Friday, 19 April 2024
กองทัพเรือ

สมุทรปราการ - กองทัพเรือ ลำเลียงเรือผลักดันน้ำลงจุดประตูระบายน้ำคลองลัดโพธิ์ เสริมกำลังเร่งระบายน้ำออกสู่ทะเล

เมื่อวันที่ 7 ต.ค.64 เวลา 10.00 น. พลเรือโท ปกครอง มนธาตุผลิน เจ้ากรมกิจการพลเรือนทหารเรือ ในฐานะหัวหน้าฝ่ายกิจการพลเรือน ศูนย์บรรเทาสาธารณภัย กองทัพเรือ พร้อมคณะ ให้การต้อนรับ พลตำรวจเอก อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการจังหวัดกรุงเทพมหานคร ในการเดินทางมาตรวจเยี่ยมการติดตั้งเรือผลักดันน้ำ ของกองทัพเรือ พร้อมรับฟังการบรรยายสรุปสถานการณ์น้ำ บริเวณคลองลัดโพธิ์ อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ 

กองทัพเรือ โดยศูนย์บรรเทาสาธารณภัย กองทัพเรือ สั่งการให้กรมอู่ทหารเรือ จัดชุดเฉพาะกิจผลักดันน้ำ อู่ทหารเรือพระจุลจอมเกล้า สนับสนุนเรือผลักดันน้ำ จำนวน 12 ลำ พร้อมกำลังพล อุปกรณ์ และยุทโธปกรณ์ เพื่อปฏิบัติภารกิจผลักดันน้ำคลองลัดโพธิ์ อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ  จากแนวโน้มสถาการณ์น้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา จะมีปริมาณจากน้ำเหนือที่ไหลมาสูงขึ้น กอรปกับผลกระทบจากพายุที่จะเข้ามา กรุงเทพฯ ได้ร้องขอรับการสนับสนุนเรือผลักดันน้ำ จากกองทัพเรือ เพื่อเร่งระบายน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาลงสู่อ่าวไทยนั้น ฝ่ายกิจการพลเรือน ศูนย์บรรเทาสาธารณภัย กองทัพเรือ กรมอู่ทหารเรือ และกรุงเทพมหานคร ได้ร่วมพิจารณาแล้ว กำหนดจุดวางเรือผลักดันน้ำ ที่จะสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพในการเร่งระบายน้ำสูงสุด คือบริเวณคลองลัดโพธิ์ จะสามารถระบายน้ำได้ 100,000 ลบ.ม./เครื่อง/วัน  ซึ่งถ้าเดินเครื่องเต็มที่ในช่วงน้ำลงจะสามารถเร่งระบายน้ำได้ 1,200,000 ลบ.ม./วัน

โดยในช่วงเช้า เวลา 10.00 น. พลเรือตรี สุทธิศักดิ์ บุตรนาค รองผู้อำนวยการอู่ทหารเรือพระจุลจอมเกล้า กรมอู่ทหารเรือ ในฐานะ หัวหน้าชุดเฉพาะกิจผลักดันน้ำ อู่ทหารเรือพระจุลจอมเกล้า เป็นประธานในพิธีปล่อยขบวนลำเลียงเรือผลักดันน้ำ จำนวน 12 ลำ จากอู่ทหารเรือพระจุลจอมเกล้า กรมอู่ทหารเรือ อ.พระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการ  มาปฏิบัติภารกิจผลักดันน้ำที่คลองลัดโพธิ์

คลองลัดโพธิ์ เป็นชื่อคลองเดิม บริเวณตำบลทรงคนอง อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ เดิมมีลักษณะตื้นเขิน ต่อมาได้จัดสร้างเป็นโครงการตามแนวพระราชดำริ เป็นการบริหารจัดการน้ำเพื่อแก้ปัญหาน้ำท่วมกรุงเทพมหานคร โดยยึดหลักการ "เบี่ยงน้ำ" ภายใต้การดูแลของหน่วยงานหลัก 3 หน่วยงานคือ กรมชลประทานกรุงเทพมหานคร และคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ มีหลักการคือ จากสภาพของแม่น้ำเจ้าพระยาเดิมที่มีลักษณะไหลวนคดเคี้ยวบริเวณรอบพื้นที่บริเวณบางกะเจ้านั้นมีความยาวถึง 18 กิโลเมตร นั้นทำให้การระบายน้ำที่ท่วมพื้นที่ชั้นในของกรุงเทพมหานครเป็นไปได้ช้า ไม่ทันเวลาน้ำทะเลหนุน พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร จึงมีพระราชดำริให้พัฒนาใช้คลองลัดโพธิ์ ซึ่งเดิมมีความตื้นเขินมีความยาวราว 600 เมตร ให้ใช้ระบายน้ำที่หลากและน้ำที่ท่วมทางสองฝั่งของแม่น้ำเจ้าพระยาลงสู่ทะเลทันทีในช่วงก่อนที่น้ำทะเลหนุน และปิดคลองลัดโพธิ์เมื่อน้ำทะเลหนุน เพื่อหน่วงน้ำทะเลไม่ให้ขึ้นลัดเลาะไปตามแนวแม่น้ำเจ้าพระยาที่คดโค้งถึง 18 กิโลเมตรก่อนซึ่งใช้เวลามากจนถึงเวลาน้ำลง ทำให้ไม่สามารถขึ้นไปท่วมตัวเมืองได้

