Friday, 17 May 2024
Southern

ยะลา - เคอร์ฟิววันแรก เมืองเบตงเงียบสงัดทั้งเมือง มีเพียงเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครอง กู้ภัย ที่ยังคงปฏิบัติหน้าที่รักษาความสงบ

เมื่อวันที่ 1 พ.ค.64 เวลา 21.00 น. ที่บริเวณหอนาฬิกาเทศบาลเมืองเบตง อ.เบตง จ.ยะลา นายเอก ยังอภัย ณ สงขลา นายอำเภอเบตง ได้เป็นประธานปล่อยแถว เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เบตง, นปพ.ยะลา32, ตชด.445, ฉก.ตชด.445, ทหาร ชุดป้องกันชายแดนที่4, ฝ่ายปกครอง และกู้ภัยในพื้นที่อำเภอเบตง จำนวน 200 นาย เพื่อดูแลรักษาความสงบในห้วงเวลาเคอร์ฟิว และเป็นการทำตามนโยบายผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา ที่ประกาศ ห้ามประชาชนออกนอกเคหสถาน ตั้งแต่เวลา 22.00 น.-04.00 น. เพื่อเป็นมาตรการยกระดับการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 COVID-19  โดยเริ่มจากวันนี้เป็นวันแรกจนถึงวันที่ 18 พ.ค.64 ผู้ที่ฝ่าฝืนนั้น ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะดำเนินการตามกระบวนการทางกฎหมายอย่างเคร่งครัด โดยมีพ.ต.อ.เอกชัย พราหมณกุล ผกก.สภ.เบตง หัวหน้าหน่วยกำลังในพื้นที่เข้าร่วม

ทั้งนี้เมื่อถึงเวลา 22.00 น. นายอำเภอเบตงพร้อมเจ้าหน้าที่ได้เวียนไปตรวจดูตามถนนหนทาง สถานที่ร้านค้าต่างๆ ภายในเขตเทศบาลเมือง พบว่า ตามถนนหนทางภายในเขตเทศบาลเงียบสงัด ไม่มีประชาชน ออกมาพลุกพล่านเหมือนทุกคืนที่ผ่านมา มีเพียงเจ้าหน้าที่ซึ่งปฏิบัติหน้าที่ตามจุดต่าง ๆ เท่านั้น ส่วนตามร้านสะดวกซื้อก็ปิดบริการหมดแล้วตั้งแต่เวลา 21.00 น. เพราะทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ และหน่วยงานต่าง ๆ ได้ทำการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชน และร้านค้าต่าง ๆ ทราบมาก่อนหน้านี้แล้ว


ภาพ/ข่าว ธานินทร์ โพธิทัพพะ / ปื้ดเบตง  

ตาก - ผู้ประกอบการนำเข้าข้าวโพดเดือดร้อน วอนด่านตรวจพืชแม่สอดหาทางออก หลังมาตรการพบมอดเพียงตัวเดียว ต้องนำข้าวโพดกลับไปฝั่งเมียนมาใหม่ เสียค่าใช้จ่ายบานปลายมากถึง 20,000 บาทต่อ 1 พ่วง

เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม  2564 ตัวแทนผู้ประกอบการนำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์จากประเทศเมียนมาด้านจังหวัดเมียวดี ตรงข้าม อ.แม่สอด จ.ตาก ได้ไปยื่นหนังสือต่อหัวหน้าด่านตรวจพืช อ.แม่สอด จ.ตาก ทั้งนี้เพื่อขอผ่อนปรนการตรวจ หรือ วิธีการอื่น ๆ จากกรณีที่ ทางกรมวิชาการเกษตร มีหนังสือลงวันที่ 29 มีนาคม 2564 ให้การนำเข้าข้าวโพดจากต่างประเทศ (สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา) เข้ามาในราชอาณาจักรไทยมีข้อกำหนดของกรมวิชาการเกษตรว่า ห้ามมีตัวมอด และศัตรูพืชเข้ามาในราชอาณาจักรไทย ถ้ามีต้องมีวิธีกำจัดคือ ตีกลับประเทศต้นทาง ต้องผ่านการอบตัวมอดจากบริษัทที่ผ่านการได้รับอนุญาตของกรมวิชาการเกษตร ซึ่งมี 6 บริษัท และทำลายทิ้ง แต่เนื่องจากบริษัทที่กำหนดไว้ไม่มีสาขา และพนักงานในพื้นที่ อ.แม่สอด

ขณะที่ยาที่กำจัดมอด และศัตรูพืชที่ชื่อว่า เมบรอม 100 (Mebromm 100 ) ที่กรมวิชาการเกษตรอนุมัติให้ใช้นั้นไม่มี   โดยไม่มีจำหน่ายในพื้นที่อำเภอแม่สอด ทำให้ผู้ประกอบการไม่สามารถปฏิบัติตามปรพกาศของกรมวิชาการเกษตรได้ และทางเจ้าหน้าที่ด่านตรวจตรวจพืช ไม่มีทางออกอื่นให้ ส้งผลให้ผู้ประกอบการได้รับความเดือดร้อน ต้องเสียค่าใช้จ่ายซ้ำซ้อนมากถึง 20,000 บาทต่อ 1 พ่วง และยังต้องเผชิญปัญหากับเหตุการณ์ไม่สงบ และปัญหาการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 อีกด้วย และเมื่อปีที่ผ่านมาไม่มีข้อกำหนดดังกล่าว การยื่นหนังสือนี้จึงขอผ่อนปรนจากกรมวิชาการเกษตรเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของผู้ประกอบการนำเข้าข้าวโพด

