Friday, 29 March 2024
TheStatesTimes

อังกฤษวิกฤติ ! พยาบาลขาดแคลนหลักหมื่นชีวิต

สถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ในประเทศแถบยุโรปยังคงต้องติดตามอย่างใกล้ชิด ล่าสุดเริ่มมีการระบาดระลอกสอง เป็นเหตุให้ในประเทศอังกฤษ ประกาศล็อคดาวน์รอบใหม่ไปเมื่อวันที่ 5 พ.ย. ที่ผ่านมา

งานนี้กินระยะเวลากว่า 1 เดือน เพื่อควบคุมการระบาดรอบใหม่ครั้งนี้ วิกฤติรอบใหม่ในอังกฤษเริ่มมีสัญญาณเตือนจากยอดผู้ป่วยหนักที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล เพิ่มขึ้นจากราว 2,000 คน มาเป็นเกือบ 10,000 คน ในช่วงเดือนกันยายนที่ผ่านมา

แต่เรื่องที่น่ากังวลไปกว่านั้น เมื่อมีรายงานจากราชวิทยาลัยการพยาบาล (Royal College of Nursing) แห่งสหราชอาณาจักร แจ้งว่า ตำแหน่งงานด้านพยาบาลในระบบสุขภาพแห่งชาติ (NHS) ยังว่างอยู่ถึง 40,000 อัตรา

ปัญหานี้ดูจะสวนทางกับตัวเลขจำนวนผู้ป่วยโควิด-19 ที่มากขึ้น แถมตามรายงานยังบอกอีกด้วยว่า เมื่อเข้าสู่ฤดูหนาวอย่างเต็มตัว การสรรหาบุคลากรตำแหน่งนี้จะยิ่งเป็นได้ยากมากขึ้นอีก

เรียกว่าเป็นวิกฤติซ้อนวิกฤติที่ต้องแก้ไขไปให้ได้ ขอส่งกำลังใจและภาวนาให้ยอดผู้ป่วยลดลงโดยไว


อ้างอิง: https://www.xinhuathai.com/inter/151940_20201109

ภาพจาก: Manchester Evening News

10 Playlist อยากเปิดให้ ‘ทรัมป์’ ฟังตอนว่างงาน

ตามหน้าข่าว! ศึกแย่งชิงเก้าอี้ประธานาธิบดีสหรัฐฯ 2020 ปิดฉากลงเป็นที่เรียบร้อย 'โจ ไบเดน' ผู้สมัครจากพรรคเดโมแครต มีผลคะแนนเสียง Electoral Votes เกิน 270 เสียง ทำให้สามารถคว้าชัยชนะเหนือ 'โดนัลด์ ทรัมป์' อดีตผู้นำจากพรรคริพับลิกันได้สำเร็จ เตรียมก้าวสู่การเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนที่ 46 

งานนี้ทรัมป์ คุณคือผู้ที่ไม่ได้ไปต่อ ><’ ต้องเก็บกระเป๋าออกจากทำเนียบขาว โบกมือบ๊ายบายวลีอันโด่งดัง “Make America Great Again” หลงเหลือไว้เพียงตำแหน่ง ‘อดีตประธานาธิบดี’ จารึกไว้ในประวัติศาสตร์ของสหรัฐอเมริกา

การกลับมาเป็นพลเมืองอเมริกันธรรมดาก็คงทำให้ทรัมป์ตกอยู่ในสถานะว่างงานสักพักใหญ่ The State Time Lite ก็เลยเห็นใจท่าน เอ้ย! เห็นว่าท่านว่างๆ จึงขอจัด Playlist รวบรวม 10 เพลงดัง มอบให้ทรัมป์ฟังในช่วงเวลานี้ ถือเป็นบทเพลงแห่งการมูฟออนและการพักผ่อนหลังทำงานหนักมา 4 ปีเต็ม จัดไป!!


 

.

1. In The End - Linkin Park

เพลงร็อกระดับขึ้นหิ้งจากอัลบั้ม Hybrid Theory ของวง Linkin Park ที่เล่าถึงการพยายามทำอะไรสักอย่างอย่างเต็มที่ โดยทุ่มเททั้งความเชื่อมั่นและเชื่อใจ แต่สุดท้ายผลลัพธ์กลับว่างเปล่า ไม่ต่างจากทรัมป์ที่พยายามจะครองเก้าอี้ผู้นำสหรัฐฯ สมัยที่ 2 พยายามทำทุกหนทางเพื่อรั้งตำแหน่งไว้ แต่ก็พ่ายแพ้ผลการเลือกตั้งจากการตัดสินใจของประชาชนทั้งประเทศในที่สุด 

.

 

.

2. Don't Look Back In Anger – Oasis

สาวกบริตป๊อบและคอเพลงยุค ‘90s ต้องรู้จักเพลงนี้ของวง Oasis อย่างแน่นอน เหมาะที่จะมอบให้ทรัมป์ฟังเพื่อเตือนใจไว้เสมอว่า จงอย่ามองย้อนกลับไปในความโกรธเคืองเลยนะ เงยหน้าและมูฟออนต่อไป แพ้เลือกตั้งไม่ใช่จุดสิ้นสุดของทุกอย่าง กลับบ้านเปิดเพลงนี้กรอกหูน่าจะช่วยทำให้ใจเย็นขึ้นได้

.

