Friday, 25 April 2025
TheStatesTimes

เชียงใหม่-ภ.5 แถลงผลการจับกุมการลักลอบค้าอาวุธปืนสงคราม จำนวนมาก เตรียมส่งชายแดนแม่ฮ่องสอน

ตำรวจภูธรภาค 5 แถลงผลการปฏิบัติคดีอาชญากรรมรายสำคัญ "สภ.ภูพิงคราชนิเวศน์ จ.เชียงใหม่จับกุมการลักลอบค้าอาวุธปืนสงคราม ผู้ต้องหา 2 ราย พร้อมอาวุธสงครามจำนวนมาก เตรียมส่งชายแดนแม่ฮ่องสอน"

เมื่อวานนี้ (24 เม.ย.68) เวลา 11.00 น.พล.ต.ท.กฤตธาพล ยี่สาคร ผบช.ภ.5 เป็นประธานการแถลงผลการปฏิบัติคดีอาชญากรรมรายสำคัญในพื้นที่ ภ.5 โดยมี พล.ต.ต.ธวัชชัย พงษ์วิวัฒนชัย รอง ผบช.ภ.5, พล.ต.ต.ยุทธนา แก่นจันทร์ ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่, รอง ผบก.สส.ภ.5, รอง ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่, ผกก.สภ.ภูพิงคราชนิเวศน์ ร่วมแถลงผลการจับกุม ณ ห้องประชุม สภ.ภูพิงคราชนิเวศน์  ต.ช้างเผือก อ.เมืองเชียงใหม่ จว.เชียงใหม่

กรณีเมื่อวันที่ 22 เมษายน 2568 สภ.ภูพิงคราช นิเวศน์ จังหวัดเชียงใหม่ ตั้งจุดตรวจแยกเกษตรอินทรีย์ เลียบคลองชลประทาน อ.เมืองเชียงใหม่ จ.เชียงใหม่ สกัดจับผู้ต้องหา 2 ราย รับจ้างขนอาวุธปืนสงคราม M4A1 จำนวน 10 กระบอก, M79 จำนวน 14 กระบอก พร้อมเครื่องกระสุนปืนจำนวนมาก เตรียมนำส่งชายแดนพื้นที่ จังหวัดแม่ฮ่องสอน และต่อมา ขยายผลจับกุมผู้ร่วมขบวนการค้าอาวุธสงครามอีก 2 ราย ได้ในท้องที่ ต.ป่าตัน อ.เมืองเชียงใหม่ และ จว.กำแพงเพชร

ผลการตรวจค้นพบ สิ่งของที่สำคัญหลายรายการ ได้ทำการจับกุมในข้อกล่าวหา ครอบครองอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาตฯ พร้อมทั้งตรวจยึดสิ่งของต่างๆ เพื่อดำเนินการต่อไป

โดยของกลาง ประกอบด้วย อาวุธปืนเล็กขาว ทรง AR ขนาด 5.56 มม. ไม่ปรากฏเลข/เครื่องหมายประจำปืน จำนวน 10 กระบอก ซองกระสุนขนาด 5.56 มม. ขนาดบรรจุ 30 นัด จำนวน 10 ซอง เครื่องยิงลูกระเบิด ความกว้างปากลำกล้อง 40 มม. จำนวน 14 กระบอก ของกลางเพิ่มเติม (จว.กำแพงเพชร) อาวุธปืนพกสั้น 1 กระบอก เงินสด 2 ล้านบาท เสื้อเกาะกันกระสุน จำนวน 1 ตัว วิทยุสื่อสาร จำนวน 1 เครื่อง คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ค จำนวน 1 เครื่อง 

รพ.สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ จัดโครงการ SRK Innovation Day 2025 

รพ.สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์กรมแพทย์ทหารเรือ โดยสำนักงานวิจัยและการจัดการความรู้ รพ.ฯ ได้จัดโครงการ SRK Innovation Day 2025  ณ ห้องภูหลวง หอประชุม รพ.สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์กรมแพทย์ทหารเรือ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี

โดย พล.ร.ต.พัฒนชัย เฉลิมวรรณ์ ผู้อำนวยการ รพ.สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พร. มาเป็นประธานในพิธีเปิดโครงการ และร่วมชมโปสเตอร์นำเสนอผลงานนวัตกรรมของหน่วยงานฝ่ายการรักษาและฝ่ายสนับสนุนของ รพ.ฯ จำนวน ทั้งสิ้น 27 ผลงาน

โครงการฯ นี้ มีวัตถุประสงค์ เพื่อให้เกิดบรรยากาศการเรียนรู้โดย ผลงานนวัตกรรมที่ดีเหล่านี้ ยังสามารถต่อยอดเพื่อเป็นประโยชน์กับหน่วยงานภายในและขยายผลสู่หน่วยงานภายนอก รพ.ฯ ได้ต่อไป อีกด้วย

