Friday, 17 May 2024
Southern

ตราด – คุมเข้มชายแดนหาดเล็ก สกัดโควิด-19 จากต่างด้าวลักลอบเข้าเมือง

ข่าว ที่ชายแดนไทยกัมพูชาบ้านหาดเล็ก ต.หาดเล็ก อ.คลองใหญ่ จ.ตราด จุดผ่านแดนถาวรบ้านหาดเล็ก เจ้าหน้าที่ทั้งฝ่ายทหารหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธิน 182 บ้านหาดเล็ก ด่านตรวจคนเข้าเมืองคลองใหญ่ ด่านศุลกากรคลองใหญ่ เจ้าหน้าที่สาธารณสุข ร่วมกันตรวจเข้มการผ่านเข้าออกของรถขนส่งสินค้าที่อนุโลมให้ขนส่งสินค้าผ่านเข้าออกชายแดนได้ อีกทั้งยังจัดกำลังทหารออกทการลาดตระเวนตามแนวชายแดนเส้นทางธรรมชาติชายแดนไทยกัมพูชาด้านเขาบรรทัดต.หาดเล็ก ต.คลองใหญ่ อ.คลองใหญ่ จ.ตราดด้วย

ทั้งนี้ด้วยผู้บัญชาการกองกําลังหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธิน 182 สั่งคุมเข้มตลอดแนวชายแดน ในการสกัดแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าประเทศหวังป้องกันโควิด-19 ที่กลับมาระบาดในประเทศเพื่อนบ้าน จากสถานการณ์โควิด-19 ในปัจจุบันประเทศไทยมาเริ่มมียอดผู้ป่วยรายวันสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ทางการไทยได้เพิ่มมาตรการเข้มงวดบริเวณด่านชายแดนบ้านหาดเล็กเนื่องจากเกรงว่าจะมีแรงงานต่างด้าวลักลอบหนีเข้าประเทศไทย และทำให้เกิดการแพร่เชื้อโควิด-19 ในประเทศ ส่งผลให้เกิดการระบาดระลอกที่ 3 ที่กําลังมีความรุนแรงมากกว่าเดิม โดย น.ต.ปรัชญ แสงแก้ว ผบ.ฉก.นย.182 บ้านหาดเล็ก เปิดเผยว่า ได้สั่งการกําลังพลและให้ทุกหน่วยขึ้นตรงกองกำลังหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธิน 182 ให้เพิ่มมาตรการและการวางกำลัง จุดตรวจ/จุดสกัด ตลอดแนวชายแดนฝั่งเขากวดขันสกัดกั้น การลักลอบนำยาเสพติดและลักลอบขนแรงงานต่างด้าวตามช่องทางธรรมชาติ จากฝั่งประเทศเพื่อนบ้านเข้ามาในประเทศไทยอย่างต่อเนื่องตลอดทุกวันในการเดินราดตะเวรตามเทือกเขา จากนั้นตามด่านชายแดนจุดเข้าออกก็ได้ร่วมกันตรวจเข้มงวดยิ่งกว่าเก่าเพื่อเป็นการควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศตามชายแดนหาดเล็ก

โดยแฉล้ม อิ่มอุไร เจ้าหน้าที่ควบคุมดูแลการตรวจโรคโควิด-19 เพื่อความปลอดภัยของคนขับรถส่งสินค้าเข้าออก พร้อมด้วย พ.ต.อ.เบญจพล รอดสวาสดิ์ ผกก.ต.ม.จว.จ.ตราด ได้ตรวจคันหนังสือเดินทางเข้าออกระหว่างชายแดนร่วมกับด่านศุลกากร ทหาร ตํารวจ และหน่วยควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศเป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลต่อไป/ภาพ/ข่าว วิเชียร ม่วงสี ผู้สื่อข่าวภูมิภาค จ.ตราด

นราธิวาส - พัฒนาการจังหวัดนราธิวาส ติดตามผลการดำเนินงานโครงการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักทฤษฎีใหม่ ประยุกต์สู่ “โคก หนอง นา โมเดล”

นายอับดุลนัสเซอร์ หะมิ  พัฒนาการอำเภอรือเสาะ จังหวัดนราธิวาส เปิดเผยว่า นายอนันต์  แสงชาตรี พัฒนาการจังหวัดนราธิวาส พร้อมด้วยนางสาวณัฐชยา  ศรีดำ  ผู้อำนวยการกลุ่มงานยุทธศาสตร์การพัฒนาชุมชน  สำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดนราธิวาส  ติดตามผลการดำเนินงานโครงการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักทฤษฎีใหม่ ประยุกต์สู่ “โคก หนอง นา โมเดล” และโครงการพัฒนาหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียง กิจกรรมการพัฒนาศูนย์เรียนรู้ทฤษฎีใหม่รูปแบบ “โคก หนอง นา โมเดล”  เพื่อสร้าง ปรับปรุง และพัฒนาพื้นที่ให้เป็นแหล่งเรียนรู้ให้กับประชาชนในรูปแบบ “โคก หนอง นา โมเดล” ณ  พื้นที่อำเภอรือเสาะ  จังหวัดนราธิวาส