ด้านเจ้าหน้าที่ด่านตรวจพืช แจ้งกับกลุ่มผู้ประกอบการที่ไปยื่นหนังสือว่า จะนำเรื่องนี้ รายงานไปยังกรมวิชาการเกษตร เพราะเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ไม่มีอำนาจใด ๆ นอกจากการปฏิบัติหน้าตามข้อกำหนดของกรมวิชาการเกษตร แต่ได้แนะนำให้รวมตัวกัน พร้อมกับชิปปิ้ง เพื่อหาทางออกร่วมกัน

ทางผู้ประกอบการแจ้งว่า ได้รับความเดือดร้อนมาก เนื่องจากการเข้มงวดตรวจรถบรรทุกข้าวโพดที่บริเวณด่านพรมแดนไทย-เมียนมา 2 ของเจ้าหน้าที่ หากพบมอดเพียงตัวเดียวก็ไม่ผ่าน นอกจากนี้ทางผู้ประกอบได้รวมตัวกัน เพื่อหาทางออก โดยจะขอให้บริษัทที่ทางกรมวิชาการเกษตรกำหนดไว้ให้ผู้ประกอบการต้องนำข้าวโพดผ่านการอบตัวมอด จาก 6 บริษัท ก็ไม่ยอมไปบริการถึงพื้นที่ หลังจากมีการร้องขอจากผู้ประกอบการ เนื่องจากปัญหาการระบาดของโรคไวรัสโควิด-19 ยิ่งทำให้ผู้ประกอบการไม่มีทางออกใด นอกจากการขอผ่อนปรนเท่านั้น

 

ตราด – ข้าวกล่องออนไลน์สุดฮอต !! ช่วงโควิด ข้าวคลุกน้ำพริกกะปิปลาทู ทำยอดขายพุ่ง

ร้านขายอาหารออนไลน์ เป็นอีกหนึ่งทางเลือกช่วงโควิด ไม่ว่าจะเป็นโควิดละลอก 1 -2 หรือ ละลอก 3 อาหารออนไลน์ก็ยังเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดของคน พิษโควิดทำร้านค้า ร้านอาหารหลายร้านต้องปิดตัวลง แต่ร้าน น้องแม็ก อิ่มอร่อย ที่เป็นธุรกิจครอบครัว ทำกันมาตั้งแต่ช่วงโควิดรอบแรก ยอดขายยังคงไม่ตก กลับพุ่งสูงขึ้นเท่าตัว โดยเฉพาะรอบนี้ ทำให้คนไม่กล้าออกจากบ้านนั่งกินอาหารที่ร้าน หันมาสั่งข้าวออนไลน์กันเป็นจำนวนมาก

นางสาวนุชนาฎ รังสิวัฒนศักดิ์ เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ตนเองและครอบครัวทำอาหารขายออนไลน์อยู่กับบ้าน ในพื้นที่ ต.หนองเสม็ด อ.เมืองตราด โดยมีอาหารกล่องหลากหลาย มีลูกค้าประจำที่สั่งทานกันเรื่อยมา ตั้งแต่โควิดรอบแรก จนมาถึงโควิดรอบนี้ ลูกค้าประจำก็ยังสั่งข้าวกล่องทานกันอย่างต่อเนื่อง ลูกค้าที่เข้ามาใหม่ๆก็เยอะ ข้าวกล่องที่ร้านขายหลากหลายตามออเดอร์ที่ลูกค้าสั่ง แต่ที่ขายดีและเป็นที่ถูกอกถูกใจลูกก็จะเป็นข้าวคลุกกะปิ ที่ใส่เครื่องแบบแน่นๆ ขายกล่องละ 30-40 บาท และอีกอย่างหนึ่งที่ลูกค้าสั่งทานมากที่สุดก็คือข้าวคลุกน้ำพริกกะปิปลาทู ขายกล่องละ 40-50 บาท นางสาวนุชนาฎยังบอกอีกว่า ทางร้านได้เข้าร่วมโครงการของรัฐ เราชนะ และร่วมกับฟู๊ตแพนด้า โดยลูกค้าสามารถสั่งผ่านฟู๊ตฯได้เช่นเดียวกัน สำหรับโควิด 19 รอบนี้ ทำให้ยอดขายพุ่งเท่าตัว ซึ่งดูได้จากไข่ไก่ เมื่อก่อนจะใช้วันละไม่เกิน 5 แผง หลังจากโควิด ระบาดหนัก ๆ ลูกค้าสั่งกลับไปทานที่บ้าน ยอดขายเพิ่มขึ้น ตอนนี้ใช้ไข่ไก่วันละ 10 แผง นางสาวนุชนาฎยังฝากขอบคุณลูกค้าทุกท่านที่ยังอุดหนุนร้านน้องแม็ก อิ่มอร่อย กันมาตลอด และทางร้านจะทำให้ดีที่สุดเช่นเดียวกัน


