Tuesday, 17 June 2025
Politics

ปะทะเดือดหน้า สภ.เมืองขอนแก่น ผู้ชุมนุมถูกจับ 3 คน หลังม็อบราษฎร โขง ชี มูล เคลื่อนพลจากสวนสาธารณะประตูเมือง ไปยัง สภ.เมืองขอนแก่น ขอพบผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 เรียกร้องให้ยกเลิกการดำเนินคดีมาตรา 112 กับแกนนำคณะราษฎร

เมื่อเวลา 00.00 น. วันที่ 21 ก.พ.2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่ากลุ่มผู้ชุมนุมในชื่อกลุ่มราษฎร โขง ชี มูล นำโดย นายอรรถพล บัวพัฒน์ หรือครูใหญ่ , นายวชิรวิทย์ เทศศรีเมือง หรือ เซฟ และ นายภาณุพงษ์ ศรีธนาณุวัฒน์ หรือ ไนซ์ ได้นำกลุ่มผู้ชุมนุมเดินจากสวนสาธารณะประตูเมืองขอนแก่น มายังหน้า สภ.เมืองขอนแก่น เพื่อเรียกร้องให้มีการยกเลิกการดำเนินคดีมาตรา 112 กับนายพริษฐ์ ชีวารักษ์ หรือเพนกวิน และ นายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือไผ่ ดาวดิน 2 แกนนำกลุ่มราษฎร ที่ถูกดำเนินคดีในพื้นที่รับผิดชอบของ สภ.เมืองขอนแก่น

โดยทันทีที่กลุ่มผู้ชุมนุมเคลื่อนพลมาถึงยังหน้า สภ.เมืองขอนแก่น เจ้าหน้าที่ตำรวขชุดปราบจลาจลและควบคุมฝูงชน ได้ตั้งแนวโล่กำบังที่บริเวณด้านหน้าประตูทางเข้าไม่ให้กลุ่มผู้ชุมนุมได้เข้าไปภายใน สภ.เมืองขอนแก่นได้ โดยมี พ.ต.อ.ปรีชา เก่งสาริกิจ ผกก.สภ.เมืองขอนแก่น นำเจ้าหน้าที่ออกมาเจรจากับกลุ่มผู้ชุมนุม โดยทางกลุ่มผู้ชุมนุมยืนยันว่าจะขอพบกับ พล.ต.ท.ยรรยง เวชโอสภ ผบช.ภ. 4 เพื่อยืนหนังสือเรียกร้องให้ยกเลิกการดำเนินคดีในมาตรา 112 กับแกนนำคณะราษฎรทั้ง 2 คน

ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยืนยันว่าทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการของกฎหมาย ทำให้กลุ่มผู้ชุมนุมไม่พอใจและพยายามฝ่าแนวกำแพงโล่ของเจ้าหน้าที่เพื่อที่จะเข้าไปภายใน สภ.เมืองขอนแก่น ทำให้เกิดการปะทะกันขึ้นอีกครั้งแต่ไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ จากนั้นกลุ่มผู้ชุมนุมได้ถอยมาตั้งหลักพร้อมทั้งนำอาหารสุนัขชนิดเม็ดมาโปรยใส่เจ้าหน้าที่ที่ตรึงกำลังอยู่ ทางเข้า สภ.เมืองขอนแก่น

และพยายามที่จะฝ่าเข้าไปอีกครั้งครั้งนี้เจ้าหน้าที่ได้ทำการจับกุมกลุ่มผู้ชุมนุม 3 คนก่อนที่จะปล่อยตัวออกมา แต่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ปล่อยตัวออกมา โดยการชุมนุมหน้า สภ.เมืองขอนแก่น ผ่านไปประมาณเกือบ 2 ชม.ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็เข้ามาเจรจากับแกนนำอีกครั้ง โดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยอมถอยให้กลุ่มผู้ชุมนุมได้เข้ามาภายในสถานีตำรวจภูธรเมืองขอนแก่น แต่ต้องอยู่บริเวณด้านหน้าเท่านั้น

ในเวลาต่อมาได้มีผู้แทน ผบช.ภ.4 เดินทางมารับหนังสือเรียกร้องของกลุ่มผู้ชุมนุม โดยนายอรรถพล ได้ยื่นคำขาดขอให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยกเลิกการดำเนินคดีมาตรา 112 กับนายพริษฐ์ ชีวารักษ์ หรือเพนกวิน และ นายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือไผ่ ดาวดิน 2 แกนนำกลุ่มราษฎร ที่ถูกดำเนินคดีในพื้นที่ สภ.เมืองขอนแก่นก่อนหน้านี้ และห้ามดำเนินคดีกับผู้ชุมนุมไม่ว่าจะเป็นใครก็ตามในวันนี้ที่ทางกลุ่มผู้ชุมนุมมีการจัดกิจกรรมขึ้น และขอทราบผลภายใน 5 วัน หากไม่ยกเลิกจะกลับมารวมตัวที่ สภ.เมืองขอนแก่นอีกครั้ง และหากพื้นที่ใดมีการแจ้งความดำเนินคดีกับกลุ่มผู้ชุมนุมก็จะเดินทางไปชุมนุมที่ สภ.นั้น ๆ ทันที