ก่อนลงพื้นที่ได้มีการประชุมชี้แจงกับเจ้าหน้าที่พัฒนาชุมชน จำนวน 7 คน, นักพัฒนาพื้นที่ต้นแบบ(นพต.) จำนวน 14 คน,นักพฒนารัฐบาลดิจิตอล(นพร.) จำนวน 5 คน ซึ่งอำเภอรือเสาะมีผู้สนใจเข้าร่วมโครงการจำนวนมาก รวม 56 แปลง มีขนาดทั้งขนาดพื้นที่ 1 ไร่ 3 ไร่ 5 ไร่และ 15 ไร่ ซึ่งทุกรายที่เข้าร่วมโครงการฯ ต้องการพัฒนาพื้นที่ให้เป็นประโยชน์ เป็นศูนย์เรียนรู้ของหมู่บ้าน และที่สำคัญคือ การได้ทำงานสนองพระราชดำริ โครงการทฤษฎีใหม่ ของในหลวง เป็นความภาคภูมิใจของตนเองและครอบครัว สามารถสร้างความสุขทั้งใจได้

นายอนันต์  แสงชาตรี  พัฒนาการจังหวัดนราธิวาส  กล่าวว่า  จังหวัดนราธิวาสได้รับการจัดสรรงบประมาณเพื่อดำเนินงานโครงการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักทฤษฎีใหม่ ประยุกต์สู่ “โคก หนอง นา โมเดล” ในพื้นที่ 11 อำเภอของจังหวัด 39 ตำบล 74 ครัวเรือน และดำเนินงานโครงการพัฒนาหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียง  กิจกรรมการพัฒนาศูนย์เรียนรู้ทฤษฎีใหม่รูปแบบ “โคก หนอง นา โมเดล” ในพื้นที่ 13 อำเภอของจังหวัด 66 ตำบล  213  หมู่บ้าน  ซึ่งในการติดตามผลการดำเนินงานในครั้งนี้เพื่อติดตามความก้าวหน้าการดำเนินงาน  ปัญหา อุปสรรคและข้อเสนอแนะต่าง ๆ ในระดับพื้นที่ และลงพื้นที่เยี่ยมเยือนแปลงครัวเรือนเป้าหมายที่กำลังดำเนินการขุดปรับพื้นที่ตามโครงการฯ 

สำหรับการลงพื้นที่เยี่ยมเยือนครัวเรือนเป้าหมายในการดำเนินงานในวันนี้  ได้ลงพื้นที่แปลงของนายอาบ๊ะ  ดาระแม หมู่ที่1 บ้านสะแนะ และนายมูฮำหมัดรุสลัน บือราเฮง หมู่ที่ 7 บ้านตือโละ ตำบลเรียง อำเภอรือเสาะ จังหวัดนราธิวาส


ภาพ/ข่าว.แวดาโอ๊ะ หะไร จ.นราธิวาส

นราธิวาส - ผกก.สภ.สุ ไหงโก-ลก เยือนถิ่นเก่า มอบข้าวสาร อาหารแห้ง พร้อมผลอินทผลัม ให้ผู้พิการและผู้ยากไร้ในเขตพื้นที่อำเภอแว้ง

พ.ต.อ.เจฟฟรีย์ ไศลมานกุล ผกก.สุ ไหงโก-ลก อ.สุไหลโก-ลก จ.นราธิวาส นำเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรสุ ไหงโก-ลก เยือนถิ่นเก่า นำข้าวสาร ไข่ไก่ น้ำดื่ม อินทผาลัม อาหารแห้ง  และ หน้ากากอนามัย พร้อมเจลแอลกอฮอล์ ไปมอบให้ผู้พิการและผู้ยากไร้ในเขตพื้นที่อำเภอแว้ง จังหวัดนราธิวาส เนื่องในเดือน “รอมฎอน” เดือนอันประเสริฐ และเดือนแห่งการทำความดี  เป็นการสร้างความอบอุ่นใจ สร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างเจ้าหน้าที่รัฐกับประชาชน และเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนเบื้องต้นและลดค่าใช้จ่ายในครัวเรือน เนื่องจากสถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อโควิด - 19 ระลอกใหม่ พร้อมแนะให้ประชาชนป้องกันตนเอง โดยยึดหลัก D-M-H-T-T หากกลับมาจากพื้นที่เสี่ยงให้รักษาระยะห่างจากสมาชิกในครอบครัวและคนในชุมชน และสังเกตอาการตนเอง

 


ภาพ/ข่าว  แวดาโอ๊ะ หะไร จ.นราธิวาส

ปัตตานี - เลขาธิการ ศอ.บต.พร้อมผู้บริหาร ลงพื้นที่เยี่ยมวัดในพื้นที่จังหวัดปัตตานี เพื่อสร้างขวัญและกำลังใจช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19

