Tuesday, 17 June 2025
Politics

‘ชวน’ ยัน แก้คะแนนโหวตไม่ไว้วางใจไม่ได้ หลัง ‘พิธา’ โวยเครื่องลงคะแนนผิดพลาด ชี้ทำได้แค่บันทึกไว้ในการประชุมเท่านั้น แต่สั่งเจ้าหน้าที่ตรวจสอบแล้ว โบ้ยอาจเป็นเพราะไม่ได้แสดงตนก่อนกดลงมติก็ได้

เมื่อวันที่ 22 ก.พ. เวลา 09.30 น. ที่รัฐสภา นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรณีนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ปฏิเสธหลังปรากฏมีการลงคะแนนไว้วางใจ ร.อ. ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ ว่าเกิดจากความผิดพลาดของเครื่องลงคะแนนว่า เบื้องต้นได้ทราบจากข่าวแล้ว โดยจะให้ทางสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ตรวจสอบเรื่องดังกล่าว แต่จะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงคะแนนได้ เนื่องจากสิ้นสุดการลงคะแนน และมีการแจ้งต่อที่ประชุมไว้ก่อนแล้ว แต่สามารถบันทึกไว้ในการประชุมได้

ซึ่งเบื้องต้นยังไม่ทราบสาเหตุของความผิดพลาดดังกล่าว ที่ผ่านมามีสมาชิกขอตรวจสอบคะแนนในกรณีลงคะแนน แต่ไม่ปรากฏคะแนนเสียงของตัวเอง ตนจึงกำชับสมาชิกทุกคนก่อนลงคะแนนทุกครั้งว่าเกิดปัญหาใดหรือไม่ ประเด็นดังกล่าวอาจจะเกิดจากไม่ได้แสดงตน หรือเมื่อแสดงตนแล้ว ก่อนลงมติต้องกดแสดงตนอีกครั้งหนึ่ง

สำหรับการประชุมร่วมของรัฐสภาในการพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญ ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม วาระที่สองในวันที่ 24 - 25 ก.พ. นายชวน กล่าวว่า จะมีการนำร่างพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.)ตำรวจแห่งชาติ และร่างพ.ร.บ.ส่งเสริมการใช้ประโยชน์ผลงานวิจัยและนวัตกรรม พ.ศ. .... ซึ่งค้างจากการประชุมครั้งก่อนขึ้นมาพิจารณก่อนในการประขุมครั้งนี้ คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 2 - 3 ชั่วโมง หลังจากนั้นจะพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญในวาระที่สอง ตลอดทั้ง 2 วัน

โดยไม่มีการกำหนดกรอบเวลาในการอภิปราย สามารถประชุมได้จนกว่าการอภิปรายจะแล้วเสร็จทั้งหมด เพื่อให้สามารถเปิดประชุมสมัยวิสามัญพิจารณาในวาระ 3 ได้ ซึ่งการเปิดประชุมสมัยวิสามัญจะเป็นวันใด จะอยู่ที่ฝ่ายบริหารเป็นผู้พิจารณา หากร่างรัฐธรรมนูญ ฉบับแก้ไข ผ่านตามกำหนดจะมีการแจ้งสมาชิกทราบล่วงหน้า ซึ่งตามที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญจะต้องเว้นจากวาระสอง 15 วันถึงจะพิจารณาวนสาระสามได้

ศบค.เคาะแล้ว ต่อ พรก.ฉุกเฉินอีก 1 เดือน ถึง 31 มี.ค. แต่ผ่อนคลายให้นั่งดื่มและฟังดนตรีสดได้ถึง 23.00 น. ยกเว้นสมุทรสาครจังหวัดเดียวที่ยังเป็นพื้นที่สีแดง

เมื่อวันที่ 22 ก.พ.ที่ทำเนียบรัฐบาล นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษก ศบค.เปิดเผยว่า ที่ประชุม ศบค.เปิดเผยว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบต่อ พรก.ฉุกเฉิน ไปจนถึงวันที่ 31 มีนาคม และเหลือพื้นที่สีแดงเพียงจังหวัดเดียวคือจังหวัดสมุทสาคร ส่วนสีส้ม เหลือ 8 จังหวัด ประกอบด้วย กรุงเทพมหานคร สมุทรปราการ สมุทรสงคราม นครปฐม ปทุมธานี นนทบุรี ราชบุรี ตาก เป็นต้น สีเหลือง 14 สีเขียว 54 จังหวัด

ทั้งนี้ สามารถดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ได้ทุกพื้นที่ ยกเว้นสมุทรสาคร จนถึงเวลา 23.00 น. รวมถึงสามารถเล่นดนตรีสดได้ แต่คงห้ามเต้น ส่วนศูนย์การค้าเปิดได้ตามปกติ สำหรับสถานการศึกษาสามารถเปิดได้ตามปกติและผสมผสาน ส่วนสถานที่ออกกำลังกายเปิดได้ตามปกติ ส่วนการแข่งขันยังคงจำกัดผู้ชุม

