Thursday, 2 May 2024
กองทัพเรือ

กองทัพเรือ เปิดอาคาร เครื่องฝึกจำลองสถานการณ์ในเรือ Naval Mission Training Center เพิ่มขีดความในการปฏิบัติงานของกำลังพลหน่วยเรือ

พลเรือเอก เชิงชาย  ชมเชิงแพทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ เป็นประธาน ในพิธีเปิดอาคาร เครื่องฝึกจำลองสถานการณ์ในเรือ Naval Mission Training Center ณ กองการฝึก กองเรือยุทธการ  อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี โดยมี นายทหารชั้นผู้ใหญ่ ข้าราชการกองทัพเรือ เข้าร่วมพิธี

​พลเรือเอก เชิงชาย  ชมเชิงแพทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ เปิดเผยว่า สำหรับ อาคารเครื่องฝึกจำลองสถานการณ์ในเรือ Naval Mission Training Center เป็นอาคารที่ก่อสร้างและติดตั้ง เครื่องช่วยจำลองสถานการณ์ การปฏิบัติงานสาขาต่าง ๆ ในเรือ เพื่อใช้ฝึกกำลังพลของกองทัพเรือที่จะต้องปฏิบัติงานในเรือให้มีความรู้ ทักษะ และความคุ้นเคย ในการปฏิบัติงานในเรือในสถานการณ์ต่าง ๆ  โดยได้รับการอนุมัติงบประมาณ จากกระทรวงกลาโหม ให้ดำเนินการจัดซื้อเครื่องฝึกจำลองสถานการณ์ในเรือ เมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2564 จากบริษัท Rheinmetaill Electronics GmbH สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี และได้รับมอบ เมื่อวันที่ 4 สิงหาคม 2566 คุณสมบัติและขีดความสามารถของเครื่องฝึก เครื่องฝึกจำลองสถานการณ์ในเรือ (Naval Mission Training Center) ของกองการฝึก กองเรือยุทธการ มีขีดความสามารถในการจำลองการฝึกและช่วยประเมินผลการฝึกปฏิบัติงานภายในเรือสาขาต่าง ๆ ได้เสมือนจริง ตั้งแต่ในระดับผู้ปฏิบัติงานไปจนถึงระดับทีมปฏิบัติงานภายในเรือ ซึ่งประกอบด้วย 1. การฝึกจำลองการเดินเรือ (Ship Handling Simulator, SHS) เครื่องฝึกจำลองการเดินเรือนี้สามารถจำลองคุณลักษณะต่าง ๆ ของเรือในกองทัพเรือได้อย่างสมจริง ได้แก่ เรือหลวงจักรีนฤเบศร เรือหลวง ภูมิพลอดุลยเดช เรือฟริเกตชุดเรือหลวงนเรศวร เรือฟริเกตชุดเรือหลวงเจ้าพระยา เรือคอร์เวตชุดเรือหลวง รัตนโกสินทร์ และ เรือหลวงอ่างทอง ซึ่งเครื่องฝึกจำลองการเดินเรือนี้สามารถสร้างสถานการณ์และออกแบบการฝึกได้อย่างหลากหลาย เพื่อให้เหมาะสมกับระดับผู้รับการฝึกตามหัวข้อและวัตถุประสงค์ของการฝึกที่กำหนด โดยสามารถกำหนดพื้นที่การฝึก ท่าเรือที่สำคัญต่าง ๆ ทั้งน่านน้ำในประเทศไทยและต่างประเทศ ซึ่งอ้างอิงมาจากแผนที่อิเล็กทรอนิกส์ ระวางต่าง ๆ ตลอดจนสามารถกำหนดสภาพแวดล้อมสำหรับการฝึกได้อย่างครบถ้วน 2. การฝึกจำลองการปฏิบัติงานด้านศูนย์ยุทธการในเรือ ( CIC Trainer, CIC) เครื่องฝึกสามารถจำลองปฏิบัติงานในห้องศูนย์ยุทธการสาขาต่าง ๆ ด้วยการจำลองอุปกรณ์ต่าง ๆ ของระบบอำนวยการรบ ระบบอาวุธ และระบบสื่อสารทั้งภายในและภายนอกเรือได้ในลักษณะเดียวกับที่ปฏิบัติงานจริงบนเรือตามหลักปฏิบัติของกองเรือยุทธการ  

3. การฝึกจำลองการปฏิบัติงานด้านการช่างกลในเรือ ( Ship Engines Simulator, SES) สามารถใช้จำลองเพื่อการฝึกปฏิบัติงานกับเครื่องจักรใหญ่ เครื่องจักรช่วย การไฟฟ้าในเรือ รวมทั้งการฝึกปฏิบัติหน้าที่ยามพรรคกลินเรือเดินตำแหน่งต่าง ๆ โดยสามารถสร้างโจทย์สถานการณ์ด้านการช่างกล เพื่อฝึกการวิเคราะห์การทำงาน และแก้ไขข้อขัดข้องของระบบเครื่องจักรต่าง ๆ ภายในเรือ และ 4. การฝึกจำลองการปฏิบัติตามหลักการและขั้นตอนการป้องกันความเสียหายภายในเรือ (Damage Control Trainer) สามารถจำลองสถานการณ์ความเสียหายต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นภายในเรือเพื่อฝึกการวิเคราะห์ และ ประเมินค่าความเสียหาย การติดตามสถานการณ์ การสั่งการและการปฏิบัติในการแก้ไข การซ่อมทำ การกู้คืน เพื่อควบคุมความเสียหายตามขั้นตอน ทั้งในระดับศูนย์ควบคุมความเสียหาย และระดับหน่วยซ่อม นอกจากเครื่องฝึกจำลองสถานการณ์ในเรือทั้งสี่สาขาจะสามารถฝึกการปฏิบัติตามแต่ละสาขาในเรือแล้ว เครื่องฝึกเหล่านี้ยังสามารถเชื่อมข้อมูลการฝึกต่อกันเพื่อฝึกการปฏิบัติงานร่วมกันระหว่างสาขาต่าง ๆ ในเรือเสมือนเป็นเรือรบหนึ่งลำได้อย่างสมบูรณ์ ซึ่งจะเป็นการเพิ่มขีดความสามารถในการปฏิบัติงานเป็นทีมของกำลังพลหน่วยเรือ ภายใต้ข้อจำกัดทางด้านงบประมาณได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยกำลังพลจะมีความรู้ มีความเข้าใจ มีทักษะในการปฏิบัติงานภายในเรือสาขาต่าง ๆ ทั้งในระดับผู้ปฏิบัติงานและทีมปฏิบัติงาน จนเกิดความชำนาญมีความมั่นใจในการปฏิบัติงานในสภาวะฉุกเฉินต่าง ๆ สามารถปฏิบัติงานทดแทนกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีความปลอดภัยลดความเสี่ยงและความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น สามารถทำการฝึกได้อย่างไม่มีข้อจำกัด ประหยัดงบประมาณในการฝึก กำลังทางเรือเพื่อการป้องกันประเทศและรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล ทั้งในยามปกติและยามสงครามสามารถตอบสนองต่อภารกิจของกองทัพเรือได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป

