Wednesday, 24 April 2024
TheStatesTimes

ม็อบไม่กลัว....กลัวไม่แก้

เมื่อวานนี้ (วันที่ 13 พฤษจิกายน พ.ศ. 2563) นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา กล่าวถึงการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การออกเสียงประชามติในฐานะเป็นกฎหมายปฏิรูปประเทศว่า ได้ส่งร่างดังกล่าวไปที่รัฐสภาแล้วและได้พิจารณาแล้วว่าเป็นกฎหมายปฏิรูปประเทศ

ซึ่งต้องพิจารณาในที่ประชุมรัฐสภา โดยได้บรรจุระเบียบวาระแล้ว แต่ตามขั้นตอนการพิจารณากฎหมายประชามติต้องนำไปหารือกับวุฒิสภาก่อนว่าพร้อมเมื่อไหร่

ในส่วนรัฐสภาจะพิจารณาให้เสร็จ 3 วาระในคราวเดียวหรือไม่ขึ้นอยู่กับมติของของที่ประชุมรัฐสภาโดยนายชวนยังได้กล่าวอีกว่า ในการประชุมร่วมรัฐสภาวันที่ 17 - 18 พฤษจิกายน พ.ศ. 2563 จะมีเพียงการพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมเท่านั้น

ซึ่งได้เตรียมความพร้อมสำหรับการลงมติแล้ว รวมไปถึงการรองรับผู้ชุมนุมที่จะมาติดตามการประชุมรัฐสภาด้วย เพราะทางส.ว. มีความกังวลในเรื่องนี้ แต่อย่างไรก็ตามไม่ได้มีการกำชับเป็นพิเศษเพราะทางสภาฯดำเนินการอยู่แล้ว ส่วนเรื่องข้างนอกสภาฯก็เป็นเรื่องที่รัฐบาลต้องดูแล

16 พฤศจิกายน…วันแห่งการยอมรับความต่าง

ไม่ใช่แค่เป็นวันออกผลสลากกินแบ่งรัฐบาลอย่างเดียวนะ แต่วันนี้ยังมีความสำคัญอีกอย่าง เรียกว่าเป็นวัน ‘วันสากลแห่งการยอมรับความต่าง’ หรือ International Day for Tolerance ถูกกำหนดขึ้นมาจากองค์การสหประชาชาติ หรือยูเนสโก เมื่อปี พ.ศ.2538 จุดประสงค์เพื่อสร้างความตระหนักรู้ถึงความสำคัญของการเปิดใจยอมรับในความแตกต่าง และความคิดเห็นของผู้อื่น

การกำหนดวันสำคัญนี้ ยังเกิดขึ้นในวันครบรอบ 50 ปีของการถือกำเนิดขององค์การสหประชาชาติอีกด้วย ซึ่งอย่างที่ทราบกันดี ผู้คนบนโลกนี้ล้วนมีความแตกต่าง ไม่ว่าจะเป็นเด็ก วัยรุ่น ผู้ใหญ่ หรือจะผิวสีแบบไหน แต่สิ่งสำคัญที่สุด คือการยอมรับและเปิดใจกว้าง เพื่อ ‘รับความคิดเห็น’ ของกันและกัน

เพราะเราไม่ได้อยู่คนเดียวในโลก และโลกก็ไม่ได้เป็นของเราคนเดียว การยอมรับความแตกต่างย่อมเป็นพื้นฐานเบื้องต้นที่สังคมพึงมี เหลียวกลับมามองที่สังคมไทยในเวลานี้ เราเชื่อว่า การตั้งใจฟัง ‘ความเห็น’ ของกันและกัน อย่างมีเหตุมีผล จะช่วยทำให้บรรยากาศของสังคมรื่นรมย์มากขึ้น เริ่มต้นกันตั้งแต่วันนี้ และเริ่มต้นง่าย ๆ ด้วยการ...เปิดใจ

.