อย่างไรก็ตาม สำหรับข้อกำหนดในการจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์นั้น ให้เป็นอำนาจของแต่ละจังหวัดเป็นผู้ประกาศ

หาเสียงแนวใหม่ ! ‘กรณ์’ - ‘สราวุฒิ’ ลงพื้นที่สำรวจแหล่งท่องเที่ยว เขต 3 นครศรีธรรมราช ล่องแพยาง - บอร์ดยืนพาย โชว์การท่องเที่ยวทางน้ำ เป็นของดีอันใหม่ แพ็คทีมผู้บริหารพรรค เดินสายพบประชาชนหลายพื้นที่ ย้ำความพร้อมลงมือทำทันที

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศการหาเสียงเลือกตั้งซ่อมเขต 3 จังหวัดนครศรีธรรมราช ตลอดหลายวันที่ผ่านมา เป็นไปอย่างคึกคัก ผู้สมัครหมายเลข 1 นายสราวุฒิ สุวรรณรัตน์ จากพรรคกล้า ลงพื้นที่หาเสียงพบปะประชาชนต่อเนื่อง ผู้บริหารพรรคทั้งนายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรค , นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี เลขาธิการพรรค , และรองหัวหน้าพรรค นายวรวุฒิ อุ่นใจ , นายพงศ์พรหม ยามะรัตน์ , นายภิมุข สิมะโรจน์ ที่ปรึกษาพรรค พร้อมทีมงานกล้าอาสา ที่เคยลงพื้นที่ช่วยชาวนครศรีธรรมราชเมื่อครั้งประสบอุทกภัย พบปะพูดคุยกับ ชาวบ้าน ได้รับการสะท้อนปัญหาน้ำประปาไม่ทั่วถึงหลายพื้นที่ใน อ.พระพรหม รวมถึงปัญหาที่ดินทับซ้อนในพื้นที่ใน อ.เฉลิมพระเกียรติ นอกจากนี้พรรคกล้ายังได้เข้าไปช่วยวางแผนเติมเงินในกระเป๋าให้ชาวบ้าน ด้วยการเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์กระจูด ที่ อ.ชะอวด และเตรียมผลักดันเป็นเมืองท่องเที่ยวอันซีนของประเทศไทยอีกด้วย

นายกรณ์ ได้โพสต์เฟซบุคส่วนตัว พร้อมยก อ.ชะอวด เป็น Hidden Gem มีของดีซ่อนอยู่มากมาย ไม่ว่าจะเป็นทุ่งกระจูดที่พรุควนเคร็ง สามารถนำกระจูดมาจักสานเป็นผลิตภัณฑ์จากภูมิปัญญาท้องถิ่น แหล่งท่องเที่ยวริมน้ำที่สวยงาม สะพานโค้ง 100 ปี , บ้านวังหอน , นบบัวแก้ว ทุ่งนาใต้ , หนานเรือหนานครก หรือที่คลองห้วยแหยง

นายกรณ์ บอกว่า รักการท่องเที่ยวทาง “น้ำ” มาตั้งแต่เด็ก สมัยเรียนมหาวิทยาลัยเป็นนักกีฬาพายเรือ ทำให้ทุกครั้งที่มาชะอวด ต้องไปท่องเที่ยววิถีริมน้ำในทุกครั้งที่มีโอกาส ชะอวดมีของดีอยู่แล้ว หากเติมความคิดสร้างสรรค์เข้าไป มันจะกลายเป็นความสดใหม่ ที่สร้างโอกาสให้กับคนชะอวด และนครศรีธรรมราชได้อีกมาก ยิ่งยุคนี้เป็นยุคโซเชียลมีเดีย มีเพจท่องเที่ยว มีบล็อคเกอร์มากมาย นอกจากมีแหล่งท่องเที่ยวสวยๆแล้ว การมีรูปเก๋ๆ ไว้โพสต์ก็ทำให้เกิดการแชร์ไปในวงกว้าง สร้างโอกาสในแหล่งท่องเที่ยวได้อีกด้วย

หัวหน้าพรรคกล้า ยังได้ชวนลูกสาว (กานต์ จาติกวณิช) และนายสราวุฒิ สุวรรณรัตน์ ผู้สมัครรับเลือกตั้งซ่อม เบอร์ 1 มาช่วยกันใส่ไอเดียให้กับแหล่งท่องเที่ยว นำแพยางน่ารักสดใส ลอยน้ำเล่นกันที่คลองห้วยแหยง นอกจากได้รูปสวยๆ แล้วยังมีเด็กๆและชาวบ้านแถวนั้นให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก และเอาบอร์ดยืนพาย (Stand Up Paddle board) ไปลองแม่น้ำปากพนัง ใต้สะพานโค้งรถไฟ 100 ปี ผสมผสานวิถีชุมชนกับของอินเทรนด์ ทำให้ชะอวดมีสีสันขึ้นได้ ผู้คนจะมาท่องเที่ยวกันมากขึ้น ทำให้รู้ว่านอกจากไอไข่แล้ว นครศรีธรรมราชยังมีของดีอีกหลายอย่าง

