Thursday, 2 May 2024
กองทัพเรือ

ทร.จัดแข่งขันกีฬาฟันดาบนานาชาติ ชิงถ้วยรางวัลเกียรติยศและเงินรางวัล

กองทัพเรือ จัดแข่งขันกีฬาฟันดาบ “The 20th and 10th Veteran: Navy Open Fencing Championships 2023” ชิงถ้วยรางวัลเกียรติยศ ผู้บัญชาการทหารเรือ ในประเภทบุคคลและทีมทั่วไป และรุ่นอาวุโสอายุ 40 ปีขึ้นไป เพื่อชิงถ้วยรางวัลเกียรติยศผู้บัญชาการทหารเรือ และเงินรางวัล ระหว่างวันที่ 3 ถึงวันที่ 5 พฤศจิกายน 2566 ณ ห้องไดมอนด์ฮอลล์ ชั้น 5 ศูนย์การค้าเซียร์รังสิต จังหวัดปทุมธานี 

โดยในปีนี้ ถือได้ว่าเป็นการจัดแข่งขันอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 20 และเป็นรายการแข่งขันฟันดาบ ที่มีนักกีฬาจากทั่วประเทศและต่างประเทศ เข้าร่วมการแข่งขันในรายการนี้ มากกว่า 300 คน ซึ่งถือเป็นการแข่งขันฟันดาบระดับนานาชาติ ที่สมาคมกีฬาฟันดาบแห่งประเทศไทยฯ ให้การรับรองผลการแข่งขันอย่างเป็นทางการ

สำหรับประเภทการแข่งขัน แบ่งออกเป็นประเภทบุคคลและทีมทั่วไป และประเภทอาวุโส 40 ปี ขึ้นไป ทั้งเอเป้ ฟอยล์ เซเบอร์ และประเภทพิเศษ EPEE-1-POINT CHALLENGE ไม่จำกัดเพศและอายุ โดยรางวัลการแข่งขัน สำหรับ       

1) ประเภทบุคคลทั่วไป อันดับที่ 1–3 จะได้รับเหรียญรางวัลและประกาศนียบัตร อันดับที่ 5–8 ได้รับประกาศนียบัตร 
2) ประเภททีมทั่วไป อันดับที่ 1–3 เหรียญรางวัลและประกาศนียบัตร 
3) คะแนนรวมสูงสุด ได้ครองถ้วยรางวัลเกียรติยศ เป็นเวลา 1 ปี พร้อมประกาศเกียรติคุณ แบ่งเป็น 
3.1) ชนะเลิศคะแนนรวม ประเภทชาย สูงสุดได้ครองถ้วยรางวัลเกียรติยศของผู้บัญชาการทหารเรือ 
3.2) ชนะเลิศคะแนนรวม ประเภทหญิง สูงสุดได้ครองถ้วยรางวัลเกียรติยศของรองผู้บัญชาการทหารเรือ 
3.3) รางวัลผู้ชนะแข่งขัน EPEE–1-POINT CHALLENGE จะได้รับเงินรางวัล 10,000 บาท 

สนใจเข้าร่วมและชมการแข่งขันฟันดาบในช่วงวันดังกล่าว สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ นาวาโท ภาคภูมิ ไพโรจนานันท์หมายเลขโทรศัพท์ 092-256-9008 Email: [email protected] หรือ Facebook: navyfencing หรือเว็บไซต์ http://www.navy.mi.th/fencing

รพ.สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ จัดกิจกรรมวันเบาหวานโลก ให้กำลังพลกองทัพเรือ รู้เท่าทันโรคเบาหวาน

เมื่อวันที่ 24 พ.ย.66 พลเรือตรี วีระชัย หลีค้า รองผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน ผู้แทนผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน เป็นประธานในการจัดกิจกรรมวันเบาหวานโลก ( World Diabetes Day) พร้อมด้วย ดร.ศิวัสสา จันโท ประธานชมรมภริยานาวิกโยธิน พร้อมคณะกรรมการแม่บ้านฯ ข้าราชการ ลูกจ้าง กำลังพลและครอบครัว สังกัดหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน กองทัพเรือ ร่วมกิจกรรมฯ 

โดย พล.ร.ต.ดนัย ปานแดง ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ พร้อมคณะผู้บังคับบัญชา และคลินิกเบาหวาน กลุ่มงานอายุรเวชกรรมฯ ร่วมกับคณะกรรมการทีมผู้ดูแลผู้ป่วยเบาหวาน คณะกรรมการ Good home Good health รพ.สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ จัดทำกิจกรรมวันเบาหวานโลก ชื่อกิจกรรม “รู้ว่าเสี่ยง เราเลี่ยงได้ Know your risk Know your response” ให้แก่ ข้าราชการ และครอบครัว ของกองทัพเรือ เพื่อให้เกิดความตระหนักถึงความสำคัญของโรคเบาหวานในระยะแรกของโรคได้ทันท่วงที ลดภาวะแทรกซ้อนเรื้อรังที่จะตามมา ให้ความรู้ในการดูแลรักษาตนเอง รวมไปถึงความดันโลหิต น้ำหนักตัว โรคอ้วน และโรคหัวใจ ณ หอประชุม ศูนย์การฝึกนาวิกโยธิน หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน กองทัพเรือ ค่ายกรมหลวงชุมพร อ.สัตหีบ จว.ชลบุรี 