'สมศักดิ์' เปิดอาคารนิทรรศการไทย ในงาน Expo 2025 Osaka สุดยิ่งใหญ่ เชื่อ จะช่วยนำเสนอความเป็นไทย-ศักยภาพ-ความพร้อมเป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ ปลื้ม ให้งานเกรดเอ

'สมศักดิ์' เปิดอาคารนิทรรศการไทย ในงาน Expo 2025 Osaka สุดยิ่งใหญ่ เชื่อ จะช่วยนำเสนอความเป็นไทย-ศักยภาพ-ความพร้อมเป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ ปลื้ม ให้งานเกรดเอ แต่ยอมรับต้องปรับให้ว้าวขึ้น ชี้ หมอส่วนใหญ่จากสายวิทย์ อาจมีมุมมองไม่เหมือนสายศิลป์ แนะ บริษัท-ผู้ตรวจรับงาน ระดมสมองปรับแก้ เพื่อให้เกิดความพึ่งพอใจ ย้ำ สามารถปรับแก้ได้ ไม่ได้สายเกินไป

เมื่อวานนี้ (24 เม.ย.68) นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานพิธีเปิดอาคารนิทรรศการไทย (Thailand Pavilion) โดยมี นายชัย วัชรงค์ ผู้แทนการค้าไทย นายวิชชุ เวชชาชีวะ เอกอัครราชทูต ณ กรุงโตเกียว นายอัครพงศ์ เฉลิมนนท์ กงสุลใหญ่ ณ นครโอซากา นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข น.ส.ณัฐธิดา เทพสุทิน นายวินิจ เลิศรัตนชัย นพ.ภานุวัฒน์ ปานเกตุ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ นพ.สมฤกษ์ จึงสมาน อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก นพ.สุรโชค ต่างวิวัฒน์ เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา ผู้บริหารสมาคมญี่ปุ่นสำหรับงานนิทรรศการโลกปี 2025 และผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข เข้าร่วม ณ เวทีการแสดง อาคารนิทรรศการไทย ในงาน Expo 2025 Osaka Kansai นครโอซากา ประเทศญี่ปุ่น

โดยนายสมศักดิ์ กล่าวว่า ตนมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้มาเปิด อาคารนิทรรศการไทย (Thailand Pavilion) ในงาน Expo 2025 ที่นครโอซากา ในวันนี้ โดยเชื่อว่า อาคารนิทรรศการแห่งนี้ จะช่วยประชาสัมพันธ์ นำเสนอความเป็นไทย แสดงให้เห็นศักยภาพ และความพร้อมของไทย ในการเป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ Medical and Wellness Hub สู่สายตาประชาคมโลก ผ่านจุดแข็งที่สำคัญหลายประการ เช่น มีแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียง มีความพร้อมของสถานพยาบาลที่ได้มาตรฐานในระดับโลก มีแพทย์และบุคลากรที่มีความรู้และเชี่ยวชาญ มีอัตราค่าบริการการรักษาพยาบาลที่เหมาะสม คนไทยมีเซอร์วิสมายด์ของการบริการที่ดี มีสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบถ้วน รวมถึงมีความโดดเด่นด้านการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก เช่น ผลิตภัณฑ์จากสมุนไพรไทย และการนวดแผนไทย ซึ่งได้รับการยกย่อง ให้เป็นมรดกทางวัฒนธรรมของโลก

“ผมขอขอบคุณทุกท่าน ที่ช่วยกันขับเคลื่อนงานที่สำคัญในครั้งนี้ ผมเชื่อมั่นว่า อาคารนิทรรศการไทยพร้อมแล้ว ที่จะต้อนรับนักท่องเที่ยวและนักลงทุน ทั้งชาวญี่ปุ่น และทุกประเทศทั่วโลก ให้เข้ามาเรียนรู้ สัมผัสประสบการณ์อันน่าประทับใจ ช่วยสร้างความเชื่อมั่น และขยายโอกาสการลงทุน ทำให้ประเทศไทย เป็นจุดหมายปลายทางด้านสุขภาพของคนทั้งโลกต่อไป” รมว.สาธารณสุข กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังนายสมศักดิ์ กล่าวเปิดงาน ได้มีการแสดงสะท้อนความเป็นไทยอย่างยิ่งใหญ่ มีการแสดงรำวง ที่นายสมศักดิ์ ได้ร่วมรำด้วย ก่อนจะมีการแสดงเต้นจากโครงการ TO BE NUMBER ONE โดยบรรยากาศ เป็นไปด้วยความคึกคัก มีนักท่องเที่ยวจำนวนมาก ต่างให้ความสนใจ มาร่วมดูกิจกรรมด้วย

