Thursday, 2 May 2024
กองทัพเรือ

ตราด - ‘กองทัพเรือ’ จัดพิธีลอยพวงมาลา เนื่องใน “วันวีรกรรมทหารเรือไทยในยุทธนาวีที่เกาะช้าง”

พลเรือโท พิชัย ล้อชูสกุล ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 1 มอบหมายให้ นาวาเอก รังสรรค์ บัวเผือก ผู้บังคับหมวดเรือลาดตระเวนชายแดน เป็นประธานในพิธีลอยพวงมาลา เนื่องในวันวีรกรรมทหารเรือไทยในยุทธนาวีที่เกาะช้าง ณ บริเวณเกาะลิ่ม จังหวัดตราด โดยมีกำลังทางเรือและกำลังพล ของฐานส่งกำลังบำรุงทหารเรือตราด ทัพเรือภาคที่ 1 เรือหลวงสัตหีบ เรือ ต.992 และเรือ ต.236 เข้าร่วมพิธี

ผู้บังคับหมวดเรือลาดตระเวนชายแดน กล่าวว่า “ในวันนี้เมื่อ 81 ปีที่แล้ว ได้มีการยุทธที่สำคัญเกิดขึ้น ในพื้นที่เกาะช้างแห่งนี้ เมื่อครั้งสงครามอินโดจีน กองทัพเรือ จึงได้จัดกำลังทางเรือและกำลังพลเข้าร่วมในการยุทธ ดังกล่าว การปะทะในครั้งนั้น กำลังพลของกองทัพเรือไทย ได้เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก วันนี้ จึงถือว่าเป็นวันสำคัญวันหนึ่งของกองทัพเรือ ที่จะระลึกถึง คุณงามความดี วีรกรรมและความกล้าหาญของทหารเรือไทยทุกนาย ในการรักษาอธิปไตยของชาติไทย”

สำหรับการจัดพิธี ลอยพวงมาลาเนื่องในวันวีรกรรมทหารเรือไทย ในยุทธนาวีที่เกาะช้างในครั้งนี้ ประกอบด้วย การอ่านคำสดุดีวีรชนทหารเรือไทย ในยุทธนาวีที่เกาะช้าง การสงบนิ่งรำลึกถึงดวงวิญญาณของผู้กล้าหาญที่เสียชีวิต พิธีลอยพวงมาลา และการยิงสลุต ณ บริเวณเกาะลิ่ม ซึ่งเป็นจุดที่เรือหลวงสงขลา และเรือหลวงชลบุรี จมลง

กองทัพเรือ แถลงจัดตั้ง  "ศูนย์อำนวยการป้องกันและขจัดมลพิษทางน้ำเนื่องจากน้ำมัน กองทัพเรือ "เร่งขจัดคราบน้ำมันที่รั่วไหลในทะเลระยอง  คาดสถานการณ์คลี่คลาย ใน 5 วัน  หากถึงหาดแม่รำพึง ก็มีแผนรับมือได้

ที่ห้องโพธิ์สามต้น หอประชุมกองทัพเรือ พล.ร.ท.ปกครอง  มนธาตุผลิน โฆษกกองทัพเรือ พร้อมนางสาวพรพิมล เจริญส่ง  ผู้อำนวยการกองจัดการคุณภาพน้ำ  กรมควบคุมมลพิษ  นายพิทักษ์ วัฒนพงศ์พิศาล  ผู้อำนวยการสำนักความปลอดภัยและสิ่งแวดล้อมทางน้ำ กรมเจ้าท่า  และ ดร.พรศรี สุทธนารักษ์ รองอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ร่วมกันแถลงข่าวจัดตั้ง ศูนย์อำนวยการป้องกันและขจัดมลพิษทางน้ำเนื่องจากน้ำมัน กองทัพเรือ (ศอปน.ทร.) เพื่อเร่งขจัดคราบน้ำมันที่รั่วไหลในทะเลระยอง

