Thursday, 2 May 2024
Southern

นราธิวาส - ผบ.ฉก.นราธิวาส ติดตามสถานการณ์ ดีเดย์วันสุดท้ายมาเลย์ผลักดันชาวต่างชาติออกจากประเทศ เน้นย้ำมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 อย่างเคร่งครัด

พลตรีไพศาล หนูสังข์ ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 15 / ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส เดินทางลงพื้นที่ เป็นประธานการประชุมติดตามสถานการณ์ ดีเดย์วันสุดท้าย ในการเดินทางกลับเข้ามาของคนไทยจากประเทศมาเลเซีย หลังประเทศมาเลเซียผลักดันชาวต่างชาติออกจากประเทศ  เนื่องมาจากผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโควิด 19 ภายในประเทศมาเลเซีย  โดยมี หัวหน้าส่วนราชการ ทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครอง ด่านตรวจคนเข้าเมือง และกองกำลังป้องกันชายแดน และส่วนที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมการประชุม ณ กองอำนวยการควบคุมการผ่านแดน ด่านศุลกากรสุไหงโกลก อำเภอสุไหงโกลก จังหวัดนราธิวาส

ทั้งนี้ ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส กล่าวว่า ขณะที่การดูแลแนวชายแดนไทย-มาเลเซีย ฝั่งจังหวัดนราธิวาส ได้กำชับหน่วยทหารในพื้นที เพิ่มมาตรการคุมเข้ม ลาดตระเวนเฝ้าระวังป้องกัน ตามช่องทางธรรมชาติอย่างเต็มที่ เสริมเข้มด่านตรวจจุดตรวจ เส้นทางหลักเส้นทางรอง บูรณาการการปฎิบัติงานร่วมกันทั้ง 3 ฝ่าย ระหว่างเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ และ ฝ่ายปกครอง ตลอดจน อาสาสมัครประจำถิ่น และ ผู้นำท้องที่ ผู้นำท้องถิ่น เครือข่าย อสม. ตรวจสอบ และสกัดผู้ที่แอบลักลอบเข้ามาในประเทศโดยผิดกฎหมาย  พร้อมทั้งเน้นย้ำการปฎิบัติตนของเจ้าหน้าที่ ให้อยู่ภายใต้มาตรการการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา COVID-19  อย่างเคร่งครัด จากนั้นผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส ได้เดินตรวจเยี่ยมความเรียบร้อยภายใน จุดตรวจคัดกรอง พื้นที่ Local Quarantine (LQ) รองรับการข้ามเเดนของคนไทยกลับเข้าประเทศ ด่านศุลกากรสุไหงโกลก พร้อมทั้ง มอบห่วงใย และให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ในการปฏิบัติงานต่อไป


ภาพ/ข่าว  แวดาโอ๊ะ​ หะไร​ จ.นราธิวาส

พังงา - เมื่อไหร่จะได้ใช้...ชาวเกาะพระทอง 2 หมู่บ้าน รอใช้ไฟฟ้านานมากว่า2 ปี หลังการไฟฟ้าลากเคเบิลใต้น้ำขึ้นเกาะแต่ขยายเขตปักเสาไม่ได้

ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านบนเกาะพระทอง อ.คุระบุรี ว่าหลังจากการไฟฟ้าภูมิภาคทำโครงการก่อสร้างระบบจำหน่ายด้วยสายเคเบิลใต้น้ำระบบ 33 เควี มายังเกาะพระทอง เพื่อให้ชาวบ้านและหน่วยงานราชการบนเกาะพระทองได้ใช้ประโยชน์ โดยจุดลงฝั่งแผ่นดินใหญ่อยู่ในบริเวณ ท่าเทียบเรือบ้านทุ่งละออง จุดขึ้นอยู่ที่ท่าเทียบเรือบ้านทุ่งดาบ ม.1 ต.เกาะพระทอง ซึ่งโครงการได้แล้วเสร็จเมื่อปลายปี 2561

แต่ปัจจุบันสามารถจ่ายไฟฟ้าให้ชาวบ้านในพื้นที่ ม.1 บ้านทุ่งดาบได้เพียงหมู่บ้านเดียวเท่านั้น ไม่สามารถขยายเขตปักเสาไฟฟ้าไปยัง ม.2 บ้านท่าแป๊ะโย้ยและม.4 บ้านปากจกได้ เนื่องจากติดปัญหาในเรื่องการไม่ได้รับอนุญาตให้ปักเสาไฟฟ้าในเขตป่าต่าง ๆ ได้ ทำให้ชาวบ้าน 2 หมู่บ้านต้องรอไฟฟ้าเก้อมานานกว่า 2 ปี ปัจจุบันต้องใช้ไฟปั่นและไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์  จึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการให้ชาวบ้านได้ใช้ไฟฟ้าเสียที อย่าให้รอนานอย่างนี้ ขณะที่อุปกรณ์ต่างๆและเสาไฟฟ้าถูกกองทิ้งอยู่ไว้ข้างทาง คาดว่าอุปกรณ์บางอย่างก็คงเสื่อมลงเรื่อย ๆ

นายอรรถพล มีเพียร นายก อบต.เกาะพระทอง เปิดเผยว่า ปัญหาในการขออนุญาตปักเสาพาดสายที่เกาะพระทองอยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องสรุป อย่างเช่น การทำศึกษาเกี่ยวกับเรื่องป่าสงวนแห่งชาติ และก็ทำรายงานว่าทำได้ไหม ดำเนินการได้รึเปล่า รวมไปถึงป่าอุทยานแห่งชาติ ว่าสามารถดำเนินการปักเสาได้ไหม แล้วอีกตัวนึงก็คือป่าชายเลน ทาง ทสจ.พังงาทำเสร็จไปแล้ว 2 ตัว คือป่าสงวนแห่งชาติ และป่าอุทยานแห่งชาติ ส่วนป่าชายเลน ได้สรุปเสร็จเมื่อวันที่ 9 เมษาที่ผ่านมา เมื่อดำเนินการเรียบร้อยแล้วจะส่งให้ผู้ว่าราชการจังหวัดพังงาลงนามส่งไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการต่อไป


