และเวทีสื่อต่างๆ

(เปรียบเทียบง่ายๆ ก็เหมือนกับ คุณปัญญา นิรันดร์กุล ที่จบคณะสถาปัตยกรรม จุฬาฯ แต่ผันตัวมาโด่งดังจากการเป็นดารานักแสดงตลก แล้วทำธุรกิจด้านบันเทิง จนประสบความสำเร็จกับเวิร์กพอยท์ที่ยิ่งใหญ่จนถึงวันนี้)

และเมื่อประสบความสำเร็จทั้งด้านการแสดงและด้านธุรกิจแล้ว เซเลน สกี ก็ตัดสินใจลงสมัครรับเลือกตั้งประธานาธิบดี โดยใช้รูปแบบการออกทัวร์แสดงและใช้โซเชียลมีเดียเป็นหลัก เน้นการแก้ไขปัญหาทุจริต และยุติความขัดแย้งของกบฏในแคว้นทางตะวันออกของประเทศ จนติดอันดับต้น ๆ ของโพลเลือกตั้ง และสุดท้ายก็ชนะการเลือกตั้งไปอย่างถล่มทลายด้วยคะแนนเสียงถึง 73.2%!!

เมื่อเลือกตั้งเสร็จ มีอดีตผู้นำทางการเมืองของยูเครน ได้ปรามาสเซเลน สกีไว้ว่า เขาจะทำให้ยูเครนกลับไปอยู่ภายใต้อิทธิพลของรัสเซียอีกครั้งอย่างรวดเร็ว เนื่องจากเขาไม่มีประสบการณ์ทางการเมือง และเป็นคนที่พื้นเพเดิม เกิดมาพูดภาษารัสเซีย เติบโตในภาคตะวันออกของยูเครนที่นิยมรัสเซียด้วยซ้ำ

แต่กลายเป็นว่า เซเลน สกีได้สร้างรัฐบาลที่มีความเป็นเอกภาพ พยายามวางตัวอยู่ตรงกลางระหว่างเกมของมหาอำนาจ และไม่ยอมตามความต้องการเป๊ะๆ ของรัสเซียและสหรัฐอเมริกา 

โดยเขาพยายามที่จะอิงไปทางสหภาพยุโรป ด้วยการสนับสนุนให้ยูเครนเป็นสมาชิกของสหภาพยุโรป (EU) และ องค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ หรือเนโต้ (NATO) และ ผ่านแนวทางการขอประชามติของผู้มีสิทธิเลือกตั้งชาวยูเครน ซึ่งจากโพล ประชาชนยูเครนกว่า 88% สนับสนุนการเข้าร่วมกับ EU และ 83% สนับสนุนการเข้าร่วม NATO (ซึ่งผลโพลนี้เริ่มพุ่งมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 2014 )

ต้องอย่าลืมว่า จริง ๆ แล้ว รัสเซียบุกเข้ามารุกรานประเทศยูเครน ตั้งแต่ปี ค.ศ. 2014 จนยึดคาบสมุทรไครเมียของยูเครนไปแล้ว นั่นคือ รัสเซียก่อสงครามมานานหลายปีแล้ว ก่อนที่เซเลน สกีจะขึ้นเป็นประธานาธิบดีในปี 2019 ไม่ใช่ว่าเซเลน สกี คือสาเหตุที่ยั่วยุให้รัสเซียเริ่มก่อสงคราม
การที่กองทัพรัสเซีย ภายใต้การนำของจอมเผด็จการปูติน ยกกำลังมากมายเข้ามาบุกประเทศยูเครน เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2022 นั้น ก็เพียงเพราะปูตินต้องการจะยึดครองยูเครน ต้องการจะขยายอาณาจักรรัสเซียออกไปตามความฝันของตัวเอง ที่เหลือก็แค่เอาสารพัดเรื่องมาอ้างๆๆ ไปเรื่อยเปื่อย โดยไม่ยอมรับว่ายูเครนเป็นประเทศที่มีเอกราช มีอธิปไตยเป็นของตนเอง แต่มองว่าเป็นอดีตอาณานิคมของจักรวรรดิรัสเซีย ที่ต้องไปยึดกลับมารวมกัน