30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2476 พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้เปลี่ยนชื่อ ‘กรมทหารเรือ’ เป็น ‘กองทัพเรือ’

วันนี้ เมื่อ 90 ปีก่อน พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เปลี่ยนชื่อ ‘กรมทหารเรือ’ เป็น ‘กองทัพเรือ’ ขึ้นตรงต่อกระทรวงกลาโหม 

กองทัพเรือมีกำเนิดควบคู่มากับการสร้างอาณาจักรไทยนับตั้งแต่กรุงสุโขทัยเป็นราชธานี กองทัพไทยในสมัยเดิมนั้นมีเพียงทหารเหล่าเดียวมิได้แบ่งแยกออกเป็นกองทัพบก กองทัพเรือ และกองทัพอากาศ อย่างเช่นในสมัยปัจจุบัน หากยาตราทัพไปทางบกก็เรียกว่า ทัพบก หากยาตราทัพไปทางเรือก็เรียกว่า ทัพเรือ การจัดระเบียบการปกครองบังคับบัญชากองทัพไทยในยามปกติยังไม่มีแบบแผนที่แน่นอน ในยามศึกสงครามได้ใช้ทหารทัพบกและทัพเรือรวม ๆ กันไป ในการ ยาตราทัพเพื่อทำศึกสงครามภายในอาณาจักรหรือนอกอาณาจักร ก็มีความจำเป็นต้องใช้เรือเป็นพาหนะในการลำเลียงทหารและเครื่องศัสตราวุธ 

เรือนอกจากจะสามารถลำเลียงเสบียงอาหารได้คราวละมาก ๆ แล้ว ยังสามารถลำเลียงอาวุธหนัก เช่น ปืนใหญ่ ไปได้สะดวกและรวดเร็วกว่าทางบกด้วย จึงนิยมยกทัพไปทางเรือจนสุดทางน้ำแล้วจึงยกทัพต่อไปทางบก กิจการทหารเรือดำเนินไปเช่นนี้จนถึงสมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์

พ.ศ. 2394 ในสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว กิจการทหารเรือเริ่มแบ่งออกมาชัดเจน และแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ ทหารเรือวังหน้า ขึ้นตรงกับพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว กับทหารเรือวังหลวง หรือทหารมะรีนสำหรับเรือรบ ขึ้นตรงกับสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ (ช่วง บุนนาค) สมุหพระกลาโหม โดยทหารเรือวังหน้ามีหน่วยขึ้นในสังกัด คือ กรมเรือกลไฟ กรมอาสาจาม และกองทะเล (บางทีเรียกว่ากองกะลาสี) ส่วนกรมอรสุมพลมีหน่วยขึ้นในสังกัด คือ กรมเรือกลไฟ กรมอาสามอญ และกรมอาสาจาม ซึ่งทหารทั้งสองหน่วยนี้เป็นอิสระจากกัน

พ.ศ. 2408 ในสมัยต้นรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว การปกครองประเทศยังเป็นระบบจตุสดมภ์อยู่โดยมีกรมพระกลาโหมว่าการฝ่ายทหาร ในขณะนั้นกิจการฝ่ายทหารเรือแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ ทหารเรือวังหน้า หรือทหารเรือฝ่ายพระราชวังบวร ขึ้นตรงกับกรมพระราชวังบวรสถานมงคล (กรมพระราชวังบวรวิชัยชาญ) และทหารเรือวังหลวง หรือกรมอรสุมพล ขึ้นตรงกับสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ และต่อมาในปี พ.ศ. 2412 ขึ้นตรงกับเจ้าพระยาสุรวงศ์ไวยวัฒน์ สมุหพระกลาโหม

พ.ศ. 2435 ได้มีการจัดระเบียบการปกครองแผ่นดินใหม่ และยกเลิกการปกครองแบบจตุสดมภ์ กำหนดให้มีกระทรวงในราชการ โดยกระทรวงมหาดไทย มีหน้าที่ปกครองบรรดาหัวเมืองต่างๆ ทั่วพระราชอาณาจักร เป็นผลให้กระทรวงกลาโหม ไม่ต้องยุ่งเกี่ยวกับการปกครองทางหัวเมือง คงมีหน้าที่เกี่ยวกับราชการทหารอย่างเดียว จึงได้โอนกรมทหารเรือมาขึ้นกับกระทรวงกลาโหม