ภาพ/ข่าว  อโนทัย งานดี

พังงา - ธารน้ำใจชาวพังงาสู้ภัยโควิด-19 ร่วมบริจาคพัดลม 64 ตัวให้โรงพยาบาลสนาม

วันที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2564 ที่ศาลากลางจังหวัดพังงา พระเทพปัญญาโมลี รองเจ้าคณะภาค 17 พร้อมด้วยน.ส.สาวดี  รักษ์ศิริ สหกรณ์จังหวัดพังงา น.ส.วรนิษฐ์ อภิรัฐจิรวงษ์ พาณิชย์จังหวัดพังงา น.ส.ปรียาภัทร์ พรหมชูแก้ว ผู้จัดการสหกรณ์การเกษตรเพื่อการตลาดลูกค้า ธ.ก.ส.พังงา จำกัด นำพัดลมทั้งขนาดใหญ่และขนาดเล็กรวม 64 ตัวและน้ำดื่ม 25 โหล มอบให้กับนายจำเริญ ทิพญพงศ์ธาดา ผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา

เพื่อนำไปใช้ประโยชน์สำหรับผู้ป่วยติดเชื้อโควิด 19 และเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานในโรงพยาบาลสนาม โรงยิมเนเซี่ยมสนามกีฬากลาง องค์การบริหารส่วนจังหวัดพังงา ซึ่งในวันพรุ่งนี้จะมีการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยที่ไม่แสดงอาการหรือมีอาการเล็กน้อยจากโรงพยาบาลตะกั่วป่าและโรงพยาบาลพังงา มาดูแลรักษาต่อที่โรงพยาบาลสนาม เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดยังพบผู้ป่วยเพิ่มทุกวัน จนทำให้ห้องผู้ป่วยในโรงพยาบาลที่เตรียมไว้ใกล้จะเต็ม และล่าสุดจังหวัดพังงามีผู้ป่วยโควิด-19ระลอกใหม่รวม29 คน


ภาพ/ข่าว  อโนทัย  งานดี

กระบี่ - รองผู้ว่ากระบี่ ลงเยี่ยมเตรียมพร้อม โรงพยาบาลสนามแห่งที่ 2 กองพันทหารราบที่ 1 กรมทหารราบที่ 2 รองรับผู้ป่วย 40 เตียง

เมื่อวันที่ 22 เมษายน 2564 เวลา 14.30 นาฬิกา นายอนุวรรตน์ โหมดพริ้ง รองผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ ลงพื้นที่โรงพยาบาลสนามแห่งที่ 2 ณ กองพันทหารราบที่ 1 กรมทหารราบที่ 15 อำเภอคลองท่อม  

พร้อมด้วยพันเอก สมบัติ สืบท้วม รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดกระบี่ ร้อยตำรวจเอกหญิง ศิริพร เนตรพุกกะนะ รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดกระบี่ ด้านสาธารณสุข และคณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อจังหวัดกระบี่ เข้าดูพื้นที่เพื่อเตรียมความพร้อมในการวางแผน

มอบหมายหน้าที่ ในการจัดตั้ง โรงพยาบาลสนามแห่งใหม่  นำหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเดินทางไปสำรวจแหล่งสมาคมกองพันทหารราบที่ 1 กรมทหารราบที่ 15 ตำบลคลองท่อมใต้ อำเภอคลองท่อม จังหวัดกระบี่ ซึ่งใช้เป็นโรงพยาบาลสนามแห่งที่ 2 ของจังหวัดกระบี่ ขนาด 40 เตียง และกองบังคับการกองร้อยอาวุธเบาที่ 2 ซึ่งใช้เป็นสถานที่เตรียมรับทหารใหม่ต้นเดือนพฤษภาคมนี้ เป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็ก 2 ชั้น จะใช้เป็นโรงพยาบาลสนามขนาดใหญ่รองรับผู้ป่วย 140 เตียง อยู่ระหว่างการขออนุมัติการใช้อาคารจากกองทัพบก

โดยรองผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ มอบหมายให้กองพันทหารราบที่ 1 กรมทหารราบที่ 1 เตรียมความพร้อมของอาคารแหล่งสมาคมดังกล่าวให้พร้อมใช้งานตลอด 24 ชั่วโมงทั้ง 7 ห้อง กั้นรั้วรวดหนาวห่างจากตัวอาคาร 50 เมตร จัดกำลังพลดูแลความปลอดภัยรอบตัวอาคาร และยานพาหนะในการสนับสนุน ให้สำนักงานโยธาธิการจังหวัด ก่อสร้างห้องน้ำและห้องสุขาเพิ่มเติมอีก 4 ห้อง พร้อมติดตั้งระบบประปา สถานที่พักตากเสื้อผ้าของผู้ป่วย และระบบน้ำเสีย ให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคสาขาคลองท่อม เช็คระบบไฟฟ้าแสงสว่างภายในและภายนอกตัวอาคาร และเสริมแสงสว่างตลอดแนวรั้วรวดหนาม