ผบ.โรงเรียนนายเรือ ให้โอวาทนักเรียนนายเรือ ก่อนเดินทางเข้าร่วมการฝึกปฏิบัติ ในทะเลกับกองทัพเรือจีน

เมื่อวันที่ 28 ส.ค.66 เวลา 09.00 น. พลเรือโท ประวุฒิ รอดมณี ผู้บัญชาการโรงเรียนนายเรือ ให้โอวาทแก่นักเรียนนายเรือชั้นปีที่ 5 จำนวน 2 นาย ได้แก่ นักเรียนนายเรือ จีรยุทธ วงศ์ไตรรัตน์ และนักเรียนนายเรือ อดิพงษ์ สงฆ์เจริญ ซึ่งเคยเข้ารับการศึกษาที่สถาบันการทหารเรือ ต้าเหลียน เมืองต้าเหลียน มณฑลเหลียวหนิง ของกองทัพเรือสาธารณรัฐประชาชนจีน เป็นระยะเวลา 3 ปี ณ ห้องรับรอง 2 กองบัญชาการโรงเรียนนายเรือ อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรปราการ

สำหรับในการฝึกปฏิบัติในทะเล บนเรือของกองทัพเรือจีนในครั้งนี้ จะทำการฝึกตามเส้นทาง ฐานทัพเรือเมืองชิงต่าว  มณฑลซานตง สาธารณรัฐประชาชนจีน ถึง เมืองสุราบายา สาธารณรัฐอินโดนีเซีย และ กรุงพอร์ตมอร์สบี รัฐเอกราชปาปัวนิวกีนี ถึง กรุงซูวา สาธารณรัฐฟิจิ ตั้งแต่ 1 กันยายน 2566 - 8 ตุลาคม 2566 ระยะเวลา 38 วัน

การส่งนักเรียนนายเรือ เข้าร่วมการฝึกปฏิบัติบนเรือของกองทัพเรือจีน ทำให้นักเรียนนายเรือ ได้รับประสบการณ์การเดินเรือในทะเลต่างประเทศ และส่งเสริมความสัมพันธ์อันดีระหว่างกองทัพเรือไทย และกองทัพเรือสาธารณรัฐประชาชนจีน

กองทัพเรือ ตั้งศูนย์อำนวยการป้องกันและขจัดมลพิษทางน้ำเนื่องจากน้ำมัน กองทัพเรือ (ศอปน.ทร.) จัดกำลังพล - ยุทโธปกรณ์   เร่งขจัดคราบน้ำมันที่รั่วไหล จากเรือบรรทุกน้ำมันลงสู่ทะเล ในพื้นที่จังหวัดชลบุรี 

วันที่ 5 กันยายน 2566 พลเรือเอก ปกครอง มนธาตุผลิน โฆษกกองทัพเรือ พร้อมด้วย พลเรือโท พิชัย ล้อชูสกุล ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 1 ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล (ศรชล.) ภาค 1 นายนริศ  นิรามัยวงศ์  รองผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี  นายภูริพัฒน์ ธีระกุลพิศุทธิ์ รองอธิบดีกรมเจ้าท่า และนายณัฐพล มีฤทธิ์ ผู้แทนบริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) ร่วมกันแถลงข่าว กรณีน้ำมันที่รั่วไหลลงสู่ทะเลในพื้นที่อำเภอศรีราชาจังหวัดชลบุรี จากเหตุน้ำมันดิบจากเรือบรรทุกน้ำมัน รั่วไหลขณะขนถ่ายน้ำมันดิบบริเวณทุ่นผูกเรือกลางทะเล หมายเลข 2 (SBM-2) ของโรงกลั่นน้ำมันไทยออยล์ โดยเหตุการณ์ดังกล่าว เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 3 กันยายน 2566 เวลา 21.00 น.           