นอกจากนี้ นายสมศักดิ์ ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนว่า วันนี้ ตนได้มาดู พาวิลเลียนไทย ในงาน Expo 2025 Osaka โดยจากคำวิพากษ์วิจารณ์ ตนก็ได้พบได้เห็นหลายๆอย่าง และพยายามทำความเข้าใจในเนื้องานทั้งหมด ซึ่งคำว่า Expo คือ งานแสดงสินค้า และการบ่งบอกถึงอัตลักษณ์ ดังนั้น ในคอนเซ็ปต์คือ การเชื่อมโยงภูมิปัญญาไทย ที่เริ่มตั้งแต่ 1 หมุดหมายสุขภาพ ไปจนถึง 1 ล้านรอยยิ้ม โดยสรุปแล้วคือ การกินดี อยู่ดี ด้วยภูมิปัญญาไทย และจากที่ตนได้เดินดูทั้งหมดแล้ว ต้องบอกว่า ในความเข้าใจ ความรู้สึกของคนมาดู มองว่า เราอาจแบ่งสายการศึกษาเป็น 2 สาย คือ สายวิทย์ และสายศิลป์ ซึ่งคนในกระทรวงสาธารณสุข ส่วนใหญ่เป็นสายวิทยาศาตร์ ก็อาจจะมองในสิ่งที่สายศิลป์มองอย่างชัดเจนและเก่งกล้า ไม่ออกทั้งหมด 

นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า การนำเสนอที่ยังมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์โดยเฉพาะเรื่องต้นไม้ หรือ สิ่งต่างๆที่สามารถเพิ่มเติมได้ตามแนวทางของสัญญา ก็สามารถปรับแก้ได้ ตนคิดว่า ไม่ได้สายเกินไป โดยในช่วงหลังเปิด 10 วันที่ผ่านมา ส่วนหนึ่งก็มีวิพากษ์วิจารณ์ออกมา ดังนั้น ตนคิดว่า ทางบริษัท และผู้ตรวจงาน ต้องดูคอมเมนต์ต่างๆที่ออกมาด้วย โดยเรามีความเป็นไทยที่มีภูมิปัญญาจากอดีตถึงปัจจุบัน และอนาคต ในเรื่องสุขสมบูรณ์ จึงอยากให้มองตรงนี้ ส่วนจะวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างไร ก็พร้อมรับคำวิจารณ์ และแก้ไข

เมื่อถามว่า จากการดูงานแล้ว อยากให้ปรับตรงไหนเพิ่มหรือไม่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า มีปรับในห้อง แต่ตนในฐานะสายวิทย์ มองว่า ให้เกรดเอ 80 คะแนน โดยในกระทรวงสาธารณสุข ส่วนใหญ่เป็นสายวิทยาศาสตร์ ก็มองดูแล้ว มาบ่นฉันทำไม แต่คนที่มาวิพากษ์วิจารณ์คือ สายศิลป์ โดยให้คะแนนถึงครึ่งหรือเปล่าก็ไม่รู้ โดยบางคนให้คะแนน 2 เต็ม 10 ก็ไปว่าเขาไม่ได้ เพราะในมุมมองของคนมันต่างกัน แต่เราก็ต้องทำให้เกิดความพึ่งพอใจ เนื่องจากเม็ดเงิน 800 กว่าล้านบาท ก็ต้องทำให้เกิดความพึ่งพอใจของคนที่มองอยู่ ซึ่งมีทั้งพอใจ และไม่พอใจ ดังนั้น เราก็ต้องปรับเปลี่ยนแนวทางการนำเสนอให้ว้าวขึ้น ตนจึงอยากให้บริษัท และผู้ตรวจรับงาน ได้ระดมสมองกัน ส่วนสำหรับตน ก็จะมีที่ปรึกษา ที่ขอให้ช่วยดู ทั้งในเนื้องาน และการทำงานของเม็ดเงินต่างๆ ที่ยังเหลืออยู่ประมาณ 40% ด้วย

เมื่อถามว่า ในส่วนของเนื้อหา มีความพอใจที่ตอบสนองกับธีมของงานอยู่แล้วใช่หรือไม่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ก็ถูก เพราะธีมของงาน ตนก็พยายามดูว่า ผิดอะไรหรือไม่ แต่ของเราอยู่ในมุม ความเชื่อมโยงของวัฒธรรมสังคม ที่ต่อเนื่องสุขสมบูรณ์ โดยของที่เอามาโชว์ทั้งหมด ก็ใช้ได้ แต่ก็ต้องปรับให้ว้าวขึ้น ส่วนตัวเลขคนเข้ามาดู ก็ต้องปรับการบริหาร เพราะตามแนวทางคาดว่า 1-2 ล้านคน ซึ่งถ้าอยากได้ตัวเลขนี้ ก็ต้องมีคนชมวันละ 1 หมื่นคน โดยที่ผ่านมา นับแค่คนเข้าอาคาร แต่งานของเรามีนอกตัวอาคารด้วย ก็ต้องมีการปรับแก้ตรงนี้ด้วย

ศรชล.ภาค 3 จับกุมเรือประมงอินโดนีเซียพร้อมลูกเรือ 5  คน ลุกล้ำเข้ามาทำการประมงในน่านน้ำไทย