11 ธันวาคม พ.ศ. 2453 พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เลื่อนฐานะกรมทหารเรือเป็นกระทรวงทหารเรือ และในวันเดียวกันนั้นก็ได้ประกาศแต่งตั้งจอมพลเรือสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธุ์ กรมพระนครสวรรค์วรพินิต เป็นเสนาบดีกระทรวงทหารเรือ

8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2474 พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้รวมกระทรวงทหารเรือกับกระทรวงทหารบกเป็นกระทรวงเดียวกัน ภายใต้นามกระทรวงกลาโหม เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำทั่วโลก เป็นผลทำให้ประเทศไทยได้รับผลกระทบกระเทือนดังกล่าวนี้ด้วย ทำให้ฐานะทางการเงินและเศรษฐกิจของประเทศอยู่ในภาวะตกต่ำ จำเป็นต้องพิจารณาตัดทอนรายจ่ายของประเทศให้น้อยลงให้สมดุลกับรายได้ เป็นผลทำให้มีการปรับปรุงการจัดระเบียบราชการใหม่ด้วย 

พ.ศ. 2475 มีการเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองประเทศ กองทัพเรือถูกลดฐานะเป็นเพียงกรมทหารเรือเช่นเดิม กรมต่างๆ ของทหารเรือลดฐานะมาเป็นกองทั้งหมด เว้นแต่กรมเสนาธิการทหารเรือเท่านั้น นอกจากนั้นส่วนราชการของทหารเรือบางส่วนซึ่งได้เอาไปรวมกับฝ่ายทหารบกก็กลับมาสังกัดอยู่ในกรมทหารเรือตามเดิม

30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2476 พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เปลี่ยนชื่อกรมทหารเรือเป็นกองทัพเรือ ให้เป็นการสอดคล้องกับการเรียกชื่อส่วนรวมของทหารบกว่ากองทัพบก และขึ้นตรงต่อกระทรวงกลาโหม

‘ผู้บัญชาการทหารเรือ’ ชื่นชม!! '2 ทหารกล้า' กำลังพล ‘ทร.’ คืนชีพนักท่องเที่ยวที่กระบี่ด้วย CPR

เมื่อวันที่ 30 พ.ย.66 พลเรือเอก อะดุง พันธุ์เอี่ยม ผู้บัญชาการทหารเรือ เป็นประธานในพิธีมอบประกาศเกียรติคุณชมเชย กำลังพลกองทัพเรือที่ประกอบคุณงามความดี เป็นประโยชน์แก่ประชาชนและสร้างชื่อเสียงแก่กองทัพเรือ จำนวน 7 นาย ณ ห้องสุพรรณหงส์ อาคารส่วนบัญชาการกองทัพเรือ พื้นที่วังนันทอุทยาน เขตบางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร   

สำหรับกำลังพลทั้ง 7 นายที่เข้ารับมอบประกาศเกียรติคุณยกย่องชมเชย จากผู้บัญชาการทหารเรือ เป็นกำลังพลจากหน่วยต่างๆ ของกองทัพเรือ ที่ได้ให้ความช่วยเหลือประชาชนอันแสดงถึงความกล้าหาญและความเสียสละในการเข้าช่วยเหลือผู้ประสบเหตุในทันทีซึ่งถือเป็นแบบอย่างที่ดีของสังคมและได้สร้างภาพลักษณ์ที่ดีของกองทัพเรือให้ปรากฏต่อสาธารณชน 

ทั้งนี้ 2 พลทหารแห่งกองทัพเรือ ที่ได้ให้ความช่วยเหลือประชาชนอันแสดงถึงความกล้าหาญและความเสียสละในการเข้าช่วยเหลือผู้ประสบเหตุในทันที ได้แก่...

เรือตรี สุทิน นอบไทย และ พันจ่าเอก สุวิทย์ อ่อนอินทร์ กำลังพลจากหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน

โดยได้ให้การช่วยเหลือนักท่องเที่ยวซึ่งเกิดอาการช็อก และล้มลงจนศีรษะฟาดพื้นหมดสติ บริเวณหาดนพรัตน์ธารา หมู่เกาะพีพีจังหวัดกระบี่ เมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน 2566 โดยได้ทำการปฐมพยาบาลโดยวิธีช่วยฟื้นคืนชีพขั้นพื้นฐาน CPR จนมีสติฟื้นกลับมาและให้การช่วยเหลือจนกระทั่งรถฉุกเฉินของโรงพยาบาลในพื้นที่มารับตัวเพื่อทำการรักษาได้อย่างปลอดภัย

