Thursday, 2 May 2024
Southern

นราธิวาส - แม่ทัพภาคที่ 4 เยี่ยมหน่วยตรวจเลือกทหารกองเกินเข้ากองประจำการ อำเภอสุไหงโกลก ยกระดับมาตรการป้องกัน covid 19 อย่างเข้มงวด พร้อมสร้างความเชื่อมั่น ทุกขั้นตอนแก่ประชาชน

วันนี้ 16 เมษายน 2564 เวลา 11.00 น. ที่ทำการอำเภอสุไหงโกลก จังหวัดนราธิวาส พลโทเกรียงไกรศรีรักษ์แม่ทัพภาคที่ 4 ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 เดินทางตรวจเยี่ยม หน่วยคัดเลือกทหารกองเกินเข้ากองประจำการ ประจำปี 2564 ของอำเภอ สุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส เพื่อตรวจสอบความเรียบร้อยการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ เพื่อความปลอดภัยทั้งด้านสถานที่ และความปลอดภัยจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ตลอดจนเน้นย้ำการทำงานที่โปร่งใสของเจ้าหน้าที่ในการตรวจเลือกบุคคล และให้กำลังใจเจ้าหน้าที่สาธารณสุขที่มาทำหน้าที่คัดกรองบุคคล เข้ารายงานตัวเพื่อคัดเลือกทหารกองเกินประจำหน่วย ให้เป็นไปตามนโยบายของกองทัพบก และให้เกิดความบริสุทธิ์ยุติธรรม สร้างภาพลักษณ์ที่ดีของหน่วยทหาร สร้างความเชื่อมั่นแก่พี่น้องประชาชน โดยบรรยากาศเป็นไปอย่างเรียบร้อย มีชายไทยที่มีหมายเรียกตามเกณฑ์เข้ารับคัดเลือกเข้าเป็นทหารกองประจำการทยอยมาอย่างต่อเนื่อง

สำหรับหน่วยคัดเลือกทหารกองเกินเข้ากองประจำการ อำเภอสุไหงโกลก จังหวัดนราธิวาสนั้น หน่วยงานที่รับผิดชอบได้มีการคุมเข้ม ยกระดับมาตรการในการระวังป้องกันอย่างเคร่งครัด ทุกคนที่เข้ามายังหน่วยคัดเลือกจะต้องสวมหน้ากากอนามัย Check In ผ่าน App ไทยชนะทุกครั้ง ตรวจวัดอุณหภูมิ เว้นระยะห่าง และแจ้งข้อมูลการเดินทางอย่างละเอียดแก่เจ้าหน้าที่ โดยแม่ทัพภาคที่ 4 ได้เน้นย้ำสั่งคุมเข้มเข้ม และยกระดับมาตรการป้องกันโควิด 19 ในทุกขั้นตอนของการตรวจคัดเลือกทหาร โดยทำความเข้าใจชี้แจงต่อผู้ที่มาตรวจคัดเลือกให้ปฏิบัติตามมาตรการอย่างเคร่งครัด ทั้งนี้ ผู้ที่เดินทางมาจากพื้นที่เสี่ยง ให้มีการแยกสถานที่ออกจากผู้มาตรวจคัดเลือกปกติ รวมถึงผู้ที่ขอยื่นผ่อนผันก็จะใช้มาตรการเดียวกัน เพื่อให้การตรวจคัดเลือกทหารเป็นไปด้วยความเรียบร้อย และปลอดภัยจากโควิด-19


ภาพ/ข่าว  ปทิตตา หนดกระโทก ผู้สื่อข่าวนราธิวาสรายงาน

นราธิวาส-เปิดโรงพยาบาลสนามแห่งที่ 2 จำนวน 186 เตียงดูแลผู้ป่วย COVID19 ที่ศูนย์ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมผู้เสพยาเสพติด พร้อมรับผู้ป่วยวันแรก 65 ราย

วันนี้ (17 เม.ย. 64) ที่ศูนย์ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมผู้เสพยาเสพติดจังหวัดนราธิวาส นายเจษฎา จิตรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส เป็นประธานเปิดโรงพยาบาลสนามแห่งที่ 2 ของจังหวัดนราธิวาส โดยมีนางดาเรศ จิตรัตน์ นายกเหล่ากาชาดจังหวัดนราธิวาส นาวาเอก วิชชา พรหมคีรี รอง ผอ.รมน.จ.นราธิวาส (ฝ่ายทหาร) นายชินวุฒิ ขาวสำลี รองผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส ปลัดจังหวัดนราธิวาส นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนราธิวาส หัวหน้าส่วนราชการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม

โดยผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาสและคณะได้ตัดริบบิ้นเปิดโรงพยาบาลสนามแห่งที่ 2 จากนั้นได้เข้าเยี่ยมชมภายในอาคารที่สามารถรองรับผู้ป่วยได้ 186 เตียง ซึ่งการจัดตั้งโรงพยาบาลสนามรองรับการให้บริการผู้ป่วย COVID19 เพื่อทำหน้าที่ในการคัดกรองและแยกผู้ป่วยโดยใช้ระดับความรุนแรงของโรค จัดลำดับความสำคัญในการรักษาผู้ป่วยและจัดระบบบริการ สำหรับในวันนี้จะรองรับผู้ป่วย COVID19 ซึ่งเป็นผู้ต้องขังจากเรือนจำชั่วคราวโคกยามูและผู้พ้นโทษ จำนวน 65 ราย ส่วนในผู้ป่วยกลุ่มอื่น ๆ จะทยอยเข้ารับการรักษาจนเต็มจำนวนเตียง โดยสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนราธิวาสจัดสรรบุคลากรทางการแพทย์ ประกอบด้วย แพทย์และพยาบาลอยู่ประจำทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อให้การรักษาและป้องกันการแพร่ระบาดของโรค COVID19

