Thursday, 2 May 2024
Southern

ยะลา - เจ้าหน้าที่ตำรวจ ป่าไม้ อส. สนธิกำลังจับชายบุกรุกป่าสงวนแห่งชาติป่าเบตง ปลูกผลไม้ ได้พร้อมของกลาง หลังรับแจ้งจากชาวบ้าน

เมื่อวันที่ 8 เม.ย.64 นายฟูอาดี แตปูซู หัวหน้าหน่วยป้องกันรักษาป่าที่ ยล.4 (บ่อน้ำร้อน-จันทรัตน์) สั่งการให้ นายภพ สิงห์สุวรรณ พนักงานพิทักษ์ป่า ส.3 ประสานนายพิชัย แก้วจำรัส ปลัดงานป้องกัน พ.ต.ต. มานพ ดำแดง สว.สส.สภ.เบตง นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่ป่าไม้ อส. ออกตรวจปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับป่าไม้ หลังได้รับแจ้งขากชาวบ้านว่า ที่บ้านกงสี 8 สวนแป๊ะหลิม ต.เบตง อ.เบตง จ.ยะลา ใกล้ชายแดนไทย-มาเลเซีย มีการลักลอบบุกรุกถางป่าต้นน้ำเพื่อทำสวนปลูกผลไม้

เจ้าหน้าที่ได้วางแผน ขี่รถจักรยานยนต์ไปตามทางลูกรัง ผ่านสวนผลไม้ สวนยางของชาวบ้านจนสุดทาง จากนั้นได้เดินเท้าเข้าไปยังจุดที่ได้รับแจ้ง พบว่าป่าต้นน้ำถูกบุกรุกแผ้วถาง ตัดต้นไม้ขนาดกลางและขนาดเล็ก และได้ปลูกต้นทุเรียน ซึ่งป่าต้นน้ำอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าเบตง บริเวณดังกล่าวยังพบนายอับดุลเลาะ แกแซแอ อายุ 48 ปี อยู่บ้านเลขที่ 127 หมู่6 ต.ยะรม อ.เบตง จ.ยะลา และพบของกลาง จอบ 2 เล่ม มีดพกพร้อมปลอก 1 เล่ม เจ้าหน้าที่ตรวจวัดพื้นที่ซึ่งถูกบุกรุก เป็นเนื้อที่จำนวน 6 ไร่ 3 งาน 35 ตารางวา ส่วนค่าเสียหายยังไม่สามารถประเมินได้ เพราะเจ้าหน้าที่ต้องประสานเจ้าหน้าที่ประเมินมูลค่าความเสียหายทางสิ่งแวดล้อม มาประเมินค่าเสียหาย

ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหา ตาม พรบ ป่าสงวนแห่งชาติ พุทธศักราช 2507 มาตรา14 ห้ามบุคคลใดยึดถือครองทำประโยชน์หรืออยู่อาศัยในที่ดิน ก่นสร้าง แผ้วถาง เผาป่า ทำไม้ เก็บหาของป่าหรือกระทำการใดๆ อันเป็นการเสื่อมเสียแก่สภาพป่าสงวนแห่งชาติ โดยไม่ได้รับอนุญาตเจ้าพนักงาน เจ้าหน้าที่ และข้อหา พรบ ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พุทธศักราช 2535 มาตรา 97 ผู้ใดกระทำผิดหรือละเว้นการกระทำด้วยประการใด โดยชอบกฎหมายอันเป็นการทำลายหรือสูญหายหรือเสียหายแก่ทรัพยากรธรรมชาติซึ่งเป็นของรัฐ หรือสาธารณะสมบัติแผ่นดิน มีหน้าที่ต้องชดใช้ค่าเสียหายแก่รัฐตามมูลค่าทั้งหมดของทรัพยากรธรรมชาติที่ถูกทำลายสูญหายหรือเสียหายไปนั้น พร้อมทั้งนำตัวและของกลางส่งพนักงานสอบสวน สภ.เบตง ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ - ค่ายสิ่งแวดล้อมธรรมชาติเขาใหญ่ “สานใจไทยสู่ใจใต้” รุ่นที่ 38

วันที่ 6-8 เมษายน 2564 มูลนิธิรัฐบุรุษ มูลนิธิรักเมืองไทย และมูลนิธิพิทักษ์อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ จัดค่ายสิ่งแวดล้อมธรรมชาติเขาใหญ่ ในโครงการ “สายใจไทย สู่ใต้” รุ่นที่ 38 ณ อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ โดยมีพลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ ประธานองคมนตรี (ประธานคณะกรรมการอำนวยการโครงการฯ) เป็นประธานในพิธี และนายอดิศักดิ์ ภูสิทธิ์วงศานุยุต หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ กล่าวรายงานวัตถุประสงค์ของการจัดโครงการ มีเยาวชนจาก 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้แก่ ยะลา นราธิวาส ปัตตานี สงขลา และสตูล จำนวน 320 คน เข้าร่วมโครงการ

สำหรับกิจกรรมของค่ายฯ ในวันที่ 6 เมษายน 2564 เวลา 16.30 น. คณะเยาวชนฯ เดินทางมาถึงอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ เข้าพักที่อาคารค่ายเยาวชนสุรัสวดี ช่วงค่ำแบ่งเยาวชนออกเป็น 2 กลุ่ม สลับกันเข้าร่วมกิจกรรม 2 กิจกรรม ได้แก่ การบรรยายโครงการศึกษาวิจัยด้านธรรมชาติ และการส่องสัตว์ศึกษาชีวิตสัตว์ป่าเวลากลางคืน