คลองลัดโพธิ์ เป็นคลองที่พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร มีกระแสพระราชดำรัสถึง เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2549 ว่าเป็นสถานที่ตัวอย่างของการบริหารจัดการน้ำ ที่ต้องการความรู้เรื่องเกี่ยวกับเวลาน้ำขึ้นน้ำลง หากบริหารจัดการให้ถูกต้องจะสามารถแก้ปัญหาน้ำท่วมได้ พระองค์ได้เสด็จพระราชดำเนินทางชลมารคไปทรงเปิดประตูระบายน้ำคลองลัดโพธิ์ และทรงเปิดสะพานภูมิพล 1 ภูมิพล 2 เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

โฆษกทร. แจงเหตุเครื่องผลักดันน้ำกองทัพเรือจมที่สมุทรปราการ เผยเครื่องพ่นน้ำรั่วระหว่างเดินเครื่องผลักดันน้ำ ส่งผลให้น้ำไหลเข้าเรือเร็วและระบายไม่ทัน  เร่งกู้วันนี้ คาดไร้อุปสรรคโฆษกทร. แจงเหตุเครื่องผลักดันน้ำกองทัพเรือจมที่สมุทรปราการ เผยเครื่องพ่นน้ำรั่

ที่หอประชุมกองทัพเรือ พลเรือโท ปกครอง มนธาตุผลิน เจ้ากรมกิจการพลเรือนทหารเรือ  ในฐานะโฆษกกองทัพเรือ เปิดเผยถึงกรณีที่เกิดเหตุการณ์เครื่องผลักดันน้ำของกองทัพเรือจมบริเวณคลองสำโรง ตำบลบางพลีใหญ่ อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ ขณะกำลังดำเนินการผลักดันน้ำในคลองสู่ทะเล เมื่อวันที่ 7 ต.ค. ที่ผ่านมาว่า เหตุการณ์ดังกล่าว เกิดจากเครื่องพ่นน้ำรั่วระหว่างเดินเครื่องผลักดันน้ำ  ส่งผลให้น้ำไหลเข้าเรือเร็วและระบายไม่ทัน ซึ่งทันทีที่เกิดเหตุการณ์ เจ้าหน้าที่ที่ดูแลประจำพื้นที่ได้รีบนำ เครื่องสูบน้ำฉุกเฉิน ออกมาเร่งดำเนินการแก้ไข แต่เนื่องจากบริเวณที่ติดตั้งเครื่องผลักดันน้ำเป็นจุดที่เข้าถึงยาก ทำให้ไม่สามารถแก้ไขได้อย่างทันท่วงที  ซึ่งลักษณะการติดตั้งเรือจะผูกติดกันไว้เป็นคู่ เจ้าหน้าที่จึงตัดสินใจปลดตัวยึดล็อค ของเครื่องผลักดันน้ำอีกลำหนึ่งแต่ไม่ทันการณ์ ทำให้เครื่องผลักดันน้ำเครื่องที่สอง ถูกเครื่องแรกที่มีปัญหาดึงจมลงไปด้วย   ซึ่งจากการตรวจสอบล่าสุดพบว่าสาเหตุการทำให้เรือจมเนื่องจาก มีเศษไม้ที่เป็นขยะแข็งเข้าไปทำให้ Water jet ขัดตัวเกิดการชำรุดแตกเสียหายน้ำเข้าเรือ ส่วนลำที่ 2 สาเหตุ เกิดจากการ การผูกยึดกับลำที่ 1 ดึงจมลง

พลเรือโท ปกครอง กล่าวต่อว่า ในส่วนของการกู้เครื่องผลักดันน้ำขึ้นมานั้น ทางชุดเฉพาะกิจผลักดันน้ำจะเร่งดำเนินการในวันนี้ ซึ่งการดำเนินการคาดว่าไม่มีอุปสรรคข้อขัดข้อง เนื่องจากระดับน้ำในคลองมีความลึกไม่เกิน 3 เมตร กระแสน้ำไม่ไหลเชี่ยว อีกทั้งเครื่องผลักดันน้ำมีน้ำหนักเพียง 4 ตัน สามารถใช้เครนยกขึ้นมาได้ จากนั้นจะนำไปดำเนินการซ่อมทำที่กรมอู่ทหารเรือซึ่งเป็นหน่วย วิทยาการในการซ่อมทำอยู่แล้ว นอกจากนั้น ระบบของเครื่องผลักดันน้ำ ไม่ใช่ระบบอิเล็กทรอนิกส์จึงสามารถดำเนินการซ่อมได้ไม่ยาก ทั้งนี้ศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพเรือ จะเคลื่อนย้ายเครื่องผลักดันน้ำ 2 ลำไปทดแทน เพื่อให้คงประสิทธิภาพในการเร่งระบายน้ำเช่นเดิม  

กรุงเทพฯ - โฆษกกองทัพเรือ ชี้แจงกรณี กองทัพเรือ “ปรับเปลี่ยนภูมิทัศน์ รื้อต้นไผ่ภายในกองทัพเรือ”