พลเรือตรี สมเกียรติ ผลประยูร เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) พร้อมด้วย นายกฤษฎา เคลือบมณี ผู้ช่วยเลขาธิการ ศอ.บต. (สงป.) นายวิสันติ์ ประเสริฐศรี ผู้ช่วยเลขาธิการ ศอ.บต.(รง.) นายอิสระ ละอองสกุล ผู้อำนวยการกองประสานและเร่งรัดการพัฒนาพื้นที่พิเศษจังหวัดชายแดนภาคใต้ และคณะเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่เยี่ยมวัดในพื้นที่จังหวัดปัตตานี ประกอบด้วย วัดพรหมประสิทธิ์ (เจ้าคณะอำเภอ พระครูสิริพรหมสุนทร) ตำบลบ้านนอก อำเภอปะนาเระ วัดประจันตคาม (พระครูปัจจันเขตบริรักษ์ เจ้าอาวาส) ตำบลบ้านนอก อำเภอปะนาเระ วัดปิยาราม (เจ้าคณะอำเภอ พระครูอุมธรรมาทร) ตำบลปินามุมัง  อำเภอยะหริ่ง และวัดกุสาวดี (วัดตาแกะ) (พระพันธ์ ธมมวิโส เจ้าอาวาส) ตำบลตาแกะ อำเภอยะหริ่ง โดยมี เจ้าคณะอำเภอ เจ้าอาวาส หัวหน้าส่วนราชการ เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร ผู้นำท้องถิ่น ผู้นำท้องที่ บัณฑิตอาสาฯ และประชาชนในพื้นที่ให้การต้อนรับ

สำหรับการลงพื้นที่ในครั้งนี้ เพื่อเยี่ยมสร้างขวัญกำลังใจและมอบกระเช้าแก่เจ้าคณะอำเภอ เจ้าอาวาส พร้อมพบปะเจ้าหน้าที่ส่วนงานราชการในการปฏิบัติหน้าที่ดูแลพี่น้องประชาชนไทยพุทธในพื้นที่ ทั้งนี้เป็นการส่งเสริมทางศาสนาทุกศาสนาให้เป็นศูนย์กลางในการปลูกฝังจริยธรรม รวมทั้งเข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหา จชต. ที่เป็นนโยบายที่ ศอ.บต. กอ.รมน.ภาค 4 สน. และหน่วยงานในพื้นที่ร่วมส่งเสริมสนับสนุนตามนโยบายของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาวัดร้าง วัดไม่มีพระสงฆ์ การซ่อมแซมบูรณะวัด การพัฒนาพื้นที่โดยรอบของวัดใน จชต. อีกด้วย

พลเรือตรี สมเกียรติ ผลประยูร กล่าวว่า การลงพื้นที่ในครั้งนี้เป็นการเยี่ยมพบปะสร้างขวัญและกำลังใจแก่พี่น้องประชาชนในยามที่วิกฤติสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ระลอกใหม่และจากสถานการณ์เหตุการณ์ในพื้นที่ จชต. ที่ผ่านมาทุกส่วนได้ร่วมมือกันแก้ไขปัญหาและพัฒนาซึ่งดีขึ้นตามลำดับ ด้วยการฟื้นฟูให้สามารถอยู่ร่วมกันในสังคมพหุวัฒนธรรมท่ามกลางความหลากหลายทางศาสนาแต่สามารถดำรงชีวิตกันได้อย่างสันติสุข และขอให้ทุกส่วนราชการเติมเต็มการช่วยเหลือในด้านกิจกรรมต่างๆ ที่จัดขึ้นเพื่อสาธารณประโยนช์สร้างการมีส่วนร่วมที่ดี รวมทั้งขอให้ปฏิบัติตามมาตรการการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด -19 อย่างเคร่งครัด มั่นใจได้ว่าเราจะข้ามวิกฤติครั้งนี้ไปด้วยกัน


ภาพ/ข่าว  นายปรีชา สถิตย์เรืองศักดิ์ / หาดใหญ่ จ.สงขลา

นราธิวาส - ผบ.ฉก.นราธิวาส ตรวจเยี่ยมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ประจำด่านตรวจ คัดกรองโรค COVID -19 ในพื้นที่ อ.ศรีสาคร