ให้บริษัทโทรคมนาคมแห่งชาติจำกัดสำนักงานกระบี่  ติดตั้งเดินสายสื่อสารพร้อมกล้องวงจรปิดภายในอาคารทั้ง 7 ห้อง และภายนอกอาคาร ให้สาธารณสุขอำเภอคลองท่อม จัดเตรียมวัสดุอุปกรณ์ในการเก็บของเสียที่ผู้ป่วยใช้ไปกำจัดเพื่อไม่ให้มีการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อ รวมถึงเครื่องไม้เครื่องมือในการแพทย์ และให้กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดกระบี่ ติดตามเรื่องการขออนุญาตใช้กองบังคับการกองร้อยอาวุธเบาที่ 2 กองพันทหารราบที่ 1 กรมทหารราบที่ 15 เป็นโรงพยาบาลขนาดใหญ่ ให้แล้วเสร็จภายใน 2 สัปดาห์ ส่วนเตียงสนามผู้ป่วยซึ่งเป็นเตียงกระดาษได้รับการสนับสนุนจากบริษัทเอสซีจีจำกัดมหาชน จำนวน 100 เตียง

ขณะนี้จังหวัดกระบี่ได้นำผู้ป่วยที่มีอาการไม่รุนแรงเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลสนาม ณ ตึกโกเมน บ้านคลองแห้ง หมู่ที่ 3 ตำบลอ่าวนาง อำเภอเมืองกระบี่ จังหวัดกระบี่ 14 คน

โดยโรงพยาบาลกระบี่ทั้งนี้จังหวัดกระบี่ตอบสนองนโยบายรัฐบาล คือต้องเร่งฟื้นฟูเศรษฐกิจของจังหวัดและของประเทศ ให้สอดคล้องกับแผนรับมือการแพร่ระบาดของโรคควบคู่ความปลอดภัยสูงสุด


ภาพ/ข่าว  มโนธรรม ใจหาญ จ.กระบี่ รายงาน

ระนอง - จับกุมขบวนการนำพาคนต่างด้าว หลบหนีเข้าเมือง

ตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เรื่องการควบคุมกำกับดูแลชาวต่างชาติที่เข้ามาพำนักอาศัยหรือเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. มอบหมายให้ สตม. ดำเนินการตรวจสอบชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในขณะที่พำนักอาศัยอยู่ในประเทศไทย กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ทำให้เกิดความ เสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศ หรือกลุ่มคนร้ายข้ามชาติ ที่เข้ามาแฝงตัวอยู่ก่อเหตุกับคนไทยหรือชาวต่างชาติ โดยใช้ ประเทศไทยเป็นฐานในการกระทำความผิด

สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง โดย พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม. พร้อมด้วย พล.ต.ต.สุเมธ เมฆขจร ผบก.ตม.6, พ.ต.อ.ไพรัช พุกเจริญ รอง ผบก.ตม.6 และ พ.ต.อ.สมชาย จิตสงบ ผกก.ตม.จว.ระนอง ร่วมกันแถลงข่าว ดังนี้

คดีจับกุมขบวนการนำพาคนต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักร เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนปราบปราม ตม.จว.ระนอง ได้รับแจ้งเบาะแสจากชาวบ้านว่าบริเวณท่าเรือบ้านทับหลี ม.4 ต.มะมุ อ.กระบุรี จว.ระนอง มีการลักลอบนำคนต่างด้าวสัญชาติเมียนมาหลบหนีเข้าเมือง โดยมีเรือรถยนต์จากประเทศเพื่อนบ้าน (เมียนมา) นำคนต่างด้าวเข้ามาส่งตามช่องทางธรรมชาติในบริเวณดังกล่าว แล้วจะมีรถยนต์เข้ามารับคนต่างด้าวไปส่งยังจุดหมายปลายทางต่อไป

ชุดสืบสวนปราบปราม ตม.จว.ระนอง สนธิกำลังกับชุดสืบสวน กก.สส.ภ.จว.ระนอง, สภ.ปากจั่น, ชปข.ร้อย ตชด.ที่ 415 และ จนท.ทหาร ชุด ร้อย ร.2521 (จุดตรวจศิลาสลัก จปร.) วางแผนออกสืบสวนหาข่าว ลาดตระเวน และเฝ้าซุ่มตรวจบริเวณช่องทางธรรมชาติตามที่แหล่งข่าวแจ้งว่ามีคนต่างด้าวใช้ลักลอบหลบหนีเข้าเมือง จนท.ชุดเฝ้าตรวจพบเห็นเรือยนต์หางยาวขับขี่มาจากฝั่งประเทศเมียนมา เข้ามาจอดเทียบท่าภายในซอยประปา ม.4 ต.มะมุ อ.กระบุรี จว.ระนอง ต่อมามีรถยนต์กระบะ ทะเบียนระนอง ขับขี่เข้ามาจอดที่ลานจอดรถบริเวณท่าเทียบเรือ แล้วพบเห็นนายอู (Oo) สัญชาติเมียนมา เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรเมื่อวันที่ 17 กันยายน 2562 ได้รับอนุญาตให้อยู่ถึงวันที่ 1 พฤศจิกายน 2562 และได้ขออยู่ต่อในราชอาณาจักรเรื่อยมา ครั้งหลังสุดได้รับอนุญาตให้อยู่ถึง 30 กันยายน 2564 (ทราบชื่อในภายหลัง) ซึ่งนั่งข้างผู้ขับขี่รถยนต์ได้ลงมาจากรถแล้วเรียกให้คนต่างด้าวที่อยู่ในเรือยนต์หางยาวมาขึ้นนั่งกระบะหลัง 4 คน และนั่งในห้องโดยสารด้านหลังคนขับ 3 คน (รวมทั้งสิ้น 7 คน) แล้วขับขี่รถยนต์มุ่งหน้ามาทางถนนเพชรเกษม จนท.ชุดเฝ้าตรวจจึงแจ้งให้ จนท.ชุดลาดตระเวนเก้าสกัดจับกุม และสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้บริเวณถนนเพชรเกษม ม.4 ต.มะมุ อ.กระบุรี จว.ระนอง และจากการตรวจสอบพบว่าผู้ขับขี่รถยนต์คันดังกล่าวชื่อนายเดชา เตาะ อายุ 45 ปี ที่อยู่ ต.หงาว อ.เมือง จว.ระนอง และพบคนต่างด้าวสัญชาติเมียนมา จำนวน 7 คน อยู่ภายในรถตามที่ชุดเฝ้าตรวจแจ้งทราบชื่อดังนี้

