Saturday, 27 April 2024
World

‘แจ็ค หม่า’ ปรากฏตัวผ่านวิดิโอลิงก์ครั้งแรกหลังโดนข่าวลือหนัก พร้อมทิ้งปริศนา จะกลับมาอีกครั้งหลังโควิด-19 จบลง

ทันทีที่มีการนำเสนอคลิปวิดิโอของอภิมหาเศรษฐีเบอร์ 1 ของจีน แจ็ค หม่า ที่คนทั้งโลกกำลังตามหาว่าเขาหายไปไหน ก็กลายเป็นข่าวด่วนไปทั่วโลกว่า แจ็ค หม่า กลับมาแล้ว หลังจากที่เขาหายไปนานเกือบ 3 เดือน ตั้งแต่เกิดเรื่องระงับ IPO เข้าตลาดหลักทรัพย์ จนอาจนำไปสู่การตรวจสอบบริษัท Alibaba ทั้งเครือข่าย

ล่าสุด มีการนำเสนอคลิปวิดิโอสั้น ผ่านทางสำนักข่าว Tianmu News ที่เป็นสำนักข่าวท้องถิ่นของรัฐบาลมณฑลเจ้อเจียง ซึ่งเป็นมณฑลบ้านเกิดของ แจ็ค หม่า และที่ตั้งสำนักงานใหญ่ของ Alibaba ได้ออกมาแสดงความยินดีกับครูชนบทดีเด่น 100 คนที่ได้รับรางวัล Jack Ma Rural Teachers Award ในปีนี้ ซึ่งเป็นรางวัลที่ได้รับการสนับสนุนจากมูลนิธิ แจ็ค หม่า และจัดต่อเนื่องมาทุกปี จนถึงปี 2021 นี้เป็นปีที่ 6 แล้ว

อย่างที่ทราบกันดีว่า แจ็ค หม่า เคยเป็นครูสอนภาษาอังกฤษมาก่อนที่จะผันตัวเองเข้ามาอยู่ในธุรกิจ e-Commerce และกลายเป็นอาณาจักรธุรกิจ Alibaba ที่ยิ่งใหญ่ในปัจจุบัน แต่แจ็ค หม่า ยังคงรัก และสนับสนุนอาชีพครู เท่าที่เขาทำได้ และ รางวัล Jack Ma Rural Teachers Award ก็เป็นหนึ่งในโครงการของเขา ซึ่งจัดมอบรางวัลที่เมืองซานย่า ในเกาะไหหลำทางตอนใต้ของจีนตั้งแต่ปี 2015

ในคลิปวิดีโอ แจ็ค หม่า ได้กล่าวแสดงความยินดีกับครูผู้ได้รับรางวัล และบอกว่า เขาจะกลับมาพบทุกคนแน่นอนหลังจากที่โรคระบาด Covid-19 สิ้นสุดลง และยังมีภาพแจ็ค หม่า ไปเยี่ยมโรงเรียนประถมในเมืองหังโจว บ้านเกิดตั้งแต่ต้นเดือนมกราคม เพื่อบอกให้รู้ว่าเขาสบายดี ไม่ได้หายไปไหน

แต่ก็ยังมีข้อสงสัยว่า นี่อาจเป็นคลิปเก่าที่อัดไว้นานแล้ว ตัวแจ็ค หม่า จะยังอยู่ที่เมืองหังโจว อยู่หรือไม่ ก็ไม่มีใครยืนยันแน่ชัด และยังคงต้องรอจนกว่าแจ็ค หม่า จะพร้อมออกสื่อให้ได้เห็นตัวเป็น ๆ ซึ่งก็อาจจะต้องรอจนกว่า Covid-19 จะหมดอย่างที่เขาพูดไว้ก็เป็นได้


แหล่งข่าว

https://edition.cnn.com/.../jack-ma-appearance.../index.html

https://www.globaltimes.cn/page/202101/1213348.shtml

มาเลเซียประกาศล็อคดาวน์เมืองสำคัญไปกว่า 1 อาทิตย์ แต่ยอดผู้ติดเชื้อโคโรน่าไวรัสยังไม่มีทีท่าลดลง ล่าสุดยอดผู้ป่วยสะสมใกล้แตะหลัก 2 แสนรายแล้ว

หลังจากรัฐบาลมาเลเซียประกาศล็อคดาวน์ MCO 2.0 รวมทั้งประกาศใช้ภาวะฉุกเฉินมาแล้ว 1 สัปดาห์ แต่ยอดผู้ติดโควิด - 19 รายใหม่ยังไม่มีทีท่าจะลดลง

โดยวันนี้ยอดพุ่งไป 4,000 กว่า ทำให้ยอดผู้ป่วยสะสม ณ วันนี้เกือบ 170,000 รายแล้ว เสียชีวิตเพิ่ม 11 ราย รวมเสียชีวิตแล้วทั้งหมด 630 ราย

รัฐที่มียอดผู้ติดเชื้อสูงที่สุดในประเทศอยู่ที่รัฐสลังงอร์ คือ 1,391 ราย ส่วนใจกลางกรุงกัวลาลัมเปอร์ (KL) อยู่อันดับสอง 513 ราย

ทั้งนี้เมื่อสัปดาห์ก่อนทางกระทรวงสาธารณสุขได้ออกมาตรการ Home Quarantine 101 สำหรับผู้ที่ติดเชื้อโควิด – 19 ที่ไม่แสดงอาการหรือมีอาการน้อยให้พักรักษาตัวเองอยู่ที่บ้าน โดยจะมีบุคลากรทางการแพทย์คอยให้คำแนะนำในการปฏิบัติตนเอง และผู้ป่วยจะต้องรายงานอาการอาการผ่านทางแอปพลิเคชั่นที่ชื่อว่า MySejahtera เป็นประจำทุกวัน


