Thursday, 2 May 2024
Southern

สุราษฎร์ธานี - ‘ตม.สุราษฎร์ธานี’ขยายผลรวบหัวหน้าแก๊งลอบขนคนเข้าเมืองคาห้องนอน

“ตม.สุราษฎร์ธานี” สนองนโยบาย “ผบช.สตม.-ผบก.ตม.6” บูรณาการ “ตม.สมุทรสาคร-สืบ ตม.6-สืบภาค 8” ขยายผลรวบหัวหน้าแก๊งลอบขนคนเข้าเมืองคาห้องนอน สารภาพรับขนเมียนมาจาก “หาดใหญ่” ส่งสมุทรสาคร แลกค่าหัว

19 เมษายน 2564 ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ต.สุเมธ เมฆขจร ผบก.ตม.6 , พ.ต.อ.ศุภฤกษ์ พันธ์โกศล ผกก.ตม.จว.สุราษฎร์ธานี เจ้าหน้าที่ตำรวจ ตม.จว.สุราษฎร์ธานี นำโดย พ.ต.ท.ชาตรี ชูแก้ว รอง ผกก.ตม.จว.สุราษฎร์ธานี , พ.ต.ท.ธีระวัฒน์ อำนาจเจริญยิ่ง สว.ตม.จว.สุราษฎร์ธานี , ร.ต.อ.สิริวัฒน์ สมหวัง รอง สว.ตม.จว.สุราษฎร์ธานี , ด.ต.พงษ์ศักดิ์ พัฒน์คง และ ด.ต.รังสรรค์ ศรีเมือง ผบ.หมู่ ตม.จว.สุราษฎร์ธานี ร่วมกันสืบสวนขยายผล กรณีจับกุมขบวนการลักลอบขนแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมาย จนกระทั่งสามารถขออนุมัติศาลจังหวัดไชยาออกหมายจับ Mr.Kyaw Thet OO หรือนายจอเท็ทอู ในความผิดฐาน “เป็นผู้ใช้ให้ผู้อื่นให้คนต่างด้าวเข้าพักอาศัย ซ่อนเร้น หรือช่วยเหลือด้วยประการใด ๆ เพื่อให้คนต่างด้าวนั้นพ้นจากการจับกุม โดยรู้ว่าคนต่างด้าวนั้นเข้ามาในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมาย” ตามหมายจับศาลจังหวัดไชยา ที่ จ.24/2564 ลงวันที่ 16 เมษายน 2564

ต่อมาจากการสืบสวนทราบเบาะแสว่าผู้ต้องหาหลบซ่อนตัวอยู่ในพื้นที่ จ.สมุทรสาคร จึงได้สนธิกำลังร่วมกับ ตม.จว.สมุทรสาคร, กก.สส.บก.ตม.6 และ บก.สส.ภ.8 ร่วมกันจับกุมตัวนายจอเท็ทอู อายุ 46 ปี สัญชาติเมียนมา ได้ภายในห้องนอนของบ้านหลังหนึ่งในพื้นที่หมู่ 7 ต.ท่าทราย อ.เมือง จ.สมุทรสาคร เมื่อวันที่ 18 เมษายน 2564 พร้อมทั้งตรวจยึดโทรศัพท์ 2 เครื่อง และสมุดบัญชีธนาคาร 2 เล่ม และนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.ท่าฉาง ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

จากการสอบสวนเบื้องต้น นายจอเท็ทอู รับสารภาพว่า เมื่อประมาณวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2564 มีนายโทน ไม่ทราบชื่อนามสกุลจริง สัญชาติเมียนมา มาหาตนเพื่อว่าจ้างให้ไปรับคนต่างด้าวสัญชาติเมียนมา จากพื้นที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ไปส่งยังพื้นที่ จ.สมุทรสาคร จำนวน 6 คน โดยตกลงค่าจ้างรายละ 5,000 บาท ตนจึงโทร.ไปหานายเดชา หรืออ๋า ให้ไปรับคนต่างด้าวจำนวน 6 คนดังกล่าว โดยตกลงให้ค่าจ้าง รายละ 5,000 บาท จนกระทั่งมาทราบว่านายเดชา พร้อมพวก และคนต่างด้าวถูกจับกุม

พ.ต.อ.ศุภฤกษ์ พันธ์โกศล ผกก.ตม.จว.สุราษฎร์ธานี กล่าวว่า การจับกุมกรณีดังกล่าวในครั้งนี้เป็นไปตามนโยบายของ พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม. และ พล.ต.ต.สุเมธ เมฆขจร ผบก.ตม.6 โดยพฤติการณ์ผู้ต้องหา เป็นการกระทำผิดเกี่ยวกับการให้ที่พักพิง ช่วยเหลือคนต่างด้าวในการกระทำความผิด และแรงงานงานต่างด้าวที่กระทำผิดกฎหมาย ถือว่าเป็นภัยอีกรูปแบบหนึ่ง ที่กระทบต่อความมั่นคงของประเทศ โดยจะต้องเร่งตรวจตราจับกุมเพื่อดำเนินคดีทางกฎหมายต่อไป หากประชนพบเห็นหรือต้องการแจ้งเบาะแสการกระทำความผิด แจ้งได้ที่สายด่วน 1178 หรือที่ ตรวจคนเข้าเมือง จังหวัดสุราษฎร์ธานีได้ทุกจุดทันที

ยะลา – แรงงานไทยติดค้างในมาเลเซียที่อยู่แบบผิดกฎหมายทยอยเดินทางกลับประเทศ ก่อนทางการขีดเส้นตายวันที่21 เม.ย.นี้