พลตรีไพศาล หนูสังข์ ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่15 / ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส เดินทางลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ประจำด่านตรวจ คัดกรองโรค COVID -19 ณ ด่านตรวจกาหลง อ.ศรีสาคร จ.นราธิวาส  โดย พลตรี ไพศาล หนูสังข์ ได้มอบแนวทางการปฏิบัติงาน พร้อมเน้นย้ำให้กำลังพลเจ้าหน้าที่ปฏิบัติตามมาตรการ ป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส Covid 19 อย่างเคร่งครัด แนะนำประชาสัมพันธ์ สร้างความเข้าใจกับพี่น้องประชาชนที่สัญจร เนื่องจาก จังหวัดนราธิวาสเป็น 1 ในจังหวัดที่มีผู้ติดเชื้อไวรัส COVID 19 ระลอกที่ 3 อย่างต่อเนื่อง จึงต้องมีการยกระดับเพิ่มมาตรการ เฝ้าระวังและป้องกันในพื้นที่เสี่ยงเป็นกรณีพิเศษ โดยให้กำลังพลทุกนายที่ปฏิบัติหน้าที่เป็นตัวอย่างที่ดีให้กับประชาชน

ทั้งนี้ พลตรีไพศาล หนูสังข์ ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส กล่าวขอบคุณกำลังพลที่เสียสละตน และปฎิบัติหน้าที่ได้อย่างดีเยี่ยม พร้อมทั้งมอบความห่วงใย ตลอดจนมอบสิ่งของบำรุงขวัญ เพื่อเป็นกำลังใจในการปฎิบัติหน้าที่ต่อไป


ภาพ/ข่าว  แวดาโอ๊ะ หะไร จ.นราธิวาส

สงขลา - สีสัน..สวนสัตว์สงขลา เปิดตัวสมาชิกใหม่ของปี 2564 ลูกนกเพนกวินน้อย วัย 5 เดือน สายพันธุ์ฮัมโบลด์

สีสัน..สวนสัตว์สงขลา  เปิดตัวสมาชิกใหม่ลูกนกเพนกวินน้อย วัย 5 เดือน สายพันธุ์ฮัมโบลด์  ซึ่งเป็นลูกนกเพนกวินตัวแรกของปี 2564 ในช่วงโควิดที่ผ่านมา มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง น่ารัก น่าเอ็นดูและกลายเป็นขวัญใจของพี่เลี้ยงนกเพนกวินอยู่ในขณะนี้

โดยได้เข้ารวมฝูงกับฝูงนกเพนกวินสายพันธุ์ฮัมโบลด์ที่มีอยู่ 13 ตัวของสวนสัตว์สงขลา ทำการฝึกให้เดินพาเหรด ฝึกว่ายน้ำโดยมีนกเพนกวินคอยดูแลและว่ายประกบอยู่ตลอดเวลา โดยจะทำการฝึกทุกวันและจะมีอาหารคือปลาทูแขกให้กินเป็นรางวัล เพื่อที่จะให้ลูกนกเพนกวินเดินพาเหรดบนรางได้คล่องแคล่วขึ้นและสามารถว่ายน้ำได้อย่างรวดเร็วตามสัญชาตญาณของนกเพนกวิน

นกเพนกวินฮัมโบลด์ Humboldt Penguin (Spheniscus humboldti ) มีการดัดแปลงอวัยวะที่ใช้ในการบินเพื่อการว่ายน้ำ มีหน้าอกและท้องสีขาว หลังมีสีดำ ส่วนหัวสีดำ มีลายเส้นสีขาวคาดจากฐานปาก ผ่านด้านข้างหัวลงมาถึงคอ อาศัยในเขตร้อนทางหมู่เกาะกูโน และชายฝั่งทะเลของเปรู และชิลี ทวีปอเมริกาใต้ อุณหภูมิที่ต้องการ 22-30 องศาเซลเซียส นกเพนกวินฮัมโบลด์หาอาหารกินในทะเล เช่น ปลา กุ้ง ตัวอ่อนของปู ลูกนกกินอาหารจากการคายออกจากกระเพาะของพ่อแม่ นกเพนกวินดื่มน้ำทั้งน้ำจืดและน้ำเค็ม เนื่องจากที่เหนือตามีต่อมขับเกลือ เพื่อขับเกลือส่วนเกินออกได้ นกเพนกวินฮัมโบลด์เป็นสัตว์สังคม อยู่รวมกันเป็นฝูง ส่งเสียงดังเพื่อใช้ในการติดต่อสื่อสาร เวลาทักทายกันจะใช้ปากหรือคอถูกัน ในฤดูผสมพันธุ์นกชนิดนี้จะอยู่กันเป็นฝูงเล็ก ๆ อยู่ตามน้ำหรือขุดโพรงอยู่ตามพุ่มหญ้าสูงในป่าใกล้กับชายฝั่งทะเล วางไข่ ฟักไข่ ปีละ 1 ครั้งในฤดูใบไม้ผลิ สร้างรังด้วยก้อนหิน กิ่งไม้ ใบหญ้า วางไข่ครั้งละ 1 - 3 ฟอง ใช้เวลาฟักไข่ 39 วัน โดยตัวผู้เป็นผู้ฟักไข่ เป็นนกที่บินไม่ได้ เป็นนกเพนกวินขนาดกลาง ความยาวลำตัวประมาณ 65 เซนติเมตร น้ำหนักประมาณ 4 กิโลกรัม

