โจ ไบเดน ฟิตเต็มร้อย เซ็นคำสั่งประธานาธิบดี ยกเลิกคำสั่งเก่าของอดีตประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แบบยกแผง ตั้งแต่วันแรกที่เข้าทำเนียบ รวมถึงการนำอเมริกากลับเข้าเป็นสมาชิกองค์การอนามัยโลก และข้อตกลงปารีสอีกครั้ง

สื่ออเมริกันรายงานว่า ประธานาธิบดีป้ายแดง โจ ไบเดน เตรียมใช้อำนาจเต็ม เซ็นคำสั่งประธานาธิบดีในนโยบายเร่งด่วนในการแก้ปัญหา COVID -19 ที่จะอุดช่องโหว่ร้ายแรงในสมัยของทรัมป์ นั่นก็คือ การบังคับสวมหน้ากากอนามัยทั่วประเทศ และยกเลิกคำสั่งประธานาธิบดีของทรัมป์หลายรายการ โดยได้มีการแบ่งออกเป็นหมวดหมู่ได้ดังนี้

ด้าน COVID -19

- โจ ไบเดน เตรียมออกแคมเปญ 100 Days Masking Challenge รณรงค์ให้ชาวอเมริกันสวมหน้ากากอนามัยทั่วประเทศให้ได้ 100 วัน และออกกฎบังคับให้ทุกคนต้องสวมหน้ากากอนามัย เว้นระยะห่างทุกครั้งเมื่อเข้ามาในบริเวณสถานที่ราชการของรัฐบาลกลางสหรัฐ

- ตั้งทีมประสานงานติดตามผลการระบาดของ COVID -19 และนั่นหมายความว่า โจ ไบเดน จะนำทีมเก่าจากหน่วยงานด้านปฏิบัติการป้องกันด้านชีวภาพ ประจำสภาความมั่นคงแห่งชาติ ที่ตั้งขึ้นในสมัยบารัค โอบามา แต่ถูกคำสั่งของทรัมป์ให้ย้ายไปรับผิดชอบงานด้านอื่นก่อนเกิดวิกฤติ COVID -19 กลับมานำทีมกู้วิกฤติโรคระบาดตามเดิม

- เซ็นคำสั่งให้สหรัฐกลับไปเป็นสมาชิกองค์การอนามัยโลก หลังจากที่ทรัมป์ได้เซ็นยกเลิกการบริจาคเงินให้องค์การอนามัยโลก และถอนสหรัฐออกจากการเป็นสมาชิกเมื่อปี 2020

ด้านเงินช่วยเหลือเยียวยา วิกฤติ COVID -19

- ออกคำสั่งขยายระยะเวลาในการบังคับย้ายบ้าน ยึดทรัพย์ และพักชำระหนี้อสังหาริมทรัพย์ของผู้ที่เดือดร้อนจากพิษวิกฤติ COVID -19 ไปจนถึงเดือนมีนาคม 2021

- ออกคำสั่งให้พักชำระหนี้กองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษาให้จนถึงเดือนกันยายน 2021

ด้านสิ่งแวดล้อม

- โจ ไบเดน จะเซ็นคำสั่งพาสหรัฐกลับสู่ข้อตกลงปารีส ว่าด้วยเรื่องความร่วมมือในการลดก๊าซคาร์บอนฯ ที่ทรัมป์ได้แหกกระแสโลก เซ็นถอนตัวออกมาในปี 2017 ด้วยเหตุผลว่าต้องการปกป้องอุตสาหกรรมเหมืองถ่านหินในประเทศ

- สั่งระงับโครงการท่อส่งก๊าซระหว่าง แคนาดา - สหรัฐ ที่ชื่อว่า Keystone XL Pipeline ที่มีประเด็นในเรื่องปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมและรุกล้ำแหล่งที่อยู่ตามธรรมชาติของสัตว์ป่า เป็นโครงการที่เริ่มต้นก่อสร้างตั้งแต่ปี 2010 แต่ก็ถูก บารัค โอบามา เซ็นระงับโครงการไปก่อนชั่วคราว เนื่องจากมีข้อท้วงติงด้านสิ่งแวดล้อม แต่โครงการนี้กลับมาเดินหน้าใหม่ในสมัยของทรัมป์ที่ต้องการสานต่อโครงการให้เสร็จ แต่เมื่อมาถึงยุคโจ ไบเดน ก็คงต้องพับแผนยาวอย่างน้อยอีก 1 สมัย เพราะเขาจะเซ็นคำสั่งระงับโครงการเพราะเหตุผลด้านสิ่งแวดล้อมแล้วในวันนี้

ด้านสิทธิมนุษยชน

- โจ ไบเดน จะเซ็นคำสั่งให้นับสำมะโนครัวประชากรสหรัฐฯ ใหม่ โดยจะต้องนับรวมประชากรที่ไม่มีเอกสารระบุตัวตน หรือกลุ่มที่เข้าเมืองแบบผิดกฏหมายด้วย ซึ่งทรัมป์เคยเซ็นคำสั่งให้ยกเลิกการนับรวมประชากรกลุ่มนี้เมื่อกลางปี 2020 ที่ผ่านมา ซึ่งจะมีผลต่องบประมาณช่วยเหลือของรัฐบาลกลางในการบรรเทาสาธารณภัยต่าง ๆ ที่คนกลุ่มนี้จะไม่ได้รับสิทธิ์เพราะตกสำรวจนั่นเอง