พล.ร.ท.ปกครอง กล่าวว่า ศูนย์อำนวยการป้องกันและขจัดมลพิษทางน้ำเนื่องจากน้ำมัน กองทัพเรือ (ศอปน.ทร.) จะมีหน้าที่ในการอำนวยการกำกับการ และประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในขณะเดียวกันก็สั่งการให้ทัพเรือภาคที่ 1 จัดตั้ง "ศูนย์ควบคุมการปฏิบัติการในการป้องกันและขจัดมลพิษทางน้ำเนื่องจากน้ำมัน ทัพเรือภาคที่ 1 " (ศคปน.ทรภ.1) หรือ On Scene Commander เพื่อทำหน้าที่กำหนดแผน และยุทธวิธีในการขจัดคราบน้ำมัน  ปฏิบัติการป้องกันและขจัดมลพิษทางน้ำเนื่องจากน้ำมันที่เกิดขึ้นในพื้นที่รับผิดชอบ  ตลอดจนอำนวยการประสานกับส่วนราชการ และหน่วยงานภาคเอกชนอย่างใกล้ชิด 

ด้าน พล.ร.ต. วิฉณุ  ถูปาอ่าง  ผู้อำนวยการสำนักกิจการความมั่นคง กรมยุทธการทหารเรือ เปิดเผยถึงการดำเนินการต่อไป สำหรับการดำเนินการต่อไปได้วางแผนการขจัดคราบน้ำมันในทะเล โดยแบ่งเป็น 2 ลักษณะ ได้แก่   การขจัดกลุ่มคราบน้ำมันขนาดใหญ่ ดำเนินการโดยใช้ทุ่นลอบกัก แล้วใช้เครื่องดูดหรือ Skimmer ดูดคราบน้ำมันซึ่งถือว่าเป็นสารพิษอันตราย จากทะเลสู่ถังเก็บ แล้วนำส่งกรมอุตสาหกรรมเพื่อทำการทำลายต่อไป     

สำหรับในส่วนของการขจัดกลุ่มคราบน้ำมันที่มีทิศทางการเคลื่อนที่ที่เป็นอันตรายต่อชายฝั่งและพื้นที่เปราะบาง ดำเนินการโดยใช้ทุ่นล้อมเบี่ยงทิศการเคลื่อนที่ให้ออกห่างจุดเปราะบางไปสู่ทะเลเปิด แล้วทำการล้อมดักและดูดไปทำลายตามกระบวนการต่อไป
      
สำหรับแผนการขจัดคราบน้ำมันบริเวณชายฝั่ง ได้จัดแผนการดำเนินการแบ่งเป็น 2 ลักษณะ โดยแยกเป็นพื้นที่ชายฝั่งในทะเล ได้ประสานกับทางจังหวัด ในการใช้ทุ่นล้อมกันขึ้นฝั่ง ไม่ให้คราบน้ำมันขึ้นสู่ชายฝั่งซึ่งจะเป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อมอย่างมาก   พื้นที่ชายฝั่งบนบก บริเวณที่เป็นหินจะใช้การฉีดน้ำให้คราบน้ำมันรวมตัวกัน แล้วตักเก็บไปทำลายบริเวณที่เป็นหาดทรายจะใช้รถแบ็คโฮลตักคราบน้ำมันที่ปะปนกับทรายแล้วนำไปทำลาย ทั้งนี้การปฏิบัติของ เจ้าหน้าที่จะต้องสวมชุดป้องกันและสามารถปฏิบัติงานได้เพียง 4 ชั่วโมง ต่อวันเท่านั้น เนื่องจากสารพิษจะเป็นอันตรายต่อร่างกายของผู้ปฏิบัติงาน