วันที่ 7 เมษายน 2564 เวลา 10.30 น. เป็นพิธีเปิดค่ายสิ่งแวดล้อมธรรมชาติเขาใหญ่ โครงการ “สานใจไทย สู่ใจใต้” รุ่นที่ 38 โดยพลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ และบรรยายพิเศษ เรื่อง “การอนุรักษ์ธรรมชาติ” การจัดกิจกรรมอวยพรวันสงกรานต์ มอบของแก่คณะเยาวชนฯ ปลูกต้นไม้ ถ่ายภาพหมู่เป็นที่ระลึก และกิจกรรมเดินป่าศึกษาธรรมชาติ ในภาคบ่ายเป็นกิจกรรมเข้าฐานศิลปะและดนตรี ประกอบด้วย ฐานสร้างสรรค์งานศิลป์จากวัสดุธรรมชาติ ฐานวาดภาพด้วยดินสอถ่านชาร์โคล ฐานวาดภาพแอบแสตรกต์ ฐานดนตรี ฐานดนตรีสากล ฐานภาพพิมพ์จากวัสดุธรรมชาติ และฐานภาพพิมพ์โฟมอัด ของชมรมศิลปะนางรองพิทฯ รร.นางรองพิทยาคม กลุ่มศิลปะเด็กบ้านลูกพิมพ์ และรร.เกล้าปัญญา จ.บุรีรัมย์ ส่วนในภาคกลางคืนเป็นการแสดงของเยาวชนฯ ทั้ง 5 จังหวัด และกิจกรรมอำลา ซึ่งก่อนพิธีเปิดค่ายฯ มีการสร้างบรรยากาศด้วยเสียงเพลงอย่างสนุกสนาน จากโจนัส แอนเดอร์สัน และร้องเพลงต้นไม้ของพ่อก่อนปลูกต้นไม้อีกด้วย

พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ กล่าวตอนหนึ่งว่า ‘...ขอฝากให้เยาวชนช่วยกันดูแลรักษาธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม อย่างน้อยให้ทุกคนปลูกต้นไม้อย่างน้อยปีละ 1 ต้น รวมทั้งให้ทุกคนทำในสิ่งที่เป็นประโยชน์ เพราะคนที่ทำในสิ่งที่เป็นประโยชน์ก็จะเป็นคนดีด้วย คนไม่ดีก็มักจะทำสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์ และขอให้การจัดกิจกรรมในโครงการฯ บรรลุตามวัตถุประสงค์ต่อไป...”

วันที่ 8 เมษายน 2564 เวลา 06.30 น. คณะเยาวชนฯ เดินทางจากอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ไปยังมหาวิทยาลัยราชภัฏพระนครศรีอยุธยา และทัศนศึกษาอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยาต่อไป


ภาพ/ข่าว  สมพุด เกตขจร ผู้สื่อข่าวภูมิภาคจังหวัดบุรีรัมย์

พังงา - ททท.พังงาชูท่องเที่ยวชุมชน เปิดตัวแคมเปญ "Amazing Thailand enjoy Local" แจกคูปอง1000บาท ดึงชาวต่างชาติในประเทศไทยกลุ่มเอ็กซ์แพต (expat) เข้าเที่ยวในพื้นที่

ที่โรงแรม ลา ฟลอรา รีสอร์ท & สปา เขาหลัก อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา  นายจำเริญ ทิพญพงศ์ธาดา ผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา นายชูชาติ อ่อนเจริญ ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานพังงา และนายสมพร สาระการ ประธานเครือข่ายท่องเที่ยวชุมชนฝั่งอันดามัน ร่วมแถลงข่าวเปิดตัวแคมเปญ "Amazing Thailand enjoy Local" เพื่อดึงตลาดชาวต่างชาติที่อยู่ในประเทศไทยกลุ่มเอ็กซ์แพต (expat) ช่วงสภาวการณ์ปิดการเดินทางระหว่างประเทศ มอบส่วนลดแพคเกจท่องเที่ยวชุมชน พร้อมรับ Free Voucher มูลค่า 1,000 บาท

เนื่องจากสถานการณ์ปิดการเดินทางระหว่างประเทศ นักท่องเที่ยวต่างชาติยังไม่สามารถเดินทางเข้ามาเที่ยวในประเทศไทยได้ในระยะนี้ นอกจากการกระตุ้นให้คนไทยเกิดการเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศแล้ว อีกกลุ่มที่น่าสนใจคือตลาดต่างชาติที่อยู่ในประเทศไทย หรือที่เรียกว่ากลุ่มเอ็กซ์แพต (expat) คือ กลุ่มชาวต่างชาติที่ทำงานหรือศึกษาต่ออยู่ในประเทศไทย ปัจจุบันมีจำนวนมากกว่า 1.8 แสนคน ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีศักยภาพและกำลังซื้อและมีศักยภาพในการเดินทางท่องเที่ยวสูง ทำให้กลุ่ม Expat มีความสำคัญอย่างยิ่งในเวลาที่ไม่สามารถเปิดการเดินทางระหว่างประเทศได้แบบมีเงื่อนไขที่จะมาถึง นอกจากนี้กลุ่ม Expat ยังมีศักยภาพในฐานะที่เป็นผู้สื่อสารออกไปได้ทั่วทุกประเทศทั่วโลกเพื่อสร้างความเชื่อมั่นในการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศด้วย

โดยปกตินักท่องเที่ยวกลุ่มเอ็กซ์แพต (expat) จะนิยมเดินทางแบบอิสระด้วยตัวเองเหมือนกับคนไทย แต่ต้องมีค่าใช้จ่ายในการเข้าสู่สถานที่ท่องเที่ยวที่แพงกว่าคนไทย ทำให้นักท่องเที่ยวกลุ่ม Expat ตัดสินใจเดินทางได้ยากขึ้น หากสามารถจัดแพคเกจเดินทางท่องเที่ยวที่ค่อนข้างยืดหยุ่นและสามารถรับส่วนลดพิเศษก็อาจดึงดูดความสนใจของนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ได้มากขึ้น ดังนั้น ททท.สำนักงานพังงา จึงได้กำหนดจัดโครงการ Amazing Thailand Enjoy Local เพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวกลุ่ม Expat ให้เดินทางมาท่องเที่ยวจังหวัดพังงาและส่งเสริมให้เกิดการใช้จ่ายต่อทริปเพิ่มมากขึ้น อีกทั้งยังเป็นการช่วยเหลือผู้ประกอบการท่องเที่ยวภายหลังสถานการณ์โควิด-19 คำนึงถึงความปลอดภัยด้านสุขอนามัยตามมาตรฐานกระทรวงสาธารณสุข โดยททท.สำนักงานพังงาร่วมกับพันธมิตรโรงแรมระดับพรีเมี่ยมและโรงแรมระดับ Inter chains จำนวน 15 แห่ง จัดทำแพคเกจนำเที่ยวเสนอขายผ่านประสบการณ์ท่องเที่ยวชุมชนในจังหวัดพังงาจำนวน 8 แห่ง โดยได้มอบส่วนลดแพคเกจท่องเที่ยวชุมชนในจังหวัดพังงาสำหรับนักท่องเที่ยวกลุ่ม EXPAT และผู้เข้าพักอื่นๆ "FREE VOUCHER มูลค่า 1,000 บาท ภายใต้เงื่อนไขที่กำหนด 1 VOUCHER สำหรับผู้เข้าพัก 1 ห้อง ต่อ 2 ท่าน ซึ่งมีจำนวนจำกัดเพียง 1,500 ใบเท่านั้น ใช้ได้ตั้งแต่วันที่ 8 เมษายน - 30 มิถุนายน 2564 โดยคาดว่าจะมีนักท่องเที่ยว expat เดินทางเข้าจังหวัดพังงาไม่ต่ำกว่า 1,500 คน และสร้างรายได้ไม่ต่ำกว่า 5 ล้านบาท