  1. นางเมนู (Mrs.Moe) อายุ 37 ปี สัญชาติเมียนมา เดินทางมาจาก จว.มอละแมง เมียนมา ปลายทางไปทำงานก่อสร้างกับแม่ จว.ภูเก็ต จ่ายค่านายหน้า 15,000 บาท

  2. นางเค (Mrs.Khiin) อายุ 37 ปี สัญชาติเมียนมา เดินทางมาจาก จว.ทวาย เมียนมา ปลายทางไปทำงานโรงงานขนมจีนกับลุง ที่ จว.ภูเก็ต จ่ายเงินค่านายหน้าเมื่อไปถึง

  3. นางเน (Mrs.Hnin) อายุ 32 ปี สัญชาติเมียนมา เดินทางมาจาก จว.ทะวาย เมียนมา ปลายทางไปทำงานคาแคร์กับแฟน ที่ จว.ภูเก็ต จ่ายเงินค่านายหน้าเมื่อไปถึง

  4. นางสุ (Mrs.Su) อายุ 23 ปี สัญชาติเมียนมา เดินทางมาจาก จว.ย่างกุ้ง เมียนมา ปลายทางไปทำงานกรีดยางพารากับพ่อ ที่ จว.สุราษฎร์ธานี จ่ายเงินค่านายหน้าเมื่อไปถึง

  5. นางซิน (Mrs.Zin) อายุ 27 ปี สัญชาติเมียนมา เดินทางมาจาก จว.ทะวาย เมียนมา ปลายทางทำงานร้านหมูกะทะกับแฟน จว.ภูเก็ต จ่ายค่านายหน้า 13,000 บาท

  6. นายซู (Mr.Soe) อายุ 37 ปี สัญชาติเมียนมา เดินทางมาจาก จว.ย่างกุ้ง เมียนมา ปลายทางไปทำงานกับภรรยา ที่ จว.สมุทรสาคร จ่ายค่านายหน้า 14,000 บาท 

7. นายอ่าว (Mr.Moe) อายุ 19 ปี สัญชาติเมียนมา เดินทางมาจาก จว.ทะวาย เมียนมา ปลายทางไปทำงานก่อสร้างกับพี่สาว ที่ จว.สุราษฎร์ธานี จ่ายเงินค่านายหน้า เมื่อไปถึง

 จากการตรวจสอบพบว่าคนต่างด้าวทั้ง 7 ราย ต้องการเดินทางเข้ามาทำงานที่ประเทศไทย จึงติดต่อประสานกับญาติซึ่งทำงานอยู่ในประเทศไทย และได้ชักชวนเดินทางมาทำงานด้วยกัน  โดยติดต่อกับนายตะแง  (Tharnge) นายหน้าชาวเมียนมา ที่อยู่ หมู่บ้านเอซันตา จว.เกาะสอง ประเทศเมียนมา (ตรงข้าม ต.ปากจั่น อ.กระบุรี จว.ระนอง) ให้ช่วยเหลือนำพาหลบหนีเข้ามาในประเทศไทย และนายตะแง จึงได้นำพาคนต่างด้าวทั้ง 7 ราย หลบหนีเข้ามาในประเทศไทยทางช่องทางธรรมชาติ บริเวณซอยประปา ม.4 ต.มะมุ อ.กระบุรี พร้อมว่าจ้างให้นาย (Ou) และนายเดชา มารับตัวและนำพาไปส่งยังจุดหมายปลายทาง และระหว่างเดินทางก็ถูก จนท.ชุดจับกุม เข้าสกัดจับกุมตัวไว้ได้บริเวณ ถนนเพชรเกษม (ขาขึ้น) ม.4 ต.มะมุ อ.กระบุรี จว.ระนอง พร้อมแจ้งข้อกล่าวหานายจอนายอู (Ou) และนายเดชา “ร่วมกันนำพาคนต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักรหรือกระทำการด้วยประการใดๆ อันเป็นการอุปการะหรือช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกแก่คนต่างด้าวที่เข้ามาในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมาย” และแจ้งข้อกล่าวหา นางเมนูพิว (Mrs.Moe Hnin) อายุ 37 ปี สัญชาติเมียนมา กับพวกรวม 7 คน “เป็นคนต่างด้าวเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต” นำตัวส่ง พงส.สภ.ปากจั่น อ.กระบุรี จว.ระนอง ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ทั้งนี้ ผู้ถูกจับไม่สามารถพูดอ่านภาษาไทยได้ จึงอ่านบันทึกให้ฟังผ่านล่ามแปลชื่อนายอู (Ou) อายุ 41 ปี สัญชาติเมียนมา สตม.ขอเรียนให้ท่านทราบว่า สตม. มีมาตรการในการตรวจสอบ กวดขัน และปราบปรามการกระทำความผิดในด้านต่าง ๆ รวมทั้งดำเนินการตรวจสอบชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศชาติ หากประชาชนท่านใดพบเห็นเบาะแสการกระทำความผิด กรุณาแจ้งมายัง สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เลขที่ 507 ซ.สวนพลู แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพมหานคร 10120 หรือที่หมายเลขโทรศัพท์ 1178  หรือที่ www.immigration.go.th