นายเจษฎา จิตรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส กล่าวว่า ขณะนี้มีการแพร่ระบาดของโรค COVID19 เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง คาดการณ์ว่าจะมีจำนวนผู้ป่วยเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะผู้ต้องขัง ผู้พ้นโทษ และกลุ่มประชาชนทั่วไป ซึ่งขีดความสามารถของโรงพยาบาลสนามเรือนจำจังหวัดนราธิวาสแห่งแรกอาจรองรับผู้ป่วยได้ไม่เพียงพอ และมีข้อจำกัดด้านพื้นที่ จึงได้จัดตั้งโรงพยาบาลสนามแห่งที่ 2 เพื่อรองรับผู้ป่วย COVID19 เพิ่มเติม สำหรับในด้านการบริหารจัดการระดับพื้นที่ขอให้นายอำเภอเป็นผู้นำ ซึ่งถ้าทุกคนช่วยกันก็มั่นใจว่าจะสร้างความมั่นใจให้ชาวนราธิวาส รวมทั้งลดการแพร่กระจายของโรค COVID19 ในจังหวัดนราธิวาสได้ เพื่อให้สามารถระงับยับยั้งโรคได้ภายใน 28 วัน

ทั้งนี้ ศบค. ได้แถลงสถานการณ์การติดเชื้อ COVID19 ในจังหวัดนราธิวาส วันนี้ (17 เมษายน 2564) มีผู้ป่วยใหม่ จำนวน 18 ราย และผู้ป่วยยืนยันสะสม จำนวน 348 ราย


ภาพ/ข่าว  แวดาโอ๊ะ หะไร จ.นราธิวาส

นราธิวาส - ผบ.ฉก.นราธิวาส ตรวจเยี่ยมและประชุมเพิ่มประสิทธิภาพการปฎิบัติงาน พร้อมทั้งให้กำลังใจกำลังพลหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานในพื้นที่

พลตรีไพศาล หนูสังข์ ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 15 / ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส พร้อมด้วย พันเอก เฉลิมพร ขำเขียว รองผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 15 / รองผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส และคณะฯ ลงพื้นที่ ตรวจเยี่ยม และประชุมเพิ่มประสิทธิภาพการปฎิบัติงาน ให้กับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานในพื้นที่ จังหวัดนราธิวาส  จำนวน 4  หน่วย ได้แก่ หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 45 อำเภอระแงะ , หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 46 อำเภอรือเสาะ, หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 48 อำเภอเจาะไอร้อง และ หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 49 อำเภอศรีสาคร

โดยได้รับฟัง สรุปการชี้แจงการปฎิบัติที่สำคัญในห้วงที่ผ่านมา และแผนการปฏิบัติงานที่สำคัญในห้วงต่อไป  พร้อมทั้งแนวความคิดการเพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบัติงาน ของหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานในพื้นที่  โดยผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส มอบนโยบาย ข้อสั่งการสอบถามข้อขัดข้องในการปฎิบัติงาน พร้อมทั้งเน้นย้ำการปฏิบัติงาน ของชุดปฎิบัติการจรยุทธ์ ต้องอยู่ในความไม่ประมาท การรักษาความปลอดภัยในพื้นที่สร้างความมั่นใจให้กับพี่น้องประชาชน พร้อมทั้งการเฝ้าตรวจให้เป็นไปตามสั่งการของ ผอ.รมน.ภาค4 การใช้ระเบียบการนำหน่วย มอบแนวทางการเฝ้าระวัง ป้องกัน การสังเกตุการณ์ และการรักษาความปลอดภัยในพื้นที่ พร้อมทั้งให้กำลังพล ปฏิบัติตนตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า COVID19 อย่างเคร่งครัด

ทั้งนี้ ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส เน้นย้ำผู้บังคับหน่วย เรื่องสวัสดิการ สิทธิกำลังพล โดยฝากความห่วงใยแก่กำลังพล ให้ดูแลตนเอง และเฝ้าติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส Covid19 อย่างใกล้ชิด ตลอดจนมอบงบประมาณแก้ไขปัญหาเบื้องต้น และสิ่งของอุปโภค บริโภค เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจในการปฎิบัติงานให้แก่กำลังพลต่อไป


ภาพ/ข่าว  แวดาโอ๊ะ​ หะไร​ จ.นราธิวาส

กระบี่ - โซเชียลแห่แชร์เรื่องราวความน่ารักน่าเอ็นดู ของหนูน้อย 3 ขวบ ขณะว่ากล่าวเตือนพ่อหลังรถมอเตอร์ไซค์ประสบอุบัติเหตุ จนได้รับบาดเจ็บทั้งพ่อทั้งลูก