 

.

3. American Idiot – Green Day

บทเพลงวิจารณ์การทำงานของสื่อและเหน็บแนมความฝันแบบอเมริกันชน ซึ่ง Green Day ขึ้นชื่อว่าเป็นวงดนตรีที่มักทำเพลงมีเนื้อหาเกี่ยวกับการเมือง และเคยทำมิวสิกวิดีโอล้อเลียนทรัมป์อยู่หลายครั้ง เมื่อทรัมป์ลงจากตำแหน่งแล้วก็หวังว่าเขาจะมีเวลาว่างนั่งทบทวนกระแสวิจารณ์ต่างๆ ผ่านบทเพลงของวงนี้ 

.

 

.

4. Be My Mistake - The 1975

เมื่อ 4 ปีก่อน ทรัมป์เคยได้คะแนนส่วนใหญ่มาครองและมีโอกาสเข้ามาบริหารประเทศ ระหว่างนั้นมีการดำเนินหลายนโยบายที่สร้างเสียงวิพากษ์วิจารณ์ ไม่ว่าจะเป็นการกีดกันทางเชื้อชาติและศาสนา หรือแม้กระทั่งการควบคุมการระบาดของ COVID-19 แต่ยุคสมัยของผู้นำคนใหม่มาถึงแล้ว สิ่งที่ผิดพลาดในอดีตก็เก็บไว้เป็นบทเรียน

.

 

.

5. F*ck, I'm Lonely – Lauv

เป็นเรื่องธรรมดาสำหรับคนแพ้ที่ต้องดูแลตัวเอง โดยเฉพาะในเวลานี้ที่ผู้คนทั่วโลกต่างพากันให้ความสนใจ ‘โจ ไบเดน’ ว่าที่ประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐอเมริกา สื่อต่างๆ ก็นำเสนอชีวประวัติและผลงานของเขาแทบทุกชั่วโมง จนแทบไม่มีใครสนใจทรัมป์แล้ว งานนี้แหละคือความเหงาที่แท้จริงจนต้องเปิดแทร็ก “F*ck, I’m Lonely” ฟังแก้เซ็ง

.

 

.

6. When The Party's Over - Billie Eilish 

งานเลี้ยงต้องมีวันเลิกราฉันใด การนับผลคะแนนเลือกตั้งก็ต้องสรุปผลฉันนั้น แม้ช่วงแรกๆ คะแนนของทรัมป์จะนำโด่งในหลายรัฐ แต่ช่วงท้ายคะแนนของไบเดนก็ตีคู่และแซงขึ้นเป็นที่ 1 อย่างชัดเจน โดยเฉพาะคะแนนจากรัฐเพนซิลเวเนียที่เริ่มชี้ชะตาเป็นสัญญาณให้ทรัมป์เก็บกระเป๋ากลับบ้าน ไม่มีเพลงไหนจะเหมาะกับสถานการณ์นี้ไปกว่า “When The Party’s Over” เมื่อปาร์ตี้สิ้นสุดลงของบิลลี ไอริช  

.

 

.

7. Vacation Time - Part Time Musician

"This is the vacation time เวลานี้ช่างมีความหมาย ดื่มชีวิตช้าๆ แล้วพักผ่อน ลืมความจริงร้ายๆ ทิ้งเอาไว้ก่อน..."  เนื้อเพลงที่สื่อถึงช่วงเวลาของการพักผ่อนที่แท้จริง ต่อไปนี้จะไม่มีภาพทรัมป์หัวเสียหรือสบถเวลาแถลงข่าวในทำเนียบขาวให้เห็นกันอีกแล้ว เพราะจะเป็นเวลาแห่งการว่างงานให้ทรัมป์หยุดและพักเสียที 

.

 

.

8. ถ้าเขาจะรัก ยืนเฉยๆ เขาก็รัก - First Anuwat

ซิงเกิ้ลที่กำลังฮิตที่สุดในเวลานี้ เปรียบเทียบให้เห็นภาพได้ชัดเจน เหมือนอย่างทรัมป์ที่ผลปรากฏชัดแล้วว่าเขาพ่ายแพ้ในศึกเลือกตั้งครั้งนี้ แต่ก็ยังไม่ยอมแพ้เสียทีเดียว มีการประกาศผ่านทวิตเตอร์ว่าตัวเองชนะเลือกตั้ง และเรียกร้องให้มีการนับผลคะแนนใหม่ในบางรัฐ ถือเป็นการฮึดสู้ครั้งสุดท้ายก่อนบ๊ายบายตำแหน่ง แต่สุดท้ายต่อให้พยายามแค่ไหน แต่ถ้าผลการเลือกของชาวอเมริกันส่วนใหญ่ชี้ชัดออกมาแล้ว ก็ต้องเคารพกติกาตามนั้น

.

 

.