โดยภายหลังเกิดเหตุ ทางบริษัทฯ ได้เข้าควบคุมสถานการณ์โดยได้ทำการปิดวาล์วท่อน้ำมันที่เกิดปัญหาและวางทุ่นล้อมคราบน้ำมันเพิ่มเติม เพื่อป้องกันและจำกัดการแพร่กระจายตามขั้นตอนที่เป็นมาตรฐานสากล ทำให้ขณะนี้ไม่มีน้ำมันรั่วไหลเพิ่มเติมแล้ว และไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ดังกล่าว  แต่อย่างไรก็ตามได้มีน้ำมันที่รั่วไหลลงสู่ทะเล จำนวนหนึ่งซึ่งอาจก่อให้เกิดมลพิษทางน้ำเนื่องจากน้ำมัน อันส่งผลกระทบต่อทรัพยากรธรรมชาติใต้ท้องทะเล  

ในการนี้ กรมเจ้าท่า ได้ประสานมายังกองทัพเรือ ดำเนินการจัดตั้งศูนย์อำนวยการป้องกันและขจัดมลพิษทางน้ำเนื่องจากน้ำมัน กองทัพเรือ " หรือเรียกโดยย่อว่า ศอปน.ทร. โดย พลเรือเอก เชิงชาย ชมเชิงแพทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ ได้สั่งการให้ ทัพเรือภาคที่ 1 จัดตั้งศูนย์ควบคุมการปฏิบัติการในการป้องกันและขจัดมลพิษทางน้ำเนื่องจากน้ำมัน ทัพเรือภาคที่ 1 (ศคปน.ทรภ.1) ประกอบด้วย ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลภาคที่ 1 กรมเจ้าท่า ตำรวจน้ำ กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กรมควบคุมมลพิษกรม ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ร่วมกับจังหวัดชลบุรี และ บริษัทไทยออยล์ จำกัด มหาชน จัดกำลังพลพร้อมยุทโธปกรณ์ เร่งขจัดคราบน้ำมันที่รั่วไหลลงสู่ทะเลในพื้นที่จังหวัดชลบุรี จากเหตุน้ำมันดิบจากเรือบรรทุกน้ำมันรั่วไหลลงสู่ทะเลในพื้นที่อำเภอศรีราชา ขณะขนถ่ายน้ำมันดิบบริเวณทุ่นผูกเรือกลางทะเลหมายเลข 2 (SBM-2) ของโรงกลั่นน้ำมันไทยออยล์ ด้วยเหตุการณ์ดังกล่าว เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 3 กันยายน 2566 เวลา 21.00 น.  โดยภายหลังเกิดเหตุ ทางบริษัทฯ ได้เข้าควบคุมสถานการณ์โดยได้ทำการปิดวาล์วท่อน้ำมันที่เกิดปัญหาและวางทุ่นล้อมคราบน้ำมันเพิ่มเติม เพื่อป้องกันและจำกัดการแพร่กระจายตามขั้นตอนที่เป็นมาตรฐานสากล ทำให้ขณะนี้ไม่มีน้ำมันรั่วไหลเพิ่มเติมแล้ว และไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ดังกล่าว 

ในการนี้ กองทัพเรือ โดย ทัพเรือภาคที่ 1 และ ศรชล.ภาค 1 ได้ส่งอากาศยานขึ้นบินสำรวจและถ่ายภาพคราบมันน้ำ เพื่อนำมาวิเคราะห์การเคลื่อนตัวของน้ำมันบางส่วน และคาดการณ์ว่าคราบน้ำมันจะมีการเคลื่อนตัวจากทางทิศใต้ของเกาะท้ายค้างคาว จ.ชลบุรี และมีแนวทางการเคลื่อนตัวขึ้นลงตามกระแสน้ำไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ และเริ่มมีคราบน้ำมันเข้าสู่ทางตอนใต้ของเกาะท้ายค้างคาว จังหวัดชลบุรี ในวันที่ 4 กันยายน 2566 เวลา 23.00 น. /ส่วนในค่ำวันนี้ คาดว่าอาจจะมีคราบน้ำมันบางส่วน เคลื่อนที่ผ่านเกาะค้างคาวไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ และจะมีคราบน้ำมันบางส่วน ถูกพัดเข้าสู่ขายฝั่งของเกาะค้างคาว ซึ่งทัพเรือภาคที่ 1 และ ศรชล.ภาค 1 ได้จัดส่งกำลังพลจาก หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง (สอ.รฝ.) ไปประจำที่เกาะท้ายค้างคาวแล้ว เพื่อเตรียมการจัดเก็บคราบน้ำมันหากมีการขึ้นฝั่ง โดยจะดำเนินการตามขั้นตอนและวิธีการเดียวกับกรณีที่มีน้ำมันรั่วใน จ.ระยอง 

สำหรับการปฏิบัติที่สำคัญ ในห้วงที่ผ่านมา วานนี้ (4 กันยายน 2566)  เวลา 15.00 น. เฮลิคอปเตอร์ปราบเรือดำน้ำ (ฮ.ปด.1) พร้อม Helibucket บรรจุน้ำยาขจัดคราบน้ำมัน 900 ลิตร ได้ยกตัวในเที่ยวแรก จากฝูงบินทัพเรือภาคที่ 1 อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี เพื่อนำไปโปรยจุดที่พบคราบน้ำมันรั่วไหลในทะเล จ.ชลบุรี พร้อมกันนี้ศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ฯ ได้มีการยกระดับเหตุที่เกิดขึ้นเป็น Tier 2  แล้ว ซึ่งกองทัพเรือ  โดยทัพเรือภาค ที่ 1 ได้ร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ตามที่ได้กล่าวมาแล้ว จัดตั้งศูนย์ประสานงานป้องกันและขจัดมลพิษทางน้ำเนื่องจากน้ำมันและศูนย์ควบคุมการปฏิบัติ การขจัดมลพิษทางน้ำเนื่องจากน้ำมัน เพื่อทำหน้าที่ในการอำนวยการและประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการขจัดคราบน้ำมัน ควบคู่ในการทำงานร่วมกับเอกชน ซึ่งกองทัพเรือ จะส่งเรือหลวงตาชัย และเรือหลวงแสมสาร ไปช่วยขจัดคราบน้ำมัน นอกจากนั้นจะส่งเรือ ต.235 เพื่อตรวจการณ์ ร่วมกับเรือของกรมเจ้าท่า / กรมประมง / กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง / ตำรวจน้ำ / รวมถึงอากาศยาน ของกองทัพเรือ และกำลังพล จากหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง อีกจำนวน 100 นาย เพื่อร่วมกัน ขจัดคราบน้ำมัน 