พลเรือโท ปกครอง มนธาตุผลิน เจ้ากรมกิจการพลเรือนทหารเรือ ในฐานะโฆษกกองทัพเรือ เปิดเผยว่า ตามที่ได้มีสื่อมวลชนและสำนักข่าวหลายสำนัก นำเสนอข่าว กองทัพเรือ ปรับภูมิทัศน์ ในพื้นที่กองบัญชาการกองทัพเรือ พระราชวังเดิมและวังนันทอุทยานโดยระบุว่า ผู้บัญชาการทหารเรือท่านปัจจุบัน ได้สั่งให้มีการรื้อต้นไผ่ซึ่งปลูกในสมัย พลเรือเอก ลือชัย รุดดิษฐ์  ดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารเรือ เพราะมีความขัดแย้งกับ พลเรือเอก ลือชัย ฯ นั้น โฆษกกองทัพเรือ

ขอชี้แจงข้อเท็จจริงว่า เนื่องจากภายในเขตพระราชวังเดิม นอกจากจะเป็นที่ตั้งของอาคารสำนักงานของกองทัพเรือแล้ว ยังมีโบราณสถานที่สำคัญที่กองทัพเรือดูแลรักษา ตกแต่งภูมิทัศน์ให้มีความงดงามอยู่เสมอ แต่เนื่องจากต้นไผ่ ซึ่งปลูกมาเป็นเวลากว่า 3 ปี จึงเจริญเติบโตสูงขึ้นและบดบังอาคารสำนักงาน รวมถึงบดบังทัศนียภาพโบราณสถานที่สวยงามอีกด้วย

จึงจำเป็นต้องถอนหรือตัดออกบางส่วนเพื่อความสวยงาม ส่วนในพื้นที่ กองบัญชาการกองทัพเรือ วังนันทอุทยาน ก็พบว่าต้นไผ่ขึ้นสูงจนบดบังอาคารเช่นเดียวกัน  รวมถึงบดบังเส้นทางจราจรในพื้นที่ดังกล่าวด้วย จึงให้มีการตัดถอนออกบางส่วนเพื่อปรับภูมิทัศน์ ด้วยเช่นกัน โดยต้นไผ่ที่ถอนออกมานั้น จะได้นำไปปลูกที่ กรมยุทธศึกษาทหารเรือ ศาลายาต่อไป โดยผู้บัญชาการทหารเรือ มิได้สั่งการให้หน่วยต่าง ๆ ดำเนินการรื้อต้นไผ่ตามที่มีข่าวลือแต่อย่างใด

 

 

ชลบุรี - ทรภ.1 เน้นย้ำ!! ต้องปฎิบัติหน้าที่ ให้สมกับคำว่า “พี่ใหญ่แห่งท้องทะเล”

ตามที่ พลเรือโท พิชัย  ล้อชูสกุล ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 1 ได้มอบนโยบายให้ ผู้บังคับบัญชาในลำดับรองลงมา และฝ่ายอำนวยการ ของทัพเรือภาคที่ 1 ทำการตรวจความพร้อมของเรือ โดยไม่แจ้งกำหนดการล่วงหน้า (Surprise check) และได้เน้นย้ำ กองเรือปฎิบัติการ ทัพเรือภาคที่ 1 ต้องพร้อมปฎิบัติภารกิจตลอด 24 ชม.

วันที่ 19 ต.ค.64 พลเรือตรี ขวัญชัย อินกว่าง รองผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 1 พร้อมด้วยคณะฝ่ายอำนวยการ ทัพเรือภาคที่ 1 ทำการตรวจความพร้อมของเรือ จำนวน 2 ลำ โดยไม่แจ้งกำหนดการล่วงหน้า ( Surprise check ) ได้แก่ เรือหลวงสงขลา และเรือหลวงสัตหีบ

 

ผบ.ทร. ตรวจเยี่ยมหน่วยในพื้นที่กรุงเทพและประมณฑล ย้ำกำลังพลทำหน้าที่ด้วยความจงรักภักดี มีความสมัครสมานสามัคคี

พล.ร.อ.สมประสงค์  นิลสมัย ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.)ได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมหน่วยกองทัพเรือ ในพื้นที่กรุงเทพและปริมณฑล ณ กองบัญชาการกองทัพเรือ พื้นที่วังนันทอุทยาน ถนนอิสรภาพ เขตบางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร

โดยผบ.ทร. ได้ถวายสักการะ พระอนุสาวรีย์ พลเรือเอกพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ องค์บิดาของทหารเรือไทย และตรวจแถวทหารกองเกียรติยศ พร้อมทั้งให้โอวาสตอนหนึ่ง ว่า การทำหน้าที่ด้วยความจงรักภักดี มีความสมัครสมานสามัคคี วิริยะอุตสาหะ บริหารงานอย่างมีประสิทธิภาด้วยเทคโนโลยีทันสมัย มีความซื่อสัตย์สุจริต