ภาพ/ข่าว  ณัฐวุฒิ สวัสดิ์วารี 

สงขลา – เจ้าอาวาสวัดเลียบ ขึ้นป้ายรณรงค์ให้ประชาชนสวมใส่หน้ากากอนามัยเป็นภาษาใต้ ขู่ทีเล่นทีจริง ใครไม่ปฏิบัติจะส่งผีไปหลอกที่บ้าน

ที่ จ.สงขลา ท่ามกลางวิกฤติโควิด-19 ซึ่ง จ.สงขลารอบนี้มีผู้ติดเชื้อติดอันดับท๊อปเท็นของประเทศตัวเลขผู้ป่วยล่าสุดอยู่ที่ 691 คนแล้วแต่ท่ามกลางโควิดและความเครียดความกลัวของประชาชนก็ยังพอมีสีสันให้ยิ้มได้บ้าง

โดยเฉพาะที่วัดเลียบ ใน อ.เมืองสงขลา พระครูนพกิจโกศล เจ้าอาวาสวัดเลียบ อ.เมือง จ.สงขลา เจ้าตำรับภาษาใต้ทองแดงวัดเดียวของ จ.สงขลา ที่มักจะเขียนป้ายประชาสัมพันธ์ต่าง ๆ ของวัดเป็นภาษาใต้แท้ ๆ

ล่าสุดก็ได้ขึ้นป้ายบนกำแพงหน้าวัดรณรงค์ป้องกันโควิดให้ประชาชนสวมใส่หน้ากากอนามัยเป็นภาษาใต้ว่า”ใสหน้ากาก นั่งหาง ล้างมือ กันทุกคนน๊ะโยม ใครไม่ปฏิบัติตาม ส่งผีไปหลอกที่เรือน” ซึ่งคำว่าใสหน้ากาก ก็คือใส่หน้ากาก นั่งหางคือนั่งห่าง  ส่วนส่งผีไปหลอกที่เรือนก็หมายถึงส่งผีไปหลอกที่บ้าน

ทำให้ญาติโยมที่มาทำบุญที่วัดรวมทั้งผู้คนที่ขับรถผ่านไปมาเมื่ออ่านแล้วก็เข้าใจได้ทันทีและต่างก็อมยิ้ม โดยเฉพาะหากใครไม่ปฏิบัติตามจะส่งผีไปหลอกที่เรือนนั้นก็เป็นกุสโลบายทีเล่นทีจริงที่หยอกให้ญาติโยมได้กลัวและต้องสวมใส่หน้ากากอนามัยกันทุกคน


ภาพ/ข่าว  นายปรีชา สถิตย์เรืองศักดิ์

ยะลา – เบตง เพิ่มความเข้มหวั่นคนไทยลักลอบเข้าเมืองก่อนเทศกาล ‘ฮารีราย’ นำไวรัสโควิดสายพันธุ์ใหม่ แอฟริกาใต้ เข้าตามแนวชายแดน

นายอำเภอเบตงสั่งวางกำลัง บูรณาการหลายฝ่าย สกัดกั้น โควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ แอฟริกาใต้ หลังมาเลเซียพบยอดติดสูง  บูรณาการร่วมหน่วยกำลังตรวจเข้มช่องทางธรรมชาติ ด้านชายแดนอำเภอเบตง จังหวัดยะลา หวั่นลักลอบเข้าเมืองก่อนเทศกาลฮารีรายอในวันที่ 13 พฤษภาคมนี้

วันที่ 4 พ.ค. 64 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายเอก ยังอภัย ณ สงขลา ได้ออกคำสั่งให้ทุกฝ่าย ทหารชุดเฝ้าตรวจชายแดนที่ 4  ตำรวจ สภ.เบตง  ฝ่ายปกครอง ตรวจคนเข้าเมือง  ตชด.445 ชุดเฝ้าตรวจ 4405 และ 4406  กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน วางมาตรการ จัดกำลังวางแผน บูรณาการร่วมออกลาดตระเวน เฝ้าระวังหมู่บ้านติดชายแดนมาเลเซียเพื่อป้องกัน กลุ่มคนไทยที่ทำงานในประเทศมาเลเซียที่ยังหลบซ่อนตัวอยู่ตามแนวชายแดนลักลอบเข้ามาแบบผิดกฎหมาย ตามช่องทางธรรมชาติ รอยต่อประเทศมาเลเซีย ในช่วงก่อนเทศกาล‘ฮารีราย’ ในวันที่ 13 พฤษภาคมนี้ ทังนี้เพื่อป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) สายพันธุ์ใหม่คือสายพันธุ์ แอฟริกาใต้ โดยเจ้าหน้าที่ได้เพิ่มความเข้มงวด ความถี่ ขึ้นกว่าเดิม ขณะที่ในเขตเทศบาลเมืองเบตงเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เบตงได้ออกประกาศขอความร่วมมือประชาชนงดออกภายนอกเคหะสถานช่วงเวลา 22.00 – 04.00 น. เพื่อป้องกันและยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) โดยได้เริ่มบังคับใช้มาตั้งแต่ 1-18 พ.ค.2564