การที่ปูตินเอาเรื่องที่ยูเครนอยากจะเข้าร่วมกับ EU และ NATO มาอ้างให้เป็นเหตุต้องบุกเข้าไปยึดประเทศอื่นนั้น ก็เป็นเรื่องตอแหลมากๆ เพราะใครๆ ก็รู้ว่ามันเป็นกระบวนการที่ปรกติต้องใช้เวลายาวนานหลายปี (อาจเป็นสิบปี) ถึงจะทำได้สำเร็จ หรือถ้าแค่ประเทศสมาชิกคัดค้านซักประเทศเดียว ยูเครนก็เข้าร่วมกับเนโต้ไม่ได้แล้ว… ไม่ใช่ว่าต้องรีบยกทัพไปรุกรานเขา

การรุกรานบูรณภาพของดินแดนยูเครน ของรัสเซียนั้น เป็นที่ชัดเจนว่า เป็นการละเมิดกฎหมายและข้อตกลงระหว่างประเทศ จำนวนหลายฉบับ ไม่ว่าจะกฎบัตรสหประชาชาติ (UN) สัญญา Budapest Memorandum (ปี 1994 ที่ยูเครนยอมคืนระเบิดนิวเคลียร์ทั้งหมดให้รัสเซีย เพื่อแลกกับการไม่รุกราน), สัญญา Treaty of Friendship (ปี 1997), รวมไปถึงสัญญา Minsk II (ปี 2015) ที่มีข้อผูกมัดให้รัสเซียถอนทหารตัวเองออกจากยูเครน คืนการควบคุมชายแดนให้รัฐบาลในเคียฟ และให้ยูเครนจัดการเลือกตั้งทำประชาติในแคว้นดอนบาส // ในขณะที่ ยูเครนเองไม่เคยมีการทำสัญญาลงนามอะไร เรื่องที่ห้ามเข้าร่วม NATO เหมือนอย่างที่สลิ่มสยามมินสกีบางคน เอามาอ้างจากไหนก็ไม่รู้

และเมื่อกองทัพรัสเซียของปูติน เข้ารุกรานยูเครน พยายามบุกเข้ายึดกรุงเคียฟ ในปี 2022 ประธานาธิบดีเซเลน สกี ก็ได้กลายเป็นผู้นำที่ประชาชนชาวยูเครนศรัทธายิ่งขึ้นไปอีก จากการที่ไม่หลบหนีออกนอกประเทศ ตามที่ปูตินและแม้แต่ผู้นำชาติตะวันตกอื่นๆ คาดกัน (และจะทำให้รัสเซียยึดยูเครนได้ใน 3 วันตามที่ปูตินวางแผนไว้) แต่กลับไม่หนีไปไหน พร้อมทั้งปล่อยคลิปวิดีโอในคืนวันถัดมา กล่าวว่า

“อย่าเชื่อข่าวปลอม ผมยังอยู่ที่นี่ เราจะไม่วางอาวุธ เราจะปกป้องประเทศของเรา เพราะอาวุธของเราคือความจริง และที่นี่คือ ผืนแผ่นดินของเรา ประเทศของเรา ลูกหลานของเรา พวกเราจะปกป้องสิ่งเหล่านี้ และนี่คือสิ่งที่ผมอยากบอกพวกคุณ ยูเครนจงเจริญ​”

เซเลน สกี ได้สร้างขวัญและกำลังใจให้กับทหารและประชาชนชาวยูเครน ที่จะยืนหยัดต่อสู้เพื่อเอกราช แม้ว่ากองกำลังรัสเซียจะกำลังรุกคืบหน้าเข้าสู่กรุงเคียฟ ทั้งเซเลน สกีและคนยูเครนเอง ไม่คิดที่จะยอมแพ้ ยอมเจรจาแลกดินแดนยูเครนให้กับความสงบจอมปลอม ที่ปูตินจะมอบให้ เพราะรู้ดีว่าถ้าปล่อยให้รัสเซียเข้ามาปกครอง ก็จะถูกปล้นสะดม เข่นฆ่า สูญเสียอิสรภาพและประชาธิปไตยไปเหมือนกับในหลายๆ เมือง ตลอดเส้นทางที่กองทัพรัสเซียบุกยึดได้