 “หน่วยขึ้นตรงกองทัพเรือ ที่มีที่ตั้ง อยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑล ประกอบด้วยหน่วยต่างๆ ที่อยู่ในส่วนบัญชาการ ส่วนกำลังรบ ส่วนยุทธบริการ และส่วนการศึกษาและวิจัย ซึ่งในแต่ละส่วนมีความสำคัญ ทำให้การปฏิบัติหน้าที่และภารกิจต่างๆ บรรลุตามนโยบายของรัฐบาล กระทรวงกลาโหม และกองทัพเรือ สำหรับในปีงบประมาณ 2565 นี้ ผมขอให้ทุกคนตั้งใจปฎิบัติหน้าที่ อย่างเต็มกำลังความสามารถ ดังเช่นที่ผ่านมา ด้วยความจงรักภักดี ความรักสามัคคี มีความวิริยะอุตสาหะ บริหารงานอย่างมีประสิทธิภาพ ใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย ซื่อสัตย์สุจริต ยุติธรรม ยึดถือประโยชน์ของกองทัพเรือเป็นที่ตั้ง โดยนำนโยบายกองทัพเรือนโยบายผู้บัญชาการทหารเรือ ประจำปีงบประมาณ 2565 และเจตนารมณ์ของผู้บัญชาการทหารเรือ เป็นกรอบทิศทางหลัก  และแนวทางปฏิบัติงาน เพื่อร่วมกันเสริมสร้าง และพัฒนากองทัพเรืออันเป็นที่รักยิ่งของเราให้มีความเจริญก้าวหน้า และมั่นคง สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของกองทัพเรือต่อไป”
 
 

'กองทัพเรือ' จัดพิธีทำบุญเพื่อความเป็นสิริมงคล เนื่องในวันกองทัพเรือประจำปี 2564 อดีตผบ.ทร.ร่วมงานพรึ่บ! ขาดเพียง “บิ๊กลือ” ด้าน “บิ๊กเฒ่า” ส่งสารถึงกำลังพล หวังทุกคนตั้งใจปฎิบัติหน้าที่เต็มกำลังความสามารถ ขอให้หัวหน้าหน่วยดูแลทุกข์สุขลูกน้องใกล้ชิด

ที่ท้องพระโรงพระราชวังเดิม กองบัญชาการกองทัพเรือ พระราชวังเดิม พล.ร.อ.สมประสงค์  นิลสมัย ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) เป็นประธานพิธีสงฆ์และพิธีทักษิณานุปทาน เนื่องในวันกองทัพเรือประจำปี 2564 โดยมีอดีตผู้บัญชาการทหารเรือ อาทิ พล.ร.อ.ธีระ ห้าวเจริญ พล.ร.อ.ประเสริฐ บุญทรง พล.ร.อ.ทวีศักดิ์ โสมาภา พล.ร.อ.สถิรพันธุ เกยานนท์ พล.ร.อ.กำธร พุ่มหิรัญ พล.ร.อ.สุรศักดิ์ หรุ่นเริงรมย์ พล.ร.อ.ไกรสร  จันทร์สุวานิชย์ พล.ร.อ.ณะ อารีนิจ พล.ร.อ.นริส  ประทุมสุวรรณ พล.ร.อ.ชาติชาย ศรีวรขาน นายทหารชั้นผู้ใหญ่ ตลอดจนผู้บังคับบัญชาระดับสูงของกองทัพเรือ เข้าร่วมพิธี ซึ่งขาดเพียงแต่พล.ร.อ.ลือชัย รุดดิษฐ์ อดีตผบ.ทร. ที่ไม่ได้เดินทางมาร่วมงาน

โดยได้นิมนต์พระสงฆ์ทรงสมณศักดิ์เจริญพระพุทธมนต์ และประกอบพิธี ประกอบด้วย พระพรหมวัชรเมธี วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร พระพรหมวิสุทธาจารย์ วัดเครือวัลย์วรวิหาร พระธรรมราชานุวัตรวัดโมลีโลกยารามราชวรวิหาร พระธรรมวชิรเมธี วัดหงส์รัตนารามราชวรวิหาร พระราชปัญญารังสี วัดชิโนรสารามวรวิหาร และพระราชวิสุทธิโสภณ  วัดราชสิทธารามราชวรวิหาร จากนั้น ผู้บัญชาการทหารเรือ และนางศิริรัตน์  นิลสมัย นายกสมาคมภริยาทหารเรือ ได้เดินทางต่อไปยังท่าน้ำหน้าลานทัศนาภิรมย์ หอประชุมกองทัพเรือ เพื่อปล่อยพันธุ์ปลาน้ำจืด ขยายพันธุ์ลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยา

อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้ในช่วงเช้า ผู้บัญชาการทหารเรือ และนายกสมาคมภริยาทหารเรือ พร้อมหัวหน้าหน่วยขึ้นตรงกองทัพเรือในพื้นทกรุงเทพมหานคร ได้ตักบาตร พระสงฆ์ 49 รูป ซึ่งนิมนต์มาจากวัดโมลีโลกยารามราชวรวิหารเพื่อความเป็นสิริมงคล ณ บริเวณลานหน้าอาคารกองบัญชาการกองทัพเรือ พระราชวังเดิม จากนั้นผู้บัญชาการทหารเรือ และคณะได้ทำพิธีบวงสรวงและสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในพื้นที่กองบัญชาการกองทัพเรือพระราชวังเดิม และกองบัญชาการกองทัพเรือ พื้นที่วังนันทอุทยาน เพื่อความเป็นสิริมงคล ประกอบด้วย พระพุทธรูปที่ประดิษฐานภายในท้องพระโรงชั้นใน ต้นพระศรีมหาโพธิ์ พระบรมราชานุสาวรีย์และศาลสมเด็จ พระเจ้าตากสินมหาราช พระบวรสาทิสลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว ศาลเจ้าพ่อหนู พระพุทธลีลาราชนาวีศรีนันทอุทยานมิ่งมงคล พระอนุสาวรีย์ พลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ และศาลเจ้าพ่อมังกรแก้ว

สำหรับความเป็นมาของวันกองทัพเรือ สืบเนื่องมาจาก เมื่อวันที่ 20 พ.ย. 2449 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้เสด็จพระราชดำเนินมาทรงประกอบพิธีเปิดโรงเรียนนายเรืออย่างเป็นทางการณ พระราชวังเดิม ธนบุรี กับได้พระราชทานพระราชหัตถเลขาในสมุดเยี่ยมของโรงเรียนนายเรือ ความว่า “วันที่ 20 พฤศจิกายน ร.ศ.125 เราจุฬาลงกรณ์ ปร. ได้มาเปิดโรงเรียนนี้ มีความปลื้มใจ ซึ่งได้เห็นการทหารเรือ มีรากหยั่งลงแล้ว จะเป็นที่มั่นสืบต่อไปในภายน่า” กองทัพเรือ จึงได้ถือเอาวันที่ 20 พฤศจิกายน ของทุกปี เป็นวันกองทัพเรือ และเป็นวันคล้ายวันสถาปนาโรงเรียนนายเรือ เพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่ได้ทรงเล็งเห็นถึงความสำคัญในการก่อตั้งสถาบันหลักของ กองทัพเรือ ซึ่งถือเป็นรากฐานของการพัฒนากิจการทหารเรือ ให้มีความเจริญก้าวหน้าและมั่นคง สืบเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน

ทั้งนี้พล.ร.อ.สมประสงค์ ได้มีสารถึงกำลังพลกองทัพเรือ ว่า เมื่อวันที่ 20 พ.ย. 2449 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณเสด็จพระราชดำเนินมาเปิดโรงเรียนนายเรือ ที่พระราชวังเดิมธนบุรี กองทัพเรือจึงได้ถือเอาวันมหามงคลนี้เป็นวันกองทัพเรือ และนับเป็นจุดเริ่มต้นของการทหารเรือไทยตามแบบอารยประเทศ ส่งผลให้มีพัฒนาเจริญก้าวหน้าเป็นกองทัพเรือที่ทันสมัยเข้มแข็ง มีเกียรติภูมิเป็นที่ปรากฏจนถึงทุกวันนี้มาเป็นระยะเวลา 115 ปี ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมากองทัพเรือได้ทำหน้าที่ในการปกป้องอธิปไตย รักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลตลอดจนความมั่นคงของประเทศและเหนือสิ่งอื่นใดคือการเทิดทูนและพิทักษ์รักษาไว้ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์อันเป็นที่เคารพสักการะสูงสุดของปวงชนชาวไทย การดำเนินงานตามพระราชโครงการพระราชดำริและการสนับสนุนนโยบายสำคัญของรัฐบาลด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจในการขับเคลื่อนและพัฒนากองทัพเรือให้เป็นหน่วยงานความมั่นคงทางทะเลที่มีบทบาทนำในภูมิภาคและเป็นเลิศในการบริหารจัดการสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของกองทัพเรือที่กำหนดไว้

กองทัพเรือ โดย ‘ทัพเรือภาคที่ 1’ นำร่องปลูกหญ้าทะเล เพื่ออนุบาลสัตว์น้ำ และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก

กองทัพเรือ โดยทัพเรือภาคที่ 1 ร่วมกับ บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) กองการบินทหารเรือ กองเรือยุทธการ และศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยฝั่งตะวันออก นำร่องปลูกหญ้าทะเล ในโครงการฟื้นฟูแหล่งหญ้าทะเล บริเวณหาดนภาธาราภิรมย์ กิจการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ กองการบินทหารเรือ อ.บ้านฉาง จ.ระยอง หลังจากที่ทำการสำรวจพื้นที่ฟื้นฟูแหล่งหญ้าทะเล มาแล้วก่อนหน้านี้

