นายกอินเดียลั่น ‘ตามล่าถึงขอบโลก’ ผู้ก่อเหตุชาวปากีฯ กราดยิงในแคชเมียร์ พร้อมตัดสนธิสัญญาแม่น้ำสินธุ-ขับเจ้าหน้าที่ปากีสถานพ้นประเทศ

(25 เม.ย. 68) นายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี (Narendra Modi) ของอินเดีย ประกาศจุดยืนอย่างแข็งกร้าวว่าจะ “ไล่ล่าผู้ก่อการร้ายและผู้สนับสนุนไปจนสุดขอบโลก” เพื่อตอบโต้เหตุกราดยิงนักท่องเที่ยวในแคชเมียร์ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจระบุว่าผู้ก่อเหตุ 2 ใน 3 รายเป็นชาวปากีสถาน โดยไม่เอ่ยชื่อปากีสถานโดยตรง แต่ท่าทีแข็งกร้าวของผู้นำอินเดียสะท้อนถึงความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นระหว่างสองประเทศเพื่อนบ้าน

อินเดียตอบโต้ทางการทูตโดยระงับสนธิสัญญาแบ่งปันแม่น้ำสินธุที่มีมายาวนานกว่า 60 ปี และปิดด่านพรมแดนทางบกเพียงแห่งเดียวกับปากีสถาน นอกจากนี้ ยังเรียกตัวที่ปรึกษาด้านกลาโหมกลับประเทศ พร้อมลดจำนวนเจ้าหน้าที่สถานทูตในอิสลามาบัดจาก 55 คน เหลือ 30 คน และประกาศให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายป้องกันของสถานทูตปากีสถานเป็น “บุคคลไม่พึงปรารถนา”

ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจในแคชเมียร์ได้เผยชื่อผู้ต้องสงสัยทั้ง 3 ราย พร้อมเสนอเงินรางวัลนำจับ โดยระบุว่ามือปืน 2 คนเป็นชาวปากีสถาน และคาดว่าเชื่อมโยงกับกลุ่มติดอาวุธข้ามพรมแดน ขณะที่กระทรวงการต่างประเทศอินเดียแถลงว่าคณะกรรมการความมั่นคงแห่งชาติได้รับข้อมูลเกี่ยวกับความเชื่อมโยงดังกล่าวแล้ว แต่ยังไม่เปิดเผยรายละเอียด

เหตุโจมตีนี้นับเป็นการโจมตีพลเรือนครั้งรุนแรงที่สุดในรอบเกือบ 20 ปีของอินเดีย สื่อท้องถิ่นรายงานว่า นายกฯ โมดีเรียกประชุมทุกพรรคการเมืองเพื่อหารือแนวทางตอบโต้และสร้างความเป็นเอกภาพ ขณะที่ปากีสถานออกมาตอบโต้ว่า อินเดียระงับสนธิสัญญาแม่น้ำอย่างบุ่มบ่าม และถือเป็นการ 'ก่อสงครามน้ำ' อย่างผิดกฎหมายอีกด้วย