สงขลา - สืบ ตม.6 ร่วม ตม.สงขลา ทลายเครือข่ายลักลอบ ช่วยเหลือคนต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองเข้าเมืองฯ

ตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เรื่องการควบคุมกำกับดูแลชาวต่างชาติที่เข้ามาพำนักอาศัยหรือเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ดํารงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. มอบหมายให้ สตม. ดำเนินการตรวจสอบชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในขณะที่พำนักอาศัยอยู่ในประเทศไทย กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศ หรือกลุ่มคนร้ายข้ามชาติที่เข้ามาแฝงตัวอยู่ก่อเหตุกับคนไทยหรือชาวต่างชาติ โดยใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการกระทำความผิด 

สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง โดย พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม. พร้อมด้วย พล.ต.ต.สุเมธ เมฆขจร ผบก.ตม.6, พ.ต.อ.ศุภชัชจ์ เปี่ยมมนัส รอง ผบก.ตม.6, พ.ต.อ.ภาณุภาคยณ์ จิตต์ประยูรตี รอง ผบก.ตม.6 และ พ.ต.อ.ภคยศ ทนงศักดิ์ ผกก.สส.บก.ตม.6 ร่วมแถลงข่าวจับกุมคดีคนต่างชาติกระทำความผิดรายสำคัญ และคดีที่น่าสนใจ ดังนี้ สืบ ตม.6 ร่วม ตม.สงขลา ทลายเครือข่ายลักลอบ ช่วยเหลือคนต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง รายสำคัญ

เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจได้ร่วมกันจับกุมนายณรงค์ อายุ 40 ปี โดยกล่าวหาว่า “ให้ที่พักพิง ซ่อนเร้น หรือให้การช่วยเหลือประการใด ๆ แก่คนต่างด้าวที่เดินทางเข้ามาผิดกฎหมาย เพื่อให้พ้นจากการจับกุมของพนักงานเจ้าหน้าที่” พร้อมรถตู้ที่ใช้กระทำความผิดทะเบียนกรุงเทพมหานคร นำส่ง พนักงานสอบสวน สภ.หาดใหญ่ ดำเนินคดีตามกฎหมาย ต่อมาจากการสืบสวนขยายผล และรวบรวมพยานหลักฐานทราบว่า นายณรงค์ได้รับการว่าจ้างจากนายโยฮัน หรือบังโย นำรถตู้ของกลางช่วยเหลือรับคนต่างด้าวสัญชาติเวียดนาม จำนวน 3 คน ไปพักไว้ที่รีสอร์ตแห่งหนึ่งใน อ.หาดใหญ่ จว.สงขลา จากนั้นนายประมวลได้มารับคนต่างด้าวสัญชาติเวียดนามจำนวน 2 คน จากรีสอร์ตดังกล่าวไปส่งยัง ท่าอากาศยานหาดใหญ่ โดยมีนายห่อง (HONG) อายุ 30 ปี และนายเหงียน (Mr.NGUYEN) อายุ 33 ปี ชาวเวียดนาม มารอรับที่สนามบินเพื่อช่วยเหลือให้เดินทางจากท่าอากาศยานหาดใหญ่ ไปยัง ท่าอากาศยานอุดรธานี 

ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ร่วมกันทำการจับกุมนายห่อม (Mr.HONG) อายุ 30 ปี สัญชาติเวียดนาม พร้อมคนต่างด้าวสัญชาติเวียดนามอีกจำนวน 15 คน โดยแจ้งข้อกล่าวหาชาวเวียดนามจำนวน 15 คน ว่ากระทำความผิดฐาน “เป็นคนต่างด้าวเดินทางเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต” ส่วนนายห่อม ถูกจับกุมในความผิดฐาน “ให้ที่พักพิง ซ่อนเร้น ช่วยเหลือหรือช่วยด้วยประการใด ๆ เพื่อให้คนต่างด้าวที่เข้าเมืองมาโดยผิดกฎหมายพ้นจากการจับกุม” ควบคุมตัวส่ง พงส.สภ.คลองหอยโข่งเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย ซึ่งในชั้นจับกุมนายห่อม รับว่าเมื่อวันที่ 16 พ.ย.2563 ได้ร่วมกับนายเหงียน (MR.NGUYEN) สัญชาติเวียดนาม เป็นผู้ช่วยเหลือนำพาคนต่างด้าวสัญชาติเวียดนามจำนวน 2 คน เดินทางจาก ท่าอากาศยานหาดใหญ่ ไปยัง ท่าอากาศยานอุดรธานี 

จากนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจ ตม.จว.สงขลา ร่วมกับ กก.สส.บก.ตม.6, สภ.หาดใหญ่ ร่วมกันจับกุม นายนิพล อายุ 54  ปี สัญชาติไทย โดยกล่าวหาว่า “ให้ที่พักพิง ให้การช่วยเหลือ หรือช่วยด้วยประการใด ๆ แก่คนต่างด้าวที่เข้าเมืองมาโดยผิดกฎหมายเพื่อให้พ้นจากการจับกุมพนักงานและความผิดตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อฯ, พรก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินฯ” พร้อมของกลางรถตู้ทะเบียนบุรีรัมย์ โดยมีคนต่างด้าวชาวเวียดนาม 14 คน (หลบหนีเข้าเมือง) ควบคุมตัวพร้อมของกลางส่ง พงส.สภ.หาดใหญ่ ดำเนินคดีตามกฎหมาย ในชั้นจับกุมนายนิพนธ์ฯให้การว่า ได้รับการว่าจ้างจากนายโยฮัน คณะทำงานสืบสวนปราบปรามฯ จึงได้ทำการสืบสวนและรวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติศาลจังหวัดสงขลาออกหมายจับ นายโยฮัน พร้อมพวกรวม 4 คน ในความผิดฐาน “ให้ที่พักพิง ซ่อนเร้น ช่วยเหลือ หรือช่วยด้วยประการใด ๆ เพื่อให้คนต่างด้าวที่เข้าเมืองมาโดยผิดกฎหมายพ้นจากการจับกุม”