อ้างอิง: https://www.un.org/en/observances/tolerance-day

การเมืองที่ไม่จบลงแค่ ‘ ม็อบ ’

“ ศิลปะ “ เป็นสิ่งที่อยู่ควบคู่กับมนุษย์ สะท้อนให้เห็นถึงความเป็นไปในสังคม วัฒนธรรม รวมไปถึงเรื่องการเมือง ศิลปะจึงเป็นกระบอกเสียงของประชาชนที่สะท้อนความเห็นผ่านการเรียกร้องอย่างมีชั้นเชิงจากความสร้างสรรค์ในศิลปะ เมื่อเห็นแบบนี้แล้วม็อบก็คงไม่ใช่ทางออกเดียวที่จะแสดงความเห็นหรือแสดงจุดยืน

.

The States Times จึงได้รวม 4 ผลงานศิลปะที่สะท้อนภาพทางการเมืองที่ไม่ได้มีเพียงแค่ ‘ ม็อบ ’ จากศิลปินสุดเจ๋งที่ใช้ศิลปะมาแสดงออกอย่างแสบสันและสร้างสรรค์

.

.

A Show of Hands - Htein Lin
ศิลปะร่วมสมัยของศิลปินชาวพม่า สื่อสารผ่านปูนปลาสเตอร์ที่หล่อจากมือของอดีตนักโทษทางการเมือง สะท้อนให้เห็นถึงความโหดร้ายที่รัฐบาลพม่าได้หยิบยื่นให้กับอดีตนักโทษเหล่านี้
.
Credit : https://www.albrightknox.org/art/exhibitions/htein-lin-show-hands

.

.

Israeli & Palestinian Pillow Fight- Banksy
ผลงานจากศิลปินชื่อดังระดับโลกที่ฝากผลงานเสียดสีแสนเจ็บแสบไว้ตามผนังตึกบ้านเรือนต่างๆเป็นส่วนใหญ่ เช่นเดียวกับผลงาน Israeli & Palestini-an Pillow Fight ภาพสะท้อนของสงครามที่มีเพียงกำแพงกั้น ของสงครามอิสราเอลและปราเลสไตล์
.
Credit : Facebook Banksy

.

.

Politicians' Lies - Marco Melgrati
ผลงานสุดกวนจากศิลปินอิสระชาวอิตาเลียน
ผู้เสียดสีการเมืองผู้จิกกัดนักการเมืองผ่านภาพวาดที่ว่าด้วยคำโกหกต่างๆที่ออกมาผ่านฉากหน้าที่อยู่ในรูปแบบนักการเมือง
.
Credit : Facebook Marco Melgrati

.

.

Carcass - Petr Pavlensky
ศิลปะแสดงสดจากศิลปินชาวรัสเซีย ที่ทุ่มสุดตัวด้วยการนอนเปลือยกายในลวดหนามเพื่อแสดงให้เห็นถึง จุดยืนในการต่อต้านนโยบายที่จำกัดเสรีภาพของประชาชนจากรัฐบาลของรัฐเซีย
.
Credit : https://www.saatchigallery.com/art/art-riot.php

รับมือกับคนชอบเม้นแรงยังไงดี?

"ชูใจ" เป็นคอนเท้นประจำที่พวกเราชาว The States Times Lite ตั้งขึ้นมา ด้วยเหตุผลง่ายๆ ว่า "ทุกคนอยากพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้น" โดยเฉพาะโลกในวันนี้ ที่หมุนไปเร็วเหลือเกิน จนบางทีเราตั้งรับไม่ทัน หรือปรับเปลี่ยนตัวเองไม่ทัน จุดนี้เราจึงอยากนำปัญหาและเรื่องราวดี ๆ มาบอกเล่า อย่างน้อยที่สุดก็เพื่อ "ชุบชูใจ" ให้หัวใจเบิกบาน ให้มองโลกอย่างสร้างสรรค์ และให้เราก้าวไปเป็นคนที่พร้อมจะพัฒนาตัวเองเสมอ

เริ่มต้นด้วยเรื่องใกล้ตัวทุกคน "โซเชี่ยลมีเดีย" เคยหงุดหงิดไหมกับคนที่เข้ามาคอมเม้นใต้สเตตัสของเราแบบ...แกจะแรงไปไหน?