‘ธรรมนัส’ สั่งยุติโครงการเมืองต้นแบบอุตสาหกรรม ‘จะนะ’ เสียดาย ครม.เห็นชอบกับแผนงาน แต่ต้องให้ ศอ.บต. และ สศช. ศึกษาโครงการร่วมกัน โอดในความจริง สศช. ไม่ได้มีส่วนร่วมอะไรเลย

ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีดำเนินการขยายผลเมืองต้นแบบ สามเหลี่ยม มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน ไปสู่เมืองต้นแบบ 4 อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา เมืองต้นแบบอุตสาหกรรมก้าวหน้าแห่งอนาคต ว่า

“ที่ประชุมเห็นชอบให้ยุติโครงการเป็นการยุติชั่วคราว เพื่อป้องกันปัญหาที่จะเกิดขึ้น โดยขั้นตอนจากนี้ จะรายงาน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม และพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี พร้อมทำหนังสือถึงศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ด้วย

“ปัจจัยหลักที่พิจารณาให้ยุติโครงการนี้ คือ ครม.เห็นชอบกับแผนงาน แต่ครม.มีเงื่อนไขว่าต้องให้ ศอ.บต.และสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือ สศช. ศึกษาโครงการร่วมกัน แต่ สศช.ไม่ได้มีส่วนร่วมอะไรเลย ศอ.บต.ทำแต่เพียงลำพัง จึงเดือดร้อนมาจนถึงวันนี้ ทั้งนี้ที่ผ่านมาได้ตั้งคณะอนุกรรมการ 2 คณะ เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องของระเบียบและข้อกฎหมาย และอีกคณะเป็นการพิจารณาผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและวิถีชีวิตของประชาชน ซึ่งที่ผ่านมาได้ข้อสรุปแล้วว่า ทำผิดมติคณะรัฐมนตรี” ร.อ.ธรรมนัส กล่าว

หยุดข้องใจสัมพันธภาพ ‘ไทย - จีน’ โดย อี้-แทนคุณ จิตต์อิสระ | Contributor EP.8

รู้จัก 'จีน' ให้มากขึ้นในปี 2021
จากมือยุทธศาสตร์ด้านจีน แห่งประชาธิปัตย์ 
อี้-แทนคุณ จิตต์อิสระ เลขานุการคณะทำงานทางการเมืองของประธานสภาผู้แทนราษฎรไทย อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรกรุงเทพมหานคร 
บทสัมภาษณ์ที่จะย้ำให้เห็นว่า ‘จีน’ คือ ‘มหามิตร’ ที่ไทยควรคบไว้
พร้อมหยุดคลางแคลงในใจสัมพันธภาพ ไทย – จีน
แต่ลองมองอนาคต ไทย – จีน แบบรอบทิศ ทั้งการเมือง - เศรษฐกิจ 
ว่าจุดไหนที่ ‘ไทย’ ควรเข้าไปสอดแทรก!!

ผลลงมติอภิปรายไม่ไว้วางใจ 6 ครั้งย้อนหลัง รัฐมนตรีท่านไหน ถูก ‘ไม่ไว้วางใจ’ (%) มากที่สุด!!

***อภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลประยุทธ์ 2 (2564)

1.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ไว้วางใจ 272 ไม่ไว้วางใจ 206 งดออกเสียง 3 ผู้เข้าร่วมประชุม 481 สัดส่วนไม่ไว้วางใจ = 42.83%

2.) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณรองนายกรัฐมนตรี ไว้วางใจ 274 ไม่ไว้วางใจ 204 งดออกเสียง 4 ผู้เข้าร่วมประชุม 482 สัดส่วนไม่ไว้วางใจ = 42.35%

3.) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ไว้วางใจ 275 ไม่ไว้วางใจ 201 งดออกเสียง 6 ผู้เข้าร่วมประชุม 482 สัดส่วนไม่ไว้วางใจ = 41.70%

4.) นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ไว้วางใจ 268 ไม่ไว้วางใจ 207 งดออกเสียง 7 ผู้เข้าร่วมประชุม 482 สัดส่วนไม่ไว้วางใจ = 42.95%

5.) พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ไว้วางใจ 272 ไม่ไว้วางใจ 205 งดออกเสียง 3 ผู้เข้าร่วมประชุม 482 สัดส่วนไม่ไว้วางใจ = 42.53%

6.) ***นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ไว้วางใจ 258ไม่ไว้วางใจ 215 งดออกเสียง 8 ผู้เข้าร่วมประชุม 482 สัดส่วนไม่ไว้วางใจ = 45% (ถูกไม่ไว้วางใจมากที่สุดในการอภิปรายรอบ 6 ครั้งล่าสุด)

7.) นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ไว้วางใจ 263 ไม่ไว้วางใจ 212 งดออกเสียง 5 ไม่ลงคะแนน 1 ผู้เข้าร่วมประชุม 482 สัดส่วนไม่ไว้วางใจ = 43.98%

8.) นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ไว้วางใจ 268 ไม่ไว้วางใจ 201 งดออกเสียง 12 ไม่ลงคะแนน 1 ผู้เข้าร่วมประชุม 482 สัดส่วนไม่ไว้วางใจ = 41.70%