นายพิทักษ์ กล่าวว่า เราได้ระงับการรั่วไหล ปิดวาล์วได้หมด  พร้อมเฝ้าระวัง มลพิษ ที่ค่อนข้างมีปริมาณมาก จึงยกระดับให้กองทัพเรือ เป็นหน่วยบัญชาการเหตุการณ์  เร่งด่วน คือ การเฝ้าระวังการเคลื่อนไหว ดูทิศทางการเคลื่อนที่ และคลื่นลม ว่าจะไปทางใด และปริมาณ ที่ลงทะเล แพร่กระจายมากน้อยแค่ไหน 

ด้านนางสาวพรพิมล เปิดเผย ถึงแนวทางของกรมควบคุมมลพิษ คือ  1 ตรวจสอบค่าน้ำทะเล  2 ให้อนุญาต สำหรับปริมาณการใช้สารขจัดคราบน้ำมัน โดยสารดิสเพอร์แซนท์ โดยครั้งนี้ใช้ใน อัตรา 1:10  และ 3 จัดทำแผนฟื้นฟู 

ดร.พรศรี   เปิดเผยถึงความกังวล ของคราบน้ำมัน ที่จะส่งผลทรัพยากรใต้ทะเล ที่มี แนวปาการัง 150 ไร่ และย่าทะเล 300 ไร่ พร้อมยืนยันว่า จะมีการเรียกร้องค่าเสียหาย ที่เกิดขึ้น ทั้งการดำเนินการ และทรัพยากร ที่เสียหาย และในระยยาว จะมีการตั้งกองทุนฟื้นฟู ทรัพยากร   

เมื่อถามว่า ส่วนตัวเลขการรั่วไหลน้ำมับดิบ ที่บริษัทแจ้งว่า กว่า 4 แสนลิตร และรมต.ทรัพย์ ระบุเพียง 2 หมื่นลิตร ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร  นายพิทักษ์ ระบุว่า เป็นหารประเมินการณ์ ว่า 4 แสนลิตร เพื่อจัดเตรียมอุปกรณ์ รับมือสถานการณ์  ขณะที่พลเรือตรี วิษณุ ระบุ วิศวกร ของบริษัท แจ้งล่าสุด มีน้ำมั่น 20-50 ตัน  ต่างจากครั้งแรก ที่แจ้งไว้ และระบุ ยังมีน้ำมัน คงเหลือ 5.3 ตัน   ขณะที่โฆษกกองทัพเรือ  ระบุว่า ดูสภาพจริง ลดลงเยอะ   เบา กว่าที่เราคาดการณ์ไว้ แต่ยังไม่รู้ตัวเลขแน่ชัด  แต่จากใช้เครื่องบิน บินสำรวจ  ลากตระเวนด้วยสายตา  คาดว่า ตัวเลข 2 หมื่นลิตร  น่าจะใกล้เคียงกับข้อเท็จจริง 

“พล.ร.ท.ปกครอง กล่าวเสริม ว่า ทั้งนี้ยืนยันว่า ทางบริษัท คงไม่มีเจตนาปกปิดปริมาณน้ำมันที่รั่วไหล เพราะยิ่งปิด จะยิ่งสร้างความเสียหาย ขอให้มั่นใจ จากกองทัพเรือ 

กองทัพเรือเร่งระดมเฮลิคอปเตอร์ –เรือจากภาครัฐและภาคเอกชน ป้องกันและขจัดคราบน้ำมัน ไม่ให้กระทบอุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า