ทั้งนี้ สามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ ททท.สำนักงานพังงา หมายเลขโทรศัพท์ โทรฯ 0-7641-3400-2การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท)


ภาพ/ข่าว  อโนทัย  งานดี  

สงขลา - เลขาธิการ ศอ.บต. ชื่นชมครูในพื้นที่ จชต. ฝึกซ้อมดนตรี เพื่อนำไปสานต่อแก่นักเรียน ใช้ดนตรีเป็นสื่อกลางในการแก้ไขปัญหาพื้นที่

ที่ โรงแรมเซาท์เทอร์น แอร์พอร์ท อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา พลเรือตรี สมเกียรติ ผลประยูร  เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) เป็นประธานในพิธีปิด พร้อมให้โอวาทแก่ผู้ผ่านการอบรมในกิจกรรมพัฒนาทักษะดนตรีให้กับบุคลากรทางการศึกษาในสถานศึกษาระดับประถมศึกษา และโรงเรียนขยายโอกาสในชุมชนไทยพุทธถดถอยและชุมชนพหุวัฒนธรรม จัดโดยกองส่งเสริมและสนับสนุนงานพัฒนาฝ่ายพลเรือน ศอ.บต. เพื่อพัฒนาทักษะด้านดนตรีให้กับบุคลากรทางการศึกษา ให้มีความรู้และทักษะด้านดนตรีที่ถูกต้องตามมาตรฐานสากล สามารถถ่ายทอดให้กับนักเรียน เยาวชน ประชาชนให้มีทักษะความรู้และหันมาสนใจการเล่นดนตรีมากขึ้น โดยมีนายถาวร บุญศรี  ผู้ช่วยเลขาธิการ ศอ.บต. (กระทรวงพลังงาน) นางสาวจิณห์นิภา ทิมผกุล  นักวิเคราะห์นโยบายและแผนชำนาญการ ตลอดจนบุคลากรของสถานศึกษาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ร่วมในพิธี

ในการนี้ พลเรือตรี สมเกียรติ ผลประยูร  กล่าวให้โอวาทแก่ผู้เข้าอบรมว่า ดนตรีและอุปกรณ์ด้านดนตรีที่ทุกคนได้ฝึกทักษะทั้งหมดนี้ เป็นเรื่องที่สามารถตอบโจทย์ได้ว่า การเข้าอบรมในครั้งนี้เราจะได้อะไรกลับไป ทุกภาคส่วนที่เราสามารถต่อเรื่องราวให้เข้าด้วยกันนั้น จะทำให้แผ่นดินใต้และประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดี อยู่ร่วมกันภายใต้ “วิถีสังคมพหุวัฒนธรรม” นี้คือผลลัพธ์สุดท้ายของการแก้ไขปัญหาและพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ดังนั้นการพัฒนาบุคคล หรือทรัพยากรมนุษย์ อยู่ในลำดับที่ 1 เสมอ ศอ.บต. พร้อมทำในทุกมิติเพื่อพัฒนาพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ให้กลับสู่พื้นที่สันติสุข รวมถึงกิจกรรมการเล่นดนตรีก็สามารถแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ได้เช่นเดียวกัน เพราะเมื่อเยาวชนในพื้นที่มาเล่นดนตรีในหมู่บ้าน โดยเอาโรงเรียนมาเชื่อมกับบ้าน และนำดนตรีเป็นสื่อกลางสามารถดึงผู้คนเข้ามาร่วมสนุกกันได้ ถือเป็นสังคมพหุวัฒนธรรม ที่เราสามารถอยู่ร่วมกันในชุมชนอย่างมีความสุข

ด้านผู้เข้าอบรมฯ ต่างขอบคุณ ศอ.บต. ที่ได้จัดกิจกรรมฝึกทักษะด้านดนตรีในครั้งนี้ โดยมองว่าที่ผ่านมาครูทุกคนได้สอนนักเรียนในวิชาดนตรีก็สอนตามความรู้ที่อยู่ในตำราเท่านั้น เพราะต้องยอมรับว่า เป็นสถานศึกษาที่อยู่ห่างไกล จึงไม่ค่อยมีอุปกรณ์ด้านดนตรี และไม่สามารถจะฝึกซ้อมนักเรียนให้เล่นดนตรีได้ แต่เมื่อเข้าอบรมในครั้งนี้ ได้รู้ถึงกระบวนการสอน การเล่นดนตรีที่ถูกต้อง จึงมั่นใจว่า หลังจากนี้ไปจะนำความรู้ไปฝึกซ้อมนักเรียนให้สามารถเล่นดนตรี และนำดนตรีมาพัฒนาเยาวชนให้เป็นคนดี คนเก่งให้ได้

สำหรับผู้เข้าร่วมโครงการในครั้งนี้ เป็นบุคลากรจากโรงเรียนระดับประถมศึกษาและโรงเรียนขยายโอกาสในพื้นที่รับผิดชอบ โดยแบ่งการอบรมออกเป็น 3 รุ่น รุ่นละ 50 คน โดยรุ่นที่ 1 จากจังหวัดยะลา และ 4 อำเภอของจังหวัดสงขลา ระหว่างวันที่ 29 มีนาคม ถึง 1 เมษายน 2564 รุ่นที่ 2 จังหวัดปัตตานี ระหว่างวันที่ 2 – 5 เมษายน 2564 และรุ่นที่ 3 จังหวัดนราธิวาส ระหว่างวันที่ 6 – 9  เมษายน 2564 โดยได้เชิญผู้เชี่ยวชาญด้านดนตรีสากลจากโรงเรียนแก้วเนียมการดนตรี จังหวัดปัตตานี มาให้ความรู้และได้แสดงการเล่นดนตรีในครั้งนี้อีกด้วย


ภาพ/ข่าว  นายปรีชา สถิตย์เรืองศักดิ์ / หาดใหญ่ จ.สงขลา

 