โอกาสนี้ ผู้บัญชาการทหารเรือ ได้กล่าวชื่นชม เรือตรี สุทิน นอบไทย และ พันจ่าเอก สุวิทย์ อ่อนอินทร์  กำลังพลจากหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน ด้วยว่า การให้การช่วยเหลือประชาชนในเหตุการณ์ดังกล่าว แสดงออกซึ่งความกล้าหาญ ไม่ลังเลที่จะเสียสละ เข้าช่วยเหลือ 

ถือเป็นบุคคลตัวอย่างของสังคม เป็นกำลังพลที่ทำให้กองทัพเรือเป็นที่เชื่อมั่นของพี่น้องประชาชน ซึ่งเป็นไปตามนโยบายที่ได้มอบไว้ให้ในการให้การช่วยเหลือประชาชน และการกำหนดให้กำลังพลทุกนายมีความรู้ในการปฐมพยาบาลโดยวิธีช่วยฟื้นคืนชีพขั้นพื้นฐานหรือ CPR โดยสามารถให้การช่วยเหลือประชาชนได้ในทันทีที่ประสบเหตุ

‘ผู้บัญชาการทหารเรือ’ ยกย่อง-ชื่นชม 'เรือเอก สมใจ เอี่ยมสุข' กำลังพลกองทัพเรือ คืนชีพผู้ถูกคนร้ายยิงที่ชลบุรีด้วย CPR

เมื่อวันที่ 30 พ.ย.66 พลเรือเอก อะดุง พันธุ์เอี่ยม ผู้บัญชาการทหารเรือ เป็นประธานในพิธีมอบประกาศเกียรติคุณชมเชย กำลังพลกองทัพเรือที่ประกอบคุณงามความดี เป็นประโยชน์แก่ประชาชนและสร้างชื่อเสียงแก่กองทัพเรือ จำนวน 7 นาย ณ ห้องสุพรรณหงส์ อาคารส่วนบัญชาการกองทัพเรือ พื้นที่วังนันทอุทยาน เขตบางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร   

สำหรับกำลังพลทั้ง 7 นายที่เข้ารับมอบประกาศเกียรติคุณยกย่องชมเชย จากผู้บัญชาการทหารเรือ เป็นกำลังพลจากหน่วยต่างๆ ของกองทัพเรือ ที่ได้ให้ความช่วยเหลือประชาชนอันแสดงถึงความกล้าหาญและความเสียสละในการเข้าช่วยเหลือผู้ประสบเหตุในทันทีซึ่งถือเป็นแบบอย่างที่ดีของสังคมและได้สร้างภาพลักษณ์ที่ดีของกองทัพเรือให้ปรากฏต่อสาธารณชน 

ทั้งนี้ 1 พลทหารแห่งกองทัพเรือ ที่ได้ให้ความช่วยเหลือประชาชนอันแสดงถึงความกล้าหาญและความเสียสละในการเข้าช่วยเหลือผู้ประสบเหตุในทันที ได้แก่...

'เรือเอก สมใจ เอี่ยมสุข' ซึ่งได้ให้การช่วยเหลือผู้ป่วยซึ่งถูกคนร้ายใช้อาวุธปืนยิงจนได้รับบาดเจ็บสาหัสบริเวณหน้าทางเข้าหมู่บ้านบุญฤทธิ์โครงการ 2 ในพื้นที่อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี โดยได้ทำการปฐมพยาบาลด้วยการฟื้นคืนชีพขั้นพื้นฐาน CPR พร้อมทั้งประสานรถพยาบาลกู้ชีพฉุกเฉินเพื่อนำส่งเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ กรมแพทย์ทหารเรือ

โอกาสนี้ ผู้บัญชาการทหารเรือ ได้กล่าวชื่นชม เรือเอก สมใจ เอี่ยมสุข ด้วยว่า การให้การช่วยเหลือประชาชนในเหตุการณ์ดังกล่าว แสดงออกซึ่งความกล้าหาญ ไม่ลังเลที่จะเสียสละ เข้าช่วยเหลือ 

ถือเป็นบุคคลตัวอย่างของสังคม เป็นกำลังพลที่ทำให้กองทัพเรือเป็นที่เชื่อมั่นของพี่น้องประชาชน ซึ่งเป็นไปตามนโยบายที่ได้มอบไว้ให้ในการให้การช่วยเหลือประชาชน และการกำหนดให้กำลังพลทุกนายมีความรู้ในการปฐมพยาบาลโดยวิธีช่วยฟื้นคืนชีพขั้นพื้นฐานหรือ CPR โดยสามารถให้การช่วยเหลือประชาชนได้ในทันทีที่ประสบเหตุ

‘ผบ.ทร.’ ชื่นชม!! พร้อมมอบประกาศเกียรติคุณแก่ '3 ทหารกล้า' หลังช่วยชีวิต นทท.เยี่ยมชมเรือหลวงจักรีนฤเบศร ขึ้นจากน้ำอย่างปลอดภัย