วันที่ 18 เม.ย.64 ผู้สื่อข่าวรายงาน ว่า โลกโซเชี่ยลฯต่างแสดงความเอ็นดุเด็กชายวัย3 ขวบ และให้กำลังใจกันอย่างล้นหลาม ขณะนั่งปลอบและสั่งพ่อหลังประสบอุบัติเหตุรถมอเตอร์ไซค์ล้ม บริเวณยูเทิร์น หน้าห้างแม็คโคร ถนนเพชรเกษม  ต.ไสไทย อ.เมือง จ.กระบี่  โดย ผู้ใช้เฟซบุ๊กที่ชื่อว่า “แพร แพร์” ได้โพสต์ภาพสองพ่อลูก ขณะนั่งอยู่บนรถกู้ภัย พร้อมข้อความบอกเล่าเรื่องราวที่สองพ่อลูกสนทนากันว่า ได้ยินน้องคุยกับพ่อ ถึงเรื่องอุบัติเหตุ ที่ฟังแล้วน่าเอ็นดูเด็กน้อยเป็นอย่างมากที่พยายามที่จะเตือนผู้เป็นพ่อ   พร้อมเล่าเรื่องราวที่พ่อลูกสนทนากันเป็นสำเนียงภาษาใต้ดังนี้

น้อง :  พ่อครับพ่อเจ็บม้าย พ่อเจ็บตรงไหนม้าย เเต่น้องก็เจ็บนะ น้องมีเลือดออกด้วย แต่ว่าน้องเป็นห่วงพ่อมากนะครับ

พ่อ: พ่อไม่เจ็บครับ พ่อขอโทษนะลูกนะ

น้อง: น้องจะไม่ชวนพ่อแหลงแล้วนะเวลาพ่อขับรถ

เมื่อพาน้องขึ้นรถเพื่อไปส่งรพ.ผ่านจุดเกิดเห็น น้องได้ชี้ไปที่เกิดเหตุที่ฟุตบาตที่ชน

น้อง: พ่อจำไว้เลยนะ พ่อไม่ชนตรงนี้แล้วนะ พ่อไม่ขับรถเร็วแล้วนะทีนี้ น้องเจ็บน้องกลัวเลือด

พ่อ: ครับลูก 

เครติด#สาวกู้ภัยมิราเคิลออฟไลฟ์กระบี่

ภายหลังเผยแพร่เรืองราวดังกล่าวออกไป ปรากฏว่ามีผู้คนเข้ามาแสดงความคิดเห้นและชื่นชมในความน่ารักน่าเอ็นดูของหนูน้อยคนดังกล่าว และแชร์ต่อกันเป็นจำนวนมาก

ผู้สื่อข่าวได้สอบถาม น.ส.รัตนมณี  สายนุ้ย  "น้องแพร" นามเรียกขาน มิราเคิล32 อายุ 19  ปี เป็นเจ้าหน้าที่อาสาสมัครกูู้ชีพมูลนิธิมิราเคิลออฟไลฟ์ จ.กระบีี่ ในสังกัดรพ. สต.บ้านไสไทย ที่ออกช่วยเหลือผู้ประสบเหตุ  ทราบว่า  เหตุการณ์ดังกล่าว เกิดขึ้นเมื่อเวลา ประมาณ2ทุ่มเศษ หลังรับแจ้งจาก ศูนย์นพรัตน์  ออกตรวจสอบเหตุ ว.40 รถจยย. ล้มเอง บริเวณยูเทรินห้างแมคโคร มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 3 ราย เป็นพ่อลูกกัน   โดยผู้เป็นพ่อ อายุ 33 ปี มีบาดแผลฉีกขาดบริเวณ หัวแม่เท้าด้านซ้าย มีแผลถลอกทั่วไปตามร่างกาย รายที่ 2 เป็นลูกสาว อายุ 12 ปี ปวดข้อแขนด้านซ้าย แผลถลอกทั่วไปตามร่างกาย และรายที่3 ลูกชาย อายุ 3 ขวบ  มีแผลถลอกทั่วไปตามร่างกาย.มีรอยฟกช้ำที่หน้าผาก จนท.ให้การช่วยเหลือปฐมพยาบาลก่อน นำส่ง รพ.กระบี่ ซึ่งระหว่างที่จนท.หามผู้เป้นพ่อขึ้นบนรถกู้ภัย ลูกชาย3ขวบที่นั่งข้างๆ ก็พูดกับพ่อในลักษณะดังกล่าว ได้ยินแล้วรูู้สึกเอ็นดูในความน่ารักของน้อง  3 ขวบ ที่พยายามที่จะเตือนพ่อขณะที่ตัวเองด้วยความเป็นห่วงทั้งที่ตัวเองในขณะทีี่ตัวเองก็เจ็บจากอุบัติเหตุเช่นกัน 


ภาพ/ข่าว  ณัฏฐพงษ์ ศรีปล้อง รายงาน

สงขลา - สีสัน..ไปดูภารกิจของสามเณรน้อยน้ำมนต์ วัย 5 ขวบ เริงร่าหลังบวชมา 8 วัน พรุ่งนี้ก็จะสึก เป็นที่รักของพระพี่เลี้ยงและสามเณรทุกคน