ขณะที่ประชาชนในพื้นที่ต่างให้ความร่วมมือในการคัดกรองตามจุดต่าง ๆ ในเขตเทศบาลและที่ตลาดสดเทศบาลเมืองเบตงได้มีการตั้งจุดคัดกรองลงทะเบียนไทยชนะ เพื่อการติดตามหากมีการพบผู้มีอาการและกำหนดให้มีทางเข้า – ออก ตลาดเพียง 2 ช่องทางเพื่อป้องกันการแออัด และเป็นการเว้นระยะห่าง เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)

ขณะที่บรรยากาศย่านการค้า ซึ่งถือว่าเป็นย่านการค้าที่เป็นแหล่งรวบรวมสินค้าที่จำหน่ายนักท่องเที่ยว ต่างปิดตัวลงชั่วคราว  โดยตั้งแต่มีการระบาดของโควิดระลอก 3 ซึ่งที่ผ่านมาอำเภอเบตงที่ไม่เคยมีการติดเชื้อในระลอก 1 และ 2 ปรากฏว่าในระลอกที่ 3 มีผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตด้วย ทำให้บรรยากาศเงียบเหงาไร้นักท่องเที่ยว ทำให้หลายร้านโดยเฉพาะผู้ค้ารายย่อยที่เป็นร้านค้าขนาดเล็กหาเช้ากินค่ำ ต้องปิดกิจการชั่วคราวทิ้งไว้แต่ร้านร้างว่างเปล่าลงจากผลกระทบการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)

ขณะที่ยอดผู้ติดเชื้อวันที่ 3 พ.ค.ที่ผ่านมา ผู้ป่วยยืนยัน 13 ราย กำลังรักษา 6 ราย เสียชีวิต 1 ราย รักษาหายกลับบ้าน 5 ราย ส่งต่อ 1 ราย และการคัดกรองเชิงรุกกลุ่มเสี่ยง โดยกลุ่มเสี่ยงสูง 180 ราย กลุ่มเสี่ยงต่ำ 135 ราย รอผลเสี่ยงต่ำ 2 ราย


ภาพ/ข่าว  ธานินทร์  โพธิทัพพะ / ปื้ดเบตง

สตูล - ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลจังหวัดสตูล ป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID – 19) การลักลอบหลบหนีเข้าเมือง และการกระทำผิดกฎหมาย

ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลจังหวัดสตูล บูรณาการกำลังกับศูนย์ควบคุมความมั่นคงท่าเรือจังหวัดสตูล,สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาสตูล,ตำรวจน้ำสตูล, ด่านศุลกากรสตูล และ ชุดปฏิบัติการพิเศษ ทัพเรือภาคที่ 3 จัดเรือพร้อมกำลังพลออกลาดตระเวน เฝ้าตรวจพื้นที่ทางทะเลจาก ท่าเรือตำมะลังเกาะยาวแนวน่านน้ำรอยต่อทางทะเลไทย - มาเลเซีย  โดยเฝ้าตรวจเรือทุกลำที่มีทิศทางจากมาเลเซีย เรือโดยสาร เรือประมง เรือขนถ่ายสัตว์น้ำ และเรือที่มีพฤติกรรมต้องสงสัย และสำรวจพื้นที่จุดล่อแหลมในการใช้กระทำความผิด     

               

ทั้งนี้ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลจังหวัดสตูล บูรณาการกำลังกับศูนย์ควบคุมความมั่นคงท่าเรือจังหวัดสตูล ,ตำรวจน้ำสตูลหน่วยปฏิบัติการหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่งที่ 452 หน่วยรักษาความปลอดภัยทางทะเล กองทัพเรือ เกาะหลีเป๊ะ ศูนย์อนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลจังหวัดสตูล และ หน่วยป้องกันและปราบปรามประมงทะเลเกาะหลีเป๊ะ (สตูล) จัดเรือออกลาดตระเวนเฝ้าตรวจพื้นที่ทางทะเลจาก ท่าเรือปากบาราเกาะตะรุเตา โดยทำการตรวจ เรือประมง เรือโดยสารท่องเที่ยว เรือท่องเที่ยว เรือขนถ่ายสินค้า และเรือที่มีพฤติกรรมต้องสงสัยและสถานีเรดาร์เกาะปูยู หน่วยปฏิบัติการหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่งที่ 452 ตรวจการณ์ด้วยเรดาร์และกล้องสองตา หน่วยปฏิบัติการหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่งที่ 491 ตรวจการณ์ด้วยกล้องสองตาและทางทัศนะ


ภาพ/ข่าว  นิตยา แสงมณี ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดสตูล

สุราษฎร์ธานี - ลำเลียงอุปกรณ์ทางการแพทย์เต็มลำ เฮลิคอปเตอร์ เพื่อนำไปส่งต่อ สนับสนุนการดำเนินงานป้องกันและควบคุมโรคของทางจังหวัด

วันที่ 3 พฤษภาคม 2564  พลโท เกรียงไกร ศรีรักษ์ แม่ทัพภาคที่ 4 /ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 สั่งการด่วน ให้เจ้าหน้าที่ทหารลำเลียงอุปกรณ์ทางการแพทย์ขึ้นเฮลิคอปเตอร์ เพื่อนำไปส่งต่อให้กับจังหวัด ที่มีความต้องการอุปกรณ์เพื่อใช้ในการป้องกันและควบคุมโรค และนำไปแจกจ่ายให้กับบุคลากรเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ยังโรงพยาบาลต่าง ๆ รวมไปถึงโรงพยาบาลสนามในพื้นที่ ตลอดจนพี่น้องประชาชนในพื้นที่กลุ่มเสี่ยงได้ใช้ในการป้องกันตนเองจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส covid-19

ที่โถงชั้นล่างศาลากลางจังหวัดสุราษฎร์ธานี พลโท เกรียงไกร ศรีรักษ์ แม่ทัพภาคที่ 4 ส่งมอบอุปกรณ์ และเวชภัณฑ์ทางการแพทย์ ให้กับ นายวิชวุทย์ จินโต ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี ประกอบไปด้วยหน้ากากอนามัย N 95 จำนวน 100 ชิ้น ชุด PPE จำนวน 100 ชุด แว่นตาป้องกันโรค จำนวน 100 อัน เจลล้างมือ แอลกอฮอล์ และถุงมือยาง อีกจำนวนหนึ่ง เพื่อนำไปแจกจ่ายให้กับเจ้าหน้าที่และบุคลากรทางการแพทย์รวมไปถึงพี่น้องประชาชนในพื้นที่กลุ่มเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส covid-19 และโรงพยาบาลสนามที่ยังคงขาดแคลนอุปกรณ์ในการใช้ป้องกันตนเอง เนื่องจากเล็งเห็นว่าจังหวัดสุราษฎร์ธานี เกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 และมีผู้ติดเชื้อแพร่กระจายอยู่เป็นจำนวนมาก ซึ่งนับตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2564 จนถึงปัจจุบัน จังหวัดสุราษฎร์ธานีมีผู้ป่วยสะสม 822 ราย อุปกรณ์ป้องกันโควิด-19 จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งในการควบคุมโรคไม่ให้เกิดการแพร่กระจายของเชื้อ

พลโทเกรียงไกร ศรีรักษ์ แม่ทัพภาคที่ 4 กล่าวว่า "จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส โควิด-19 ในปัจจุบัน รัฐบาล โดย พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี รวมไปถึง พลเอกณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก ได้เล็งเห็นความสำคัญในการให้กองทัพบก เข้าไปช่วยเหลือสนับสนุน อำนวยความสะดวกให้แก่ หน่วยงานและส่วนราชการต่าง ๆ รองรับภารกิจในการควบคุมโรค รวมไปถึงการรักษา ขณะนี้กองทัพบกเองได้เข้าไปสนับสนุนทั้งบุคลากรและยุทโธปกรณ์ในการสร้างโรงพยาบาลสนามในพื้นที่ต่าง ๆ ที่ทางจังหวัดร้องขอให้ดำเนินการในส่วนของจังหวัดสุราษฎร์ธานี ก็มีมณฑลทหารบกที่ 45 ที่ได้จัดโรงพยาบาลสนามสำรองไว้ ยังพื้นที่กองพันเสนารักษ์ มณฑลทหารบกที่ 45 รองรับผู้ป่วยหากมีการแพร่กระจายของโรค และเตียงในการรักษาไม่เพียงพอ พร้อมจะเปิดทำการในทันที ซึ่งที่ผ่านมาส่วนราชการได้ดำเนินการตามมาตรการการควบคุมโรค ตามที่ สบค. กำหนดอย่างเคร่งครัดอยู่แล้ว ขอความร่วมมือพี่น้องประชาชน ทำความเข้าใจและตระหนักรับรู้ผลกระทบต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นและให้ความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐยึดปฏิบัติตามประกาศของแต่ละจังหวัดแต่ละพื้นที่ เชื่อว่าเราก็จะก้าวผ่านวิกฤตครั้งนี้ไปด้วยกัน"

ด้าน นายวิชวุทย์ จินโต ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้กล่าวขอบคุณ กองทัพภาคที่ 4  ที่มีความห่วงใยและสนับสนุนการดำเนินงานของจังหวัด และจะจัดมอบอุปกรณ์ที่ได้รับให้เกิดประโยชน์ต่อไป โดยจะจัดมอบให้แก่เจ้าหน้าที่ประจำจุดตรวจต่าง ๆ ของจังหวัด เจ้าหน้าที่และบุคลากรทางการแพทย์  และ อสม.ที่ยังคงปฏิบัติงานควบคุมและเฝ้าระวังโรคในพื้นที่อยู่ สำหรับสถานการณ์โรคขณะนี้ ขอความร่วมมือพี่น้องประชาชน ช่วยกันป้องกันตัวเองโดยการสวมใส่หน้ากากอนามัย และเว้นระยะห่างทางสังคม หากมีอาการหรือสุ่มเสี่ยง อย่าปิดบังข้อมูลกับแพทย์ เพราะจะทำให้ปัญหาต่างๆ บานปลาย ส่วนในเรื่องของการปลดล็อก คงต้องดูสถานการณ์ต่อไปอีกสักระยะ