อ่ะ เม้นครั้งแรกก็ยังรับได้ (เพื่อนมันคงอยากจะแซวละมั้ง) จนมีครั้งที่ 2 3 4 5 เดี๋ยว ๆๆๆๆ ฉันไปทำอะไรให้แกเกลียดป่ะวะ? ขนาดโพสต์สเตตัสขำที่สุด แกยังเม้นประชดเหน็บแนม บ้ารึป่าววว!!

เรื่องทำนองนี้ เคยเกิดกับตัวเองบ้างไหม? จากที่อ่านแล้วยิ้ม ๆ เพราะคิดว่าเพื่อนแซว แต่พออ่าน ๆ ไป ชักจะไม่ใช่ล่ะ อารมณ์เริ่มมา สติปัญญาเริ่มหาย ต้องแสดงความเกรี้ยวกราดด้วยการตอบ Reply กลับไป และร้อยทั้งร้อย อิเพื่อนก็จะตอบ Reply กลับมาว่า "ไม่มีไร๊ ล้อเล่นนน!"

มันมีคนแบบนี้อยู่จริง คือคนที่ประเภทชอบเห็นคนอื่นโกรธ ประมาณว่า ได้ล้อ ได้แซว แล้วเห็นรีแอ็คกลับทันที มันจะสาแก่ใจ เหมือนเพื่อนที่ชอบแกล้งเพื่อนในห้องเรียนนั่นแหละ แต่ทุกวันนี้มันมีโลกมากกว่าห้องเรียนไง มันเลยมาแกล้งเราในโซเชี่ยลด้วย

.

.

ถามว่า ทำไงดีหากเจอเหตุการณ์ทำนองนี้?

จะเลิกเล่นโซเชี่ยลไปเลย? จะเข้าไปเม้นแรงๆ ในสเตตัสมันบ้าง? หรือจะเปิดศึกนอกโซเชี่ยล นัดตบนัดต่อยกันไปเลย?

คำตอบคือ "ปล่อยวาง" ฟังดูง่าย แต่รู้ว่าโคตะระยาก แต่ก็ต้องลองทำ!

สมมติว่า ต้นเหตุมาจากการที่เพื่อนอยากแกล้งเรา อยากเห็นเราเสียจริตทางโลกโซเชี่ยล แต่หากเราไม่ได้ทำแบบนั้นสมดั่งใจเพื่อน โจทย์ของเพื่อนก็จะถูกทำลายทันที เข้าตำรา ปรบมือข้างเดียวไม่มีทางดัง หรือสมมติต่อไปอีกว่า อิเพื่อนมันเกลียดเราจริง ๆ ตามเม้นทุกโพสต์เหมือนเจ้ากรรมนายเวร หากประเมินได้แบบนั้น ก็ตัดขาดความสัมพันธ์ฉันท์เพื่อนไปเถอะ คนเกลียดกันจะเป็นเพื่อนกันเพื่อ?

โอเค มันอาจจะยุ่งยากรำคาญใจสักหน่อยในช่วงแรก ๆ ที่ต้อง "ทน" กับตัวหนังสือแย่ ๆ แถมยังรู้สึกไม่ดีอีก หากคนอื่นจะต้องมาเห็นประโยคเหล่านี้ ทำบรรยากาศในเฟซบุ๊กเราพลอยด่างพร้อยไปด้วย แต่ให้คิดซะว่า "นี่เป็นการฝึกวุฒิภาวะ" ให้กับตัวเรา เชื่อเถอะ ถ้ามันเห็นเราไม่ไปต่อล้อต่อเถียงด้วยสักพัก เดี๋ยวเจ้าอารมณ์ที่เรียกว่า "ความเสร่อ" มันจะตีกลับไปที่เขาเอง เหมือนอะไรเอ่ย ไม่เข้าพวก สเตตัสนี้เขาคุยกันเรื่องดีๆ แต่แกมาแซวบ้าบอคอแตกอะไร? ทำบ่อย ๆ เข้า คิดว่าคนอื่นจะไม่เห็นเหรอ

.