โดยที่ผู้แทน ผบช.ภ. 4 กล่าวกับผู้ชุมนุมว่า จะรับหนังสือไว้และจะส่งต่อให้กับ ผบช.ภ. 4 ได้พิจารณาและสั่งการตามขั้นตอนต่อไป ก่อนที่ผู้ชุมนุมจะแยกย้ายและเดินทางกลับไปปักหลักชุมนุมต่อภายในสวนสาธารณะประตูเมือง ริม ถ.มิตรภาพ เขตเทศบาลนครขอนแก่น

 

นิด้าโพล เผย คนส่วนใหญ่เห็นควรฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้จังหวัดที่แพร่ระบาดมากก่อน ขณะที่บุคลากรทางการแพทย์ การสาธารณสุขควรได้ฉีดก่อน ส่วนนักการเมืองควรได้วัคซีนเป็นกลุ่มสุดท้าย

สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลสำรวจของประชาชน เรื่อง “ฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ให้ใครก่อนดี” ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 15-17 กุมภาพันธ์ 2564 จากประชาชนที่มีอายุ 15 ปีขึ้นไป กระจายทุกภูมิภาค ระดับการศึกษา และอาชีพทั่วประเทศ รวมทั้งสิ้น จำนวน 1,318 หน่วยตัวอย่าง เกี่ยวกับการฉีดวัคซีนป้องกันเชื้อไวรัสโควิด-19 การสำรวจอาศัยการสุ่มตัวอย่างโดยใช้ความน่าจะเป็นจากบัญชีรายชื่อฐานข้อมูลตัวอย่างหลัก (Master Sample) ของ “นิด้าโพล” สุ่มตัวอย่างด้วยวิธีแบบง่าย (Simple Random Sampling) เก็บข้อมูลด้วยวิธีการสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์โดยกำหนดค่าความเชื่อมั่นที่ร้อยละ 97.0

จากการสำรวจเมื่อถามถึงจังหวัดที่ควรเป็นกลุ่มเป้าหมายแรกในการฉีดวัคซีนป้องกันเชื้อไวรัสโควิด-19 พบว่า ส่วนใหญ่ร้อยละ 56.90 ระบุว่า จังหวัดที่มีการแพร่ระบาดมากในรอบที่ 2 ที่ผ่านมา รองลงมา ร้อยละ 16.77 ระบุว่า เริ่มทุกจังหวัดพร้อม ๆ กัน ร้อยละ 10.70 ระบุว่า จังหวัดที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญ ร้อยละ 10.39 ระบุว่า จังหวัดที่อยู่ติดกับชายแดนทั้งหมด และร้อยละ 5.24 ระบุว่า จังหวัดที่มีการลงทุนด้านอุตสาหกรรมสูง

ด้านกลุ่มอายุที่ควรเป็นกลุ่มเป้าหมายแรกในการฉีดวัคซีนป้องกันเชื้อไวรัสโควิด-19 พบว่า ส่วนใหญ่ ร้อยละ 38.01 ระบุว่า กลุ่มวัยทำงาน ตั้งแต่ 20 - 59 ปี รองลงมา ร้อยละ 37.10 ระบุว่า กลุ่มผู้สูงอายุ (60 ปี ขึ้นไป) ร้อยละ 15.10 ระบุว่า เริ่มทุกกลุ่มอายุพร้อม ๆ กัน และร้อยละ 9.79 ระบุว่า กลุ่มเด็กและเยาวชนที่อายุไม่เกิน 20 ปี

เมื่อถามถึงกลุ่มอาชีพที่ควรได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันเชื้อไวรัสโควิด-19 เป็นกลุ่มเป้าหมายแรก พบว่า ส่วนใหญ่ ร้อยละ 40.48 ระบุว่าเป็น กลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ การสาธารณสุข รองลงมา ร้อยละ 14.41 ระบุว่าเป็น กลุ่มผู้รับจ้างทั่วไป/ผู้ใช้แรงงาน ร้อยละ 8.87 ระบุว่าเป็น กลุ่มผู้ประกอบอาชีพด้านการท่องเที่ยวทุกรูปแบบ ร้อยละ 7.59 ระบุว่าเป็น เริ่มทุกกลุ่มอาชีพพร้อม ๆ กัน ร้อยละ 5.29 ระบุว่าเป็น กลุ่มผู้ประกอบอาชีพด้านการเดินทางและขนส่งทุกชนิด ร้อยละ 4.93 ระบุว่าเป็น กลุ่มนักเรียน/นักศึกษา ร้อยละ 4.85 ระบุว่าเป็น กลุ่มเจ้าของธุรกิจ/อาชีพอิสระ ร้อยละ 4.38 ระบุว่าเป็น กลุ่มข้าราชการ/ลูกจ้าง/พนักงานรัฐวิสาหกิจ ร้อยละ 3.82 ระบุว่าเป็น กลุ่มพนักงานบริษัทเอกชน ร้อยละ 3.49 ระบุว่าเป็น กลุ่มพ่อบ้าน/แม่บ้าน/เกษียณอายุ/ว่างงาน ร้อยละ 1.41 ระบุว่าเป็น กลุ่มเกษตรกร ประมง และร้อยละ 0.48 ระบุว่าเป็น กลุ่มนักการเมือง

