“ทร.” จัดงานวันสดุดีวีรชนกองทัพเรือ”ประจำปี 2565  สองวีรชน ในวีรกรรมสำคัญร่วมงาน

 พล.ร.อ. สมประสงค์  นิลสมัย ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.)  เป็นประธานในการจัดงาน เนื่องในวันสดุดีวีรชนกองทัพเรือ ประจำปี 2565 ณ อนุสรณ์เรือหลวงธนบุรี โรงเรียนนายเรือ อำเภอเมืองสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรปราการ 

ทั้งนี้ จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส (COVID - 19) ทำให้ในปีนี้ กองทัพเรือ ได้ปรับรูปแบบการจัดงานให้มีความเหมาะสมในรูปแบบ NEW NORMAL โดยลดขั้นตอน และผู้ร่วมงานลง แต่ยังคงไว้ซึ่งพิธีการสำคัญ ประกอบด้วย การวางพวงมาลา และอ่านคำสดุดีวีรชนกองทัพเรือ การจัดพิธีสงฆ์ เพื่อระลึกถึงความกล้าหาญของวีรชนทหารเรือ ที่เสียสละชีวิต เพื่อปกป้องเอกราชและอธิปไตยของชาติและยังคงอยู่ในจิตใจของทหารเรือทุกนายตราบจนปัจจุบัน 

พิธีสดุดีวีรชนและบำเพ็ญกุศลแด่วีรชนของกองทัพเรือ เป็นพิธีสำคัญที่กองทัพเรือจัดขึ้นเป็นประจำ ในวันที่ 17 มกราคม ของทุกปี เพื่อให้ทหารเรือทุกคนได้แสดงความเคารพ และระลึกถึงวีรกรรมของบรรพบุรุษทหารเรือที่ได้ทำการรบอย่างกล้าหาญ และยอมพลีชีพ เพื่อปกป้องอธิปไตยของชาติจากศัตรูที่รุกรานแผ่นดินของเราประวัติศาสตร์ได้จารึกความกล้าหาญของทหารเรือไทยในยุทธนาวีที่เกาะช้าง ระหว่าง ไทย กับ ฝรั่งเศส เมื่อวันที่ 17 มกราคม 2484 โดยฝรั่งเศสได้ส่งกำลังทางเรือประกอบด้วยเรือลาดตระเวนลามอตต์ปิเกต์ เป็นเรือธง เรือสลุป 2 ลำ และเรือปืน 4 ลำ เรือสินค้าขนาดใหญ่ติดอาวุธ 1 ลำ เรือดำน้ำ 1 ลำ เข้ารุกล้ำน่านน้ำไทยบริเวณเกาะช้าง จังหวัดตราด เพื่อจะเข้าระดมยิงหัวเมืองชายทะเลทางภาคตะวันออกของประเทศ

กำลังทางเรือของไทยที่รักษาการณ์อยู่ในบริเวณนั้นประกอบด้วย เรือหลวงธนบุรี เรือหลวงชลบุรี และ เรือหลวงสงขลา ภายใต้การบังคับบัญชาของ นาวาโทหลวงพร้อมวีรพันธ์ ผู้บังคับการเรือหลวงธนบุรี แม้ว่าจะเสียเปรียบด้านกำลังรบอย่างมากวีรชนทหารเรือไทยได้ต่อสู้อย่างสุดกำลังความสามารถ จนต้องสูญเสียเรือรบทั้ง 3 ลำไป พร้อมชีวิตนายทหารและลูกเรือ รวมทั้งสิ้น 36 นาย รวมถึง นาวาโทหลวงพร้อมวีรพันธ์ แต่เป็นที่น่าภูมิใจว่าด้วยกำลังทางเรือของเรา สามารถทำให้ข้าศึกได้รับความเสียหายจนต้องล่าถอยไปในที่สุด

สำหรับการรบครั้งสำคัญที่ทหารเรือได้พลีชีพเพื่อชาติและราชนาวี เมื่อครั้งสงครามโลก ครั้งที่ 2 กองทัพเรือได้รับมอบภารกิจจัดเรือไปบรรทุกน้ำมัน ซึ่งเป็นยุทธปัจจัยสำคัญจากสิงคโปร์มายังประเทศไทย ซึ่งในครั้งนั้น เรือหลวงสมุย ได้ปฏิบัติภารกิจลำเลียงน้ำมันเชื้อเพลิง แม้ทราบว่าเส้นทางลำเลียงอยู่ในเขตปฏิบัติการของเรือดำน้ำฝ่ายสัมพันธมิตรก็ตาม ในการเดินทางเที่ยวสุดท้าย เมื่อวันที่ 17 มีนาคม พุทธศักราช 2488 เรือหลวงสมุย ได้ถูกยิงด้วยตอร์ปิโดจากเรือดำน้ำฝ่ายสัมพันธมิตร จมลงที่บริเวณนอกชายฝั่งรัฐตรังกานู ทำให้กองทัพเรือต้องสูญเสียทหารผู้กล้าไปจำนวน 31 นาย รวมถึงสูญเสียกำลังพล ในการต่อสู้ป้องกันการโจมตีทางอากาศ จากฝ่ายสัมพันธมิตรในแต่ละพื้นที่ในคราวเดียวกันนี้อีก 7 นาย