นครศรีธรรมราช - นิพนธ์ เช็คความพร้อม จ.นครศรีฯ - พัทลุง มาตรการป้องกันและลดอุบัติเหตุช่วงสงกรานต์ 64 วอนปชช.ให้ความร่วมมือใช้ความเร็วไม่เกินกม.กำหนด -สวมหมวกนิรภัย เพื่อลดอุบัติเหตุฯพร้อมทั้งดูแลความปลอดภัยจากโควิดอย่างเข้มงวด

ที่ศาลากลางจังหวัดนครศรีธรรมราช นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานการประชุม มอบนโยบายแนวทางการดำเนินงานโครงการพัฒนาและเสริมสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานราก ภายใต้กลุ่มงานแผนงาน โครงการฟื้นฟูเศรษฐกิจท้องถิ่นและชุมชนบนพื้นฐานของโอกาสและศักยภาพของท้องถิ่น จังหวัดนครศรีธรรมราช โดยมีนายไกรศร วิศิษฏ์วงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครศรีธรรมราช ท้องถิ่นจังหวัด หัวหน้าส่วนราชการ และหน่วยงานรัฐวิสาหกิจในจังหวัดนครศรีธรรมราช ร่วมในการประชุม

โดยนายนิพนธ์ รมช.มท. ได้มอบนโยบายแนวทางการดำเนินงานโครงการพัฒนาและเสริมสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานราก ภายใต้กลุ่มงานแผน โครงการฟื้นฟูเศรษฐกิจท้องถิ่น และชุมชนบนพื้นฐานของโอกาสและศักยภาพขิงท้องถิ่นจังหวัดนครศรีธรรมราช ในเรื่องของพัฒนาสินค้า ท่องเที่ยว บริการ และการค้าเช่นสินค้าโอทอป ท่องเที่ยวชุมชนในประเทศ การค้าส่ง การค้าปลีก พร้อมทั้งยกระดับประสิทธิภาพและสร้างมูลค่าเพิ่มด้านการเกษตร เช่นเกษตรปลอดภัย เกษตรอินทรีย์ รวมถึงส่งเสริมและพัฒนาทักษะฝีมือแรงงาน ในการอบรมระยะสั้น อบรมยกระดับทักษะฝีมือ และพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับการฟื้นตัวและพัฒนากิจกรรมทางเศรษฐกิจของชุมชน  และมอบนโยบายการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ พ. ศ. 2564 "สงกรานต์สุขใจขับขี่ปลอดภัยห่างไกลโควิด" ในช่วงการปฏิบัติการเข้มข้นระหว่างวันที่ 10-16 เมษายน 2564

"ด้วยความห่วงใยของรัฐบาล และของนายกรัฐมนตรีโดยเฉพาะอย่างยิ่ง covid19 ปีนี้ รัฐบาลก็ถือโอกาสให้ช่วงเทศกาลสงกรานต์  โดยให้พี่น้องประชาชนได้เที่ยวสงกรานต์กันอย่างสุขใจ เดินทางปลอดภัย ไร้โควิด  ฉะนั้นมาตรการที่จะดูแลความปลอดภัยต่างๆบนท้องถนน และมาตรการในการดูแลในเรื่องของ covid19  ก็ยังเป็นมาตรการที่ต้องปฏิบัติควบคู่กันในจุดตรวจต่าง ๆ ซึ่งแต่ละจังหวัดก็จะมีจุดตรวจเส้นทางสายหลัก และเส้นทางสายรอง ปีนี้ก็ขอความร่วมมือกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ให้ดูแลความปลอดภัยของพี่น้องประชาชน ทั้งของศูนย์ความปลอดภัยบนท้องถนนระดับอำเภอ ศูนย์ความปลอดภัยบนท้องถนนระดับท้องถิ่นก็ดี ให้ช่วยกันดูแลในการคัดกรองประชาชน ในเรื่องของความเร็ว ในการใช้ถนน ซึ่งก็ยังเป็นอันตรายระดับต้นๆอยู่ ฉะนั้นก็ขอความร่วมมือไปยังพี่น้องประชาชนผู้ใช้ยานพาหนะสัญจรไปมา ให้ใช้ความเร็วภายใต้ที่กฎหมายกำหนดไว้ ซึ่งอันนี้ยังเป็นปัจจัยแรก ๆ ที่ทำให้เกิดการสูญเสียชีวิต ยังคงเป็นอันดับ 1คือ การขับรถเร็วกว่ากฎหมายกำหนด และ 2 เมื่อขับรถแล้วต้องคาดเข็มขัดนิรภัย หรือสวมหมวกนิรภัย เพราะว่ากรณีที่เสียชีวิตมากที่สุดคือ กรณีที่ขับขี่มอเตอร์ไซค์แล้วไม่สวมหมวกนิรภัยและใช้ความเร็วสูง" นายนิพนธ์กล่าว

นอกจากนี้ นายนิพนธ์ ยังได้เน้นย้ำด้วยว่า "ที่สำคัญที่สุดอีกอย่างคือ ไม่ควรขับรถมึนเมาหรือง่วงนอน ซึ่งปัจจัยสิ่งเหล่านี้ถ้าหากผู้ใช้รถใช้ถนนให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีก็จะลดความสูญเสียชีวิตโดยเฉพาะในช่วงเทศกาลสำคัญ ๆ อย่างเทศกาลสงกรานต์นี้ได้ผลอย่างเป็นรูปธรรม และทำให้เทศกาลสงกรานต์ปีนี้เป็นเทศกาลแห่งความสุข ซึ่งเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายในจุดตรวจต่าง ๆต่ างพร้อมปฏิบัติงานด้วยความห่วงใยในความปลอดภัยของพี่น้องประชาชนอย่างเต็มที่"

ต่อจากนั้นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้เดินทางไปเป็นประธานปล่อยขบวนรถและเยี่ยมจุดตรวจหน่วยบริการประชาชนตำรวจทางหลวงทุ่งสงแขวงทางหลวงนครศรีธรรมราชที่ 2 อำเภอทุ่งสงจังหวัดนครศรีธรรมราช  และจุดตรวจป้อมตำรวจทางหลวงเขาเจียก อ. เมือง จ.พัทลุง อีกด้วย