แต่ในทางกลับกัน ปธน. เซเลน สกี ได้ใช้ความสามารถในการสื่อสารที่มักจะกระชับ ทรงพลัง และกินใจผู้ฟัง ให้เป็นอาวุธสำคัญที่พลิกเกม จากประเทศที่อ่อนด้อยทางการทหารให้สามารถยันกับประเทศมหาอำนาจทางการทหารอันดับ 2 ของโลก ได้เป็นเวลาแรมปี ด้วยการสื่อสารไปยังชาติอื่น ๆ ที่เป็นพันธมิตร โดยเฉพาะกับประเทศในยุโรป ดังตัวอย่างเช่น สุนทรพจน์ที่ว่า

“เรากำลังต่อสู้เพื่อเป็นสมาชิกที่เท่าเทียมของยุโรป จงพิสูจน์ว่าคุณอยู่กับเรา จงพิสูจน์ว่าคุณจะไม่ปล่อยเราไป จงพิสูจน์ว่าคุณเป็นคนยุโรป จริง ๆ แล้วชีวิตจะชนะความตาย และแสงสว่างจะชนะความมืด”

จนชาติพันธมิตรต่างๆ ทั้งในสหภาพยุโรปและในเนโต้ รับปากจะจัดหาอาวุธยุทโธปกรณ์ให้กับยูเครน นานตราบเท่าที่ยูเครนต้องการใช้ เพื่อต่อสู้กับรัสเซีย

ดังนั้น แม้ว่าใครจะมองว่า ปธน. เซเลน สกี คือ อดีตดาราตลก เค้าก็เป็นอดีตดาราตลกที่พิสูจน์ตัวเองแล้วว่า เป็นผู้นำอันยิ่งใหญ่ ที่สามารถนำพาประเทศต่อสู้กับวิกฤติ จากเงื้อมมือของอริราชศัตรูที่เหนือกว่าอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ และกลายเป็นที่ยึดเหนี่ยวทางใจ เป็นกำลังใจสำคัญ ของชาวยูเครนในช่วงเวลาอันมืดมิด ให้พอเห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์

ย้อนกลับมาเรื่องคุณพิธา ผมก็ไม่ได้เห็นว่าทางพรรคก้าวไกลเค้ามีนโยบายอะไรที่จะทำให้ไทยเราต้องโดน ‘ประเทศมหาอำนาจ’ เข้ามาบุกยึดครองแบบที่รัสเซียบุกยูเครน… ที่เห็นยกๆ กันมาด่า (เช่น เรื่องจะตั้งฐานทัพอเมริกาในไทย เรื่อง นาโต้ 2 เรื่องสงครามตัวแทน ฯลฯ) ก็มโน อุปาทาน ปั่นข่าวกันไปเองทั้งนั้น

ซ้ำร้าย การที่เราอิงแอบแต่จีน แบบที่รัฐบาลประยุทธ และ คสช. ทำมาในอดีต และจะทำต่อไปในอนาคต ต่างหาก ที่อาจจะทำให้เสียสมดุลย์อำนาจทางภูมิศาสตร์ในภูมิภาคนี้ จนเกิดปัญหาขึ้นตามมาได้

สรุปว่า ถ้ามีความพยายามจะผูกคุณพิธา เข้ากับ ปธน.เซเลน สกี โดยอ้างว่าจะเป็นการทำให้ไทยเราเกิดสงครามขึ้นในอนาคตเหมือนกับยูเครน ก็ต้องบอกว่าเป็นเรื่องมั่วมาก (และดูน่ารังเกียจด้วยกับการเล่นอะไรแบบนี้)

ขณะที่จริงๆ แล้ว ถ้าคุณพิธา สามารถจะกลายเป็นผู้นำที่ครองใจและเป็นที่พึ่งของคนส่วนใหญ่ในประเทศ พร้อมทั้งมีความสามารถในการหาพันธมิตรมาช่วยเหลือได้ ในยามที่ประเทศเกิดวิกฤติขึ้น แบบที่เซเลน สกีทำ ก็จะเป็นเรื่องที่น่ายินดีมากครับ

ปล.โพสต์นี้น่าจะเรียกทัวร์จากเหล่าสลิ่มสยามมินสกีได้เยอะเลยนะ แต่ผมไม่แคร์ ฮะๆ


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top