เมื่อวันที่ 23 เม.ย.68  พลเรือโทสุวัจ ดอนสกุล ผอ.ศรชล.ภาค 3 สั่งการให้ นาวาเอกแสนย์ไท บัวเนียม รอง ศรชล.จว.สตูล, นป.สอ.รฝ.491 ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ออกปฏิบัติการจับกุมเรือประมงอินโดนีเซีย หลังจากที่ได้รับการรายงานจาก ศคท.จว.สตูล ว่า มีเครือข่ายเรือประมงไทยพบเห็นเรือประมงต่างชาติคาดว่าเป็นเรือประมงของอินโดนีเซียลักลอบทำการประมงบริเวณทางทิศตะวันตกของเกาะหลีเป๊ะ ห่างออกไปประมาณ 13.75 ไมล์

นป.สอ.รฝ.491 จึงได้นำเรือยาง พร้อมเจ้าหน้าที่ออกตรวจสอบ และ ศคท.จว.สตูล ได้นำเรือปฏิบัติการความเร็วสูง ศรชล.4006 พร้อมกำลังพล ออกตามไปสมทบ จนกระทั่งสามารถควบคุมเรือลำดังกล่าวและคนบนเรือรวม 5 คน ไว้ได้ ประกอบด้วยไต๋เรือ 1 คน ลูกเรือ 4 คน ทั้งหมดเป็นชาวอินโดนีเซีย พร้อมกับได้ควบคุมทั้งหมดมาที่เกาะหลีเป๊ะ เพื่อส่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป ทาง ศรชล.ภาค 3 ขอขอบคุณเครือข่ายเรือประมง ที่พบเห็นเรือต่างชาติ, เรือที่ไม่คุ้นตา ไม่เคยพบเห็นในพื้นที่ แล้วแจ้งมายัง ศรชล.ภาค 3, ซึ่งเป็นการปฏิบัติที่ต้องชื่นชม ทุกคนต้องช่วยกันหวงแหน และรักษาไว้ซึ่งทรัพยากรของชาติ

เหตุด่วน เหตุร้าย ภัยทางทะเล ต้องการความช่วยเหลือทางทะเล โทร  1465 แจ้ง ศรชล.ภาค 3 ตลอด 24 ชั่วโมง

ผบ.ตร. พบปะสื่อมวลชน พูดคุยอย่างเป็นกันเอง ตอบทุกคำถามอย่างเปิดใจ

เมื่อวานนี้ (24 เม.ย.68) เวลา 12.30 น. พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้ให้เกียรติพบปะสื่อมวลชน ณ ห้องกระจก ชั้น 2 อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในบรรยากาศเป็นกันเอง พร้อมร่วมรับประทานอาหารกลางวันร่วมกับผู้สื่อข่าวจากหลากหลายสำนักข่าว

ภายหลังการรับประทานอาหาร พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ฯได้เปิดโอกาสให้สื่อมวลชนซักถามอย่างเต็มที่ พร้อมตอบคำถามในประเด็นต่าง ๆ อย่างเปิดใจ โดยเฉพาะเรื่องภารกิจสำคัญและนโยบายของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งล้วนแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการขับเคลื่อนองค์กรด้วยความโปร่งใส และพร้อมรับฟังความคิดเห็นจากทุกภาคส่วน

นายกอินเดียลั่น ‘ตามล่าถึงขอบโลก’ ผู้ก่อเหตุชาวปากีฯ กราดยิงในแคชเมียร์ พร้อมตัดสนธิสัญญาแม่น้ำสินธุ-ขับเจ้าหน้าที่ปากีสถานพ้นประเทศ

(25 เม.ย. 68) นายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี (Narendra Modi) ของอินเดีย ประกาศจุดยืนอย่างแข็งกร้าวว่าจะ “ไล่ล่าผู้ก่อการร้ายและผู้สนับสนุนไปจนสุดขอบโลก” เพื่อตอบโต้เหตุกราดยิงนักท่องเที่ยวในแคชเมียร์ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจระบุว่าผู้ก่อเหตุ 2 ใน 3 รายเป็นชาวปากีสถาน โดยไม่เอ่ยชื่อปากีสถานโดยตรง แต่ท่าทีแข็งกร้าวของผู้นำอินเดียสะท้อนถึงความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นระหว่างสองประเทศเพื่อนบ้าน

อินเดียตอบโต้ทางการทูตโดยระงับสนธิสัญญาแบ่งปันแม่น้ำสินธุที่มีมายาวนานกว่า 60 ปี และปิดด่านพรมแดนทางบกเพียงแห่งเดียวกับปากีสถาน นอกจากนี้ ยังเรียกตัวที่ปรึกษาด้านกลาโหมกลับประเทศ พร้อมลดจำนวนเจ้าหน้าที่สถานทูตในอิสลามาบัดจาก 55 คน เหลือ 30 คน และประกาศให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายป้องกันของสถานทูตปากีสถานเป็น “บุคคลไม่พึงปรารถนา”

ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจในแคชเมียร์ได้เผยชื่อผู้ต้องสงสัยทั้ง 3 ราย พร้อมเสนอเงินรางวัลนำจับ โดยระบุว่ามือปืน 2 คนเป็นชาวปากีสถาน และคาดว่าเชื่อมโยงกับกลุ่มติดอาวุธข้ามพรมแดน ขณะที่กระทรวงการต่างประเทศอินเดียแถลงว่าคณะกรรมการความมั่นคงแห่งชาติได้รับข้อมูลเกี่ยวกับความเชื่อมโยงดังกล่าวแล้ว แต่ยังไม่เปิดเผยรายละเอียด

เหตุโจมตีนี้นับเป็นการโจมตีพลเรือนครั้งรุนแรงที่สุดในรอบเกือบ 20 ปีของอินเดีย สื่อท้องถิ่นรายงานว่า นายกฯ โมดีเรียกประชุมทุกพรรคการเมืองเพื่อหารือแนวทางตอบโต้และสร้างความเป็นเอกภาพ ขณะที่ปากีสถานออกมาตอบโต้ว่า อินเดียระงับสนธิสัญญาแม่น้ำอย่างบุ่มบ่าม และถือเป็นการ 'ก่อสงครามน้ำ' อย่างผิดกฎหมายอีกด้วย

ผบ.ตร.ลงพื้นที่เหตุเครื่องบินตกที่ อ.หัวหิน สดุดีทุกคนที่อยู่บนเครื่องบินลำดังกล่าว บังคับเครื่องตกลงทะเลเพื่อไม่ให้ตกในเขตบ้านเรือนประชาชน

(25 เม.ย.68) พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เดินทางลงพื้นที่เกิดเหตุเครื่องบินของกองบินตำรวจตกบริเวณทะเลใกล้กับสนามบินบ่อฝ้าย อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ทันทีที่ได้รับรายงาน พร้อมด้วย นายสิทธิชัย สวัสดิ์แสน ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ , พล.ต.ท.นิตินัย หลังยาหน่าย ผู้บัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน , พล.ต.ต.ศิริกุล บุญอิ้ง ผู้บังคับการสนับสนุนทางอากาศ กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน และผู้แทนหน่วยต่างๆ ได้แก่ การท่าอากาศยานหัวหิน , หน่วยบัญชาการอากาศโยธิน กองทัพอากาศ , พิสูจน์หลักฐานตำรวจ

ทั้งนี้ เมื่อถึงพื้นที่ ผบ.ตร. แสดงความเคารพร่างตำรวจผู้เสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ พร้อมยกย่องสดุดีนักบิน วิศวกร และช่างเครื่องทุกคน เพราะจากการตรวจสอบเบื้องต้นในขณะเกิดเหตุเครื่องบินจะเสียหลักทิศทางมุ่งไปยังบ้านเรือนประชาชน แต่นักบินบังคับเครื่องให้มาทางทะเลเพื่อไม่ให้เกิดความสูญเสียกับพี่น้องประชาชน นับเป็นความสูญเสียบุคลากรที่มากความสามารถทั้ง 5 นาย และบาดเจ็บอีก 1 นาย ที่รักษาตัวที่โรงพยาบาลหัวหิน

ผบ.ตร.ได้สั่งการให้มีการตั้งคณะกรรมการและทีมสอบสวนหาสาเหตุที่เกิดขึ้นแล้ว ส่วนการเก็บกู้มอบหมายให้กองบังคับการสนับสนุนทางอากาศ กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน ตำรวจน้ำ ร่วมกับกองบินตำรวจ ดำเนินการนำเครื่องบินดังกล่าวขึ้นมาจากทะเล คาดว่าใช้เวลาอย่างน้อย 1 วัน โดยจะเร่งดำเนินการให้เร็วที่สุด และไม่ให้เกิดความเสียหายต่อพยานหลักฐานต่างๆ และกำชับดูแลการเคลื่อนย้ายร่างผู้เสียชีวิตเพื่อชันสูตร ประสานญาติเพื่อนำร่างไปประกอบพิธีกรรมทางศาสนา ดูแลครอบครัวของผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บอย่างใกล้ชิด และจัดพิธีอย่างสมเกียรติ ดูแลสวัสดิการอย่างเต็มที่ พร้อมกำชับให้เร่งสืบสวนหาข้อเท็จจริง เพื่อป้องกันเหตุการณ์ลักษณะเดียวกันไม่ให้เกิดขึ้นซ้ำในอนาคต ทุกขั้นตอนเป็นไปตามกฎหมาย สมเกียรติ 

จากนั้น ผบ.ตร. และคณะ ได้เดินทางไป เพื่อเยี่ยมอาการ “ร้อยตำรวจเอก จตุรงค์ วัฒนไพรสาณฑ์” นักบินที่รอดชีวิต ซึ่งรักษาตัวที่โรงพยาบาลหัวหิน ล่าสุดมีอาการกระดูกใบหน้าหัก เจาะปอดใส่ท่อระบายของเสียออกจากทรวงอก ไม่พบว่าได้รับการกระทบกระเทือนทางสมองแต่อย่างใด ล่าสุดได้ประสานกับทางโรงพยาบาลตำรวจ หากต้องมีการเคลื่อนย้ายไปรักษา ยืนยันดูแลรักษาอย่างเต็มที่