ภาพ/ข่าว  นายปรีชา สถิตย์เรืองศักดิ์ / หาดใหญ่ จ.สงขลา

สงขลา - นิพนธ์ วิ่งนำ "ธงชาติไทย รวมใจสู่ชัยชนะ" ส่งต่อกำลังใจให้นักกีฬาทีมชาติไทย เข้าแข่งขันกีฬาโอลิมปิก-พาราลิมปิก 23 ก.ค.- 8 ส.ค.นี้ ที่ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น

เมื่อเวลา 06.00 น. วันนี้ 10 เม.ย.64 นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานเปิดกิจกรรมวิ่ง Fun Run รวมใจสู่ชัยชนะ และเป็นประธานนำวิ่งขบวนธงชาติไทย SET ที่ 1 ระยะทาง 1 กิโลเมตร ณ สนามกีฬาเมืองหลักภาคใต้(พรุค้างคาว) ตำบลบ้านพรุ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา โดยมีนายจารุวัฒน์ เกลี้ยงเกลา ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ผู้อำนวยการสำนักงานการกีฬาแห่งประเทศไทย ภาค 4  นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา ประธานหอการค้าจังหวัดสงขลา และภาครัฐราชการ ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าร่วมกิจกรรม พร้อมปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดโรคโควิด-19

โดยที่การกีฬาแห่งประเทศไทย กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ร่วมกับจังหวัดสงขลา ภาครัฐ และภาคเอกชน ได้จัดกิจกรรม "วิ่งธงชาติไทย....รวมใจสู่ชัยชนะ" ระหว่างวันที่ 26 มีนาคม - 31 พฤษภาคม 2564 ซึ่งเป็นการวิ่งนำธงชาติไทย เพื่อส่งต่อกำลังใจและร่วมเชียร์เหล่านักกีฬาทีมชาติไทย ไปแข่งขันกีฬาโอลิมปิกและพาราลิมปิก ในปี ค.ศ 2020 ในเดือนกรกฎาคม 2564 นี้ และเนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด 19  จึงได้มีการเลื่อนการจัดกิจกรรม "วิ่งธงชาติไทย รวมใจสู่ชัยชนะ" เป็นระหว่างวันที่ 28 มีนาคม - 27 พฤษภาคม 2564 ซึ่งกำหนดระยะทางการวิ่งระยะไกล 35 จังหวัดทั่วภูมิภาค รวมระยะทาง 4,606 กิโลเมตร โดยฝ่ายกิจกรรมได้กำหนดเส้นทางการวิ่งผ่านจังหวัดสงขลา ระหว่างวันที่ 8 ถึง 10 เมษายน 2564 และกำหนดจุดรับธงชาติไทย เพื่อนำธงชาติไทยไปประดับตั้งไว้ ณ สนามกีฬาเมืองหลักภาคใต้ (พรุค้างคาว)

นายนิพนธ์ รมช.มท.กล่าวว่า "ในสถานการณ์ปัจจุบัน ทั่วโลกต้องเผชิญกับวิกฤตการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า(COVID-19) ทำให้กิจกรรมต่างๆต้องหยุดชะงักไป การแข่งขันกีฬาโอลิมปิกหรือโอลิมปิกเกมส์ เป็นสิ่งหนึ่งที่ต้องถูกเลื่อนออกไปอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่อย่างไรก็ตาม ฝ่ายจัดการแข่งขันยังคงจัดให้มีการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกครั้งที่ 32 :โตเกียว 2020 ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ในระหว่างวันที่ 23 กรกฎาคม ถึง 8 สิงหาคม พ.ศ. 2564 นี้ ทำให้พวกเรายังสามารถที่จะส่งแรงใจไปเชียร์นักกีฬาไทย ในมหกรรมกีฬาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของมวลมนุษยชาติ"

ทั้งนี้ กิจกรรม"วิ่งธงชาติไทย...รวมใจสู่ชัยชนะ"  ซึ่งจะเป็นการวิ่งถือธงชาติไทยที่ใช้ในขบวนพาเหรดนักกีฬา ในพิธีเปิดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกไปทั่วประเทศ โดยคัดเลือกประชาชน ศิลปิน ดารา และคณะผู้บริหารจากหน่วยงานราชการ และภาคเอกชนที่สนใจในแต่ละจังหวัด เข้าร่วมวิ่งคนละ 1 กิโลเมตร รวมระยะทาง 4,606 กิโลเมตรใน 35 จังหวัด เพื่อส่งต่อกำลังใจ และร่วมเชียร์เหล่าทัพนักกีฬาทีมชาติไทย ในการเข้าแข่งขันโอลิมปิกและพาราลิมปิกที่ประเทศญี่ปุ่น อันเป็นการส่งเสริมพัฒนาการด้านกีฬาให้แก่ประเทศไทย ได้ต่อไป

ยะลา - นักท่องเที่ยววันหยุดยาว แห่ลงใต้ชมทะเลหมอกอัยเยอร์เวงที่อำเภอเบตงจังหวัดยะลาท่ามกลางมาตรการป้องกันโควิด-19

นักท่องเที่ยวช่วงวันหยุดยาวลงใต้แห่ชมทะเลหมอก "อัยเยอร์เวง ที่อำเภอเบตง จังหวัดยะลาหนีความเสี่ยงและความแออัดที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อโควิด-19 จากกรุงเทพฯ ลงใต้สุดแดนสยามท่องเที่ยวทางธรรมชาติสูดอากาศบริสุทธิ์ท่ามกลางมาตรการป้องกันโควิด-19

เมื่อวันที่ 11 เม.ย.2564  ที่จุดชมทะเลหมอกอัยเยอร์เวง อ.เบตง จ.ยะลา ตั้งช่วงเช้ามืดในพื้นที่อำเภอ เบตง จังหวัดยะลา นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาจากทุกสารทิศต่างบอกไม่ผิดหวัง พร้อมบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าคุ้มค่าต่อการเดินทางลงใต้ที่หนีความแออัดและสี่ยงที่จะติดเชื้อโควิด-19 เพราะในเวลานี้มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อมากโดยเฉพาะในพื้นที่กรุงเทพฯช่วงวันหยุดยาวมีโอกาสหนีความแออัดและความเสี่ยงติดเชื้อโควิด-19ลงใต้ท่องเที่ยวให้ใจเบิกบานผ่อนคลายกับความเครียดไม่ว่าเศรษฐกิจ หรือการแพร่ระบาดของเชื้อโควิดในรอบ 3 นี้ ลงมาทางภาคใต้ ชมทะเลหมอกอัยเยอร์เวง ที่อำเภอเบตง ที่มีความสวยไม่แพ้ที่ใดในเมืองไทยและชมหมอกได้ตลอดปี