9.) นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ไว้วางใจ 272 ไม่ไว้วางใจ 206 งดออกเสียง 4 ผู้เข้าร่วมประชุม 482 สัดส่วนไม่ไว้วางใจ = 42.74%

10.) ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ไว้วางใจ จำนวน 274 คน ไม่ไว้วางใจ จำนวน 199 คน งดออกเสียง 5 คน ไม่ลงคะแนน 1 คน ผู้เข้าประชุม 479 คน สัดส่วนไม่ไว้วางใจ =41.54%

***อภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลประยุทธ์ 1 (2563)

1.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ไว้วางใจ 272 ไม่ไว้วางใจ 49 งดออกเสียง 2 ผู้เข้าร่วมประชุม 323 สัดส่วนไม่ไว้วางใจ = 15.17%

2.) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ไว้วางใจ 277 ไม่ไว้วางใจ 50 งดออกเสียง 2 ผู้เข้าร่วมประชุม 329 สัดส่วนไม่ไว้วางใจ = 15.20%

3.) นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ไว้วางใจ 272 ไม่ไว้วางใจ 54 งดออกเสียง 2 ผู้เข้าร่วมประชุม 328 สัดส่วนไม่ไว้วางใจ = 16.46%

4.) พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ไว้วางใจ 272 ไม่ไว้วางใจ 54 งดออกเสียง 2 ผู้เข้าร่วมประชุม 328 สัดส่วนไม่ไว้วางใจ = 16.46%

5.) นายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ ไว้วางใจ 272 ไม่ไว้วางใจ 55 งดออกเสียง 2 ผู้เข้าร่วมประชุม 329 สัดส่วนไม่ไว้วางใจ = 16.72%

6.) ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ไว้วางใจ 269 ไม่ไว้วางใจ 55 งดออกเสียง 7 ผู้เข้าร่วมประชุม 331 สัดส่วนไม่ไว้วางใจ = 16.62%

***อภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลยิ่งลักษณ์ (2555)

1.) นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ไว้วางใจ 308 ไม่ไว้วางใจ 159 งดออกเสียง 4 ไม่ลงคะแนน 9 ผู้เข้าร่วมประชุม 480 สัดส่วนไม่ไว้วางใจ = 33.13%

2.) ร้อยตำรวจเอกเฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ไว้วางใจ 287 ไม่ไว้วางใจ 157 งดออกเสียง 25 ไม่ลงคะแนน 11 ผู้เข้าร่วมประชุม 480 สัดส่วนไม่ไว้วางใจ = 32.71%

3.) พลอากาศเอกสุกำพล สุวรรณทัต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม (รมว.คมนาคม ในขณะนั้น) ไว้วางใจ 284 ไม่ไว้วางใจ 160 งดออกเสียง 25 ไม่ลงคะแนน 11ผู้เข้าร่วมประชุม 480 สัดส่วนไม่ไว้วางใจ = 33.33%

4.) พลตำรวจโทชัจจ์ กุลดิลก รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย (รมช.คมนาคม ในขณะนั้น) ไว้วางใจ 284 ไม่ไว้วางใจ182 งดออกเสียง

5.) ไม่ลงคะแนน 10 ผู้เข้าร่วมประชุม 481 สัดส่วนไม่ไว้วางใจ = 37.84%

***อภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลอภิสิทธิ์ (2554)

1.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกกรัฐมนตรี วางใจ 249 ไม่วางใจ 184 งดออกเสียง 11 ไม่ลงคะแนน 23 ร่วมประชุม 467 สัดส่วนไม่ไว้วางใจ = 39.40%

2.) นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี วางใจ 249 ไม่วางใจ 185 งดออกเสียง 11 ไม่ลงคะแนน 22ร่วมประชุม 469 สัดส่วนไม่ไว้วางใจ = 39.45%

3.) นายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง วางใจ 245 ไม่วางใจ 185 งดออกเสียง 12 ไม่ลงคะแนน 22 ร่วมประชุม 464 สัดส่วนไม่ไว้วางใจ = 39.87%

4.) นางพรทิวา นาคาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ วางใจ251ไม่วางใจ 186 งดออกเสียง 9 ไม่ลงคะแนน 23 ร่วมประชุม 469 สัดส่วนไม่ไว้วางใจ = 39.66%

5.) นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี วางใจ 246 ไม่วางใจ 182 งดออกเสียง 17 ไม่ลงคะแนน 21ร่วมประชุม 466 สัดส่วนไม่ไว้วางใจ = 39.06%

6.) นายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร วางใจ 247 ไม่วางใจ 185 งดออกเสียง 16 ไม่ลงคะแนน 22 ร่วมประชุม470 สัดส่วนไม่ไว้วางใจ = 39.36%

7.) นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย วางใจ 250 ไม่วางใจ 188 งดออกเสียง 8 ไม่ลงคะแนน 23 ร่วมประชุม 469 สัดส่วนไม่ไว้วางใจ = 40.09%