9. ขวัญเอยขวัญมา - Palmy

ดูเหมือนทรัมป์จะเสียขวัญพอสมควรกับผลการเลือกตั้งที่ผลิกโผเหนือความคาดหมาย หลังจากที่คะแนนนำมาอยู่ดีๆ ก็ต้องถอยให้ผู้ท้าชิงจากพรรคเดโมแครตซะงั้น และคาดว่าต้องใช้เวลาอีกสักพักกว่าทรัมป์จะยอมรับความจริงข้อนี้ได้ เห็นได้ชัดจากการถ่วงเวลาในการไม่ยอมแถลงรับผลการเลือกตั้ง อีกทั้งการกล่าวหาเรื่องการโกงเลือกตั้ง ปฏิเสธไม่ได้ว่าคงต้องส่งเพลงเรียกขวัญให้กลับมาอยู่กับเนื้อกับตัวของทรัมป์ซะหน่อย

.

 

.

10. คนไม่จำเป็น - Getsunova

ปิดท้ายด้วยบทเพลงที่อยากให้ทรัมป์ยอมรับความจริงและมูฟออนโดยเร็ว ท่องไว้ให้ขึ้นใจว่าอดีตมันได้ผ่านไปแล้ว แต่ในปัจจุบันเขาคือคนไม่จำเป็นอีกต่อไป ต้องหลีกทางให้ว่าที่ผู้นำสหรัฐฯ คนที่ 46 เข้ามารับช่วงต่อและทำหน้าที่ในการบริหารประเทศ ทรัมป์ควรทำใจและเก็บกระเป๋าเดินออกจากทำเนียบขาวไปตามระเบียบ 

 

 

‘กางเกงปังมากขาแม่!’ เปลี่ยนลุคใหม่ ‘ทรัมป์’ ต้อนรับว่างงาน!

ปังปุลิเย่! เห็นลุคใหม่ของ "โดนัลด์ ทรัมป์" (ว่าที่อดีต) ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ที่ทางพิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้ง มาดามทุซโซ ประเทศอังกฤษได้ออกมาแปลงโฉมให้ บอกเลยว่า ถูกใจเจง ๆ

เป็นที่ทราบกันดีว่า มาดามทุซโซเป็นพิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งที่เป็นแหล่งรวมการปั้นหุ่นคนดังทั่วโลก แน่นอนว่า ต้องมีประธานาธิบดีของอเมริกาอย่าง "โดนัลด์ ทรัมป์" ด้วยเช่นกัน

ซึ่งที่ผ่านมา ทางพิพิธภัณฑ์คุมลุค President ด้วยการสวมสูทเต็มยศ ทว่าล่าสุด อย่างที่เรารู้กัน ทรัมป์มีแนวโน้มจะเสียเก้าอี้ประธานาธิบดีให้กับ "โจ ไบเดน" ผู้ท้าชิงแห่งเดโมแครต ทางมาดามทุซโซ ณ กรุงลอนดอน ก็เลยจัดการแปลงโฉมให้ทรัมป์ไปเป็นนักกอล์ฟซะเลย

เรื่องของเรื่อง เพราะทรัมป์ชื่นชอบกีฬากอล์ฟเอามากๆ ก่อนหน้านี้เคยมีธุรกิจสนามกอล์ฟเปิดมากกว่า 200 แห่ง แต่เอาจริง ๆ เรื่องที่ต้องตบโต๊ะฉาด! คือลุคชุดกอล์ฟปัง ๆ นี่เอง กางเกงเป็นขาม้าเล็กๆ นะฮะ แถมมาในลายสกอตโทนม่วง นี่เป็นหนึ่งในแพนโทนสีของปี 2021 นะจ้ะทู้กโคนนนน!

ชอบอ่ะลุคนี้ ต้อนรับการว่างงานได้ลงตัวเป๊ะมาก ผ่ามผ๊าม!

อ้างอิง: https://www.mirror.co.uk/news/politics/madame-tussauds-gives-donald-trump-22975037

‘จะวันไหนก็ทำไรฉันไม่ได้หร๊อก!’ ท่องคาถานี้ไว้...ไม่กระเทือนกระเป๋าตังค์

อ๊ากกกก!

.

เป็นอาการคันไม้คันมือ อยากจิล้วงเอากระเป๋าตังค์ออกมา แล้วรูดบัตรเครดิต ปรื๊ดๆๆๆๆๆ

.

ใจเย็ลๆ ก่อน ก็รู้ว่าวันนี้วันที่ 11.11 หรือที่เรียกว่า วันคนโสด หรืออีกนัยหนึ่งก็คือ วันลาซาด้า เอ้ย! วันโชปี๊! เอ้ย! วันอาลีบาบา! เอ้ย! มันก็คือวันช้อปปิ้งออนไลน์แบบสุดติ่งกระดิ่งแมวนี่เองงงง!

.

เล่าให้ฟังอีกนิดนึง วันนี้เกิดขึ้นครั้งแรกในปี 1993 ที่มหาวิทยาลัยนานกิง ประเทศจีน โดยเป็นการเชิญชวนให้เหล่าคนโสดออกมาซื้อของขวัญให้ตัวเอง แต่ด้วยอากาศที่หนาวเย็น ตอนหลังจึงหันมาช้อปปิ้งออนไลน์แทน แถมต่อมา แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ชยักษ์ใหญ่อย่างค่ายอาลีบาบาก็ปลุกปั้นอีเว้นท์นี้จนยอดขายถล่มทลาย และกลายเป็นวันที่ทุกคนต้องช้อปปิ้งงงงงง!