โซเชี่ยลมีเดียไม่ได้แค่ให้เราได้สื่อสาร หรืออ่านข่าว หรือสนุกกับเพื่อน ๆ เท่านั้น มันยังสร้างให้เรามีวุฒิภาวะ จะด้วยทางตรง หรือทางอ้อม ก็สุดแท้ ถ้าเรามองเห็นในจุดนั้น โซเชี่ยลมีเดียจะมีประโยชน์มาก ๆ สำหรับตัวเราเอง

ของทุกอย่างจะดีหรือไม่ดี ขึ้นอยู่ที่เรา ส่วนคำพูด หรือคำวิจารณ์ของคนอื่น รับฟังได้ แต่สุดท้าย ก็ขึ้นอยู่กับเราเหมือนกัน ว่าจะเลือกเก็บเอาไว้ หรือจะเลือกโยนมันทิ้งลงถังขยะซะ!

17 พฤศจิกายน ค.ศ.1970...50 ปี มี ‘เมาส์’

มีอุปกรณ์มากมายที่ประกอบกันขึ้นมาเป็น ‘คอมพิวเตอร์’ แต่หนึ่งในอุปกรณ์ที่มีความจำเป็น เหมือนเกิดมาคู่กัน นั่นคือ ‘เมาส์’

เมาส์ ไม่ใช่ปาก แต่เมาส์ทำหน้าที่คล้ายๆ ปาก คือคอยคลิ๊กคำสั่งการ เพื่อให้โปรแกรมต่างๆ ปฏิบัติงานได้ตามใจเรา หากย้อนกลับไปวันนี้เมื่อ 50 ปีก่อน หรือเมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน ปี 1970 ถือเป็นวันที่มีการจดสิทธิบัตรเจ้าอุปกรณ์ที่เรียกว่าเมาส์ ขึ้นเป็นครั้งแรกของโลก

‘US3541541’ คือรหัสสิทธิบัตรของมัน แต่คงไม่จดจำเท่าที่มาของการประดิษฐ์อุปกรณ์ชิ้นนี้ ถูกเริ่มสร้างขึ้นมาในช่วงปี 1963 โดยนักประดิษฐ์ที่ชื่อ ดร. ดักลาส อิงเกิลบาร์ต ณ สถาบันวิจัยสแตนฟอร์ด (Stanford Research Institute) ประเทศสหรัฐอเมริกา

แรกเริ่มเดิมที มันถูกออกแบบเป็นเฟือง 2 ตัววางในลักษณะตั้งฉากกัน และเคลื่อนที่ไปแบบ 2 มิติ ก่อนที่ต่อมาจะแทนที่ล้อหมุนด้วยลูกบอล จึงทำให้สามารถหมุนไปได้รอบทิศทาง

เมาส์ กลายเป็นอุปกรณ์ที่มาช่วยอำนวยความสะดวกร่วมกับคีย์บอร์ดคอมพิวเตอร์ และกลายเป็น ‘ของที่ต้องมี’ บนโต๊ะคอมพิวเตอร์ทุกบ้าน วันนี้เมาส์มีอายุ 50 ปี ก็สุดจะเดาว่า อีก 50ข้างหน้า เมาส์จะมีหน้าตาเป็นอย่างไร หรือไม่...มันอาจจะเป็นอะไรที่มากกว่าเมาส์ไปแล้วก็ได้เมื่อถึงวันนั้น