ปตท.สผ. เผย Q1/68 กำไรสุทธิ 1.6 หมื่นล้าน พร้อมส่งเงินเข้ารัฐกว่า 6.8 พันล้านบาท

(25 เม.ย. 68) ปตท.สผ. เผยความคืบหน้าการดำเนินงานในไตรมาสแรกของปี 2568 และความก้าวหน้าที่สำคัญ เพื่อส่งเสริมความมั่นคงทางพลังงานให้กับประเทศ และการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก รวมทั้ง สามารถนำส่งรายได้จากการดำเนินงานให้กับรัฐกว่า 6,800 ล้านบาท ซึ่งจะเป็นส่วนหนึ่งในการส่งเสริมความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชน และการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ

นายมนตรี ลาวัลย์ชัยกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท.สผ. กล่าวว่าในไตรมาสที่ 1 และในช่วงที่ผ่านมา บริษัทมีความก้าวหน้าในการดำเนินธุรกิจหลายด้าน โดยล่าสุด ปตท.สผ. ได้ลงนามสัญญาซื้อขายก๊าซธรรมชาติส่วนเพิ่มของแหล่งอาทิตย์ กับ ปตท. ซึ่งเป็นผู้ซื้อ เพื่อเพิ่มปริมาณการขายก๊าซธรรมชาติต่อวันตามสัญญา (Daily Contract Quantity หรือ DCQ) ขึ้นเป็น 330 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน จากเดิมที่ปริมาณ 280 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน ซึ่งจะมีผลตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2568 เป็นต้นไป ซึ่งจะช่วยตอบสนองความต้องการใช้ก๊าซธรรมชาติของประชาชน และส่งเสริมการสร้างความมั่นคงทางพลังงานให้กับประเทศ นอกจากนี้ ในเดือนเมษายน 2568 ปตท.สผ. ยังได้เข้าซื้อสัดส่วนการถือหุ้นเพิ่มเติมในบริษัท APICO LLC ซึ่งเป็นผู้ร่วมทุนในโครงการสินภูฮ่อม แหล่งปิโตรเลียมบนบกที่สำคัญในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทย ส่งผลให้ ปตท.สผ. ถือหุ้นทั้งทางตรงและทางอ้อมในโครงการสินภูฮ่อมเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 90 จากเดิมร้อยละ 80.487 และได้รับปริมาณการผลิตเพิ่มขึ้นตามสัดส่วนการลงทุนที่เพิ่มขึ้นด้วย ซึ่งในปี 2567 โครงการสินภูฮ่อมมีปริมาณการผลิตก๊าซธรรมชาติเฉลี่ย 105 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน และคอนเดนเสท 222 บาร์เรลต่อวัน

สำหรับการพัฒนาโครงการดักจับและกักเก็บก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (Carbon Capture and Storage หรือ CCS) ที่โครงการอาทิตย์ ได้รับการบรรจุอยู่ในแผนปฏิบัติการด้านการลดก๊าซเรือนกระจกของประเทศปี 2564-2573 (Nationally Determined Contribution Action Plan Mitigation 2021-2030) แล้วในปี 2567 ที่ผ่านมา โดยขณะนี้ บริษัทอยู่ระหว่างดำเนินการทำข้อตกลงต่าง ๆ เพื่อเตรียมความพร้อมเข้าสู่การตัดสินใจลงทุนขั้นสุดท้าย (FID) โดยคาดว่าจะช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ประมาณ 700,000 – 1,000,000 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี 

นอกจากนี้ ปตท.สผ. ยังได้ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการ (MOU) กับมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เพื่อส่งเสริมการวิจัยและพัฒนานวัตกรรม เทคโนโลยีขั้นสูง ต่อยอดองค์ความรู้ รวมทั้ง การพัฒนาบุคลากร ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อภาคการศึกษาและภาคอุตสาหกรรมต่าง ๆ รวมถึงจะเป็นประโยชน์ต่อประเทศต่อไปในอนาคต 

สำหรับผลประกอบการในไตรมาส 1 ปี 2568 ปตท.สผ. มีรายได้รวม 74,196 ล้านบาท (เทียบเท่า 2,185 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) โดยมีปริมาณขายปิโตรเลียมเฉลี่ยอยู่ที่ 484,218 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 2 เมื่อเทียบกับไตรมาส 1 ปี 2567 ซึ่งส่วนใหญ่มาจากอัตราการผลิตปิโตรเลียมของโครงการ G1/61 ที่เพิ่มขึ้น ขณะที่ราคาขายผลิตภัณฑ์เฉลี่ยอยู่ที่ 45.74 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ ปรับตัวลดลงตามราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก จึงส่งผลให้ไตรมาสที่ 1 นี้ บริษัทมีกำไรสุทธิ 16,561 ล้านบาท (เทียบเท่า 488 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) 