.

โอม สติค่ะสติ จงเรียกสติกลับคืนมา จำได้ไหมว่า หนี้บัตรเครดิตของเก่ายังค้างอยู่อีกเท่าไร เอางี้ มี 2 คาถายั้งสติมาฝากจ้ะ

.

หนี้ๆๆๆๆ: ท่องไว้เลย ท่องให้ขึ้นใจ ถ้ายังมีหนี้เก่าอยู่ โปรดอย่าสร้างหนี้เพิ่ม เข้าใจแม่นะ!

.

ไซเอ้าๆๆๆ (sign out): ท่องไว้เหมือนกัน ถ้าเผลอหลุดเข้าไปในเว็บ หรือแพลตฟอร์มช้อปปิ้งออนไลน์ใดๆ ออกมาด่วนๆ!

.

เอาไปลองดูนะ แต่ถ้าทนไม่ไหวจริงๆ ก็โยนมือถือลงน้ำไปเลย (จะดีเหรอ?) หื๋มม อย่าให้ถึงขนาดนั้นเลย ถ้าจะช้อปฯ อะไรจริงๆ ก็คำนวนงบการเงินของตัวเองให้ดีแล้วกัน ถ้าไม่เดือดร้อนระยะยาว ซื้อพอกรุบกริบก็คงจะได้ล่ะม้างง (อิอิ)

จับตาสภาฮ่องกง ใต้เงาปักกิ่ง

สถานการณ์การเมืองในสภาฮ่องกงวันนี้ กลับมาร้อนแรงขึ้นอีกครั้ง เมื่อมีคำสั่งจากรัฐบาลกลางปักกิ่ง ปลด สส. ฝ่ายค้าน จำนวน 4 คน เนื่องจากหมดคุณสมบัติการเป็นผู้แทน ตามระเบียบของกฏหมายความมั่นคงใหม่ของฮ่องกง ที่เพิ่งมีผลบังคับใช้ไปเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน พ.ศ.2563 ที่ผ่านมา

สมาชิกฝ่ายค้านทั้ง 4 คน ที่โดนคำสั่งเด้งฟ้าผ่าได้แก่

1.) Alvin Yeung หัวหน้าพรรค Civic Party ฝ่ายค้านดาวรุ่ง ที่ยอมยกเลิกสิทธิ์การได้เป็นพลเมืองแคนาดา เพื่อมาลุยงานสภาที่ฮ่องกงโดยเฉพาะ และเพิ่งได้รับเลือกตั้งเข้าสภามาเมื่อปี ค.ศ.2016 นี้เอง นับเป็นสมัยแรกของเขา

2.) Dennis Kwok หนึ่งในผู้ก่อตั้งพรรค Civic Party และเป็น สส. ที่กล้าวิพากษ์วิจารณ์ตัวแทนจากรัฐบาลจีนอย่างเผ็ดร้อน

3.) Kenneth Leung อดีตที่ปรึกษาด้านภาษีอาวุโส หนึ่งในสมาชิกกลุ่ม Pro-Democracy ที่ได้รับคัดเลือกจากสภาวิชาชีพ และเป็น สส. มาตั้งแต่ปี ค.ศ.2012

4.) Kwok Ka-ki แพทย์เฉพาะทาง ที่เคยได้รับเลือกเข้าสภาจากกลุ่มแวดวงวิชาชีพ ปัจจุบันสังกัดพรรค Civic Party เช่นเดียวกัน และกลายเป็นหนึ่งใน สส. ที่ถูกขับออกจากสภาจากกฏหมายความมั่นคงใหม่

พอมีประกาศออกมาจากสภานิติบัญญัติฮ่องกง โดยที่ไม่มีรายละเอียดใด ๆ ว่า ทั้ง 4 สส. มีคุณสมบัติข้อใดที่ขัดกับกฏหมายความมั่นคง แต่สื่อฮ่องกงก็คาดเดาว่า น่าจะเป็นเรื่องที่ ทั้ง 4 คนเป็นสมาชิกคนสำคัญของกลุ่ม Pro-Democracy หรืออีกนัยยะหนึ่งคือ ฝ่ายที่ต่อต้านนโยบายจากรัฐบาลจีนที่เป็นหนึ่งในแกนนำ

เรื่องนี้สร้างความไม่พอใจกับสมาชิกฝ่ายค้าน จึงได้ประกาศตบเท้า ลาออกจากสภาฮ่องกงตามเพื่อนไปอีก 15 คน เป็นการประท้วงคำสั่งจากรัฐบาลจีน