โดยในวันนี้มีนักท่องเที่ยวที่ขึ้นชมทะเลหมอกต่างบอกว่าคุ้มค่าต่อการเดินทางมาชมและก็ไม่ทำให้ผิดหวัง เมื่อได้รอคิวขึ้นอาคารที่มีทะเลหมอกเกิดขึ้นสวยงามและหนาแน่น  สร้างความประทับใจให้แก่นักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก นักท่องเที่ยวที่ขึ้นมาบนอาคารสกายวอล์ก ต่างพากันขึ้นไปถ่ายรูปบนอาคารสกายวอล์ก ชมทะเลหมอกอัยเยอร์เวง และไฮไลต์ สำคัญ คือ ระเบียงทางเดินที่ยื่นออกไปจากฐานมีความยาวรวม 63 เมตร ส่วนปลายเป็นระเบียงชมวิวพื้นกระจกใสที่สามารถมองทะลุลงไปได้ถึงพื้นเบื้องล่าง ซึ่งสร้างเสน่ห์สีสัน และความตื่นเต้นให้แก่นักท่องเที่ยว รวมทั้งจุดเช็กอินอีกหลายจุดที่ผู้นำชุมชนและชาวบ้านร่วมกันสร้างขึ้นเพื่อให้นักท่องเที่ยวได้มีจุดที่ถ่ายภาพที่หลากหลาย โดยมีทะเลหมอก ภูเขา และแม่น้ำปัตตานีเป็นฉากหลังแตกต่างกันไป

นอกจากนี้ที่บริเวณจุดขึ้นชมทะเลหมอกดังกล่าว จะมีเจ้าหน้าที่สาธารณสุขอำเภอเบตงและเจ้าหน้าที่อ บต.อัยเยอร์เวง  เจ้าหน้าที่ป่าไม้ และ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.อัยเยอร์เวง มว.ฉก.ตชด.ยะลา 444 เจ้าหน้าที่กองอาสารักษาดินแดนเดินรณรงค์ให้นักท่องเที่ยวอย่าการ์ดตก พร้อมแจ้งขอความร่วมมือให้สวมใส่หน้ากากอนามัยกันทุดคน และพยายามเว้นระยะห่าง เพื่อให้เป็นไปตามาตรการป้องกันโควิด-19 นอกจากนี้ยังมีการตั้งจุดบริการคัดกรองโควิดที่บริเวณทางขึ้นจุดชมวิวทะเลหมอกเดิมอีกด้วย


ภาพ/ข่าว  ธานินทร์  โพธิทัพพะ / ปื๊ด เบตง

สตูล - นักเที่ยวทะลักกว่า 4 พันคน เดินทางลงเที่ยวเกาะหลีเป๊ะ  ทหารเรือนำเรือออกตรวจการณ์ดูแลรักษาความปลอดภัย เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับนักท่องเที่ยว ในช่วงเทศกาลสงกรานต์

กองทัพเรือ โดยทัพเรือภาคที่ 3 ได้มอบภารกิจให้หน่วยรักษาความปลอดภัยทางทะเลกองทัพเรือ เกาะหลีเป๊ะ  จัดกำลังพลพร้อมเรือออกตรวจการณ์ลาดตระเวนดูแลรักษาความปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยว และป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2564 โดย น.ต.ปรัชญ์ ขำเจริญ หัวหน้าสถานีเรือละงู/รองผู้บังคับหน่วยรักษาความปลอดภัยทางทะเล กองทัพเรือ กล่าวว่า ภารกิจของทหารเรือ คือ การรักษาอธิปไตยและความมั่นคง ตลอดจนผลประโยชน์ของชาติทางทะเล

โดยในพื้นที่ จ.สตูล จะมีพรหมแดนระหว่างสตูล – ตรัง สตูล – มาเลเซีย  โดยปกติภารกิจหลักนั้นจะลาดตระเวนทางทะเล เพื่อดูแลรักษาความปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยว และประชาชนตามชายฝั่งทะเล รวมถึงการลาดตระเวนตรวจสอบเรือต่างๆ ป้องกันการลักลอบเข้าเมืองทางทะเลโดยผิดกฏหมาย จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่อาจจะมีการลักลอบจากประเทศเพื่อนบ้านเข้ามาในพื้นที่ จ.สตูล จึงจำเป็นที่จะต้องเฝ้าระวัง ไม่ให้มีการลักลอบเข้ามา และนอกเหนือจาก การเฝ้าระวัง ดังกล่าวแล้ว ยังออกให้การช่วยเหลือ พี่น้องประชาชนที่ประสบเหตุทางทะเล ไม่ว่าจะเหตุเรือล่ม เรือจม คนตกน้ำ หรือเรือขัดข้อง ก็จะเข้าให้การช่วยเหลือ และในช่วงสงกรานต์นี้ ก็ได้ สั่งการให้เจ้าหน้าที่นำเรือออกตรวจการณ์ลาดตระเวน ตามเกาะต่าง ๆ ที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญในพื้นที่ จ.สตูล โดยได้ นำเรือออกสังเกตการณ์นักท่องเที่ยวที่เข้ามาเที่ยวยังพื้นที่เกาะในสตูล โดยเริ่มตั้งแต่ ตรวจความพร้อมของเรือนำเที่ยว  ตรวจเอกสารของ ไกด์ หรือบัตรไกด์  พร้อมกำชับให้ นักท่องเที่ยวทุกคนสวมใส่เสื้อชูชีพ เพื่อป้องกันอุบัติเหตุทางทะเล พร้อมกับขอความร่วมมือให้นักท่องเที่ยวสวมใส่หน้ากากอนามัย ในขณะนั่งบนเรือ ด้วย และยังได้จัดยาสามัญประจำบ้านแจกจ่ายให้กับเจ้าของเรือ เพื่อเป็นการช่วยเหลือเบื้องต้นหากเกิดอุบัติเหตุทางทะเล