โดยล่าสุด เมื่อช่วงเช้าวันนี้ จากการเดินเท้าสำรวจตามแนวชายฝั่ง บริเวณเกาะสีชังและพื้นที่ใกล้เคียง ของกำลังพล สอ.รฝ. ยังไม่พบคราบน้ำมัน โดยจะมีการนำข้อมูลไปประเมินสถานการณ์ในการปฏิบัติต่อไป ทั้งนี้ คาดว่า สถานการณ์ต่างๆ จะคลี่คลายในอีก 2-3 วัน 

นิราช/นันทพล ทิพย์ศรี ก012 ชลบุรี 0909535645

'ทร.' แจง 'ก้าวไกล' เหตุยกเลิก 'จ้างกู้-ลำเลียง' รล.สุโขทัย เพราะไม่มีรายใด ยื่นเอกสารครบถ้วนถูกต้องตามเงื่อนไข

(13 ก.ย.66) พล.ร.อ. ปกครอง มนธาตุผลิน โฆษกกองทัพเรือ เปิดเผยว่าตามที่ นายจิรัฏฐ์ ทองสุวรรณ์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดฉะเชิงเทรา พรรคก้าวไกล ได้อภิปรายการแถลงนโยบายของรัฐบาล ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับเหล่าทัพ โดยช่วงหนึ่งของการอภิปราย กล่าวถึงการกู้เรือหลวงสุโขทัย ว่า...

"กองทัพเรือได้เปิดประมูลกู้ เรือหลวงสุโขทัย ภายหลังได้รับการจัดสรรงบประมาณ จำนวน 200 ล้านบาท โดยมีผู้ยื่นซองประมูลจำนวน 16 ราย ซึ่งได้มีการนัดยื่นซอง ประกวดราคาเมื่อวันที่ 25 ส.ค. 66  แต่ต่อมา ในวันที่ 8 ก.ย. 66 มีประกาศจากกองเรือยุทธการ ยกเลิกประมูล โดยไม่แจ้งเหตุผล ไม่ทำ TOR ไม่เปิดเชิญชวนใหม่ แต่ให้คนเคยยื่นซองยื่นไปใหม่ราคาเดิม ทำให้เกิดข้อสงสัย ว่าเป็นการดำเนินการที่ไม่โปร่งใส"

พล.ร.อ.ปกครอง กล่าวว่า การกู้และลำเลียงเรือหลวงสุโขทัยนั้น กองทัพเรือ ได้อนุมัติหลักการและงบประมาณในการจ้างกู้และลำเลียงเรือหลวงสุโขทัย โดยให้กองเรือยุทธการ เป็นหน่วยถืองบประมาณ 

ในการนี้กองเรือยุทธการได้แต่งตั้งคณะกรรมการกำหนดราคากลางคณะกรรมการกำหนดร่างขอบเขตของงานหรือ TOR และกำหนดคุณลักษณะรวมถึงรายละเอียดการจ้างกู้และลำเลียงเรือหลวงสุโขทัย เพื่อดำเนินการจัดทำราคากลางและ TOR งานจ้างกู้และลำเลียง ซึ่งคณะกรรมการจ้างโดยวิธีคัดเลือกได้มีหนังสือเชิญชวนเสนอราคาถึงผู้ประกอบการที่มีคุณสมบัติตรงตามเงื่อนไขที่ทางราชการกำหนดจำนวน 14 ราย โดยได้กำหนดยื่นวิจารณ์ขอบเขตของงานภายในวันที่ 15 ส.ค.66 รับฟังคำชี้แจงจากการวิจารณ์ขอบเขตของงานในวันที่ 18 ส.ค.66 และยื่นข้อเสนอในวันที่ 25 ส.ค. 66 โดยเมื่อถึงกำหนดวันเวลายื่นซองข้อเสนอปรากฏว่ามีผู้ยื่นข้อเสนอจำนวน 6 ราย 

จากการตรวจสอบเอกสารหลักฐานการยื่นข้อเสนอของทั้ง 6 ราย พบว่าไม่มีผู้ยื่นข้อเสนอรายใดยื่นเอกสารครบถ้วนถูกต้องตามเงื่อนไขที่กำหนด จึงไม่มีการพิจารณาข้อเสนอทางด้านเทคนิคและข้อเสนอทางด้านราคา คณะกรรมการฯ จึงได้ยกเลิกการจ้างและลำเลียงเรือหลวงสุโขทัยในครั้งนี้ เพื่อให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560 และจะมีการประกาศเพื่อคัดเลือกใหม่ในโอกาสต่อไป โดยทางคณะกรรมการจัดจ้าง จะให้ทุกบริษัทที่สนใจ ยื่นซองใหม่อีกครั้งหนึ่ง โดยไม่มีการปิดกั้นบริษัทใดๆ ทั้งสิ้น

"การกู้และลำเลียงเรือหลวงสุโขทัยรวมถึงการจัดหายุทโธปกรณ์ต่างๆ นั้น กองทัพเรือมีนโยบายในการจัดหาด้วยความโปร่งใส มีเอกสารหลักฐานการดำเนินงานอย่างชัดเจน มีขั้นตอนที่ถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งในส่วนของการ จ้าง กู้และลำเลียงเรือหลวงสุโขทัย หากมีความคืบหน้าจะได้มีการชี้แจงให้สื่อมวลชนได้ทราบในโอกาสต่อไป" พล.ร.อ.ปกครอง กล่าว

นักรบราชนาวีพันธุ์แกร่ง ในโครงการ Good home and good health เพื่อกำลังพลกองเรือยุทธการ