สีสัน วันที่ 8 ของโครงการบรรพชาสามเณรภาคฤดูร้อนวัดไทรงาม จังหวัดสงขลา ซึ่งในครั้งนี้มีสามเณรน้อยรุ่นเล็กที่สุดอายุน้อยที่สุด ร่วมบรรพชาด้วย 1 รูป พร้อมพี่ ๆ สามเณร 60 รูป มาตั้งแต่วันที่ 10 เมษายน 2564 จนถึงขณะนี้ ย่างเข้าวันที่ 8 คือ สามเณรน้ำมนต์ ซึ่งทุกเช้าจะมาช่วยพระพี่เลี้ยง ในการจัดเตรียมพื้นที่ในการฉันเช้าทุกวัน โดยวางรองบาตร จัดน้ำดื่มวางใกล้กับที่รองบาตร รวมทั้งปูพรมที่นั่งของ พระครูปลัดยอดโดมสิริปัญโญ เจ้าอาวาสวัดไทรงามและพระพี่เลี้ยง ในศาลาการเปรียญ ได้อย่างคล่องแคล่วว่องไว รวดเร็วและแข็งแรง เมื่อเสร็จจากการจัดสถานที่แล้ว ก็ออดอ้อนพระพี่เลี้ยงให้อุ้มเพื่อไปรับบาตร เตรียมบิณฑบาต ญาติโยมที่เดินทางมารอ ในช่วง 7:00 น ของทุกวัน

เมื่อพร้อมแล้ว ขบวนสามเณร 61 รูปก็ออกเดินรับบิณฑบาตจากญาติโยมที่นำอาหารหวานคาวมาใส่บาตรให้กับสามเณร 61 รูปและพระพี่เลี้ยง ที่คอยดูแลสามเณรน้อยน้ำมนต์ ที่เดินรับบิณฑบาตรอยู่ภายในวัด ผ่านมา 8 วัน สามเณรน้อยคล่องแคล่วขึ้นมาก เมื่อบิณฑบาตเสร็จแล้ว ก็จะอุ้มบาตรเข้าไปฉันอาหารที่ญาติโยม ใส่บาตรให้มา โดย สามเณรทั้ง 61 รูป จะร่วมกันฉันภัตตาหารในบาตรในศาลาการเปรียญร่วมกับเจ้าอาวาสวัดไทรงามและพระพี่เลี้ยง

หลังจากฉันอาหารในบาตรเสร็จแล้วสามเณรทุกรูป ก็จะต้องไปล้างบาตรด้วยตนเองรวมทั้งสามเณรน้อยน้ำมนต์ด้วย โดยมี แม่ครัว ของวัดไทรงาม มาช่วย บริการอำนวยความสะดวกให้  ช่วงที่ล้างบาตร สามเณรทุกคนชอบตรงที่ว่า ได้หมุนบาตรเล่นอยู่ในน้ำกันอย่างสนุกสนาน รวมทั้งสามเณรน้ำมนต์ด้วย ก็หมุนบาตรเล่นอยู่ในน้ำเช่นเดียวกัน เนื่องจากเห็นสามเณรพี่ ๆ ทำ สนุกดีก็ทำตามจนพระพี่เลี้ยงบอกว่า อันนี้ไม่ได้ล้างบาตรแล้ว อันนี้เล่นบาตรแล้วล่ะ

ล้างบาตรเสร็จ ก็จะนำไปคว่ำตากแดด บริเวณแคร่ไม้ ใกล้กับเต็นท์นอนที่พักของสามเณร ที่กางไว้ทั้งหมด 6 เต็นท์ ที่ใช้สำหรับจำวัดในช่วงกลางคืน ตั้งแต่เริ่มบรรพชาวันแรก ก็นอนอยู่ในเต็นท์นี้เรื่อยมา

สามเณรน้ำมนต์พาไปดูเต็นท์ที่นอนอยู่ทุกคืน ซึ่งยังไม่ได้พับผ้าห่มสามเณรพี่ ๆ เข้าไปช่วยพับให้จนเต็มเต็นท์

พระปลัดจักรพรรดิ ปัญญาวโร หัวหน้าพระวิทยากร โครงการบรรพชาสามเณรภาคฤดูร้อน วัดไทรงามปี 2564 กล่าวถึงสามเณรน้ำมนต์ ที่เข้าร่วมโครงการฯด้วยวัย 5 ขวบ สามารถที่อยู่จนครบ 9 วันได้ ในวันนี้เป็นวันที่ 8 และพรุ่งนี้ก็จะทำการลาสิกขาบท สามเณรน้ำมนต์ถือว่า เป็นสามเณรที่มีอายุน้อยที่สุด ตัวเล็กที่สุดแต่ก็ มีความเข้มแข็งไม่งอแงเหมือนเด็กทั่วไป


ภาพ/ข่าว  นายปรีชา สถิตย์เรืองศักดิ์ / หาดใหญ่ จ.สงขลา

ยะลา - เบตง ยกระดับการคัดกรองผู้เดินทางเข้าพื้นที่ อ.เบตง ณ ด่าน กม 23 หลังจากที่ขณะนี้ จ.ยะลา พบผู้ป่วยรายใหม่ 3 ราย รวมผู้ป่วยสะสม 5 ราย