แรงงานไทยและคนไทยที่ติดค้างในประเทศมาเลเซียที่วีซ่าขาดหรืออยู่แบบผิดกฎหมายจำนวน30 คนทยอยเดินทางกลับประเทศทางด่านพรมแดนเบตง อ.เบตง จ.ยะลา โดยจะเปิดรับคนไทย 2 กลุ่มนี้  2 วันตั้งแต่วันที่19เม.ย.และวันที่ 21เม.ย.64 โดยจะมีการคัดกรองโควิดชั้นสูงสุดและผู้ที่เดินทางเข้ามาจะต้องกักตัว14วัน หลังจากที่มาเลเซียขีดเส้นตายให้ชาวต่างชาติที่อยู่ในประเทศเกินระยะเวลาที่กำหนดต้องเดินทางออกจากประเทศมาเลเซียให้หมดภายในวันที่ 21 เมษายนนี้จากมาตรการป้องกันโควิด-19 ของประเทศมาเลเซีย

เมื่อเวลา 08.00น.วันที่ 19 เม.ย.64 ที่ด่านพรมแดนเบตง  อ.เบตง จ.ยะลา  ภายหลังเจ้าหน้าที่ทั้งสองประเทศเปิดประตูด่านพรมแดนเพื่อเปิดรับกลุ่มคนไทยที่อาศัยอยู่ในประเทศมาเลเซียและวีซ่าขาดหรืออยู่เกินระยะเวลาที่กำหนดรวมถึงกรณีอาศัยแบบผิดกฏหมาย ทยอยเดินทางกลับประเทศไทยอย่างต่อเนื่องซึ่งเป็นวันแรกที่คนไทยกลุ่มนี้จำนวน 30 คน

โดยทางการทั้งสองประเทศจะเปิดให้เดินทางกลับประเทศ 2 วันคือ วันที่ 19 และวันที่ 21 เมษายน โดยเฉพาะวันนี้มีคนไทยเดินทางกลับจำนวน30 คน ผ่านพรมแดนเบตง ซึ่งมาจากที่ประเทศมาเลเซียจะทำการประกาศขีดเส้นตายให้ชาวต่างชาติที่อยู่ในประเทศที่มีอายุเกินระยะเวลาที่กำหนดต้องเดินทางออกจากประเทศมาเลเซียให้หมดภายในวันที่ 21 เมษายนนี้ ซึ่งเป็นมาตรการที่มีผลพวงมาจากการระบาดของโควิด-19 ในมาเลเซีย อย่างต่อเนื่องและก่อนหน้านี้ได้มีการผ่อนผันมาหลายครั้งและให้คนแจ้งความจำนงค์เดินทางกลับประเทศไทยก่อนที่จะทำการผลักดันคนไทยกลับประเทศภายในวันที่ 21 เมษายนนี้

สำหรับกลุ่มคนไทยที่เดินทางกลับมาจากประเทศมาเลเซียทุกคนจะต้องผ่านกระบวนการคัดกรองโควิด-19 จากเจ้าหน้าที่สาธารณสุขในพื้นที่มาเลเซีย ส่วนกรณีกลุ่มเสี่ยงเป็นไข้จะถูกคัดแยกส่งต่อไปยังโรงพยาบาลทันทีซึ่งมีรถพยาบาลฉุกเฉินมาเตรียมพร้อมที่ด่าน  ส่วนอาการปกติก็จะส่งไปกักตัวที่ศูนย์กักกัน ซึ่งเป็นสถานที่ที่รัฐจัดให้

สำหรับคนไทยที่อาศัยอยู่ในประเทศมาเลเซียอย่างถูกต้อง  นอกเหนือจากกลุ่ม 2 นี้ ยังคงสามารถลงทะเบียนเดินทางกลับประเทศทางด่านพรมแดนเบตงได้สัปดาห์ละ3 วัน คือ วันจันทร์ วันพุธ และวันศุกร์


ภาพ/ข่าว  ธานินทร์  โพธิทัพพะ / ปื๊ด เบตง  

นราธิวาส - ผู้ว่าฯนราธิวาส พร้อมนายกเหล่ากาชาดจังหวัดนราธิวาส รับมอบอุปกรณ์ทางการแพทย์สู้ภัย COVID 19 จากภาคเอกชน

วันนี้ (19 เม.ย. 64) ที่สำนักงานเหล่ากาชาดจังหวัดนราธิวาส อำเภอเมือง จังหวัดนราธิวาส นายเจษฎา จิตรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส พร้อมด้วยนางดาเรศ จิตรัตน์ นายกเหล่ากาชาดจังหวัดนราธิวาส นายชินวุฒิ ขาวสำลี รองผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนราธิวาส หัวหน้าส่วนราชการ และสมาชิกเหล่ากาชาดจังหวัดนราธิวาสร่วมรับมอบอุปกรณ์ทางการแพทย์จากนายเอกนรินทร์ ศรเรือง นักวิชาการศึกษา สำนักงานการศึกษาเอกชนจังหวัดนราธิวาส ตัวแทนกลุ่มไม้จิ้มฟันกู้โลก ซึ่งเป็นกลุ่มนักธุรกิจที่ได้รวบรวมเงินเพื่อจัดซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ ประกอบด้วย ชุดป้องกันเชื้อ PPE จำนวน 40 ชุด และหน้ากาก N95 จำนวน 50 ชิ้น มอบให้แก่จังหวัดนราธิวาสเพื่อสู้ภัย COVID19