Credit Info: KKM

ผิงกั่ว รายงานจากกัวลาลัมเปอร์

สิ้นชื่อ ‘Sergi Mingote’ นักปีนเขาชื่อดัง ประสบอุบัติเหตุในขณะปีนยอดเขาที่สูงเป็นอันดับสองของโลก จบชีวิตลงในวัยเพียง 49 ปี

คอลัมน์ ริมทางถนนคาราโครัมไฮเวย์

เกิดข่าวช็อคกับแวดวงนักปีนเขา เมื่อ Sergi Mingote ยอดนักปีนเขาที่มีชื่อเสียง พลาดประสบอุบัติเหตุขณะขึ้นปีนยอดเขาก็อดวิน ออสเท็น (Godwin Austen) หรือยอดเขาเคทู (K2) ซึ่งเป็นยอดเขาที่สูงเป็นอันดับสองของโลก ส่งผลให้เจ้าตัวเสียชีวิตลงอย่างกระทันหัน

Sergi Mingote ได้ชื่อว่าเป็นนักปีนเขาที่มีความเชี่ยวชาญในการปีนเขาโดยไม่ต้องใช้ออกซิเจน รวมทั้งเป็นหนึ่งในนักปีนเขาที่เป็นที่รู้จักในหมู่ผู้นิยมกิจกรรมชนิดนี้อย่างมาก โดยล่าสุด เจ้าตัวได้ขึ้นไปปีนยอดเขา K2 แต่เกิดประสบอุบัติเหตุโดนหินตกใส่ ภายหลังเกิดเหตุ มีเพื่อนนักปีนเขาพยายามช่วยเหลือ แต่สุดท้ายเจ้าตัวก็เสียชีวิตลง นำความโศกเศร้า และถือเป็นการสูญเสียบุคลากรในแวดวงการนักปีนเขาไปอย่างกระทันหัน

กล่าวถึง Godwin Austen หรือยอดเขา K2 ถือเป็นยอดเขาสูงที่อยู่ในเทือกเขาคาราโคราม (Karakoram) ซึ่งเป็นเทือกเขาสาขาของเทือกเขาหิมาลัย ตั้งอยู่บริเวณรอยต่อของประเทศปากีสถานและประเทศจีน สูงจากระดับน้ำทะเลกว่า 8,611 เมตร หรือ 28,251.3 ฟุต และได้รับการจัดอันดับว่าเป็นยอดเขาที่มีความสูงเป็นอันดับสองของโลก รองจากยอดเขาเอเวอเรสต์ ที่เป็นหนึ่งในเทือกเขาหิมาลัยด้วยเช่นกัน


กุลไลล่า

ไกด์สาวชาวไทย​ สะใภ้​ปากี​สถาน จากหัวหิน​พบรักหนุ่มปากีเชื้อสายวาคี อาศัยอยู่เมืองพาสสุ​ ดินแดนเหนือสุดของประเทศปากีสถาน ปัจจุบันเปิดร้านอาหารริมถนนคาราโครัมไฮเวย์​ ถนนที่ได้รับการขนานนามว่าสูงที่สุดในโลก​ หรือเส้นทางสายแพรไหมในอดีต​

คอยต้อนรับแขกที่ผ่านทางมา​ แวะกินอาหารไทย​และชิมชา​ เบเกอรี่ชื่อดัง​ ทางเหนือของปากีสถานได้​ พร้อมให้บริการท่องเที่ยวปากีสถาน​หลังโควิด​-19 ผ่านไป

โจ ไบเดน ฟิตเต็มร้อย เซ็นคำสั่งประธานาธิบดี ยกเลิกคำสั่งเก่าของอดีตประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แบบยกแผง ตั้งแต่วันแรกที่เข้าทำเนียบ รวมถึงการนำอเมริกากลับเข้าเป็นสมาชิกองค์การอนามัยโลก และข้อตกลงปารีสอีกครั้ง

สื่ออเมริกันรายงานว่า ประธานาธิบดีป้ายแดง โจ ไบเดน เตรียมใช้อำนาจเต็ม เซ็นคำสั่งประธานาธิบดีในนโยบายเร่งด่วนในการแก้ปัญหา COVID -19 ที่จะอุดช่องโหว่ร้ายแรงในสมัยของทรัมป์ นั่นก็คือ การบังคับสวมหน้ากากอนามัยทั่วประเทศ และยกเลิกคำสั่งประธานาธิบดีของทรัมป์หลายรายการ โดยได้มีการแบ่งออกเป็นหมวดหมู่ได้ดังนี้

ด้าน COVID -19

- โจ ไบเดน เตรียมออกแคมเปญ 100 Days Masking Challenge รณรงค์ให้ชาวอเมริกันสวมหน้ากากอนามัยทั่วประเทศให้ได้ 100 วัน และออกกฎบังคับให้ทุกคนต้องสวมหน้ากากอนามัย เว้นระยะห่างทุกครั้งเมื่อเข้ามาในบริเวณสถานที่ราชการของรัฐบาลกลางสหรัฐ

- ตั้งทีมประสานงานติดตามผลการระบาดของ COVID -19 และนั่นหมายความว่า โจ ไบเดน จะนำทีมเก่าจากหน่วยงานด้านปฏิบัติการป้องกันด้านชีวภาพ ประจำสภาความมั่นคงแห่งชาติ ที่ตั้งขึ้นในสมัยบารัค โอบามา แต่ถูกคำสั่งของทรัมป์ให้ย้ายไปรับผิดชอบงานด้านอื่นก่อนเกิดวิกฤติ COVID -19 กลับมานำทีมกู้วิกฤติโรคระบาดตามเดิม