กก.สส.บก.ตม.6 ได้สืบทราบว่าจะมีการรับจ้างส่งคนต่างด้าวจากพื้นที่ กทม.มายังภาคใต้โดยใช้รถยนต์ส่วนตัว จึงได้วางแผนในการสกัดกั้นจับกุมโดยประสานการปฏิบัติกับ ตม.จว.สงขลา และ ส.ทล.3 กก.7 บก.ทล. (ตำรวจทางหลวงรัตภูมิ) ได้มีรถยนต์ทะเบียนกรุงเทพมหานคร ขับมาถึงบริเวณจุดกลับรถก่อนถึงหน่วยบริการประชาชนตำรวจทางหลวงรัตภูมิ ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ตั้งจุดสกัดเพื่อตรวจสอบยานพาหนะ ปรากฏว่ารถคันดังกล่าวได้กลับรถหลบหนีการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ จึงมีการไล่ติดตามจนจับกุมได้บริเวณริมถนนเพชรเกษมช่วง กม.1021-1022 ต.กำแพงเพชร อ.รัตภูมิ จว.สงขลา จากการตรวจสอบภายในรถพบนายประมวล เป็นผู้ขับขี่, น.ส.แสงจันทร์ นั่งโดยสารอยู่ตอนหลังของรถ (ฉายาในวงการ “พ่อใหญ่-แม่ใหญ่”), MR.XIAO ชาวจีนไม่มีหนังสือเดินทาง นั่งอยู่ที่นั่งตอนหน้าข้างคนขับ (ตรวจสอบจากระบบ BIOMETRICS ไม่พบข้อมูลการเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรอย่างถูกต้อง) จึงได้แจ้งข้อกล่าวหาว่า “ร่วมกันให้ที่พักพิง ซ่อนเร้น หรือช่วยด้วยประการใด ๆ เพื่อให้คนต่างด้าวที่เข้าเมืองโดยผิดกฎหมายพ้นจากการจับกุม” และ “คนต่างด้าวเดินทางเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต” และยังพบว่านายประมวลฯ เป็นบุคคลตามหมายจับศาลจังหวัดสงขลาที่ 109/2564 ในความผิดฐาน ร่วมกันให้ที่พักพิง ซ่อนเร้น ช่วยเหลือหรือช่วยด้วยประการใด ๆ ซึ่งเมื่อวันที่ 16 พ.ย.2563 ดังกล่าวข้างต้น และรถยนต์ คันก่อเหตุ เป็นรถคันเดียวกันกับที่ใช้รับชาวเวียดนาม 2 คน ไปส่งยังท่าอากาศยานหาดใหญ่ในวันดังกล่าว และในส่วนของ น.ส.แสงจันทร์ หรือแม่ใหญ่ เป็นภรรยาของนายประมวล ซึ่งเจ้าหน้าที่ตรวจสอบข้อมูลพบว่ามีความเชื่อมโยงโดยเป็นผู้ติดต่อประสานงานกับขบวนการลักลอบขนแรงงานต่างด้าว เครือข่าย “โซติแอล” นายหน้านำพาคนต่างด้าวชาวกัมพูชาที่อยู่ระหว่างการหลบหนี

เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ตม.จว.สงขลา ร่วมกับ กก.สส.บก.ตม.6, ได้ร่วมกันจับกุมตัว นายห่อม อายุ 31 ปี สัญชาติเวียดนาม ตามหมายจับศาลจังหวัดสงขลาที่ 110/2564 ลง 5 เม.ย.2564 ควบคุมตัวส่ง สภ.หาดใหญ่ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย

เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ตม.จว.สงขลา, กก.สส.บก.ตม.6 ร่วมกับ กก.สส.ภ.จว.ปัตตานี ได้ร่วมกันรับมอบตัว นาย โยฮัน สัญชาติไทย ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดสงขลาที่ จ.108/2564 ลง 5 เม.ย.64 เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้ควบคุมตัวส่ง พงส.สภ.หาดใหญ่ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย ส่วนนายเหงียน (MR.NGUYEN) สัญชาติเวียดนาม อยู่ในระหว่างการหลบหนี ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังดำเนินการสืบสวนติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดีต่อไป 

สตม. ขอเรียนให้ท่านทราบว่า สตม. มีมาตรการในการตรวจสอบ กวดขัน และปราบปรามการกระทำความผิดในด้านต่าง ๆ รวมทั้งดำเนินการตรวจสอบชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตทรัพย์สินของประชาชน ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศชาติ

หากประชาชนท่านใดพบเห็นเบาะแสการกระทำความผิด กรุณาแจ้งมายัง สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เลขที่ 507 ซ.สวนพลู แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพมหานคร 10120 หรือที่หมายเลขโทรศัพท์ 1178 หรือที่ www.immigration.go.th จะขอบพระคุณอย่างยิ่ง