8.) นายโสภณ ซารัมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม วางใจ 248 ไม่วางใจ 188 งดออกเสียง 11 ไม่ลงคะแนน 22 ร่วมประชุม 469 สัดส่วนไม่ไว้วางใจ = 40.09%

9.)นายศุภชัย โพธิ์สุ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ วางใจ 243 ไม่วางใจ188 งดออกเสียง 16 ไม่ลงคะแนน21 ร่วมประชุม 468 สัดส่วนไม่ไว้วางใจ = 40.17%

10.)นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ วางใจ 247 ไม่วางใจ 188 งดออกเสียง 13 ไม่ลงคะแนน 21 ร่วมประชุม469 สัดส่วนไม่ไว้วางใจ = 40.09%

***อภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลอภิสิทธิ์ (2553)

1.)นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกกรัฐมนตรี ไว้วางใจ 246 ไม่ไว้วางใจ 186 งดออกเสียง 11 ไม่ลงคะแนน 21 ผู้เข้าร่วมประชุม 464 สัดส่วนไม่ไว้วางใจ = 40.09%

2.)นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ไว้วางใจ 245 ไม่ไว้วางใจ 187 งดออกเสียง 11 ไม่ลงคะแนน 21 ผู้เข้าร่วมประชุม 464 สัดส่วนไม่ไว้วางใจ = 40.30%

3.)นายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ไว้วางใจ 244 ไม่วางใจ 187 งดออกเสียง 12 ไม่ลงคะแนน 22 ผู้เข้าร่วมประชุม 465 สัดส่วนไม่ไว้วางใจ =40.22%

4.) นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ ไว้วางใจ 239 ไม่วางใจ190 งดออกเสียง 15 ไม่ลงคะแนน 21 ผู้เข้าร่วมประชุม 465 สัดส่วนไม่ไว้วางใจ = 40.86%

5.) นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ไว้วางใจ 236 ไม่วางใจ 194 งดออกเสียง 14 ผู้เข้าร่วมประชุม 22 ผู้เข้าร่วมประชุม 466 สัดส่วนไม่ไว้วางใจ =41.63%

6.) นายโสภณ ซารัมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ไว้วางใจ 234 ไม่วางใจ 196 งดออกเสียง 13 ไม่ลงคะแนน 22 ผู้เข้าร่วมประชุม 465 สัดส่วนไม่ไว้วางใจ = 41.15%

***อภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลอภิสิทธิ์ (2552)

1.)นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ไว้วางใจ 246 ไม่วางใจ 176 งดออกเสียง 12 ไม่ลงคะแนน 15 ผู้เข้าร่วมประชุม 449 สัดส่วนไม่ไว้วางใจ = 39.20%

2.)นายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ไว้วางใจ 246 ไม่วางใจ 174 งดออกเสียง 12 ไม่ลงคะแนน 15 ผู้เข้าร่วมประชุม 447 สัดส่วนไม่ไว้วางใจ = 38.93%

3.)นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ไว้วางใจ237 ไม่วางใจ 184 งดออกเสียง 12 ไม่ลงคะแนน 13 ผู้เข้าร่วมประชุม 447 สัดส่วนไม่ไว้วางใจ = 41.16%

4.)นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ไว้วางใจ246 ไม่วางใจ 167 งดออกเสียง 20 ไม่ลงคะแนน 14 ผู้เข้าร่วมประชุม 446 สัดส่วนไม่ไว้วางใจ = 37.44%

5.)นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ไว้วางใจ 246 ไม่วางใจ 174 งดออกเสียง 12 ไม่ลงคะแนน 15 ผู้เข้าร่วมประชุม 447 สัดส่วนไม่ไว้วางใจ = 38.93%

6.) นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ไว้วางใจ 246 ไม่วางใจ 168 งดออกเสียง 18 ไม่ลงคะแนน 15 ผู้เข้าร่วมประชุม 447 สัดส่วนไม่ไว้วางใจ = 37.58%


ที่มา: Wikipedia

นพ.ยง ภู่วรวรรณ เผยเหตุไม่ฉีดวัคซีนโควิดให้ผู้ที่มีอายุมากกว่า 60 ปี และเด็กต่ำกว่าอายุ 18 ปี เหตุมีความเสี่ยงสูง ขณะที่ข้อมูลผลข้างเคียงยังมีไม่มากพอ แต่ในอนาคตอันใกล้ได้ฉีดทุกคนแน่

วันนี้ (23 ก.พ.) ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความเกี่ยวกับสถานการณ์ “วัคซีนโควิด-19” ถึงเหตุผล ทำไมวัคซีน Sinovac ฉีดให้กับผู้มีอายุ 18 - 59 ปี ว่า จากการขึ้นทะเบียนในประเทศไทย ข้อมูลของวัคซีน Sinovac ยังมีข้อมูลการฉีดวัคซีนในผู้ที่อายุเกิน 60 ปี มีจำนวนน้อย

จากการศึกษาในระยะที่ 1 ถึงระยะที่ 3 มีผู้ที่มีอายุมากกว่า 60 ปี อยู่เกือบร้อยละ 4