- เซ็นคำสั่งให้สหรัฐกลับไปเป็นสมาชิกองค์การอนามัยโลก หลังจากที่ทรัมป์ได้เซ็นยกเลิกการบริจาคเงินให้องค์การอนามัยโลก และถอนสหรัฐออกจากการเป็นสมาชิกเมื่อปี 2020

ด้านเงินช่วยเหลือเยียวยา วิกฤติ COVID -19

- ออกคำสั่งขยายระยะเวลาในการบังคับย้ายบ้าน ยึดทรัพย์ และพักชำระหนี้อสังหาริมทรัพย์ของผู้ที่เดือดร้อนจากพิษวิกฤติ COVID -19 ไปจนถึงเดือนมีนาคม 2021

- ออกคำสั่งให้พักชำระหนี้กองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษาให้จนถึงเดือนกันยายน 2021

ด้านสิ่งแวดล้อม

- โจ ไบเดน จะเซ็นคำสั่งพาสหรัฐกลับสู่ข้อตกลงปารีส ว่าด้วยเรื่องความร่วมมือในการลดก๊าซคาร์บอนฯ ที่ทรัมป์ได้แหกกระแสโลก เซ็นถอนตัวออกมาในปี 2017 ด้วยเหตุผลว่าต้องการปกป้องอุตสาหกรรมเหมืองถ่านหินในประเทศ

- สั่งระงับโครงการท่อส่งก๊าซระหว่าง แคนาดา - สหรัฐ ที่ชื่อว่า Keystone XL Pipeline ที่มีประเด็นในเรื่องปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมและรุกล้ำแหล่งที่อยู่ตามธรรมชาติของสัตว์ป่า เป็นโครงการที่เริ่มต้นก่อสร้างตั้งแต่ปี 2010 แต่ก็ถูก บารัค โอบามา เซ็นระงับโครงการไปก่อนชั่วคราว เนื่องจากมีข้อท้วงติงด้านสิ่งแวดล้อม แต่โครงการนี้กลับมาเดินหน้าใหม่ในสมัยของทรัมป์ที่ต้องการสานต่อโครงการให้เสร็จ แต่เมื่อมาถึงยุคโจ ไบเดน ก็คงต้องพับแผนยาวอย่างน้อยอีก 1 สมัย เพราะเขาจะเซ็นคำสั่งระงับโครงการเพราะเหตุผลด้านสิ่งแวดล้อมแล้วในวันนี้

ด้านสิทธิมนุษยชน

- โจ ไบเดน จะเซ็นคำสั่งให้นับสำมะโนครัวประชากรสหรัฐฯ ใหม่ โดยจะต้องนับรวมประชากรที่ไม่มีเอกสารระบุตัวตน หรือกลุ่มที่เข้าเมืองแบบผิดกฏหมายด้วย ซึ่งทรัมป์เคยเซ็นคำสั่งให้ยกเลิกการนับรวมประชากรกลุ่มนี้เมื่อกลางปี 2020 ที่ผ่านมา ซึ่งจะมีผลต่องบประมาณช่วยเหลือของรัฐบาลกลางในการบรรเทาสาธารณภัยต่าง ๆ ที่คนกลุ่มนี้จะไม่ได้รับสิทธิ์เพราะตกสำรวจนั่นเอง

- นอกจากนี้ ไบเดน อาจพิจารณางบประมาณเพิ่มเติมในการสนับสนุนให้เกิดสิทธิ และความเสมอภาคภายในองค์กรทั้งภาครัฐ และเอกชน ที่จะครอบคลุมสิทธิ และป้องกันการเลือกปฏิบัติกับ ชนกลุ่มน้อย สตรี และกลุ่มเพศทางเลือก LGBTQ+

ด้านกฏหมายเข้าเมือง

- ชาว Dreamer หรือ กลุ่มเด็ก ๆ ที่ติดตามพ่อ-แม่ ที่ลักลอบเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมาย ได้เฮแล้ว หลังจากที่ทรัมป์ได้เพิกถอนสิทธิ์คุ้มครองกับเด็กกลุ่มนี้ และเตรียมผลักดันออกนอกประเทศ แต่โจ ไบเดน จะให้สภาคองเกรสพิจารณาที่จะให้สิทธิคุ้มครองใหม่ ซึ่งจะทำให้กลุ่ม Dreamer สามารถเปลี่ยนสถานะให้เป็นพลเมืองสหรัฐได้ในภายหลังอีกด้วย

- ยกเลิกคำสั่งแบนชาวมุสลิมเข้าเมืองสหรัฐ ซึ่งเป็นนโยบายจากผลพวง “Islamophobia” หรือโรคเกลียดกลัวชาวมุสลิมของโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ออกคำสั่งห้ามชาวมุสลิมจากหลายประเทศ อาทิ ซีเรีย อิหร่าน อิรัก ซูดาน ลิเบีย โซมาเลีย ฯลฯ เข้าประเทศ ตั้งแต่ปี 2017 แต่หลังจากนี้ การพิจารณาวีซ่าให้กับประเทศมุสลิมที่เคยต้องห้ามในสมัยทรัมป์ จะกลับมาใหม่อีกครั้ง

- เช่นเดียวกันกับคำสั่งของทรัมป์ ที่ให้เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองยกระดับการใช้กฏหมายอย่างเข้มข้นในการจับกลุ่มคนเข้าเมืองผิดกฎหมาย ซึ่งเป็นคำสั่งประธานาธิบดีแรก ๆ ของทรัมป์เมื่อเข้ารับตำแหน่ง ทำให้มีคดีจับกุมคนลักลอบเข้าเมืองในสหรัฐเพิ่มขึ้นกว่าเดิมเกือบ 40% ซึ่งไบเดน จะเซ็นคำสั่งให้ผ่อนคลายลง ไม่ต้องทุ่มงบประมาณ และเจ้าหน้าที่รัฐไปไล่จับกันถึงขนาดนั้นก็ได้