สตูล - เจ้าท่าสตูลเปิดศึกสู้โควิด- 19 กระจ่ายรถฉีดพ่นฆ่าเชื้อตามท่าเรือ เรือโดยสาร จุดรับส่งเรือข้ามฝาก หวั่นโควิดระบาดกระจ่ายวงกว้าง ยอดสถิติในสตูลเริ่มขึ้น

นายหิรัญวัตติ์  สืบกระพันธ์ ผอ.สำนักงานเจ้าท่าสตูล เปิดยุทธ์ศาตร์ปฏิบัติการร่วมกับพ.ต.อ.จตุรวิทย์  คชน่วม ผกก.9 บก.รน. ,พ.ต.ท.ศิโรดม สนุ่นดี สว.ส.รน.3 กก.9 บก.รน. ,และ เจ้าหน้าที่สาธารณสุขจังหวัดสตูล, กำลังจิตอาสาตำรวจน้ำสตูล และศรชล.จังหวัดสตูล,ตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดสตูล นำกำลังคน พร้อมรถยนต์กระบะบรรทุกน้ำยาฆ่าเชื้อแบบหัวฉีด ลงฉีดพ่นสำนักงานราชาการ และบริเวณท่าเรือจุดที่ประชาชนใช้ในการรอเรือ จุดขึ้นลงท่าเรือ ทั้งบริเวณท่าเทียบเรือตำมะลัง ท่าเรือแพปลาจุดขึ้นลงเรือกลุ่มผู้โดยสารข้ามฟาก สกัดกั้นการแพร่ระบาดเชื้อโรคโควิด- 19

โดยเน้นย้ำจุดท่าลงเรือไปยังหมู่บ้านตำมะลังเหนือ ตำมะลังใต้ อยู่ในพื้นที่ตำบลตำมะลัง อำเภอเมือง จังหวัดสตูล ซึ่งเป็นพื้นที่พบผู้ป่วยติดโควิด- 19 จากลูกชายติดแพร่เชื้อสู่แม่ ขณะนี้ส่งตัวรักษาที่โรงพยาบาลสนามแล้ว

นายหิรัญวัตติ์  สืบกระพันธ์  ผอ.สำนักงานเจ้าท่าสตูล กล่าวว่า การฉีดพ่นในครั้งนี้เป็นการฉีดพ่นฆ่าเชื้อโรคจุดสำคัญ ท่าเรือต่าง ๆ ในความดูแล ตอนนี้ฉีดพ่นทุกวัน รวมแล้วเกือบ 10 แห่งในจังหวัดสตูล รวมทั้งบริเวณท่าเทียบเรือปากบาราสถานที่รองรับนักท่องเที่ยวลงตามเกาะแก่งต่าง ๆ และมีแผนที่จะลงฉีดท่เรือที่บริเวณเกาะหลีเป๊ะเช่นกันสำหรับจังหวัดสตูลตอนนี้มียอดติดโควิด- 19 แล้ว 4 ราย


ภาพ/ข่าว  นิตยา แสงมณี / ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดสตูล

พัทลุง - เหล่ากาชาดจังหวัดพัทลุง และ YEC พัทลุง มอบชุดอุปโภค บริโภค ให้แก่ผู้ป่วยที่ติดเชื้อไวรัส โควิด-19 หลังมีผู้ป่วยเพิ่มอีก 14 ราย สะสม 83 ราย

วันนี้ 23 เมษายน 2564 เวลา 13.30 น. ณ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดพัทลุง นายกู้เกียรติ วงศ์กระพันธุ์ เป็นประธานมอบชุดอุปโภค บริโภค โดยมีนางมะลิ วงศ์กระพันธุ์ นายกเหล่ากาชาดได้นำสมาชิกเหล่ากาชาด และ YEC พัทลุง มอบถุงยังชีพและชุดอุปโภค บริโภค ให้แก่นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดพัทลุง เพื่อนำไปมอบให้โรงพยาบาลศูนย์น้ำใจคนเมืองลุง(โรงพยาบาลสนาม) ที่จัดตั้งขึ้น ณ สำนักส่งเสริมการบริการวิชาการและภูมิปัญญาชุมชน ต.พนางตุง อ.ควนขนุน จ.พัทลุง เพื่อแจกให้แก่ผู้ป่วยที่ติดเชื้อไวรัสโควิด-19

ล่าสุดพื้นที่จังหวัดพัทลุงพบผู้ป่วยวันนี้เพิ่มจำนวนอีก 14 ราย และมีผู้ป่วยสะสมระลอกใหม่ประจำเดือน เมษายน 2564 จำนวน 83 ราย และผู้ป่วยที่รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลสนาม จำนวน 12 ราย

กระบี่ - ระดมเร่งฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อในพื้นที่เสี่ยง เขตเทศบาลตำบลปลายพระยา จ.กระบี่

นายสมศักดิ์ กิตติธรกุลนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดกระบี่ สั่งการ ให้ ชุดเฉพาะกิจ covid19 องค์การบริหารส่วนจังหวัดกระบี่ โดยกองป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยองค์การบริหารส่วนจังหวัดกระบี่ ได้ออกทำการฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อ ตามสถานที่ราชการ และชุมชน  ในเขตเทศบาลเขตเทศบาลตำบลปลายพระยา อ.ปลายพระยา จ.กระบี่  หลังพบผู้ป่วยยืนยัน ติดเชื้อระลอกใหม่เพิ่มอีก 4 ราย ทำให้ติดผู้ติดเชื้อระลอกใหม่ เพิ่มเป็น 53 ราย จากเดิม 49 ราย โดย 4 รายล่าสุด เป็นบุคคลในครอบครัว  พ่อ แม่ และลูก 2 คน วัย 1 ขวบ และ 3 ขวบ  คาดว่าได้รับเชื้อจากญาติที่เดินทางมาจากต่างจังหวัด มาเยี่ยมที่บ้าน เมื่อช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่ผ่านมา  ขณะนี้จนท.ได้ทำการสอบสวนโรคพบผู้สัมผัสเสี่ยงสูง  22 คน เบื้องต้นทางอำเภอปลายพระยาได้ ส่งไปกักตัวเป็นเวลา 14 วันแล้ว