กองทัพเรือ โดยกองเรือยุทธการและ รพ.สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ จัดโครงการ Good home and good health เพื่อกำลังพล กองเรือยุทธการ ณ ห้องประชุมภูหลวง หอประชุมโรงพยาบาลสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ กรมแพทย์ทหารเรือ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี จัดโครงการ Good home and good health โดยความร่วมมือของ กองเรือยุทธการ และโรงพยาบาลสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ กรมแพทย์ทหารเรือ จัดกิจกรรม "รวมพลังบูรณาการเชิงรุกสู่การดูแลชุมชนทหารเรือ"

โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อสรุปผลการดำเนินงานต่างๆ ในปี งป.66 และมอบรางวัลให้กับกำลังพลที่ทำผลงานได้ยอดเยี่ยม โดยภายในงานประกอบด้วย การชมวีดีทัศน์ สรุปผลงานโครงการ การเสวนาในกิจกรรมด้านต่างๆ ที่เกิดขึ้น อาทิ ความเป็นมาและเป้าหมายของโครงการ การรณรงค์ปลูกสมุนไพร เพื่อใช้ดูแลสุขภาพโครงการ Healthy Organization ให้ข้าราชการมีสุขภาพดี โครงการนักรบราชนาวีพันธุ์แกร่ง และการลด BMI ในข้าราชการที่มีน้ำหนักเกิน

ในงานนี้ ได้รับเกียรติจาก พล.ร.ท.วัลลภ เขม้นงาน รองผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ มาเป็นประธานในพิธี และคุณกีรตา พันธุ์เอี่ยม ประธานชมรมภริยากองเรือยุทธการ มาร่วมเป็นเกียรติในงาน

โครงการ Good Home and Good Health นับเป็นโครงการหนึ่งที่มีความสำคัญและเป็นความร่วมมือของ รพ.สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติติ์ พร. กับกองเรือยุทธการ ที่มีเป้าหมายให้กำลังพลมีสุขภาพแข็งแรง เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีของข้าราชการและครอบครัว กองเรือยุทธการ

‘บิ๊กวิน’ เป็นผู้แทนกองทัพเรือไทยเข้าร่วมการประชุม International Seapower Symposium (ISS) ครั้งที่ 25 ณ วิทยาลัยการทัพเรือสหรัฐ ภายใต้แนวคิด ‘Security Through Partnership’

พล.ร.อ.สุวิน แจ้งยอดสุข ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารเรือ เป็นผู้แทนกองทัพเรือไทย เข้าร่วมการประชุม International Seapower Symposium (ISS) ครั้งที่ 25 ณ วิทยาลัยการทัพเรือสหรัฐ นิวพอร์ต รัฐโรดไอแลนด์ สหรัฐอเมริกา ระหว่างวันที่ 19 - 22 ก.ย.66 

การประชุม ISS จัดขึ้นเป็นประจำทุก 2 ปี โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ผู้บังคับบัญชาระดับสูงของกองทัพเรือตลอดจนผู้นำของหน่วยงานด้านความมั่นคงทางทะเลจากประเทศต่างๆ ได้มีโอกาสพบปะหารือเกี่ยวกับโอกาสและความท้าทายที่จะยกระดับความมั่นคงทางทะเลและความร่วมมือในการปฏิบัติงานในด้านต่างๆ ในอนาคต

การประชุมครั้งนี้ มีผู้แทนจากกองทัพเรือ และหน่วยงานด้านความมั่นคงทางทะเลเข้าร่วมกว่า 100 ประเทศ รวมทั้งผู้บังคับบัญชาระดับสูง และหน่วยงานความมั่นคงทางทะเลของสหรัฐฯ โดยมีการหารือและอภิปรายในเรื่องสำคัญ เช่น การแก้ไขปัญหาการทำประมงที่ผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม (Illegal, Unreported and Unregulated : IUU fishing) , ปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence : AI) , เทคโนโลยีไร้คนขับ (Unmaned Technology), การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ (Climate Change) และ การช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและการบรรเทาสาธารณภัย (Humanitarian Assistance and Disaster Relief :HA/DR) เป็นต้น

นอกจากนี้ยังมีการหารือแบบทวิภาคีของผู้แทนประเทศต่างๆ ในการนี้ ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารเรือ ได้เข้าหารือแบบทวิภาคีกับ พล.ร.อ.ซามูเอล ปาปาโร ผู้บัญชาการกองเรือภาคพื้นแปซิฟิกของสหรัฐฯ ในประเด็นที่สำคัญ ได้แก่ การให้ความช่วยเหลือตามโครงการ Maritime Security Initiative (MSI) , การฝึก The Rim of the Pacific Exercise (RIMPAC) และการเสริมสร้างความร่วมมือต่างๆ ระหว่างกองทัพเรือไทย และ กองทัพเรือสหรัฐฯ ซึ่งในภาพรวมผลการประชุมและการหารือประสบผลสำเร็จเป็นไปตามวัตถุประสงค์ทุกประการ ภายใต้บรรยากาศความเป็นมิตรไมตรีที่แนบแน่น บรรลุตามกรอบแนวคิดที่ว่า ‘Security Through Partnership’

การประชุมในครั้งนี้ถือเป็นหนึ่งในนโยบายที่สำคัญของผู้บัญชาการทหารเรือในการแสดงถึงบทบาทของกองทัพเรือบนเวทีระหว่างประเทศ เพื่อสร้างพันธมิตรและความร่วมมือในการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล ตลอดจนการแก้ปัญหาที่เกิดจากภัยคุกคามร่วมกัน เพื่อสร้างความมั่นคงทางทะเล และความยั่งยืนในการแสวงหาและการใช้ประโยชน์จากทะเลต่อไปในอนาคต

กองทัพเรือ จัดเรือหลวงช้าง ตรวจพลสวนสนามทางเรือ เพื่อเป็นเกียรติแด่ พลเรือเอก เชิงชาย ชมเชิงแพทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ ในโอกาสเยี่ยมอำลาหน่วยในพื้นที่สัตหีบ ก่อนเกษียณอายุราชการ พลเรือเอก เชิงชาย ชมเชิงแพทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ เดินทางไปเยี่ยมอำลาหน่วยกอ