- นโยบายกำแพงเม็กซิโกของทรัมป์ก็ไม่รอด โดยไบเดน จะเซ็นคำสั่งยกเลิกประกาศภาวะฉุกเฉินในเขตชายแดนทางตอนใต้ ที่ทรัมปืใช้เป็นกลยุทธในการของบไปสร้างกำแพงเม็กซิโกนั่นเอง

สุดท้ายที่จี๊ดกว่านั้นคือ โจ ไบเดน จะเซ็นคำสั่ง ให้ระงับคำสั่งประธานาธิบดีของทรัมป์ที่ได้เซ็นทิ้งทวนก่อนลาตำแหน่งในนาทีสุดท้าย ที่กำลังจะมาไล่ว่าทรัมป์ได้แอบเซ็นอะไรไว้ก่อนไปบ้าง

ที่ไล่เรียงมานี่ยังมีเพียงแค่ส่วนเดียวในมรดกที่ทรัมป์ทิ้งไว้ให้ ซึ่งยังเหลือปัญหาอีกเยอะแยะ ที่ต้องมาตามแก้กันอีกยาว ไม่ว่าจะเป็น ข้อตกลงอิหร่านว่าด้วยเรื่องการยุติการพัฒนานิวเคลียร์ของเตหะราน สนธิสัญญาเปิดน่านฟ้า หรือ สนธิสัญญาจำกัดขีปนาวุธนิวเคลียร์พิสัยกลาง หรือ Intermediate-Range Nuclear Forces Treaty ที่เซ็นกันมาเนิ่นนานระหว่าง สหรัฐ-รัสเซีย ตั้งแต่สมัยโรนัลด์ เรแกน ก็มาถูกฉีกทิ้งในสมัยของทรัมป์เช่นเดียวกัน

รับรองว่ามีงานรอให้โจ ไบเดน ต้องตามเซ็นถอนคำสั่งของทรัมพ์จนมือเปื่อย มือหงิก กันทีเดียว


แหล่งข่าว

https://www.cbsnews.com/news/biden-executive-orders-watch-live-stream-today-2021-01-20/

https://www.usatoday.com/story/news/politics/2021/01/20/joe-bidens-day-1-orders-reversing-trumps-most-egregious-moves/6641289002/

ธุรกิจโรงแรมยักษ์ใหญ่เมืองไทย ‘เซ็นทารา’ เดินหน้าขยายเชนโรงแรมใน สปป.ลาว เข้าบริหาร 2 โรงแรมที่เมืองวังเวียง คาดเปิดบริการปลายปี 2564

คอลัมน์ "เบิ่งข้ามโขง"

เซ็นทารา #รุกขยายธุรกิจในลาว ลงนามสัญญาบริหารโรงแรมใหม่ 2 แห่งที่วังเวียงในลาว และ 1 แห่งที่เขาใหญ่ในไทย

นายธีระยุทธ จิราธิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารโรงแรมและรีสอร์ตในเครือเซ็นทารา กล่าวว่า

"..เซ็นทาราได้ลงนามสัญญา  บริหารร่วมกับ ทวีสุข โฮเต็ล แอนด์ รีสอร์ท เพื่อเข้าบริหาร 2 โรงแรมสวยวิวแม่น้ำในเมืองวังเวียง

โดยโรงแรมทั้ง 2 แห่งตั้งอยู่ตรงข้ามกับแม่น้ำซองและมีสะพานเชื่อมตรงกลางระหว่าง 2 โรงแรม ซึ่งมีกำหนดเปิดให้บริการในไตรมาส 4 ของปี 2564..

โรงแรมทั้ง 2 แห่ง ได้แก่ เซ็นทรา บาย เซ็นทารา ริเวอร์ไซด์ รีสอร์ท วังเวียง (ชื่อเดิม โรงแรมทวีสุข ไอส์แลนด์) และทวีสุข ริเวอร์ไซด์ รีสอร์ทและสปา วังเวียง เซ็นทารา บูติกคอลเลกชัน (ชื่อเดิม โรงแรมทวีสุข ริเวอร์ไซด์)

“เซ็นทารารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมงานกับทวีสุข โฮเต็ล แอนด์ รีสอร์ท"

 #เราเชื่อมั่นว่าประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในตลาดลาวของทวีสุขโฮเต็ลแอนด์รีสอร์ท จะสามารถนำความสำเร็จมาสู่เซ็นทาราและการท่องเที่ยวในลาวได้อย่างแน่นอน” นายธีระยุทธกล่าว

“ลาวเป็นประเทศที่มีภูมิทัศน์ทางธรรมชาติอันสวยงามและกำลังเติบโตด้านการท่องเที่ยวอย่างรวดเร็ว เรามุ่งมั่นที่จะนำประสบการณ์การบริการอันอบอุ่นเสมือนครอบครัวของเซ็นทาราก้าวไปสู่ระดับสากลในภูมิภาคต่างๆ ทั่วโลก”


เรื่องโดย: หนุ่มโคราชคลุกคลี กับเมืองลาวทั้งด้านธุรกิจเอกชนและภาครัฐมานานหลายปี ยินดีแนะนําภาคเอกชนไทย บุกตลาดอินโดจีน สรรหาเรื่องเล่า วีถีชีวิต วัฒนธรรม เศรษฐกิจ