จากผลการดำเนินงานดังกล่าว ปตท.สผ. ได้นำส่งรายได้ให้กับรัฐในรูปของภาษีเงินได้ ค่าภาคหลวง และส่วนแบ่งผลประโยชน์อื่น ๆ ในไตรมาส 1 ปี 2568 จำนวนกว่า 6,800 ล้านบาท เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาประเทศด้านต่าง ๆ เช่น การพัฒนาชุมชน การศึกษา และการวิจัยและพัฒนา เป็นต้น นอกจากนี้ รัฐยังได้รับส่วนแบ่งของผลผลิตปิโตรเลียมจากโครงการ G1/61 และ G2/61 ซึ่งอยู่ภายใต้สัญญาแบ่งปันผลผลิต (PSC) เป็นรายได้ทางตรงจากการผลิตปิโตรเลียมที่รัฐนำมาใช้ประโยชน์ในการพัฒนาประเทศอีกส่วนหนึ่งด้วย

ททท. เปิดเวทีเจรจาธุรกิจสินค้าบริการท่องเที่ยว เน้นกลุ่ม Health and Wellness หวังดึง นทท. คุณภาพ

(25 เม.ย.68) การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จัดกิจกรรม Amazing Thailand Health & Wellness Trade Meet 2025 เวทีเจรจาธุรกิจระหว่างผู้ประกอบการไทยและต่างชาติ สำหรับสินค้าบริการทางการท่องเที่ยวกลุ่ม Health and Wellness ของไทย พร้อมจัดสำรวจและทดสอบสินค้าและบริการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพในประเทศไทยให้ผู้ประกอบการต่างชาติที่เข้าร่วมงาน หวังดึงนักท่องเที่ยวคุณภาพจากทั่วโลก 

นางจิระวดี คุณทรัพย์ รองผู้ว่าการด้านตลาดยุโรป อเมริกา ตะวันออกกลาง และแอฟริกา ททท. กล่าวว่า ททท. มุ่งส่งเสริมการท่องเที่ยวกลุ่ม Health and Wellness ซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมาย High Value ที่มีการใช้จ่ายสูง ผ่านการจัดกิจกรรม Amazing Thailand Health & Wellness Trade Meet 2025 ซึ่งอยู่ภายใต้โครงการ Amazing Thailand Health & Wellness Journey เพื่อนำเสนอสินค้าและบริการด้าน Health and Wellness ของประเทศไทยให้เป็นที่รู้จัก โดยนำผู้ประกอบการจากต่างประเทศทั่วโลกจำนวน 100 ราย ได้แก่ ภูมิภาคยุโรป 19 ราย ภูมิภาคอเมริกา ตะวันออกกลาง และแอฟริกา 11 ราย ภูมิภาคเอเชียตะวันออก 40 ราย และภูมิภาคอาเซียน เอเชียใต้ และแปซิฟิกใต้ 30 ราย ร่วมเจรจาธุรกิจกับผู้ประกอบการไทยจำนวน 50 ราย ที่มาร่วมนำเสนอสินค้าและบริการทางด้านสุขภาพที่หลากหลาย ได้แก่ สปาบำบัด บริการการแพทย์เพื่อสุขภาพในโรงพยาบาล โรงแรมสุขภาพชั้นนำ อาทิ Chiva-Som, Kamalaya และ Sri Panwa ศูนย์สุขภาพที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล อาทิ BDMS Wellness Clinic, RAKxa Integrative Wellness และ โรงพยาบาลกรุงเทพพัทยา เป็นต้น พร้อมนี้ยังได้จัดกิจกรรมทัศนศึกษาสำรวจและทดสอบสินค้าและบริการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพในประเทศไทยตามพฤติกรรมและความสนใจของนักท่องเที่ยวในแต่ละภูมิภาค เพื่อกระตุ้นการส่งเสริมตลาดและตอกย้ำภาพลักษณ์ประเทศไทยในฐานะ Quality Destination สู่สายตานักท่องเที่ยวต่างชาติ

กิจกรรมภายในงาน Amazing Thailand Health & Wellness Trade Meet 2025 ประกอบด้วย กิจกรรม Thailand Health and Wellness Product Update นำเสนอสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพให้แก่ผู้เข้าร่วมงาน โดยนางสาว เอิบลาภ ศรีภิรมย์ ผู้อำนวยการฝ่ายสินค้าการท่องเที่ยว ททท. กิจกรรมเสวนาในหัวข้อ Wellness Hub Thailand โดยนายแพทย์ตนุพล วิรุฬหการุญ ประธานคณะผู้บริหาร บีดีเอ็มเอส เวลเนส คลินิก และ บีดีเอ็มเอส เวลเนส รีสอร์ท บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน)