นายเจษฎา จิตรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส กล่าวว่า ขอขอบคุณภาคเอกชนและทุกภาคส่วนที่ร่วมใจนำอุปกรณ์ทางการแพทย์มามอบให้ศูนย์นรารวมใจต้านภัยโควิด-19 ซึ่งยินดีรับความช่วยเหลือจากผู้ที่ต้องการบริจาคอุปกรณ์ทางการแพทย์หรือสิ่งของต่าง ๆ สามารถนำมามอบได้ที่สำนักงานเหล่ากาชาดจังหวัดนราธิวาส หรือที่ศาลากลางจังหวัดนราธิวาส ทางสำนักงานเหล่ากาชาดจังหวัดนราธิวาสจะได้รวบรวมและส่งมอบให้กับโรงพยาบาล หน่วยงานสาธารณสุข หรือหน่วยงานต่าง ๆ ที่ต้องการต่อไป นอกจากนี้ยังสามารถบริจาคเงินสมทบทุนผ่านบัญชี ธนาคารกรุงไทย สาขานราธิวาส ชื่อบัญชี : COVID19 คนนราไม่ทิ้งกัน เลขที่บัญชี : 905-3-29568-2 ได้อีกด้วย

ด้านนายเอกนรินทร์ ศรเรือง กล่าวว่า ได้เป็นสื่อกลางของกลุ่มไม้จิ้มฟันกู้โลกส่งมอบอุปกรณ์ทางการแพทย์ให้จังหวัดนราธิวาส ซึ่งทางกลุ่มมีความห่วงใยผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ COVID19 จึงได้รวบรวมเงินจัดซื้ออุปกรณ์การแพทย์ เพื่อมอบให้กับโรงพยาบาลต่าง ๆ ทั่วประเทศ รวมทั้งมอบให้จังหวัดนราธิวาสเพื่อส่งต่อไปยังโรงพยาบาล หรือหน่วยงานต่าง ๆ ที่มีความต้องการ โดยอุปกรณ์เหล่านี้มีความจำเป็นสำหรับบุคลากรทางการแพทย์และผู้ที่เกี่ยวข้องเพื่อใช้ประโยชน์ในการรักษาและระงับยับยั้งโรค COVID19

นอกจากนี้ ศูนย์นรารวมใจต้านภัยโควิด-19 ยังได้มอบอุปกรณ์ทางการแพทย์ หน้ากากอนามัย สเปรย์แอลกอฮอล์ ชุดถุงผ้า COVID19 และสิ่งของที่ได้รับการบริจาคจากผู้มีจิตศรัทธามามอบให้เหล่ากาชาดจังหวัดนราธิวาส เพื่อส่งมอบให้กับหน่วยงานต่าง ๆ ที่มีความต้องการต่อไป


ภาพ/ข่าว  แวดาโอ๊ะ​ หะไร​ จ.นราธิวาส

นราธิวาส - แม่ทัพภาคที่ 4 สั่งกำลังป้องกันชายแดนเตรียมรับคนไทยกลับประเทศ หลังมาเลย์ดีเดย์ผลักดันแรงงานต่างชาติออกนอกประเทศภายใน 21 เมษายนนี้

วันนี้ (19 เมษายน 2564) แม่ทัพภาคที่ 4 สั่งเตรียมพร้อมรองรับคนไทยกลับเข้าประเทศ หลังมาเลเซียขีดเส้นผลักดันชาวต่างชาติที่อาศัยในเมืองโดยผิดกฎหมาย ต้องเดินทางออกจากประเทศก่อนวันที่ 21 เม.ย.64 หลังจากที่ได้มีการผ่อนผันมาแล้วหลายครั้ง อันเนื่องมาจากผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโควิด 19 ในประเทศมาเลเซีย ย้ำรับคนไทยทุกคนแต่ต้องผ่านกระบวนการคัดกรองโรคอย่างเคร่งครัด ป้องกันนำเชื้อโควิด-19 เข้ามาระบาดในประเทศ

พลโท เกรียงไกร  ศรีรักษ์  แม่ทัพภาคที่ 4 / ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 กล่าวว่า ภายหลังมาเลเซียเร่งรัดผลักดันให้ชาวต่างชาติที่อาศัยในเมืองผิดกฎหมาย ต้องเดินทางออกจากประเทศก่อนวันที่ 21 เมษายน 2564 โดยเฉพาะกลุ่มคนไทยที่อยู่ในมาเลเซียนั้น เราได้มีการเตรียมการรับมือเรื่องนี้ไว้แล้วโดยได้ประสานจังหวัดต่าง ๆ ที่อยู่ติดชายแดนมาเลเซียให้มีมาตรการรับมือทั้งเรื่องของสถานที่สำหรับรองรับกลุ่มดังกล่าว

ทั้งยังได้สั่งการให้หน่วยกำลังทุกหน่วยประสานกับผู้ว่าราชการจังหวัดอย่างใกล้ชิด ตลอดจนหน่วยงานสาธารณสุข และหน่วยที่เกี่ยวข้อง โดยนำมาตรการที่เคยใช้ควบคุมโรคโควิด-19 ที่ใช้ได้ผลเป็นอย่างดีมายกระดับเพิ่มเติม ส่วนกำลังเจ้าหน้าที่ป้องกันตามแนวชายแดนก็ได้สั่งให้เข้มงวดมาตรการดูแลสกัดกั้นตามแนวชายแดน ซึ่งได้ดำเนินการมาโดยตลอดตั้งแต่มีนาคมปีที่แล้ว โดยได้มีการตรวจตราตามแนวชายแดนอย่างเข้มงวด เพิ่มเติมกำลังเจ้าหน้าที่เฝ้าตรวจตามแนวชายแดน โดยเฉพาะการเข้ามาผ่านช่องทางธรรมชาติผิดกฎหมาย ของแรงงานคนไทยที่ไปทำงานยังมาเลเซีย ที่จะต้องนำเข้ากระบวนการ Quarantine ป้องกันโรคโควิด-19 ทุกคน

เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อ สำหรับชายแดนที่ต้องดูแลเป็นพิเศษนั่นคือ ฝั่งจังหวัดนราธิวาสและสงขลา เพราะมีช่องทางธรรมชาติที่หลายช่องทาง ที่สามรถแอบลักลอบเข้ามาได้ ประกอบกับทั้ง 2 จังหวัดนี้ ขณะนี้เป็นพื้นที่สีแดงที่ต้องมีการควบคุมสูงสุด เนื่องจากมีระบาดจำนวนมาก โดยเฉพาะทางจังหวัดนราธิวาส ที่มักมีผู้ลักลอบเข้ามาทางฝั่ง อ.ตากใบ อ.แว้ง และ อ.สุไหงโกลก โดยข้ามแม่น้ำเข้ามา ยิ่งช่วงนี้หน้าแล้ง น้ำแห้งทำให้สามารถข้ามมาได้โดยสะดวก ยิ่งมาเลเซีย​ผลักดันอาจทำให้มีคนแอบลักลอบเข้ามามายิ่งขึ้น โดยเมื่อวานนี้สามารถจับกุมได้กว่า 40 คน ก็ได้นำเข้ากักตัวสังเกตอาการทั้งหมด นอกจากกำลังเจ้าหน้าที่แล้วก็ได้ประสานกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน ได้ช่วยกันเป็นหูเป็นตาดูแล ช่วยด้วยอีกทางหนึ่ง สำหรับชายแดนที่ติดทางทะเล จ.สตูล​ ก็ได้ให้กำลังป้องกันชายแดน โดยกองกำลังเทพสตรี เฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด และเข้มงวดกวดขันยังจุดที่เป็นเกาะแก่งต่าง ๆ ที่คาดว่าอาจมีการลักลอบเข้ามา โดยส่วนใหญ่มาทางเรือ ก็ได้ประสานการทำงานร่วมกับทัพเรือภาค 3 ในการลาดตระเวนทางทะเลเพื่อป้องกันอย่างเต็มที่ 

อย่างไรก็ดี ขอฝากถึงประชาชนในพื้นที่ได้ช่วยกันเป็นหูเป็นตา ช่วยกันสร้างความตระหนักรู้ในมาตรการและความจำเป็นในการเฝ้าระวังป้องกันโรคโควิด 19 โดยเฉพาะผู้ที่กำลังจะเข้ากลับมายังประเทศไทยขอให้แจ้งผ่านเข้ามายังเจ้าหน้าที่ เพื่อจะได้อำนวยความสะดวก ช่วยเหลือ และนำเข้าสู่กระบวนการคัดกรองโรคตามที่ สบค. กำหนด ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่สุดเพื่อความปลอดภัยของทุกคน ยืนยันไม่ว่าจะเดินทางเข้ามาผ่านช่องทางใดเจ้าหน้าที่พร้อมรับและดูแล แต่ต้องมีการคัดกรองโรคอย่างเข้มข้น และหากพี่น้องประชาชนพบเห็นผู้ที่แอบลักลอบเข้ามายังหมู่บ้าน ชุมชนของตนโดยไม่ผ่านการคัดกรองโรค ก็ให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่โดยทันที เพื่อป้องกันไม่ให้มีการนำเชื้อจากต่างประเทศเข้ามาในพื้นที่ แม่ทัพภาคที่ 4 ได้กล่าวย้ำทิ้งท้าย


ภาพ/ข่าว  ปทิตตา หนดกระโทก ผู้สื่อข่าวนราธิวาสรายงาน

พังงา - สุดอเมซิ่ง...พระอาทิตย์ขึ้นที่ทุ่งหญ้าสะวันน่าเกาะพระทอง แอฟริกาไทยแลนด์

ที่เดอะมอแกน อีโค วิลเลจ เกาะพระทอง อ.คุระบุรี จ.พังงา  ในช่วงเช้าตรู่เจ้าหน้าที่ได้นำกลุ่มนักท่องเที่ยวขึ้นรถยนต์ขับเคลื่อนสี่ล้อ ออกเดินทางตลุยไปรอชมพระอาทิตย์ขึ้นยามเช้าที่ทุ่งหญ้าสะวันนา พร้อมกับส่องสัตว์ป่าระหว่างทางโดยสัตว์ป่าประจำถิ่นที่นี่คือกวางม้า ทิวทัศน์สองข้างทางที่รถพาฝ่าไปนั้น แปลกตาเป็นทุ่งหญ้าสีทองกว้างใหญ่และต้นเสม็ดแคระ ลักษณะคล้ายกับบรรยากาศที่ดูในสารคดีป่าแอฟริกา

จากนั้นรถก็มาจอดที่จุดไฮไลท์ในการรอชมพระอาทิตย์ขึ้นแบบ 360 องศา กลางทุ่งหญ้า เมื่อมองไปทางทิศตะวันออกก็จะเห็นพระอาทิตย์เริ่มขึ้นอย่างช้า ๆ ตามแนวภูเขาบนแผ่นดินใหญ่ที่อยู่ห่างออกไป เมื่อพระอาทิตย์โผล่พ้นแนวภูเขาขึ้นมา ก็ส่งแสงสาดลงมาที่ทุ่งหญ้าสีทอง  ซึ่งหากมาในช่วงเดือนพฤศจิกายน-กุมภาพันธ์ ทุ่งหญ้าสีทองจะหนาแน่นไปสุดลูกลูกตา แต่มาในช่วงนี้ก็ยังพอมีให้เห็นบ้าง นักท่องเที่ยวแต่ละคนต่างก็หาจุดหามุมที่ตัวเองชื่นชอบบันทึกภาพไว้ว่าครั้งหนึ่งได้มาเที่ยวทุ่งหญ้าสะวันนาเมืองไทย ว่ากันว่าหากนำม้าลาย สิงโตและยีราฟ มาปล่อยบนเกาะ บรรยากาศก็จะกลายเป็นทุ่งหญ้าในทวีปแอฟริกาจริง ๆ