ภาพ/ข่าว  นายปรีชา สถิตย์เรืองศักดิ์  หาดใหญ่ จ.สงขลา

 

ตราด - ลาดตระเวน 3 มิติ กวาดล้างยาเสพติดทะเลตราด

ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 1 สั่งการ หมวดเรือลาดตระเวนชายแดน ผนึกกำลังทุกหน่วยงานมั่นคงทางทะเล ค้นหาไอซ์ทุกซอกมุมทะเลตราด

จากกรณี มีการตรวจพบยาเสพติดประเภท 1 (ยาไอซ์) จำนวนมาก ลอยในทะเลและติดตามชายฝั่งทะเลและเกาะแก่งพื้นที่จังหวัดตราด เมื่อช่วงต้นปี 63  กว่า 600 กก. และ ช่วงต้นปี 64 อีกกว่า 70 กก. ทำให้ฝ่ายข่าวประเมินว่าทะเลตราด อาจเป็นเส้นทางผ่านของยาเสพติดจากประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อไปสู่ประเทศที่ 3 หรืออาจเป็นแหล่งพักยาขนาดบิ๊กล็อตในทะเล

พลเรือโทโกวิท อินทร์พรหม ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 1 (ผบ.ทรภ.1) จึงสั่งการให้ปฏิบัติการค้นหายาเสพติดในทะเล เพื่อกำจัดให้สิ้นซากไป พร้อมทั้งเป็นการป้องปรามมิให้พี่น้องชาวประมงและประชาชน ตามชายฝั่งทะเลและเกาะแก่งที่เก็บได้ หากพบเจอจะไม่ปกปิดเจ้าหน้าที่หรือเก็บไว้กับตัว นำไปจำหน่ายหรือเสพ ระหว่างวันที่ 28-29 เม.ย.ที่ผ่านมา

โดยมอบหมายให้ นาวาเอกเกียรติกูล สุวรรณ รองเสนาธิการทัพเรือภาคที่ 1/ผู้บังคับหมวดเรือลาดตระเวนชายแดน (ผบ.มชด.) ผนึกกำลังทุกภาคส่วนออกลาดตระเวนทั้งทางบก ทางเรือ และทางอากาศ ค้นหาแหล่งที่มาและกวาดล้างยาเสพติดในพื้นที่ทะเลตราดให้สิ้นซาก

ซึ่งกำลังที่ร่วมปฏิบัติการในครั้งนี้ ประกอบด้วย หมวดเรือลาดตระเวนชายแดน โดยหมวดเรือลาดตระเวนชายแดนส่วนที่ 1 (มชด./1) ประกอบด้วย ร.ล.กันตัง เรือ ต.83 เรือ ต.261 และเรือ ต.271 เฮลิคอปเตอร์ จากฝูงบินทหารเรือ 3141 (ฝูงบิน ทร.3141) จากกองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด (กปช.จต.) กำลังของ ศรชล.จังหวัดตราด และ กอ.รมน.ตราด หน่วยปฏิบัติการเกาะกูด (นปก.) หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง (สอ.รฝ.) ศูนย์รักษาความปลอดภัยทางทะเลกองทัพเรือเกาะช้าง ทัพเรือภาคที่ 1 (ศรภ.ทร.เกาะช้าง ทรภ.1) หน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธิน 182 (ฉก.นย.182) รวมทั้งกำลังเจ้าหน้าที่ฝ่ายบ้านเมือง โดย น.อ.เกียรติกูล สุวรรณ ผบ.มชด. เป็นประธานวางแผนปฏิบัติการ ณ ห้องประชุมช้างธรรมชาติ ฐานส่งกำลังบำรุงทหารเรือตราด ทัพเรือภาคที่ 1 (ฐตร.ทรภ.1) อ.แหลมงอบ จ.ตราด

จากนั้นเริ่มปฏิบัติการ โดยกำลังทางเรือ เข้าตรวจพื้นที่ทางทะเลบริเวณหมู่เกาะช้าง เกาะกูด เกาะหมาก และเกาะรัง เรือยาง เข้าตรวจรอบเกาะในพื้นที่ชายฝั่งที่เดินเท้าเข้าไม่ถึง กำลังทางอากาศ บินลาดตระเวนค้นหาทางอากาศ และหน่วยงานทางบก ร่วมกับเจ้าหน้าที่บ้านเมืองค้นหาบริเวณชายฝั่งที่น่าจะมียาเสพติดซุกซ่อนอยู่หรือลอยมาติดในพื้นที่รับผิดชอบ