ประเทศไหนรีบไปก่อนเลย แต่ออสเตรเลียขอเลือกรอดูผลสัมฤทธิ์ของวัคซีนก่อน ค่อยประกาศฉีดวัคซีนทั่วประเทศ แม้จะมีวัคซีนในสต็อคอยู่จำนวนหนึ่งพร้อมฉีดแล้วก็ตาม

ถึงแม้การตัดสินใจดึงเวลาที่จะเริ่มฉีดวัคซีน COVID -19 ออกไปจนถึงเกือบสิ้นเดือนกุมภาพันธ์ จะทำให้ชาวออสเตรเลียบางส่วนไม่พอใจ แต่นายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย สก็อต มอร์ริสัน ตัดสินใจรอดูผลจากประเทศที่ฉีดวัคซีนไปแล้ว เพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่มีผลข้างเคียงที่เป็นอันตราย

สก็อต มอร์ริสัน ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อออสเตรเลียว่า ประเทศอื่นที่มีปัญหาเรื่องการควบคุมการระบาด อาจจำเป็นต้องรีบฉีดวัคซีนแม้จะรู้ว่าเสี่ยง แต่ไม่ใช่กับที่ออสเตรเลีย ที่เราควบคุมการแพร่ระบาดได้ เราจึงต้องขอดูผลให้แน่ใจก่อนค่อยฉีด ก็ไม่สายเกินไป

จะเห็นได้ว่า ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา ออสเตรเลียมีผู้ติดเชื้อในประเทศเพียง 10 ราย ล่าสุดเพิ่มขึ้นอีก 9 ราย ซึ่งทั้งหมดเป็นเคสที่เดินทางกลับจากต่างประเทศ ทำให้ยอดรวมผู้ติดเชื้อในออสเตรเลียอยู่ที่ 28,739 ราย เสียชีวิต 909 คน

และรัฐบาลออสเตรเลียก็มีวัคซีนของ AstraZeneca อยู่แน่ ๆ แล้ว 53.8 ล้านโดส กับวัคซีน Pfizer อีก 10 ล้านโดส พร้อมฉีดให้กับบุคลากรแถวหน้า และกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูง และมีเสียงเรียกร้องจากหลายฝ่ายให้เริ่มฉีดวัคซีดให้เร็วที่สุด เพื่อป้องกันการระบาดระลอกใหม่

แต่รัฐบาลยังคงยืนยันว่าต้องการรอดูผลเพื่อความปลอดภัยจนถึงปลายเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งเป็นระยะเวลาที่เลื่อนให้แล้ว เพราะก่อนหน้านั้นตั้งใจจะรอจนถึงเดือนมีนาคมด้วยซ้ำไป

และออสเตรเลียก็ไม่ใช่ชาติเดียว ที่ขอประวิงเวลาในการฉีดวัคซีนออกไปก่อน นิวซีแลนด์ก็เพิ่งประกาศว่าจะเริ่มแผนการฉีดวัคซีน COVID -19 ให้เฉพาะบุคลากรแถวหน้าได้ในเดือนเมษายน ส่วนประชาชนทั่วไปจะเริ่มรับวัคซีนหลังจากกรกฎาคมไปแล้ว

และไม่ใช่ว่านิวซีแลนด์หาวัคซีน COVID -19 ไม่ได้ แต่ได้จองซื้อไว้แล้วถึง 7.6 ล้านโดสจาก AstraZeneca และ 10.72 ล้านโดสจาก Novavax เพียงพอแล้วที่จะฉีดให้กับประชากรนิวซีแลนด์ทั้งประเทศ 5.36 ล้านคน แถมยังแจกให้ฟรีกับประเทศชาวเกาะเพื่อนบ้านได้อีกด้วย เพียงแค่ตอนนี้ขอดูผลข้อสอบจากประเทศอื่นก่อนเท่านั้น

ซึ่งยังมีอีกหลายประเทศที่ขอดูผลข้างเคียงจากประเทศอื่น รวมถึงเกาหลีใต้ และญี่ปุ่น ที่ก็มีวัคซีนพร้อมแล้วจำนวนหนึ่ง แต่ยังไม่ประกาศฉีดทันทีในตอนนี้ แม้จะมีกระแสกดดันจากฝ่ายค้าน และประชาชนบางส่วนในประเทศที่กำลังตื่นตระหนกกับคลื่นการระบาดระลอกใหม่ของ COVID -19 ในประเทศ

ผู้เชี่ยวชาญด้านวัคซีนได้ให้เหตุผลว่า ที่บางประเทศดึงเวลาการฉีดวัคซีน COVID -19 ออกไป เพราะยังไม่แน่ใจถึงประสิทธิภาพ และผลข้างเคียง เนื่องจากเป็นวัคซีนที่ใช้กระบวนการพัฒนาอย่างเร่งด่วนกว่าวัคซีนอื่นๆ และบางบริษัทใช้เทคโนโลยีใหม่ เช่น การใช้ mRNA ที่เป็นการตัดต่อสารพันธุกรรมจากไวรัส COVID -19 ที่ยังไม่อาจคาดเดาผลข้างเคียงเมื่อใช้งานจริงในกลุ่มผู้รับวัคซีนจำนวนมากถึงล้านคน

ดังนั้นหากประเทศใดที่คิดว่ายังสามารถจำกัดการแพร่ระบาดได้ดี ก็ยังพอมีเวลาที่จะศึกษาข้อมูลจากประเทศที่ได้ฉีดไปแล้ว แต่สำหรับบางประเทศที่วิกฤติจนรับมือไม่ไหวแล้ว ผลลัพธ์อาจคุ้มค่ากับความเสี่ยง