เลยทำให้บรรยากาศการเมืองระหว่างจีน และ ฮ่องกงเริ่มกลับมาตึงเครียดอีกครั้ง

สภานิติบัญญัติฮ่องกง หรือ ที่เรียกชื่อย่อว่า สภา LegCo จะมีผู้แทนทั้งหมด 70 คน ส่วนในสภาชุดปัจจุบันนี้ มีสมาชิกฝ่ายค้านมีอยู่ทั้งหมด 21 เสียง จากจำนวน 70 ที่นั่ง หลังจากที่โดนปลดไป 4 และลาออกไป 15 ก็จะเหลือฝ่ายค้านเหลือเพียง 2 เสียง ซึ่งก็เหมือนไม่มีอยู่แล้ว

และสภาชุดนี้ มาจากการเลือกตั้งทั่วไปตั้งแต่ปี 2016 ที่เสียงส่วนใหญ่เป็นฝ่ายที่สนับสนุนจีนมากกว่าฝ่ายเสรีนิยม ที่มักถูกเรียกกว่ากลุ่ม Pro-Democracy

แต่หลังจากเกิดกระแสการประท้วงกฎหมายผู้ร้ายข้ามแดน ครั้งใหญ่ในฮ่องกงเมื่อปี ค.ศ.2019 จนบานปลายกลายเป็นการต่อต้านรัฐบาลจีน และเรียกร้องขอปลดแอกเป็นอิสระจากการปกครองของจีน ที่ทำให้กลุ่ม Pro-Democracy ได้รับการสนับสนุนจากชาวฮ่องกงเป็นจำนวนมาก

ภาพสะท้อนที่ชัดที่สุด ที่ส่งเสียงดังสนั่นถึงปักกิ่งนั้นมาจากผลการเลือกตั้งสภาท้องถิ่นในปี ค.ศ.2019 ที่ฝ่ายเสรีนิยมได้รับคะแนนเสียงถล่มทลายที่สุดในประวัติศาสตร์ฮ่องกง

โดยสามารถชนะการเลือกตั้งใน 17 เขต จากทั้งหมด 18 เขตเลือกตั้ง กวาดที่นั่งในสภาท้องถิ่นไปถึง 388 นั่ง เหลือที่นั่งให้กับฝ่ายสนับสนุนจีนแผ่นดินใหญ่ไปเพียง 62 ที่นั่ง

และ ผู้แทนจากสภาท้องถิ่น ก็จะมีผลต่อการเลือก ผู้บริหารสูงสุดแห่งเกาะฮ่องกงในอนาคตด้วย เนื่องจากจะมีการคัดเลือก สมาชิกจากสภาท้องถิ่นบางส่วนเข้าไปนั่งเป็นคณะกรรมการคัดเลือกหัวหน้าผู้บริหารเกาะฮ่องกงในลำดับต่อไป

ด้วยเหตุนี้ ชาวฮ่องกงจำนวนมากจึงใจจดใจจ่อรอที่การเลือกตั้งใหญ่ในสภา LegCo เป็นอย่างมากที่มีกำหนดจะต้องจัดการเลือกตั้งไปแล้วตั้งแต่กลางปี ค.ศ.2020 แต่ทว่า นางแครี่ ลัม ผู้บริหารสูงสุดของเกาะฮ่องกงคนปัจจุบัน ได้เลื่อนการเลือกตั้งทั่วไปออกไปจนกว่าจะถึงปีหน้า เพราะผลพวงจากการระบาดของ Covid-19

จึงทำให้หลายคนไม่พอใจ เพราะเชื่อว่าหากทางการฮ่องกงได้จัดเลือกตั้งตามกำหนด หรืออย่างน้อย ก่อนการมาถึงของกฎหมายความมั่นคงใหม่ของจีน ฝ่ายเสรีนิยมจะสามารถกวาดที่นั่งในสภา LegCo ได้อย่างถล่มทลายแน่นอน อย่างน้อยที่สุดก็ครึ่งสภา

ว่าแต่ทำไมถึงมีโอกาสแค่ครึ่งสภา?

เนื่องจากที่นั่ง สส. ในสภา LegCo จำนวน 70 ที่นั่งมีที่มาจาก 2 กลุ่ม คือกลุ่มที่มาจากการเลือกตั้งทั่วไปที่ชาวฮ่องกงสามารถลงคะแนนเลือกผู้แทนได้โดยตรงจำนวน 35 ที่นั่ง

ส่วนอีกครึ่งหนึ่ง เป็นการเลือกผู้แทนพิเศษตามกลุ่มสายอาชีพ 27 สาย โดยมีคณะกรรมการในสาขาวิชาชีพนั้น ๆ เลือกผู้แทนมาสายละ 1 คน ยกเว้นภาคแรงงานที่จะได้ผู้แทน 3 คน

ถึงแม้ว่าการเลือกผู้แทนครึ่งสภามาจากคณะกรรมการในแต่ละสาขาอาชีพ ที่ส่วนมากมักได้รับอิทธิพลจากรัฐบาลปักกิ่ง จะมีชาวฮ่องกงหลายคนไม่เห็นด้วยกับระบบนี้

แต่อย่างน้อย สมาชิกอีกครึ่งสภาก็มาจากเสียงของชาวฮ่องกง ที่คาดว่าในสมัยหน้า หากวัดจากผลการเลือกตั้งท้องถิ่นที่ผ่านมา ก็น่าจะมีฝ่ายที่สนับสนุนการเรียกร้องประชาธิปไตยเข้ามาได้ท่วมท้นเต็มสภาแน่นอน