ในขณะเดียวกันสวนสัตว์สงขลา ก็ยังมีสมาชิกใหม่ลูกนกเพนกวินน้อย ที่กำลังฟักไข่อีก 2 ตัว ขณะนี้ลูกนกเพนกวินฮัมโบลด์ฟักออกจากไข่แล้ว จำนวน 1 ตัวและกำลังฟักอีก 1 ตัวคาดว่าจะออกจากไข่ในอีก 1 - 2 วันนี้ ขณะนี้ฝูงนกเพนกวินสายพันธุ์ฮัมโบลด์ของสวนสัตว์สงขลา รวมทั้งหมดเป็น 14 ตัว และที่กำลังฟักออกจากไข่อีก 2 ตัว ก็จะมีฝูงนกเพนกวิน รวม 16 ตัว ในขณะนี้

นายวันชัย ตันวัฒนะ ผู้อำนวยการสวนสัตว์สงขลา  จึงขอเชิญชวนนักท่องเที่ยวทุกท่าน ร่วมกันตั้งชื่อให้ลูกนกเพนกวินน้อยวัย 5 เดือน โดยชื่อที่ถูกใจคณะกรรมการจะได้รับรางวัลเป็นของที่ระลึกจากสวนสัตว์สงขลา เพื่อเป็นของขวัญในการร่วมสนุกกับกิจกรรมสวนสัตว์สงขลา  พร้อมติดตามกิจกรรมดี ๆ จากสวนสัตว์สงขลากันต่อได้ในวันที่ 27 เมษายน นี้  ซึ่งเป็นวันสมเสร็จโลก


ภาพ/ข่าว  นายปรีชา สถิตย์เรืองศักดิ์ / หาดใหญ่ จ.สงขลา

 

ยะลา – ด่วน !! โควิดเบตงดับแล้ว 1 ราย พบมีโรคประจำตัวด้วย หลังได้เข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลเบตง

พบมีโรคประจำตัว ก่อนถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลเบตง ด้วยอาการรู้สึกเหนื่อยง่าย นอนไม่หลับ มีไอ โดยแพทย์ได้วินิจฉัยเบื้องต้น Pneumonia  ทำการสุ่มเก็บตัวอย่างหาเชื้อโควิด หลังพบเชื้อ เมื่อวันที่ 19 เม.ย. 2564 จึงทำการย้ายผู้ป่วยเข้ารับการรักษาในตึกcohort ชองโรงพยาบาลเบตง ต่อมาผู้ป่วยได้เสียชีวิต ซึ่งผู้ป่วย มีโรคประจำตัว

เมื่อวันที่ 26 เม.ย.64ในพื้นที่อำเภอเบตง จังหวัดยะลา เพื่อให้การปฏิบัติการในการค้นหาผู้ติดเชื้อโควิด-19 เชิงรุกฯ และให้เป็นไปตามมาตรการ การควบคุมวิกฤตโควิด-19 อย่างเด็ดขาด  ที่อำเภอเบตง จังหวัดยะลา โดยได้ทำการยกระดับในการสแกนตัวบุคคลในการเดินทางเข้าพื้นที่เขตอำเภอเบตง ภายหลังจากมีผู้ติดเชื้ออย่างต่อเนื่องในพื้นที่ จำนวน 8 ราย และมีเคสผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อเสียชีวิตแล้ว 1 ราย ผู้ป่วยเพศชาย อายุ 63 ปี 10 เดือน 

โดยผู้ป่วยมีโรคประจำตัว ซึ่งผู้ป่วยมีประวัติเกี่ยวกับโรคไตวาย และได้เข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลเบตง เมื่อวันที่ 15 เม.ย. 2564 ที่ผ่านมา โดยมีอาการ รู้สึกเหนื่อยง่าย นอนไม่หลับ มีไอ แพทย์ได้ทำการ วินิจฉัยเบื้องต้น  Pneumonia  โดยได้ทำการสุ่มเก็บตัวอย่างหาเชื้อโควิด เมื่อวันที่ 18 เม.ย. 2564ที่ผ่านมา ซึ่งต่อมาทางเจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งว่าพบเชื้อ เมื่อวันที่ 19 เม.ย. 2564 จึงได้ทำการย้ายผู้ป่วยเข้ารับการรักษาในตึก cohort ของโรงพยาบาลเบตง ต่อมา เมื่อวันที่ 25 เม.ย. 2564 เวลา 06.45 น.ผู้ป่วยได้เสียชีวิตลงและได้ทำการฌาปนกิจในวันเดียวกันทันทีโดยทีมแพทย์ไม่ให้ญาติเข้าไปเกี่ยวข้องเพื่อป้องกันการติดเชื้อ


ภาพ/ข่าว  ธานินทร์  โพธิทัพพะ / ปื๊ด เบตง

19 จังหวัด - 1 สัปดาห์แห่งการให้ “ครัวมาดาม” ส่งข้าวกล่องแทนใจ 19 รพ.สนามทั่วประเทศ