พล.ร.ท.ปกครอง  มนธาตุผลิน โฆษกกองทัพเรือ เเถลงความคืบหน้าเรื่องการเร่งขจัดคราบน้ำมันที่รั่วไหลในทะเลท่าเรือมาบตาพุด จ.ระยองว่า ตามที่กองทัพเรือได้จัดตั้งศูนย์อำนวยการป้องกันและขจัดมลพิษทางน้ำเนื่องจากน้ำมัน กองทัพเรือ หรือ ศอปน.ทร. เนื่องจากเหตุการณ์ท่อน้ำมันดิบใต้ทะเลของบริษัทสตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด (มหาชน) มีน้ำมันดิบรั่วไหล จากท่อใต้ทะเลของทุ่นรับน้ำมันดิบกลางทะเล บริเวณอ.มาบตาพุด จ.ระยอง เมื่อเวลา 21.06 น. ของวันที่ 25 ม.ค.ที่ผ่านมานั้น ขณะนี้ทิศทางของคราบน้ำมันได้เคลื่อนที่ไปทางตะวันออกเฉียงเหนือ และกระจายตัวเข้าหาฝั่ง ปัจจุบันห่างจากชายฝั่ง 4.7 ไมล์ทะเล คาดว่าถึงอุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า ต.เพ อ.เมือง จ.ระยองในช่วงบ่ายวันนี้ (28 ม.ค.)

ด้านน.ท.อนุสรณ์ คล้ายมงคล หัวหน้าสนับสนุนปฏิบัติการ กองปฏิบัติการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล กรมยุทธการทหารเรือ กล่าวว่า บทบาทหน้าที่กองทัพเรือในการขจัดคราบน้ำมันในครั้งนี้ เกิดจากแผนป้องกันและขจัดมลพิษทางน้ำเนื่องจากน้ำมันแห่งชาติ ได้กำหนดให้กองทัพเรือเป็นหน่วยปฏิบัติการขจัดคราบน้ำมัน กรณีที่มีน้ำมันรั่วไหลเกินกว่า 20 ตันขึ้นไป  และอยู่นอกเขตท่าเรือที่กรมเจ้าท่ารับผิดชอบ เหตุการณ์ครั้งนี้เมื่อกองทัพเรือได้รับแจ้งจึงได้จัดตั้งศอปน.ทร. และจัดตั้งศูนย์ควบคุมการปฏิบัติการในการป้องกันและขจัดมลพิษทางน้ำเนื่องจากน้ำมัน ทัพเรือภาคที่ 1 หรือ ศคปน.ทรภ.1 ที่มีกำลังพลจากกองทัพเรือ หน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องกำหนดแผนและกลยุทธ์ในการขจัดคราบน้ำมันในพื้นที่ปฏิบติการ โดยมีการจัดอากาศยานขึ้นบินตรวจสอบคราบน้ำมันในพื้นที่ทั้งช่วงเช้าและช่วงบ่าย จัดเรือหลวงแสมสาร เรือภาคเอกชนและกรมเจ้าท่า รวมแล้ว 10 ลำ เพื่อพ่นสารเคมีขจัดคราบน้ำมันในพื้นที่ที่เกิดคราบน้ำมันขึ้น
 

'กองทัพเรือ' แจง 'ภาพเก่าปี 56' คราบน้ำมันดำมืดน่ากลัว ยัน! ปัจจุบันเป็นคราบแผนฟิล์มบางๆ ย้ำ!เดินหน้าเตรียมจัดทีมลุยเก็บคราบน้ำมัน เผยกลุ่มคราบน้ำมันก้อนใหญ่เริ่มเข้าใกล้ฝั่ง มั่นใจควบคุมได้

ที่สำนักงานท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด (สทร.) จ.ระยอง  พล.ร.ท.ปกครอง  มนธาตุผลิน โฆษกกองทัพเรือ เเถลงความคืบหน้าเรื่องการเร่งขจัดคราบน้ำมันที่รั่วไหลในทะเลท่าเรือมาบตาพุด จ.ระยองว่า ขณะนี้ยังมีเรือจากบริษัท และหน่วยงานต่างๆร่วมกันดำเนินการปฏิบัติการทางทะเล เพื่อดำเนินการขจัด กักเก็บและควบคุมทิศทางคราบน้ำมัน