กิจกรรมนำร่องปลูกหญ้าทะเลในวันนี้ ได้รับเกียรติจาก นาย สุเทพ เจือละออง ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยฝั่งตะวันออก เป็นผู้วางแผนและกำกับการปลูก โดยมีนักดำน้ำจากหน่วยงานต่าง ๆ ที่ร่วมโครงการ จำนวน 15 นาย มาร่วมกันดำน้ำแบบ Scuba ปลูกหญ้าทะเลชนิด “กุ้ยช่ายเข็ม” (Halodule pinifolia) จำนวน 5,000 กอ ด้วยวิธี “ย้ายปลูก” ในทะเลพื้นที่ 3 ไร่ ห่างจากชายฝั่งของหาดนภาธาราภิรมย์ กิจการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ กองการบินทหารเรือ ประมาณ 500 เมตร ซึ่งเป็นพื้นที่ที่เหมาะสมแก่การเพาะพันธุ์ และขยายพันธุ์ของหญ้าทะเล เนื่องจากหาดนภาธาราภิรมย์อยู่ติดกับคลองบางไผ่ โดยคลองจะพัดพาเอาตะกอนแร่ธาตุ และสารอาหารอันอุดมสมบูรณ์ ลงสู่ทะเลในบริเวณดังกล่าว ทำให้เกิดความอุดมสมบูรณ์ เหมาะแก่การฟื้นฟูแหล่งหญ้าทะเลเป็นอย่างยิ่ง

สำหรับในช่วงเดือน มกราคม 2565 นั้น หน่วยงานต่าง ๆ ที่ร่วมโครงการฟื้นฟูแหล่งหญ้าทะเล จะมีการจัดกิจกรรมเชิงอนุรักษ์ และมีการติดตามการเจริญเติบโตของหญ้าทะเล ที่ปลูกในวันนี้ เพื่อขยายผลโครงการต่อไป

 

“ผบ.ทร.” เชิญน้องๆ หนูๆ เข้าชมและร่วมกิจกรรมสนุกๆ รับรางวัลต่างๆ ในการจัดกิจกรรมงานวันเด็ก ของกองทัพเรือ แบบออนไลน์

พล.ร.อ.สมประสงค์ นิลสมัย ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) ขอเชิญน้องๆ หนูๆ เข้าชมและร่วมกิจกรรมสนุกๆ กับพี่ๆ ทหารเรือลุ้นรับรางวัลต่างๆ ในการจัดกิจกรรมงานวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2565 ของกองทัพเรือ แบบออนไลน์

ตามที่รัฐบาลกำหนดให้หน่วยงานต่างๆ จัดกิจกรรมฉลองวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2565 ในรูปแบบ Online เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวร้สโคโรนา 2019 ดังนั้น กองทัพเรือจึงขอร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการมอบความสุขให้แก่น้องๆ หนู เนื่องในวันเด็กแห่งชาติ จึงกำหนดจัดกิจกรรมวันเด็กแห่งชาติ ในรูปแบบ Online ในวันเสาร์ที่ 8 ม.ค. โดยถ่ายทอดสดผ่านFackbook และYoutube กองทัพเรือ Royal Thai Navy ตั้งแต่เวลา ๐๘๐๐-๑๓๐๐ ภายใต้ชื่องานว่า  “รวมใจภักดิ์ รักษ์ชาติ ราษฎร์ศัทธา” 

การจัดงานวันเด็กในครั้งนี้ กองทัพเรือโดย ผู้บัญชากาทหารเรือ ได้มอบให้โรงเรียนนายเรือเป็นหน่วยดำเนินการจัดกิจกรรมในนามของกองทัพเรือ โดยมีพล.ร.ท.ชาติชาย ทองสะอาด ผู้บัญชาการโรงเรียนนายเรือ เป็นประธานในการอำนวยการจัดกิจกรรมฯ ซึ่งการจัดงานวันเด็กแห่งชาตินั้นมีวัตถุประสงค์ เพื่อให้ประชาชนได้ตระหนักถึงความสำคัญของเด็ก สนใจในการเลี้ยงดูอบรมสั่งสอนเด็ก และช่วยเหลือสงเคราะห์เด็กเป็นพิเศษ เพื่อให้เด็กและเยาวชนยึดมั่นในสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข อันจะทำให้เด็กรู้จักหน้าที่ของตน และอยู่ในระเบียบวินัยอันดี และเพื่อเผยแพร่ปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิของเด็ก เพราะกองทัพเรือได้ตระหนักถึงความสำคัญของเด็กและเยาวชนว่าเขาเหล่านั้นจะเติบโตขึ้นเป็นกำลังสำคัญของสังคม และจะเป็นผู้รับผิดชอบในการพัฒนาชาติบ้านเมืองให้เจริญก้าวหน้า สืบทอดความเป็นชาติต่อไปในอนาคต

นอกจากการจัดกิจกรรมวันเด็กในรูปแบบ Online แล้ว กองทัพเรือได้มอบให้หน่วยต่างๆ ของกองทัพเรือจัดของขวัญ อุปกรณ์การศึกษา อาหาร ขนมและของใช้ มอบให้กับเด็กๆ ตามโรงเรียนต่างๆ ที่อยู่ในพื้นที่ความรับผิดชอบของกองทัพเรือทั่วประเทศ โดยเฉพาะโรงเรียนตามถิ่นทุรกันดาร และเด็กด้อยโอกาส โดยเฉพาะตามพื้นที่ตามแนวชายแดน ตามเกาะแก่งต่างๆ โดยให้เรือรบที่ลาดตระเวนทางทะเลนำของไปมอบเด็กๆ ตามเกาะต่างๆ เพื่อเป็นการแบ่งปันความสุขให้น้องๆ ในเนื่องวันเด็กแห่งชาติอย่างทั่วถึง ซึ่งทางโรงเรียนนายเรือเองก็ได้จัดกิจกรรมมอบของขวัญแด่น้องๆ ตามโรงเรียน สถานสงเคราะห์เด็กกำพร้า และเด็กพิการ จำนวน ๑๐ โรงเรียน ทั้งนี้กองทัพเรือจะรวบรวมภาพกิจกรรมการมอบของขวัญให้กับโรงเรียนต่างๆ ที่หน่วยงานของกองทัพเรือได้ดำเนินการ นำมาออกอากาศวันถ่ายทอดสดกิจกรรมงานวันเด็กของกองทัพเรืออีกด้วย