เมื่อวันที่ 18 เมษายน 2564 ที่ด่าน กม.23 อ.เบตง จ.ยะลา นายเอก ยังอภัย ณ สงขลา นายอำเภอเบตง  เรียกเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องที่เข้าประชุมที่ศูนย์ปฏิบัติการควบคุมโรคอำเภอเบตง (ศปก.อ.เบตง) ในการกำหนดเพื่อยกระดับการคุมเข้มการป้องกันการแพร่ระบาด โรคติดเชื้อไวรัส โควิด-19 ภาย หลังจังหวัดยะลา พบผู้ป่วยรายใหม่ 3 ราย อ.เมืองยะลา 2 ราย อ.เบตง 1 ราย รวมผู้ป่วยสะสม 5 ราย โดยมี ตำรวจ ฉก.ตชด.44 ปลัดอำเภอ เจ้าหน้าที่ รพ.เบตง ผอ.รพ.สต. นายกองค์การบริหารส่วนตำบลทุกตำบล ท้องถิ่นอำเภอเบตง ผู้นำท้องที่ และผู้นำท้องถิ่น เข้าร่วม

นายเอก ยังอภัย ณ สงขลา นายอำเภอเบตง กล่าวว่า จากการประชุมศูนย์ปฏิบัติการ ควบคุมโรคอำเภอเบตง (ศปก.อ.เบตง) ในครั้งนี้ ตนได้สั่งการให้กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ร่วมบูรณาการในหมู่บ้านเพื่อดำเนินการในการ ตั้งจุดตรวจ/จุดคัดกรอง ในการการเข้า-ออกหมู่บ้านโดย ให้ทุกฝ่ายจัดเตรียมความพร้อมสถานที่กักตัวสำรองเพื่อรองรับผู้เข้าสังเกตการณ์อาการเริ่มป่วยที่เดินทางมาจากพื้นที่เสี่ยงให้พร้อมใช้งานได้ทันที พร้อมเน้นย้ำศูนย์ปฏิบัติการตำบล (ศปก.ต.) ร่วมค้นหาและคัดกรองคนในหมู่บ้านที่เดินทางมาจากพื้นที่เสี่ยงเชิงรุก และประชาสัมพันธ์ สร้างการรับรู้ มาตรการป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด - 19) ยกระดับปฏิบัติการการบูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการดำเนินการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด - 19) อย่างต่อเนื่อง รวมถึงยกระดับการปฏิบัติคัดกรองผู้เดินทางเข้าพื้นที่อำเภอเบตง ณ ด่าน กม 23

โดยสถานการณ์ COVID19 ในจังหวัด ยะลา ระลอกเดือนเมษายน 2564 " (เริ่ม 1 เม.ย. 2564 วันที่ 18 เมษายน 2564 พบผู้ป่วยรายใหม่ 3 ราย โดยพบในพื้นที่ อ.เมืองยะลา 2 ราย และอำเภอเบตง 1 ราย รวมมีผู้ป่วยสะสม 5 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิต  โดยที่ประชาชนทุกคน ต้องให้ความร่วมมือ สวมหน้ากากอนามัย ร้านอาหาร ยังไม่ปิด แต่ให้มีการจัดการตามรูปแบบที่เคยปฏิบัติ มีแอลกอฮอล์ล้างมือ เว้นระยะห่างในการเข้าใช้บริการ ปิดสถานบริการ/สถานประกอบการที่มีลักษณะคล้ายสถานบริการ สถานบันเทิง ผับ บาร์ คาราโอเกะ สถานประกอบกิจการอาบน้ำ/อาบอบนวด หรือสถานที่อื่นที่มีลักษณะคล้ายกัน ที่เสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อ COVID19 เป็นการชั่วคราวเวลา 14 วัน โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 10 – 23 เมษายน 2564 การจัดงานแต่งงาน ต้องจัดให้มีแอลกอฮอล์ล้างมือ/จุดล้างมือ เว้นระยะห่างในการนั่ง สวมแมส ตลอดยกเว้นช่วงทานอาหาร พร้อมขอให้ทุกภาคส่วนปฏิบัติตามมาตรการทางด้านสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด สวมหน้ากากอนามัย หรือหน้ากากผ้าล้างมือบ่อย ๆ ด้วยน้ำและสบู่ หรือเจล แอลกอฮอล์ ทำความสะอาดพื้นผิวและอุปกรณ์ที่มีการสัมผัสบ่อย เว้นระยะห่าง หรือหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับบุคคลอื่น หลีกเลียงการเข้าไปในสถานที่ที่มีคนจำนวนมาก ติดตั้งและสแกน Application "ไทยชนะ" หรือลงทะเบียนในการเข้าออกสถานที่ต่าง ๆ เพื่อเป็นการปกป้องดูแลสุขอนามัย ของประชาชนจากการแพร่ระบาดของโรคฯ และหากผู้ใดไม่สวมหน้ากากอนามัย หรือหน้ากากผ้าเมื่อออกนอกเคหสถานมีความผิดตามมาตรา 41 แห่งพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ.2558 ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 20,000 บาท