- นอกจากนี้ ไบเดน อาจพิจารณางบประมาณเพิ่มเติมในการสนับสนุนให้เกิดสิทธิ และความเสมอภาคภายในองค์กรทั้งภาครัฐ และเอกชน ที่จะครอบคลุมสิทธิ และป้องกันการเลือกปฏิบัติกับ ชนกลุ่มน้อย สตรี และกลุ่มเพศทางเลือก LGBTQ+

ด้านกฏหมายเข้าเมือง

- ชาว Dreamer หรือ กลุ่มเด็ก ๆ ที่ติดตามพ่อ-แม่ ที่ลักลอบเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมาย ได้เฮแล้ว หลังจากที่ทรัมป์ได้เพิกถอนสิทธิ์คุ้มครองกับเด็กกลุ่มนี้ และเตรียมผลักดันออกนอกประเทศ แต่โจ ไบเดน จะให้สภาคองเกรสพิจารณาที่จะให้สิทธิคุ้มครองใหม่ ซึ่งจะทำให้กลุ่ม Dreamer สามารถเปลี่ยนสถานะให้เป็นพลเมืองสหรัฐได้ในภายหลังอีกด้วย

- ยกเลิกคำสั่งแบนชาวมุสลิมเข้าเมืองสหรัฐ ซึ่งเป็นนโยบายจากผลพวง “Islamophobia” หรือโรคเกลียดกลัวชาวมุสลิมของโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ออกคำสั่งห้ามชาวมุสลิมจากหลายประเทศ อาทิ ซีเรีย อิหร่าน อิรัก ซูดาน ลิเบีย โซมาเลีย ฯลฯ เข้าประเทศ ตั้งแต่ปี 2017 แต่หลังจากนี้ การพิจารณาวีซ่าให้กับประเทศมุสลิมที่เคยต้องห้ามในสมัยทรัมป์ จะกลับมาใหม่อีกครั้ง

- เช่นเดียวกันกับคำสั่งของทรัมป์ ที่ให้เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองยกระดับการใช้กฏหมายอย่างเข้มข้นในการจับกลุ่มคนเข้าเมืองผิดกฎหมาย ซึ่งเป็นคำสั่งประธานาธิบดีแรก ๆ ของทรัมป์เมื่อเข้ารับตำแหน่ง ทำให้มีคดีจับกุมคนลักลอบเข้าเมืองในสหรัฐเพิ่มขึ้นกว่าเดิมเกือบ 40% ซึ่งไบเดน จะเซ็นคำสั่งให้ผ่อนคลายลง ไม่ต้องทุ่มงบประมาณ และเจ้าหน้าที่รัฐไปไล่จับกันถึงขนาดนั้นก็ได้

- นโยบายกำแพงเม็กซิโกของทรัมป์ก็ไม่รอด โดยไบเดน จะเซ็นคำสั่งยกเลิกประกาศภาวะฉุกเฉินในเขตชายแดนทางตอนใต้ ที่ทรัมปืใช้เป็นกลยุทธในการของบไปสร้างกำแพงเม็กซิโกนั่นเอง

สุดท้ายที่จี๊ดกว่านั้นคือ โจ ไบเดน จะเซ็นคำสั่ง ให้ระงับคำสั่งประธานาธิบดีของทรัมป์ที่ได้เซ็นทิ้งทวนก่อนลาตำแหน่งในนาทีสุดท้าย ที่กำลังจะมาไล่ว่าทรัมป์ได้แอบเซ็นอะไรไว้ก่อนไปบ้าง

ที่ไล่เรียงมานี่ยังมีเพียงแค่ส่วนเดียวในมรดกที่ทรัมป์ทิ้งไว้ให้ ซึ่งยังเหลือปัญหาอีกเยอะแยะ ที่ต้องมาตามแก้กันอีกยาว ไม่ว่าจะเป็น ข้อตกลงอิหร่านว่าด้วยเรื่องการยุติการพัฒนานิวเคลียร์ของเตหะราน สนธิสัญญาเปิดน่านฟ้า หรือ สนธิสัญญาจำกัดขีปนาวุธนิวเคลียร์พิสัยกลาง หรือ Intermediate-Range Nuclear Forces Treaty ที่เซ็นกันมาเนิ่นนานระหว่าง สหรัฐ-รัสเซีย ตั้งแต่สมัยโรนัลด์ เรแกน ก็มาถูกฉีกทิ้งในสมัยของทรัมป์เช่นเดียวกัน

รับรองว่ามีงานรอให้โจ ไบเดน ต้องตามเซ็นถอนคำสั่งของทรัมพ์จนมือเปื่อย มือหงิก กันทีเดียว


แหล่งข่าว

https://www.cbsnews.com/news/biden-executive-orders-watch-live-stream-today-2021-01-20/

https://www.usatoday.com/story/news/politics/2021/01/20/joe-bidens-day-1-orders-reversing-trumps-most-egregious-moves/6641289002/