เพียงแต่ตอนนี้ ต้องรอไปจนถึง 5 กันยายน ค.ศ.2021

และด้วยกฎหมายความมั่นคงใหม่ของจีน ที่ระบุข้อห้ามชัดเจน 3 ข้อว่า ห้ามปลุกระดม ห้ามสมคบคิดกับต่างชาติ และห้ามล้มล้างการปกครองเพื่อแยกประเทศ

หากใครที่เคยกระทำการที่เกี่ยวโยงกับความผิดใน 3 ข้อนี้ ก็อาจจะโดนดำเนินคดี ซึ่งรวมถึงการถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง

ดังนั้น คำสั่งเขย่าสภาฮ่องกงด้วยการปลด 4 สส. ฝ่ายค้าน เป็นเพียงจุดเริ่มต้นในการสกัดดาวรุ่ง กลุ่มแกนนำฝ่ายต่อต้านรัฐบาลจีน ที่คาดว่าน่าจะโดนอีกหลายคนก่อนที่จะมีการเลือกตั้งทั่วไปในปีหน้า

สิ่งหลายคนกำลังจับตานับจากนี้ อาจจะไม่ใช่แค่การเลือกตั้งครั้งต่อไปในฮ่องกง แต่เป็นกระแสแรงต้านที่อาจทำให้ชาวฮ่องกงต้องออกมาส่งเสียงดังถึงปักกิ่งอีกครั้งบนท้องถนนใจกลางเมืองฮ่องกงอย่างเมื่อปีที่ผ่านมา

รวมถึงบทบาทของสหรัฐภายใต้การนำของประธานาธิบดีคนใหม่ ว่าจะกระโดดเข้ามากดดันจีนแบบไหนในสมรภูมิที่เกาะฮ่องกงแห่งนี้

.

ข้อมูลอ้างอิง

BBC

https://www.bbc.com/news/world-asia-china-54900174

Channel News Asia

https://www.channelnewsasia.com/news/asia/hong-kong-pro-democracy-lawmakers-to-resign-en-masse-13516730#cxrecs_s

The Standard Hong Kong

https://www.thestandard.com.hk/breaking-news/section/4/158916/Empty-seats-left-behind

Wikipedia

https://en.wikipedia.org/wiki/Legislative_Council_of_Hong_Kong

https://en.wikipedia.org/wiki/2019_Hong_Kong_local_elections

PS5 ฮอตเว่อร์! ขายดีเหมือนเชื้อไวรัสระบาด!!

ขึ้นต้นหัวข่าวอย่างนี้ ฟังดูเวอร์จริงไรจริง แต่นี่เรื่องจริง ขนาด BBC.com ยังใช้คำอ้างอิงว่า Pandemic Launch

สืบเนื่องจากเมื่อวานนี้ (12 พฤศจิกายน พ.ศ.2563) เป็นวันแรกที่มีการวางจำหน่ายเครื่องเพลย์สเตชั่น 5 (PS5) ในประเทศสหรัฐอเมริกา, ญี่ปุ่น, แคนาดา, เม็กซิโก, ออสเตรเลีย, นิวซีแลนด์ และเกาหลีใต้ ผลปรากฎว่า กระแสการตอบรับดีชนิดที่ต้องเปรียบด้วยคำว่า Pandemic Launch อารมณ์คล้ายๆ การแพร่ระบาดยังไงยังงั้น

จากการรายงานบอกว่า PS5 เครื่องใหม่นี้ ปรู๊ดปร๊าดรวดเร็วกว่าเดิม แถมกราฟิกก็สวยงามกว่าเดิม และมีรายละเอียดที่ตอบสนองนักเล่นเกมมากกว่าเดิม ซึ่งทั้งหมดนี้ จะมาเพิ่มประสบการณ์ของนักเล่มเกมได้ดีกว่าเดิมชัวร์ๆ

ราคาเปิดตัว PS5 อยู่ที่ประมาณ 450 ปอนด์ (ราว 18,000 บาท) แต่สำหรับที่เมืองไทยในเวลานี้ แม้จะยังไม่มีการยืนยันว่าจะมีการเปิดตัวจำหน่ายกันวันไหน แต่ตอนนี้ก็มีประเภท "เครื่องหิ้ว" เข้ามาขายกันแล้ว สนนราคาจะอยู่ที่ 35,000-40,000 บาท (เอื้อก!)

ส่วนเรื่องเกมที่มีคนแอบสงสัยว่า PS5 จะเป็นยังไง ทางต้นสังกัดโซนี่แจ้งว่า นอกจากเกมใหม่เจ๋งๆ ที่เตรียมเปิดตัวแล้ว ยังมีเกมยอดนิยมมากมายจาก PS4 ที่จะมาต่อยอดในเครื่อง PS5 ได้สบาย

ก่อนจะได้สัมผัส PS5 กันจริงจัง ย้อนกลับไปในเครื่องเวอร์ชั่นก่อนๆ อย่างเครื่อง PS4 รุ่นก่อนหน้านี้ ก็ทำยอดขายไปได้ทั่วโลก มากกว่า 112 ล้านเครื่อง เพราะฉะนั้น ไม่ต้องสืบเลยว่า เครื่อง PS5 ตัวล่าสุดนี้ จะ "โกย" ไปเท่าไร

ช่วงนี้ถ้าคนใกล้ตัวเราจะเพ้อลอยๆ ออกมาว่า "เพลย์ห้า เพลย์ห้า" ก็โปรดเข้าใจเขาหน่อยแล้วกันนะ

.