จึงเป็นวิจารณญาณของรัฐบาลแต่ละประเทศที่จะตัดสินใจว่าควรจะใช้วัคซีนเมื่อไร จึงเหมาะสม และปลอดภัยสำหรับประชาชน แต่การฉีดวัคซีนก็ไม่ได้หมายความว่าจะคุ้มกันโรคได้ 100% ดังนั้น การระวังตัวเองด้วยการ ใช้หน้ากากอนามัย เว้นระยะห่าง ล้างมือ กันไว้ก่อน น่าจะช่วยลดโอกาสการแพร่ระบาดได้ดีที่สุดที่ทำได้ในเวลานี้


แหล่งข่าว

https://www.straitstimes.com/asia/australianz/australia-delays-vaccine-rollout-to-study-how-other-countries-cope-with-the-jab

https://www.theguardian.com/world/2021/jan/08/why-the-delay-the-nations-waiting-to-see-how-covid-vaccinations-unfold

https://www.aa.com.tr/en/asia-pacific/new-zealand-secures-2-more-covid-19-vaccines/2079683

ผ่านมา 2 สัปดาห์ กับเหตุการณ์เหมืองทองระเบิดที่ประเทศจีน ล่าสุดทีมกู้ภัยสามารถช่วยชีวิตคนงานที่ติดอยู่ภายในตั้งแต่วันที่ 10 มกราคม ออกมาได้กว่า 10 ชีวิต แต่ยังคงค้นหาผู้รอดชีวิตต่อไปอีกนับสิบชีวิตที่ยังไม่รู้ชะตากรรม

หลังจากทุ่มเทความพยายามถึง 14 วัน ในที่สุดหน่วยกู้ภัยจีนก็สามารถช่วยเหลือคนงานเหมืองชุดแรกออกมาได้แล้ว 10 คนอย่างปลอดภัย ถึงแม้จะอยู่ในสภาพอิดโรย และจำเป็นต้องใช้ผ้าปิดตาป้องกันแสงแดดจากภายนอก เนื่องจากอยู่ในที่มืดเป็นเวลานานถึง 2 สัปดาห์ แต่โชคร้ายที่มีคนงานเหมือง 1 คน ที่ได้รับบาดเจ็บจากแรงระเบิดที่ศีรษะ เสียชีวิตก่อนได้รับการช่วยเหลือ

คนงานเหมืองทองทั้ง 22 คน ติดอยู่ในเหมืองทองที่ลึกจากพื้นดินเกือบ 600 เมตร หน่วยกู้ภัยเคยคาดว่าอาจต้องใช้เวลานานหลายสัปดาห์กว่าจะขุดโพรงเพื่อช่วยเหลือคนงานเหมืองได้ แต่ทางการจีนมีคำสั่งให้เร่งขุดเจาะเพื่อช่วยเหลือคนงานด้านในออกมาให้เร็วที่สุด และสามารถขุดสำเร็จในวันที่ 14 ของการช่วยเหลือ

แต่ยังเหลือคนงานที่ติดอยู่ข้างในอีก 10 คน ในชั้นเหมืองที่ลึกลงไปอีก 100 เมตร ซึ่งยืนยันได้ว่ามีชีวิตอยู่แค่ 1 คน ส่วนที่เหลืออีก 9 คนยังไม่ทราบแน่ชัด ดังนั้นการช่วยเหลือยังคงดำเนินต่อไป

ส่วนสาเหตุของการระเบิดในเหมืองทองฉิงเซีย ยังไม่เป็นที่เปิดเผย และอย่างที่รู้กัน อุบัติเหตุในอุตสาหกรรมเหมืองของจีนไม่ใช่เรื่องใหม่ มักมีข่าวให้ได้ยินอยู่บ่อยครั้ง ในปี 2020 ที่ผ่านมีอุบัติเหตุในเหมืองจีนที่เป็นข่าวมากถึง 9 ครั้ง และทุกครั้งเป็นอุบัติเหตุร้ายแรงที่มีผู้เสียชีวิต

อุบัติเหตุในเหมืองครั้งสุดท้ายของปีที่ผ่านมา เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 4 ธันวาคมในเหมืองถ่านหินแห่งหนึ่งในมณฑลฉงชิ่ง เกิดก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์รั่วภายในเหมือง ที่คร่าชีวิตคนงานเหมืองถึง 23 คน

แหล่งข้อมูล

https://www.bbc.com/news/world-asia-china-55784231

https://www.theguardian.com/world/2021/jan/24/chinese-mine-accident-first-worker-rescued-after-two-weeks-underground

ภูมิภาคย่างกุ้งของเมียนมาเริ่มกระบวนการเชิญชวนประชาชนลงทะเบียนรับวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) โดยมีวัคซีน ‘โควิชีลด์’ (Covishield)

ภูมิภาคย่างกุ้งของเมียนมาเริ่มกระบวนการเชิญชวนประชาชนลงทะเบียนรับวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) โดยมีวัคซีน ‘โควิชีลด์’ (Covishield) ชุดแรกถูกขนส่งถึงเมียนมาเมื่อวันที่ 22 ม.ค. และจะเริ่มฉีดให้ประชาชนราว 750,000 คนภายในสัปดาห์นี้

อนึ่ง กระทรวงสาธารณสุขและกีฬาของเมียนมาระบุว่าเมียนมามีผู้ป่วยโรคโควิด-19 สะสม 137,574 ราย เมื่อนับถึงวันอาทิตย์ (24 ม.ค.)