น.ต.ปรัชญ์ ขำเจริญ หัวหน้าสถานีเรือละงู/รองผู้บังคับหน่วยรักษาความปลอดภัยทางทะเล กองทัพเรือกล่าวต่อไปว่า นอกเหนือจากภารกิจ นำเรือออกลาดตระเวนดูแลความปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยวในทะเลแล้ว ยังได้จัดกำลังพลสนับสนุน ศรชล.จังหวัดสตูล บูรณาการร่วมกับหน่วยงานต่างๆ บริเวณท่าเรือปากบาราทำการตรวจคัดกรองนักท่องเที่ยว ที่จะเดินทางไปท่องเที่ยวยังเกาะหลีเป๊ะ โดยทำการตรวจวัดไข้ก่อนลงเรือและขึ้นเรือ เนื่องจากยังมีท่าเรือบางแห่งที่ยังขาด จุดวัดไข้ ก่อนที่จะลงเรือ และขึ้นเรือ ดังนั้น จึงได้จัดชุดกำลังออกอำนวยความสะดวก โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ซึ่งเป็นวันหยุดยาว ตั้งแต่วันที่ 9 เมษายน 2564 ที่ท่าเรือท่องเที่ยวปากบาราแห่งนี้ มียอดนักท่องเที่ยวจำนวนมากทุกวัน และคาดว่า จะ มากไปจนถึง วันที่ 15 เมษายน นี้แน่นอน แต่อย่างไรก็ตาม ก็ขอความร่วมมือ ไปยัง เจ้าของบริษัททัวร์ ให้ แจ้งไกด์นำเที่ยว ให้กำชับลูกค้า ให้ปฏิบัติตนตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยเคร่งครัด


ภาพ/ข่าว  นิตยา แสงมณี  ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดสตูล

กระบี่- เข้มงวด นักท่องเที่ยวที่เดินทางทางอากาศต้องลงทะเบียน QT14 ก่อนเข้าพื้นที่

11 เมษายน  2564เวลา 09.30น. พันตำรวจโท หม่อมหลวงกิติบดี ประวิตร  ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ มอบหมายให้ นายอนุวรรตน์ โหมดพริ้ง รองผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่  ลงพื้นที่ตรวจด่านทางอากาศท่าอากาศยานนานาชาติกระบี่ เพื่อตรวจติดตามมาตรการเฝ้าระวังป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)  โดยมีนายวิสูตร พฤกษสุวรรณ นายอำเภอเหนือคลอง นางสาวสุรีรัตน์ ทิพย์โยธา หัวหน้ากลุ่มงานบริหารและอำนวยการท่าอากาศยานนานาชาติกระบี่  ให้การต้อนรับและนำตรวจ  พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง เจ้าหน้าที่สาธารณสุขอำเภอเหนือคลอง เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภอเหนือคลอง ประจำด่านตรวจทางอากาศ  ให้การปฏิบัติงานเป็นไปอย่างเคร่งครัด

นายอนุวรรตน์ โหมดพริ้ง รอง ผวจ.กระบี่ ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด19 ในระลอกใหม่นี้ ทางจังหวัดกระบี่ได้มีประกาศจาก ศบค.กระบี่ ฉบับที่6/2564 ให้มีการดำเนินการด้านมาตรการการรายงานตัวของผู้ที่เดินทางเข้ามาจังหวัดกระบี่ด้วยระบบ QT14 เพื่อที่จะได้รับทราบว่ามาจากจังหวัดที่มีความเสี่ยงหรือไม่ หากเกิดการแพร่ระบาดในพื้นที่จังหวัดกระบี่ ทางหน่วยงานที่รับผิดชอบจะได้ดำเนินการได้อย่างทันที แต่ยังมีผู้โดยสารบางท่านที่เดินทางมาจากต้นทางยังไม่ได้ทำการบันทึกข้อมูลในระบบ QT14 ก่อนเดินทางมาถึงจังหวัดกระบี่ อย่างไรก็ตามทางด้านท่าอากาศยานสนามบินนานาชาติจังหวัดกระบี่จะมีเจ้าหน้าที่ค่อยอำนวยความสะดวกในการสแกนระบบQT14 เพื่อลงทะเบียนทั้งในแบบสมาร์ทโฟน หรือการกรอกเอกสารข้อมูลที่จัดเตรียมไว้กรณีท่านที่ไม่มีสมาร์ทโฟน

ทั้งนี้สำหรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางมายังจังหวัดกระบี่ ขอความร่วมมือทุกท่านจะต้องรายงานตัวลงทะเบียนในระบบ QT14 ก่อนเข้ามาจังหวัดกระบี่ทุกครั้ง และให้ปฏิบัติตามมาตรการของสาธารณสุข ตรวจวัดอุณหภูมิร่างการ การใช้เจลล้างมือ การสวมหน้ากากอนามัย การเว้นระยะห่าง และ โหลดแอพพลิเคชั่นหมอชนะ

ข้อมูลของผู้โดยสารที่ผ่านการคัดกรองเที่ยวบินภายในประเทศ ท่าอากาศยานกระบี่ วันที่ 10 เมษายน 2564 มีเที่ยวบินขาเข้าและขาออก ทั้งหมด34 เที่ยวบิน แบ่งออกเป็นขาเข้า 12 เที่ยวบิน มีผู้โดยสาร จำนวน 2,597 คน และขาออก 12เที่ยวบิน มีผู้โดยสาร จำนวน 1,754 คน

 

พังงา - ผู้ป่วยโควิดยังไม่เพิ่ม ผลตรวจกลุ่มเสี่ยงเป็นลบทุกราย ยืนยันไม่มีการการกักตัวผู้เดินทางเข้าจังหวัด ยกเว้นผู้มีความเสี่ยงเฉพาะตัวเท่านั้น

วันที่ 12 เมษายน 2564 ที่ศาลากลางจังหวัดพังงา   นายจำเริญ ทิพญพงศ์ธาดา ผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา นายบุญเติม เรณุมาศ รองผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา  นายธรรมนูญ ศรีวรรธนะ รองผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา ประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดพังงา โดยมีส่วนราชการที่เกี่ยวข้องจากหน่วยงานต่าง ๆ เข้าร่วมประชุม  เพื่อประเมิน ติดตาม และเฝ้าระวังสถานการณ์ของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในจังหวัดพังงา และติดตามผลการดำเนินงานควบคุมโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ระลอกเมษายน 2564 ภายหลังพบผู้ป่วยโควิด-19 จำนวน 4 ราย เมื่อวันที่ 11 เมษายน