ผลการปฏิบัติ ตรวจพบเพียงบรรจุภัณฑ์ที่คาดว่าจะเป็นยาเสพติด ลักษณะตรงกับข้อมูลจากการข่าว แต่ได้ถูกเปิดออกแล้ว ไม่พบยาเสพติดหลงเหลืออยู่ภายในแต่อย่างใด


ภาพ/ข่าว ศรชล.ภาค 1 / นิราช / นันทพล ทิพย์ศรี

กระบี่ - จับบังรอน ขาใหญ่ในพื้นที่ตำบลแหลมสัก อ.อ่าวลึก จ.กระบี่ พร้อมยาบ้า 9,947 เม็ด เก็บไว้ในตู้เย็น ล็อคด้วยกุญแจป้องกันของสูญหาย

พ.ต.ต.ธรรมนูญ  ศรีประไพ จนท.ปฏิบัติการฝ่ายข่าว กอ.รมน.จังหวัดกระบี่ ร.ต.อ.นิพนธ์ หนูชัยแก้ว หน.ชปส.กก.ตชด.42/จนท.กอ.รมน.จังหวัดกระบี่ พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ ได้เข้าทำการจับกุมผู้ค้ายาเสพติด ประกอบด้วยนายสุรศักดิ์  มุกดา หรือ รอน อายุ 38 ปี อยู่บ้านเลขที่ 25/1 หมู่ที่ 2 ตำบลแหลมสัก อำเภออ่าวลึก จังหวัดกระบี่ และนายสุริยา ผิวเหลือง หรือโอ  อายุ 38 ปี อยู่บ้านเลขที่ 84 หมู่ที่ 5 ตำบลแหลมสัก อำเภออ่าวลึก จังหวัดกระบี่

พร้อมของกลาง ยาบ้า 9,947 เม็ด โทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง ถุงพลาสติกชนิดกดปิด-ดึงเปิดสำหรับแบ่งบรรจุยาเสพติดจำนวน 1 ห่อ อุปกรณ์การเสพยาเสพติดจำนวน 1 ชุด รถยนต์ยี่ห้อโตโยต้าสีเทา หมายเลขทะเบียน บม 6894 กระบี่

ทั้งนี้ก่อนการจับกุมทางเจ้าหน้าที่สืบทราบมาว่า ผู้ต้องหาทั้ง 2 คน เป็นผู้ค้ายาเสพติดในพื้นที่รายสำคัญ จึงได้ทำการล่อซื้อยา จากนายสุรศักดิ์ และนายสุริยา โดยนัดแนะส่งยาบ้าบริเวณริมถนนหน้าโดมรีสอร์ท หมู่ที่ 5 ตำบลอ่าวลึกใต้ อำเภออ่าวลึก จังหวัดกระบี่ เมื่อถึงเวลานัดหมาย มีรถยนต์ โตโยต้าสีเทา หมายเลขทะเบียน บม 6894 กระบี่ มาจอด ทางเจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวเข้าทำการจับกุม พร้อมยาบ้าจำนวนหนึ่ง

จากนั้นได้ขยายผลการจับกุมตรวจคุ้น บ้านเลขที่ 157 หมู่ที่ 1 ตำบลคลองหิน อำเภออ่าวลึก จังหวัดกระบี่ ซึ่งเป็นบ้านนายสุรศักดิ์ เมื่อเจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้นภายในบ้าน บริเวณห้องโถงพบตู้เย็น ล็อคด้วยกุญแจ อย่างแน่นหนา ทางเจ้าหน้าที่เลยให้นายสุรศักดิ์  ไขกุญแจ ซึ่งภายในตู้เย็บพบอุปกรณ์การเสพ กล่องกระดาษจำนวน 2 กล่อง เมื่อทางเจ้าหน้าที่ให้นายศุรศักดิ์แกะกล่องดังกล่าวพบยาบ้าบรรจใส่ถุงจำนวน 4 มัด รวมเป็นยาบ้าทั้งหมด  9,947 เม็ด

นายสุรศักดิ์ กล่าวว่า ตู้เย็นเป็นของตนเอง ไม่มีใครสามารถมาเปิดได้ เพราะตนเองได้ล็อคกุญแจกเอาไว้ เพื่อใส่ยาบ้าและอุปกรณ์การเสพ จะเอาออกมาก็ต่อเมืองเอายาบ้าออกส่งขาย และเสพเองเท่านั้น

ทางเจ้าหน้าที่ได้ทำบันทึกการจับกุม ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 (เมทแอมเฟตามีนหรือยาบ้า) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและพยายามจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย ส่ง พนักงานสอบสวน สภ.อ่าวลึก จ.กระบี่ ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป


ภาพ/ข่าว  ณัฏฐพงษ์ ศรีปล้อง

สงขลา - บุกจับแอลบ่ออิฐนักค้ายาเสพติดรายใหญ่ของ จ.สงขลาได้คาขนำในพื้นที่ ต.พะวง อ.เมืองสงขลา