จากรายงานข่าวล่าสุดเมื่อเวลา 21.00 น. เมื่อวานนี้ ทางทีมเก็บกู้คราบน้ำมัน และศูนย์บรรเทาสาธารณภัยทัพเรือภาคที่ 1 ได้ตรวจพบว่ามีคราบน้ำมันเข้าพื้นที่ชายฝั่งบริเวณหาดแม่รำพึงแล้ว มีลักษณะฟิล์มบางๆ ยังไม่มีความหนามาก ซึ่งจะขัดแย้งกับภาพที่ปรากฎตามสื่อต่างๆเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาที่มีภาพคราบน้ำมันจำนวนมหาศาลขึ้นสู่ฝั่ง จากการตรวจสอบยืนยันว่าเป็นภาพเก่าเหตุการณ์เมื่อปี 2556  โดยคราบปัจจุบันไม่ได้มีความน่ากลัวอย่างที่เห็น ขอให้ประชาชนสบายใจได้ว่าความรุนแรงไม่น่าจะเกิดขึ้น

ขณะที่พล.ร.ต.อาทร ชะระภิญโญ รองผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 1 ในฐานะรองศูนย์ควบคุมการปฏิบัติการในการป้องกันและขจัดมลพิษทางน้ำเนื่องจากน้ำมัน ทัพเรือภาคที่ 1 หรือ ศคปน.ทรภ.1 กล่าวว่า การปฏิบัติช่วงที่ผ่านมายังคงมีการดำเนินการอย่างยิ่งยวดทั้งภาคทะเล โดยมีเรือบริษัท เอสพีอาร์ซี มาบตาพุด และบริษัท ไออาร์พีซี จำนวน 10 ลำ เร่งฉีดสเปรย์ และกางบูม เพื่อกักเก็บคราบน้ำมัน

อีกทั้งเมื่อวานนี้ได้มีปฏิบัติการทางอากาศบิยโปรยสารเคมีด้วย สำหรับการลาดตระเวนทางอากาศกองทัพเรือจะดำเนินการต่อเนื่องเพื่อเฝ้าระวังและติดตามการเคลื่อนที่ของคราบน้ำมัน โดยเรามีบูมที่กางและดักคราบน้ำมัน แต่ยอมรับว่ามีคราบน้ำมันเป็นฟิล์มบางๆเล็ดรอดเข้ามาสู่ชายฝั่งบ้าง ซึ่งล่าสุดสถานการณ์การเคลื่อนที่ของคราบน้ำมันจากการตรวจสอบทางอากาศว่าคราบน้ำมันกลุ่มหลักยังอยู่บริเวณที่เดิม และเริ่มเคลื่อนที่ช้าๆเข้าใกล้ฝั่ง โดยเราพยายามขจัดและดำเนินการลดจำนวนลง ส่วนบนบกเราก็มีทีมเก็บคราบน้ำมันกรณีขึ้นหาด ซึ่งศูนย์บรรเทาสาธารณภัยได้เตรียมกำลังพล 200 นาย จากหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง เพื่อรับความพร้อม โดยทุกคนผ่านการอบรมวิธีเก็บคราบน้ำมัน และมีการแต่งกายด้วยชุดป้องกันอย่างรัดกุม ส่วนคราบน้ำมันฟิล์มบางๆบริเวณหาดแม่รำพึงนั้นมีจำนวนไม่มาก ทางทีมได้เข้าเก็บเรียบร้อยแล้ว ขณะนี้มีเพียงคราบน้ำมันที่เป็นแผ่นฟิล์มบางๆ ที่เล็ดลอดนั้นก็มีที่จุดหินดำ และบริเวณสบาย สบาย รีสอร์ท ตอนนี้เจ้าหน้าที่กำลังเร่งดำเนินการ 
 

“ผบ.ทร.” ประณามนายทหารชั้นยศนาวาตรี สังกัดกองทัพเรือ ซ่อนกล้องแอบถ่ายในห้องน้ำหญิง สั่งตั้งกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง ลงโทษให้ถึงที่สุด