ดังนั้น ทางคณะกรรมการ จึงอนุญาตให้ฉีดในภาวะฉุกเฉิน กับผู้ที่มีอายุ 18 - 59 ปี เช่นเดียวกัน ทำไมไม่ให้เด็กต่ำกว่าอายุ 18 ปี ก็เพราะยังไม่มีข้อมูลในการศึกษาในกลุ่มอายุดังกล่าว

ในทางปฏิบัติจึงจะต้องปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ ที่ถูกกำหนดไว้ และในอนาคตข้างหน้าเมื่อมีข้อมูลการฉีดในผู้สูงอายุมากเพียงพอ ก็จะขยับการฉีดวัคซีนในผู้สูงอายุต่อไป

ในวันข้างหน้า หรือในระยะเวลาอันใกล้ มีความเป็นไปได้สูงมาก ที่จะขยับอายุขึ้นไป เมื่อมีข้อมูลมากพอ

อย่างไรก็ตาม ถ้าผู้ที่มีอายุ 60 ปี หรือมากกว่า และมีความเสี่ยงสูง ที่จะติดเชื้อหรือป่วยเป็นโรคโควิด-19 และเกิดอันตรายได้สูง อย่างเช่นคุณหมอจังหวัดมหาสารคาม ก็สามารถที่จะให้ได้ แต่จะต้องประเมิน ประโยชน์ที่จะได้จากวัคซีน มากกว่าอาการข้างเคียงที่จะเกิดขึ้น โดยแพทย์ได้ให้ข้อมูลทั้งหมด และเจ้าตัวยินดีรับความเสี่ยง ก็สามารถทำได้ ด้วยความยินยอมของผู้นั้น

โดยความเห็นส่วนตัว ในระยะเวลาอันใกล้ ข้อมูลการฉีดวัคซีนในผู้สูงอายุ ก็จะมีเพิ่มขึ้นและคงจะได้ฉีดกันทุกคน อดใจรอ


ที่มา : https://web.facebook.com/story.php?story_fbid=5272855232757051&id=100000978797641&_rdc=2&_rdr

ธนาธร​ จึงรุ่งเรืองกิจ​ ประธานคณะก้าวหน้า​ ได้โพสต์ลงเฟซบุ๊กส่วนตัว​เกี่ยวกับความในใจช่วง​ 1​ ปีที่ผ่านมาหลังพรรคอนาคตใหม่ถูกยุบว่า...

ครบรอบ 1 ปียุบพรรคอนาคตใหม่ - ความในใจจากวันนั้นถึงวันนี้

ผมไม่เคยเล่าให้ใครฟังมากนัก - แม้แต่คนใกล้ชิด - ถึงความรู้สึกส่วนตัวจากกรณีถูกยุบพรรค เหตุผลหนึ่งคือในฐานะผู้นำ ผมรู้สึกว่าผมจะแสดงความอ่อนแอให้คนอื่นเห็นไม่ได้ กลัวว่าทั้งทีมงาน ในส่วนกลางและในจังหวัดต่าง ๆ, ผู้สนับสนุน และเพื่อน ส.ส. จะหมดกำลังใจ

วันนั้น ผมมีความเป็นห่วงมากเป็นพิเศษ ว่าการผลักดันวาระประชาธิปไตยผ่านระบบรัฐสภาจะอ่อนแอลง ผมเป็นห่วงเพื่อน ส.ส. อนาคตใหม่ที่ย้ายไปพรรคก้าวไกลว่าพวกเขาจะยืนได้หรือไม่ท่ามกลางกระแสการเมืองที่โหดเหี้ยมต่อฝ่ายประชาธิปไตย

ในระยะยาวหากพรรคใหม่ไม่สามารถยืนหยัดได้ แปลว่าพวกเราแพ้ย่อยยับ

เราตั้งพรรคอนาคตใหม่ขึ้นมา เพื่อหวังใช้ช่องทางรัฐสภา หาทางออกให้กับประเทศ เมื่อเราถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง ผมก็กลัวว่าพรรคก้าวไกลจะไม่หนักแน่นพอที่จะยืนยันในวาระสำคัญๆ ของชาติ กลัวว่าแรงเสียดทานจากสังคม แรงกดดันจากอำนาจเผด็จการ จะทำลายอุดมการณ์อนาคตใหม่ กลัวว่าพวกเขาจะทิ้งอุดมการณ์ไประหว่างทาง

หนึ่งปีที่ผ่านมา ถึงแม้ว่าจะมีทีมงานและเพื่อน ส.ส. กลุ่มหนึ่ง ตัดสินใจไม่เดินทางไปกับพรรคก้าวไกลต่อ ซึ่งผมเข้าใจได้ ไม่ว่าจะเป็นเพราะปัญหาความขัดแย้งทางความคิดและการปฏิบัติการภายในพรรค, แรงกดดันทางสังคมที่รุนแรง หรือผลประโยชน์ที่หอมหวาน

แต่ ส.ส. ส่วนใหญ่ที่เหลือยังหนักแน่นกับอุดมการณ์อนาคตใหม่ และได้แสดงให้สังคมเห็นถึงความหนักแน่นนี้ อย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมา

วันนี้ ผมไม่มีบทบาททางการเมืองในระบบแล้ว แต่ผมไม่เคยเสียใจเลยที่เป็นส่วนสำคัญในการสร้างพรรคอนาคตใหม่ขึ้นมา เราทุกคนล้วนเป็นอิฐก่อนต่อไปของการสร้างสังคมประชาธิปไตยที่เท่าเทียมเสมอภาค ผมก็เป็นเพียงอิฐอีกก้อนให้คนที่เดินข้างหลังก้าวต่อไปถึงจุดหมาย

วันครบหนึ่งปีของการยุบพรรคอนาคตใหม่ ตรงพอดีกับการจบลงของการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล การทำงานของพรรคก้าวไกลที่ผ่านมา โดยเฉพาะการอภิปรายไม่ไว้วางใจรอบนี้ ทำให้ผมหมดห่วง ผมเฝ้าติดตามการอภิปรายไม่ไว้วางใจของพวกเขาอย่างชื่นชม

พวกเขาทำได้ดีมาก

พรรคก้าวไกลแสดงให้เห็นแล้วว่าพวกเขามีวิสัยทัศน์ กล้าหาญและหนักแน่น ไม่แพ้อนาคตใหม่เลย วันนี้จึงเป็นวันที่ผมรู้สึกผ่อนคลาย ไม่ต้องแบกอะไรไว้บนหลังมากมายเหมือนก่อน พวกเขามั่นคง แข็งแกร่ง และเดินต่อไปได้อย่างสง่างาม

ผมสบายใจและมั่นใจว่าอย่างน้อยในสภา ก็ยังมีพรรคการเมืองที่พร้อมจะยืนอย่างมั่นคงในหลักการประชาธิปไตย กล้าหาญพอที่จะยืนบนผลประโยชน์ของประชาชน เพื่ออนาคตของประเทศ

หมดหน้าที่ของผมในสภาแล้ว พวกเขาถือคบไฟ วิ่งไปต่ออย่างมั่นคง

ผมต้องกล่าวเป็นพิเศษถึงคุณพิธา ลิ้มเจริซรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล เขาเป็นคนที่ถูกกดดันและถูกคาดหวังมากในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา โบราณกล่าวไว้ว่า หนทางพิสูจน์ม้า กาลเวลาพิสูจน์คน พิธาพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นแล้วว่า เขากล้าหาญพอที่จะเผชิญหน้ากับปัญหาใจกลางการเมืองไทยอย่างมีวุฒิภาวะ เขามีความเป็นผู้นำและมีไหวพริบ ไม่เพียงแค่จะนำพรรคก้าวไกล แต่จะนำประเทศไทยในอนาคต

วันนี้ ผมเผชิญหน้ากับวันครบรอบ 1 ปีการยุบพรรคอนาคตใหม่อย่างสงบ ไม่มีความรู้สึกโกรธหรือเคียดแค้นที่ถูกกระทำอย่างไม่เป็นธรรม เพราะรู้ว่าพวกเขาทำไม่สำเร็จ พวกเขายุบอุดมการณ์ไม่ได้ ผมไม่มีความรู้สึกรุ่มร้อน เป็นห่วงการเมืองในสภาเหมือนเดิม เพราะก้าวไกลได้ยืนอย่างสง่าผ่าเผยให้สังคมเห็นแล้ว

ต่อจากนี้ไป ผมจะยังทำงานการเมืองต่อไปเช่นเดิม และขอยืนเคียงข้างพรรคก้าวไกล ในวันที่เขาต้องการคำปรึกษาหรือกำลังใจ ผมขอยืนข้างหลังพวกเขาร่วมกับประชาชน ในวันที่พวกเขาต้องการการสนับสนุน และจะยืนข้างหน้าพวกเขา เมื่อพวกเขาเผชิญภัยอันตราย

ขอให้ทุกคนเดินหน้าอย่างกล้าหาญ ประชาชนจะปกป้องคุณเอง

ห่วงสุดท้ายที่ยังติดในใจ คือความเป็นห่วงต่อเพื่อนกรรมการบริหารพรรคอนาคตใหม่ ขอบคุณที่ตัดสินใจเดินร่วมทางกันวันนั้น แม้เป็นเวลาสั้น ๆ แต่ก็เป็นเกียรติที่ได้ร่วมงานกับทุกคน และขอโทษที่ทุกคนต้องคดีความไปด้วย สิ่งนี้ยังเป็นห่วง ที่ยังติดในใจผมถึงทุกวันนี้

ในวาระครบรอบ 1 ปียุบพรรคอนาคตใหม่นี้ ผมขอขอบคุณผู้ร่วมจดจัดตั้งพรรค, สมาชิกพรรค, ผู้สนับสนุน และผู้ออกเสียงลงคะแนนให้พรรคอนาคตใหม่ทุกคนอีกครั้ง ขอบคุณทุกการโอบกอด ขอบคุณทุกการจับไม้จับมือ ขอบคุณน้ำทุกขวด ขนมทุกชิ้น ดอกไม้ทุกดอก ผ้าขาวม้าทุกผืน รูปวาดทุกใบ และกำลังใจทุกดวง ที่ทุกคนมอบให้ระหว่างทาง มันเป็นการเดินทางที่วิเศษ และผมจะจดจำมันตลอดไป