พยายามวิ่งหนีลงไปในบึงน้ำแต่ตำรวจตามจับกุมได้ หลังขนยาบ้า 1 ล้านเม็ด ไอซ์ 10 กิโลกรัมมากับลูกและเมียแต่รถเก๋งเสียหลักชนราวเหล็กริมทางในพื้นที่ ต.ถ้ำพรรณรา อ.ถ้ำพรรณรา จ.นครศรีธรรมราช และทิ้งรถหลบหนีส่วนแฟนสาวยอมเข้ามอบตัวไปก่อนแล้วเผยประวัติถูกจับกุมคดียาเสพติดเข้าออกเรือนจำมาแล้ว 4ครั้งนับตั้งแต่ ปี 2530 และครั้งนี้เป็นครั้งที่ 5

ภาพเหตุการณ์ขณะเจ้าหน้าที่ชุดปราบปรามยาเสพติดตำรวจภูธร จ.สงขลา ร่วมกับเจ้าหน้าที่ ป.ป.ส. ภายใต้การสั่งการของ พล.ต.ต.อาชาน จันทร์ศิริ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสงขลา พ.ต.ท.ขวัญชาติ จันทะ สารวัตรกองกำกับการสืบสวนตำรวจภูธร จ.สงขลา

เข้าปิดล้อมจับกุมนายมงคล สังข์แจ้ง อายุ 53 ปี หรือแอลบ่ออิฐ ซึ่งเป็นเอเย่นต์ค้ายาเสพติดรายใหญ่ในพื้นที่ อ.เมือง จ.สงขลา ขณะซ่อนตัวอยู่ที่ขนำในพื้นที่บ้านโคกไร่ ม.8 ต.พะวง อ.เมือง จ.สงขลา แต่นายมงคล พยายามวิ่งหลบหนีการจับกุมลงไปในบึงน้ำข้างขนำ แต่ไม่รอดถูกเจ้าหน้าที่ไล่ติดตามจับกุมได้พร้อมยึดโทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง

โดยนายมงคล เป็นผู้ต้องหาในคดียาเสพติดตามหมายจับของศาลจังหวัดทุ่งสง หลังจากที่เมื่อวันที่ 15 เมษายนที่ผ่านมา ได้ขนยาบ้าเกือบ 1ล้านเม็ด และไอซ์อีก 10 กิโลกรัม จากกรุงเทพฯมากับรถยนต์เก๋งยี่ห้อฮอนด้า รุ่นแอ็กคอร์ด สีดำ หมายเลขทะเบียน กจ. 2636 สงขลา โดยมีน.ส.จุฑาลักษณ์ เมืองคุ้ม แฟนสาวและเด็กหญิงอายุประมาณ 2 ขวบนั่งมาด้วยซึ่งเป็นลูกติดของแฟน ทำเหมือนกันเดินทางมาเป็นครอบครัวเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจจากเจ้าหน้าที่

แต่รถเกิดอุบัติเหตุชนราวเหล็กทางค้างริมถนนสายเอเชีย พื้นที่หมู่ 6 ต.ถ้ำพรรณรา อ.ถ้ำพรรณรา จ.นครศรีธรรมราช ล้อหน้าซ้ายหลุดไปต่อไม่ได้ และได้ทิ้งรถขึ้นรถยนต์เก๋งยี่ห้อมาสด้า สีขาวไม่ทราบแผ่นป้ายทะเบียนหลบหนีไป

เมื่อตำรวจเข้าตรวจสอบก็พบยาบ้าเกือบ 1ล้านเม็ด และไอซ์อีก 10กิโลกรัมอยู่ภายในรถและสอบสวนขยายผลจนรู้ตัวผู้ที่ขับขี่รถเก๋งคันนี้มา  ต่อมาเมื่อวันที่ 16 เมษายนได้ถูกศาลจังหวัดทุ่งสงได้ออกหมายจับ โดยน.ส. จุฑาลักษณ์ ได้ยอมเข้ามอบตัวไปก่อนแล้ว

ส่วนนายมงคล  ยังหลบหนีและเจ้าหน้าที่สืบสวนจนทราบว่าได้มากบดานอยู่ในพื้นที่บ้านโคกไร่ หมู่ 8 ต.พะวง อ.เมือง จ.สงขลา จึงวางแผนเข้าจับกุมได้ในที่สุด

พร้อมแจ้งข้อหา “ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีนหรือยาบ้า) มีปริมาณคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์เกิน20กรัมขึ้นไปไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต และร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีนหรือยาบ้าจำนวน 1,000,000 เม็ด) ไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย”

สำหรับประวัติของนายมงคล หรือแอลบ่ออิฐ เป็นนักค้ายาเสพติดรายใหญ่เคยถูกจับกุมเข้าออกเรือนจำมาแล้วถึง4 ครั้ง นับตั้งแต่ปี2530 ครั้งนี้เป็นครั้งที่5 เจ้าหน้าที่จึงได้ควบคุมตัวส่งสภ.ถ้ำพรรณรา จ.นครศรีธรรมราช ท้องที่เกิดเพื่อดำเนินคดีต่อไป


ภาพ/ข่าว  นายปรีชา สถิตย์เรืองศักดิ์ / หาดใหญ่ จ.สงขลา


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top