ครัวมาดาม มูลนิธิมาดามแป้ง ขอบคุณทีมอาสาส่งข้าวกล่อง รพ.สนาม, รพ.รัฐ 19 แห่ง ครบ 1 สัปดาห์ เตรียมขยายเวลาความช่วยเหลือต่ออีกเดือน และขยายพื้นที่ช่วยบุคลากรทางการแพทย์ พร้อมชวนคนไทยร่วมบริจาคส่งน้ำใจให้ไกลขึ้น

การให้ความช่วยเหลือบุคลากรทางการแพทย์ถูกดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง “ครัวมาดาม” กับแนวคิด ส่งต่อน้ำใจคนไทยไม่ทิ้งกัน ภายใต้มูลนิธิมาดามแป้ง ที่ตั้งครัวชุมชนส่งข้าวกล่องแล้วเป็นเวลากว่า 1 สัปดาห์ ผ่านกลุ่มอาสากล้าใหม่ไปยัง 19 พื้นที่ทั่วประเทศ อาทิ อยุธยา, นครราชสีมา, ภูเก็ต,  เชียงใหม่, นราธิวาส ฯลฯ หลังเชื้อไวรัสโควิด-19 กลับมาระบาดระลอก 3 ซึ่งเดิมวางเป้าหมายตั้งครัวถึงสิ้นเดือนเมษายนนี้ แต่ด้วยสถานการณ์ที่แย่ลงทำให้มีโรงพยาบาลสนามเพิ่มขึ้นมาก และบุคลากรทางแพทย์ต้องทำงานหนักขึ้น มูลนิธิฯ จึงมีแผนขยายเวลาและปรับขยายพื้นที่เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนช่วงวิกฤตให้มากที่สุด

ด้าน มาดามแป้ง นวลพรรณ ล่ำซำ ประธานสโมสรการท่าเรือ เอฟ.ซี. ในฐานะประธานกรรมการ มูลนิธิมาดามแป้ง กล่าวว่า “ตลอด 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา ต้องขอขอบคุณน้ำใจของกลุ่มคนอาสาทุกคนทั้งจากทุกชุมชนในแต่ละพื้นที่ ที่แม้รู้ว่าสถานการณ์ไม่สู้ดี แต่ก็เสียสละส่งต่อน้ำใจของมูลนิธิฯ นี้ไปยังคุณหมอ พยาบาล และบุคลากรทุกคนอย่างไม่เหน็ดเหนื่อย เราเชื่อว่าน้ำใจแห่งความตั้งใจนี้จะเป็นพลังให้คุณหมอที่ทำหน้าที่อย่างหนักในทุก ๆ วัน ซึ่งภารกิจของเรายังไม่จบเพียงเท่านี้ เพราะยังต้องทำต่อไปตามเป้าหมายคือ 28,500 กล่อง ในสิ้นเดือนเมษายนนี้”

“จากการประเมินสถานการณ์และแนวโน้มที่ทวีความรุนแรงขึ้น คณะกรรมการมูลนิธิฯ จึงกำลังวางแผนการขยายระยะเวลาทำครัวมาดามออกไปอีก เพื่อแบ่งเบาภาระของคุณหมอ อีกทั้ง ยังมีความเห็นว่าควรปรับและขยายพื้นที่ความช่วยเหลือออกไปอีก โดยขอเชิญชวนคนไทยทุกคนมาช่วยกัน นอกจากการดูแลตัวเองเพื่อลดความเสี่ยง อันจะเป็นการช่วยป้องกันบุคลากรทางแพทย์ และหากคนเราแข็งแรงและมีกำลัง ก็สามารถเอากำลังกายและใจนั้นออกมาแบ่งปันช่วยเหลือกันต่อไป” มาดามแป้ง กล่าวเพิ่มเติม

ทั้งนี้ “มูลนิธิมาดามแป้ง” ขอเชิญชวนคนไทยร่วมเป็นกำลังใจให้บุคลากรทางแพทย์ ผ่านกิจกรรมครัวมาดาม ด้วยการส่งข้าวกล่องเติมพลังให้ด่านหน้าผู้เสียสละในทุกวัน ด้วยการร่วมบริจาคสมทบทุน กล่องละ 50 บาท เลขบัญชี 092-2-61340-0 ธ.กสิกรไทย ชื่อบัญชี มูลนิธิมาดามแป้ง เพื่อโครงการสร้างสังคมแห่งการให้

 

 

กระบี่ – นายกสมศักดิ์ นำชุด ฉก.โควิด ปูพรหม...ฉีดพ้นกวาดล้างเชื้อไวรัส แลนด์มาร์คแหล่งท่องเที่ยว ย่านการค้าอ่าวนาง