คุณปาจรีย์ ศรีฟ้า ผู้ประกอบท่องเที่ยวบนเกาะพระทอง เปิดเผยว่า เกาะพระทอง ตั้งอยู่ในอำเภอคุระบุรี จังหวัดพังงา มีพื้นที่ 102 ตร.กม. เป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดในจังหวัดพังงา มีชุมชน 3 หมู่บ้าน คือ บ้านปากจก บ้านทุ่งดาบ และบ้านแป๊ะโย้ย ได้รับการคัดเลือกจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ให้เป็น “Unseen Thailand” ในปี พ.ศ.2546  

เกาะพระทองเกิดจากซากปะการังทับถมกันมาอย่างยาวนานล้านปี จนกระทั่งกลายเป็นเกาะที่มีสภาพภูมิประเทศที่แปลกตาแบบนี้ คือจะมีลักษณะค่อนข้างแบนราบ ถือเป็นเอกลักษณ์ที่โดดเด่นของเกาะแห่งนี้ ทิศตะวันออกจะเป็นแนวป่าโกงกาง ทิศตะวันตกเป็นหาดทราย ส่วนบริเวณกลางเกาะเป็นทุ่งหญ้าขนาดใหญ่ที่มี ต้นเสม็ดแคระ ขึ้นกระจายอย่างสวยงามมาก ปกติทริปเดินทางตามจุดหมายปลายทางท่องเที่ยวจะมีบริษัทหรือผู้ชำนาญการมาดูแลหรือนำทัวร์ แต่สำหรับที่นี่ทุกอย่างดำเนินการโดยชาวบ้านในพื้นที่


ภาพ/ข่าว  อโนทัย  งานดี

ชุมพร – ควบคุมการทำประมงในช่วงประกาศปิดอ่าวไทยตอนกลาง (ประจวบ ฯ - ชุมพร - สุราษฎร์ธานี)

วันอาทิตย์ ที่ 18 เมษายน 2564 ศรชล.จังหวัดชุมพร บูรณาการร่วมกับ ศูนย์ป้องกันและปราบปรามประมงทะเล จังหวัดชุมพร ภายใต้การอำนวยการของ นายธีระ อนันตเสรีวิทยา ผวจ./ผอ.ศรชล.จังหวัดชุมพร มอบหมายให้ น.อ.กิตติพงษ์ พุ่มสร้าง รอง ผอ.ศรชล.จังหวัดชุมพร บูรณาการร่วมกับ นาย พงศ์รันย์ รัตนพรหม ผู้อำนวยการศูนย์ป้องกันและปราบปรามประมงทะเลจังหวัดชุมพร จัดกิจกรรมควบคุมการทำประมงในช่วงประกาศปิดอ่าวไทยตอนกลาง(ประจวบ ฯ ชุมพร สุราษฎร์ธานี)

นายนุรัตน์ ขาวสอาด เจ้าพนักงานเดินเรือปฏิบัติงาน หัวหน้าชุดปฏิบัติงาน พร้อมเจ้าหน้าที่รวม 6 นาย นำเรือตรวจประมง 113 ออกตรวจพื้นที่ตามภารกิจที่ได้รับมอบหมาย ในการนี้ตรวจยึดลอบพับหรือไอ้โง่ จำนวน 59 ลูก โดยมีผู้ลักลอบทำการประมงบริเวณชายทะเล อ่าวทุ่งมะขาม อ่าวทุ่งคา และอ่าวสวี โดยที่ลอบพับและลอบพับปูดังกล่าวเป็นเครื่องมือประมงผิดกฎหมาย ตาม พ.ร.ก.การประมง พ.ศ. 2558 และ พ.ร.ก.การประมง (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2560 เรื่องห้ามมิให้ผู้ใดใช้เครื่องมือลอบพับได้หรือไอ้โง่ ที่มีช่องทางเข้าของสัตว์น้ำสลับซ้ายขาวอยู่ทางด้านข้างใช้สำหรับดักสัตว์น้ำ มีความผิดตามมาตรา 67 มีโทษตามมาตรา 147 ต้องระวางโทษปรับตั้งแต่หนึ่งหมื่นบาทถึงหนึ่งแสนบาท หรือปรับจำนวนห้าเท่าของมูลค่าสัตว์น้ำที่ได้จาการทำการประมง แล้วแต่จำนวนใดจะสูงกว่า แต่ไม่พบผู้กระทำความผิด  เจ้าหน้าที่จึงได้รื้อถอนและทำการยึดเครื่องมือประมงดังกล่าวนำของกลางส่งพนักงานสอบสวน สภ.ปากน้ำชุมพร อ.เมือง จังหวัดชุมพร จำนวน ลอบพับ (ไอ้โง่ 59 ลูก) ไว้เพื่อเป็นหลักฐาน


ภาพ/ข่าว  ธนากร โกศลเมธี รายงานศูนย์ข่าวสารจังหวัดชุมพร

สตูล - กอ.รมน.จังหวัดสตูลร่วมกับ สนง.สสจ.สตูล, ป้องกันจังหวัดสตูล, สภ.เมืองสตูล และ ฝ่ายปกครอง อ.เมืองสตูล ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงตามข้อร้องเรียนผ่านช่องทางสายด่วนความมั่นคง 1374 กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ตรวจพบร้านนวดแผนโบราณ