กองทัพเรือ จัดเรือหลวงช้าง ตรวจพลสวนสนามทางเรือ เพื่อเป็นเกียรติแด่ พลเรือเอก เชิงชาย ชมเชิงแพทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ ในโอกาสเยี่ยมอำลาหน่วยในพื้นที่สัตหีบ ก่อนเกษียณอายุราชการ

พลเรือเอก เชิงชาย  ชมเชิงแพทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ เดินทางไปเยี่ยมอำลาหน่วยกองทัพเรือ ในพื้นที่สัตหีบ ในโอกาสเกษียณอายุราชการ บนเรือหลวงช้าง ซึ่งจอดลอยลำ บริเวณอ่าวสัตหีบ จังหวัดชลบุรี โดยมี พลเรือเอก อะดุง  พันธุ์เอี่ยม ผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ และนายทหารชั้นผู้ใหญ่ จากหน่วยต่าง ๆ ของกองทัพเรือในพื้นที่สัตหีบ ให้การต้อนรับ โดยเรือหลวงปิ่นเกล้าได้ยิงสลุต เพื่อเป็นเกียรติแด่ผู้บัญชาการทหารเรือ จำนวน 19 นัด จากนั้นเรือต่าง ๆ ในหมู่เรือสวนสนาม ได้ทำการสวนสนามทางเรือเพื่อเป็นเกียรติแด่ ผู้บัญชาการทหารเรือ  

เมื่อเสร็จสิ้นพิธีสวนสนามทางเรือ ผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ ได้กล่าวสดุดีแด่ผู้บัญชาการทหารเรือ จากนั้นผู้บัญชาการทหารเรือ ได้กล่าวชื่นชมและขอบคุณกำลังพลทุกนายที่ปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลังความสามารถ โดยเห็นแก่ประโยชน์ของชาติเป็นสำคัญ ตลอดจนได้เน้นย้ำให้กำลังพลทุกนายร่วมมือ ร่วมแรงและร่วมใจ กันปฏิบัติงานด้วยความเข้มแข็ง ซื่อสัตย์สุจริตเพื่อกองทัพเรือ

สำหรับกองเรือยุทธการ เป็นหน่วยที่มีความสำคัญในด้านการเตรียมกำลังรบทางเรือให้มีความพร้อมที่จะปฏิบัติภารกิจในการปกป้องเอกราชและอธิปไตยของชาติ โดยปฏิบัติการทางเรือ ปฏิบัติการทางอากาศ ปฏิบัติการตามลำน้ำ และปฏิบัติการสงครามพิเศษทางเรือ ตลอดจนการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล รวมทั้งช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน

ทั้งนี้ พลเรือเอก เชิงชาย ชมเชิงแพทย์ เป็นผู้บัญชาการทหารเรือ ลำดับที่ 56 ของกองทัพเรือ โดยตลอดระยะเวลา 1 ปี ที่ดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารเรือ พลเรือเอก เชิงชายฯ ได้ดำเนินการตามนโยบายหลัก 9 ด้าน โดยมุ่งเน้นนโยบายผู้บัญชาการทหารเรือท่านที่ผ่านมา ควบคู่ไปกับการเสริมสร้างรากฐานที่มั่นคง ของกองทัพเรือ และเพื่อให้กำลังพลทุกนายได้ร่วมแรงร่วมใจขับเคลื่อนนโยบายผู้บัญชาการทหารเรือ เพื่อให้บรรลุวิสัยทัศน์ของกองทัพเรือที่กำหนดไว้คือเป็นหน่วยงานความมั่นคงทางทะเลที่มีบทบาทนำในภูมิภาค และเป็นเลิศ ในการบริหารจัดการ สำหรับนโยบายหลัก 9 ด้าน มาจากยุทธศาสตร์กองทัพเรือ พ.ศ.2560 - 2580 ซึ่งเป็นแผนแม่บทการพัฒนากองทัพเรือด้านต่าง ๆ และนโยบายกองทัพเรือระยะ 5 ปี พ.ศ.2566 – 2570

พร้อมรับมือ สอ.รฝ.เตรียมกำลังพล อุปกรณ์และยุทโธปกรณ์ เพื่อบรรเทาสาธารณภัย

เมื่อวันที่ 11 ต.ค.66 หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง (สอ.รฝ.) เตรียมความพร้อมกำลังพล อุปกรณ์และยุทโธปกรณ์ ด้านบรรเทาสาธารณภัย ร่วมพิธีตรวจความพร้อมจาก พลเรือโท สุระศักดิ์ สิงขรวัฒน์ ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 1 ณ บริเวณหน้ากองบัญชาการทัพเรือภาคที่ 1 อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี โดยมี นาวาโท ศิวดล แปลงแดง ผู้บังคับกองพันต่อสู้อากาศยานที่ 11 กรมต่อสู้อากาศยานที่ 1 หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง เป็นหัวหน้าชุดรับตรวจความพร้อม ประกอบด้วย กำลังพล 30 นาย ชุดค้นหาและกู้ภัย (USAR) จำนวน 15 นาย พร้อมอุปกรณ์เครื่องมือเครื่องใช้ รถผลิตน้ำดื่ม รถครัวสนาม รถพยาบาล พร้อมเจ้าหน้าที่พยาบาล 