ส่วนความคิดเห็นของประชาชนต่อการบังคับให้ชาวต่างชาติทุกคนในประเทศไทยฉีดวัคซีนป้องกันเชื้อไวรัสโควิด-19 พบว่า ส่วนใหญ่ ร้อยละ 44.54 ระบุว่า ควรบังคับชาวต่างชาติทุกคนให้ฉีดวัคซีน รองลงมา ร้อยละ 28.22 ระบุว่า ควรเป็นไปตามความสมัครใจในการฉีดวัคซีน ร้อยละ 26.25 ระบุว่า ควรบังคับเฉพาะชาวต่างชาติกลุ่มเสี่ยงให้ฉีดวัคซีน และร้อยละ 0.99 ระบุว่า ไม่ทราบ/ไม่ตอบ/ไม่สนใจ

ความคิดเห็นของประชาชนต่อการรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการฉีดวัคซีนป้องกันเชื้อไวรัสโควิด-19 ให้กับชาวต่างชาติในประเทศไทย พบว่า ส่วนใหญ่ ร้อยละ 38.92 ระบุว่า ชาวต่างชาติทุกคนต้องเสียเงินในการฉีดวัคซีนเอง รองลงมา ร้อยละ 31.72 ระบุว่า ชาวต่างชาติที่เสียภาษีถูกต้องเท่านั้นที่ควรได้รับการฉีดวัคซีนฟรี ร้อยละ 25.72 ระบุว่า ชาวต่างชาติทุกคนควรได้รับการฉีดวัคซีนฟรี ร้อยละ 0.68 ระบุว่า ชาวต่างชาติกับรัฐบาลจ่ายคนละครึ่ง และร้อยละ 2.96 ระบุว่า ไม่ทราบ/ไม่ตอบ/ไม่สนใจ

รัฐบาล จัดเต็มลดต้น - ลดดอก - ลดเบี้ยปรับกยศ. ช่วยลูกหนี้ฝ่าวิกฤตโควิด พร้อมเร่งผลิตกำลังคนรองรับ 10 อุตสาหกรรมเป้าหมาย

นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ขณะนี้ กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) ได้ดำเนินการตามนโยบายรัฐบาลผ่านโครงการส่งเสริมการพัฒนาทุนมนุษย์ ระหว่างปีการศึกษา 2562 - 2566 สำหรับนักศึกษาผู้กู้ยืมเงินในระดับปริญญาตรี เมื่อสำเร็จการศึกษาในสาขาวิชาที่กำหนดจะคิดดอกเบี้ยอัตราไม่เกิน 0.5% ต่อปี และได้ส่วนลดเงินต้น 30% สำหรับนักเรียน/นักศึกษาผู้กู้ยืมเงินในระดับอาชีวศึกษา เมื่อสำเร็จการศึกษา ในสาขาวิชาที่กำหนดจะคิดดอกเบี้ยอัตราไม่เกิน 0.5% ต่อปี และได้ส่วนลดเงินต้น 50%

“นายกรัฐมนตรี ให้ความสำคัญในการสร้างโอกาสให้เด็กและเยาวชนไทยทุกคนโดยเฉพาะเด็กยากจนหรือเด็กด้อยโอกาส ให้เข้าถึงการศึกษา เพื่อผลิตกำลังคนใน 10 อุตสาหกรรมเป้าหมาย และ 3 โครงสร้างพื้นฐาน เพื่อป้อนกำลังคนในสาขาที่เป็นความต้องการในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษและวิชาชีพสาขาขาดแคลน ให้สอดคล้องกับแนวนโยบายไทยแลนด์ 4.0 และเศรษฐกิจ BCG โดยในปีการศึกษา 62 และ 63 มีนักศึกษาเข้าร่วมโครงการแล้ว 59,874 คนและ 65,217คน ตามลำดับ”

ทั้งนี้ ที่ผ่านมา กยศ. ยังได้มีมาตรการช่วยเหลือผู้กู้ยืมในช่วงโควิด-19 เช่น ได้กำหนดลดเบี้ยปรับ 100% สำหรับผู้กู้ยืมที่ค้างชำระหนี้และปิดบัญชีสิ้นสุด 30 มิ.ย. 2564 ลดเบี้ยปรับ 80% เฉพาะผู้กู้ยืมที่ยังไม่ถูกดำเนินคดีที่ชำระหนี้ค้างให้มีสถานะปกติสิ้นสุด 30 มิ.ย. 2564 ลดเงินต้น 5% สำหรับผู้กู้ยืมที่ไม่เคยผิดชำระหนี้และชำระหนี้ปิดบัญชีในคราวเดียวกันสิ้นสุด 30 มิ.ย. 2564 ลดอัตราเบี้ยปรับจาก 7.5% เหลือ 0.5% ถึง 30 มิ.ย. 2564 และพักชำระหนี้ให้แก่ผู้กู้ยืมที่มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 2 ปี (2563 - 2564)

รมว.แรงงงาน ติดตามระบบลงทะเบียน "ม33เรารักกัน" ออนไลน์วันแรก เผย แค่เที่ยงวัน ยอดพุ่งกว่า 5.6 ล้านคน มั่นใจข้อมูลไม่ตกหล่น ด้านสำนักงานประกันสังคม จัดเจ้าหน้าที่บริการทางสายด่วน 1506 ย้ำหมดเขต 7 มีนาคมนี้

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีกระทรวงแรงงาน เปิดเผยถึงภาพรวมการลงทะเบียนออนไลน์โครงการ ม33เรารักกัน ผ่านเว็บไซต์ www.ม33เรารักกัน.com ที่ได้เปิดลงทะเบียนในวันนี้เป็นวันแรก โดยเริ่มมาตั้งแต่เวลา 06.00 น.นั้นปรากฎว่า จนถึงเวลา 12.00 น. มีผู้ประกันตนมาตรา 33 ใช้สิทธิ์ลงทะเบียนผ่านระบบออนไลน์แล้วกว่า 5.6 ล้านคน โดยผู้มีสิทธิ์จะต้องเป็นผู้ประกันตนมาตรา 33 ก่อนวันที่ 15 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา

สำหรับการอำนวยความสะดวกแก่ผู้ประกันตนขณะนี้สำนักงานประกันสังคมได้จัดเจ้าหน้าที่ไว้คอยบริการข้อมูลทางโทรศัพท์กรณีผู้ประกันตนรายใดที่มีปัญหาติดขัดในการลงทะเบียนหรือจะสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับโครงการ ม33เรารักกัน สามารถโทรศัพท์มาได้ที่สายด่วนกระทรวงแรงงาน 1506 กด 1 สำนักงานประกันสังคม

นายสุชาติ กล่าวต่อว่า สำหรับโครงการ ม33เรารักกัน คณะรัฐมนตรีภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีมติเห็นชอบ เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2564 โดยรัฐบาลจะจ่ายเงินช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับสิทธิคนละ 4,000 บาท และได้มอบหมายให้กระทรวงแรงงานภายใต้การกำกับดูแลของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในวันนี้ผมในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน จึงได้มาติดตามความคืบหน้าผลการลงทะเบียนออนไลน์โครงการ ม33เรารักกัน ในวันนี้ซึ่งเป็นวันแรก ที่สำนักงานประกันสังคม

ข้อดีของโครงการ ม33เรารักกัน เนื่องจากสำนักงานประกันสังคมมีระบบฐานข้อมูลความเป็นผู้ประกันตนของนายจ้างและลูกจ้างแต่ละคนในระบบอยู่แล้ว จึงเชื่อมั่นว่ากรณีข้อมูลตกหล่นจะไม่เกิดขึ้นแต่อย่างใด รมว.แรงงานยังเน้นย้ำให้ผู้ประกันตนมาตรา 33 ที่มีคุณสมบัติครบ คือ มีสัญชาติไทย เป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 33 ไม่เป็นผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และไม่ได้รับสิทธิโครงการเราชนะ ไม่มีเงินฝากในสถาบันการเงินรวมกันเกิน 500,000 บาท ณ 31 ธ.ค.63 รีบลงทะเบียนได้ตั้งแต่วันนี้ เวลา 06.00 - 23.00 ไปจนถึงวันที่ 7 มีนาคม 2564 โดยลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ www.ม33เรารักกัน.com

และตรวจสอบการได้รับสิทธิ์ จากนั้น ธนาคารทำการตรวจสอบข้อมูลรวมทั้งประมวลผลคัดกรอง วันที่ 8 - 14 มี.ค.64 ตรวจสอบสถานะผู้ได้รับสิทธิผ่านทาง www.ม33เรารักกัน.com และกดยืนยันตัวตนผ่านแอพพลิเคชั่น‘เป๋าตัง’ วันที่ 15 - 21 มี.ค.64 ได้วงเงินผ่านแอปพลิเคชัน ‘เป๋าตัง’ครั้งละ 1,000 บาท รวมทั้งสิ้น 4,000 บาท ในวันที่ 22,29 มี.ค. และวันที่ 5,12 เม.ย.64 เริ่มใช้แอปพลิเคชัน ‘เป๋าตัง’จ่ายเงินสำหรับการซื้อสินค้าและบริการกับร้านค้าภายในโครงการเราชนะได้ตั้งแต่วันที่ 22 มี.ค. - 31 พ.ค.64

ส่วนการขอทบทวนสิทธิ วันที่ 15-28 มี.ค.64 ผู้ที่ไม่ผ่านการคัดกรองคุณสมบัติ จะสามารถขอทบทวนสิทธิผ่าน www.ม33เรารักกัน.com วันที่ 29 มี.ค.- 4 เม.ย.64 ธนาคารทำการตรวจสอบข้อมูลรวมทั้งประมวลผลคัดกรอง วันที่ 5 - 11 เม.ย.64 ตรวจสอบสถานะผู้ได้รับสิทธิผ่านทาง www.ม33เรารักกัน.com และกดยืนยันตัวตนผ่านแอพพลิเคชั่น‘เป๋าตัง’วันที่ 12,19 เม.ย.64 ได้วงเงินผ่านแอปพลิเคชัน ‘เป๋าตัง’ครั้งละ 2,000 บาท เริ่มใช้แอปพลิเคชัน ‘เป๋าตัง’จ่ายเงินสำหรับการซื้อสินค้าและบริการผ่านร้านค้า/ผู้ประกอบการ/บริการร้านธงฟ้าที่ใช้แอป "ถุงเงิน" โครงการคนละครึ่ง และโครงการเราชนะได้ตั้งแต่วันที่ 12 เม.ย.- 31 พ.ค.64

เยาวชนปลดแอก ประกาศปลุกมวลชน ต่อต้านเผด็จการอีกครั้ง พร้อมระบุ การต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยที่คนเท่ากัน การต่อสู้ที่ไม่มีใครเป็นเจ้าของ แต่ทุกคนเป็นเจ้าของ “ร่วมกัน”

เฟซบุ๊ก ‘เยาวชนปลดแอก - Free YOUTH’ โพสต์ข้อความ ว่า เตรียมปลุกมวลชนต่อสู้อีกครั้ง โดยระบุว่า