สำหรับรูปแบบการจัดกิจกรรมวันเด็กแห่งชาติ แบบ Online นั้น กองทัพเรือได้จัดกิจกรรมดีๆ การแสดงดนตรีจากวงดุริยางค์ราชนาวี พร้อมการแสดงสนุกสนานจากพี่ๆ ทหารเรือ รวมทั้งมีเกมส์สนุกๆ ให้ร่วมเล่น พร้อมลุ้นรับรางวัลพิเศษจากผู้บัญชาการทหารเรือ นายทหารชั้นผู้ใหญ่ของกองทัพเรือ ของขวัญสุดพิเศษจากนักฟุตบอลทีมชาติไทยที่ได้คว้าแชมป์เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2020  เมื่อวันที่ ๑ มกราคมที่ผ่านมาถือเป็นของขวัญวันปีใหม่ให้กับประชาชนชาวไทยทุกคน ซึ่งต้องขอบคุณทางนักฟุตบอล และสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ที่สนับสนุนรางวัลพิเศษนี้

‘กองทัพเรือ’ ยืนยัน! ไม่เสนอของบประมาณซื้อเรือดำน้ำลำที่ 2 และลำที่ 3 จะเน้นการพัฒนาซ่อมบำรุงยุทโธปกรณ์ และดูแลสวัสดิการของกำลังพล แต่ยังยืนยันความจำเป็นในการมีเรือดำน้ำ

พลเรือโท ปกครอง มนธาตุผลิน โฆษกกองทัพเรือ ได้เปิดเผยถึงกรณีที่มีการรายงานข่าวว่ากองทัพเรือ ไม่เสนอของบประมาณซื้อเรือดำน้ำลำที่ 2 และลำที่ 3 ในปีงบประมาณ 2566 โดย โฆษกกองทัพเรือ ยืนยันว่ากองทัพเรือ จะไม่เสนองบประมาณซื้อเรือดำน้ำลำที่ 2 และที่ 3 ในวงเงิน 22,500 ล้านบาท ทั้งนี้เนื่องจากสถานการณ์ทางด้านเศรษฐกิจของประเทศ และผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส covid-19 ทำให้ กองทัพเรือ ได้รับการจัดสรรงบประมาณลดลงอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับการมีหนี้ผูกพันเดิมค่อนข้างมาก กองทัพเรือจึงจำเป็นต้อง ใช้งบประมาณอย่างสมเหตุสมผล ต้องรักษาสมดุลของ อดีต ปัจจุบัน และอนาคต

โดย พลเรือเอก สมประสงค์ นิลสมัย ผู้บัญชาการทหารเรือ มีนโยบายที่จะนำงบประมาณที่ได้รับการจัดสรรในส่วนของกองทัพเรือ ไปเน้นใช้ในการซ่อมบำรุงยุทโธปกรณ์ที่มีอยู่ให้สามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น และจัดการด้านสวัสดิการของกำลังพล โดยเฉพาะข้าราชการชั้นผู้น้อย อย่างไรก็ตามกองทัพเรือยังมีความจำเป็นในการมีเรือดำน้ำ เพราะเป็นอาวุธทางยุทธศาสตร์ที่เป็นหลักประกันอธิปไตยและความมั่นคงทางทะเลของไทย เพียงแต่ต้องรอเวลาที่เหมาะสม

 

“ทร.” จัดงานวันสดุดีวีรชนกองทัพเรือ”ประจำปี 2565  สองวีรชน ในวีรกรรมสำคัญร่วมงาน

 พล.ร.อ. สมประสงค์  นิลสมัย ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.)  เป็นประธานในการจัดงาน เนื่องในวันสดุดีวีรชนกองทัพเรือ ประจำปี 2565 ณ อนุสรณ์เรือหลวงธนบุรี โรงเรียนนายเรือ อำเภอเมืองสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรปราการ 

ทั้งนี้ จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส (COVID - 19) ทำให้ในปีนี้ กองทัพเรือ ได้ปรับรูปแบบการจัดงานให้มีความเหมาะสมในรูปแบบ NEW NORMAL โดยลดขั้นตอน และผู้ร่วมงานลง แต่ยังคงไว้ซึ่งพิธีการสำคัญ ประกอบด้วย การวางพวงมาลา และอ่านคำสดุดีวีรชนกองทัพเรือ การจัดพิธีสงฆ์ เพื่อระลึกถึงความกล้าหาญของวีรชนทหารเรือ ที่เสียสละชีวิต เพื่อปกป้องเอกราชและอธิปไตยของชาติและยังคงอยู่ในจิตใจของทหารเรือทุกนายตราบจนปัจจุบัน 