อ้างอิง: https://www.bbc.com/news/newsbeat-54889795

ข้าราชการการเมืองคนใหม่ ทำไมหน้าคุ้น ๆ

เมื่อวันที่ 11 พฤษจิกายน พ.ศ. 2563 เวลา 09.40 น. ณ ทำเนียบรัฐบาล "นายวิษณุ เครืองาม" รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ในกรณีคณะรัฐมนตรี แต่งตั้ง นางสาวธนพร ศรีวิราช ภรรยา ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นข้าราชการการเมืองในตำแหน่งประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี สามารถทำได้หรือไม่

นายวิษณุ ได้กล่าวว่า "ทำไมจะทำไม่ได้ การแต่งตั้งข้าราชการการเมืองเป็นอำนาจของนายกรัฐมนตรีในการเสนอแต่งตั้ง และนำเข้าครม.ไม่ใช่อำนาจของ ร.อ.ธรรมนัส

โดยตนไม่ทราบว่าใครเป็นผู้เสนอขึ้นมา ในส่วนที่สังคมตั้งข้อสงสัยว่ามีความเหมาะสมหรือไม่ในการแต่งตั้งภรรยาหรือญาติเข้ามาทำงาน"

นายวิษณุได้ให้เหตุผลว่า "ไม่ได้ผิดอะไร เพราะไม่ได้เข้าไปทำงานที่กระทรวงเกษตรฯและในด้านกฎหมายก็ไม่ได้ห้าม หากฎหมายห้ามหรือผิดคุณสมบัติก็ต้องแจ้งหรือตัดออกไป"

นายวิษณุยังทิ้งท้ายด้วยว่า "ส่วนตัวไม่รู้จัก นางสาวธนพร แล้วทำไมถึงมาถามตน มาทราบข่าวจากสื่อด้วยซ้ำไปว่าเกี่ยวดองอะไรกัน"

ประวิตรยิ้มอรุ่ม! ม็อบบางตา

เมื่อวันที่ 11 พฤษจิกายน พ.ศ.2563 ณ ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) รายงานในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เรื่องความเคลื่อนไหวของผู้ชุมนุมกลุ่มราษฎร ที่มวลชนกลุ่มราษฎรนั้นมีความอ่อนแรงลงไปมาก

จึงมีการสอบถามเพิ่มเติมว่ามีการส่งคนไปเจรจากับทางผู้ชุมนุมหรือไม่ แต่ไร้วี่แววคำตอบจาก พล.อ.ประวิตร นอกจากการส่ายหน้าแทนคำตอบเท่านั้น เมื่อถามถึงความเห็นต่อจำนวนผู้ชุมนุมที่น้อยลง จึงได้คำตอบว่า "ก็ดี ดี"

เมื่อถามถึงพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม มอบหมายให้ไปพูดคุยกับ ส.ส. พรรคพปชร. เพื่อถอนชื่อญัตติรัฐสภา มีมติส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยปัญหาเกี่ยวกับหน้าที่และอำนาจของรัฐสภาตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 210(2) พล.อ.ประวิตร จึงตอบเพียงว่า "ใครให้ถอน ไม่ได้บอกผม"

อีกทั้งเมื่อถามถึงเรืองที่นายกฯ ขอให้พูดคุยกับส.ส.พรรคพปชร. ที่แสดงท่าทีไม่เหมาะสมต่อนายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา และอดีตนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า "บอกไปแล้ว" เมื่อถามย้ำว่าจะถึงขั้นตัดเงินสนับสนุนหรือไม่ พล.อ.ประวิตร ปฏิเสธที่จะตอบคำถาม

มนต์พ่อมดยังแร๊งง! รูเพิร์ต กรินต์ เปิดไอจีวันเดียว..คนตามเป็นล้าน!

ยังจำเขาได้ไหม หนึ่งในสมาชิกโรงเรียนพ่อมดแห่งฮอกวอตส์เมื่อ 19 ปีก่อน "รอน วิสลีย์" ที่สวมบทโดย รูเพิร์ต กรินต์ ไม่น่าเชื่อว่า เวลาผ่านไปไวเหมือนโกหก เผลอแปร๊บเดียว เจ้าหนูผมทอง เพื่อนเลิฟของ "แฮร์รี่ พอตเตอร์" เติบโตเป็นหนุ่มใหญ่เรียบร้อย

แถมไม่ได้โตเปล่า รูเพิร์ตยังชิงมีภรรยา นามว่า "จอร์เจีย กรูม" และเพิ่งคลอดลูกสาวไปเมื่อกลางปีที่ผ่านมา โดยล่าสุด อดีตนักแสดงแห่งหนังมหากาพย์พ่อมดชื่อดัง ได้โพสต์ภาพลูกน้อยลงในอินสตาแกรม

ความพิเศษอยู่ตรงที่ นี่เป็นการเล่นอินสตาแกรมครั้งแรกของเจ้าตัว โดยเขาได้เขียนข้อความขำ ๆ เหมือนแซวตัวเองด้วยว่า "เฮ๊! อินสตาแกรม นี่ผมกรินต์นะ ผมแค่ช้าไป 10 ปีเอ๊งง!"