เรายืนอยู่ข้าง ๆ มวลชน เป็นส่วนหนึ่งเท่า ๆ กันกับทุกคน ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา การต่อสู้กับฝ่ายเผด็จการที่มีองคาพยพอยู่เพรียบพร้อมนั้น อาจทำให้ความท้อแท้ สิ้นหวังกัดกินหัวใจของใครหลายๆ คน แต่ขอทุกคนจงตระหนักไว้ว่า เราต้องการเพียงแค่ความสำเร็จ “1 ครั้ง” จากความล้มเหลว 100 ครั้ง

แต่หากจะเรียกว่าล้มเหลวก็อาจไม่ใช่เสมอไป เพราะนี่คือการชักเย่อระหว่างฝ่ายประชาธิปไตยและฝ่ายเผด็จการ ที่เราได้ดึงจุดศูนย์กลางของเชือกให้เข้าใกล้ฝั่งได้มากขึ้น แต่เพื่อให้แรงของการชักเย่อนั้นมากพอที่จะนำมาสู่ชัยชนะ เราจำเป็นต้องคิดหาวิธีใหม่ๆ ในการต่อสู้

การจับมือกันของประชาชนยังคงต้องเกิดขึ้น เพราะการต่อสู้ในตอนนี้ไม่ใช่การสู้เพียงเพื่อวันนี้ แต่เป็นการสู้เพื่ออนาคตที่ดีกว่าของลูกหลานของเรา อนาคตที่มีคุณภาพชีวิตที่ดี ความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจและอำนาจลดลง การมีขนส่งสาธารณะที่มีคุณภาพ การที่ทุกคนมีที่อยู่อาศัยที่เพียงพอไม่มีใครต้องนอนข้างถนน

แต่การจะนำไปสู่จุดนั้นได้ อาจต้องไม่ใช่แค่การลุกขึ้นของคนใดคนหนึ่ง หรือกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง แต่ต้องเป็นการลุกขึ้นหยัดยืนด้วยตัวของ “มวลชน”

เร็ว ๆ นี้เตรียมพบกับ! การต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยที่คนเท่ากัน การต่อสู้ที่ไม่มีใครเป็นเจ้าของ แต่ทุกคนเป็นเจ้าของ “ร่วมกัน”


ที่มา : https://www.facebook.com/FreeYOUTHth/posts/460185628763833

‘วราวุธ’ เผย ทีมแก้ปัญหาบ้านบางกลอย-ใจแผ่นดิน กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ขึ้นฮ. ดูพื้นที่ป่าแก่งกระจาน พบ ป่าถูกเผาเพิ่มอื้อ ทั้งที่เซ็นต์บันทึกความเข้าใจ ให้ลงมาเจรจาก่อน แต่ยังพบชาวบ้านฝ่าฝืนต่อเนื่อง

เมื่อวันที่ 21 ก.พ.นายยุทธพล อังกินันทน์ ที่ปรึกษารัฐ มนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เปิดเผยว่า จากการที่คณะทำงาน แก้ไขปัญหากรณีบ้านบางกลอย - ใจแผ่นดิน ที่นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้ตั้งขึ้น ลงพื้นที่ทำงานหาข้อมูลข้อเท็จจริงในพื้นที่ช่วง 2 - 3 วันนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งได้ขึ้นเฮลิคอปเตอร์ตรวจสอบพื้นที่จากทางอากาศและได้บันทึกภาพไว้และเมื่อนำมาประเมินเบื้องต้นพบว่า มีการบุกรุกป่าในบริเวณ บ้านบางกลอยบน - ใจแผ่นดินเพิ่มมากขึ้น

ทั้งที่มีการลงนามบันทึกข้อตกลงเพื่อแก้ไขปัญหากรณีดังกล่าวกันแล้วระหว่าง ตัวแทนของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตัวแทนขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (พีมูฟ) ตัวแทนภาคีเซฟบางกลอย และชาวกะเหรี่ยงบ้านบางกลอย แต่กลายเป็นว่ากลุ่มคนบางคนใช้บันทึกข้อตกลงดังกล่าวไปเป็นใบเบิกทางซึ่งถือเป็นพฤติกรรมไม่เหมาะสมและไม่สมควรเป็นอย่างยิ่ง เพราะพบว่ามีการล่าสัตว์ป่า เก้ง เลียงผา ซึ่งเจ้าหน้าที่จับกุม ผู้กระทำผิดได้พบหลักฐาน ซากสัตว์ ดินประสิว และลูกตะกั่วเป็นจำนวนมาก

โดยนายจงคล้าย วรพงศธร ผู้ตรวจราชการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้ลงพื้นที่พร้อมกับนายประยงค์ ดอกลำไย ตัวแทนขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (พีมูฟ) เข้าไปดูในพื้นที่จริง ด้วยกันโดยขึ้นเฮลิคอปเตอร์และพบว่ามีชาวบ้านเข้าบุกรุกป่าด้วยการแผ้วถาง และเผาป่า กว่า 100 ไร่ และตน ยังได้รับรายงานเมื่อช่วงบ่ายของวันเดียวกันนี้เพิ่มเติมด้วยว่า พบว่า มีการบุกรุกป่าเพิ่มเติมอยู่อีกและเห็นที่ชัดที่สุดคือ ตามซอกเขา หลายจุด จุดละประมาณ 15 ไร่เศษ แล้วนี่หรือคือการถอยคนละก้าวตามที่ได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจร่วมกัน มีแต่จะบุกรุกเพิ่มเติม ซึ่งคณะทำงานได้รายงานให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทส.ทราบแล้ว