นายสมศักดิ์ กิตติธรกุล นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดกระบี่ นำกำลังเจ้าหน้าที่ชุดเฉพาะกิจปราบปรามไวรัสโควิ-19 กองป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย องค์การบริหารส่วนจังหวัดกระบี่ สนธิกำลังร่วมกับนายพันคำ กิตติธรกุล นายกองค์การบริหารส่วนตำบลอ่าวนาง พร้อมด้วยกำลังเจ้าหน้าที่กองป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย องค์การบริหารส่วนตำบลอ่าวนาง รวม 30 คน ปูพรหมกวาดล้างทำความสะอาดออกฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อในย่านธุรกิจอ่าวนางแลนด์มาร์ก หน้าแหล่งท่องเที่ยวชายหาดนพรัตน์ธารา หมู่ที่ 3 บ้านคลองแห้ง และย่านธุรกิจการค้าหน้าชายหาดอ่าวนาง หมู่ที่ 2 บ้านอ่าวนาง ตำบลอ่าวนาง อำเภอเมืองกระบี่ จังหวัดกระบี่ ทั้งใช้รถยนต์และกำลังเดินเท้าออกฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อไวรัส บนทางเท้าหน้าร้านค้า ตามร้านค้า ตลาดสด ร้านนวด ร้านค้าแผงลอย ลานเอนกประสงค์ และท้องถนน รวมเนื้อที่กว่า 4 ,000 ตารางกิโลเมตร ต้องใช้น้ำยาฆ่าเชื้อแบบเข้มข้นถึง 15,000 ลิตร

สาเหตุที่องค์การบริหารส่วนจังหวัดกระบี่ ต้องปูพรหมทำความสะอาดในย่านธุรกิจการค้าทั้งสองแห่ง เนื่องจากในช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่ผ่านมาได้มีประชาชนชาวจังหวัดกระบี่ รวมถึงนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติ ทั้งที่มาจากพื้นที่ไม่มีความเสี่ยงและพื้นที่มีความเสี่ยงสูง เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวจับจ่ายใช้สอยและพักผ่อนหย่อนใจ รวมถึงได้พักอาศัยค้างคืนเป็นจำนวนมาก จากการสืบสวนการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ของคณะกรรมการสืบสวนโรคสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดกระบี่ พบว่ามีผู้ป่วยติดเชื้อมาจากพื้นที่เสี่ยงสูง มาแพร่กระจายเชื้อในพื้นที่ดังกล่าวทำให้มีผู้มีความเสี่ยงรวมถึงผู้สัมผัสกับผู้ป่วยเป็นจำนวนมากเช่นกัน ซึ่งผลจากการคัดกรองตรวจเอาสารคัดหลังโพรงจมูก พบกลุ่มบุคคลดังกล่าว มีผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโควิด-19 หลายคน

ส่วนสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รอบสามพันธุ์ใหม่ วันที่ 1 – 25 เมษายน 2564 ล่าสุดมีผู้ป่วยติดเชื้อสะสมเพิ่มอีก 2 คนเป็น 55 คน รักษาหายกลับบ้านแล้ว 3 คน คงเหลือผู้ติดเชื้อ 52 คน เป็นผู้ติดเชื้อในจังหวัด 2 คน เป็นผู้ป่วยจากระบบเฝ้าระวังบริการ สถานที่เสี่ยง สถานบันเทิง พื้นที่ระบาด 54 คน จาการค้นหาเชิงรุกผู้ที่สัมผัสเสี่ยง สัมผัสผู้ป่วยยืนยัน 1 คน เป็นคนไทย 52 คน ต่างชาติ 3 คน แยกเป็นอำเภอเมืองกระบี่ รักษาตัวที่โรงพยาบาลจังหวัด  25 คน โรงพยาบาลเอกชน 5 คน โรงพยาบาลสนาม 16 คน โรงพยาบาลอำเภอปลายพระยา 5 คน โรงพยาบาลอำเภอเหนือคลอง 1 คน ส่วนบุคลากรทางการแพทย์ เจ้าหน้าที่รัฐที่ปฏิบัติหน้าที่มีความเสี่ยงในการติดเชื้อ และประชาชนที่สมัครใจเข้ารับการฉีดวัคซีน เข็มแรกเพิ่มอีก 538 คนรวม 7,378 คน เข็มที่สองลงทะเบียนฉีดวัคซีน 4,000 คน มารับบริการแล้ว 678 คน ซึ่งจังหวัดกระบี่สามารถรองรับผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโควิด 19 ทั้งโรงพยาบาลของรัฐ โรงพยาบาลเอกชน และโรงพยาบาลสนาม รวม 176 เตียง รับผู้ป่วยแล้ว 52 เตียง เหลืออีก 124 เตียง


ภาพ/ข่าว  ณัฏฐพงษ์ ศรีปล้อง รายงาน

สตูล - ผู้ว่าราชการจังหวัด ยกระดับมาตรการป้องกัน COVID 19 ปรับจริงผู้ไม่ใส่แมสก์ !! ตั้งด่านคัดกรอง ทุกตำบล , 7 อำเภอ ห้ามข้าราชการออกนอกพื้นที่เว้นที่จำเป็นเท่านั้น