พิธีสดุดีวีรชนและบำเพ็ญกุศลแด่วีรชนของกองทัพเรือ เป็นพิธีสำคัญที่กองทัพเรือจัดขึ้นเป็นประจำ ในวันที่ 17 มกราคม ของทุกปี เพื่อให้ทหารเรือทุกคนได้แสดงความเคารพ และระลึกถึงวีรกรรมของบรรพบุรุษทหารเรือที่ได้ทำการรบอย่างกล้าหาญ และยอมพลีชีพ เพื่อปกป้องอธิปไตยของชาติจากศัตรูที่รุกรานแผ่นดินของเราประวัติศาสตร์ได้จารึกความกล้าหาญของทหารเรือไทยในยุทธนาวีที่เกาะช้าง ระหว่าง ไทย กับ ฝรั่งเศส เมื่อวันที่ 17 มกราคม 2484 โดยฝรั่งเศสได้ส่งกำลังทางเรือประกอบด้วยเรือลาดตระเวนลามอตต์ปิเกต์ เป็นเรือธง เรือสลุป 2 ลำ และเรือปืน 4 ลำ เรือสินค้าขนาดใหญ่ติดอาวุธ 1 ลำ เรือดำน้ำ 1 ลำ เข้ารุกล้ำน่านน้ำไทยบริเวณเกาะช้าง จังหวัดตราด เพื่อจะเข้าระดมยิงหัวเมืองชายทะเลทางภาคตะวันออกของประเทศ

กำลังทางเรือของไทยที่รักษาการณ์อยู่ในบริเวณนั้นประกอบด้วย เรือหลวงธนบุรี เรือหลวงชลบุรี และ เรือหลวงสงขลา ภายใต้การบังคับบัญชาของ นาวาโทหลวงพร้อมวีรพันธ์ ผู้บังคับการเรือหลวงธนบุรี แม้ว่าจะเสียเปรียบด้านกำลังรบอย่างมากวีรชนทหารเรือไทยได้ต่อสู้อย่างสุดกำลังความสามารถ จนต้องสูญเสียเรือรบทั้ง 3 ลำไป พร้อมชีวิตนายทหารและลูกเรือ รวมทั้งสิ้น 36 นาย รวมถึง นาวาโทหลวงพร้อมวีรพันธ์ แต่เป็นที่น่าภูมิใจว่าด้วยกำลังทางเรือของเรา สามารถทำให้ข้าศึกได้รับความเสียหายจนต้องล่าถอยไปในที่สุด

สำหรับการรบครั้งสำคัญที่ทหารเรือได้พลีชีพเพื่อชาติและราชนาวี เมื่อครั้งสงครามโลก ครั้งที่ 2 กองทัพเรือได้รับมอบภารกิจจัดเรือไปบรรทุกน้ำมัน ซึ่งเป็นยุทธปัจจัยสำคัญจากสิงคโปร์มายังประเทศไทย ซึ่งในครั้งนั้น เรือหลวงสมุย ได้ปฏิบัติภารกิจลำเลียงน้ำมันเชื้อเพลิง แม้ทราบว่าเส้นทางลำเลียงอยู่ในเขตปฏิบัติการของเรือดำน้ำฝ่ายสัมพันธมิตรก็ตาม ในการเดินทางเที่ยวสุดท้าย เมื่อวันที่ 17 มีนาคม พุทธศักราช 2488 เรือหลวงสมุย ได้ถูกยิงด้วยตอร์ปิโดจากเรือดำน้ำฝ่ายสัมพันธมิตร จมลงที่บริเวณนอกชายฝั่งรัฐตรังกานู ทำให้กองทัพเรือต้องสูญเสียทหารผู้กล้าไปจำนวน 31 นาย รวมถึงสูญเสียกำลังพล ในการต่อสู้ป้องกันการโจมตีทางอากาศ จากฝ่ายสัมพันธมิตรในแต่ละพื้นที่ในคราวเดียวกันนี้อีก 7 นาย

นอกจากนี้ยังมียุทธการสำคัญที่ทำให้กองทัพเรือต้องสูญเสียทหารเรือผู้กล้าไปเป็นจำนวนมาก เช่น สงครามเกาหลี สงครามเวียดนาม การปราบปรามผู้ก่อการร้ายตามแผนยุทธการสามชัย จังหวัดเพชรบูรณ์ยุทธการผาภูมิ ณ บริเวณดอยผาจิ จังหวัดเชียงราย การเข้ายึดค่ายกรุงชิง จังหวัดนครศรีธรรมราช ยุทธการดอนน้อย จังหวัดหนองคาย การรบที่บ้านชำราก จังหวัดตราด เหตุการณ์เรือ ต.98 ปะทะกับเรือประมงติดอาวุธไม่ปรากฏสัญชาติที่จังหวัดระนอง รวมไปถึงการปฏิบัติภารกิจ เพื่อความสันติสุขในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ล้วนแต่เป็นการเสียสละ เพื่อปกป้องสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ แลกไว้ด้วยชีวิตทหารเรือเพื่อให้พี่น้องประชาชนได้มีชีวิตอยู่อย่างสันติ


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top