ภาพ/ข่าว  ธานินทร์  โพธิทัพพะ / ปื๊ด เบตง

นราธิวาส - ผู้ว่าฯนราธิวาส ประชุม ศบค. จังหวัด และคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด ติดตามการดำเนินงาน พร้อมปรับมาตรการให้สอดคล้องกับแนวทางที่รัฐบาลกำหนด กำชับทุกอำเภอบริหารจัดการยับยั้งการระบาดอย่างทันท่วงที

วันนี้ (18 เม.ย. 64) ที่ห้องประชุมพระนราภิบาล ชั้น 5 ศาลากลางจังหวัดนราธิวาส นายเจษฎา จิตรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส เป็นประธานการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 จังหวัดนราธิวาส (ศบค.จังหวัด) โดยมีคณะรองผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส รองประธานคณะกรรมการอิสลามประจําจังหวัดนราธิวาส ปลัดจังหวัดนราธิวาส นายอำเภอ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนราธิวาส หัวหน้าส่วนราชการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมการประชุม

นายเจษฎา จิตรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส กล่าวว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค COVID19 ทำให้มีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง รัฐบาลได้ออกข้อกำหนด ตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนด การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ฉบับที่ 20 จึงต้องมีการปรับให้เข้ากับพื้นที่ โดยทุกส่วนราชการต้องร่วมกันระงับยับยั้งป้องกันโรค ซึ่งการประชุมในครั้งนี้ทำให้ได้ข้อสรุปในการแก้ปัญหาร่วมกัน เพื่อปรับมาตรการให้สอดคล้องกับแนวทางที่รัฐบาลกำหนด

โดยคณะทำงาน ศบค. จังหวัดนราธิวาส ทั้ง 9 คณะ ได้นำเสนอการดำเนินงานในด้านต่าง ๆ ทั้งนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาสได้เน้นย้ำให้ทุกอำเภอต้องมีมาตรการแก้ไขปัญหาระงับยับยั้งได้ทันที เพื่อควบคุมสถานการณ์ตามแนวทางที่กำหนด เมื่อมีผู้ที่ติดเชื้อขอให้บริหารจัดการในพื้นที่ทุกกรณี โดยรายงานด่วนมายังจังหวัดเพื่อลดการแพร่ระบาดของโรคได้อย่างทันท่วงที

จากนั้นได้มีการประชุมคณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อจังหวัดนราธิวาส เพื่อพิจารณาออกมาตรการต่าง ๆ เพิ่มเติม ซึ่งในวาระแรกเป็นเรื่องมาตรการของจังหวัดนราธิวาสตามข้อกำหนดฯ ฉบับที่ 20 ลงวันที่ 16 เมษายน 2564 ซึ่งมีมาตรการป้องกันและควบคุมโรคที่บังคับใช้ในปัจจุบัน คือ การควบคุมตลาดและถนนคนเดิน , การให้ทุกคนในพื้นที่จังหวัดนราธิวาสสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้า และคำสั่งปิดสถานบริการ สถานประกอบการที่มีลักษณะคล้ายกัน

สำหรับมาตรการที่จะต้องมีการปรับปรุงคำสั่ง คือ มาตรการควบคุมแต่ละพื้นที่ โดยกำหนดมาตรการพื้นที่ควบคุมให้ตรงกับข้อกำหนดฯ ฉบับที่ 20 รวมทั้งจะมีการกำหนดมาตรการในเรื่องการห้ามการดำเนินการ หรือจัดกิจกรรม หรือที่เสี่ยงต่อการแพร่โรค ซึ่งยังไม่ได้กำหนดมาตรการดังกล่าว นอกจากนี้จะมีการกำหนดมาตรการในเรื่องการงดหรือหลีกเลี่ยงการเดินทางให้ครอบคลุมทั้ง 18 จังหวัดที่เป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุด รวมทั้งการกำหนดมาตรการจัดกิจกรรมทางสังคม การดำเนินรูปแบบปฏิบัติงานที่เหมาะสม และในด้านมาตรการเพื่อรองรับผู้ติดเชื้อ ที่จะต้องมีข้อสั่งการเพื่อให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องในจังหวัดนราธิวาสเตรียมการในเรื่องดังกล่าว

นอกจากนี้ ในด้านมาตรการตามประกาศของจุฬาราชมนตรี ฉบับที่ 4/2564 ลงวันที่ 12 เมษายน 2564 และมาตรการที่ออกตามข้อกำหนด ฉบับที่ 20 ลงวันที่ 16 เมษายน 2564 ที่ประชุมได้ร่วมกันหารือและนำเสนอร่วมกัน โดยจะยึดตามประกาศจุฬาราชมนตรี และให้งดการออก “ดะวะห์” และ “โยร์” ซึ่งจะมีการออกคำสั่งจังหวัดและแจ้งมาตรการในพื้นที่ให้ถือปฏิบัติต่อไป

ในด้านการกักตัวสังเกตอาการแบบ Home Quarantine จะใช้มาตรการที่เข้มข้นมากขึ้น โดยให้ทุกอำเภอควบคุมดูแลตามคำสั่งของเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อ ทั้งนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาสยังได้เน้นย้ำให้หัวหน้าส่วนราชการดูแลผู้ใต้บังคับบัญชาของตนเองตามมาตรการป้องกันโรคอย่างเข้มข้น และถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัด


ภาพ/ข่าว  ปทิตตา หนดดระโทก ผู้สื่อข่าวนราธิวาสรายงาน

พัทลุง - สุดทึ่ง...เด็ก 10 ขวบ ใช้เวลาว่างช่วงปิดเทอม ทำโรตีขาย ช่วยเหลือครอบครัว

เป็นสิ่งที่น่าชื่นชมสำหรับเด็กวัย 10 ขวบ ที่ชื่นชอบในการทำโรตี ซึ่งเป็นธุรกิจของครอบครัว ลูกค้าที่พบเห็นต่างชื่นชมแห่อุดหนุน แม่ค้าวัย 10 ขวบ  มีชื่อเล่นว่าน้องไปร์  ด.ญ.รวิสรา คงเกื้อ  อายุ 10 ขวบ  เรียนอยู่ ชั้นประถมปีที่ 4  โรงเรียนเทศบาลบ้านคูหาสวรรค์ อ.เมือง จ.พัทลุง  น้องไปร์เล่าให้ฟังว่าตนมีพี่น้องทั้งหมด 3 คน ตัวเองเป็นคนโต หลงใหลการทำโรตีมาตั้งแต่เล็ก เพราะเป็นธุรกิจของครอบครัว เริ่มหัดทำตั้งแต่อายุ 9 ขวบ

โดยมีอา นางสาวโฉมเฉลา คงเกื้อ เป็นคนถ่ายทอดวิชาให้  เริ่มตั้งแต่คอยเป็นลูกมือหัดห่อ หัดหัน  และ วิ่งเสิร์ฟ โรตี ให้กับลูกค้า จนกระทั้งหมั่นใจว่าหลานสาวชื่นชอบและตั้งใจจริง จึงได้หัดให้หลานสาวทุบแป้งโรตี จนชำนาญ และขั้นตอนสุดท้าย คือการทอดโรตี ซึ่งมีทั้งโรตีกรอบ และโรตี ใส่ไข่ ใส่นม ใส่กล้วย  1 ปี ผ่าน  ไม่น่าเชื่อว่า หลานสาววัย 10 ขวบ จะเรียนรู้จดจำ และพัฒนาสิ่งที่ชอบ จนทำโรตีขายเองได้อย่างน่าทึ่งของผู้พบเห็น  ลูกค้าแห่อุดหนุน กันล้นหลามทุกวัน

เมื่อถามว่าโตขึ้นมา น้องไปร์ อยากจะประกอบอาชีพอะไร น้องไปร์ตอบโดยไม่ต้องคิดว่า อยากเป็นแม่ค้าโรตี เพราะตัวเองเป็นคนชอบทำโรตี เลยอยากให้ลูกค้าได้กินโรตีอร่อย ๆ มือของตน  และ อีกอาชีพหนึ่งที่ชอบคือ ครูสอนภาษาไทย  เพราะอยากให้ลูกศิษย์ได้ซึมซับภาษาไทย

สำหรับลูกค้าที่ต้องความชิมความอร่อยรสชาดฝีมือของน้องไปร์ ได้ที่ร้าน โรตีดีไซน์  บายหญิงโฉม ในตลาดเรื่องเล่ากับข้าวยามเย็น  อ.เมืองพัทลุง  โทร 0936345456

19 จังหวัด - มูลนิธิมาดามแป้ง เริ่มเปิด “ครัวมาดาม” ส่งข้าวกล่องแทนกำลังใจให้บุคลากรทางการแพทย์ 19 แห่งทั่วประเทศ

มูลนิธิมาดามแป้ง ชวนแฟนบอลไทย ส่งกำลังใจ ร่วมเปิดครัวมาดาม ปรุงอาหารจากครัวชุมชน ส่งไปยังโรงพยาบาลรัฐ โรงพยาบาลสนาม เริ่มต้น 19 แห่ง เพื่อมอบกำลังใจและตอบแทนน้ำใจแก่บุคลากรทางการแพทย์ หลังวิกฤตโควิด-19 ทวีความรุนแรงอีกครั้ง

จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่กลับมาแพร่ระบาดอย่างหนักทุกจังหวัด จนมีแนวโน้มเข้าขั้นวิกฤตระลอก 3 ของประเทศ “มูลนิธิมาดามแป้ง” โดยมาดามแป้ง นวลพรรณ ล่ำซำ ประธานกรรมการมูลนิธิ และประธานสโมสรการท่าเรือ จึงออกมาชวนแฟนบอลไทย สานต่อโครงการครัวมาดาม ที่ได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องในช่วงโควิด-19 ระบาดหนักทั้งสองครั้งที่ผ่านมา โดยครั้งนี้ ร่วมกับอาสากล้าใหม่ในชุมชนต่างๆ ทั่วประเทศออกตั้งโรงครัว ตั้งเป้าส่งข้าวกล่องให้ได้ 28,500 กล่องตลอดเดือนเมษายนนี้ โดยเริ่มต้นแล้วในโรงพยาบาลรัฐ และโรงพยาบาลสนาม 19 แห่ง ได้แก่ กรุงเทพฯ, อยุธยา, ปทุมธานี, นครปฐม, นครราชสีมา ขอนแก่น, สระแก้ว, เชียงใหม่, ภูเก็ต, สงขลา, นราธิวาส, สุพรรณบุรี, นครสวรรค์ และชลบุรี