ขณะที่ อบต.อ่าวนาง ร่วมกับ ชมรมธุรกิจท่องเที่ยวเกาะพีพี กลุ่มพิทักษ์เกาะพีพี และผู้ประกอบการโรงแรม ได้ระดม กำลังจนท. และอาสาสมัคร ฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อไวรัสโควิด19  ตามโรงแรม  สถานที่ราชการ และย่านชุมชน ในเกาะพีพี ม.7  ต.อ่าวนาง อ.เมืองกระบี่   เพื่อสร้างความั่นใจประชาชน และนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาท่องเที่ยวในเกาะพีพี จังหวัดกระบี่  ทั้งนี้ ทางผู้ประกอบการ บนเกาะพีพียืนยันว่า ในพื้นที่เกาะพีพี ยังไม่มีการปิดเกาะ สามารถเดินทางไปท่องเที่ยวได้  โดยมีเรือโดยสารวิ่งให้บริการทุกวัน

การระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ครั้งนี้ รุนแรงกว่า และแพร่เชื้อง่ายกว่าครั้งที่ผ่านมามาก ซึ่งวันนี้จะมีการหารือคณะกรรมการโรคติดต่อเพื่อยกระดับมาตรการป้องกันให้เข้มข้นมากขึ้น และขอให้ทุกคน อย่าประมาทป้องกันตนเองสวมหน้ากากอนามัยเวลาออกจากบ้าน ล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์ เว้นระยะห่าง   และปฏิบัติตามประกาศของคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดกระบี่ ฉบับที่ 7/2564  อย่างเคร่งครัด  เช่น  ผู้ที่มาจากพื้นที่สีแดง กรณีเป็นคนกระบี่มีบ้านที่จ.กระบี่ ต้องลง QT14 รายงานตัวกับเจ้าหน้าที่และกักต14 วันที่หรือตามระยะเวลาที่พำนักไม่ถึง14 วัน เช่นกลับมา 3 วันแล้วกลับไปพื้นที่สีแดงก็กัก3 วันแล้วเดินทางออกจากจังหวัดไปเลย  การเข้าไปในชุมชนให้แจ้งอสม.หรือผู้ใหญ่บ้าน ถ้าเข้าพักที่โรงแรมแจ้งโรงแรม ทุกคนที่เดินทางเข้าจังหวัดจะต้องลงทะเบียนในระบบQT14  ทั้งนักท่องเที่ยวและประชาชนชาวกระบี่ ยกเว้นผู้ที่มีใบรับรองการฉีดวัคซีนครบ 2 เข็ม หรือ มีใบรับรองผลตรวจโควิดแบบ Swab เป็นลบ ภายในระยะเวลาไม่เกิน 72 ชั่วโมง ในวันเดินทางมาถึง


ภาพ/ข่าว  ณัฏฐพงษ์ ศรีปล้อง

นราธิวาส – ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 48 เดินทางตรวจเยี่ยมกำลังพล ที่ปฏิบัติหน้าที่เฝ้าป้องกันชายแดนไทย-มาเลเซีย ที่ชายแดนอำเภอสุไหงโก-ลก

พันเอกเอกพล เลขนอก ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 48  เดินทางไปตรวจเยี่ยม พบปะ พูดคุย และให้กำลังใจ พร้อมสอบถามปัญหาข้อขัดข้องเกี่ยวกับความเป็นอยู่ของกำลังพล ร้อย.ทพ.4802 ฉก.ทพ.48 ซึ่งสนับสนุน ฉก.นราธิวาส 30 ขึ้นควบคุมยุทธการกับ ร้อยป้องกันชายแดนที่ 3 ทำการลาดตระเวนเฝ้าตรวจและควบคุมจุดท่าข้ามต่าง ๆ ในพื้นที่เพื่อแสดงกำลัง กดดัน และสกัดกั้นการลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย ทั้งแรงงานต่างด้าวและคนไทยที่เดินทางมาจากฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน ตามช่องทางธรรมชาติ

พร้อมกับชี้แจงข้อมูลข่าวสาร และประชาสัมพันธ์ ให้คำแนะนำการป้องกันและควบคุมโรคไววัส โควิด-19  พร้อมแจ้งเตือน ข่าวความเคลื่อนไหวของกลุ่ม ผู้ก่อการร้ายที่หลบหนีเข้ามาในห่วงที่ประเทศมาเลเชียผลักดันแรงงานต่างชาติออกนอกประเทศจากกรณีที่ทางการมาเลเซีย ขีดเส้นตายให้ชาวต่างชาติที่อยู่ในประเทศมาเลเซีย ที่ขาดวีซ่าหรืออยู่แบบผิดกฎหมาย ต้องเดินทางออกจากประเทศมาเลเซียให้หมด เนื่องจากเป็นมาตรการการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19  ของประเทศมาเลเซีย ณ. บ.ตือระ ม.2 ต.ปาเสมัส อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส บริเวณพิกัด RG 30692 68168  ผลการปฏิบัติ เป็นด้วยความเรียบร้อย


ภาพ/ข่าว  แวดาโอ๊ะ หะไร  จ.นราธิวาส


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top