สำหรับ วัคซีน ‘โควิชีลด์’ (Covishield) เป็นวัคซีนป้องกันโควิด-19 ที่ผลิตจากสถาบันเซรุ่มแห่งอินเดีย (Serum Institute of India) ที่เมืองปูเน่ รัฐมหาราษฎระ ที่พัฒนาโดยบริษัทแอสตร้าเซนเนก้า และมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ดของอังกฤษ


อ้างอิง: China Xinhua News

https://www.facebook.com/1660335044182511/posts/2864901813725822/

‘ยูเออี’ จ่อเปิดสถานทูตใน ‘อิสราเอล’ ครั้งแรก หลังร่วมลงนามข้อตกลงด้านการค้า การลงทุน การท่องเที่ยว การเปิดเที่ยวบินตรง เล็งส่ง ‘เอมิเรตส์-เอทิฮัด’ บินตรงลงเมืองเทลอาวีฟในช่วงไตรมาสแรกของปี 2021

บัญชีทวิตเตอร์อย่างเป็นทางการของรัฐบาลสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ หรือยูเออี (UAE) กล่าวว่าคณะรัฐมนตรีของยูเออี ได้อนุมัติการก่อตั้งสถานทูตของประเทศในเมืองเทลอาวีฟของอิสราเอลแล้ว

การตัดสินใจดังกล่าวมีขึ้นระหว่างการประชุมคณะรัฐมนตรีในวันอาทิตย์ (24 ม.ค.) ซึ่งมีรองประธานาธิบดี นายกรัฐมนตรี และเชค มูฮัมหมัด บิน รอชิด อัล มักตูม (Sheikh Mohammed bin Rashid Al Maktoum) เจ้าผู้ครองนครดูไบเป็นประธาน

ยูเออีและอิสราเอลได้ปรับความสัมพันธ์ระดับทวิภาคีสู่ระดับปกติหลังจากลงนามในข้อตกลงอับราฮัม (Abraham Accord) เมื่อเดือนกันยายนปี 2020 ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เมืองหลวงของสหรัฐฯ

นับแต่นั้นเป็นต้นมา คณะผู้แทนหลายกลุ่มจากยูเออีและอิสราเอลได้พบปะกันเพื่อลงนามข้อตกลงทวิภาคีว่าด้วยการค้าและการลงทุน การท่องเที่ยว การเปิดเที่ยวบินตรง ความมั่นคง การโทรคมนาคม เทคโนโลยี พลังงาน ระบบดูแลสุขภาพ วัฒนธรรม สิ่งแวดล้อม การจัดตั้งสถานทูต และประโยชน์ร่วมกันด้านอื่น ๆ

ขณะเดียวกัน คาดว่าสายการบินหลักของยูอีเอหลายสาย เช่น เอมิเรตส์ (Emirates) และเอทิฮัด (Etihad) จะเริ่มเปิดเที่ยวบินเชิงพาณิชย์ไปยังเมืองเทลอาวีฟในช่วงไตรมาสแรกของปี 2021 หลังทั้งสองประเทศได้ลงนามข้อตกลงด้านการบินฉบับหนึ่งไปก่อนหน้านี้ ซึ่งจะอนุญาตให้มีเที่ยวบินระหว่างกันสูงสุดถึง 112 เที่ยวต่อสัปดาห์


ที่มา: https://www.xinhuathai.com/pol/171743_20210125

‘เจิ้งต้ากรุ๊ป’ เครือ ‘ซีพี’ ออกโรง!! แจง!! โรงงานไก่ซีพีในจีน @เมืองฮาร์บิน มณฑลเฮยหลง ติดโควิด!! ‘ไม่เกี่ยว’ จังหวัด – ภูมิภาค - และประเทศอื่นๆ

ก่อนหน้านี้ทาง The States Times ได้รับข้อมูลจากทางแหล่งข่าวในเมืองจีน และได้มีการนำเสนอหัวข้อข่าว...

'ไก่ซีพี' (จีน) มีเชื้อโควิด!!

โรงงานเนื้อแปรรูป 'ซีพี' ในจีนงานเข้า!!

พบเชื้อโควิดใน 'คนงาน – ไก่ - บรรจุภัณฑ์' ทางการจีนสั่งเก็บด่วน!!

โดยอ้างอิงแหล่งข่าวจาก

https://www.globaltimes.cn/page/202101/1213832.shtml

https://www.globaltimes.cn/page/202101/1213595.shtml

https://www.thestandard.com.hk/breaking-news/section/3/164075/China-says-10-infected-with-coronavirus-in-Harbin-at-Thai-Chinese-joint-venture-meat-plant

อย่างไรก็ตาม ข้อมูลข่าวดังกล่าวได้รับการชี้แจงตรงจากทาง ‘เจิ้งต้ากรุ๊ป’ (เครือซีพี) โดยเฉพาะในท่อนที่ว่า...

>>รัฐบาลเฮย์หลงเจียง ออกคำสั่งให้เรียกเก็บสินค้าของโรงงาน CP ที่ผลิตออกสู่ตลาดตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2021 เป็นต้นมา ออกจากชั้นวางสินค้าทุกแห่งทันที ซึ่งสินค้าส่วนใหญ่เป็นเนื้อไก่แปรรูป และชิ้นส่วนไก่ถูกปล่อยออกสู่ตลาดไปแล้วกว่า 2,434 กิโลกรัม ในเมือง ฉีฉีฮาร์, ต้าชิ่ง, เฮย์เหอ และ สุยฮว่า และมีบางส่วนได้ขายออกไปแล้ว ทางการกำลังประสานงานเรียกเก็บสินค้าอยู่<<

โดยทาง เจิ้งต้ากรุ๊ป หรือเครือซีพี ในประเทศจีน ได้มีแถลงการณ์เพื่อสร้างความเข้าใจที่ชัดเจนล่าสุดในวันอังคารที่ 26 มกราคม ว่าเนื้อไก่แปรรูป และชิ้นส่วนไก่ที่อยู่ในบรรจุภัณฑ์ มิได้ติดเชื้อโควิดแต่อย่างใด แต่ถึงกระนั้นก็ได้มีการเก็บบรรจุภัณฑ์ทั้งหมดพ้นจากตลาดแล้ว