นายเอกรัฐ หลีเส็น ผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล เปิดเผยภายหลังประชุม ศบค.จังหวัดสตูล ว่าเนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค COVID 19 ในปัจุบันมีการแพร่ระบาดออกไปและจังหวัดโดยรอบของสตูล มีการติดเชื้อเป็นกลุ่มก้อนจำนวนมาก ซึ่งได้มีการประชุมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อกำหนดมาตรการเพื่อให้เกิดความปลอดภัยมากที่สุด โดยสิ่งที่จะทำให้ปลอดภัยจากเชื้อโรคคือต้องไปมาหาสู่ให้น้อยที่สุด มีการเดินทางน้อยที่สุด ซึ่งอาจจะกระทบเศรษฐกิจและสังคมบ้าง แต่ก็มีความจำเป็นที่จะต้องยกระดับขึ้นมา โดยที่ประชุมมีมติดังนี้

1.การยกระดับการบังคับใช้กฎมายเรื่องการสวมใส่หน้ากากอนามัยเมื่อออกนอกเคหสถาน โดยมอบหมายผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสตูลร่วมกับฝ่ายปกครอง ในการดำเนินการเรื่องจับ/ปรับผู้ไม่สวมใส่หน้ากากอนามัย ปรับไม่เกิน 20,000 บาท 

2.การจัดตั้งด่านคัดกรอง COVID19 ทุกตำบล รวม 36 ตำบล/ด่าน ซึ่งด่านเหล่านี้จะคัดกรองบุคคลนอกพื้นที่ทุกจังหวัด เพราะตอนนี้ทุกพื้นที่ถือว่าเสี่ยงหมดแล้ว

3.จัดระบบมาตรการเข้าไปสืบสวนโรคแบบเข้มข้น แบบรวงผึ้ง ประกอบด้วย กำนันผู้ใหญ่บ้าน อสม. รับผิดชอบดูและครัวเรือน 10-15 หลัง เพื่อดูว่าบ้านไหนมีลูกหลาน พี่น้อง เข้ามาในพื้นที่โดยไม่แจ้ง หรือไม่สแกน QR หรือไม่ หากไทม์ไลน์มีความเสี่ยงสูง จะนำเข้า LQ แต่ถ้ามีความเสี่ยงต่ำให้เข้า HQ และต้องรายงานผลทุกวัน

4.ข้าราชการห้ามเดินทางออกนอกพื้นที่โดยเด็ดขาด หากไม่มีความจำเป็น แต่ถ้ามีความจำเป็น หลีกเลี่ยงไม่ได้ ให้ขออนุญาตผู้บังคับบัญชาและให้เขียนไทม์ไลน์รายงานผู้บังคับบัญชาเมื่อเดินทางกลับมาปฏิบัติหน้าที่ 

5.มาตรการปิดจุดเสี่ยงเพิ่มเติม เช่น ร้านเกมส์ ร้านสนุกเกอร์หรือบิลเลียด และฟิตเนส และขอความร่วมมือในการงดจัดงานเลี้ยงสังสรรค์ทั้งหมดและงดการดื่มกิน หรือการจัดกิจกรรมที่มีการรวมกลุ่มของคนจำนวนมาก ยกเว้นกิจกรรมด้านประเพณีวัฒนธรรม เช่น งานศพ งานบวช งานแต่ง เท่าที่จำเป็นและผู้เข้าร่วมน้อยที่สุด

6.มาตรการการเข้าสู่จังหวัดสตูล โดยยกระดับอย่างเต็มที่ ซึ่งเมื่อก่อนสามารถเดินทางเข้ามาได้และตอนนี้ให้ล็อคตั้งแต่ต้นทาง คือ คนที่เข้ามาในจังหวัดสตูล ต้องผ่านการตรวจ COVID 19 ไม่น้อยกว่า 72 ชั่วโมง หากผลปกติสามารถเข้ามาได้ แต่หากไม่มีผลตรวจ แต่เมื่อเข้ามาในพื้นที่ หากชุดปฏิบัติการควบคุมโรคประจำตำบลตรวจพบเจอก็จะนำไปสู่ LQ ดังนั้น ถ้าไม่จำเป็นขอให้อยู่กับที่ ส่วนเรื่องอื่น ๆ เช่น รถส่งของ ผลไม้ ของสด ก็ไม่มีปัญหา

ซึ่งมาตรการดังกล่าวจะทดลองใช้ 14 วัน แล้วจะประเมินให้มีความเหมาะสมว่ากระทบต่อเศรษฐกิจและสังคมหรือไม่  สำหรับวันนี้สตูลยอดเพิ่ม 1 ราย รวม 11 ราย พบในเด็กหญิงไทยอายุ  5 ปี


ภาพ/ข่าว  นิตยา แสงมณี / ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดสตูล


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top