อ้างอิง: th.wikipedia.org/wiki/เมาส์

18 พฤศจิกายน ค.ศ.1993…รำลึกคอนเสิร์ตร็อกที่เนียนที่สุดในโลก

หากจะหาอัลบั้มเพลงที่ขายดีตลอดกาล หรือถูกพูดถึงข้ามยุคข้ามสมัย ฟันธงฟันทิ้งไปเลยว่า หลายคนต้องนึกถึง ‘อัลบั้มบันทึกการแสดงสด MTV Unplugged ของวง Nirvana’

Nirvana คือวงดนตรีแนวกรั๊นจ์ร็อกที่โด่งดังสุดๆ ในช่วงปี ค.ศ.1987-1994 โอ้ว! เรื่องมันก็นานมาแล้ว แต่อย่างที่บอก ทุกวันนี้ยังมีคนพูดถึง Nirvana กันอยู่เลย

Nirvana มีมือกีต้าร์-นักร้องนำที่ชื่อ เคิร์ท โคเบน เปรียบเสมือนศาสดาแห่งดนตรีกรั๊นจ์ ซึ่งตัวอัลบั้ม Nirvana MTV Unplugged เกิดขึ้นในช่วงที่ดนตรีแนว Unplugged หรือการแสดงสดที่ไม่ใช่เสียงสังเคราะห์จากไฟฟ้า กำลังเป็นที่นิยม ทางวงเลยจัดการบันทึกการแสดงสดงานอัลบั้มชุดดังกล่าวนี้แบบ Unplugged ณ โซนี่สตูดิโอ เมืองนิวยอร์ก

และทันทีที่ผลงานดังกล่าวถูกปล่อยออกไป ยอดขายก็ถล่มทลาย ไม่มีใครคาดคิดว่า วงดนตรีที่มีซาวน์เพลงแสบสันต์รูหูอย่าง Nirvana จะมาแสดงสดด้วยสไตล์ที่ดูดีมีคลาสเช่นนี้ ผลงานนี้ทำลายแทบทุกสถิติ ติดทุกชาร์ตทุกโพล และถึงวันนี้ผ่านไป 27 ปี ก็ยังถูกพูดถึงกันอยู่เลย

แม้ว่า เคิร์ท โคเบน จะเสียชีวิตไปเมื่อวันที่ 5 เมษายน ค.ศ.1994 แต่ชื่อของวง Nirvana ก็ไม่ได้ตายตามเขาไป บทเพลงยังคงถูกหยิบมาเปิด และที่สำคัญ ผลงานของพวกเขายังส่งต่อเป็นแรงบันดาลใจให้กับนักดนตรีรุ่นใหม่ในวันนี้อย่างมากมาย

5 ธุรกิจไทย ‘รายได้’ ทะลุหมื่นล้าน ที่อายุยืนนานกว่า ‘มิกกี้เม้าส์’

วันนี้เมื่อ 92 ปีที่แล้ว ( 18 พฤศจิกายน พ.ศ.2471) เป็นวันเกิดของมิกกี้เม้าส์ (MICKEY MOUSE) ตัวละครการ์ตูนที่ครองใจเด็ก ๆ ทั่วโลก ด้วยลักษณะของหนูสีดำที่สวมกางเกงเอี๊ยมสีแดง

20 พฤศจิกายน พ.ศ.2340...223 ปี ‘รามเกียรติ์’ ยังอินเทรนด์

‘โขน’ ไม่ใช่เรื่องไกลตัว แถมยังกลายเป็นความร่วมสมัย โดยเฉพาะกับโขนเรื่องสำคัญที่คนไทยรู้จักกันดี ‘รามเกียรติ์’

ย้อนกลับไป วันนี้เมื่อกว่า 223 ปีก่อน ถือเป็นวันแรกที่พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ 1 ทรงเริ่มพระราชนิพนธ์วรรณคดีเรื่องรามเกียรติ์ โดยตั้งแต่ต้นเรื่องไปจนจบเรื่อง ทรงนิพนธ์ลงในสมุดไทยไปถึง 102 เล่ม ซึ่งหากพิมพ์เป็นหนังสือขนาด 8 หน้ายกอย่างในปัจจุบัน จะมีความหนากว่า 2,976 หน้าเลยทีเดียว