ถ้าคนที่พยายามยังบุกรุกต่อไปไม่ยอมหยุดแล้วเจ้าหน้าที่ไม่สามารถที่จะทำอะไรได้ เชื่อว่าอาจจะต้องเกิดปัญหาขึ้น ซึ่งเราไม่ต้องการให้ถึงวันนั้น ฉะนั้นต้องรีบหาทางสรุปเรื่องนี้ให้ได้ ขอฝากถึงผู้ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายว่าจะต้องถอยคนละก้าว ตามที่ได้ตกลงกันไว้เพราะหากยังไม่ถอยคนละก้าว เราก็จะต้องเพิ่มมาตรการที่เข้มงวดขึ้น

อย่างไรก็ตามมีกลุ่มชาวบ้านอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติเพชรบุรี นำโดยน.ส.สุมล สุตะวิริยะวัฒน์ อดีต ส.ว.เพชรบุรี ร่วมกับสื่อมวลชนท้องถิ่นได้เข้าพบตน เพื่อเสนอข้อคิดเห็น ว่าพื้นที่ป่าแก่งกระจานไม่ใช่พื้นที่ของคนเมืองเพชรเพียงอย่างเดียวแต่เป็นทรัพยากรธรรมชาติของโลก และกำลังจะก้าวสู่มรดกโลก

เพราะฉะนั้นถ้าปล่อยประละเลยยังให้มีการบุกรุกเพิ่มเติมอย่างนี้ทางกลุ่มอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติเพชรบุรี ได้รวมตัวกันเพื่อเปิดเวทีเสวนาในวันจันทร์ที่ 22 กุมภาพันธ์ ที่ลานเวทีชาวบ้าน อาคารคุณแม่บุญรวม สวท.เพชรบุรี เรื่องเซฟแก่งกระจานปากของโลกเพื่อคนทั้งโลก ตั้งแต่เวลา 17.00 น. เป็นต้นไป เพื่อระดมสมองของชาวเพชรบุรีแล้วสรุปเพื่อทำหนังสือ ยืนต่อ นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรี ว่าการกระทรวงกลาโหม ในวันอังคารที่ 23 กุมภาพันธ์นี้ที่ทำเนียบรัฐบาล

ด้าน นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า ตนให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับวิถีชีวิตและวัฒนธรรม ขนบธรรมเนียมประเพณีของประชาชนทุกพื้นที่ของประเทศไทย การจะสืบสานประเพณีวัฒนธรรมใดก็แล้วแต่จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องปรับเปลี่ยนไปตามสภาพกาลเวลา และสภาพทรัพยากรของประเทศไทยที่เรามีอยู่จำกัดในทุกวันนี้ และต้องคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมและสภาพภูมิอากาศ

การที่ หลายฝ่ายลงนามในบันทึกความเข้าใจแล้วแสดงให้เห็นว่าเราถอยกันคนละก้าว ประชาชนชาวบ้านในพื้นที่บอกว่าขอให้เจ้าหน้าที่ถอนกำลังออกมาเพื่อมาเปิดโต๊ะเจรจากัน เจ้าหน้าที่ก็ถอยออกมาหมดแล้วและยังได้ขอชาวบ้านด้วยว่าเราต้องถอยกันคนละก้าว โดยต้องการให้ประชาชนชาวบ้านลงมาจากใจแผ่นดิน เพื่อมาพูดคุยกันแต่เมื่อผ่านไปได้เพียง 2 - 3 วัน เมื่อเจ้าหน้าที่ถอยลงมาแล้วแต่ชาวบ้านยังไม่กลับลงมา ยังมีภาพจากการสำรวจของคณะทำงานให้เห็นอีกว่า ทรัพยากรอันมีค่าของประเทศไทยถูกเผามากเพิ่มขึ้นอีก ไม่นับมลพิษทางอากาศที่เกิดขึ้น PM2.5 จากการเผาป่านับ 100 ไร่จะออกมาอีกปริมาณเท่าใด

ขอความเห็นใจจากพี่น้องประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ดังกล่าวว่าเราเข้าใจในสิ่งที่ทุกคนต้องดำรงชีพทำมาหากิน ซึ่งคณะทำงานแก้ไขปัญหาที่ไปจากกระทรวงและผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบุรี เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องต่างๆ ได้ทำฐานข้อมูลมีความคืบหน้าไปอย่างมากและได้รับความร่วมมือจากประชาชนเป็นส่วนใหญ่ ดังนั้นอีกไม่นานเราจะได้ฐานข้อมูลที่ชัดเจน และจะได้ดำเนินการเยียวยาให้ประชาชนกลุ่มที่เหลือเพียง 10% หรือ 100 กว่าคนเท่านั้น ที่เรายืนยันว่าจะต้อง ดำเนินการให้เสร็จภายในปีนี้

ผมเห็นคลิปจากที่คณะทำงานลงพื้นที่ส่งมาแล้วรู้สึกสลดใจมาก เศร้าใจและเสียใจมากที่เห็นพื้นที่ป่า พื้นที่ที่คนไทยอนุรักษ์หวงแหน และต้องการเห็นว่าเป็นมรดกโลก ถึงแม้ว่าพี่น้องกลุ่มหนึ่งใช้เหตุผลว่าเป็นพื้นที่ที่อยู่กันมานานแต่พื้นที่ทุกตารางนิ้วของประเทศไทยเป็นทรัพย์สมบัติของคนไทย โดยเฉพาะป่าแก่งกระจานที่อีกไม่นานเราจะผลักดันให้ขึ้นเป็นมรดกโลก