เมื่อวันที่ 30 พ.ย.66 พลเรือเอก อะดุง พันธุ์เอี่ยม ผู้บัญชาการทหารเรือ เป็นประธานในพิธีมอบประกาศเกียรติคุณชมเชย กำลังพลกองทัพเรือที่ประกอบคุณงามความดี เป็นประโยชน์แก่ประชาชนและสร้างชื่อเสียงแก่กองทัพเรือ จำนวน 7 นาย ณ ห้องสุพรรณหงส์ อาคารส่วนบัญชาการกองทัพเรือ พื้นที่วังนันทอุทยาน เขตบางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร   

สำหรับกำลังพลทั้ง 7 นายที่เข้ารับมอบประกาศเกียรติคุณยกย่องชมเชย จากผู้บัญชาการทหารเรือ เป็นกำลังพลจากหน่วยต่างๆ ของกองทัพเรือ ที่ได้ให้ความช่วยเหลือประชาชนอันแสดงถึงความกล้าหาญและความเสียสละในการเข้าช่วยเหลือผู้ประสบเหตุในทันทีซึ่งถือเป็นแบบอย่างที่ดีของสังคมและได้สร้างภาพลักษณ์ที่ดีของกองทัพเรือให้ปรากฏต่อสาธารณชน 

ทั้งนี้ 3 พลทหารแห่งกองทัพเรือ ที่ได้ให้ความช่วยเหลือประชาชนอันแสดงถึงความกล้าหาญและความเสียสละในการเข้าช่วยเหลือผู้ประสบเหตุในทันที ได้แก่...

'พันจ่าเอก ดาวลอย นาธงไชย',‘จ่าตรี เฉลิมชัย เหมหา’ และ 'พลทหาร กูฮัทซัน สมัย' ให้การช่วยเหลือนักท่องเที่ยวที่มาเยี่ยมชมเรือหลวงจักรีนฤเบศรและได้กระโดดน้ำบริเวณช่องทางเดินกราบซ้ายของเรือโดยกำลังพลทั้ง 3 นายที่เห็นเหตุการณ์ ได้กระโดดน้ำเพื่อให้การช่วยเหลือ และนำตัวขึ้นฝั่งเพื่อนำผู้ประสบเหตุส่งเข้ารับการรักษาตัวยังโรงพยาบาลสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ กรมแพทย์ทหารเรือได้อย่างปลอดภัย

โอกาสนี้ ผู้บัญชาการทหารเรือ ได้กล่าวชื่นชม 'พันจ่าเอก ดาวลอย นาธงไชย',‘จ่าตรี เฉลิมชัย เหมหา’ และ 'พลทหาร กูฮัทซัน สมัย' ด้วยว่า การให้การช่วยเหลือประชาชนในเหตุการณ์ดังกล่าว แสดงออกซึ่งความกล้าหาญ ไม่ลังเลที่จะเสียสละ เข้าช่วยเหลือ 

ถือเป็นบุคคลตัวอย่างของสังคม เป็นกำลังพลที่ทำให้กองทัพเรือเป็นที่เชื่อมั่นของพี่น้องประชาชน ซึ่งเป็นไปตามนโยบายที่ได้มอบไว้ให้ในการให้การช่วยเหลือประชาชน และการกำหนดให้กำลังพลทุกนายมีความรู้ในการปฐมพยาบาลโดยวิธีช่วยฟื้นคืนชีพขั้นพื้นฐานหรือ CPR โดยสามารถให้การช่วยเหลือประชาชนได้ในทันทีที่ประสบเหตุ

‘บิ๊กดุง’ ชื่นชม!! 'พันจ่าเอก ทรัพย์อำนวย ศรีชม' กำลังพล ‘ทร.’ หลังคืนชีพชาวพม่าหมดสติที่สัตหีบด้วย CPR

เมื่อวันที่ 30 พ.ย.66 พลเรือเอก อะดุง พันธุ์เอี่ยม ผู้บัญชาการทหารเรือ เป็นประธานในพิธีมอบประกาศเกียรติคุณชมเชย กำลังพลกองทัพเรือที่ประกอบคุณงามความดี เป็นประโยชน์แก่ประชาชนและสร้างชื่อเสียงแก่กองทัพเรือ จำนวน 7 นาย ณ ห้องสุพรรณหงส์ อาคารส่วนบัญชาการกองทัพเรือ พื้นที่วังนันทอุทยาน เขตบางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร   

สำหรับกำลังพลทั้ง 7 นายที่เข้ารับมอบประกาศเกียรติคุณยกย่องชมเชย จากผู้บัญชาการทหารเรือ เป็นกำลังพลจากหน่วยต่างๆ ของกองทัพเรือ ที่ได้ให้ความช่วยเหลือประชาชนอันแสดงถึงความกล้าหาญและความเสียสละในการเข้าช่วยเหลือผู้ประสบเหตุในทันทีซึ่งถือเป็นแบบอย่างที่ดีของสังคมและได้สร้างภาพลักษณ์ที่ดีของกองทัพเรือให้ปรากฏต่อสาธารณชน 

ทั้งนี้ 1 พลทหารแห่งกองทัพเรือ ที่ได้ให้ความช่วยเหลือประชาชนอันแสดงถึงความกล้าหาญและความเสียสละในการเข้าช่วยเหลือผู้ประสบเหตุในทันที ได้แก่...