พล.ร.ท.ปกครอง  มนธาตุผลิน โฆษกกองทัพเรือ เปิดเผยถึงกรณีที่มีกำลังพลกองทัพเรือชั้นยศ “นาวาตรี” ตั้งกล้องแอบถ่ายในห้องน้ำหญิง ภายในสำนักงาน โดยผู้ตกเป็นเหยื่อประกอบด้วยข้าราชการพนักงานลูกจ้างและนักเรียนฝึกงาน โดยผู้เสียหายได้เข้าแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรพลูตาหลวง อำเภอสัตหีบ  จังหวัดชลบุรีไปแล้วนั้น
     
พล.ร.ท.ปกครอง กล่าวว่า เหตุการณ์ดังกล่าว ได้ถูกเปิดเผย เมื่อวันที่ 7 มกราคม 2565 ที่ผ่านมา ภายหลัง มีผู้พบกล้อง 2 ตัวติดตั้งอยู่บนฝ้าเพดานห้องน้ำ ในสำนักงานของหน่วยงานราชการในสังกัดกองทัพเรือ  ขณะทำการซ่อมแซมระบบสายไฟ ซึ่งเมื่อตรวจสอบจึงพบว่ามีการซ่อน กล้องต่อเข้ากับระบบคอมพิวเตอร์ของ ว่าที่ นาวาตรีเกียรติกร มั่งคั่ง สังกัดแผนกเทคโนโลยีสารสนเทศ โรงพยาบาลสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์  กรมแพทย์ทหารเรือ ซึ่งการตรวจสอบข้อมูลภายในคอมพิวเตอร์

พบหลักฐานคลิปวีดีโอของผู้เสียหายขณะทำภารกิจส่วนตัวซึ่งถูกบันทึกไว้ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2558  ซึ่งหน่วยงานต้นสังกัดของ ว่าที่ นาวาตรี  เกียรติกรทได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง โดยได้ทำการกักควบคุมตัว ว่าที่ นาวาตรี เกียรติกูล เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้ ไปข่มขู่ผู้เสียหายและมิให้ไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน ระหว่างสอบสวน ซึ่งผลการสอบสวนเบี้องต้นพบว่า ว่าที่ นาวาตรี เกียรติกรกระทำความผิดจริง 

"กองทัพเรือ" สนับสนุนการขจัดคราบน้ำมันทะเลระยองอีกครั้ง

พล.ร.ท..ปกครอง  มนธาตุผลิน โฆษกกองทัพเรือ เปิดเผยว่า จากเหตุการณ์ท่อน้ำมันของบริษัท SPRC รั่วไหลอีกครั้ง เมื่อวันที่ 10 ก.พ. ที่ผ่านมา  กองทัพเรือ โดย ทัพเรือภาคที่ 1 ได้สนับสนุนการขจัดคราบน้ำมัน ตั้งแต่วันที่เกิดเหตุ โดยจัด เฮลิคอปเตอร์ปราบเรือดำน้ำ ขึ้นบินนำสารเคมี DASIC international SLICKGONE ไปโปรยบริเวณพื้นที่เกิดเหตุ และได้จัดกำลังพลจาก หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง (สอ.รฝ.) จำนวนผลัดละ 40 นาย เข้าประจำพื้นที่บริเวณหาดแม่รำพึง จ.ระยอง เพื่อเตรียมพร้อมรับสถานการณ์ หากเกิดกรณีคราบน้ำมันที่รั่วไหลมาถึงบริเวณชายหาดอีกครั้ง โดยจะทำการสำรวจบริเวณชายหาดตลอด 24 ชั่วโมง และเก็บขยะร่วมกับเจ้าหน้าที่จากบริษัท SPRC ซึ่งกำลังพลกองทัพเรือ ได้มีความพร้อมที่จะสนับสนุนปฏิบัติการอีกครั้งตลอด 24 ชั่วโมง จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย

'กองทัพเรือ'  จัดกำลังพลและอากาศยาน ขจัดคราบน้ำมันที่รั่วไหล ในพื้นที่จ.ระยอง

พล.ร.ท.ปกครอง  มนธาตุผลิน  โฆษกกองทัพเรือ เปิดเผยว่า จากเหตุการณ์ท่อน้ำมันของบริษัท SPRC รั่วไหลอีกครั้งเมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ซึ่งกองทัพเรือได้จัดกำลังพลและ ยุทโธปกรณ์เข้าดำเนินการ เพื่อเตรียมความพร้อมรับสถานการณ์ ตั้งแต่วันเกิดเหตุ รวมถึงจัด อากาศยาน ขึ้นลาดตระเวนและโปรยสารเคมี

โดยในวันนี้ ทัพเรือภาคที่ 1 ได้จัดเฮลิคอปเตอร์ ขึ้นบินสำรวจโดยรอบบริเวณจุดพบคราบน้ำมัน ที่เรือของกรมทรัพยาการทางทะเลและชายฝั่ง และบริษัท SPRC ได้ทำการกางบูมล้อมสกัดกั้นไว้ ระยะห่างจากชายฝั่งหาดแม่รำพึงประมาณ 4 กิโลเมตร โดยเมื่อเวลา 08.00 น. เรือสำรวจจากกรมเจ้าท่า ได้ตรวจพบคราบน้ำมัน บริเวณปากแม่น้ำระยอง ลักษณะคราบน้ำมันเป็นแผ่นฟิมล์บางกลุ่มเล็กๆ ขนาดประมาณ 1×1 เมตร จำนวน 3 กลุ่ม และบริเวณปลายแหลมรุ่งเรือง ตรวจพบกลุ่มเล็กๆ เจ้าหน้าที่ทำการใช้ Absorf Boom ซับคราบดังกล่าว และในเวลา 11.00 น. ตรวจพบคราบน้ำมันบริเวณ Break Water ปากน้ำระยองอีกครั้ง มีขนาด ×2 เมตร เรือกรมเจ้าท่าดำเนินการสลายคราบน้ำมันเป็นที่เรียบร้อย 

เวลา 11.30 น. ทหารเรือ โดย หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง ที่ประจำอยู่ในพื้นที่ ได้เข้าทำการตรวจสอบบริเวณโขดหิน ลานหินขาว หลังจากที่มีสื่อบางสำนักได้นำเสนอข่าวว่า มีการพบคราบน้ำมันในบริเวณดังกล่าว แต่จากการตรวจสอบไม่พบคราบน้ำมันตามที่มีการนำเสนอข่าว

ทร.ส่งชุดบริการพิเศษ พร้อม มนุษย์กบ เข้าช่วยค้นหา ดาราสาว “แตงโม นิดา” 

ที่กองบัญชาการกองทัพเรือ พล.ร.ท.ปกครอง มนธาตุผลิน โฆษกกองทัพเรือ เปิดเผยว่าจากกรณีที่ “แตงโม”  นิดา พัชรวีระพงษ์ ดารา-นักแสดงชื่อดัง ได้พลัดตกจากเรือสปีดโบ๊ตกลางแม่น้ำเจ้าพระยา บริเวณท่าเรือพิบูลสงคราม 1 ใกล้สะพานพระราม 7 โดยเหตุเกิดช่วงเวลาประมาณ 22.40 น.ของวันที่ 24 ก.พ.ที่ผ่านมา 

กองทัพเรือ สอนวิธีเอาตัวรอดขณะตกน้ำ ตั้งสติอย่าตระหนก พร้อมใช้ 3 ท่าลอยตัว

กองทัพเรือ สอนวิธีเอาตัวรอดขณะตกน้ำ ตั้งสติลอยตัว-ทำท่าปลาดาวคว่ำ-ท่าปลาดาวหงาย-ทำท่าเต่า จงอย่าตระหนกและตั้งสติให้เร็วที่สุด