นอกจากนี้ยังมี การจัด Showcase และกิจกรรม DIY ด้าน Wellness ได้แก่ การทำยาดมสูตรเฉพาะในแบบฉบับของตนเอง อาหารสุขภาพ และ การตรวจธาตุเจ้าเรือนตามภูมิปัญญาไทยพร้อมวิธีการดูแลตนเอง นอกจากนี้ยังได้นำผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวต่างชาติร่วมสำรวจและทดสอบสินค้าและบริการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพในประเทศไทย (Amazing Thailand Health & Wellness Fam Trip) โดยแบ่งกลุ่มผู้ประกอบการเดินทางทัศนศึกษาในพื้นที่ศักยภาพ อาทิ กรุงเทพมหานคร, เชียงใหม่, หัวหิน ประจวบคีรีขันธ์, นครปฐม, กาญจนบุรี, พัทยา ชลบุรี, ปราจีนบุรี, เกาะสมุย สุราษฎร์ธานี, ภูเก็ต, พังงา, กระบี่, เขาใหญ่ นครราชสีมา ใน 2 ช่วงก่อนและหลังกิจกรรม Trade Meet ได้แก่ Pre Trip ในวันที่ 21 – 24 เมษายน 2568 และ Post Trip ในวันที่ 26 -29  เมษายน 2568

ทั้งนี้ นักท่องเที่ยวกลุ่ม Health and Wellness ถือเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวศักยภาพมีค่าใช้จ่ายเฉลี่ย 100,259 บาทต่อคนต่อทริป โดยสินค้ายอดนิยมในประเทศไทย นอกจากสินค้าประเภทการนวดแผนไทยและสปาแล้ว ยังมีกิจกรรมเชิงสุขภาพ อาทิ โยคะ อาหารสุขภาพ Wellness Program for Antiaging, Retreat, สุขภาวะองค์รวม (Holistic Wellness ) รวมไปถึงด้าน Medical อาทิ การศัลยกรรมความงาม การมีบุตร เป็นต้น ที่ได้รับความนิยมจากกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยจังหวัดที่ได้รับความนิยมในด้าน Health and Wellness ได้แก่ กรุงเทพมหานคร ชลบุรีภูเก็ต สุราษฎร์ธานี และ กระบี่

‘จีน’ ผนึกกำลัง ‘รัสเซีย’ สร้างบ้านหลังแรกของมนุษย์บนดวงจันทร์ ตั้งเป้าฐานถาวรพร้อมแหล่งพลังงานนิวเคลียร์ภายในปี 2035

(25 เม.ย. 68) จีนและรัสเซียเดินหน้าขยายความร่วมมือด้านอวกาศอย่างต่อเนื่อง โดยลงนามบันทึกข้อตกลงเพื่อพัฒนาสถานีวิจัยดวงจันทร์นานาชาติ (ILRS) ร่วมกันตั้งแต่เดือนมีนาคม 2021 และกำหนดเริ่มภารกิจสำรวจดวงจันทร์ภายในปี 2026 ทั้งสองประเทศยืนยันเป้าหมายจะสร้างฐานทัพที่มนุษย์สามารถอาศัยอยู่ได้อย่างถาวรภายในทศวรรษหน้า

หนึ่งในเป้าหมายหลักคือการติดตั้งโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์บนดวงจันทร์ เพื่อรองรับการใช้พลังงานในช่วงกลางคืนอันยาวนานของดวงจันทร์ที่ไร้แสงอาทิตย์ โดย เป่ย เจ้าอวี่ (Pei Zhaoyu) หัวหน้าวิศวกรของภารกิจฉางเอ๋อ-8 (Chang’e-8) เผยว่าโรงไฟฟ้าจะช่วยสนับสนุนการดำเนินงานของ ILRS ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

เมื่อวันที่ 24 เมษายน ซึ่งเป็นวันอวกาศของจีน ตัวแทนของจีนและรัสเซียได้พบปะเพื่อย้ำจุดยืนร่วมด้านความร่วมมืออวกาศ โดยรัสเซียได้นำเสนอแผนการสำรวจทรัพยากรแร่ธาตุและน้ำบนดวงจันทร์ พร้อมทั้งแนวคิดใช้วัสดุจากดวงจันทร์เป็นเชื้อเพลิงในอนาคต ขณะที่จีนตั้งเป้าส่งมนุษย์เหยียบดวงจันทร์ภายในปี 2030

ระหว่างปี 2033-2035 จีนและรัสเซียมีแผนสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ร่วมบนดวงจันทร์ ขณะนี้มี 17 ประเทศเข้าร่วมโครงการ ILRS และจีนตั้งเป้าขยายพันธมิตรเพิ่มเป็น 50 ประเทศ โดยเน้นกลุ่ม BRICS และประเทศกำลังพัฒนา

โครงการ ILRS ได้รับการแบ่งเป็น 3 ระยะ เริ่มจากการสำรวจและระบุตำแหน่งฐาน ทดสอบเทคโนโลยี ต่อด้วยการสร้างระบบสื่อสารและการขนส่ง ก่อนเข้าสู่ระยะสุดท้ายคือการขยายสถานีวิจัยและส่งมนุษย์ขึ้นสำรวจดวงจันทร์ โดยประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ระบุว่า โครงการนี้ “น่าสนใจและมีแนวโน้มดีมาก” ในระหว่างการเยือนจีนปี 2024


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top