'พันจ่าเอก ทรัพย์อำนวย ศรีชม' ซึ่งได้ให้การช่วยเหลือชายชาวพม่านอนหมดสติและไม่หายใจบริเวณถนนหน้าธนาคารกรุงไทย สาขาสัตหีบ โดยได้เข้าทำการตรวจสอบและช่วยเหลือด้วยการช่วยฟื้นคืนชีพขั้นพื้นฐาน CPR จนทำให้ผู้ป่วยกลับมาหายใจได้ด้วยตนเองและนำส่งตัวเข้ารับการรักษาได้อย่างปลอดภัย

โอกาสนี้ ผู้บัญชาการทหารเรือ ได้กล่าวชื่นชม พันจ่าเอก สุวิทย์ อ่อนอินทร์ กำลังพลจากหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน ด้วยว่า การให้การช่วยเหลือประชาชนในเหตุการณ์ดังกล่าว แสดงออกซึ่งความกล้าหาญ ไม่ลังเลที่จะเสียสละ เข้าช่วยเหลือ 

ถือเป็นบุคคลตัวอย่างของสังคม เป็นกำลังพลที่ทำให้กองทัพเรือเป็นที่เชื่อมั่นของพี่น้องประชาชน ซึ่งเป็นไปตามนโยบายที่ได้มอบไว้ให้ในการให้การช่วยเหลือประชาชน และการกำหนดให้กำลังพลทุกนายมีความรู้ในการปฐมพยาบาลโดยวิธีช่วยฟื้นคืนชีพขั้นพื้นฐานหรือ CPR โดยสามารถให้การช่วยเหลือประชาชนได้ในทันทีที่ประสบเหตุ

กองทัพเรือ และ สมาคมกีฬาแข่งเรือใบแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ จัดกิจกรรมเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เนื่องในวันกีฬาแห่งชาติ

เมื่อวานนี้  (16 ธันวาคม 2566)  กองทัพเรือ และสมาคมกีฬาแข่งเรือใบแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ ได้ร่วมกันจัดกิจกรรมเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เนื่องในวันกีฬาแห่งชาติ ประจำปี 2566  ณ อนุสรณ์สถานราชนาวิกโยธิน (หาดเตยงาม) โดยมี พลเรือเอก อะดุง พันธุ์เอี่ยม ผู้บัญชาการทหารเรือ เป็นประธานการจัดกิจกรรม โดยมี พลเรือเอก สมประสงค์ นิลสมัย นายกสมาคมกีฬาแข่งเรือใบแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์   นาย อำนาจ เจริญศรี รองผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรีผู้แทนผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี
พันตำรวจตรี จีรวัฒน์ สุคนธทรัพย์ ผู้อำนวยการส่วนปกครองสำนักปลัดเมืองพัทยาผู้แทนนายกเมืองพัทยา  ตลอดจนนายทหารชั้นผู้ใหญ่ของกองทัพเรือ คณะผู้บริหารของสมาคมกีฬาแข่งเรือใบแห่งประเทศไทย  ในพระบรมราชูปถัมภ์  ร่วมด้วย นักแล่นใบเยาวชนที่เข้าร่วมการแข่งขันเรือใบ Optimist รางวัลรายการวันกีฬาแห่งชาติ 2566 เข้าร่วมกิจกรรม   โดยในกิจกรรมเริ่มด้วย พิธีวางพานพุ่มดอกไม้ การกล่าวคําถวายน้อมรําลึกฯ พิธีจุดเทียนน้อมรําลึกในพระมหากรุณาธิคุณฯ และร่วมร้องเพลง สรรเสริญพระบารมี และเพลงเวคาแห่งสยาม อันเป็นเพลงที่กองทัพเรือแต่งขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติและระลึก ถึงเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ที่ทรงเรือใบนาม "เวคา" "VEGA" ข้ามอ่าวไทย โดยนาวาตรี ตระกูล บุญสร้าง  เป็นผู้ประพันธ์ คําร้องและทํานอง