รามเกียรติ์ เป็นเรื่องราวการทำศึกสงครามระหว่างฝ่ายพระราม (มนุษย์) กับฝ่ายทศกัณฐ์ (ยักษ์) เนื่องจากทศกัณฐ์ได้ลักพาตัวนางสีดา มเหสีของพระรามไป โดยฝ่ายพระรามมีทหารเอกชื่อ หนุมาน เป็นลิงเผือก พร้อมด้วยพรรคพวกอีกมากมายคอยช่วยเหลือ

โดยสาเหตุที่รัชกาลที่ 1 ทรงนิพนธ์รามเกียรติ์ขึ้นนี้ เนื่องจากเป็นช่วงเวลาที่บ้านเมืองเพิ่งผ่านศึกสงคราม จึงมีพระราชประสงค์ให้วรรณคดีเรื่องนี้เป็นเครื่องมือในการฟื้นฟูด้านศิลปวัฒนธรรมของบ้านเมืองนั่นเอง

รามเกียรติ์ ถุกเล่าผ่านยุคผ่านสมัยมามากมาย ถึงวันนี้ รามเกียรติ์ยุค 2020 ก็ยังถูกเล่าขานต่อไป แต่มาด้วยภาพลักษณ์อันร่วมสมัย ไม่ว่าจะเป็นภาพลายเส้นการ์ตูน หรือแม้แต่สติกเกอร์ไลน์ เป็นวรรณคดีอมตะที่ยังคงมีลมหายใจ และทรงคุณค่าให้คนรุ่นหลังได้ศึกษาต่อไป

21 พฤศจิกายน...วันแห่งจอตู้

ถ้าถามผู้คนในวันนี้ ว่าของชิ้นไหนในโลกที่สามารถรวมความสนใจคนเอาไว้ในที่เดียวกันได้ คำตอบคือ สมาร์ทโฟน รวมถึงโซเชี่ยลมีเดีย แต่หากย้อนกลับไปราวปี ค.ศ.1925 มีอุปกรณ์ชิ้นหนึ่งกำเนิดขึ้นมา แถมมันยังสามารถรวมผู้คนให้มาอยู่ที่หน้าจอเดียวกันได้ เราเรียกมันว่า โทรทัศน์

โทรทัศน์เครื่องแรกของโลก เป็นผลงานการประดิษฐ์ของ จอห์น โลกี้ เบียร์ด ชาวสกอตแลนด์ เขาได้ทดลองส่งสัญญาณภาพวัตถุไปยังเครื่องรับภาพอีกเครื่องได้เป็นผลสำเร็จ ต่อมาก็กลายเป็นโทรทัศน์ที่ยังไม่มีสี (ขาว-ดำ) กระทั่งพัฒนาไปสู่โทรทัศน์สี

จนถึงวันนี้มีทั้งแบบจอแบน จอทัชสกรีน สมาร์ททีวี มาไกลจนหากว่านายจอห์น โลกี้ เบียร์ด ได้มาเห็น คงต้องทึ่งในพัฒนาการสิ่งที่ตัวเองคิดค้นอย่างแน่นอน

วันนี้เป็น ‘วันโทรทัศน์โลก’ เพื่อให้ทุกคนได้ตระหนักถึงเรื่องการสื่อสารและการเผยแพร่ข่าวสารของผู้คนทั่วโลก รวมทั้งยังรณรงค์เรื่องความปลอดภัยในการบริโภคสื่อ แม้ว่าปัจจุบันจะมี ‘สื่อต่าง ๆ’ เกิดขึ้นอีกมากมาย แต่โทรทัศน์ก็ยังคงเป็นสื่อพื้นฐานหลัก และยังเป็นจุดศูนย์รวมผู้คนทั้งโลกเอาไว้ได้อยู่เหมือนเดิม

.