ดังนั้นกำลังจะกลายเป็นมรดกของคนทั้งโลก คนในพื้นที่ต้องตระหนักว่าทรัพยากรป่าที่กำลังอยู่อาศัยและเผาอยู่นั้น เป็นการเผามรดกของมวลมนุษยชาติของโลก อย่างไรก็ตามทางรัฐบาลจะเร่งหาวิธีเยียวยาให้ ถึงแม้ว่าที่ผ่านมาการแก้ปัญหาล่าช้าก่อนหน้าที่ผมจะเข้ามา ก็ต้องขอโทษในนามหน่วยงานของรัฐ แต่ขอให้กลับลงมาพูดคุยกัน แล้วขอให้หยุดการเผาป่า หยุดรุกที่ป่า แล้วจะหาวิธีเยียวยาให้ทุกคนมีพื้นที่ทำมาหากิน เหมือนกับพี่น้องประชาชนกว่า 1,000 ชีวิตที่เราได้เยียวยาไปแล้ว ส่วนใดที่เสื่อมโทรมก็จะไปแก้ไขให้ดีขึ้น แต่ขอให้หยุดการกระทำเช่นนี้ เพราะไม่เช่นนั้นเราจะไม่เหลือป่าไว้ให้ลูกหลาน

มาแน่ ! ‘อนุทิน’ โพสต์ภาพ วัคซีน Sinovac ล็อตจัดส่งประเทศไทย พร้อมย้ำ See you on Wednesday.

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข โพสต์ Facebook ส่วนตัว ปรากฏภาพ ของวัคซีน covid-19 จากบริษัท Sinovac ขณะเตรียมจัดส่งมายังประเทศไทย พร้อมข้อความว่า

Hello Sinovac Vaccines. Have a safe flight. See you on Wednesday!!!!!

(สวัสดีวัคซีน Sinovac ขอให้เดินทางปลอดภัย เจอกันวันพุธ)

#วัคซีนมาเดือนกุมภาตามเวลานะ

#ขอให้เดินทางมาถึงไทยโดยสวัสดิภาพ

ทั้งนี้ ยังมีการโพสต์ข้อความติดต่อด้วยภาษาจีนซึ่งแสดงให้เห็นถึงความพยายามอย่างสูงสุดที่จะใช้สัมพันธภาพทุกวิถีทางเพื่อให้ได้มาซึ่งวัคซีนอีกด้วย

‘มาดามเดียร์’ แจงเหตุ ส.ส.ดาวฤกษ์ ยังไม่พร้อม ต้องยกแถลงข่าว หลังผู้ใหญ่ในพรรคสั่งแถลงเหตุผล ปมสวนมติพรรคงดออกเสียงหนุน ‘ศักดิ์สยาม’

เมื่อวันที่ 21 ก.พ. น.ส.วทันยา วงษ์โอภาสี ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) แกนนำกลุ่มดาวฤกษ์กล่าวว่า ได้รับการประสานจากผู้ใหญ่ของพรรคพปชร.ให้ออกมาแถลงข่าว เรื่องการงดออกเสียงลงมติให้รัฐมนตรีพรรคร่วมรัฐบาล ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล แต่ส.ส.ทั้ง 6 คน ยังไม่พร้อม จึงขอเลื่อนการแถลงข่าวออกไปก่อนโดยที่ ส.ส.ในกลุ่มจะหารือกันเพื่อจัดทำคำแถลงข่าวออกมาอย่างเป็นทางการต่อไป

ด้าน น.ส.ธณิกานต์ พรพงษาโรจน์ ส.ส.กทม. พรรคพปชร.กล่าวว่า ตนติดภารกิจลงพื้นที่จึงไม่สามารถมาร่วมแถลงข่าวได้ทัน ส่วนเหตุผลที่งดออกเสียงกรณีของนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม เนื่องจากเป็นการตัดสินใจในทันทีโดยที่มีข้อมูลเข้ามาจำนวนมากจึงของดออกเสียงไว้ก่อน โดยไม่ทราบว่าการงดออกเสียงจะส่งผลต่อความไว้วางใจระหว่างพรรคร่วมรัฐบาล ถือเป็นบทเรียนของ ส.ส.ใหม่อย่างตน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สาเหตุที่พรรคพปชร.แจ้งแถลงข่าวด่วนและต่อมาได้แจ้งยกเลิก มีรายงานว่าผลจากที่ 6 ส.ส.กลุ่มดาวฤกษ์ โหวตสวนมติพรรคโดยงดออกเสียงให้กับนายศักดิ์สยาม

สร้างความไม่พอใจให้กับคนในพรรคภูมิใจไทย ทำให้แกนนำของทั้งสองพรรค ต้องต่อสายพูดคุยกัน โดยแกนนำพรรคพปชร.ยืนยันให้ส.ส. ยกมือโหวตสนับสนุนรัฐมนตรีจากพรรคร่วมรัฐบาล ขณะที่แกนนำพรรคภูมิใจไทยเข้าใจแต่ขอให้ ส.ส.ที่โหวตสวนมติออกมาแถลงข่าวแสดงความรับผิดชอบ ทำให้พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรค มอบหมายนายอนุชา นาคาศัย เลขาธิการพรรค ประสานส.ส.กลุ่มดังกล่าวให้ออกมาแถลงข่าว