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 19 เมษายน 2509 พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ได้ทรงแล่นใบ ประเภทโอเค  ชื่อเรือ “เวคา” ด้วยพระองค์เองพระองค์เดียว จากพระราชวังไกลกังวล อําเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ออกเดินทาง ข้ามอ่าวไทยมายังอ่าว นาวิกโยธิน รวมระยะทาง 60 ไมล์ทะเล ใช้เวลาในการแล่นใบ 17 ชั่วโมงเต็ม เมื่อเสด็จถึงทรง ฉลองพระองค์ชุดสนามทหารนาวิกโยธินเป็นครั้งแรก ทรงนําธงราชนาวิกโยธิน ที่ทรงนําข้ามอ่าวไทยมาด้วย ปักเหนือ ของก้อนหินใหญ่ที่ชายหาดของอ่าวนาวิกโยธิน และหลังจากทรงปักธงราชนาวิกโยธินแล้ว ได้ทรงลงพระปรมาภิไธย บนแผ่นศิลาจารึก หลังจากนั้นเสด็จประทับเรือพระที่นั่งจันทร ข้ามอ่าวไทยกลับพระราชวังไกลกังวล ต่อมาในปี เดียวกัน ได้พระราชทานหางเสือเรือพระที่นั่งเวคา ที่ทรงแล่นใบข้ามอ่าวไทย เพื่อเป็นรางวัลนิรันดร แก่ผู้ชนะเลิศใน การแข่งขันเรือใบข้ามอ่าวไทยประจําปี ของสมาคมแข่งเรือใบแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ จนถึงปัจจุบัน

ต่อมาเมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2510 พระบาทสมเด็จพระชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงเป็นตัวแทนของนักกีฬาทีมชาติไทย เข้าร่วมแข่งขันกีฬาแหลมทอง ครั้งที่ 4 ทรงชนะเลิศ การแข่งขันกีฬาเรือใบประเภทโอเค ในรายการแข่งขันระดับนานาชาติ และทรงได้รับการทูลเกล้าฯ ถวายเหรียญทอง ยังความปลาบปลื้มใจแก่ชาวไทยทั่วกัน ถือเป็นวันประวัติศาสตร์ของชาติด้านการกีฬา ของประเทศไทย ต่อมาคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบกำหนดให้วันที่ 16 ธันวาคม ของทุกปี เป็นวันกีฬาแห่งชาติ

สำหรับการจัดกิจกรรมในครั้งนี้จัดขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อน้อมรำลึกในพระอัจฉริยภาพ และพระมหากรุณาธิคุณของ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ที่ทรงเป็นนักกีฬาเรือใบ ทรงพระปรีชาสามารถ และประสบความสำเร็จในระดับสากล และเพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ที่ทรงสืบสานกีฬาเรือใบของไทยให้เป็นที่ยอมรับในระดับชาติ และระดับนานาชาติ ซึ่งกีฬาเรือใบเป็นกีฬาระดับสากล และทรงส่งเสริมสร้างแรงบันดาลใจแก่นักกีฬาเรือใบรุ่นใหม่ โดยเฉพาะเยาวชนให้ได้ฝึกฝนทักษะ และพัฒนาต่อยอดการเล่นเรือใบสู่ระดับสากลต่อไป

นิราช ทิพย์ศรี /นันทพล  ทิพย์ศรี  อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี 0909535645,0945565622/086-3684323

‘ปตท. - กองทัพเรือ’ ชูนวัตกรรมโซลาร์ลอยน้ำ ส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาด มุ่งสู่ความยั่งยืน 

เมื่อไม่นานมานี้ พลเรือเอก จิรพล ว่องวิทย์ ที่ปรึกษาพิเศษกองทัพเรือ และประธานกรรมการบริหารเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกของกองทัพเรือ และดร.บุรณิน รัตนสมบัติ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกลุ่มธุรกิจใหม่และโครงสร้างพื้นฐาน บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (ปตท.) เป็นประธานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงว่าด้วยความร่วมมือการพัฒนานวัตกรรมพลังงาน และระบบการบริหารจัดการน้ำ ระหว่าง กองทัพเรือ และ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เพื่อศึกษาและพัฒนานวัตกรรมพลังงานทดแทน การผลิตพลังงานไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์บนทุ่นลอยน้ำ ระบบกักเก็บพลังงาน รวมถึงระบบบริหารจัดการแหล่งน้ำและการใช้น้ำในพื้นที่ภาคตะวันออกของกองทัพเรือ ซึ่งนอกจากจะช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายด้านพลังงานไฟฟ้า ยังเป็นการส่งเสริมนวัตกรรมพลังงาน สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับทรัพยากร ตลอดจนสนับสนุนภารกิจของกองทัพเรือด้านการสร้างความมั่นคงของประเทศและการช่วยเหลือดูแลประชาชนอีกด้วย