อ้างอิง: https://th.wikipedia.org/wiki/โทรทัศน์

ทรัมพ์ยังไม่เอ่ยปาก ขอยอมแพ้

เกือบจะกลายเป็นบุรุษที่โลกลืมไปแล้ว สำหรับ "โดนัลด์ ทรัมพ์" หลังจากที่มีการสรุปผลการเลือกตั้งเรียบร้อยในหลายรัฐ และ "โจ ไบเดน" ได้คะแนนเสียงเกินกึ่งหนึ่งของคณะผู้เลือกตั้งไปแล้ว แม้จะยังเหลืออีกไม่กี่รัฐเท่านั้นที่คะแนนยังมีปัญหา แต่แทบไม่มีผลกับการเลือกตั้งแล้วในตอนนี้

แม้ว่าทรัมพ์จะกล่าวหาว่ามีการโกงเลือกตั้ง และขอต่อสู้ในชั้นศาล แต่ศาลในบางรัฐก็ยกคำร้อง ไม่รับพิจารณาคดี อีกทั้งโจ ไบเดน ก็เดินหน้าประกาศตัวเป็นว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐคนใหม่อย่างเต็มตัว ด้วยการเริ่มวางตัวคณะรัฐมนตรีของตัวเองในสมัยหน้าแล้ว

ซึ่งต่างจากทรัมพ์ ที่ยังคงเก็บตัวเงียบ แทบไม่ได้ออกสื่อ มีเพียงการเคลื่อนไหวในทวิตเตอร์ส่วนตัว และมาพร้อมกับข่าวลือความขัดแย้งภายใน ทั้งในครอบครัว และ ในพรรครีพับลิกัน ว่าจะให้ทรัมพ์ลาตำแหน่งอย่างสง่างาม หรือ จะยังคงยื้อเวลา เดินหน้าต่อสู้ในชั้นศาล

และล่าสุด เมื่อวันศุกร์ที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ.2563 ที่ผ่านมาตามเวลาสหรัฐ ทรัมพ์ก็ได้ปรากฏตัวออกสื่ออย่างเป็นทางการอีกครั้ง หลังจากห่างหายมาเนิ่นนาน ที่งานแถลงข่าวหน้าทำเนียบขาว ด้วยการประกาศความสำเร็จของวัคซีน Covid-19 ที่พัฒนาโดยบริษัทยา Pfizer ที่ได้ผลดีเกินคาดถึง 90% ในกลุ่มทดลอง 43,500 คนใน 6 ประเทศ รวมทั้งในสหรัฐอเมริกา

โดยทรัมพ์ได้เคลมความสำเร็จของการพัฒนาวัคซีนของ Pfizer ว่าเป็นส่วนหนึ่งของนโยบาย Operation Warp Speed ของเขา ที่ได้อนุมัติอัดเม็ดเงินมากกว่า 1 พันล้านเหรียญให้กับบริษัทยาชั้นนำที่ได้รับคัดเลือก ในการพัฒนาวัคซีน Covid-19 ให้ออกมาให้เร็วที่สุด

ทรัมพ์อ้างว่า ด้วยโครงการ Operation Warp Speed ทำให้โลกได้วัคซีนตัวใหม่นี้เร็วกว่าการพัฒนาแบบธรรมดาถึง 5 เท่า นับว่าเร็วที่สุดในโลก และเขาจะผลักดันให้ชาวอเมริกันได้รับวัคซีน Covid-19 ตัวใหม่นี้ ให้เร็วที่สุด อย่างน้อยภายในสิ้นปีนี้

ซึ่งการที่ทรัมพ์ออกมาเคลมความสำเร็จของวัคซีน จาก Pfizer ก็เพราะเป็นหนึ่งในเรื่องที่ทรัมพ์พยายามผลักดันอย่างหนัก ที่จะให้ชาวอเมริกันต้องได้รับข่าวดีเรื่องวัคซีนก่อนการเลือกตั้ง เพื่อเป็นผลดีกับคะแนนเสียงของเขา

เพียงแต่โชคไม่เข้าข้าง ข่าวดีที่ทรัมพ์รอคอยนั้นมาช้าไม่ทันการณ์ และที่ตลกร้ายกว่านั้นคือ Pfizer ไม่ได้อยู่ในโครงการ Operation Warp Speed

บริษัทยาที่ได้คัดเลือกเข้าร่วมโครงการ Operation Warp Speed ที่ประกาศอย่างเป็นทางการมีรายชื่อดังนี้

.