ด้าน มาดามแป้ง นวลพรรณ ล่ำซำ ประธานกรรมการมูลนิธิมาดามแป้ง และประธานสโมสรการท่าเรือ ได้กล่าวถึงการให้ความช่วยเหลือบุคลากรทางการแพทย์ผ่านครัวมาดามว่า “แม้สถานการณ์การแพร่ระบาดในรอบนี้จะหนักหนา นับเป็นวิกฤตที่อยู่กับเราอย่างยาวนาน และสร้างความยากลำบากให้กับทุกคน โดยเฉพาะคนในวงการกีฬาหลายคนก็ได้รับผลกระทบ ครัวมาดามกลับมาเสมอในยามเกิดภัย เพื่อช่วยเหลือเยียวยาคนในสังคมตามวัตถุประสงค์ของมูลนิธิ ซึ่งต้องขอขอบคุณอาสากล้าใหม่ในชุมชนต่าง ๆ ที่ร่วมกันตั้งครัวอย่างรวดเร็ว ทำให้ครัวมาดามไปได้เร็วเท่าทันช่วงเวลาที่ยากลำบากในหน้างานทั้ง 19 แห่งทั่วประเทศ”

“สุดท้ายแล้ว ด้วยพลังความร่วมแรงร่วมใจของพวกเราคนไทย จะช่วยให้เราผ่านวิกฤตนี้ไปด้วยกัน แป้งขอเป็นหนึ่งกำลังใจเล็ก ๆ ให้กับทีมคุณหมอ พยาบาล และบุคลากรทางการแพทย์ทุกท่านที่กำลังทำงานอย่างหนักช่วยเราคนไทยให้ผ่านความยากลำบากนี้ในเร็ววันนะคะ” นางนวลพรรณ กล่าวปิดท้าย

สำหรับครัวมาดามครั้งนี้ มูลนิธิมาดามแป้ง ยังเปิดโอกาสให้พี่น้องประชาชนร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการส่งต่อกำลังใจนี้ ด้วยการร่วมบริจาคสมทบทุนข้าวกล่อง กล่องละ 50 บาท เลขบัญชี 092-2-61340-0 ธ.กสิกรไทย ชื่อบัญชี มูลนิธิมาดามแป้ง เพื่อโครงการสร้างสังคมแห่งการให้ เพื่อเติมพลังให้บุคลากรด่านหน้าทั่วประเทศ และกระจายกำลังใจนี้ออกไปให้ไกลที่สุด

นราธิวาส - ผก.ฉก.นราธิวาส รุดลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมหน่วย และมอบนโยบาย เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน ในรอบ 6 เดือนหลัง พร้อมทั้งมอบสิ่งของบำรุงขวัญกำลังพล

พลตรี ไพศาล หนูสังข์ ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 15 / ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส และคณะ ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมหน่วย และมอบนโยบาย ข้อสั่งการ เพื่อเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการปฎิบัติงานในรอบ 6 เดือนหลัง ของหน่วยในพื้นที่ จังหวัดนราธิวาส จำนวน 2 หน่วย ได้แก่ หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 10  และ ชุดควบคุมป้องกันชายแดน โดยได้รับฟังบรรยายสรุปการชี้แจงการปฎิบัติที่สำคัญที่ผ่านมา และแผนการปฏิบัติงานที่สำคัญในช่วงต่อไป พร้อมทั้งแนวความคิดการเพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานของหน่วย

โดยผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส ได้มอบนโยบาย ข้อสั่งการ สอบถามข้อขัดข้องในการปฎิบัติงาน  เน้นย้ำผู้บังคับหน่วยต้องคำนึงถึงเรื่องสวัสดิการ สิทธิกำลังพล เป็นสำคัญ โดยการปฏิบัติงานของชุดปฎิบัติการจรยุทธ์ ต้องอยู่ในความไม่ประมาท ต้องตื่นตัวอยู่เสมอ พร้อมทั้งมอบแนวทางการเฝ้าระวัง ป้องกัน การสังเกตุการณ์ และการรักษาความปลอดภัยในพื้นที่  พร้อมกำชับให้กำลังพลปฏิบัติตนตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า COVID19 อย่างเคร่งครัด  และที่สำคัญต้องห้ามยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด และสิ่งผิดกฎหมายโดยเด็ดขาด

ทั้งนี้ ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส ได้พบปะ ให้โอวาทกำลังพล โดยเน้นย้ำกำลังพล ถึงบทบาทหน้าที่ ความสำคัญ ของการเป็นทหาร ต้องเสียสละ อดทน ทำหน้าที่ของตนเองให้ดีที่สุด รักษาความปลอดภัยในพื้นที่สร้างความมั่นใจให้กับพี่น้องประชาชน โดยฝากความห่วงใยแก่กำลังพล ให้ดูแลตนเองและเฝ้าติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า COVID19 อย่างใกล้ชิด ตลอดจนมอบสิ่งของบำรุงขวัญ เพื่อเป็นกำลังใจในการปฎิบัติงานให้แก่กำลังพลต่อไป


ภาพ/ข่าว  แวดาโอ๊ะ หะไร จ.นราธิวาส


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top