กอ.รมน.จังหวัด ส.ต. ได้รับการร้องเรียนร้องทุกข์ผ่านช่องทางสายด่วนความมั่นคง 1374 กอ.รมน. รับแจ้งเหตุความมั่นคง (Coll center 1374 กอ.รมน. รับแจ้งเหตุความมั่นคง) จากพลเมืองดี ว่ามีบุคคลชายไทย อายุ ประมาณ 65 ปี รูปร่างสันทัด ผิวขาว ผมสั้น เปิดร้านนวดแผนโบราณชื่อ “อาเสียน แดนใต้”ตั้งอยู่บ้านเลขที่ 95/88 ถ.สฤษดิ์ภูมินารถ ซ.12 ต.พิมาน อ.เมือง จ.สตูล มีพฤติกรรมน่าสงสัย ซึ่งอาจจะเข้าข่ายการหลอกลวงประชาชน และประกอบอาชีพที่ผิดกฎหมาย ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อสุขภาพอนามัยของประชาชนผู้มาใช้บริการสถานประกอบการดังกล่าว

กอ.รมน.จังหวัดสตูล ร่วมกับ สนง.สสจ.สตูล, ป้องกันจังหวัดสตูล, สภ.เมืองสตูล และ ฝ่ายปกครอง อ.เมืองสตูล  ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงตามข้อร้องเรียนผ่านช่องทางสายด่วนความมั่นคง 1374 กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ตรวจพบร้านนวดแผนโบราณชื่อ “เสียน แดนใต้”  ตั้งอยู่บ้านเลขที่ 95/88 ถนนสฤษดิ์ภูมินารถ ซอย 12 ต.พิมาน อ.เมืองสตูล  จ.สตูล ผลการตรวจสอบภายในบ้านดังกล่าวพบ  นายอาคม วันนา อายุ 62 ปี อยู่บ้านเลขที่ 32 ถ.ภูมินารถภักดี 2 ต.พิมาน อ.เมืองสตูล จ.สตูล และ นางไหมกาญจณ์  แก้วประมูล  อายุ 59 ปี อยู่บ้านเลขที่ 86/61 ถ.สฤษดิ์ภูมินารถ ต.พิมาน อ.เมืองสตูล  จ.สตูล โดยมี นายอาคม วันนา รับเป็นเจ้าของกิจการสถานประกอบการเพื่อสุขภาพ ในบ้านหลังดังกล่าว พร้อมกับตรวจพบสิ่งของอุปกรณ์ซึ่งตกเป็นของกลาง จำนวน 7 รายการ ยาสมุนไพรสีน้ำตาล จำนวน 11 ห่อ, ยาแผนปัจจุบันจัดเป็นชุด ประกอบด้วย สีเหลืองกลม 2 เม็ด  สีเหลืองห้าเหลี่ยม 1 เม็ด สีเขียวกลมรีรูปไข่ 1 เม็ด สีเหลืองนวล 1 เม็ด รวมจำนวน 1,924 ชุด, ยาแผนปัจจุบันจัดเป็นชุด ประกอบด้วย สีเหลืองกลม 2 เม็ด สีเหลืองห้าเหลี่ยม 1 เม็ด และสีขาว 1 เม็ด 3 ชุด รวมจำนวน 19 ชุด,ยาแผนปัจจุบันจัดเป็นชุด ประกอบด้วยสีเหลืองกลม 2 เม็ด สีเหลืองห้าเหลี่ยม 1 เม็ด และเม็ดขาวกลม ๑ เม็ด รวมจำนวน 3 ชุด, ปืนพกสั้นยี่ห้อ colt ขนาด 11 มม.  จำนวน 1 กระบอก ไม่ทราบหมายเลขทะเบียน, เครื่องกระสุนขนาด 11 มม.  จำนวน 13 นัด,ซองกระสุน จำนวน 1 ซอง

เจ้าหน้าที่ชุดตรวจสอบได้นำตัว นายอาคม วันนา และ นางไหมกาญจณ์  แก้วประมูล พร้อมด้วยของกลางทั้งหมด ส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองสตูล ข้อกล่าวหาว่า ร่วมกันกระทำความผิด จำนวน 8 กระทง ประกอบกิจการสถานพยาบาลโดยไม่ได้รับอนุญาต ฝ่าฝืน ม.16 ตาม พ.ร.บ.สถานพยาบาล พ.ศ.2541 ,ดำเนินการสถานพยาบาลโดยไม่ได้รับอนุญาตฝ่าผืน ม.24 ตาม พ.ร.บ. สถานพยาบาล พ.ศ.2541,ประกอบโรคศิลปะโดยไม่ขึ้นทะเบียน และรับอนุญาต ฝ่าฝืน ม.30 ตาม พ.ร.บ. การประกอบโรคศิลปะ พ.ศ.2542,ขายยาแผนปัจจุบัน โดยไม่ได้รับอนุญาต ฝ่าฝืน ม.12 ตาม พ.ร.บ.ยา พ.ศ.2510, ขายผลิตภัณฑ์สมุนไพร โดยไม่ได้รับอนุญาตฝ่าฝืน ม.๑๗ ตาม พ.ร.บ. ผลิตภัณฑ์สมุนไพร 2562,ฝ่าฝืน ม.75 ทวิ ห้ามมิให้ผู้ใดขายยาบรรจุเสร็จหลายขนาน โดยจัดเป็นชุด  ในคราวเดียวกัน โดยเจตนาให้ผู้ซื้อใช้รวมกันเพื่อบำบัด บรรเทา รักษา หรือป้องกันโรค หรืออาการของโรคใดโรคหนึ่งโดยเฉพาะ (พ.ร.บ.ยา พ.ศ.2510 ),มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนไว้ในครอบครอง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนท้องที่, ฝ่าฝืนคำสั่ง จ.สตูล ที่ 726/2564 ลงวันที่ 17 เมษายน 2564  เรื่อง มาตรการเฝ้าระวัง ป้องกัน และควบควบคุมการแพร่ระบาดของโรคไวรัสโคโรนา 2019 (COVID19) จ.สตูล

จากการดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงตามข้อร้องเรียนร้องทุกข์ พฤติกรรมของบุคคลดังกล่าว ได้ขออนุญาตเปิดสถานประกอบการเพื่อสุขภาพ แต่กลับมีการดำเนินการประกอบสถานพยาบาล, การประกอบโรคศิลปะโดยไม่ขึ้นทะเบียนและไม่ได้รับอนุญาต ตลอดจนการจำหน่ายยาแผนปัจจุบันโดยไม่รับอนุญาต ซึ่งอาจจะส่งผลให้ผู้ป่วยหรือผู้ที่มาใช้บริการดังกล่าว ได้รับอันตรายต่อสุขภาพอนามัย และความปลอดภัยในชีวิต ทรัพย์สินของประชาชน ตลอดจนอาจจะเข้าข่ายการร่วมกันหลอกลวงประชาชน ให้เกิดความหลงเชื่ออันจะส่งผลกระทบต่อความสงบเรียบร้อยของสังคม


ภาพ/ข่าว  นิตยา แสงมณี  ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดสตูล

กระบี่ - นายก อบจ.กระบี่นำทีม ฉก.โควิด-19 พ่นยาฆ่าเชื้อย่านการค้าชุมชนกลางเมือง"โครงการท้องถิ่นรวมใจสู้ภัยโควิด19 สร้างความมั่นใจให้ประชาชน

นายสมศักดิ์ กิตติธรกุล นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดกระบี่ พร้อมด้วยนายสัจพร จันทร์ศรีนวล ปลัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดกระบี่ และคณะผู้บริหาร ได้นำชุดเฉพาะกิจปราบปรามไวรัสโควิด-19 กองป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย องค์การบริหารส่วนจังหวัดกระบี่ ระดมกำลังกวาดล้างทำลายเชื้อไวรัสโควิด-19 ภายใต้โครงการท้องถิ่นรวมใจสู้ภัยโควิด-19 โดยนำรถยนต์บรรทุกน้ำยาฆ่าเชื้อขนาดบรรจุ 600 ลิตร และกำลังเดินเท้า 22 คน ออกทำการฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อไวรัสภายในตลาดสดมหาราชเทศบาลเมืองกระบี่ ตลาดซิตี้ ตลาดลานปูดำหน้าเมืองกระบี่ ย่านการค้ามหาราชทั้ง 15 ซอย บนถนนมหาราชตั้งแต่ทางขึ้นวัดแก้วโกรวารามพระอารามหลวงจังหวัดกระบี่ ไปจนถึงสี่แยกเสือเขี้ยวดาบ และถนนอุตรกิจตั้งแต่สามแยกด่านศุลกากรไปจนถึง สามแยกลานประติมากรรมปูดำหน้าเมืองกระบี่ รวมพื้นที่ออกทำการฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อไวรัส ระยะทาง 3 กิโลเมตร รวมน้ำยาฆ่าเชื้อ 5,000 ลิตร

ทั้งนี้เพื่อการการเฝ้าระวังและป้องกันพร้อมทำลายการติดเชื้อและการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่รอบสาม ไม่ให้มีการแพร่ระบาดไปในวงกว้างของพื้นที่จังหวัดกระบี่ และเพื่อเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนชาวจังหวัดกระบี่ ว่าจังหวัดสามารถควบคุมการแพร่ระบาดของโรคดังกล่าวไม่ให้ขยายออกไปในวงกว้างทั้งเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาในจังหวัดกระบี่ เกิดความมั่นใจว่ามาเที่ยวกระบี่แล้วมีความปลอดภัยจากเชื้อโรคดังกล่าวอบย่างแน่นอน

ส่วนสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่รอบสามในพื้นที่จังหวัดกระบี่ ตั้งแต่วันที่ 1 – 19 เมษายน 2564 มีผู้ป่วยสะสมยืนยันรวม 33 คน แยกเป็นคนไทย 30 คน ชาวต่างชาติ 3 คน รักษาตัวในโรงพยาบาลจังหวัดกระบี่ 22 คน โรงพยาบาลอำเภอลำทับ 3 คน โรงพยาบาลอำเภอปลายพระยา 1 คน โรงพยาบาลอำเภอเหนือคลอง 1 คน โรงพยาบาลเอกชน 2 คน และโรงพยาบาลสนาม 4 คน มีผู้สัมผัสและมีความเสียงสูงเข้ารับการตรวจหาเชื้อ 231 คน ไม่พบเชื้อ 14 คน พบเชื้อ 4 คน รองลการตรวจ 213 คน


ภาพ/ข่าว  ณัฏฐพงษ์ ศรีปล้อง 

สุราษฎร์ธานี - ผู้ว่าฯสุราษฎร์ ชื่นชมภาคเอกชน จิตอาสานำสิ่งของช่วยผู้เดือดร้อนโควิด

เมื่อเวลา 09.00 น.วันที่ 20 เมษายน ที่ลานหน้าโรงแรมไดมอนด์พลาซ่า อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี นายสุธี สุขานนท์สวัสดิ์ กรรมการผู้จัดการโรงแรมไดมอนด์พลาซ่า พร้อมคณะผู้บริหารและพนักงาน ได้นำไข่ไก่ 10,000 ฟองมอบให้กับผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดโรคโควิด- 19 ระลอกใหม่ ตลอดทั้งวันประมาณ 1,000 ชุด ภายใต้มาตรการป้องกันอย่างเข้มงวดให้จองคิวล่วงหน้าผ่านอินบ็อกเฟซบุ๊กโรงแรมเข้ารับได้รอบละ 5 คนต้องผ่านตรวจวัดอุณหูมิ ใช้เจลแอลกอฮอล์ล้างมือ รักษาระยะห่าง และไม่มีการสัมผัสระหว่างผู้ที่มารับของกับพนักงาน 