- Johnson & Johnson

- AstraZeneca–University of Oxford

- Moderna

- Merck ร่วมกับ IAVI

- Novavax

- Sanofi ร่วมกับ GlaxoSmithKline

.

และบริษัทยาที่ได้ทุนวิจัยบางส่วนอีก 2 แห่งคือ Vaxart และ Invio แต่ไม่มี Pfizer

แคทเธอรีน แจนเซน รองประธานบริษัท Pfizer ก็เคยออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อของสหรัฐเองว่า Pfizer ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ Warp Speed เราไม่เคยได้รับเงินสนับสนุนจากรัฐบาลกลางสหรัฐ

นอกจากนี้ ด็อกเตอร์ แอนโธนี ฟาวซี หัวหน้าศูนย์บริหารสถานการณ์ Covid-19 ของสหรัฐ ก็เคยออกมาบอกว่า ถึงจะเร่งผลิตวัคซีนแค่ไหนก็ตาม ชาวอเมริกันน่าจะได้รับวัคซีนอย่างเร็วที่สุดก็เดือนมีนาคมปีหน้า

ถึงเวลานั้น สหรัฐคงยืนยันประธานาธิบดีคนที่ 46 อย่างเป็นทางการแล้ว ซึ่งจะยังคงเป็นทรัมพ์หรือเปล่า ตอนนี้ทรัมพ์เองก็ชักจะไม่แน่ใจ ได้แต่บอกว่า "เดี๋ยวถึงเวลาก็รู้เองแหล่ะ"

ถึงจะไม่พูดออกมาตรง ๆ แต่ถือเป็นครั้งแรกที่ทรัมพ์มีท่าทีอ่อนลง และเริ่มส่งสัญญาณว่าคงยอมรับความพ่ายแพ้ แต่จะให้ประกาศโต้ง ๆ ว่า "ผมแพ้" คงไม่ใช่สไตล์ของแก จึงได้แต่พูดอ้อมๆว่า

.

"Hopefully the – whatever happens in the future, who knows which administration will be. I guess time will tell. But I can tell you this administration will not go to a lockdown.”

(ผมหวังว่า ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นในอนาคต ใครจะได้เป็นรัฐบาลชุดใหม่ ถึงเวลาก็รู้เองแหล่ะครับ แต่ผมยืนยันกับพวกคุณได้อย่างหนึ่งก็คือ รัฐบาลของผมจะไม่ยอมให้มีการ Lockdown เมืองเป็นอันขาด)

แต่ว่าล่าสุด รัฐโอเรกอน และ นิว เม็กซิโก ได้ประกาศมาตรการ Lockdown บางเขตที่มีปัญหาการระบาด Covid-19 อย่างหนักไปแล้วในวันนี้

ก็สงสัยว่ารัฐบาลชุดต่อไป ไม่น่าจะเป็นทรัมพ์แล้วหล่ะมั้ง

.

ข้อมูลอ้างอิง

The Guardian

https://www.theguardian.com/us-news/2020/nov/13/trump-biden-white-house-defeat-election

The Hill

https://thehill.com/homenews/administration/525927-trump-breaks-public-silence-but-doesnt-talk-election

New York Times

https://www.nytimes.com/2020/11/10/health/was-the-pfizer-vaccine-part-of-the-governments-operation-warp-speed.html

AP News

https://apnews.com/article/virus-surge-officials-resist-restriction-f7995f3df600b3115fe7058db4b84435

Wikipedia

https://en.wikipedia.org/wiki/Operation_Warp_Speed


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top