สำหรับคำแถลงเกี่ยวกับการรับมือต่อการแพร่ระบาดของโรค Covid-19 จาก ‘เจิ้งต้ากรุ๊ป’ หรือ Heilongjiang Zhengda Industrial Co., Ltd. (https://mp.weixin.qq.com/s/76ewZBzFYCjWT-bewHDkcw) มีรายละเอียดดังนี้

การแพร่ระบาดของ Covid-19 ที่เกิดขึ้นในเมืองฮาร์บิน มณฑลเฮยหลงเจียง เมื่อวันที่ 18 มกราคม ได้แพร่กระจายไปยังโรงงานอาหารของ Heilongjiang Zhengda Industrial Co. , Ltd. ซึ่งเป็น บริษัทย่อยภายในเครือ

หลังจากได้รับแจ้งจากรัฐบาลท้องถิ่น Heilongjiang Zhengda Industrial Co. , Ltd. ได้ตอบสนองอย่างเต็มที่ และให้ความร่วมมืออย่างแข็งขัน ปฏิบัติตามกฎหมาย ข้อบังคับ และยึดถือแนวปฏิบัติตามแผนฉุกเฉินสำหรับการแพร่ระบาดของ Covid-19 โดยเร็วที่สุด การผลิตและการทำงานถูกระงับทันทีและพนักงานทุกคนเข้ารับการกักตัว มีการตรวจหาเชื้อด้วยวิธีการทดสอบกรดนิวคลีอิก โรงงานได้คัดแยกและตรวจสอบผลิตภัณฑ์ในคลังสินค้าอย่างทั่วถึง มีการควบคุมสภาพแวดล้อม ส่วนสินค้าที่อยู่ในท้องตลาด ได้รับการนำกลับและคัดแยกตามระเบียบของทางการ และได้รับการตรวจสอบหาเชื้ออย่างครบถ้วน

ตามประกาศของศูนย์บัญชาการการควบคุมโรค Covid-19 ประจำเมืองฮาร์บิน หน่วยงานกำกับดูแลตลาดในพื้นที่ได้ดำเนินมาตรการต่างๆ เช่น การกำจัดและการจัดเก็บผลิตภัณฑ์ชั่วคราวจากโรงงานอาหารของ Heilongjiang Zhengda Industrial Co., Ltd. ที่ผลิตตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2564 และจะร่วมมือกับหน่วยงานสาธารณสุข ดำเนินการสุ่มตัวอย่างการทดสอบกรดนิวคลีอิกในผลิตภัณฑ์ที่เก็บไว้นอกชั้นวางชั่วคราว

เมื่อเวลา 8:00 น. วันที่ 25 มกราคม มีการสุ่มตัวอย่างทั้งหมด 92,786 ตัวอย่างและได้รับผลการทดสอบ 91,696 ตัวอย่าง...

>> ไม่พบผลลัพธ์ที่เป็นบวกบนอาหารและบรรจุภัณฑ์ด้านใน <<

อย่างไรก็ตาม พบว่าตัวอย่างบรรจุภัณฑ์ด้านนอกจำนวน 9 ตัวอย่างพบว่าเป็นบวก ทั้งหมดอยู่ในเมือง Heihe จังหวัด Heilongjiang 8 แห่งใน Sunwu County และ 1 แห่งใน Lanxi County เมือง Suihua

หลังจากการตรวจสอบข้อมูลการจัดส่งสินค้า พบว่าผลิตภัณฑ์ที่อยู่ในล็อตเดียวกันกับตัวอย่างที่พบผลเชื้อเป็นบวกบนบรรจุภัณฑ์ด้านนอก ได้ถูกนำส่งไปยังจุดจำหน่าย 4 แห่งใน Neiqihar, Daqing, Heihe และ Suihua ในมณฑลเฮยหลงเจียงเมื่อวันที่ 11, 12 และ 16 ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องได้ถูกนำออกจากชั้นวางและคัดแยกไว้ ในขณะนี้ ยังมีผลิตภัณฑ์ปริมาณ 240 กิโลกรัมที่ขายให้กับเมือง Daqing อยู่ในกระบวนการตรวจสอบ

Heilongjiang Zhengda Industrial Co., Ltd. เป็นโรงงานผลิตอาหารเพียงแห่งเดียวในเครือของเราในมณฑลเฮยหลงเจียง ตั้งอยู่ในเขตพัฒนาเศรษฐกิจและเทคโนโลยี Limin เมืองฮาร์บิน มณฑลเฮยหลงเจียง โรงงานแห่งนี้ผลิตผลิตภัณฑ์ไก่ดิบและผลิตภัณฑ์จากไก่ปรุงสุก

บริษัทขอยืนยันว่าโรงงานผลิตอาหารทั้งหมดในจังหวัดและภูมิภาคอื่นๆ ในเครือเจริญโภคภัณฑ์ ไม่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดครั้งนี้ การผลิตและการดำเนินงานของโรงงานเหล่านี้ยึดหลักปฏิบัติและกฎระเบียบอย่างเคร่งครัด และมีมาตรการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดเพื่อความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์และผู้บริโภค

บริษัทขอขอบคุณทุกภาคส่วนของสังคมที่ห่วงใยและให้การสนับสนุน

จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบ

เจิ้งต้ากรุ๊ป

26 มกราคม 2564


ทาง The States Times ต้องกราบขอบพระคุณข้อมูลดังกล่าวจากทาง ‘เจิ้งต้ากรุ๊ป’ และขออภัยอย่างสูงที่สร้างความตระหนกต่อประชาชนที่เข้าใจว่าเนื้อไก่ซีพีติดเชื้อโควิดมา ณ โอกาสนี้


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top