ทั้งนี้ หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง จัดกำลังพล อุปกรณ์และยุทโธปกรณ์จากหน่วยต่าง ๆ ประกอบกำลังเป็นหน่วยบรรเทาสาธารณภัย หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง ที่มีขีดความสามารถในการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและบรรเทาภัยพิบัติ ตามนโยบายของผู้บัญชาการทหารเรือ เพื่อเป็นการเน้นย้ำ สร้างการตระหนักรู้ ในหน้าที่ของกำลังพลของหน่วยบรรเทาสาธารณภัย และยุทโธปกรณ์ ที่ได้รับการตรวจทดลอง รวมทั้งซ่อมบำรุง เพื่อให้พร้อมในการบรรเทาภัยพิบัติ ตามที่กองทัพเรือ ได้สั่งการให้หน่วยต่าง ๆ เตรียมการรับคำสั่งการปฏิบัติในช่วงฤดูมรสุม ให้ความช่วยเหลือประชาชน และผู้ประสบภัยได้อย่างรวดเร็วทันต่อสถานการณ์ อีกทั้งยังมีขีดความสามารถในการฟื้นฟูหลังเกิดภัยพิบัติ ให้กลับคืนสู่สภาพเดิมได้โดยเร็วที่สุด ซึ่งที่ผ่านมาเป็นที่ประจักษ์แล้วว่า กำลังพลของหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความมุ่งมั่น ทุ่มเท และเตรียมความพร้อมที่จะปฏิบัติได้ทันทีเมื่อมีการสั่งการ เพื่อเป็นกำลังหลักของกองทัพเรือ พร้อมจะปฏิบัติหน้าที่ตามที่ได้รับมอบหมายได้อย่างแท้จริง

ผบ.ทร.นำกำลังพลทำบุญตักบาตรและจัดกิจกรรม เนื่องในวันนวมินทรมหาราช

วันที่ 12 ต.ค.66 กองทัพเรือ ได้จัดให้มีพิธีบำเพ็ญกุศล เนื่องในวันนวมินทรมหาราช เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร พร้อมจัดกิจกรรม ในพื้นที่ต่าง ๆ ของกองทัพเรือ ซึ่งในส่วนของกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล จัดพิธีทำบุญตักบาตร พระภิกษุ และสามเณร จำนวน 89 รูป พิธีสวดพระพุทธมนต์ถวายเป็นพระราชกุศล พิธีวางพวงมาลาถวายราชสักการะ ณ บริเวณลานทัศนาภิรมย์ หอประชุมกองทัพเรือ เขตบางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร 

โดยในเวลา 07.10 น. พลเรือเอก อะดุง  พันธุ์เอี่ยม ผู้บัญชาการทหารเรือ เป็นประธานในพิธีทำบุญตักบาตร พระภิกษุและสามเณร โดยนิมนต์พระสงฆ์จาก วัดโมลีโลกยารามราชวรวิหาร จำนวน 50 รูป วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร จำนวน 20 รูป และวัดชิโนรสารามวรวิหาร จำนวน 19 รูป รวมทั้งสิ้น จำนวน 89 รูป ณ ลานทัศนาภิรมย์ หอประชุมกองทัพเรือ โดยมี นางกีรตา พันธุ์เอี่ยม นายกสมาคมภริยาทหารเรือ และคณะนายทหารชั้นผู้ใหญ่ของกองทัพเรือ พร้อมภริยา เข้าร่วมพิธี

ต่อมาในเวลา 08.10 น. ผู้บัญชาการทหารเรือ และนายกสมาคมภริยาทหารเรือ ได้นำคณะนายทหารชั้นผู้ใหญ่ของกองทัพเรือ พร้อมภริยา ร่วมพิธีสวดพระพุทธมนต์ถวายเป็นพระราชกุศล ณ ห้องเจ้าพระยา หอประชุมกองทัพเรือ โดยนิมนต์พระสงฆ์จากวัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร มีพระพรหมวัชรเมธี (สมเกียรติ โกวิโท) เจ้าอาวาสวัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร เป็นประธานฝ่ายสงฆ์

จากนั้น ในเวลา 09.10 น. ผู้บัญชาการทหารเรือ เป็นประธานในพิธีวางพวงมาลาถวายราชสักการะ และกล่าวน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณของ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ณ ห้องเจ้าพระยา หอประชุมกองทัพเรือ 

พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณ แผ่ไพศาลต่อพสกนิกรชาวไทย กองทัพเรือ นับเป็นหนึ่งในหน่วยงานที่ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระองค์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการที่ทรงมีพระราชดำริให้กองทัพเรือ สร้างเรือยนต์รักษาฝั่งไว้ใช้ได้เองโดยไม่ต้องจัดหา

จากต่างประเทศ ซึ่งในปี พ.ศ.2510 กรมอู่ทหารเรือ สามารถสร้างเรือยนต์รักษาฝั่งได้จำนวน 1 ลำ คือ เรือ ต.91 โดยพระองค์ได้พระราชทานคำแนะนำในการสร้างเรื่อยมาจนกระทั่งการต่อเรือเสร็จสมบูรณ์ และสามารถปฏิบัติภารกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้พระองค์ได้มีพระราชดำรัสที่สำคัญตอนหนึ่งว่า “บรรดาเรือรบที่ใช้ในราชการ เป็นเรือที่สั่งทำจากต่างประเทศ การที่ราชการกองทัพเรือ สามารถเริ่มการต่อเรือยนต์รักษาฝั่งขึ้นใช้ในราชการ ได้เช่นนี้ จึงควรเป็นที่น่ายินดี และน่าสนับสนุนอย่างยิ่ง นับว่าเป็นความเจริญก้าวหน้าของกองทัพเรือ”