นอกจากนี้ยังมียุทธการสำคัญที่ทำให้กองทัพเรือต้องสูญเสียทหารเรือผู้กล้าไปเป็นจำนวนมาก เช่น สงครามเกาหลี สงครามเวียดนาม การปราบปรามผู้ก่อการร้ายตามแผนยุทธการสามชัย จังหวัดเพชรบูรณ์ยุทธการผาภูมิ ณ บริเวณดอยผาจิ จังหวัดเชียงราย การเข้ายึดค่ายกรุงชิง จังหวัดนครศรีธรรมราช ยุทธการดอนน้อย จังหวัดหนองคาย การรบที่บ้านชำราก จังหวัดตราด เหตุการณ์เรือ ต.98 ปะทะกับเรือประมงติดอาวุธไม่ปรากฏสัญชาติที่จังหวัดระนอง รวมไปถึงการปฏิบัติภารกิจ เพื่อความสันติสุขในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ล้วนแต่เป็นการเสียสละ เพื่อปกป้องสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ แลกไว้ด้วยชีวิตทหารเรือเพื่อให้พี่น้องประชาชนได้มีชีวิตอยู่อย่างสันติ

สำหรับการจัดงานในวันนี้ มีสองวีรชนในวีรกรรมสำคัญของกองทัพเรือ เข้าร่วมพิธี คือ วีรชนที่มาร่วมพิธีนาวาโท บัญญัติ  ฆารกุล และ  นาวาเอก ประทีป อนุมณี  โดย นาวาโท บัญญัติ   ได้มีส่วนร่วมวีรกรรมของหน่วยปฏิบัติการตามลำน้ำโขง  เมื่อ วันที่ 17 พฤศจิกายน 2518  ซึ่งในขณะนั้นใช้ชื่อว่า หน่วยปฏิบัติการตามลำแม่น้ำโขง (นปข.)    จากสถานการณ์รุนแรงที่เกิดขึ้นที่ดอนน้อย กลางลำแม่น้ำโขง ชายแดนไทย – ลาว บ้านโพนลา ตำบลโพนลา อำเภอท่าบ่อ จังหวัดหนองคาย ชี่ง พันจ่าตรี ปรัศน์ พงษ์สุวรรณ พันจ่าเรือ ล.123 เสียชีวิต จ่าเอก บัญญัติ ฆารกล (ยศขณะนั้น) จ่าเรือ ล.123 ได้รับบาดเจ็บสาหัส จนสื่อมวลชนและประชาชนทั่วไปยกย่องว่าเป็นวีรกรรม ครั้งลำคัญที่สุดครั้งหนึ่งของชาติ และขนานนามว่า “วีรกรรมดอนน้อย”

ในส่วนของ  นาวาเอก ประทีป ได้ร่วมรบในวีรกรรมสำคัญของกองทัพเรือ  เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2543 เรือเอกประทีปฯ (ยศในขณะนั้น)  ได้ปฏิบัติภารกิจร่วมกับทหารพราน และเจ้าหน้าที่ตำรวจจากชุดปฏิบัติการพิเศษ ออกลาดตระเวนพื้นที่เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อย ปะทะกับกองกำลังกลุ่มก่อการร้าย "พูโลใหม่" ภายใต้การนำของ " สะรีตะโลมีญอ"  

โดย เรือเอกประทีป ถูกกระสุนของฝ่ายตรงข้ามในระยะประชิด แม้ว่าเหตุการณ์ในครั้งนั้นโจรก่อการร้ายกลุ่มนายสะรี ตาโละ มีญอ ถูกกระสุนเสียชีวิตจำนวน  6 ศพ  แต่ทำให้ เรือเอก ประทีป ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากกระสุนที่พุ่งเข้าศีรษะ และได้รับขนานนามว่า "ประดู่เหล็กแห่งดูซงญอ"