เมื่อวันที่ 28 ก.พ. 65 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เพจเฟซบุ๊กทัพเรือภาคที่ 3 เผยแพร่กิจกรรมการสอนให้ทหารเรือรู้จักวิธีการช่วยเหลือตนเองเมื่อตกน้ำ ขณะสวมใส่เครื่องแบบและรองเท้าคอมแบทในทะเลที่ไกลจากฝั่ง หรือมีคลื่นลมแรง

โดยเมื่อเราประสบอุบัติเหตุจงอย่าตระหนกและตั้งสติให้เร็วที่สุด พร้อมทั้งพยายามลอยตัวด้วยท่าต่างๆ เหล่านี้ โดยใช้พลังงานให้น้อยที่สุด คือ เบื้องต้นจงอย่าตระหนกและตั้งสติให้เร็วที่สุด พร้อมทั้งพยายามลอยตัวด้วยท่าต่างๆ เหล่านี้คือ

1.) อย่าตกใจตั้งสติให้เร็วที่สุด

2.) ทำท่าเต่า ใช้การลอยตัวงอเข่า ทั้งสองข้างขึ้นมาชิดหน้าอก ใช้มือทั้งสองข้างกอดเข่าเอาไว้

ทัพเรือภาคที่ 1 จัดกิจกรรมบำเพ็ญสาธารณประโยชน์ เนื่องในวันคล้ายวันสถาปนา กระทรวงกลาโหม และทัพเรือภาคที่ 1

ในวันที่ 1 มีนาคม 2565 ทัพเรือภาคที่ 1 เชิญชวนกำลังพลจิตอาสาจาก กองบัญชาการทัพเรือภาคที่ 1 เรือในกองเรือปฏิบัติการ ทัพเรือภาคที่ 1 กองพันต่อสู้อากาศยานที่ 21 โรงเรียนชุมพลทหารเรือ สนธิกำลังกับ กำลังพลจิตอาสาเทศบาลตำบลบางเสร่ เทศบาลตำบลเกล็ดแก้ว เทศบาลตำบลพลูตาหลวง พร้อมด้วยประชาชนในชุมชนบางเสร่ รวมทั้งสิ้น 100 นาย ร่วมกันทำกิจกรรมบำเพ็ญสาธารณประโยชน์ ณ วัดบางเสร่คงคาราม เนื่องในโอกาสก่อนวันคล้ายวันสถาปนาทัพเรือภาคที่ 1 และเนื่องในวันคล้ายวันสถาปนากระทรวงกลาโหม ซึ่งกิจกรรมดังกล่าวประกอบด้วย 

กิจกรรมทำความสะอาด ได้แก่ เก็บขยะ กวาดลานวัด ล้างห้องน้ำ ทำความสะอาดสถานที่ภายในวัดบางเสร่คงคาราม กิจกรรมบริจาคโลหิต โดยได้รับการสนับสนุนรถรับบริจาคโลหิตจาก ภาคบริการโลหิตแห่งชาติที่ 3 จว.ชลบุรี สภากาชาดไทย เดินทางมารับบริจาคโลหิต ณ ศาลาอเนกประสงค์วัดบางเสร่คงคาราม มีกำลังพลจิตอาสา พร้อมด้วยประชาชนในชุมชนบางเสร่ ร่วมบริจาคโลหิตจำนวน 40 คน รวมปริมาณโลหิตที่รับบริจาคจำนวน 16,000 มิลลิลิตร

เพื่อสนับสนุนให้แก่สภากาชาดไทย สำรองไว้ช่วยแก้ไขปัญหาวิกฤติขาดแคลนโลหิตในช่วงของการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัส COVID-19 และใช้ในยามฉุกเฉิน  นิมนต์พระภิกษุสงฆ์จำนวน 15 รูป ในพิธีเจริญพระพุทธมนต์ พร้อมด้วยถวายภัตตาหารเพล โดยเรียนเชิญผู้บังคับบัญชาในทัพเรือภาคที่ 1 พร้อมด้วยผู้แทนหน่วยงาน และผู้นำชุมชนบางเสร่ ร่วมพิธี


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top