แต่ ส.ส.ทั้ง 6 คน ปฏิเสธที่จะเดินทางมาแถลงข่าว ส่งผลให้ทางพรรคต้องยกเลิกกำหนดการอย่างกะทันหัน ทั้งนี้การแถลงข่าวในวันนี้พรรคภูมิใจไทย จะส่งตัวแทนมาฟังการแถลงข่าวของส.ส.ทั้ง 6 คนด้วย แต่สุดท้ายได้รับแจ้งว่าขอเลื่อนการแถลงข่าวออกไปก่อนจึงยกเลิก

สำหรับ ส.ส.กลุ่มดาวฤกษ์ 6 คน ประกอบด้วย นางกรณิศ งามสุคนรัตนา ส.ส.กทม. น.ส.ฐิติภัสร์ โชติเดชาชัยนันต์ ส.ส.กทม. น.ส.ธณิกานต์ พรพงษาโรจน์ ส.ส.กทม. น.ส.ภาดาท์ วรกานนท์ ส.ส.กทม. น.ส.วทันยา วงษ์โอภาสี ส.ส.บัญชีรายชื่อ และนายศิริพงษ์ รัสมี ส.ส.กทม.

 

‘อนุทิน’ วอน ฝ่ายการเมือง ให้คิดถึงบ้านเมือง ปมวิจารณ์วัคซีนโควิด อย่าเพียงจ้องเอาชนะคะคาน หวั่น วิจารณ์วัคซีนด้านลบจนสร้างอุปสรรคในการควบคุมโรค และทำให้การจัดหาวัคซีนยากลำบากขึ้น

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงความคืบหน้าในการจัดหาวัคซีนโควิด-19 ว่า ทางผู้ผลิตจากประเทศจีน รับรองแล้วว่าจะส่งวัคซีนในวันที่ 24 แน่นอน และยังแสดงความยินดี ที่ได้ช่วยเหลือภารกิจด้านสุขภาพของไทย นับว่าแผนการของไทย ยังไม่สะดุด จากนี้ ไทยจะได้วัคซีนต่อเนื่องตั้งแต่เดือนนี้เป็นต้นไป จะฉีดใคร พื้นที่ไหนบ้าง ให้เป็นไปตามการพิจารณาของคณะกรรมการที่รับผิดชอบ ซึ่งตนไม่แทรกแซง ทั้งตน และพลเอกประยุทธ์ จะได้รับการฉีดตอนไหน ก็เป็นไปตามดุลพินิจของคณะกรรมการ

ทั้งนี้ เมื่อวัคซีนมาถึง ทาง อย.และกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ต้องไปตรวจสอบเพื่อให้เกิดความมั่นใจ ก่อนปักลงบนแขนของคนไทย การได้วัคซีนมาแต่ละโดสนั้น ต้องแข่งขันกันสูงมาก แต่ทีมประเทศไทย ได้ทำงานหนักจนประสบความสำเร็จ เป็นเรื่องน่าชื่นชม

สิ่งที่ต้องการสื่อสารคือ หลายครั้งที่ฝ่ายการเมือง ทำให้เรื่องวัคซีน กลายเป็นความยากลำบากขึ้นไปอีก เพราะทางผู้ผลิต ก็ไม่ต้องการตกเป็นเหยื่อทางการเมือง ยิ่งไปกว่านั้น การให้ข่าวว่าวัคซีนที่ไทยนำเข้ามา มีประสิทธิภาพต่ำ มีผลข้างเคียง ทำให้ประชาชนเกิดความสับสน ทั้งที่ ข้อเท็จจริงคือ การฉีดวัคซีนนั้น ช่วยป้องกันอาการป่วยหนัก แทนที่จะสื่อสารเพื่อสร้างความมั่นใจ ให้ชาติปลอดภัย กลับเอาแต่นำเสนอด้านลบ จนสังคมเกิดความไม่มั่นใจ กลายเป็นอุปสรรคในการควบคุมโรค ตนต้องการให้ฝ่ายการเมือง นำเสนอเพื่อให้ชาติเดินหน้า ดีกว่ามุ่งทำทุกทางเพื่อเอาชนะคะคานกัน

ในประเด็นเรื่องการจัดหาวัคซีนซึ่งบางฝ่ายกล่าวว่ารัฐผูกขาด ล็อกสเป็ก ขอย้ำว่า ไทยพร้อมคุยกับผู้ผลิตทุกราย พร้อมขึ้นทะเบียน หากเป็นไปตามเงื่อนไข และพร้อมจัดหามาแน่นอน แต่ประเด็นคือ ผู้ผลิตหลายราย เสนอมอบวัคซีนในช่วงกลางปี ถึงปลายปี ซึ่งทับซ้อนกับช่วงที่ไทยจะได้วัคซีนจากผู้ผลิตฝั่งยุโรป

วัคซีน มีอายุขัยไม่นานนัก การเก็บไว้หลายเดือน จึงไม่เหมาะสม ดังนั้น ไทยจึงไม่ได้นำวัคซีนมาจนค้างสต็อก อีกอย่างคือ ไทยสามารถผลิตได้เองด้วย นับว่าไทยเป็นประเทศที่มีความมั่นคงทางสุขภาพอย่างยิ่ง


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top