นายสุธี กล่าวว่า โรงแรมได้จัดกิจกรรมเพื่อช่วยเหลือพี่น้องชาวสุราษฎร์ที่ได้รับผลกระทบ และคิดว่าหากผู้ประกอบการหรือประชาชนที่ยังพอมีแรงเหลือลุกขึ้นมาช่วยเหลือซึ่งกัน และกันจะสามารถช่วยให้คนไทยทุกคนสามารถฝ่าฟันวิกฤติการแพร่ระบาดระลอกใหม่ไปได้แน่นอน                                  

ด้านพระธรรมวิมลโมลี ผู้รักษาการแทนเจ้าคณะภาค 16 เจ้าอาวาสวัดไตรธรรมาราม พระอารามหลวง อ.เมืองสุราษฎร์ธานี ได้มอบให้ตัวแทนนำสิ่งของ และข้าวสาร อาหารแห้งที่ได้รับถวายออกบิณฑบาตจากญาติโยม นำไปเติมที่ตู้ปันสุขข้างจวนผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานีที่ตั้งมากว่า 1 ปีอย่างต่อเนื่อง โดยมีประชาชนนำข้าวสาร ไข่ไก่มาร่วมเติมด้วย               

                                           

ขณะที่ น.ส.อภิชญาฎา เพชรรัตน์ จิตอาสาและผู้สื่อข่าว ร่วมกับเพื่อนและบุคคลที่รู้จักได้ตั้งกลุ่มไลน์ช่วยโควิด19 สฎ นำเงินส่วนตัวและที่มีผู้ร่วมสมทบจัดทำอาหารกล่อง และข้าวสาร อาหารแห้งเป็นชุด พร้อมสิ่งของอุปโภคไปส่งมอบให้ผู้ที่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากโควิด -19 และต้องกักตัวเอง 14 วันตามบ้าน เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนที่ไม่สามารถประกอบอาชีพได้โดยขณะนี้มีผู้มาลงทะเบียนไว้แล้วกว่า 100 คน               

                                                                                                                                              

นายวิชวุทย์ จินโต ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี กล่าวว่า กราบขอบพระคุณผู้รักษาการแทนเจ้าคณะภาค 16 ขอขอบคุณผู้ประกอบการ จิตอาสาและประชาชน พร้อมขอแสดงความชื่นชมในความมีน้ำใจที่มีความห่วงใยร่วมกันช่วยเหลือประชาชนชาวสุราษฎร์ธานีที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์แพร่ระบาดโควิด-19 ระลอกใหม่ ซึ่งเชื่อว่าเราจะผ่านพ้นวิกฤตครั้งนี้ไปได้ด้วยความมีวินัยสวมใส่หน้ากากอนามัย 100เปอร์เซ็นต์ก่อนออกจากบ้านและความมีน้ำใจในการช่วยเหลือกัน

พังงา – ด่วน !! เตรียมเปิดโรงพยาบาลสนาม หลังพบผู้ป่วยเพิ่มต่อเนื่อง ล่าสุดพบอีก4รายที่ตะกั่วป่า

วันที่ 20 เมษายน 2564 นายธรรมนูญ ศรีวรรธนะ รองผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา พร้อมด้วย นายจารุวัฒน์ ตันสกุล รองนายก อบจ.พังงา ปภ.พังงา ฝ่ายปกครองอำเภอเมืองพังงา สสอ.เมืองพังงาและทีมแพทย์พยาบาลโรงพยาบาลพังงา ลงพื้นที่ร่วมตรวจความพร้อมโรงพยาบาลสนามในโรงยิมเนเซี่ยมสนามกีฬา อบจ.พังงา หลังจากยังพบผู้ป่วยโควิด-19 เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกวันใกล้จะถึงจุดที่ตั้งไว้ เมื่อผู้ป่วยในโรงพยาบาลถึงจำนวน70 %ของห้องที่โรงพยาบาลเตรียมไว้ จะมีการเปิดใช้โรงพยาบาลสนามทันที ซึ่งเจ้าหน้าที่ อบจ.พังงาและสำนักงานปภ.พังงา กำลังเร่งขนอุปกรณ์ต่างๆเข้าติดตั้งให้เรียบร้อยพร้อมเปิดใช้ในวันพรุ่งนี้ ซึ่งโรงพยาบาลสนามแห่งนี้จะรับผู้ป่วยได้ 46 เตียง โดยจะทำการย้ายผู้ป่วยที่ไม่แสดงอาการจากโรงพยาบาลมาดูแลต่อที่นี่ ขณะที่ทีมแพทย์ พยาบาลและเจ้าหน้าที่สาธารณสุข พร้อมเข้าปฏิบัติงานทันที

สำหรับสถานการณ์ของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในจังหวัดพังงา ระลอกเมษายน 2564 ตั้งแต่วันที่10-19เมษายน จังหวัดพังงามีผู้ป่วยโควิด-19 จำนวน 18 ราย และล่าสุดในวันนี้ได้รับแจ้งว่าพบผู้ป่วยเพิ่มอีก4ราย รวมเป็น22 ราย โดยผู้ป่วย 4 รายล่าสุดอยู่ในตะกั่วป่า ผู้ป่วยรายที่ 19  เป็นแม่บ้าน รายที่20 เป็นนักธุรกิจ รายที่ 21และ 22 เป็นเด็กนักเรียน ขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่สาธารณสุขได้ลงพื้นที่คัดแยกกลุ่มเสี่ยง พร้อมจัดทำไทม์ไลน์เพื่อจะแจ้งให้ทราบต่อไป


ภาพ/ข่าว  อโนทัย งานดี


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top