โดยพบในอำเภอเมืองพังงา 3 ราย รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลพังงา และที่อำเภอท้ายเหมือง 1 ราย รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลตะกั่วป่า ซึ่งผู้ป่วยทั้ง 4 ราย ไม่มีอาการรุนแรงแต่อย่างใด และเมื่อวานนี้ มีผู้สัมผัสเสี่ยงสูง จำนวน 45 ราย เข้ารับการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ที่โรงพยาบาลพังงา ผลการตรวจผลเป็นลบทั้งหมด นอกจากนี้ที่ประชุมได้หารือการจัดเตรียมโรงพยาบาลสนาม ทั้งที่โรงแรมพังงาเบย์ รีสอร์ท ที่โรงยิมเนเซี่ยมสนามกีฬาองค์การบริหารส่วนจังหวัดพังงา และที่โรงพยาบาลฐานทัพเรือพังงา ในการจัดเตรียมวัสดุอุปกรณ์ทางการแพทย์ สำนักงาน บุคลากร และสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ เพื่อรองรับกรณีมีผู้ป่วยโควิด-19 เพิ่มมากขึ้น

โดยผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา ได้สั่งการให้ทุกอำเภอ จัดเตรียมโรงพยาบาลสนามของแต่ละอำเภอให้พร้อมรองรับสถานการณ์ รวมทั้งให้ อสม. ผู้นำท้องที่/ท้องถิ่น เฝ้าระวังตรวจสอบผู้ที่เดินทางกลับจากต่างจังหวัดในระยะนี้ด้วย ซึ่งผู้ที่เดินทางมาจากพื้นที่ระบาดจำนวน 18 จังหวัด คือ กรุงเทพ  ชลบุรี เชียงใหม่ นราธิวาส สมุทรปราการ สมุทรสาคร ประจวบคีรีขันธ์ สระแก้ว นนทบุรี ปทุมธานี นครปฐม ภูเก็ต สุพรรณบุรี สระบุรี ระยอง อุดรธานี ขอนแก่น สงขลา จะต้องรายงานตัว ที่ รพ.สต.หรือเทศบาล พร้อมทำแบบประเมินความเสี่ยงและลงนามในเอกสาร หากมีความเสี่ยงว่า มีประวัติไปในผับ บาร์ คาราโอเกะหรือสถานบันเทิงที่มีผู้ติดเชื้อ  มีประวัติสัมผัสกับผู้ติดเชื้อโควิดจะต้องกักตัวเอง 14 วัน หรือตามเวลาที่อยู่ในพังงา หากไม่มีความเสี่ยง ไม่ต้องกักตัว แต่ต้องปฏิบัติตัว แบบ DMHTT สำหรับจังหวัดอื่น ๆ ไม่ต้องรายงานตัว แต่ให้ ดูแลตัวเอง แบบ DMHTTA  

ในส่วนของการจัดงานประเพณีอนุรักษ์เต่าทะเล ประจำปี 2564 ระหว่างวันที่ 12-21 เมษายน 2564 ที่ บริเวณชายหาดท้ายเหมืองนั้น ยังคงจัดตามปกติภายใต้มาตรการ DMHTTA คือ รักษาระยะห่าง สวมหน้ากากอนามัย/ผ้า หมั่นล้างมือ ตรวจวัดอุณหภูมิ และมีแอปพลิเคชั่นไทยชนะ/หมอชนะ โดยกำชับให้ผู้ไปร่วมงานทุกคนต้องสวมหน้าอนามัย/ผ้า ตลอดเวลา หากฝ่าฝืนจะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย

นายแพทย์พีรวิชญ์ ปิ่นพิทักษ์ อายุรแพทย์โรงพยาบาลพังงา เปิดเผยว่า สำหรับผู้ป่วย 3 รายในโรงพยาบาลพังงานั้น อาการล่าสุดผู้ป่วยหญิงอายุ 40ปี มีไข้ต่ำ หายใจไม่เหนื่อย มีไอเล็กน้อย ปวดเมื่อยตามตัว ทานอาหารได้ตามปกติ แพทย์ให้ยาต้านไวรัสตั้งแต่วานนี้ เตรียมเอกซเรย์ปอดซ้ำในวันพรุ่งนี้ ส่วนผู้ป่วยเด็ก2 ราย ไม่มีอาการไข้ วิ่งเล่นได้ตามปกติ เอกซเรย์ปอดมีอาการปกติ ขณะที่ผู้ป่วยอีก1รายในโรงพยาบาลตะกั่วป่า ได้ได้รับแจ้งว่าได้รับยาต้านไวรัส อาการไข้ลดลงแล้ว

ด้าน นพ.ประกิจ สาระเทพ รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดพังงา กล่าวว่า หลังจากพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ในพื้นที่จังหวัดพังงา ทางสาธารณสุขจังหวัดพังงาได้ร่วมกับทางพื้นที่ คัดแยกความเสี่ยง กลุ่มผู้สัมผัสเสี่ยงสูงและผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำ โดยในพื้นที่ผู้ป่วยอำเภอท้ายเหมืองมีผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 29 ราย ตรวจหาเชื้อแล้ว 27 ราย คาดว่าผลจะเป็นลบ ส่วนอีก 2 ราย กำลังเดินทางมาตรวจที่โรงพยาบาลท้ายเหมือง ส่วนผู้สัมผัสผู้ป่วยในอำเภอเมืองพังงานั้นได้แบ่งเป็น 3 กลุ่ม กลุ่มแรกโรงเรียนเมืองพังงามีผู้สัมผัสเสี่ยงสูง13 ราย อยู่ระหว่างการตรวจในวันนี้ กลุ่มที่ 2 โรงเรียนอนุบาลพังงามีผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 35 รายตรวจแล้ว 4 รายเป็นลบ ส่วนที่เหลือกำลังตรวจในวันนี้ กลุ่มที่3 ผู้สัมผัสเสี่ยงสูงในละแวกบ้านผู้ป่วย13 ราย ตรวจแล้ว 4 รายเป็นลบ ที่เหลือกำลังติดตามมาตรวจในวันนี้ และมีการตรวจผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำ 2รายเป็นลบ ในส่วนของกลุ่มเฝ้าระวังที่ไปเล่นกีฬาฟุตบอลกับผู้ป่วยในจังหวัดภูเก็ต 25 รายนั้น ตรวจแล้ว 12 รายเป็นลบ และตรวจจากระบบเฝ้าระวัง3 รายผลเป็นลบเช่นกัน ในภาพรวมนั้นเราได้มีการวางแผนจะตรวจทุกกลุ่ม เพื่อสร้างความมั่นใจว่าเราสามารถควบคุมโรคได้


ภาพ/ข่าว  อโนทัย งานดี


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top