“สดุดีวีรชนทหารเรือไทย ในยุทธนาวีที่เกาะช้าง” กองทัพเรือ โดย ทัพเรือภาคที่ 1 ร่วมกับ จังหวัดตราด จัดพิธีเนื่องใน “วันวีรกรรมทหารเรือไทยในยุทธนาวีที่เกาะช้าง” ประจำปี 2567

กองทัพเรือโดย ทัพเรือภาคที่ 1 ร่วมกับ จังหวัดตราด จัดพิธีเนื่องใน “วันวีรกรรมทหารเรือไทยในยุทธนาวีที่เกาะช้าง” ครั้งที่ 36 ประจำปี 2567 ณ บริเวณอนุสรณ์สถานยุทธนาวีที่เกาะช้าง อ.แหลมงอบ จว.ตราด และ บริเวณเกาะลิ่ม จว.ตราด โดยมี พลเรือเอก ชาติชาย  ทองสะอาด ผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ ผู้แทนผู้บัญชาการทหารเรือ เป็นประธานในพิธีฯ 

ในการนี้ ทัพเรือภาคที่1 ได้จัดตั้งหมู่เรือเฉพาะกิจงานวันวีรกรรมทหารเรือไทยในยุทธนาวีที่เกาะช้าง ประกอบด้วย เรือหลวงนเรศวร เรือหลวงศรีราชา เรือ ต.83 และ เรือ ต.269 สนับสนุนการจัดพิธีสดุดีวีรชนกองทัพเรือ เพื่อกระทำพิธีลอยพวงมาลา ณ บริเวณสถานที่เกิดเหตุการณ์ เกาะลิ่ม จว.ตราด โดย พลเรือโท สุระศักดิ์  สิงขรวัฒน์ ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่1 มอบหมายให้ พลเรือตรี กรัณย์  กลิ่นบัวแก้ว รองผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 1 เข้าร่วมในพิธีฯ 

สำหรับการจัดพิธีลอยพวงมาลา เนื่องในวีรกรรมทหารเรือไทยในยุทธนาวีที่เกาะช้างในครั้งนี้ มีกิจกรรมประกอบด้วย การอ่านคำสดุดีวีรชนทหารเรือไทยในยุทธนาวีที่เกาะช้าง การสงบนิ่งรำลึกถึงดวงวิญญาณของผู้กล้าหาญที่เสียชีวิต และพิธีลอยพวงมาลา ณ บริเวณเกาะลิ่ม จว.ตราด ซึ่งเป็นจุดที่เรือหลวงสงขลา และเรือหลวงชลบุรี จมลงจากการยุทธนาวีในกรณีพิพาทสงครามอินโดจีน ซึ่งเหตุการณ์ในครั้งนั้น ถือเป็นการรบทางยุทธนาวีครั้งสำคัญ และครั้งเดียวของกองทัพเรือ ยังความภาคภูมิใจของกองทัพเรือและประชาชนตราดเสมอมา

สืบเนื่องจากการที่ กองทัพเรือ และ จังหวัดตราด ได้ร่วมกันสร้างอนุสรณ์สถาน เพื่อระลึกถึงความกล้าหาญของทหารเรือไทยที่ได้สู้รบกับกองเรือฝรั่งเศสที่มารุกราน ซึ่งแม้กองทัพเรือไทยจะมีกำลังน้อยกว่า แต่ก็สามารถต่อสู้ได้อย่างสมเกียรติ จนทำให้กองเรือฝรั่งเศสได้รับความเสียหายจนต้องล่าถอยกลับไป การสู้รบในครั้งนั้น ฝ่ายไทยสูญเสียเรือรบ และทหารเรือไทยต้องพลีชีพ จำนวน 36 นาย ทั้งนี้ เพื่อเป็นการรำลึกถึงวีรกรรมของเหล่าทหารกล้าในครั้งนั้น กองทัพเรือจึงได้ร่วมกับส่วนราชการจังหวัดตราด จัดพิธีดังกล่าวขึ้น ในวันที่ 17 มกราคม ของทุกปี ซึ่งเป็นวันที่ตรงกับวันเกิดการสู้รบในยุทธนาวีที่เกาะช้าง คือ วันที่ 17 มกราคม 2484 เพื่อระลึกถึงวีรกรรมอันกล้าหาญของทหารเรือไทย ที่ได้สละชีวิตในการปกป้องประเทศชาติและอธิปไตยของไทยให้คงอยู่สืบไป
นิราช/นันทพล ทิพย์ศรี 0909535645

#ทัพเรือภาคที่1
#วันวีรกรรมทหารเรือไทยในยุทธนาวีที่เกาะช้าง2567
#เทิดทูนสถาบัน_ยึดมั่นระเบียบวินัย_ประชาชนภูมิใจ_ทะเลไทยมั่นคง
#Fit_for_the_Future


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top