นอกจากนี้ พระองค์ยังทรงสนพระทัยและทรงเอาใจใส่ต่อกองทัพเรือเป็นอย่างยิ่ง ดังพระราชดำรัสของพระองค์ที่ว่า “เรือรบขนาดใหญ่มีราคาแพง และมีค่าใช้จ่ายปฏิบัติงานสูง กองทัพเรือจึงควรใช้เรือที่มีขนาดเหมาะสมและสร้างได้เอง ซึ่งเมื่อสร้างเรือตรวจการณ์ใกล้ฝั่งชุดเรือ ต.91 ได้แล้ว ควรขยายแบบเรือให้ใหญ่ขึ้น และสร้างเพิ่มเติม” กองทัพเรือ จึงได้น้อมรับใส่เกล้าฯ และนำไปดำเนินการจนเกิดเป็นโครงการเรือตรวจการณ์ใกล้ฝั่ง ชุดเรือ ต.991 ซึ่งจัดเป็นหนึ่งในโครงการเฉลิมพระเกียรติของกองทัพเรือ ในโอกาสที่พระบาทสมเด็จ พระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เจริญพระชนมพรรษา 80 พรรษา

พระอัจฉริยภาพในด้านการต่อเรือของพระองค์ท่าน เป็นที่ประจักษ์แก่กำลังพลกองทัพเรือ นับตั้งแต่เริ่มโครงการ เรือ ต.91 จนถึงเรือ ต.991 พระองค์ทรงมีพระบรมราชวินิจฉัยให้แก้ไขแบบลายเส้น และรูปทรงของเรือ ซึ่งผลที่ได้จากการคำนวณเป็นไปตามที่ได้มีพระบรมราชวินิจฉัยไว้ กล่าวคือ เมื่อเปรียบเทียบกับผลการคำนวณเดิม ปรากฏว่า เรือ ต.991 มีความเร็วเพิ่มขึ้น และประหยัดเชื้อเพลิงได้ร้อยละ 6 ทั้งนี้ กองทัพเรือได้รับพระมหากรุณาธิคุณ เสด็จฯ ไปทรงวางกระดูกงูเรือ ต.991 ที่กรมอู่ทหารเรือด้วยพระองค์เอง อันเป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างเรือชุดถัดไป หลังจากนั้นในวันที่ 30 เมษายน พ.ศ.2550 พระองค์ท่านและสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เสด็จฯ พร้อมด้วยสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ไปทรงเป็นประธานพิธีปล่อยเรือ ต.991 ลงน้ำ อันเป็นความปลื้มปีติแก่เหล่าทหารเรืออย่างหาที่สุดมิได้ รวมทั้งทำให้กองทัพเรือสามารถพัฒนาศักยภาพการต่อเรือตรวจการณ์ใกล้ฝั่ง ชุดเรือ ต.994 (ต.994 - ต.996) และชุดเรือ ต.997 (ต.997 - ต.998) รวมถึงเรือลำอื่น ๆ ที่ใช้ในราชการกองทัพเรือต่อมาตราบจนปัจจุบัน

‘โรงเรียนนายเรือ’ เปิดรับสมัครนักเรียนเตรียมทหาร อายุ 16-18 ปี เข้าร่วม ‘โครงการฉลามขาว ปี 67’ พร้อมสิทธิประโยชน์เพียบ!!

‘กองทัพเรือ’ โดย ‘โรงเรียนนายเรือ’ ขอเชิญชวนผู้ที่สนใจสมัครเข้ามาเป็นนักเรียนเตรียมทหารในส่วนของกองทัพเรือ ใน ‘โครงการฉลามขาว ประจำปีการศึกษา 2567’ 🛳️⚓🦈

โดยต้องเป็นผู้มีคุณสมบัติเป็นนักเรียนชายที่กำลังศึกษาชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 (ม.4) ตามหลักสูตรของกระทรวงศึกษาธิการ

ต้องมีผลการศึกษาดังต่อไปนี้
- ภาคเรียนที่ 1 คะแนนเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 3.75 และมีคะแนนเฉลี่ยวิชาพื้นฐาน ดังนี้
- วิชาคณิตศาสตร์ไม่ต่ำกว่า 3.50 
- วิชาวิทยาศาสตร์ไม่ต่ำกว่า 3.50 
- วิชาภาษาอังกฤษไม่ต่ำกว่า 3.0  
- มีอายุไม่ต่ำกว่า 16 ปี และไม่เกิน 18 ปี ในปีที่จะเข้ารับการศึกษาในโรงเรียนเตรียมทหาร สถาบันวิชาการป้องกันประเทศ

**ซึ่งการนับอายุให้นับตามกฎหมาย ว่าด้วยการรับราชการทหาร คือ ผู้ที่เกิดตั้งแต่วันที่  1 มกราคม 2549 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2551**

สิทธิประโยชน์ของนักเรียน ‘โครงการฉลามขาว’ 🦈 ได้รับทุนการศึกษาเป็นค่าใช้จ่าย ขณะศึกษาที่โรงเรียนเตรียมทหาร สถาบันวิชาการป้องกันประเทศ และมีสิทธิ์สอบคัดเลือกไปศึกษาระดับปริญญาตรี ปริญญาโท ในมหาวิทยาลัยต่างประเทศ กลุ่มประเทศยุโรป/ สหรัฐอเมริกา/ ออสเตรเลีย รวมทั้งได้รับการพิจารณาให้ศึกษาในระดับปริญญาเอก ในสาขาวิชาที่กองทัพเรือต้องการ 🛳️⚓

***สมัคร ทางไปรษณีย์เพียงช่องทางเดียวเท่านั้นโดยสามารถ/Download ใบสมัคร/ทางเว็บไซต์โรงเรียนนายเรือ http://www.rtna.ac.th หรือ http://www.admission-rtna.net หรือ เว็บไซต์กองทัพเรือ https://www.navy.mi.th 

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ : 0-2475-3995, 2475-7435 ระหว่างเวลา 08.00 น. ถึง 16.00 น.ทุกวันราชการ หรือ email : [email protected]

Spot ประชาสัมพันธ์ การรับสมัคร ‘โครงการฉลามขาว’ นักเรียนเตรียมทหาร ในส่วนของกองทัพเรือ ปี 2567 รับชมได้ที่นี่ >> https://youtu.be/zbRm4c2NmDE


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top