รูเพิร์ตยังใช้ภาพตัวเองอุ้มลูกสาวตัวน้อยลงเป็นภาพในอินสตาแกรมแรกของตัวเองอีกด้วย ซึ่งไม่น่าเชื่อว่า เพียงแค่ภาพเดียว วันเดียว แต่ตอนนี้มี Follower เข้าไปกดติดตามอินสตาแกรมเขาแล้วกว่า 2.7 ล้านคน

ของเขายังแร๊ง! ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปี มนต์เสน่ห์ของพ่อมดก็ยังอยู่เจงๆ

.

ภาพจาก: Instagram RupertGrint

Netflix คลิกอินเดีย เคลียร์ทาง "ตลาดใหม่"

เห็นได้ชัดว่า ตอนนี้ Netflix สตรีมมิ่งคอนเท้นท์รายใหญ่จากอเมริกา กำลังให้ความสนใจกับการทำตลาดในพื้นที่เอเชียมากขึ้น

หลังใช้เงินลงทุนจำนวนหลายล้านดอลลาร์สหรัฐ ไล่ซื้อลิขสิทธิ์ พร้อมสร้าง Original Content เฉพาะขึ้นมา เพื่อไปไล่ออกอากาศภายในประเทศกลุ่มเอเชียอย่างต่อเนื่อง

ถ้าดูจากรายงานของ Netflix ในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ จะพบว่าตัวเลขผู้ใช้งานที่เติบโตขึ้น "เกือบครึ่ง" มาจากภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก

เรียกว่าเป็นสัดส่วนการเติบโตของผู้ใช้งานที่มากที่สุด นับจากที่ Netflix ขยายฐานผู้ใช้ไปตลาดนอกอเมริกาตั้งแต่ปี 2016

นั่นจึงเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้ Netflix หันมาเคลียร์ทางสู่ตลาดนี้อย่างชัดเจน

อย่างไรก็ตามประเทศในเอเชียที่ Netflix กำลังสนใจอย่างมากดูจะเป็น "อินเดีย"

เพราะหากมองในเชิงสถิติแล้ว อินเดียมีจำนวนผู้ใช้งานอินเตอร์เน็ตบนมือถือถึง 570 ล้านราย อีกทั้งยังมีอัตราการเติบโตของผู้ใช้งานอินเตอร์เน็ตปีละ 13%

ทว่ากำลังซื้อของคนอินเดีย อาจจะยังมีไม่มากนัก Netflix จึงออกแพ็คเกจบนมือถือในราคาต่ำกว่า 5 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 152 บาท) (ไทย 99 บาท) ถูกกว่าที่อเมริกา ซึ่งมีราคาเริ่มต้น 14 ดอลลาร์สหรัฐ (426 บาท)

นอกจากนี้ยังมีการลงทุนสร้างคอนเท้นท์เพื่อคนอินเดียเฉพาะราว 40 เรื่อง และซื้อลิขสิทธิ์ต่างๆ ด้วยมูลค่าการลงทุน 400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.21 หมื่นล้านบาท) ตลอดช่วงปี 2019 - 2020 มานี้

แต่ก็ไม่ใช่แค่อินเดียเท่านั้น ในประเทศเอเชียอื่นๆ ก็มีแผนการลงทุนอย่างต่อเนื่อง เช่น...

- การสร้าง Original Content เฉพาะจำนวน 200 เรื่อง เพื่อเจาะเอเชีย

- 70 จาก 200 เรื่อง จะเป็นคอนเทนท์แบบ Live Action และ Anime จากประเทศเกาหลีใต้

- ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่น่าสนใจเช่นกัน ก็กำลังทยอยเพิ่มภาพยนตร์เสริมเข้าไปอีกกว่า 500 เรื่อง

"Tony Zameczkowski" ผู้บริหารด้านการพัฒนาธุรกิจของ Netflix เล่าว่า "Netflix จะทำคอนเท้นท์ให้เหมาะสมกับแต่ละภูมิภาคและให้ความสำคัญกับการทำเมนู คำบรรยาย และพากษ์เสียงในแต่ละภาษา เช่น ภาษาฮินดี มาเลย์ เกาหลี ญี่ปุ่น อินโดนีเซีย และไทย อีกด้วย"

.

ที่มา: https://www.cnbc.com/2020/11/09/netflix-nflx-its-strategy-in-asian-markets-like-india-indonesia.html

.

ที่มาภาพ: https://officechai.com/startups/netflix-spend-rs-3000-crore-create-content-india-roughly-100-bollywood-movies/


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top