ที่มา: https://www.facebook.com/382592748811072/posts/1046862262384114/

‘บิ๊กตู่’ ย้ำคนไทยทุกคนจะได้รับวัคซีนป้องกันโควิดฟรีทุกคน ‘ยัน’ วัคซีนทุกล็อต ต้องผ่านการขึ้นทะเบียนกับ อย. พร้อมย้ำเปิดรับวัคซีนโควิดทุกราย

เมื่อเวลา 11.20 น. วันที่ 23 ก.พ.พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชานายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊คส่วนตัว ถึงความคืบหน้า การจัดหาวัคซีนต้านโควิด-19 โดยเฉพาะวัคซีนซิโนแวค 2 แสนโด้ส ที่จะมาถึงในวันที่ 24 ก.พ.ว่า “ความคืบหน้า การจัดหาวัคซีนต้านโควิด-19 วัคซีนซิโนแวค 2 แสนโด้ส ที่จะมาถึงในวันพรุ่งนี้ (24 ก.พ.) จะเริ่มฉีดให้กับกลุ่มเป้าหมายตามแผนการได้ภายใน 3 วันครับ

สำหรับคนไทยจะได้ฉีดวัคซีนฟรีทุกคน ซึ่งเราได้กำหนดกลุ่มเป้าหมาย และการบริหารจัดการทั้งหมดไว้ก่อนแล้ว ขอให้รอฟังการชี้แจง ศบค. ต่อไป

ทั้งนี้ วัคซีนล็อตสองจำนวน 8 แสนโด้ส และล็อตสาม 1 ล้านโด้ส จะตามมาในเดือนมีนาคมและเมษายน โดยส่วนหนึ่งจะใช้สำหรับฉีดเข็มที่ 2 ให้ผู้ที่ได้รับโด้สแรกไปแล้ว

ในเดือนพฤษภาคม - มิถุนายน เราจะได้รับวัคซีนแอสตร้า เซเนก้า 26 ล้านโด้ส และจะตามมาอีก 35 ล้านโด้ส

วัคซีนของแอสตร้า เซเนก้าขึ้นทะเบียนแล้ว นอกจากนี้ ยังมีวัคซีนของจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ที่ได้ส่งเอกสารบางส่วนแล้วแต่ยังไม่ครบถ้วน ของโมเดอร์นาและไฟเซอร์ที่ได้ส่งตัวแทนมาพูดคุย แต่ยังไม่ได้ส่งเอกสารมาครับ

จะเห็นว่าเราเปิดรับวัคซีนจากทุกบริษัท ที่ผ่านมาได้มีการประสานงานกันมาโดยตลอด บางส่วนอยู่ในขั้นตอนการขอเอกสาร บางส่วนอยู่ระหว่างการเจรจา ทั้งหมดเราไม่ปิดกั้น

เรายินดีที่ภาคเอกชนมีแนวคิดช่วยจัดหาวัคซีนมาฉีดให้ผู้ที่ต้องการ อย่างไรก็ดี ผู้ผลิตวัคซีนหรือผู้นำเข้าจะต้องขอจดทะเบียนกับ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา หรือ อย. เพื่อตรวจสอบความปลอดภัยและประสิทธิภาพของวัคซีนก่อน ซึ่งทาง อย.ได้ระดมผู้เชี่ยวชาญจำนวนมาก มาช่วยในการตรวจสอบเพื่อความรวดเร็วในการขึ้นทะเบียน

วัคซีนที่จะใช้ฉีดในประเทศไทยทุกล็อต จะต้องผ่านการขึ้นทะเบียนกับ อย. เพราะเราต้องให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของคนไทยเป็นอันดับแรก

ทั้งหมดที่ผมกล่าวมา จะเห็นว่า เราตั้งใจวางมาตรการอย่างเป็นระบบ เพราะทั้งหมดเกี่ยวพันถึงความปลอดภัยของพี่น้องคนไทยทุกคนในประเทศ จึงเป็นเรื่องที่ต้องรัดกุม มีแผนงานที่เป็นขั้นเป็นตอนตามแผนของรัฐที่กำหนดไว้ เพื่อความปลอดภัยสูงสุด และเพื่อให้การฉีดวัคซีนได้ผลในการป้องกันการระบาดได้เต็มประสิทธิภาพ

อย่างไรก็ตาม ส่วนสำคัญเรื่องหนึ่งในกระบวนการ คือการป้องกันตัวเองครับ ที่ผ่านมา เราประสบความสำเร็จในเรื่องนี้เป็นอย่างดี ขอให้ทุกคนยังคงสวมหน้ากากอนามัย ล้างมือบ่อย ๆ และเว้นระยะห่างทางสังคม เรื่องนี้จะช่วยให้ปลอดภัยจากโควิดได้ดีที่สุดครับ”


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top